หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – ตอนที่ 1058

ตอนที่ 1058

หนึ่งในใต้หล้า 大主宰
บทที่ 1058 เนตรดับชีวิตปะทะพัดหงส์ฟ้าน้ำแข็ง
เมื่อพัดขนนกน้ำแข็งปรากฏขึ้นในมือของไป๋หมิง

อุณหภูมิระหว่างสวรรค์กับโลกก็ลดฮวบลง มากจนกระทั่งเกล็ดหิมะโปรยปรายลงมา แรงกดดันที่อธิบายไม่ได้ค่อยๆ เล็ดลอดออกมา

“ไอ้มนุษย์นั่นบีบให้พี่ใหญ่ไป๋หมิงต้องใช้พัดหงส์ฟ้าน้ำแข็ง” เมื่อไป๋ปิงเห็นภาพนี้ ใบหน้าก็มืดครึ้มลง พัดหงส์ฟ้าน้ำแข็งเป็นของขวัญที่ผู้อาวุโสในเผ่ามอบให้แก่ไป๋หมิงเนื่องจากความเป็นอัจฉริยภาพของเขา ทว่าเมื่อเผชิญหน้ากับศัตรูธรรมดาไป๋หมิงไม่เคยคิดใช้ เขาจะใช้อาวุธนี้เฉพาะกับคู่ต่อสู้ในระดับที่เท่าเทียมกันเช่น ข่งหลิงเผ่านกยูงเก้าสีหรือจงชิงเฟิงเผ่าคุนเผิง

แต่ตอนนี้ไป๋หมิงถูกบีบให้ต้องนำออกมาเมื่อเผชิญหน้ากับมนุษย์ที่เพิ่งบรรลุระดับจื้อจุนขั้นเจ็ด ความหมายเบื้องหลังการกระทำนี้ชัดเจนมาก

มู่เฉินซึ่งพวกเขาดูถูกเหยียดหยามในตอนแรก มีพลังที่ไป๋หมิงไม่สามารถประมาทได้

“ไม่ว่ามันจะทรงพลังเพียงใด ก็ต้องจบลงตอนนี้แหละ!” ไป๋ปิงกัดฟันกรอดสายตาสาดไอชั่วร้าย พรสวรรค์และพลังที่มู่เฉินแสดงออกมาทำให้เขารู้สึกอิจฉา คนแบบนี้ในเมื่อเป็นศัตรูแล้ว พวกเขาก็ต้องกำจัดให้สิ้นซาก อัจฉริยะแบบนี้ต้องตายก่อนที่จะเติบใหญ่มากกว่านี้!

ด้วยพลังของไป๋หมิงที่อยู่ระดับจื้อจุนขั้นแปดบวกกับพัดหงส์ฟ้าน้ำแข็ง แม้แต่อสูรวิญญาณขั้นแปดก็จะถูกฆ่าทันที ไม่ต้องพูดถึงมู่เฉินเลย

อีกมุมหนึ่งจิ่วโยว หานซันและคนอื่นๆ ก็มองการต่อสู้ด้วยแววกังวลในดวงตา ตอนแรกพวกเขาคิดว่าไป๋หมิงจะใช้อาวุธในอีกสักพัก แบบนั้นมู่เฉินจะได้มีเวลาเตรียมตัวมากขึ้นอีกหน่อย แต่ใครจะคิดว่าไป๋หมิงจะชี้ขาดแบบนี้ เมื่อพบว่ามู่เฉินไม่ได้เป็นจอมยุทธ์ธรรมดา เขาก็ตัดสินใจนำอาวุธเสมือนมหสวรรค์ออกมาทันที

ด้วยอาวุธเสมือนมหสวรรค์ พลังในการต่อสู้ของไป๋หมิงจะเพิ่มขึ้นอย่างมาก

ไป๋หมิงยืนอยู่บนท้องฟ้าในขณะที่โบกพัดขนนกในมือเบาๆ สายตาอัดแน่นด้วยความเย็นเยือกเสียดแทงถึงแก่นกระดูก หลังจากพัดหงส์ฟ้าน้ำแข็งออกมาเขาก็ไม่ได้คิดจะพูดอะไรให้เปลืองน้ำลาย เทคลื่นหลิงลงไปภายในอย่างต่อเนื่อง

ครืน!

เมื่อสะบัดพัดหงส์ฟ้าน้ำแข็ง กระแสธารน้ำแข็งสีฟ้าก็กวาดออกอย่างยิ่งใหญ่เปลี่ยนท้องฟ้าให้กลายเป็นโลกน้ำแข็ง

พายุทอร์นาโดเย็นจัดส่งเสียงกระหึ่มขณะที่พุ่งเข้าใส่มู่เฉิน ในทางผ่านแม้แต่อากาศยังกลายเป็นน้ำแข็ง

กระแสธารเย็นยะเยือกบรรจุด้วยความผันผวนของคลื่นหลิงน่ากลัวอย่างยิ่ง ความเย็นนี้เป็นสิ่งที่แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นแปดยังไม่กล้าดูถูก นอกจากนี้กระแสธารยังไหลเร็วมาก เพียงลมหายใจเดียวก็พัดไปถึงร่างเทพสุริยะแล้ว

แคร็ก!

ชั้นน้ำแข็งหนากระจายออกไปอย่างรวดเร็วบนร่างเทพสุริยะ ไม่กี่อึดใจร่างใหญ่โตก็กลายเป็นรูปปั้นน้ำแข็งเสียแล้ว

ปัง!

แต่ชั้นน้ำแข็งหนาก็ปกคลุมได้เพียงชั่วครู่ ก่อนที่แสงสีทองรุนแรงจะระเบิดออกมาจากร่างเทพสุริยะ แตกสลายชั้นน้ำแข็งหนาจนแหลกลาญ

ร่างเทพสุริยะยืนตระหง่านบนท้องฟ้าขณะที่แสงสีทองมันวาวเปล่งประกายขึ้น แต่มู่เฉินที่ยืนอยู่ด้านบนใบหน้าก็ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นเคร่งเครียด เพราะเขารู้ชัดว่าตนเองใช้พลังงานจำนวนมหาศาลเพียงใดเพื่อทำลายชั้นน้ำแข็งเมื่อครู่

หลังจากใช้พัดหงส์ฟ้าน้ำแข็ง คลื่นหลิงเย็นเยือกของไป๋หมิงก็ยกระดับขึ้นหลายส่วน ในเวลาเดียวกันก็ยากที่จะรับมือมากขึ้น

สายตาของมู่เฉินวูบไหวก่อนที่จะประสานมือเข้าด้วยกันฉับพลัน แสงสีทองระเบิดออกก่อตัวเป็นคทาขวางฟ้าสองเล่มเบื้องหน้าร่างเทพสุริยะอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ซัดใส่ไป๋หมิงเต็มเหนี่ยว

ทว่าเผชิญหน้ากับการโจมตีที่ทำให้ตนเองต้องตกอยู่ในสภาพน่าอนาถก่อนหน้า ไป๋หมิงก็ไม่แม้แต่ยกคิ้วขึ้น เขาโบกพัดขนนกในมือ กระแสธารเย็นเยือกกวาดผ่าน คทาสีทองที่พุ่งเข้ามาก็ถูกเปลี่ยนเป็นน้ำแข็งทันทีก่อนที่จะระเบิด

“เขาแข็งแกร่งขึ้นมากจริงๆ พัดขนนกในมือเจ้านั่นไม่ธรรมดา” มู่เฉินหรี่ตาลง คลื่นหลิงที่ไป๋หมิงฝึกฝนหนาวเย็นสุดขั้วบวกกับพัดหงส์ฟ้าน้ำแข็งในมือก็ราวกับพยัคฆ์ติดปีก ตอนนี้แม้แต่ในหมู่จอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นแปด ไป๋หมิงก็ถือว่าต่อกรด้วยยากแล้ว

“ถ้านี่คือทั้งหมดที่แกมี ก็รอความตายมาถึงได้เลย”

ไป๋หมิงโบกพัดเบาๆ จ้องมองมู่เฉินด้วยสายตาไม่แยแสพลางพูดขึ้น เขาไม่รอมู่เฉินจะได้ตอบโต้อะไร พัดขนนกก็ยกขึ้นอย่างช้าๆ ลอยอยู่ที่เบื้องหน้า

ไป๋หมิงวาดตราประทับด้วยมือทั้งสอง คลื่นหลิงไร้ขอบเขตพรั่งพรูออกมาจากร่างกายทันทีเทลงบนพัดขนนกอย่างต่อเนื่อง

เมื่อคลื่นพลังงานหลั่งไหลเข้ามาไม่หยุด พัดก็ขยายตัว ในเวลาเพียงไม่กี่อึดใจก็ขยายขนาดไปเป็นร้อยจั้ง ตัวพัดค่อยๆ กลายเป็นน้ำแข็งที่ดูงดงามมาก

มองพัดขนนกที่ราวกับอัญมณี มู่เฉินก็รู้สึกเจ็บปวดรุนแรงไปทั่วร่างกาย สีหน้าเคร่งเครียดลงหลายส่วน เห็นได้ชัดว่าเขารู้สึกถึงภัยคุกคามรุนแรง

รัศมีเย็นเยือกเชี่ยวกรากกวาดออกมาจากพัดขนนก สีฟ้าเย็นยะเยือกก็ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินเข้มลึกซึ่งเต็มไปด้วยพลังการทำลายล้าง

สายตาเย็นเยือกของไป๋หมิงจับจ้องไปที่มู่เฉิน รอยยิ้มอัดแน่นด้วยจิตสังหารยกขึ้นที่มุมปาก

“พัดหงส์ฟ้าน้ำแข็ง หงส์ฟ้าน้ำแข็งสังหาร!”

ตราประทับในมือไป๋หมิงเปลี่ยนแปลงเร็วรี่ พัดขนนกเอียงลงช้าๆ ก่อนที่จะพัดลมใส่มู่เฉินที่อยู่ไกลออกไป

ตู้ม!

ฟ้าดินกลายเป็นหนาวเย็นและดำมืดทันที กระแสธารเย็นเยือกสีน้ำเงินเข้มที่ไม่มีที่สิ้นสุดกวาดออกมาจากพัด นอกจากนี้เมื่อไอเย็นส่งเสียงครางกระหึ่มก็กลายเป็นหงส์ฟ้าน้ำแข็งสีน้ำเงินเข้มที่มีขนาดประมาณหนึ่งพันจั้ง ไอเย็นเยือกที่ปกคลุมบนหงส์ฟ้าน้ำแข็งสามารถเปลี่ยนจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นแปดให้กลายเป็นรูปปั้นน้ำแข็งได้เลยทีเดียว

นอกลานประลอง ทุกคนตัวสั่นเทิ้มพร้อมกับความหวาดผวาฉายบนใบหน้า นั่นเป็นเพราะพวกเขารู้สึกได้ว่าคลื่นหลิงในร่างกายกำลังแสดงสัญญาณค่อยๆ แข็งตัวลง

พวกเขาเพียงแค่ได้รับผลกระทบจากกระแสไอเย็นสุดขั้ว หากพวกเขาเผชิญหน้ากับมัน บางทีพวกเขาอาจจะกลายเป็นรูปปั้นน้ำแข็งโดยไม่มีพลังใดๆ หลงเหลือ ก่อนที่หงส์ฟ้าน้ำแข็งสีน้ำเงินเข้มจะร่อนลงมาเสียอีก

“ช่างเป็นไอเย็นที่น่าสะพรึงกลัว!”

ใบหน้าของทุกคนซีดไปหมด ไป๋หมิงไม่ไว้หน้าจริงๆ เขานำพลังของพัดหงส์ฟ้าน้ำแข็งออกมาใช้ได้อย่างสมบูรณ์ การโจมตีนี้ ไม่ต้องพูดถึงมู่เฉิน แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นแปดอย่างข่งหลิงก็ต้องเผชิญหน้าอย่างเต็มกำลัง

“มันตายแน่!” ไป๋ปิงยิ้มกริ่ม แม้ว่ามู่เฉินจะค่อนข้างมีความสามารถ แต่ก็เป็นทุกขลาภในเวลาเดียวกันที่บีบให้ไป๋หมิงใช้กระบวนท่านี้

หงส์ฟ้าน้ำแข็งกวาดออกไป ใบหน้าของไป๋หมิงก็มืดดำลงเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าการโจมตีที่น่ากลัวทำให้เขาอ่อนเพลียมาก แต่ก็ถึงเวลาที่จะจบการต่อสู้นี้แล้ว

หวือ! หวือ!

หงส์ฟ้าน้ำแข็งกวาดเข้ามา พื้นผิวบนร่างกายของมู่เฉินก็ถูกปกคลุมไปด้วยน้ำแข็ง ไอเย็นเยือกที่เจ็บปวดเจาะกระดูกกัดกร่อนเข้ามาในร่าง แม้ว่าจะมีพลังกายทรงประสิทธิภาพก็ยังรู้สึกเจ็บปวดรวดร้าวสำหรับเขา

ถ้าปล่อยให้หงส์ฟ้าน้ำแข็งปะทะเข้ามาละก็ เขาได้กลายเป็นรูปปั้นน้ำแข็งแน่ แม้ว่าจะฝึกฝนกายามังกรหงส์ขั้นสองแล้วก็ตาม

ฮา

มู่เฉินพ่นลมหายใจออกมากลายเป็นน้ำแข็งที่เบื้องหน้าพร้อมกับตัวเขาค่อยๆ หลับตาลง

“ไม่คิดต่อต้านแล้วเรอะ?” พอเห็นท่าทางนั่น ไป๋หมิงก็หัวเราะเยาะ แต่รอยยิ้มก็อยู่เพียงชั่วครู่ก่อนที่เขาจะขมวดคิ้ว เขาเห็นเส้นแนวตั้งค่อยๆ เปิดเป็นม่านตาสีดำบนหน้าผากของมู่เฉิน

“นั่นคืออะไร?” คนอื่นๆ ที่ตกใจกับการโจมตีของไป๋หมิง เมื่อเห็นฉากนี้ก็ต้องร้องอุทาน

จิ่วโยวและพรรคพวกรู้สึกโล่งใจ ในที่สุดมู่เฉินก็นำเนตรดับชีวิตออกมาใช้ นี่เป็นอาวุธเสมือนมหสวรรค์เช่นกัน ด้วยสิ่งนี้เขาอาจจะสามารถป้องกันการโจมตีของไป๋หมิงได้

เมื่อเนตรดับชีวิตเปิดออกก็ครอบคลุมไปด้วยแสงสีดำลึกลับ มู่เฉินสะบัดนิ้ว กระแสคลื่นกวาดออกมาส่งเสียงฮึมฮัมซึ่งบรรจุด้วยคลื่นหลิงที่ไร้ขอบเขตและบริสุทธิ์ เมื่อคนอื่นเห็นฉากนี้ ดวงตาก็แทบจะถลนออกจากเบ้า เนื่องจากพวกเขาพบว่ากระแสคลื่นนี้เกิดจากของเหลวจื้อจุน

ตัดสินจากขนาดของเหลวจื้อจุนนี้ต้องมีอย่างน้อยล้านหยด

ตราประทับของมู่เฉินเปลี่ยนแปลงเร็วจี๋ แรงดูดทรงพลังระเบิดออกจากเนตรดับชีวิตราวกับวาฬสูบน้ำ กลืนกินของเหลวจื้อจุนเข้าไปทั้งหมด

เมื่อของเหลวจื้อจุนล้านหยดซึมซาบลงไปในเนตรดับชีวิต แรงกระเพื่อมสีดำที่ผันผวนก็ราวกับหลุมดำเมื่อมองจากระยะไกล

“ก็แค่มายากล!”

เมื่อไป๋หมิงเห็นภาพนี้ ดวงตาก็หดลงแวบหนึ่ง แต่จากนั้นก็ยิ้มเย็นเยือก ไม่ว่ามู่เฉินจะทำแบบไหน เขาก็สามารถเอาชนะได้ด้วยกระบวนท่านี้แน่

ฮึ่ม! ฮึ่ม!

รัศมีทรงกลดสีดำเปล่งออกมาจากเนตรดับชีวิต ก่อนที่มู่เฉินจะเปิดดวงตาขึ้นในขณะนี้ เมื่อเขาลืมตามือทั้งสองก็วาดกระบวนท่า “เนตรดับชีวิต แสงเทพดับชีวิต!”

ม่านตาสีดำเปิดกว้าง ทันใดนั้นโดยรอบก็มืดฟ้ามัวดิน แสงทั้งหมดเหมือนจะถูกกลืนกินโดยดวงตาแนวตั้งนั่น

ลำแสงสีดำขนาดใหญ่ยิงออกมาจากรูม่านตา

ลำแสงสีดำมืดมนน่าสะพรึงกลัว ไม่มีคลื่นหลิงรุนแรงผันผวนออกมา แต่เมื่อแสงยิงออกไป ทุกคนในบริเวณนี้ก็รู้สึกว่าหัวใจของพวกเขาเย็นเยือกและหนังหัวลุกชันไปหมด

พวกจิ่วโยวก็มีสีหน้าเคร่งเครียด ลำแสงที่ออกมาจากเนตรดับชีวิตครั้งนี้แข็งแกร่งยิ่งกว่าตอนที่สังหารอสูรวิญญาณขั้นแปดเสียอีก!

เพียงแต่ไม่รู้ว่าการโจมตีนี้จะสามารถต้านทานการโจมตีที่น่ากลัวของไป๋หมิงได้หรือไม่?

อาวุธเสมือนมหสวรรค์ชิ้นไหนจะทรงพลัง คงสามารถบอกได้หลังจากที่ปะทะกันในกระบวนท่านี้

ภายใต้สายตากระวนกระวายใจ ลำแสงสีดำก็ทะลุผ่านเส้นขอบฟ้าก่อนที่จะปะทะกับหงส์ฟ้าน้ำแข็งที่ทะยานเข้ามา

พริบตานั้นทั้งสวรรค์และโลกก็เงียบสนิท

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler ฟรี ได้ที่ novel-fast 


เรื่องย่อ

โดย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler บางส่วนของนิยาย

บทนำ

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป

‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้

แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์

แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว

ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ

เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง?

ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน…

เรื่องย่อ

เมื่อคำพูดของมู่เฉินกระจายออกไป ไม่เพียงแต่จะไม่มีการตอบสนอง แม้แต่ด้านนอกเจดีย์ก็ถูกห่อหุ้มด้วยบรรยากาศราวกับป่าช้า…

ทุกคนตกตะลึงไปกับฉากนี้ พวกเขาจ้องมองจุดที่ลู่สุยหายตัวไป ราวกับว่ายังไม่สามารถฟื้นจากอาการตะลึงงันที่เกิดขึ้นได้

ก่อนหน้าเมื่อลู่สุยออกกระบวนท่าที่น่าสะพรึง ผู้คนส่วนใหญ่ก็คิดว่าผลลัพธ์ของการต่อสู้ได้ถูกกำหนดแล้ว ทว่าพวกเขาไม่คิดเลยว่ามู่เฉินจะพลิกสถานการณ์ได้อีกครั้ง เตะลู่สุยที่เหมือนจะคว้าชัยชนะออกไป

ทุกคนตะลึงไปพักใหญ่ ก่อนที่พวกเขาจะหลุดออกจากอาการได้ สายตาเคร่งเครียดลง การประลองกันครั้งนี้มู่เฉินไม่ได้ใช้ค่ายกล แต่เขาก็สามารถเอาชนะจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดอย่างลู่สุยได้ด้วยความแข็งแกร่งที่อยู่ในขั้นหกเท่านั้น แม้ว่าจะมีผลจากลู่สุยประมาทเองในตอนแรก แต่นั่นก็แสดงให้เห็นว่ามู่เฉินน่ากลัวแค่ไหน

พลังเช่นนี้เขาสามารถเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์อันดับต้นๆ ในเจดีย์ฝึกพลังกายได้เลยทีเดียว

ทางฝั่งกลุ่มกระเรียนฟ้า ใบหน้าของหลิ่วชิงกลายเป็นเขียวสลับขาว นางมองไปที่ร่างสูงโปร่งบนหน้าจอ กลืนน้ำลายเหนียวหนืด ความกลัวปรากฏในดวงตาของนางเป็นครั้งแรก

มาถึงจุดนี้นางคงโง่แน่ถ้ายังคิดปฏิบัติต่อมู่เฉินเหมือนกับจอมยุทธ์ขั้นหกทั่วไป

ด้วยพลังในการต่อสู้ที่เขาแสดงออกมา บวกกับค่ายกลทรงพลัง แม้แต่จงเถิงก็ยากจะได้เปรียบหากพวกเขาต่อสู้กัน

ก่อนหน้านี้นางหัวเราะเยาะและมองจิ่วโยวด้วยความดูถูก แต่ตอนนี้นางอายแทบแทรกแผ่นดินหนี ซึ่งจุดนี้รู้ได้จากสายตาเยาะเย้ยเหล่านั้นที่ปรายมองเข้ามา

“ทำไมมู่เฉินถึงทรงพลังเช่นนี้?” จงฮั้วที่พ่ายแพ้ให้กับมู่เฉินก็มีสีหน้าเคร่งขรึมเช่นกัน ก่อนหน้านี้เขาเคยคิดเช่นกันว่ามู่เฉินพึ่งพาเพียงค่ายกลเพื่อจัดการกับศัตรู แต่ใครจะคิดว่าเมื่อไม่มีการใช้ค่ายกลมู่เฉินก็สามารถเอาชนะลู่สุยแบบดุร้ายยิ่งกว่าอะไร

“ดูเหมือนว่ามีเพียงพี่ใหญ่จงเถิงเท่านั้นที่สามารถจัดการกับเขาได้” จอมยุทธ์อีกคนของเผ่ากระเรียนฟ้าพยักหน้า

หลิ่วชิงพยักหน้าเบาๆ ไม่เพียงแต่พวกเขาจะพิจารณาพลังของมู่เฉินพลาดไปเท่านั้น แม้แต่จงเถิงก็ตัดสินอีกฝ่ายผิดไป ชายคนนั้นเป็นสัตว์ประหลาดอย่างแท้จริง

ฟิ้ว!

ขณะที่นอกเจดีย์ต่างตกตะลึงกับผลลัพธ์ที่มู่เฉินนำมา ทันใดนั้นแสงก็กะพริบบนแท่นนอกเจดีย์ ร่างน่าสังเวชปรากฏขึ้น

เมื่อร่างนั้นออกมาก็รีบถอยกลับไปปรากฏตัวขึ้นในกลุ่มอีกาสายฟ้าทันควัน นี่ก็คือลู่สุยที่มีสีหน้าซีดขาว คลื่นหลิงของเขาถดถอยลงอย่างมาก

สายตาโดยรอบยิงเข้าหาในเวลานี้ทันที

ใบหน้าของลู่สุยเขียวคล้ำ สายตาเกลียดชังมองไปที่มู่เฉินที่อยู่บนหน้าจอ ก่อนที่จะหันหัวสาดสายตาดุร้ายใส่จิ่วโยวและมั่วหลิง ที่ข้างๆ พรรคพวกของเขาก็มีท่าทางไม่ดีเช่นกัน

ทว่าจิ่วโยวไม่กลัวที่จะเผชิญหน้ากับสายตาเหล่านั้น นางเค้นเสียงอย่างเย็นชา “ลูกหมาที่ถูกฟาดยังกล้าที่จะออกมาแยกเขี้ยวอีกเหรอ?”

ตอนนี้ลู่สุยบาดเจ็บสาหัส สูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไปหมด ส่วนคนที่เหลือก็ไม่มีอะไรต้องกลัว หากพวกเขากล้าที่จะคิดบัญชีกับพวกนาง จิ่วโยวก็ไม่คิดปล่อยพวกเขาไว้เป็นภัยคุกคามในอนาคตหรอก

สายตาแสดงความเกลียดชังของลู่สุยจ้องเขม็งอยู่ที่จิ่วโยว แต่สุดท้ายเขาก็ต้องถอนสายตาออกไปอย่างไม่เต็มใจ ก่อนที่จะถอยกลับนั่งลงบนซากปรักหักพังเข้าสมาธิเพื่อฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ

จอมยุทธ์กลุ่มอีกาสายฟ้าก็ปรากฏรอบตัวเขาเพื่อปกป้อง

เมื่อจิ่วโยวเห็นการตอบสนองนั่น นางก็ไม่ได้ใส่ใจกับพวกเขาอีก นางมองไปที่หน้าจออีกครั้งโดยพุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่ร่างเงาอ่อนเยาว์ มือที่กำแน่นผ่อนคลายลง

เห็นได้ชัดว่านี่เป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงสำหรับนางที่มู่เฉินจะเอาชนะได้เด็ดขาดแบบนี้ นั่นเป็นเพราะตามการประเมินของนางแม้ว่ามู่เฉินจะยืนยงอยู่ได้ก็เป็นยากที่จะเอาชนะลู่สุยด้วยขุมพลังจื้อจุนขั้นหกและถ้าการต่อสู้ถูกลากไปจนสุดอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบคาดไม่ถึง

ทว่าผลลัพธ์สุดท้ายที่ได้ก็ทำให้นางทั้งประหลาดใจและดีใจ

เห็นได้ชัดว่ามู่เฉินได้รับประโยชน์มหาศาลจากสามชั้นแรกของเจดีย์ฝึกพลังกาย ไม่เช่นนั้นเขาไม่สามารถแสดงพลังเป็นที่ประจักษ์เช่นนี้ได้

“ว่ากันว่าในชั้นสี่มหัศจรรย์กว่านี้มาก หากใครสามารถเข้าไปได้ พวกเขาจะสามารถได้รับผลประโยชน์เกินกว่าสามชั้นแรกมาก…”

จิ่วโยวยิ้มบาง ดูจากสถานการณ์ปัจจุบันไม่น่ามีปัญหาใดๆ ที่มู่เฉินจะเข้าสู่ชั้นสี่ สำหรับมั่วเฟิงความแข็งแกร่งของเขาเป็นหนึ่งในอันดับต้นของกลุ่มที่เข้าไป ดังนั้นจึงไม่ยากสำหรับเขาที่จะได้หนึ่งในห้าที่นั่งนี้ไปเช่นกัน

ดูเหมือนว่าการเดินทางมาที่เจดีย์ฝึกพลังกายโบราณครั้งนี้เผ่าวิหคโลกันตร์อาจเป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

บนลานเมฆสายฟ้า

ไม่มีใครตอบคำถามของมู่เฉิน ขณะนี้แม้แต่จอมยุทธ์ทรงอำนาจอย่างหานซันและสีคุนก็ยังรู้สึกหวาดระแวงมู่เฉินอยู่บ้าง ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกที่จะไม่ไปปะทะกับมนุษย์ผู้นี้

ดังนั้นคนทั้งหมดที่อยู่ที่นี่จึงเงียบลง ก่อนที่จะถอยออกจากรัศมีโดยรอบมู่เฉินอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณบอกว่าพวกเขาไม่ต้องการต่อสู้กับเขา

เมื่อมู่เฉินเห็นภาพนี้ก็ไม่มีอารมณ์ใดบนใบหน้า แต่ในใจกลับรู้สึกโล่งอก คนอื่นๆ เห็นเพียงฉากการต่อสู้ตระการที่เขาเอาชนะลู่สุยได้ แต่พวกเขาไม่รู้หรอกว่าหมัดที่เขาชกออกไปก่อนหน้านี้คือพลังงานส่วนเกินจากสามชั้นแรก

ร่างกายของมู่เฉินก่อนหน้าเปรียบเสมือนฟองน้ำที่ดูดซับน้ำจนถึงขีดจำกัด หมัดของเขาจึงเท่ากับบีบน้ำออกจนหมด ทำให้ร่างกายที่อัดแน่นกลับสู่สภาพเดิม

ดังนั้นถ้าให้เขาโจมตีแบบนั้นอีกครั้ง พลังก็จะไม่ทรงประสิทธิภาพเหมือนเมื่อครู่แน่นอน

ประสิทธิผลพิเศษชนิดนี้ของการสะสมพลังงานในร่างกายเป็นทักษะที่ได้มาจากกายามังกรหงส์ ด้วยวิธีนี้เขาจะได้รับผลลัพธ์ที่ไม่มีใครคาดคิดไว้ กลายเป็นไพ่ลับอีกใบหนึ่ง

“คัมภีร์หลงเฟิ่งทรงพลังจริงๆ”

แม้แต่มู่เฉินก็ยังชื่นชมในสิ่งนี้ คัมภีร์หลงเฟิ่งสมแล้วที่เป็นทักษะยอดเยี่ยมแท้จริง จากการประเมินของเขาคัมภีร์นี้ต้องอยู่ในระดับเสินทงแน่นอน ซึ่งไม่ธรรมดาแม้จะอยู่ในกลุ่มวิทยายุทธระดับเสินทงด้วย

มู่เฉินชื่นชมก่อนที่จะใจเย็นลง แม้ว่าตอนนี้จะไม่มีใครท้าทายเขา แต่เขาก็ไม่ตั้งใจที่จะท้าทายคนอื่นด้วยเช่นกัน เขายืนนิ่งบนตำแหน่งตนเองรอผลการคัดออก

สำหรับจงเถิง มู่เฉินรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นพวกยุแยงให้ลู่สุยมาปะทะกับเขา แต่เนื่องจากตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ดีในการจัดการ เขาจึงได้แต่ผลักแผนไปก่อน

แต่ถึงกระนั้นสายตาคมกล้าของมู่เฉินก็ยังจ้องเขม็งไปที่จงเถิง รอบตัวเต็มไปด้วยคลื่นหลิงราวกับเสือดาวที่กำลังจะจ้องตะครุบเหยื่ออัดแน่นด้วยภัยคุกคาม

เมื่อเห็นท่าทางของมู่เฉิน จงเถิงที่ประจันหน้ากับมั่วเฟิงก็รู้สึกอึดอัดใจ เขาต้องแยกสมาธิอยู่ตลอดเพื่อจับตามองมู่เฉิน ป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายเคลื่อนไหวมาประสานพลังกับมั่วเฟิง

ด้วยวิธีนี้สมาธิของจงเถิงจึงค่อนข้างฟุ้งซ่าน สุดท้ายเขาได้แต่กัดฟัน ถอนคลื่นหลิงและถอยออกจากบริเวณของมั่วเฟิง

“พี่มั่วยากสำหรับการต่อสู้ของเราที่จะได้ข้อสรุป ทำไมเราไม่ไปจัดการคนอื่นและรับที่นั่งมาล่ะ?” ขณะที่จงเถิงถอยกลับเสียงก็สะท้อนก้องไปด้วย

มั่วเฟิงจ้องมองจงเถิงอย่างไม่แยแสก่อนที่จะพยักหน้า นั่นเป็นเพราะเขารู้ว่าหากพวกเขายังอยู่ในสถานการณ์ยืนจ้องหน้ากันก็จะไม่เกิดผลลัพธ์ใด หากเขาร่วมมือกับมู่เฉิน พวกเขาอาจทำให้จงเถิงบ้าดีเดือดขึ้นมา แม้แต่พวกเขาก็ต้องจ่ายราคามหาศาลจากการตีโต้

ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับพวกเขาคือการได้ที่นั่งเพื่อเข้าสู่ชั้นสี่

เมื่อจงเถิงเห็นคำตอบของมั่วเฟิงก็รู้สึกโล่งใจในใจ เขาถอยกลับอย่างรวดเร็วออกจากจุดที่มู่เฉินและมั่วเฟิงอยู่ เขาครุ่นคิดสั้นๆ ก่อนจะเลือกปะทะกับคนที่อ่อนแอกว่า

พอมู่เฉินเห็นจงเถิงไปแล้วก็ไม่ได้ใส่ใจอีกต่อไป สายตาหันมามองมั่วเฟิงแล้วก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้มแสดงความขอบคุณในการช่วยเหลือครั้งนี้

สายตาของมั่วเฟิงเป็นมิตรมากขึ้น คิดว่าการที่มู่เฉินเอาชนะลู่สุย ทำให้มั่วเฟิงมองมู่เฉินในฐานะจอมยุทธ์ที่อยู่ในระดับเดียวกันกับเขา ดังนั้นจึงไม่ได้มีท่าทางเฉยเมยเหมือนเมื่อก่อน

มั่วเฟิงพยักหน้าให้มู่เฉิน ก่อนที่จะหันหลังกลับและเริ่มเลือกคู่ต่อสู้ของตนเอง

ครืน!

เมื่อทุกคนเลือกคู่ต่อสู้แล้ว ทันใดนั้นคลื่นหลิงก็ระเบิดรุนแรงบนลานเมฆสายฟ้า คลื่นกระแทกกวาดออก ทำให้มิติเกิดการสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นไม่หยุด

บนลานเมฆสายฟ้าพลังงานหลิงกวาดหายนะ มีเพียงตรงมู่เฉินเท่านั้นที่ไม่ถูกรบกวน เนื่องจากไม่มีใครกล้าเหยียบเข้ามาในรัศมีพันจั้ง ยามนี้เขาเหมือนผู้ชมที่ดูการต่อสู้ติดขอบ ในเวลาเดียวกันก็บันทึกกระบวนท่าที่ทรงพลังของบางคนไว้ในสมอง

แม้ว่าในชั้นนี้พวกเขาอาจไม่ได้ประลองกัน แต่ก็ยังมีอีกสองชั้นรอพวกเขาอยู่ ใครจะสามารถรับประกันได้ว่าจะไม่มีการลดจำนวนลงในชั้นต่อไป?

ดังนั้นถ้ามีโอกาสเขาต้องพยายามจดจำข้อมูลผู้อื่นเก็บไว้

ภายใต้การสังเกตของมู่เฉิน การประลองบนลานเมฆสายฟ้าก็คงอยู่ชั่วระยะหนึ่ง ก่อนที่แต่ละคู่จะมาถึงจุดสิ้นสุด ผลลัพธ์ก็เป็นไปตามที่คาดไว้

หลังจากมู่เฉินก็เป็นหานซันที่เอาชนะคู่ต่อสู้ได้ที่นั่งที่สองไป

จากนั้นมั่วเฟิงและจงเถิงก็คว้าชัยชนะตามมา

ที่นั่งสุดท้ายตกเป็นของสีคุนที่ก่อนหน้านี้เคยแพ้หานซันที่ด้านนอกเจดีย์ ชายนี้มีความแข็งแกร่งที่น่าตกใจ แม้แต่หานซันยังต้องใช้ทักษะเต็มที่ถึงจะได้รับชัยชนะมา

เมื่อสีคุนได้รับที่นั่งสุดท้ายลานเมฆสายฟ้าขนาดใหญ่ก็เงียบลงอีกครั้ง ร่างทั้งห้ายืนอยู่ ขณะรัศมีไร้ขอบเขตทั้งห้าสายพุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าชนกันเปรี้ยงปร้าง

ทว่าการชนกันก็ดำเนินไปเพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ ก่อนที่ทั้งห้าจะถอนคลื่นพลังพร้อมกัน พวกเขาเหลือบมองกันและกัน จากนั้นก็ไม่ลังเลทะยานออกไปปรากฏตัวบนเบาะทั้งห้า

สายตาพวกเขาพุ่งตรงไปยังมิติด้านหลังลานเมฆสายฟ้าด้วยความโลภ ตรงนั้นเส้นดาวหางจำนวนมากกวาดผ่านราวกับฝนดาวตก

ในแสงเหล่านั้นแก่นหยดสายฟ้ากำลังกะพริบด้วยความแวววาว


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท