หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – ตอนที่ 1061

ตอนที่ 1061

หนึ่งในใต้หล้า 大主宰
บทที่ 1061 อำนาจหมัดปีศาจ
ครืน!

พายุทอร์นาโดสีแดงเลือดกดลงมา ดวงตาของมู่เฉินก็เปิดออก ไม่มีความกลัวใดๆ ในม่านตาสีดำ ตรงกันข้ามกลับมีประกายแสงลุกโชนให้เห็นได้ชัดจนใจสั่น

แววตาลุกโชนนั้นราวกับปรารถนาในการเดิมพันชีวิตและความตาย

การแสวงหาชีวิตท่ามกลางความตายต้องใช้ความกล้าหาญที่จะเสียสละตัวเอง หากไม่มีความกล้าหาญที่จะเสียสละตัวเองและขี้ขลาด เขาจะแสวงหาชีวิตท่ามกลางความตายได้อย่างไรเล่า?

มู่เฉินลุกขึ้นยืนช้าๆ ในหลุมลึก คลื่นหลิงไร้ขอบเขตรอบตัวค่อยๆ จางหายถูกแทนที่ด้วยรัศมีโลหิตที่ควบแน่นอยู่รอบตัว

รัศมีนี้เต็มไปด้วยจิตสังหารที่น่ากลัวและโหดร้ายอย่างยิ่ง ราวกับว่าเขาต้องการเสี่ยงทุกอย่าง ใช้ชีวิตในการแก้สถานการณ์สิ้นหวังตรงหน้า!

จิตสังหารที่น่าอัศจรรย์พุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า ก่อตัวเป็นพายุทอร์นาโดรอบๆ ร่างมู่เฉิน กระทั่งก้อนหินขนาดใหญ่ที่อยู่โดยรอบก็แตกเป็นฝุ่นล่องลอยไปตามกระแสลม

“เกิดอะไรขึ้น?!”

คนอื่นที่ยืนอยู่ด้านนอกลานประลองเมื่อเห็นฉากนี้ใบหน้าก็เปลี่ยนไป ดวงตาเต็มไปด้วยความตกใจ พวกเขาจ้องมองจิตสังหารซึ่งห่อหุ้มร่างมู่เฉินก็อดไม่ได้ที่ดวงตาจะหดลง

นั่นเป็นเพราะจิตสังหารโหดร้ายนั่นทำให้หนังหัวของพวกเขาลุกชัน

รัศมีที่ถูกปล่อยออกมาจากมู่เฉิน ทำให้พวกเขาไม่สงสัยเลยว่าชายคนนั้นตั้งใจจะเสี่ยงชีวิต แม้ว่าเขาจะต้องเผชิญหน้ากับการตกอยู่ในนรก เขาก็จะลากคู่ต่อสู้ลงไปด้วย

นั่นเป็นการกระทำของคนบ้าชัดๆ!

หลายคนใบหน้าซีดขาวกับรัศมีของมู่เฉิน พวกเขาใช่ว่าไม่เคยเห็นคนโหด แต่น้อยมากที่จะเห็นใครมีรัศมีโหดเหี้ยมเหมือนมู่เฉินในตอนนี้

“นั่นคือรัศมีหมัดอย่างหนึ่ง! ต้องไม่ใช่เพลงหมัดของวิทยายุทธระดับเสินซู่แน่นอน!” หลายคนมีสายตาเฉียบคม พวกเขาไตร่ตรองชั่วครู่ก่อนร้องอุทานด้วยความตกใจ

ไม่ใช่เพลงหมัดของวิทยายุทธระดับเสินซู่? นั่นหมายความว่าวิชานี้เกินขอบเขตของระดับเสินซู่ไปแล้ว และอะไรคือวิทยายุทธที่เหนือกว่า? นั่นคือขอบเขตของวิทยายุทธระดับเสินทง!

พลังที่มีเพียงจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนเท่านั้นที่จะครอบครองได้!

นั่นก็หมายความว่ามู่เฉินกำลังใช้เพลงหมัดระดับเสินทงรึ?!

ดวงตาทุกคนวาวโรจน์เมื่อจ้องมองที่มู่เฉิน นั่นคือวิทยายุทธระดับเสินทงแม้กระทั่งในเผ่าของพวกเขาก็เป็นสมบัติที่หายากยิ่ง หากไม่ใช่จอมยุทธ์ที่มีคุณูปการต่อเผ่า แม้แต่ผู้อาวุโสเผ่ายังไม่สามารถเข้าถึงได้

แต่ตอนนี้มู่เฉินกลับครอบครองวิชาดังกล่าวแล้วพวกเขาจะไม่อิจฉาได้อย่างไร?

“หมัดระดับเสินทง?”

เวลาเดียวกันไป๋หมิงที่อยู่บนท้องฟ้าก็จ้องมองมู่เฉินด้วยหัวใจสั่นเทิ้ม ความไม่เชื่อปรากฏบนใบหน้าดุร้ายเป็นครั้งแรก

เผ่าหงส์ฟ้าก็มีวิทยายุทธระดับเสินทงเหมือนกัน แต่มีเพียงผู้อาวุโสบางส่วนเท่านั้นที่สามารถฝึกฝนได้ แม้เขาจะน้ำลายสอมานาน แต่ก็ไม่สามารถเข้าถึง

แต่ตอนนี้…วิทยายุทธระดับเสินทงกลับอยู่กับมนุษย์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดเท่านั้น!

“แกทำให้ข้าตกใจจริงๆ ฮึ่ม วิชาหมัดระดับเสินทงรึ? ดี เมื่อไรที่ข้าจัดการแกได้ สมบัติทั้งหมดของแกจะเป็นของข้า!” แต่ตอนนี้เป็นไปไม่ได้ที่ไป๋หมิงจะถูกมู่เฉินกำราบ นอกจากนี้แม้ว่าวิทยายุทธระดับเสินทงจะทรงพลัง แต่ก็ยากมากที่จะฝึกฝน ซึ่งเป็นเหตุผลหนึ่งที่ว่าทำไมเขาถึงไม่สามารถรับการถ่ายทอดวิทยายุทธระดับเสินทงของเผ่าได้

ดังนั้นเขาก็ไม่เชื่อว่ามู่เฉินจะสามารถฝึกฝนได้ด้วยขุมพลังจื้อจุนเจ็ด!

“ตาย!” ไป๋หมิงคำรามขณะที่กางกรงเล็บออก พายุทอร์นาโดสีแดงเลือดที่โอบล้อมมู่เฉินส่งเสียงครามกระหึ่ม แรงผลักดันราวกับต้องการทำลายล้างโลก

ตู้ม! ตู้ม!

พายุทอร์นาโดเย็นเยือกกวาดลงมาพร้อมกับรัศมีที่น่าตกใจ ขยายตัวอย่างรวดเร็วในม่านตามู่เฉิน เขาเงยหน้าขึ้นก่อนที่จะกำหมัดแน่น พายุที่ปกคลุมเขาไว้ทวีความรุนแรงยิ่งขึ้นโดยมีจิตสังหารโหดร้ายพุ่งสูงขึ้นสู่ท้องฟ้า

ดวงตาของมู่เฉินค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีแดง จากนั้นหมัดที่กำแน่นก็ชกออกไป

หมัดนี้เรียบง่ายมากราวกับว่าชกออกไปโดยไม่ตั้งใจ แต่เมื่อมู่เฉินชกหมัดออกไป ฟ้าดินก็สั่นคลอน ทุกคนสามารถเห็นรัศมีโลหิตรอบๆ มู่เฉินรวมตัวกันอย่างบ้าคลั่งบนกำปั้น ก่อนที่จะพุ่งออกไป

วิทยายุทธระดับเสินทง หมัดปีศาจพลีชีพ!

ฮึ่ม!

ริ้วแสงโลหิตพวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า หมัดสีแดงเข้มขนาดใหญ่ก่อตัวขึ้น ประหนึ่งว่าหมัดสร้างขึ้นจากความกล้าหาญและความแข็งแกร่งของมู่เฉินโดยมีเจตจำนงว่า…ไม่รอดก็ตาย!

หากใครคิดขัดขวางก็ต้องตายไปพร้อมมู่เฉิน!

รัศมีโหดร้ายพุ่งออกมาจากหมัด ทำให้จอมยุทธ์จำนวนมากรู้สึกว่าหนังหัวชาวาบไปหมด ประจันหน้ากับหมัดที่เดิมพันด้วยชีวิตคนคนหนึ่ง ไม่มีใครกล้าเผชิญหน้ากับสิ่งนี้ได้

หากมีคนที่ไม่แน่วแน่ในปณิธาน พลังการต่อสู้ก็จะหายไปเมื่อเผชิญหน้ากับหมัดนี้

หมัดสีแดงเข้มพุ่งขึ้นไปห่อหุ่มร่างไป๋หมิง รัศมีการเดิมพันนี้ทะลุทะลวงหัวใจของไป๋หมิง ทำให้เขารู้สึกว่าหัวใจเย็นเยือกลง วินาทีนั้นเขามีความคิดที่จะหลบหนีทันที

ทว่าตัวเขาเป็นจอมยุทธ์รุ่นใหม่ชั้นนำของเผ่าหงส์ฟ้าและมีประสบการณ์ในสงครามนองเลือดมามากมาย ดังนั้นในช่วงเวลาวิกฤตนี้เขาก็สูดหายใจเข้าลึกๆ ระงับการเต้นของหัวใจ

เขารู้ว่าเมื่อการต่อสู้มาถึงขั้นนี้ ใครก็ตามที่ถอยออกไปก่อนจะเป็นผู้แพ้

“คิดจะข่มขวัญข้าด้วยการวางก้ามนี่เรอะ? ตลกล่ะ!” แสงเย็นวาบขึ้นในดวงตาของไป๋หมิงขณะสาดรอยยิ้มน่าขนลุก มือฟาดลงไปอย่างไร้ปรานี พายุทอร์นาโดสีแดงเลือดที่อัดแน่นไปด้วยพละกำลังพุ่งเข้าปะทะหมัดที่ส่งเสียงครางกระหึ่ม

ครืน!

ทันทีที่ปะทะ ทุกคนก็สามารถสัมผัสได้ถึงคลื่นกระแทกน่าสะพรึงกลัวที่สำแดงฤทธิ์บนท้องฟ้ายามนี้ พลังนั้นแม้จะมีแท่นบูชาคอยสกัดกั้นไว้ แต่ก็ทำให้กระแสเลือดและรัศมีที่อยู่ในร่างกายกวนตัว พวกเขาแทบจะกระอักโลหิตออกมาจากปาก

ทว่าหลายคนก็ไม่สนใจสภาพของตน สายตาของพวกเขาจ้องเขม็งไปที่จุดระเบิดสีแดงเข้มข้นบนท้องฟ้า กระทั่งมิติก็บิดเบี้ยวจากคลื่นกระแทกที่น่ากลัว

แสงโลหิตไร้ขอบเขตกวาดออกไปบนเส้นขอบฟ้า ทำให้พวกเขาไม่สามารถมองผ่านไปได้

สายตาของไป๋หมิงจับจ้องไปที่การระเบิด ครู่เดียวสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปรุนแรง เนื่องจากเขารู้สึกได้ว่าการโจมตีที่แข็งแกร่งที่สุดของตนเองกำลังสลายไปด้วยความเร็วที่น่าตกใจ

บนลานประลองมู่เฉินที่ยืนนิ่งไม่แสดงสีหน้าใดก็ปรากฏแววกระหายเลือดที่มุมปาก แสงสีแดงวูบวาบในดวงตาขณะที่เขากำมือจากระยะไกลตะโกนว่า “แตก!”

ปัง!

ลูกไฟสีแดงเข้มระเบิดขึ้นบนท้องฟ้า พายุทอร์นาโดสีแดงเลือดขนาดใหญ่ก็ระเบิดออก กระแสคลื่นเย็นเยือกกวาดออกมา ขณะที่หมัดสีแดงเข้มฉีกขาดพายุทอร์นาโดออกเป็นชิ้นๆ ในลักษณะที่ทำลายไม่ได้ ก่อนที่จะพุ่งไปทางไป๋หมิงที่อยู่บนท้องฟ้า

ทุกคนสูดอากาศเย็นเข้าปอด การโจมตีที่แข็งแกร่งที่สุดของไป๋หมิงถูกทำลายโดยมู่เฉิน!

“เป็นไปได้ยังไง?!” ใบหน้าของไป๋หมิงซีดลงขณะที่คำรามด้วยความเคียดแค้น เพื่อเอาชนะมู่เฉิน เขาไม่ลังเลที่จะทำลายอาวุธเสมือนมหสวรรค์ของตนเอง แต่ถึงกระนั้นก็ไม่สามารถหยุดมู่เฉินได้เรอะ?

มนุษย์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดคนนี้ยากที่ต่อกรอะไรขนาดนี้!

แต่ไป๋หมิงก็ไม่ได้แผดเสียงคำรามต่อ เนื่องจากเขาหวาดผวาไปเมื่อเห็นหมัดสีแดงเข้มพุ่งเข้าหา ทันใดนั้นเขาก็ตกใจกลัวจนขาดสติ ปีกที่อยู่ข้างหลังสะบัด ถอยหนีออกมาอย่างน่าสมเพช

แต่ถึงกระนั้นหมัดสีแดงเข้มก็ไล่ตามเขาเหมือนหนอนไชกระดูก ไม่สามารถสะบัดหลุดไปได้

เมื่อไป๋หมิงเห็นฉากนี้ก็เปล่งเสียงคำราม แสงหลิงที่ไร้ขอบเขตระเบิดออกมาก่อตัวเป็นหงส์ฟ้าน้ำแข็งขนาดหลายพันจั้ง

“ศูนย์สัมบูรณ์!”

เขาคำราม แสงหลิงไร้ขอบเขตก็พวยพุ่งก่อร่างเป็นชั้นน้ำแข็งหนาปกคลุมเขาทันท่วงที

เขาสามารถสัมผัสได้ว่าหมัดของมู่เฉินทรงพลังแค่ไหน เขาจึงยอมแพ้ในการตอบโต้และใช้พลังทั้งหมดในการป้องกัน

ตู้ม!

หมัดสีแดงเข้มที่โหดเหี้ยมกระแทกลงบนหงส์ฟ้าตัวมหึมาที่ปกคลุมไปด้วยชั้นน้ำแข็งภายใต้สายตาตกตะลึงจำนวนมาก

ท้องฟ้าสั่นไหวในขณะนี้ อึดใจเสียงแตกก็ดังทอดยาว ในปราการน้ำแข็ง หงส์ฟ้าตัวมหึมาฉายความกลัวในสายตาขณะมองรอยแตกกระจายไปอย่างรวดเร็ว ไป๋หมิงไม่คิดเลยว่าการป้องกันที่แข็งแกร่งที่สุดของเขาจะถูกทำลายอย่างง่ายดายขนาดนี้

หมัดของมู่เฉินน่ากลัวปานใดกันแน่?!

ปัง!

รอยแตกกระจายออกไปแล้วระเบิดเป็นเกล็ดหิมะก่อนที่หงส์ฟ้าจะส่งเสียงโศกเศร้าก้องกังวาน ไป๋หมิงถลาออกมา เลือดสดไหลออกมาจากร่างอย่างต่อเนื่อง ในช่วงเวลาสั้นๆ ร่างกายของเขาก็ถูกย้อมเป็นสีแดง มองจากที่ไกลดูราวกับไก่เพลิงตัวใหญ่เลยทีเดียว

บนแท่นบูชาทุกคนตะลึงเมื่อเห็นเหตุการณ์นี้ หงส์ฟ้าตัวมหึมาย้อมด้วยเลือดดิ่งพสุธาลงมาจากท้องฟ้า ราวกับผีพุ่งไต้กระแทกกับพื้นดินที่มืดดำด้านนอกแท่นบูชา เลือดสดพุ่งออกมาเป็นทะเลสาบเลือด

ทั้งแท่นบูชาเงียบกริบไม่มีคำพูดสักคำ

รอยยิ้มบนใบหน้าไป๋ปิงและคนที่เหลือชะงักไปนานแล้ว ในตอนนี้ความไม่เชื่ออัดแน่นในดวงตา ท่าทางของพวกเขาดูตลกอย่างยิ่ง

คนอื่นก็มีสีหน้าตกตะลึง พักใหญ่กว่าจะฟื้นจากอาการ ทันใดนั้นพวกเขาก็สูดอากาศเย็นเยือกเข้าไปสุดปอด มองดูร่างเงาสูงโปร่งที่ยังยืนไว้สง่าบนลานประลองด้วยความอึ้งทึ่ง ระลอกคลื่นดันตัวขึ้นในหัวใจพวกเขา

ใครจะไปคิดได้ว่าจอมยุทธ์ชั้นนำของเผ่าหงส์ฟ้าน้ำแข็งที่มีขุมพลังจื้อจุนขั้นแปดแท้จริงอย่างไป๋หมิงจะพ่ายแพ้ในน้ำมือของมนุษย์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ด แม้ว่าจะงัดทักษะต่างๆ นานามาใช้แล้วก็ตาม

มนุษย์คนนี้เป็นสัตว์ประหลาดแท้จริง!

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler ฟรี ได้ที่ novel-fast 


เรื่องย่อ

โดย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler บางส่วนของนิยาย

บทนำ

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป

‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้

แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์

แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว

ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ

เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง?

ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน…

เรื่องย่อ

เมื่อคำพูดของมู่เฉินกระจายออกไป ไม่เพียงแต่จะไม่มีการตอบสนอง แม้แต่ด้านนอกเจดีย์ก็ถูกห่อหุ้มด้วยบรรยากาศราวกับป่าช้า…

ทุกคนตกตะลึงไปกับฉากนี้ พวกเขาจ้องมองจุดที่ลู่สุยหายตัวไป ราวกับว่ายังไม่สามารถฟื้นจากอาการตะลึงงันที่เกิดขึ้นได้

ก่อนหน้าเมื่อลู่สุยออกกระบวนท่าที่น่าสะพรึง ผู้คนส่วนใหญ่ก็คิดว่าผลลัพธ์ของการต่อสู้ได้ถูกกำหนดแล้ว ทว่าพวกเขาไม่คิดเลยว่ามู่เฉินจะพลิกสถานการณ์ได้อีกครั้ง เตะลู่สุยที่เหมือนจะคว้าชัยชนะออกไป

ทุกคนตะลึงไปพักใหญ่ ก่อนที่พวกเขาจะหลุดออกจากอาการได้ สายตาเคร่งเครียดลง การประลองกันครั้งนี้มู่เฉินไม่ได้ใช้ค่ายกล แต่เขาก็สามารถเอาชนะจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดอย่างลู่สุยได้ด้วยความแข็งแกร่งที่อยู่ในขั้นหกเท่านั้น แม้ว่าจะมีผลจากลู่สุยประมาทเองในตอนแรก แต่นั่นก็แสดงให้เห็นว่ามู่เฉินน่ากลัวแค่ไหน

พลังเช่นนี้เขาสามารถเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์อันดับต้นๆ ในเจดีย์ฝึกพลังกายได้เลยทีเดียว

ทางฝั่งกลุ่มกระเรียนฟ้า ใบหน้าของหลิ่วชิงกลายเป็นเขียวสลับขาว นางมองไปที่ร่างสูงโปร่งบนหน้าจอ กลืนน้ำลายเหนียวหนืด ความกลัวปรากฏในดวงตาของนางเป็นครั้งแรก

มาถึงจุดนี้นางคงโง่แน่ถ้ายังคิดปฏิบัติต่อมู่เฉินเหมือนกับจอมยุทธ์ขั้นหกทั่วไป

ด้วยพลังในการต่อสู้ที่เขาแสดงออกมา บวกกับค่ายกลทรงพลัง แม้แต่จงเถิงก็ยากจะได้เปรียบหากพวกเขาต่อสู้กัน

ก่อนหน้านี้นางหัวเราะเยาะและมองจิ่วโยวด้วยความดูถูก แต่ตอนนี้นางอายแทบแทรกแผ่นดินหนี ซึ่งจุดนี้รู้ได้จากสายตาเยาะเย้ยเหล่านั้นที่ปรายมองเข้ามา

“ทำไมมู่เฉินถึงทรงพลังเช่นนี้?” จงฮั้วที่พ่ายแพ้ให้กับมู่เฉินก็มีสีหน้าเคร่งขรึมเช่นกัน ก่อนหน้านี้เขาเคยคิดเช่นกันว่ามู่เฉินพึ่งพาเพียงค่ายกลเพื่อจัดการกับศัตรู แต่ใครจะคิดว่าเมื่อไม่มีการใช้ค่ายกลมู่เฉินก็สามารถเอาชนะลู่สุยแบบดุร้ายยิ่งกว่าอะไร

“ดูเหมือนว่ามีเพียงพี่ใหญ่จงเถิงเท่านั้นที่สามารถจัดการกับเขาได้” จอมยุทธ์อีกคนของเผ่ากระเรียนฟ้าพยักหน้า

หลิ่วชิงพยักหน้าเบาๆ ไม่เพียงแต่พวกเขาจะพิจารณาพลังของมู่เฉินพลาดไปเท่านั้น แม้แต่จงเถิงก็ตัดสินอีกฝ่ายผิดไป ชายคนนั้นเป็นสัตว์ประหลาดอย่างแท้จริง

ฟิ้ว!

ขณะที่นอกเจดีย์ต่างตกตะลึงกับผลลัพธ์ที่มู่เฉินนำมา ทันใดนั้นแสงก็กะพริบบนแท่นนอกเจดีย์ ร่างน่าสังเวชปรากฏขึ้น

เมื่อร่างนั้นออกมาก็รีบถอยกลับไปปรากฏตัวขึ้นในกลุ่มอีกาสายฟ้าทันควัน นี่ก็คือลู่สุยที่มีสีหน้าซีดขาว คลื่นหลิงของเขาถดถอยลงอย่างมาก

สายตาโดยรอบยิงเข้าหาในเวลานี้ทันที

ใบหน้าของลู่สุยเขียวคล้ำ สายตาเกลียดชังมองไปที่มู่เฉินที่อยู่บนหน้าจอ ก่อนที่จะหันหัวสาดสายตาดุร้ายใส่จิ่วโยวและมั่วหลิง ที่ข้างๆ พรรคพวกของเขาก็มีท่าทางไม่ดีเช่นกัน

ทว่าจิ่วโยวไม่กลัวที่จะเผชิญหน้ากับสายตาเหล่านั้น นางเค้นเสียงอย่างเย็นชา “ลูกหมาที่ถูกฟาดยังกล้าที่จะออกมาแยกเขี้ยวอีกเหรอ?”

ตอนนี้ลู่สุยบาดเจ็บสาหัส สูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไปหมด ส่วนคนที่เหลือก็ไม่มีอะไรต้องกลัว หากพวกเขากล้าที่จะคิดบัญชีกับพวกนาง จิ่วโยวก็ไม่คิดปล่อยพวกเขาไว้เป็นภัยคุกคามในอนาคตหรอก

สายตาแสดงความเกลียดชังของลู่สุยจ้องเขม็งอยู่ที่จิ่วโยว แต่สุดท้ายเขาก็ต้องถอนสายตาออกไปอย่างไม่เต็มใจ ก่อนที่จะถอยกลับนั่งลงบนซากปรักหักพังเข้าสมาธิเพื่อฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ

จอมยุทธ์กลุ่มอีกาสายฟ้าก็ปรากฏรอบตัวเขาเพื่อปกป้อง

เมื่อจิ่วโยวเห็นการตอบสนองนั่น นางก็ไม่ได้ใส่ใจกับพวกเขาอีก นางมองไปที่หน้าจออีกครั้งโดยพุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่ร่างเงาอ่อนเยาว์ มือที่กำแน่นผ่อนคลายลง

เห็นได้ชัดว่านี่เป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงสำหรับนางที่มู่เฉินจะเอาชนะได้เด็ดขาดแบบนี้ นั่นเป็นเพราะตามการประเมินของนางแม้ว่ามู่เฉินจะยืนยงอยู่ได้ก็เป็นยากที่จะเอาชนะลู่สุยด้วยขุมพลังจื้อจุนขั้นหกและถ้าการต่อสู้ถูกลากไปจนสุดอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบคาดไม่ถึง

ทว่าผลลัพธ์สุดท้ายที่ได้ก็ทำให้นางทั้งประหลาดใจและดีใจ

เห็นได้ชัดว่ามู่เฉินได้รับประโยชน์มหาศาลจากสามชั้นแรกของเจดีย์ฝึกพลังกาย ไม่เช่นนั้นเขาไม่สามารถแสดงพลังเป็นที่ประจักษ์เช่นนี้ได้

“ว่ากันว่าในชั้นสี่มหัศจรรย์กว่านี้มาก หากใครสามารถเข้าไปได้ พวกเขาจะสามารถได้รับผลประโยชน์เกินกว่าสามชั้นแรกมาก…”

จิ่วโยวยิ้มบาง ดูจากสถานการณ์ปัจจุบันไม่น่ามีปัญหาใดๆ ที่มู่เฉินจะเข้าสู่ชั้นสี่ สำหรับมั่วเฟิงความแข็งแกร่งของเขาเป็นหนึ่งในอันดับต้นของกลุ่มที่เข้าไป ดังนั้นจึงไม่ยากสำหรับเขาที่จะได้หนึ่งในห้าที่นั่งนี้ไปเช่นกัน

ดูเหมือนว่าการเดินทางมาที่เจดีย์ฝึกพลังกายโบราณครั้งนี้เผ่าวิหคโลกันตร์อาจเป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

บนลานเมฆสายฟ้า

ไม่มีใครตอบคำถามของมู่เฉิน ขณะนี้แม้แต่จอมยุทธ์ทรงอำนาจอย่างหานซันและสีคุนก็ยังรู้สึกหวาดระแวงมู่เฉินอยู่บ้าง ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกที่จะไม่ไปปะทะกับมนุษย์ผู้นี้

ดังนั้นคนทั้งหมดที่อยู่ที่นี่จึงเงียบลง ก่อนที่จะถอยออกจากรัศมีโดยรอบมู่เฉินอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณบอกว่าพวกเขาไม่ต้องการต่อสู้กับเขา

เมื่อมู่เฉินเห็นภาพนี้ก็ไม่มีอารมณ์ใดบนใบหน้า แต่ในใจกลับรู้สึกโล่งอก คนอื่นๆ เห็นเพียงฉากการต่อสู้ตระการที่เขาเอาชนะลู่สุยได้ แต่พวกเขาไม่รู้หรอกว่าหมัดที่เขาชกออกไปก่อนหน้านี้คือพลังงานส่วนเกินจากสามชั้นแรก

ร่างกายของมู่เฉินก่อนหน้าเปรียบเสมือนฟองน้ำที่ดูดซับน้ำจนถึงขีดจำกัด หมัดของเขาจึงเท่ากับบีบน้ำออกจนหมด ทำให้ร่างกายที่อัดแน่นกลับสู่สภาพเดิม

ดังนั้นถ้าให้เขาโจมตีแบบนั้นอีกครั้ง พลังก็จะไม่ทรงประสิทธิภาพเหมือนเมื่อครู่แน่นอน

ประสิทธิผลพิเศษชนิดนี้ของการสะสมพลังงานในร่างกายเป็นทักษะที่ได้มาจากกายามังกรหงส์ ด้วยวิธีนี้เขาจะได้รับผลลัพธ์ที่ไม่มีใครคาดคิดไว้ กลายเป็นไพ่ลับอีกใบหนึ่ง

“คัมภีร์หลงเฟิ่งทรงพลังจริงๆ”

แม้แต่มู่เฉินก็ยังชื่นชมในสิ่งนี้ คัมภีร์หลงเฟิ่งสมแล้วที่เป็นทักษะยอดเยี่ยมแท้จริง จากการประเมินของเขาคัมภีร์นี้ต้องอยู่ในระดับเสินทงแน่นอน ซึ่งไม่ธรรมดาแม้จะอยู่ในกลุ่มวิทยายุทธระดับเสินทงด้วย

มู่เฉินชื่นชมก่อนที่จะใจเย็นลง แม้ว่าตอนนี้จะไม่มีใครท้าทายเขา แต่เขาก็ไม่ตั้งใจที่จะท้าทายคนอื่นด้วยเช่นกัน เขายืนนิ่งบนตำแหน่งตนเองรอผลการคัดออก

สำหรับจงเถิง มู่เฉินรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นพวกยุแยงให้ลู่สุยมาปะทะกับเขา แต่เนื่องจากตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ดีในการจัดการ เขาจึงได้แต่ผลักแผนไปก่อน

แต่ถึงกระนั้นสายตาคมกล้าของมู่เฉินก็ยังจ้องเขม็งไปที่จงเถิง รอบตัวเต็มไปด้วยคลื่นหลิงราวกับเสือดาวที่กำลังจะจ้องตะครุบเหยื่ออัดแน่นด้วยภัยคุกคาม

เมื่อเห็นท่าทางของมู่เฉิน จงเถิงที่ประจันหน้ากับมั่วเฟิงก็รู้สึกอึดอัดใจ เขาต้องแยกสมาธิอยู่ตลอดเพื่อจับตามองมู่เฉิน ป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายเคลื่อนไหวมาประสานพลังกับมั่วเฟิง

ด้วยวิธีนี้สมาธิของจงเถิงจึงค่อนข้างฟุ้งซ่าน สุดท้ายเขาได้แต่กัดฟัน ถอนคลื่นหลิงและถอยออกจากบริเวณของมั่วเฟิง

“พี่มั่วยากสำหรับการต่อสู้ของเราที่จะได้ข้อสรุป ทำไมเราไม่ไปจัดการคนอื่นและรับที่นั่งมาล่ะ?” ขณะที่จงเถิงถอยกลับเสียงก็สะท้อนก้องไปด้วย

มั่วเฟิงจ้องมองจงเถิงอย่างไม่แยแสก่อนที่จะพยักหน้า นั่นเป็นเพราะเขารู้ว่าหากพวกเขายังอยู่ในสถานการณ์ยืนจ้องหน้ากันก็จะไม่เกิดผลลัพธ์ใด หากเขาร่วมมือกับมู่เฉิน พวกเขาอาจทำให้จงเถิงบ้าดีเดือดขึ้นมา แม้แต่พวกเขาก็ต้องจ่ายราคามหาศาลจากการตีโต้

ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับพวกเขาคือการได้ที่นั่งเพื่อเข้าสู่ชั้นสี่

เมื่อจงเถิงเห็นคำตอบของมั่วเฟิงก็รู้สึกโล่งใจในใจ เขาถอยกลับอย่างรวดเร็วออกจากจุดที่มู่เฉินและมั่วเฟิงอยู่ เขาครุ่นคิดสั้นๆ ก่อนจะเลือกปะทะกับคนที่อ่อนแอกว่า

พอมู่เฉินเห็นจงเถิงไปแล้วก็ไม่ได้ใส่ใจอีกต่อไป สายตาหันมามองมั่วเฟิงแล้วก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้มแสดงความขอบคุณในการช่วยเหลือครั้งนี้

สายตาของมั่วเฟิงเป็นมิตรมากขึ้น คิดว่าการที่มู่เฉินเอาชนะลู่สุย ทำให้มั่วเฟิงมองมู่เฉินในฐานะจอมยุทธ์ที่อยู่ในระดับเดียวกันกับเขา ดังนั้นจึงไม่ได้มีท่าทางเฉยเมยเหมือนเมื่อก่อน

มั่วเฟิงพยักหน้าให้มู่เฉิน ก่อนที่จะหันหลังกลับและเริ่มเลือกคู่ต่อสู้ของตนเอง

ครืน!

เมื่อทุกคนเลือกคู่ต่อสู้แล้ว ทันใดนั้นคลื่นหลิงก็ระเบิดรุนแรงบนลานเมฆสายฟ้า คลื่นกระแทกกวาดออก ทำให้มิติเกิดการสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นไม่หยุด

บนลานเมฆสายฟ้าพลังงานหลิงกวาดหายนะ มีเพียงตรงมู่เฉินเท่านั้นที่ไม่ถูกรบกวน เนื่องจากไม่มีใครกล้าเหยียบเข้ามาในรัศมีพันจั้ง ยามนี้เขาเหมือนผู้ชมที่ดูการต่อสู้ติดขอบ ในเวลาเดียวกันก็บันทึกกระบวนท่าที่ทรงพลังของบางคนไว้ในสมอง

แม้ว่าในชั้นนี้พวกเขาอาจไม่ได้ประลองกัน แต่ก็ยังมีอีกสองชั้นรอพวกเขาอยู่ ใครจะสามารถรับประกันได้ว่าจะไม่มีการลดจำนวนลงในชั้นต่อไป?

ดังนั้นถ้ามีโอกาสเขาต้องพยายามจดจำข้อมูลผู้อื่นเก็บไว้

ภายใต้การสังเกตของมู่เฉิน การประลองบนลานเมฆสายฟ้าก็คงอยู่ชั่วระยะหนึ่ง ก่อนที่แต่ละคู่จะมาถึงจุดสิ้นสุด ผลลัพธ์ก็เป็นไปตามที่คาดไว้

หลังจากมู่เฉินก็เป็นหานซันที่เอาชนะคู่ต่อสู้ได้ที่นั่งที่สองไป

จากนั้นมั่วเฟิงและจงเถิงก็คว้าชัยชนะตามมา

ที่นั่งสุดท้ายตกเป็นของสีคุนที่ก่อนหน้านี้เคยแพ้หานซันที่ด้านนอกเจดีย์ ชายนี้มีความแข็งแกร่งที่น่าตกใจ แม้แต่หานซันยังต้องใช้ทักษะเต็มที่ถึงจะได้รับชัยชนะมา

เมื่อสีคุนได้รับที่นั่งสุดท้ายลานเมฆสายฟ้าขนาดใหญ่ก็เงียบลงอีกครั้ง ร่างทั้งห้ายืนอยู่ ขณะรัศมีไร้ขอบเขตทั้งห้าสายพุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าชนกันเปรี้ยงปร้าง

ทว่าการชนกันก็ดำเนินไปเพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ ก่อนที่ทั้งห้าจะถอนคลื่นพลังพร้อมกัน พวกเขาเหลือบมองกันและกัน จากนั้นก็ไม่ลังเลทะยานออกไปปรากฏตัวบนเบาะทั้งห้า

สายตาพวกเขาพุ่งตรงไปยังมิติด้านหลังลานเมฆสายฟ้าด้วยความโลภ ตรงนั้นเส้นดาวหางจำนวนมากกวาดผ่านราวกับฝนดาวตก

ในแสงเหล่านั้นแก่นหยดสายฟ้ากำลังกะพริบด้วยความแวววาว


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท