หนึ่งในใต้หล้า 大主宰
บทที่ 1083 ปะทะขุมพลังจื้อจุนขั้นเก้า
โฮก!
แขนทั้งสองของหลงปี้เปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำพร้อมกับเกล็ดแข็งตั้งชันบนผิวหนัง ขณะที่ยืนจังก้าอยู่กลางลานประลองอย่างภาคภูมิใจ เสียงคำรามของมังกรแผ่วเบาดังก้องอยู่ในท่อนแขนของเขา
สายตานับไม่ถ้วนมองแขนมังกรคู่นั้นด้วยความเคารพ นี่คือไพ่ตายที่สร้างชื่อเสียงและเกียรติภูมิให้หลงปี้ โดยที่มีจอมยุทธ์ชั้นแนวหน้ามากมายของภูมิภาคทางเหนือพ่ายแพ้ให้กับแขนคู่นี้
มู่เฉินยืนนิ่งเบื้องหน้าหลงปี้ ดวงตาทั้งสองปิดลง รอบร่างหมุนเวียนด้วยคลื่นหลิง ขณะที่มิติเกิดความผันผวนก็แสดงให้เห็นถึงความไม่ธรรมดา
ตู้ม!
ทว่าหลงปี้จ้องมองมู่เฉินอย่างไม่แยแส ก่อนที่แสงจะพุ่งออกมาจากดวงตา เขากระทืบฝ่าเท้าลงไปรุนแรง
ตึง!
เมื่อหลงปี้กระทืบเท้าลง พื้นดินก็สั่นสะเทือนแล้วแตกออกเป็นเสี่ยงๆ พร้อมกับรอยแตกกระจายออกไป เศษหินน้อยใหญ่ดันตัวขึ้น ซึ่งอัดแน่นด้วยคลื่นกระแทกทรงพลังที่สามารถฉีกสิ่งที่กีดขวางออกจากกันได้
หลงปี้แสดงให้เห็นถึงศักยภาพโดดเด่นเพียงแค่ขยับตัว ทุกคนรู้ว่าขนาดจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นแปดนับสิบคนยังถูกเป่าเป็นฝุ่น หากพวกเขาเข้าขัดขวางพลังสายนี้
รอยแยกพล่านเข้ามา มู่เฉินลืมตาขึ้นช้าๆ ส่วนลึกของดวงตาวูบไหวด้วยแสง จากนั้นก็ก้าวออกไป คลื่นหลิงไร้ขอบเขตหลั่งไหลออกมา รอยแตกกระจายออกจากฝ่าเท้าในเวลาเดียวกัน ก่อให้เกิดริ้วคลื่นขนาดมหึมาและทรงพลัง
เขาเลือกเผชิญกับการโจมตีดุเดือดของหลงปี้ด้วยวิธีเดียวกัน!
รอยแตกสองฝั่งกระจายออกมา ก่อนจะปะทะกันอย่างดุเดือดบนลานประลอง
ครืน!
ช่วงเวลาที่ปะทะกัน เศษหินก็ปลิวว่อนไปทั่ว ลานประลองขนาดใหญ่ก็ถูกปกคลุมไปด้วยรอยแตก ก่อนที่จะแยกออกเป็นสองฝั่ง
แรงกระแทกที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่ากระจายออกมา มู่เฉินและหลงปี้ได้รับผลกระทบเป็นคนแรก ร่างทั้งสองกระตุกพลางถูกผลักกลับไป
ตึง! ตึง!
มู่เฉินถูกผลักถอยหลังไปหลายก้าวทิ้งร่องลึกๆ ไว้บนพื้นในทุกย่างก้าว แม้แต่เท้ายังฝังลงไปในแผ่นหิน
สำหรับหลงปี้ถอยไปก้าวเดียวก็ทรงตัวได้
เห็นได้ชัดว่าหลงปี้ทรงพลังกว่าในการปะทะกันกระบวนท่าแรก ทว่าทุกคนรวมถึงหลงปี้ก็ต้องหดดวงตากับผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นนี้
แม้ว่าพลังที่อยู่ใต้ฝ่าเท้าเหล่านั้น ไม่ใช่พลังทั้งหมดของหลงปี้ แต่แรงทำลายล้างก็ยังคงไม่ใช่สิ่งที่จอมยุทธ์ขุมพลังอีกครึ่งก้าวจะบรรลุระดับจื้อจุนขั้นเก้าจะสามารถต้านทานได้ มู่เฉินไม่เพียงแต่ต่อต้านพลังทำลายล้างเท่านั้น เขายังเสียเปรียบแค่ก้าวถอยไปหลายก้าว
ดังนั้นตำแหน่งได้เปรียบของหลงปี้สามารถมองข้ามในทางปฏิบัติเลย
เทียนจิ้วและหลิงถงแลกเปลี่ยนสายตากัน ก่อนที่แววตาจะหนักหน่วงขึ้น พวกเขารู้ว่าคงไม่สามารถทำอะไรได้ดีกว่านี้สักเท่าไร ถ้าพวกเขาอยู่ในจุดเดียวกับมู่เฉิน
แต่ว่ามู่เฉินประสบความสำเร็จด้วยขุมพลังอีกครึ่งก้าวจะบรรลุระดับจื้อจุนขั้นเก้า นี่ก็พิสูจน์ว่าพลังการต่อสู้ที่แท้จริงของเขาสูงกว่าการเพาะบ่มภายนอก
“น่าสนใจ”
หลงปี้จับจ้องไปที่มู่เฉินขณะยิ้ม แต่ก่อนที่รอยยิ้มบนใบหน้าจะกระจายกว้าง ร่างเงาก็พุ่งออกมาทันที
อากาศถูกบีบอัดระเบิดฉับพลัน ตัวเขาก็ราวกับเกลียวสายฟ้า มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถรู้สึกถึงการเคลื่อนไหวของเขาได้คลุมเครือ
“เร็วมาก!” เสียงอุทานดังก้อง
สายตาของมู่เฉินหดเกร็งทันทีเมื่อเสียงสะท้อนใกล้เข้ามา จากนั้นก็ยกแขนไขว้เป็นกากบาทต้านรับไว้
ตู้ม!
มิติฉีกขาดเบื้องหน้า กำปั้นที่ปกคลุมไปด้วยเกล็ดมังกรสีแดงพุ่งออกมาด้วยพลังเข้มข้นที่สามารถทำลายเนินเขาให้กลายเป็นเศษหิน กระแทกลงบนแขนของเขา
ปัง!
อากาศระเบิดออก ร่างมู่เฉินราวกับได้รับการโจมตีหนักหน่วง ถลาไปเบื้องหลังแล้วปลิวออกไปพร้อมอากาศรอบตัวระเบิดเป็นลูกโซ่
หลงปี้หัวเราะเบาๆ เมื่อส่งมู่เฉินหงายหลังออกไป เขาไม่คิดจะให้มู่เฉินมีเวลาออกกระบวนท่า เสียงฟ้าคำรนดังขึ้นอีกครั้ง ร่างเขาก็หายไป
ครืน!
หมัดคำรามแหวกอากาศพุ่งตรงไปที่หน้าอกของมู่เฉิน แม้แต่อากาศก็ยังถูกบีบอัดเป็นลอนโค้งที่เบื้องหน้ากำปั้นของเขา
เมื่อหมัดกำลังจะโจมตีโดนร่าง แขนเรียวก็ยื่นออกคว้ากำปั้นมังกรไว้
ฮึ่ม!
อากาศรอบด้านระเบิดเสียงต่ำอื้ออึงไปหมด ทว่าใบหน้าของจอมยุทธ์ทุกคนรอบด้านก็กระตุกในเวลานี้
นั่นเป็นเพราะบนท้องฟ้า ทั้งสองปะทะเข้าด้วยกัน หลงปี้ยังคงท่วงท่าวาดเพลงหมัดชกออกไป ขณะที่อุ้งมือของมู่เฉินต้านหมัดเอาไว้ นิ้วทั้งห้านั่นราวกับเหวลึก ไม่ว่ากำปั้นมังกรจะทรงพลังแค่ไหนก็ไม่สามารถเคลื่อนไปด้านหน้าได้อีกแม้แต่น้อย
หลงปี้มีสีหน้าเปลี่ยนไปเบาบาง สายตาจับจ้องมาที่มือของมู่เฉิน ในระยะใกล้เช่นนี้เขาสามารถมองเห็นลวดลายสีทองเข้มของกรงเล็บมังกรสวมทับบนท่อนแขนของมู่เฉิน แผ่ออกมาตามนิ้วมือ
เขารู้สึกถึงแรงกดดันที่มาจากลวดลายสีทองเข้ม ทำให้แขนมังกรสีแดงเข้มของเขาจางลงเล็กน้อยจากแรงกดดันนี้
มู่เฉินเงยหน้าขึ้นมองไปที่หลงปี้ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยว่า “เจ้าไม่ใช่คนเดียวที่มีพลังมังกร”
“จริงรึ?!”
หลงปี้ขบฟัน พลังมังกรคือความแข็งแกร่งที่เขาภาคภูมิใจที่สุด แม้เขาจะไม่รู้ว่ามู่เฉินได้พลังมังกรมาอย่างไร แต่เขาก็ไม่เชื่อว่าชายหนุ่มจะเหนือกว่าเขาในเรื่องนี้
“ไอ้หนูอย่างเจ้ารู้ถึงพลังมังกรแท้จริงรึ! น่าขำ!”
สายตาหลงปี้เปลี่ยนเป็นดุร้าย เกล็ดมังกรบนแขนก็แดงเถือกขึ้น ราวกับว่ากลายเป็นหินหนืดที่แผดความร้อนแรงออกมา เสียงคำรามมังกรดังก้อง ประหนึ่งพลังทำลายล้างถูกปลุกขึ้นในแขนนี้
ฉ่า! ฉ่า!
แขนมังกรดูเหมือนลาวาไหลทะลักเมื่อมองจากระยะไกล เปล่งความทรงพลังพร้อมกับความผันผวนที่ทำให้แม้แต่เปลือกตาของจอมยุทธ์อย่างเทียนจิ้วยังกระตุกเล็กน้อย
“ไสหัวไป!”
หลงปี้คำรามพร้อมกับพลังทรงประสิทธิภาพระเบิดออกมาจากแขนจนสั่นคลอนไปหมด มือของมู่เฉินที่จับไว้ก็สั่นสะท้านสะบัดออกไป
หลุดจากพันธนาการของมู่เฉินไปได้ ดวงตาของหลงปี้ก็เปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ ฝ่าเท้าก้าวออกมา กำปั้นราวกับมังกรสีแดงเริงระบำซัดไปทั่วร่างมู่เฉินพร้อมพลังทำลายล้าง
ทุกกำปั้นทำให้มิติแตกเป็นเสี่ยงๆ
หลงปี้ที่บ้าคลั่งในตอนนี้ แม้แต่จอมยุทธ์ระดับจื้อจุนขั้นเก้าระยะต้นเหมือนกันยังไม่กล้าเผชิญหน้า
ปัง! ปัง!
พลังงานฉับพลันที่ระเบิดจากหลงปี้ปราบปรามมู่เฉินได้ทันท่วงทีอีกครั้ง เพลงหมัดนี้ทำเอามู่เฉินต้องล่าถอยด้วยสภาพทุลักทุเล การปะทะกันทุกครั้งเรียกเสียงครางจากเขา
จอมยุทธ์ทั้งสองโรมรันพันตูกันบนท้องฟ้าพร้อมกับความผันผวนของคลื่นพลังงานที่มีประสิทธิภาพ ทำให้มิติแตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย สร้างความหวาดกลัวให้กับผู้ชมที่เฝ้าดูการประลองนี้
ตึง!
การปะทะกันดุเดือดซัดใส่กันอีกครั้ง มู่เฉินไม่สามารถยึดจุดยืนได้อีกต่อไป เขาถูกกระแทกกลับทิ้งร่องลึกสองรอยไว้บนพื้นเมื่อร่อนลงมา
มู่เฉินทรงตัวได้มั่นคง ตอนนี้เสื้อผ้าของเขาขาดวิ่นไปหมด เลือดเปรอะเปื้อนเต็มแขน แต่ท่าทางเขาไม่ปรากฏความท้อแท้ กลับมีวิญญาณแห่งการต่อสู้พลุ่งพล่านอยู่ในม่านตาสีดำสนิทราวกับไฟในเตาหลอม
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเก้า
แม้ว่าจะเป็นการต่อสู้โหดหิน แต่มู่เฉินก็ปลื้มปีติที่ได้เห็นพัฒนาการของตัวเองภายใต้การต่อสู้ครั้งนี้
ระดับจื้อจุนขั้นเก้าที่ไกลเกินเอื้อมเมื่อในอดีต แต่ในเวลานี้หลงปี้ก็ได้เปรียบเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แม้จะนำพลังมังกรออกมาใช้เต็มกำลัง
ในที่สุดมู่เฉินก็รับรู้อย่างชัดเจนว่าการฝึกฝนอันขมขื่นในช่วงหลายปีที่ผ่านมาไม่ได้ไร้ประโยชน์เมื่อลงประลองกับหลงปี้วันนี้
เขาไม่ใช่เด็กหนุ่มอ่อนแอเหมือนในอดีตอีกแล้ว
ฮา
อารมณ์พลุ่งพล่านเต็มหัวใจ มู่เฉินก็อดไม่ได้ที่จะยิ้ม ส่วนโค้งเพิ่มขึ้นที่มุมปาก
“เจ้ายังยิ้มได้อีกเรอะ?” หลงปี้เค้นเสียงเย็นชา ขณะที่ยืนอยู่บนท้องฟ้ามองลงมาที่มู่เฉิน
มู่เฉินเงยหน้าขึ้นมองหลงปี้ ดวงตางก็ค่อยๆ เปลี่ยนไปเป็นยากเกินหยั่ง ก่อนที่จะยิ้มบาง กำหมัดเข้าหากัน “ต่อไปข้าจะส่งเจ้าถลาออกไปด้วยหมัดเดียว หากข้าไม่สามารถทำได้ตามพูด ข้าจะยอมรับความพ่ายแพ้เอง”
“โอหังนัก!” ม่านตาหลงปี้หดลงขณะเอ่ยเยาะเย้ย
โฮก!
แต่ขณะที่พูดจบ เสียงคำรามอันพิสุทธิ์ของมังกรก็ดังก้องออกมาจากร่างมู่เฉิน ปกคลุมเส้นขอบฟ้าด้วยประกายสีทองเข้มที่ปลดปล่อยออกมาจากร่างมู่เฉิน ก่อตัวเป็นมังกรขนาดร้อยจั้งที่เบื้องหลัง
เมื่อรูปลักษณ์เทพอสูรก่อตัวขึ้น แรงกดดันมังกรที่น่าอัศจรรย์ก็ระเบิดออกมาราวกับพายุ
แรงกดดันล้อมรอบทั่วบริเวณ ทำเอาเส้นขนทั่วสรรพางค์กายของหลงปี้ลุกชัน รูม่านตาหดลงเหลือเท่ารูเข็ม ก่อนที่เสียงอุทานแหลมเต็มไปด้วยความหวาดกลัวระเบิดออก
“นี่คือมังกรแท้จริง?!”