หนึ่งในใต้หล้า 大主宰
บทที่ 1081 ครอบเพลิงอมตะ
“ระดับจื้อจุนขั้นเก้า…”
สายตาทั่วจัตุรัสตื่นตะลึงจ้องมองไปที่จิ่วโยวด้วยความไม่อยากจะเชื่อ ตามที่ได้ยินมาพลังของผู้บัญชาการจิ่วโยวอยู่ที่ขั้นหกหรือขั้นเจ็ดเท่านั้นไม่ใช่เหรอ? ทำไมขุมพลังของนางถึงทรงพลังมากในตอนนี้?
เหล่าผู้บัญชาการเก่าก็ตกตะลึงไม่แพ้กัน เพราะพวกเขาเข้าใจในตัวจิ่วโยวดีกว่าใคร ก่อนที่นางจะกลับเผ่า แม้ขุมพลังของนางจะถือว่าดี แต่ก็อยู่ในอันดับสามหรือสี่เท่านั้น ทว่าตอนนี้ระดับจื้อจุนขั้นเก้าที่แม้แต่ซิวหลัวก็ยังไม่ประสบความสำเร็จ ทำไมนางถึงแซงหน้าไปได้ก่อน?
“นางใช้ทักษะลับบางอย่างเพื่อเพิ่มขุมพลังชั่วคราวหรือเปล่า?” มีคนเอ่ยอย่างประหลาดใจ
“เป็นไปไม่ได้! ถ้าใช้ทักษะลับจะทำให้คลื่นหลิงของนางยากต่อการควบคุม แต่ดูจากระลอกคลื่นที่ถูกปล่อยออกมา ไม่มีสัญญาณของความยุ่งเหยิงใดๆ ดังนั้นคลื่นหลิงของนางจะต้องสร้างขึ้นจากตัวเอง!”
“แต่นี่ยังไม่ถึงปีเลยนะ ทำไมนางถึงพัฒนาได้มากขนาดนี้?!”
ความโกลาหลระเบิดขึ้น กระทั่งเหล่าผู้บัญชาการก็ยังมีอาการตกใจเขียนบนใบหน้า แต่สุดท้ายพวกเขาก็ได้แต่ส่ายหัวเท่านั้น เนื่องจากพวกเขาก็ไม่รู้ว่าจิ่วโยวไปประสบอะไรมาในช่วงหนึ่งปีทำให้มีพัฒนาการอย่างรวดเร็ว
ผู้เฒ่าคูก็มองจิ่วโยวด้วยความไม่เชื่อบนลานประลอง แต่ดีที่เขาเป็นมือเก๋ามากประสบการณ์ ดังนั้นความตกใจจึงลดลงอย่างรวดเร็ว ทว่ายามนี้ใบหน้าไม่มีริ้วความดูถูกใดๆ กลับถูกแทนที่ด้วยความเคร่งขรึมหนาแน่น
เพราะจากรัศมีพลังที่เกิดจากจิ่วโยว แม้แต่เขายังรู้สึกว่าถูกคุกคาม
จิ่วโยวเป็นเทพอสูรจาก0เผ่าวิหคโลกันตร์ ดังนั้นแม้ว่าทั้งคู่จะอยู่ในระดับจื้อจุนขั้นเก้าระยะต้นเหมือนกัน เขาก็ไม่มั่นใจในการต่อสู้ครั้งนี้
ตอนนี้เขาเข้าใจถึงความมั่นใจที่มาจากมู่เฉินแล้ว ที่แท้จิ่วโยวได้ก้าวเข้าสู่ระดับจื้อจุนขั้นเก้าเรียบร้อย ซึ่งมีคุณสมบัติเพียงพอที่จะลงชิงชัยตำแหน่งจอมพล
“ตาแก่คนนี้มองเจ้าผิดไป ในเมื่อเป็นแบบนี้ข้าก็ขอลองทักษะของเจ้าสักหน่อย” ผู้เฒ่าคูมองไปที่จิ่วโยว ดวงตาขุ่นมัวเปล่งประกาย ขณะที่กำหมัดขึ้นช้าๆ
ตู้ม!
คลื่นหลิงพุ่งพรวดออกมาจากร่างโดยมีสีอมเทา แม้แต่พื้นดินก็ค่อยๆ เหี่ยวแห้งลงจากลักษณะเฉพาะตัวของคลื่นพลังเขา
ชัดว่าไม่มีจอมยุทธ์ระดับจื้อจุนขั้นเก้าคนใดที่สามารถชื่อเสียงโด่งดังได้ในภูมิภาคทางเหนือจะต่อกรได้ง่าย
ก่อนที่จะเริ่มประลองกัน แรงกดดันมหาศาลที่มาจากการปะทะกันของคลื่นพลังงานก็ทำให้ทุกคนที่นี่รู้สึกหนังหัวชาหนึบไปหมดแล้ว
ริ้วแสงในดวงตาของผู้เฒ่าคูวูบวาบขณะที่ย่างสามขุมออกไป ลำแสงสีเทาพลุ่งพล่านกวาดไปทางจิ่วโยวในทุกทิศทาง
ลำแสงนั้นกระจายรัศมีเหี่ยวเฉาออกมา ทุกที่ที่อยู่ในวิถีทาง แม้แต่มิติก็เสื่อมถอยลง
“ถ้าสัมผัสโดนคลื่นหลิงกัดกร่อนของผู้เฒ่าคูก็จะทำให้ร่างกายเหี่ยวแห้งทันที มากจนแม้แต่พลังงานในร่างกายจะปนเปื้อน ทำให้เกิดการเสื่อมสภาพ” เมื่อมองไปที่ลำแสงสีเทา ความกลัวก็กระจายบนใบหน้าของผู้คน ถ้าพวกเขาโดนสัมผัสเข้า ก็คงต้องได้รับบาดเจ็บหนักแน่
ถ้าผู้เฒ่าคูมีเจตนาที่จะโจมตีมาทางพวกเขา ไม่กี่อึดใจก็ทำให้เกิดร่างกายเหี่ยวแห้งนับไม่ถ้วนแล้ว
ภายใต้สายตาหวาดกลัว จิ่วโยวกลับเผชิญกับการโจมตีที่ยิ่งใหญ่อย่างใจเย็น จากนั้นก็กดมือเรียวลงไป
ครืน!
คลื่นหลิงไร้ขอบเขตครางกระหึ่มราวกับคลื่นสึนามิในมหาสมุทร อุณหภูมิที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างน่ากลัว ทำให้อากาศยังลุกเป็นไฟ
ชี่! ชี่!
คลื่นพลังงานขนาดมหึมาสองสายปะทะกัน แต่กลับไม่มีเสียงดังสนั่นที่ทุกคนคาดไว้ นั่นเป็นเพราะขณะที่ชนกัน พวกมันก็พยายามกัดกร่อนซึ่งกันและกันอย่างต่อเนื่อง ทำให้เกิดรอยดำในมิติ
ลำแสงสีเทาตกลงมาเหมือนดาวหาง แต่ไม่ว่ารัศมีเหี่ยวเฉาจะแข็งแกร่งเพียงใด ก็ไม่สามารถเข้าไปใกล้จิ่วโยวได้ในระยะหนึ่งพันจั้งได้
คลื่นหลิงของผู้เฒ่าคูไม่ธรรมดาและน่าสะพรึงกลัว ทว่าคลื่นหลิงของจิ่วโยวก็ไม่ธรรมดาเช่นกัน ภายใต้การแนะนำวิธีฝึกฝนของราชินีวิหคอมตะ นางสามารถกลั่นเพลิงอมตะที่แท้จริงได้ ซึ่งทำให้นางได้รับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในคลื่นพลังงานของตนเอง
เพลิงอมตะมีพลังแห่งชีวิตและความตายอยู่แล้ว ในบางแง่มุมก็ครอบงำเหนือกว่าคลื่นพลังเหี่ยวแห้งของผู้เฒ่าคู ดังนั้นเป็นไปไม่ได้เลยที่พลังงานของอีกฝ่ายจะเข้ามาปนเปื้อนคลื่นพลังของจิ่วโยว
ไม่ว่าผู้เฒ่าคูจะพยายามโจมตีอย่างไร การโจมตีของเขาก็ไม่สามารถเข้าถึงรัศมีหนึ่งพันจั้งรอบตัวจิ่วโยวได้ ซึ่งทำให้ใบหน้าของทุกคนเคร่งเครียดลงหลายส่วน
“ผู้เฒ่าคู ถ้านี่คือทั้งหมดที่มีแล้ว ข้าว่าท่านไม่มีความสามารถรับตำแหน่งจอมพลในวันนี้ได้หรอก” จิ่วโยวยิ้มบาง การโจมตีของผู้เฒ่าคูอาจดูเหมือนไร้ขอบเขต แต่กลับพยายามทดสอบกำลังของนาง
แววตาผู้เฒ่าคูดุดันลงหลายส่วนก่อนที่จะพยักหน้า ทันใดนั้นมือเหี่ยวย่นก็ประสานกัน คลื่นหลิงที่ไร้ขอบเขตก็พุ่งพรวดออกมาราวกับพายุทอร์นาโด ก่อร่างคลื่นหลิงที่เบื้องหลังเขา
ร่างเงานั้นมีลักษณะเฉพาะตัว เป็นรูปแบบคล้ายมนุษย์ แต่กลับปกคลุมด้วยกิ่งก้านต้นไม้ที่เหี่ยวเฉา ราวกับต้นไม้ดึกดำบรรพ์สูงตระหง่าน ทว่าต้นไม้เก่าแก่นี้ปลดปล่อยพลังงานเหี่ยวแห้ง ทำให้คลื่นหลิงในฟ้าดินอ่อนแอลงอย่างรวดเร็ว
“นั่นคือร่างเทห์สวรรค์ของผู้เฒ่าคู—ร่างเทพร่วงโรย!” เมื่อมองไปที่ร่างบนท้องฟ้า เปลือกตาของทุกคนก็กระตุกพร้อมเสียงอุทานต่ำ
ร่างเทพร่วงโรยที่ผู้เฒ่าคูฝึกฝนมหัศจรรย์มากซึ่งอยู่ในอันดับที่หกสิบเอ็ดของทำเนียบคัมภีร์ร่างเทห์สวรรค์เก้าสิบเก้าร่าง การฝึกฝนร่างนี้จะต้องดูดซับพลังงานกัดกร่อนต่างๆ ในสวรรค์และโลก ชายชราใช้เวลาหลายปีในดินแดนรกร้างเพื่อเพาะบ่มร่างกาย ก่อนที่จะสามารถสร้างร่างเทห์สวรรค์ที่เหี่ยวแห้งนี้ได้
นี่เป็นร่างเทห์สวรรค์ที่ครอบงำซึ่งเต็มไปด้วยพลังเหี่ยวแห้ง ถ้าเคลื่อนไหวเข้ามาในร่างกายก็จะสร้างความหายนะให้
โดยปกติแล้วนี่เป็นไพ่ตายของผู้เฒ่าคู แต่ไม่มีใครคิดว่าผู้เฒ่าคูจะใช้ตั้งแต่ที่เริ่มสู้กับจิ่วโยว เห็นได้ชัดว่าจากการหยั่งเชิงเมื่อครู่ เขารู้ว่าไร้ประโยชน์ที่จะใช้วิธีการทั่วไปกับคู่ต่อสู้คนนี้
ร่างของผู้เฒ่าคูลอยขึ้นไปยืนอยู่บนต้นไม้ดึกดำบรรพ์ สายตาจ้องมองมาที่จิ่วโยว เสียงแหบห้าวดังก้อง “ถ้าผู้บัญชาการจิ่วโยวสามารถต้านรับพลังการเหี่ยวแห้งนี้ได้ ตาแก่คนนี้จะยอมรับความพ่ายแพ้”
จิ่วโยวเงยหน้าขึ้นมองไปที่ต้นไม้ดึกดำบรรพ์ นางไม่ได้ดูตกใจกับพลังนั่น กลับยิ้มแล้วพูดว่า “ถ้าผู้เฒ่าคูสามารถทำลายครอบเพลิงอมตะของข้าได้ ข้าก็จะยอมรับความพ่ายแพ้เช่นกัน”
คลื่นหลิงไร้ขอบเขตเหนือร่างเริ่มควบแน่น ก่อตัวเป็นนกยักษ์สีดำที่ปกคลุมท้องฟ้าด้วยปีกที่กางออก
นกยักษ์กรีดร้องเสียงแหลมคม เปิดปากพ่นเปลวไฟที่ดูราวกับโปร่งใส ช่างน่ามหัศจรรย์นัก
“ครอบเพลิงอมตะ!”
เสียงนุ่มของจิ่วโยวเปล่งออกมาจากในหัวใจ ทันใดนั้นเปลวเพลิงก็พวยพุ่งออกมา มิติบิดเบือนสุดท้ายกลายเป็นที่ครอบห่อหุ้มร่างเทพร่วงโรยไว้
ฉ่า! ฉ่า!
เมื่อที่ครอบโปร่งใสครอบลงมา ใบหน้าของผู้เฒ่าคูก็สั่นสะท้าน “เจ้าไม่มั่นใจเกินไปรึ? คิดว่าที่ครอบเพลิงแค่เนี่ยจะขัดขวางข้าได้รึไง?”
ผู้เฒ่าคูเค้นเสียงเยาะอยู่ในหัวใจ แต่สายตาก็ดุดันรุนแรง ตราประทับในมือเปลี่ยนแปลงไปมา ต้นไม้ดึกดำบรรพ์ใต้เท้าก็เริ่มแกว่งไกวด้วยลำแสงสีเทานับหมื่นกวาดตามออกมา
“ฝ่ามืออ่อนร่วงโรย!”
ลำแสงสีเทาควบแน่นรวมเป็นมือใหญ่สีเทา ซึ่งฉายความแห้งเหี่ยว ปลดปล่อยพลังเหี่ยวแห้งแรงกล้าจนทำให้ท้องฟ้าเปลี่ยนเป็นมืดมนลง
ทุกคนรู้สึกว่าหนังหัวลุกชันไปหมด เมื่อพวกเขาจดจำได้ว่านี่เป็นท่าไม้ตายโด่งดังของผู้เฒ่าคูที่สามารถฆ่าจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นแปดแบบตายคาที่
ชัดว่าแม้คำพูดผู้เฒ่าคูจะฟังดูไม่ยอมแพ้ แต่เผชิญหน้ากับจิ่วโยว ก็ยังค่อนข้างหวาดเกรง นั่นก็เพราะเขากลัวว่าวันนี้อาจจะล้มเหลวอย่างน่าสังเวช
ตู้ม!
มือปัดป่ายข้ามขอบฟ้าดูเหมือนไร้น้ำหนัก แต่พลังที่บรรจุอยู่ภายในทำให้ทุกคนที่นี่รู้สึกหวาดกลัว
ที่ครอบปลิวไสวทันทีที่มือใหญ่พุ่งเข้ามา เพลิงไหลเวียนก่อนที่จะกวาดเพลิงโปร่งใสออกมาปะทะกับมือแห้งเหี่ยว
ตู้ม! ตู้ม!
อุณหภูมิน่าสะพรึงกลัวสร้างหายนะไปทั่ว ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงรุนแรงบนใบหน้าผู้เฒ่าคู นั่นเป็นเพราะมือสีเทาเหี่ยวแห้งนั้นเหมือนพบศัตรูตัวฉกาจ ลุกไหม้ราวกับต้นไม้แห้งที่ถูกไฟแผดเผา
“ช่างเป็นเพลิงครอบงำอะไรแบบนี้!”
จ้องมองฉากตรงหน้าผู้คนในจัตุรัสก็ใบหน้ากระตุกพลางอุทานเสียงลั่นออกมา
ดวงตาของเทียนจิ้วและหลิงถงหดลง กระทั่งพวกเขายังรู้สึกว่าถูกคุกคามรุนแรงจากเปลวเพลิงโปร่งใส
“นั่น…นั่นคือเพลิงอมตะแท้จริง?!”
ผู้เฒ่าคูร้องเสียงแหลมออกมาด้วยความหวาดผวาในดวงตา ร่างเทพร่วงโรยที่เขาฝึกฝนถูกสร้างจากพลังงานที่มีฤทธิ์ทำให้หมดแรง คลื่นพลังหยินนี้เย็นเยือก แต่เกรงกลัวต่อคลื่นหยางร้อนแรงมาก ส่วนเพลิงอมตะนี้เป็นตัวปัญหาในปัญหา เพราะไม่ว่าพลังงานของเขาจะพยายามแค่ไหน ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะทำลายพลังชีวิตในเพลิงอมตะได้อย่างสมบูรณ์
จิ่วโยวยิ้มขณะที่จ้องมองสีหน้าเปลี่ยนแปลงรุนแรงของผู้เฒ่าคู ครอบเพลิงอมตะได้รับการถ่ายทอดโดยราชินีวิหคอมตะ แม้จะไม่สามารถทำร้ายผู้เฒ่าคูได้ แต่ดักจับเท่านี้ก็มากเกินพอแล้ว
“ท่านผู้เฒ่าสามารถลองต่อไปได้นะ” จิ่วโยวกล่าว
ใบหน้าของผู้เฒ่าคูมีสีเขียวสลับสีขาว ก่อนที่จะยิ้มอย่างขมขื่นและส่ายหัว “ผู้บัญชาการจิ่วโยวมีพรสวรรค์อย่างแท้จริง ข้ายอมรับความพ่ายแพ้ในการประลองครั้งนี้”
ฮือฮา
ความโกลาหลระเบิดออก ไม่มีใครคาดว่าผู้เฒ่าคูจะยอมแพ้แบบนี้ แต่มีเพียงเขาที่รู้ว่าครอบเพลิงอมตะนี้ได้เปรียบมาก ถ้าทุ่มสุดแรงก็จะสามารถทำลายได้ แต่แบบนั้นไม่เพียงแต่ต้องใช้เวลานานมาก ยังให้โอกาสจิ่วโยวที่ไม่ต้องเสียแรงอะไร ดังนั้นแม้ว่าเขาจะสามารถหลุดพ้นได้ ก็เป็นเรื่องยากที่เขาจะคว้าชัยชนะ
ในเมื่อเป็นแบบนี้ เขาก็ก้มหน้ายอมรับความพ่ายแพ้และไม่พยายามอย่างไร้ประโยชน์จะดีกว่า
“ขอบคุณสำหรับชัยชนะ” จิ่วโยวยิ้มบางก่อนจะสะบัดมือดึงเพลิงโปร่งใสหดกลับมาแล้วดูดซับพวกมันผ่านปาก อุณหภูมิระหว่างชั้นฟ้าและชั้นดินกลับคืนสู่สภาพปกติอย่างรวดเร็ว
ร่างผู้เฒ่าคูพลิ้วตัวออกจากลานประลองหยุดอยู่ที่ข้างหลงปี้ขณะเหลือบมองอีกฝ่ายก็พูดเสียงเบา “ผู้บัญชาการจิ่วโยวไม่ง่ายต่อกรเลย ข้าเชื่อว่าผู้บัญชาการมู่ก็ไม่ง่ายที่จะจัดการเช่นกัน”
“ก็แค่ปลอมตัวเป็นเทพเพื่อแกล้งผี”
ดวงของหลงปี้วูบไหวขณะมองมู่เฉินอย่างเย็นชา ก่อนที่จะหันมามองหน้าผู้เฒ่าคู “จิ่วโยวเป็นเทพอสูรที่ครอบครองเพลิงอมตะ ดังนั้นนางจึงไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่ง่ายต่อการจัดการ แต่ข้าไม่เชื่อว่าในฐานะมนุษย์ มู่เฉินจะสามารถเพิ่มพลังจนเทียบเท่าระดับจื้อจุนขั้นเก้าในเวลาเพียงปีเดียว!”
เขาเค้นเสียงอย่างเย็นชาจากนั้นก็ส่งแรงไปที่ฝ่าเท้าทะยานขึ้นไปบนลานประลองขนาดใหญ่ มองไปที่มู่เฉินด้วยแววตาดุร้ายและพูดด้วยน้ำเสียงไม่แยแส
“ผู้บัญชาการมู่ ถ้าเจ้าต้องการตำแหน่งจอมพลที่ข้าหมายตา ก็ขอดูหน่อยว่าเจ้าทำเช่นนั้นได้หรือไม่!”