หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – ตอนที่ 1081

ตอนที่ 1081

หนึ่งในใต้หล้า 大主宰
บทที่ 1081 ครอบเพลิงอมตะ
“ระดับจื้อจุนขั้นเก้า…”

สายตาทั่วจัตุรัสตื่นตะลึงจ้องมองไปที่จิ่วโยวด้วยความไม่อยากจะเชื่อ ตามที่ได้ยินมาพลังของผู้บัญชาการจิ่วโยวอยู่ที่ขั้นหกหรือขั้นเจ็ดเท่านั้นไม่ใช่เหรอ? ทำไมขุมพลังของนางถึงทรงพลังมากในตอนนี้?

เหล่าผู้บัญชาการเก่าก็ตกตะลึงไม่แพ้กัน เพราะพวกเขาเข้าใจในตัวจิ่วโยวดีกว่าใคร ก่อนที่นางจะกลับเผ่า แม้ขุมพลังของนางจะถือว่าดี แต่ก็อยู่ในอันดับสามหรือสี่เท่านั้น ทว่าตอนนี้ระดับจื้อจุนขั้นเก้าที่แม้แต่ซิวหลัวก็ยังไม่ประสบความสำเร็จ ทำไมนางถึงแซงหน้าไปได้ก่อน?

“นางใช้ทักษะลับบางอย่างเพื่อเพิ่มขุมพลังชั่วคราวหรือเปล่า?” มีคนเอ่ยอย่างประหลาดใจ

“เป็นไปไม่ได้! ถ้าใช้ทักษะลับจะทำให้คลื่นหลิงของนางยากต่อการควบคุม แต่ดูจากระลอกคลื่นที่ถูกปล่อยออกมา ไม่มีสัญญาณของความยุ่งเหยิงใดๆ ดังนั้นคลื่นหลิงของนางจะต้องสร้างขึ้นจากตัวเอง!”

“แต่นี่ยังไม่ถึงปีเลยนะ ทำไมนางถึงพัฒนาได้มากขนาดนี้?!”

ความโกลาหลระเบิดขึ้น กระทั่งเหล่าผู้บัญชาการก็ยังมีอาการตกใจเขียนบนใบหน้า แต่สุดท้ายพวกเขาก็ได้แต่ส่ายหัวเท่านั้น เนื่องจากพวกเขาก็ไม่รู้ว่าจิ่วโยวไปประสบอะไรมาในช่วงหนึ่งปีทำให้มีพัฒนาการอย่างรวดเร็ว

ผู้เฒ่าคูก็มองจิ่วโยวด้วยความไม่เชื่อบนลานประลอง แต่ดีที่เขาเป็นมือเก๋ามากประสบการณ์ ดังนั้นความตกใจจึงลดลงอย่างรวดเร็ว ทว่ายามนี้ใบหน้าไม่มีริ้วความดูถูกใดๆ กลับถูกแทนที่ด้วยความเคร่งขรึมหนาแน่น

เพราะจากรัศมีพลังที่เกิดจากจิ่วโยว แม้แต่เขายังรู้สึกว่าถูกคุกคาม

จิ่วโยวเป็นเทพอสูรจาก0เผ่าวิหคโลกันตร์ ดังนั้นแม้ว่าทั้งคู่จะอยู่ในระดับจื้อจุนขั้นเก้าระยะต้นเหมือนกัน เขาก็ไม่มั่นใจในการต่อสู้ครั้งนี้

ตอนนี้เขาเข้าใจถึงความมั่นใจที่มาจากมู่เฉินแล้ว ที่แท้จิ่วโยวได้ก้าวเข้าสู่ระดับจื้อจุนขั้นเก้าเรียบร้อย ซึ่งมีคุณสมบัติเพียงพอที่จะลงชิงชัยตำแหน่งจอมพล

“ตาแก่คนนี้มองเจ้าผิดไป ในเมื่อเป็นแบบนี้ข้าก็ขอลองทักษะของเจ้าสักหน่อย” ผู้เฒ่าคูมองไปที่จิ่วโยว ดวงตาขุ่นมัวเปล่งประกาย ขณะที่กำหมัดขึ้นช้าๆ

ตู้ม!

คลื่นหลิงพุ่งพรวดออกมาจากร่างโดยมีสีอมเทา แม้แต่พื้นดินก็ค่อยๆ เหี่ยวแห้งลงจากลักษณะเฉพาะตัวของคลื่นพลังเขา

ชัดว่าไม่มีจอมยุทธ์ระดับจื้อจุนขั้นเก้าคนใดที่สามารถชื่อเสียงโด่งดังได้ในภูมิภาคทางเหนือจะต่อกรได้ง่าย

ก่อนที่จะเริ่มประลองกัน แรงกดดันมหาศาลที่มาจากการปะทะกันของคลื่นพลังงานก็ทำให้ทุกคนที่นี่รู้สึกหนังหัวชาหนึบไปหมดแล้ว

ริ้วแสงในดวงตาของผู้เฒ่าคูวูบวาบขณะที่ย่างสามขุมออกไป ลำแสงสีเทาพลุ่งพล่านกวาดไปทางจิ่วโยวในทุกทิศทาง

ลำแสงนั้นกระจายรัศมีเหี่ยวเฉาออกมา ทุกที่ที่อยู่ในวิถีทาง แม้แต่มิติก็เสื่อมถอยลง

“ถ้าสัมผัสโดนคลื่นหลิงกัดกร่อนของผู้เฒ่าคูก็จะทำให้ร่างกายเหี่ยวแห้งทันที มากจนแม้แต่พลังงานในร่างกายจะปนเปื้อน ทำให้เกิดการเสื่อมสภาพ” เมื่อมองไปที่ลำแสงสีเทา ความกลัวก็กระจายบนใบหน้าของผู้คน ถ้าพวกเขาโดนสัมผัสเข้า ก็คงต้องได้รับบาดเจ็บหนักแน่

ถ้าผู้เฒ่าคูมีเจตนาที่จะโจมตีมาทางพวกเขา ไม่กี่อึดใจก็ทำให้เกิดร่างกายเหี่ยวแห้งนับไม่ถ้วนแล้ว

ภายใต้สายตาหวาดกลัว จิ่วโยวกลับเผชิญกับการโจมตีที่ยิ่งใหญ่อย่างใจเย็น จากนั้นก็กดมือเรียวลงไป

ครืน!

คลื่นหลิงไร้ขอบเขตครางกระหึ่มราวกับคลื่นสึนามิในมหาสมุทร อุณหภูมิที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างน่ากลัว ทำให้อากาศยังลุกเป็นไฟ

ชี่! ชี่!

คลื่นพลังงานขนาดมหึมาสองสายปะทะกัน แต่กลับไม่มีเสียงดังสนั่นที่ทุกคนคาดไว้ นั่นเป็นเพราะขณะที่ชนกัน พวกมันก็พยายามกัดกร่อนซึ่งกันและกันอย่างต่อเนื่อง ทำให้เกิดรอยดำในมิติ

ลำแสงสีเทาตกลงมาเหมือนดาวหาง แต่ไม่ว่ารัศมีเหี่ยวเฉาจะแข็งแกร่งเพียงใด ก็ไม่สามารถเข้าไปใกล้จิ่วโยวได้ในระยะหนึ่งพันจั้งได้

คลื่นหลิงของผู้เฒ่าคูไม่ธรรมดาและน่าสะพรึงกลัว ทว่าคลื่นหลิงของจิ่วโยวก็ไม่ธรรมดาเช่นกัน ภายใต้การแนะนำวิธีฝึกฝนของราชินีวิหคอมตะ นางสามารถกลั่นเพลิงอมตะที่แท้จริงได้ ซึ่งทำให้นางได้รับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในคลื่นพลังงานของตนเอง

เพลิงอมตะมีพลังแห่งชีวิตและความตายอยู่แล้ว ในบางแง่มุมก็ครอบงำเหนือกว่าคลื่นพลังเหี่ยวแห้งของผู้เฒ่าคู ดังนั้นเป็นไปไม่ได้เลยที่พลังงานของอีกฝ่ายจะเข้ามาปนเปื้อนคลื่นพลังของจิ่วโยว

ไม่ว่าผู้เฒ่าคูจะพยายามโจมตีอย่างไร การโจมตีของเขาก็ไม่สามารถเข้าถึงรัศมีหนึ่งพันจั้งรอบตัวจิ่วโยวได้ ซึ่งทำให้ใบหน้าของทุกคนเคร่งเครียดลงหลายส่วน

“ผู้เฒ่าคู ถ้านี่คือทั้งหมดที่มีแล้ว ข้าว่าท่านไม่มีความสามารถรับตำแหน่งจอมพลในวันนี้ได้หรอก” จิ่วโยวยิ้มบาง การโจมตีของผู้เฒ่าคูอาจดูเหมือนไร้ขอบเขต แต่กลับพยายามทดสอบกำลังของนาง

แววตาผู้เฒ่าคูดุดันลงหลายส่วนก่อนที่จะพยักหน้า ทันใดนั้นมือเหี่ยวย่นก็ประสานกัน คลื่นหลิงที่ไร้ขอบเขตก็พุ่งพรวดออกมาราวกับพายุทอร์นาโด ก่อร่างคลื่นหลิงที่เบื้องหลังเขา

ร่างเงานั้นมีลักษณะเฉพาะตัว เป็นรูปแบบคล้ายมนุษย์ แต่กลับปกคลุมด้วยกิ่งก้านต้นไม้ที่เหี่ยวเฉา ราวกับต้นไม้ดึกดำบรรพ์สูงตระหง่าน ทว่าต้นไม้เก่าแก่นี้ปลดปล่อยพลังงานเหี่ยวแห้ง ทำให้คลื่นหลิงในฟ้าดินอ่อนแอลงอย่างรวดเร็ว

“นั่นคือร่างเทห์สวรรค์ของผู้เฒ่าคู—ร่างเทพร่วงโรย!” เมื่อมองไปที่ร่างบนท้องฟ้า เปลือกตาของทุกคนก็กระตุกพร้อมเสียงอุทานต่ำ

ร่างเทพร่วงโรยที่ผู้เฒ่าคูฝึกฝนมหัศจรรย์มากซึ่งอยู่ในอันดับที่หกสิบเอ็ดของทำเนียบคัมภีร์ร่างเทห์สวรรค์เก้าสิบเก้าร่าง การฝึกฝนร่างนี้จะต้องดูดซับพลังงานกัดกร่อนต่างๆ ในสวรรค์และโลก ชายชราใช้เวลาหลายปีในดินแดนรกร้างเพื่อเพาะบ่มร่างกาย ก่อนที่จะสามารถสร้างร่างเทห์สวรรค์ที่เหี่ยวแห้งนี้ได้

นี่เป็นร่างเทห์สวรรค์ที่ครอบงำซึ่งเต็มไปด้วยพลังเหี่ยวแห้ง ถ้าเคลื่อนไหวเข้ามาในร่างกายก็จะสร้างความหายนะให้

โดยปกติแล้วนี่เป็นไพ่ตายของผู้เฒ่าคู แต่ไม่มีใครคิดว่าผู้เฒ่าคูจะใช้ตั้งแต่ที่เริ่มสู้กับจิ่วโยว เห็นได้ชัดว่าจากการหยั่งเชิงเมื่อครู่ เขารู้ว่าไร้ประโยชน์ที่จะใช้วิธีการทั่วไปกับคู่ต่อสู้คนนี้

ร่างของผู้เฒ่าคูลอยขึ้นไปยืนอยู่บนต้นไม้ดึกดำบรรพ์ สายตาจ้องมองมาที่จิ่วโยว เสียงแหบห้าวดังก้อง “ถ้าผู้บัญชาการจิ่วโยวสามารถต้านรับพลังการเหี่ยวแห้งนี้ได้ ตาแก่คนนี้จะยอมรับความพ่ายแพ้”

จิ่วโยวเงยหน้าขึ้นมองไปที่ต้นไม้ดึกดำบรรพ์ นางไม่ได้ดูตกใจกับพลังนั่น กลับยิ้มแล้วพูดว่า “ถ้าผู้เฒ่าคูสามารถทำลายครอบเพลิงอมตะของข้าได้ ข้าก็จะยอมรับความพ่ายแพ้เช่นกัน”

คลื่นหลิงไร้ขอบเขตเหนือร่างเริ่มควบแน่น ก่อตัวเป็นนกยักษ์สีดำที่ปกคลุมท้องฟ้าด้วยปีกที่กางออก

นกยักษ์กรีดร้องเสียงแหลมคม เปิดปากพ่นเปลวไฟที่ดูราวกับโปร่งใส ช่างน่ามหัศจรรย์นัก

“ครอบเพลิงอมตะ!”

เสียงนุ่มของจิ่วโยวเปล่งออกมาจากในหัวใจ ทันใดนั้นเปลวเพลิงก็พวยพุ่งออกมา มิติบิดเบือนสุดท้ายกลายเป็นที่ครอบห่อหุ้มร่างเทพร่วงโรยไว้

ฉ่า! ฉ่า!

เมื่อที่ครอบโปร่งใสครอบลงมา ใบหน้าของผู้เฒ่าคูก็สั่นสะท้าน “เจ้าไม่มั่นใจเกินไปรึ? คิดว่าที่ครอบเพลิงแค่เนี่ยจะขัดขวางข้าได้รึไง?”

ผู้เฒ่าคูเค้นเสียงเยาะอยู่ในหัวใจ แต่สายตาก็ดุดันรุนแรง ตราประทับในมือเปลี่ยนแปลงไปมา ต้นไม้ดึกดำบรรพ์ใต้เท้าก็เริ่มแกว่งไกวด้วยลำแสงสีเทานับหมื่นกวาดตามออกมา

“ฝ่ามืออ่อนร่วงโรย!”

ลำแสงสีเทาควบแน่นรวมเป็นมือใหญ่สีเทา ซึ่งฉายความแห้งเหี่ยว ปลดปล่อยพลังเหี่ยวแห้งแรงกล้าจนทำให้ท้องฟ้าเปลี่ยนเป็นมืดมนลง

ทุกคนรู้สึกว่าหนังหัวลุกชันไปหมด เมื่อพวกเขาจดจำได้ว่านี่เป็นท่าไม้ตายโด่งดังของผู้เฒ่าคูที่สามารถฆ่าจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นแปดแบบตายคาที่

ชัดว่าแม้คำพูดผู้เฒ่าคูจะฟังดูไม่ยอมแพ้ แต่เผชิญหน้ากับจิ่วโยว ก็ยังค่อนข้างหวาดเกรง นั่นก็เพราะเขากลัวว่าวันนี้อาจจะล้มเหลวอย่างน่าสังเวช

ตู้ม!

มือปัดป่ายข้ามขอบฟ้าดูเหมือนไร้น้ำหนัก แต่พลังที่บรรจุอยู่ภายในทำให้ทุกคนที่นี่รู้สึกหวาดกลัว

ที่ครอบปลิวไสวทันทีที่มือใหญ่พุ่งเข้ามา เพลิงไหลเวียนก่อนที่จะกวาดเพลิงโปร่งใสออกมาปะทะกับมือแห้งเหี่ยว

ตู้ม! ตู้ม!

อุณหภูมิน่าสะพรึงกลัวสร้างหายนะไปทั่ว ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงรุนแรงบนใบหน้าผู้เฒ่าคู นั่นเป็นเพราะมือสีเทาเหี่ยวแห้งนั้นเหมือนพบศัตรูตัวฉกาจ ลุกไหม้ราวกับต้นไม้แห้งที่ถูกไฟแผดเผา

“ช่างเป็นเพลิงครอบงำอะไรแบบนี้!”

จ้องมองฉากตรงหน้าผู้คนในจัตุรัสก็ใบหน้ากระตุกพลางอุทานเสียงลั่นออกมา

ดวงตาของเทียนจิ้วและหลิงถงหดลง กระทั่งพวกเขายังรู้สึกว่าถูกคุกคามรุนแรงจากเปลวเพลิงโปร่งใส

“นั่น…นั่นคือเพลิงอมตะแท้จริง?!”

ผู้เฒ่าคูร้องเสียงแหลมออกมาด้วยความหวาดผวาในดวงตา ร่างเทพร่วงโรยที่เขาฝึกฝนถูกสร้างจากพลังงานที่มีฤทธิ์ทำให้หมดแรง คลื่นพลังหยินนี้เย็นเยือก แต่เกรงกลัวต่อคลื่นหยางร้อนแรงมาก ส่วนเพลิงอมตะนี้เป็นตัวปัญหาในปัญหา เพราะไม่ว่าพลังงานของเขาจะพยายามแค่ไหน ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะทำลายพลังชีวิตในเพลิงอมตะได้อย่างสมบูรณ์

จิ่วโยวยิ้มขณะที่จ้องมองสีหน้าเปลี่ยนแปลงรุนแรงของผู้เฒ่าคู ครอบเพลิงอมตะได้รับการถ่ายทอดโดยราชินีวิหคอมตะ แม้จะไม่สามารถทำร้ายผู้เฒ่าคูได้ แต่ดักจับเท่านี้ก็มากเกินพอแล้ว

“ท่านผู้เฒ่าสามารถลองต่อไปได้นะ” จิ่วโยวกล่าว

ใบหน้าของผู้เฒ่าคูมีสีเขียวสลับสีขาว ก่อนที่จะยิ้มอย่างขมขื่นและส่ายหัว “ผู้บัญชาการจิ่วโยวมีพรสวรรค์อย่างแท้จริง ข้ายอมรับความพ่ายแพ้ในการประลองครั้งนี้”

ฮือฮา

ความโกลาหลระเบิดออก ไม่มีใครคาดว่าผู้เฒ่าคูจะยอมแพ้แบบนี้ แต่มีเพียงเขาที่รู้ว่าครอบเพลิงอมตะนี้ได้เปรียบมาก ถ้าทุ่มสุดแรงก็จะสามารถทำลายได้ แต่แบบนั้นไม่เพียงแต่ต้องใช้เวลานานมาก ยังให้โอกาสจิ่วโยวที่ไม่ต้องเสียแรงอะไร ดังนั้นแม้ว่าเขาจะสามารถหลุดพ้นได้ ก็เป็นเรื่องยากที่เขาจะคว้าชัยชนะ

ในเมื่อเป็นแบบนี้ เขาก็ก้มหน้ายอมรับความพ่ายแพ้และไม่พยายามอย่างไร้ประโยชน์จะดีกว่า

“ขอบคุณสำหรับชัยชนะ” จิ่วโยวยิ้มบางก่อนจะสะบัดมือดึงเพลิงโปร่งใสหดกลับมาแล้วดูดซับพวกมันผ่านปาก อุณหภูมิระหว่างชั้นฟ้าและชั้นดินกลับคืนสู่สภาพปกติอย่างรวดเร็ว

ร่างผู้เฒ่าคูพลิ้วตัวออกจากลานประลองหยุดอยู่ที่ข้างหลงปี้ขณะเหลือบมองอีกฝ่ายก็พูดเสียงเบา “ผู้บัญชาการจิ่วโยวไม่ง่ายต่อกรเลย ข้าเชื่อว่าผู้บัญชาการมู่ก็ไม่ง่ายที่จะจัดการเช่นกัน”

“ก็แค่ปลอมตัวเป็นเทพเพื่อแกล้งผี”

ดวงของหลงปี้วูบไหวขณะมองมู่เฉินอย่างเย็นชา ก่อนที่จะหันมามองหน้าผู้เฒ่าคู “จิ่วโยวเป็นเทพอสูรที่ครอบครองเพลิงอมตะ ดังนั้นนางจึงไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่ง่ายต่อการจัดการ แต่ข้าไม่เชื่อว่าในฐานะมนุษย์ มู่เฉินจะสามารถเพิ่มพลังจนเทียบเท่าระดับจื้อจุนขั้นเก้าในเวลาเพียงปีเดียว!”

เขาเค้นเสียงอย่างเย็นชาจากนั้นก็ส่งแรงไปที่ฝ่าเท้าทะยานขึ้นไปบนลานประลองขนาดใหญ่ มองไปที่มู่เฉินด้วยแววตาดุร้ายและพูดด้วยน้ำเสียงไม่แยแส

“ผู้บัญชาการมู่ ถ้าเจ้าต้องการตำแหน่งจอมพลที่ข้าหมายตา ก็ขอดูหน่อยว่าเจ้าทำเช่นนั้นได้หรือไม่!”

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler ฟรี ได้ที่ novel-fast 


เรื่องย่อ

โดย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler บางส่วนของนิยาย

บทนำ

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป

‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้

แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์

แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว

ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ

เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง?

ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน…

เรื่องย่อ

เมื่อคำพูดของมู่เฉินกระจายออกไป ไม่เพียงแต่จะไม่มีการตอบสนอง แม้แต่ด้านนอกเจดีย์ก็ถูกห่อหุ้มด้วยบรรยากาศราวกับป่าช้า…

ทุกคนตกตะลึงไปกับฉากนี้ พวกเขาจ้องมองจุดที่ลู่สุยหายตัวไป ราวกับว่ายังไม่สามารถฟื้นจากอาการตะลึงงันที่เกิดขึ้นได้

ก่อนหน้าเมื่อลู่สุยออกกระบวนท่าที่น่าสะพรึง ผู้คนส่วนใหญ่ก็คิดว่าผลลัพธ์ของการต่อสู้ได้ถูกกำหนดแล้ว ทว่าพวกเขาไม่คิดเลยว่ามู่เฉินจะพลิกสถานการณ์ได้อีกครั้ง เตะลู่สุยที่เหมือนจะคว้าชัยชนะออกไป

ทุกคนตะลึงไปพักใหญ่ ก่อนที่พวกเขาจะหลุดออกจากอาการได้ สายตาเคร่งเครียดลง การประลองกันครั้งนี้มู่เฉินไม่ได้ใช้ค่ายกล แต่เขาก็สามารถเอาชนะจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดอย่างลู่สุยได้ด้วยความแข็งแกร่งที่อยู่ในขั้นหกเท่านั้น แม้ว่าจะมีผลจากลู่สุยประมาทเองในตอนแรก แต่นั่นก็แสดงให้เห็นว่ามู่เฉินน่ากลัวแค่ไหน

พลังเช่นนี้เขาสามารถเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์อันดับต้นๆ ในเจดีย์ฝึกพลังกายได้เลยทีเดียว

ทางฝั่งกลุ่มกระเรียนฟ้า ใบหน้าของหลิ่วชิงกลายเป็นเขียวสลับขาว นางมองไปที่ร่างสูงโปร่งบนหน้าจอ กลืนน้ำลายเหนียวหนืด ความกลัวปรากฏในดวงตาของนางเป็นครั้งแรก

มาถึงจุดนี้นางคงโง่แน่ถ้ายังคิดปฏิบัติต่อมู่เฉินเหมือนกับจอมยุทธ์ขั้นหกทั่วไป

ด้วยพลังในการต่อสู้ที่เขาแสดงออกมา บวกกับค่ายกลทรงพลัง แม้แต่จงเถิงก็ยากจะได้เปรียบหากพวกเขาต่อสู้กัน

ก่อนหน้านี้นางหัวเราะเยาะและมองจิ่วโยวด้วยความดูถูก แต่ตอนนี้นางอายแทบแทรกแผ่นดินหนี ซึ่งจุดนี้รู้ได้จากสายตาเยาะเย้ยเหล่านั้นที่ปรายมองเข้ามา

“ทำไมมู่เฉินถึงทรงพลังเช่นนี้?” จงฮั้วที่พ่ายแพ้ให้กับมู่เฉินก็มีสีหน้าเคร่งขรึมเช่นกัน ก่อนหน้านี้เขาเคยคิดเช่นกันว่ามู่เฉินพึ่งพาเพียงค่ายกลเพื่อจัดการกับศัตรู แต่ใครจะคิดว่าเมื่อไม่มีการใช้ค่ายกลมู่เฉินก็สามารถเอาชนะลู่สุยแบบดุร้ายยิ่งกว่าอะไร

“ดูเหมือนว่ามีเพียงพี่ใหญ่จงเถิงเท่านั้นที่สามารถจัดการกับเขาได้” จอมยุทธ์อีกคนของเผ่ากระเรียนฟ้าพยักหน้า

หลิ่วชิงพยักหน้าเบาๆ ไม่เพียงแต่พวกเขาจะพิจารณาพลังของมู่เฉินพลาดไปเท่านั้น แม้แต่จงเถิงก็ตัดสินอีกฝ่ายผิดไป ชายคนนั้นเป็นสัตว์ประหลาดอย่างแท้จริง

ฟิ้ว!

ขณะที่นอกเจดีย์ต่างตกตะลึงกับผลลัพธ์ที่มู่เฉินนำมา ทันใดนั้นแสงก็กะพริบบนแท่นนอกเจดีย์ ร่างน่าสังเวชปรากฏขึ้น

เมื่อร่างนั้นออกมาก็รีบถอยกลับไปปรากฏตัวขึ้นในกลุ่มอีกาสายฟ้าทันควัน นี่ก็คือลู่สุยที่มีสีหน้าซีดขาว คลื่นหลิงของเขาถดถอยลงอย่างมาก

สายตาโดยรอบยิงเข้าหาในเวลานี้ทันที

ใบหน้าของลู่สุยเขียวคล้ำ สายตาเกลียดชังมองไปที่มู่เฉินที่อยู่บนหน้าจอ ก่อนที่จะหันหัวสาดสายตาดุร้ายใส่จิ่วโยวและมั่วหลิง ที่ข้างๆ พรรคพวกของเขาก็มีท่าทางไม่ดีเช่นกัน

ทว่าจิ่วโยวไม่กลัวที่จะเผชิญหน้ากับสายตาเหล่านั้น นางเค้นเสียงอย่างเย็นชา “ลูกหมาที่ถูกฟาดยังกล้าที่จะออกมาแยกเขี้ยวอีกเหรอ?”

ตอนนี้ลู่สุยบาดเจ็บสาหัส สูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไปหมด ส่วนคนที่เหลือก็ไม่มีอะไรต้องกลัว หากพวกเขากล้าที่จะคิดบัญชีกับพวกนาง จิ่วโยวก็ไม่คิดปล่อยพวกเขาไว้เป็นภัยคุกคามในอนาคตหรอก

สายตาแสดงความเกลียดชังของลู่สุยจ้องเขม็งอยู่ที่จิ่วโยว แต่สุดท้ายเขาก็ต้องถอนสายตาออกไปอย่างไม่เต็มใจ ก่อนที่จะถอยกลับนั่งลงบนซากปรักหักพังเข้าสมาธิเพื่อฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ

จอมยุทธ์กลุ่มอีกาสายฟ้าก็ปรากฏรอบตัวเขาเพื่อปกป้อง

เมื่อจิ่วโยวเห็นการตอบสนองนั่น นางก็ไม่ได้ใส่ใจกับพวกเขาอีก นางมองไปที่หน้าจออีกครั้งโดยพุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่ร่างเงาอ่อนเยาว์ มือที่กำแน่นผ่อนคลายลง

เห็นได้ชัดว่านี่เป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงสำหรับนางที่มู่เฉินจะเอาชนะได้เด็ดขาดแบบนี้ นั่นเป็นเพราะตามการประเมินของนางแม้ว่ามู่เฉินจะยืนยงอยู่ได้ก็เป็นยากที่จะเอาชนะลู่สุยด้วยขุมพลังจื้อจุนขั้นหกและถ้าการต่อสู้ถูกลากไปจนสุดอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบคาดไม่ถึง

ทว่าผลลัพธ์สุดท้ายที่ได้ก็ทำให้นางทั้งประหลาดใจและดีใจ

เห็นได้ชัดว่ามู่เฉินได้รับประโยชน์มหาศาลจากสามชั้นแรกของเจดีย์ฝึกพลังกาย ไม่เช่นนั้นเขาไม่สามารถแสดงพลังเป็นที่ประจักษ์เช่นนี้ได้

“ว่ากันว่าในชั้นสี่มหัศจรรย์กว่านี้มาก หากใครสามารถเข้าไปได้ พวกเขาจะสามารถได้รับผลประโยชน์เกินกว่าสามชั้นแรกมาก…”

จิ่วโยวยิ้มบาง ดูจากสถานการณ์ปัจจุบันไม่น่ามีปัญหาใดๆ ที่มู่เฉินจะเข้าสู่ชั้นสี่ สำหรับมั่วเฟิงความแข็งแกร่งของเขาเป็นหนึ่งในอันดับต้นของกลุ่มที่เข้าไป ดังนั้นจึงไม่ยากสำหรับเขาที่จะได้หนึ่งในห้าที่นั่งนี้ไปเช่นกัน

ดูเหมือนว่าการเดินทางมาที่เจดีย์ฝึกพลังกายโบราณครั้งนี้เผ่าวิหคโลกันตร์อาจเป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

บนลานเมฆสายฟ้า

ไม่มีใครตอบคำถามของมู่เฉิน ขณะนี้แม้แต่จอมยุทธ์ทรงอำนาจอย่างหานซันและสีคุนก็ยังรู้สึกหวาดระแวงมู่เฉินอยู่บ้าง ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกที่จะไม่ไปปะทะกับมนุษย์ผู้นี้

ดังนั้นคนทั้งหมดที่อยู่ที่นี่จึงเงียบลง ก่อนที่จะถอยออกจากรัศมีโดยรอบมู่เฉินอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณบอกว่าพวกเขาไม่ต้องการต่อสู้กับเขา

เมื่อมู่เฉินเห็นภาพนี้ก็ไม่มีอารมณ์ใดบนใบหน้า แต่ในใจกลับรู้สึกโล่งอก คนอื่นๆ เห็นเพียงฉากการต่อสู้ตระการที่เขาเอาชนะลู่สุยได้ แต่พวกเขาไม่รู้หรอกว่าหมัดที่เขาชกออกไปก่อนหน้านี้คือพลังงานส่วนเกินจากสามชั้นแรก

ร่างกายของมู่เฉินก่อนหน้าเปรียบเสมือนฟองน้ำที่ดูดซับน้ำจนถึงขีดจำกัด หมัดของเขาจึงเท่ากับบีบน้ำออกจนหมด ทำให้ร่างกายที่อัดแน่นกลับสู่สภาพเดิม

ดังนั้นถ้าให้เขาโจมตีแบบนั้นอีกครั้ง พลังก็จะไม่ทรงประสิทธิภาพเหมือนเมื่อครู่แน่นอน

ประสิทธิผลพิเศษชนิดนี้ของการสะสมพลังงานในร่างกายเป็นทักษะที่ได้มาจากกายามังกรหงส์ ด้วยวิธีนี้เขาจะได้รับผลลัพธ์ที่ไม่มีใครคาดคิดไว้ กลายเป็นไพ่ลับอีกใบหนึ่ง

“คัมภีร์หลงเฟิ่งทรงพลังจริงๆ”

แม้แต่มู่เฉินก็ยังชื่นชมในสิ่งนี้ คัมภีร์หลงเฟิ่งสมแล้วที่เป็นทักษะยอดเยี่ยมแท้จริง จากการประเมินของเขาคัมภีร์นี้ต้องอยู่ในระดับเสินทงแน่นอน ซึ่งไม่ธรรมดาแม้จะอยู่ในกลุ่มวิทยายุทธระดับเสินทงด้วย

มู่เฉินชื่นชมก่อนที่จะใจเย็นลง แม้ว่าตอนนี้จะไม่มีใครท้าทายเขา แต่เขาก็ไม่ตั้งใจที่จะท้าทายคนอื่นด้วยเช่นกัน เขายืนนิ่งบนตำแหน่งตนเองรอผลการคัดออก

สำหรับจงเถิง มู่เฉินรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นพวกยุแยงให้ลู่สุยมาปะทะกับเขา แต่เนื่องจากตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ดีในการจัดการ เขาจึงได้แต่ผลักแผนไปก่อน

แต่ถึงกระนั้นสายตาคมกล้าของมู่เฉินก็ยังจ้องเขม็งไปที่จงเถิง รอบตัวเต็มไปด้วยคลื่นหลิงราวกับเสือดาวที่กำลังจะจ้องตะครุบเหยื่ออัดแน่นด้วยภัยคุกคาม

เมื่อเห็นท่าทางของมู่เฉิน จงเถิงที่ประจันหน้ากับมั่วเฟิงก็รู้สึกอึดอัดใจ เขาต้องแยกสมาธิอยู่ตลอดเพื่อจับตามองมู่เฉิน ป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายเคลื่อนไหวมาประสานพลังกับมั่วเฟิง

ด้วยวิธีนี้สมาธิของจงเถิงจึงค่อนข้างฟุ้งซ่าน สุดท้ายเขาได้แต่กัดฟัน ถอนคลื่นหลิงและถอยออกจากบริเวณของมั่วเฟิง

“พี่มั่วยากสำหรับการต่อสู้ของเราที่จะได้ข้อสรุป ทำไมเราไม่ไปจัดการคนอื่นและรับที่นั่งมาล่ะ?” ขณะที่จงเถิงถอยกลับเสียงก็สะท้อนก้องไปด้วย

มั่วเฟิงจ้องมองจงเถิงอย่างไม่แยแสก่อนที่จะพยักหน้า นั่นเป็นเพราะเขารู้ว่าหากพวกเขายังอยู่ในสถานการณ์ยืนจ้องหน้ากันก็จะไม่เกิดผลลัพธ์ใด หากเขาร่วมมือกับมู่เฉิน พวกเขาอาจทำให้จงเถิงบ้าดีเดือดขึ้นมา แม้แต่พวกเขาก็ต้องจ่ายราคามหาศาลจากการตีโต้

ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับพวกเขาคือการได้ที่นั่งเพื่อเข้าสู่ชั้นสี่

เมื่อจงเถิงเห็นคำตอบของมั่วเฟิงก็รู้สึกโล่งใจในใจ เขาถอยกลับอย่างรวดเร็วออกจากจุดที่มู่เฉินและมั่วเฟิงอยู่ เขาครุ่นคิดสั้นๆ ก่อนจะเลือกปะทะกับคนที่อ่อนแอกว่า

พอมู่เฉินเห็นจงเถิงไปแล้วก็ไม่ได้ใส่ใจอีกต่อไป สายตาหันมามองมั่วเฟิงแล้วก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้มแสดงความขอบคุณในการช่วยเหลือครั้งนี้

สายตาของมั่วเฟิงเป็นมิตรมากขึ้น คิดว่าการที่มู่เฉินเอาชนะลู่สุย ทำให้มั่วเฟิงมองมู่เฉินในฐานะจอมยุทธ์ที่อยู่ในระดับเดียวกันกับเขา ดังนั้นจึงไม่ได้มีท่าทางเฉยเมยเหมือนเมื่อก่อน

มั่วเฟิงพยักหน้าให้มู่เฉิน ก่อนที่จะหันหลังกลับและเริ่มเลือกคู่ต่อสู้ของตนเอง

ครืน!

เมื่อทุกคนเลือกคู่ต่อสู้แล้ว ทันใดนั้นคลื่นหลิงก็ระเบิดรุนแรงบนลานเมฆสายฟ้า คลื่นกระแทกกวาดออก ทำให้มิติเกิดการสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นไม่หยุด

บนลานเมฆสายฟ้าพลังงานหลิงกวาดหายนะ มีเพียงตรงมู่เฉินเท่านั้นที่ไม่ถูกรบกวน เนื่องจากไม่มีใครกล้าเหยียบเข้ามาในรัศมีพันจั้ง ยามนี้เขาเหมือนผู้ชมที่ดูการต่อสู้ติดขอบ ในเวลาเดียวกันก็บันทึกกระบวนท่าที่ทรงพลังของบางคนไว้ในสมอง

แม้ว่าในชั้นนี้พวกเขาอาจไม่ได้ประลองกัน แต่ก็ยังมีอีกสองชั้นรอพวกเขาอยู่ ใครจะสามารถรับประกันได้ว่าจะไม่มีการลดจำนวนลงในชั้นต่อไป?

ดังนั้นถ้ามีโอกาสเขาต้องพยายามจดจำข้อมูลผู้อื่นเก็บไว้

ภายใต้การสังเกตของมู่เฉิน การประลองบนลานเมฆสายฟ้าก็คงอยู่ชั่วระยะหนึ่ง ก่อนที่แต่ละคู่จะมาถึงจุดสิ้นสุด ผลลัพธ์ก็เป็นไปตามที่คาดไว้

หลังจากมู่เฉินก็เป็นหานซันที่เอาชนะคู่ต่อสู้ได้ที่นั่งที่สองไป

จากนั้นมั่วเฟิงและจงเถิงก็คว้าชัยชนะตามมา

ที่นั่งสุดท้ายตกเป็นของสีคุนที่ก่อนหน้านี้เคยแพ้หานซันที่ด้านนอกเจดีย์ ชายนี้มีความแข็งแกร่งที่น่าตกใจ แม้แต่หานซันยังต้องใช้ทักษะเต็มที่ถึงจะได้รับชัยชนะมา

เมื่อสีคุนได้รับที่นั่งสุดท้ายลานเมฆสายฟ้าขนาดใหญ่ก็เงียบลงอีกครั้ง ร่างทั้งห้ายืนอยู่ ขณะรัศมีไร้ขอบเขตทั้งห้าสายพุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าชนกันเปรี้ยงปร้าง

ทว่าการชนกันก็ดำเนินไปเพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ ก่อนที่ทั้งห้าจะถอนคลื่นพลังพร้อมกัน พวกเขาเหลือบมองกันและกัน จากนั้นก็ไม่ลังเลทะยานออกไปปรากฏตัวบนเบาะทั้งห้า

สายตาพวกเขาพุ่งตรงไปยังมิติด้านหลังลานเมฆสายฟ้าด้วยความโลภ ตรงนั้นเส้นดาวหางจำนวนมากกวาดผ่านราวกับฝนดาวตก

ในแสงเหล่านั้นแก่นหยดสายฟ้ากำลังกะพริบด้วยความแวววาว


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท