หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – ตอนที่ 1085

ตอนที่ 1085

หนึ่งในใต้หล้า 大主宰
บทที่ 1085 ซากโบราณ
ในจัตุรัส

เมื่อได้ยินคำพูดของหลงปี้ ความโกลาหลก็กวาดไปทั่ว แต่ไม่มีความไม่อยากเชื่อเหมือนเมื่อครู่กลับเต็มไปด้วยอาการทอดถอนหายใจแทน

เนื่องจากมู่เฉินพิสูจน์ให้เห็นถึงความแข็งแกร่งพร้อมกับพลังการต่อสู้ทรงประสิทธภาพของจอมยุทธ์เกือบจะบรรลุระดับจื้อจุนขั้นเก้าที่สู้กับขั้นเก้าระยะต้นตัวจริงได้!

เขามีคุณสมบัติแท้จริงที่จะก้าวขึ้นตำแหน่งจอมพล

“น่าเกรงขามมาก” ซิวหลัวมองร่างอ่อนอาวุโสในจัตุรัส ใบหน้าที่มักไม่มีอารมณ์ก็เปลี่ยนไปเล็กน้อยก่อนที่จะถอนหายใจ

เมื่อนึกย้อนกลับไปตอนที่มู่เฉินเพิ่งจะมาถึงอาณาเขตกงเวทสวรรค์ เขาเป็นเพียงแม่ทัพตัวจ้อยเท่านั้น แต่หลังจากผ่านไปหลายปี เขาก็ก้าวข้ามทุกคนขึ้นดำรงตำแหน่งจอมพล

เหล่าผู้บัญชาการดั้งเดิมคนอื่นก็ถอนหายใจ เนื่องจากพวกเขาถือได้ว่าเห็นการทะยานขึ้นสวรรค์ของมู่เฉินจากพื้นล่างจนถึงสูงสุดที่น่าอัศจรรย์ในในปัจจุบัน

“เสี่ยยิง พวกเจ้าสองคนมีเรื่องบาดหมางกันในอดีตมากมายนี่” เลี่ยซันจ้องมองไปที่เสี่ยยิงแล้วเอ่ยหยอก ย้อนกลับไปตอนที่จิ่วโยวเพิ่งกลับมาก็เกิดความขัดแย้งหลายเรื่องระหว่างนางกับเสี่ยยิง ทำเอาทั้งสำนักปั่นป่วนไปหมด

เสี่ยยิงมีสีหน้าอึกอักหลังจากได้ยินเรื่องนี้ หากเขารู้ว่ามู่เฉินและจิ่วโยวจะมาไกลขนาดนี้ ในอดีตเขาก็ไม่กล้าทำผิดกับอีกฝ่าย แต่โชคดีที่แม้จะมีความขัดแย้ง แต่ก็ไม่ได้ล้ำเส้น ไม่อย่างนั้นเขาคงตัวสั่นงันงกด้วยความกลัวในขณะนี้

ผู้บัญชาการคนใหม่อื่นๆ ก็แอบกระซิบกระซาบกัน สถานการณ์ปัจจุบันเกินความคาดหมายของทุกคน ไม่มีใครคิดว่าหลงปี้และผู้เฒ่าคูจะแพ้ในการพิธีมอบยศราชันครั้งนี้ เมื่อเป็นเช่นนี้มู่เฉินกับจิ่วโยวก็จะขึ้นเป็นจอมพลอันดับสี่และห้า

เมื่อมีการเพิ่มสองตำแหน่งจอมพลก็จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงใหญ่หลวงในสำนักแน่นอน เนื่องจากอำนาจของจอมพลในเขตปกครองยิ่งใหญ่มาก มากจนสามารถตัดสินใจเกี่ยวกับทรัพยากรที่จะจัดสรรให้กับเหล่าผู้บัญชาการ

ผู้บัญชาการที่เพิ่งได้รับการแต่งตั้งใหม่บางคนถึงกับครุ่นคิดว่าควรแสดงความตั้งใจจะพินอบพิเทาเพื่อรับการสนับสนุนจากจอมพลทั้งสองหรือไม่

จัตุรัสร้อนระอุด้วยความปั่นป่วนและความคิดที่แตกต่าง แต่เหล่าจอมพลทั้งสามกลับมีรอยยิ้มบนใบหน้า เนื่องจากจิ่วโยวและมู่เฉินถือได้ว่าสมาชิกเก่าของสำนัก ดังนั้นพวกเขาจึงไม่มีความกินแหนงแคลงใจมากเเกี่ยวกับทั้งคู่ที่รับตำแหน่งใหม่ ไม่ว่าอย่างไรก็ดีกว่าหลงปี้และผู้เฒ่าคู

มั่นถัวหลัวยืนขึ้นเบื้องหน้าบัลลังก์ แม้ว่าตัวนางจะดูเล็กกระทัดรัด แต่เมื่อยืนขึ้นจัตุรัสที่มีแต่เสียงอึกทึกก็นิ่งเงียบ ทั้งสมาชิกเก่าและใหม่ของสำนักต่างมองมาทางนางด้วยสายตาเคารพนับถือ

ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลาย จอมยุทธ์อันดับหนึ่งของภูมิภาคทางเหนือ ล้วนเป็นฉายาที่ทำให้มั่นถัวหลัวกลายเป็นจอมยุทธ์ที่โด่งดังที่สุดในเวลานี้

“จากบทสรุปของการประลอง จากนี้เป็นต้นไปอาณาเขตกงเวทสวรรค์จะมีจอมพลเพิ่มอีกสองคน จอมพลมู่และจอมพลจิ่วโยว” เสียงนุ่มนวลของมั่นถัวหลัวครอบคลุมไปทั่วเขตแดน

“ขอแสดงความยินดีกับท่านจอมพลทั้งสองสำหรับตำแหน่งใหม่!

น้ำเสียงแสดงความเคารพดังสะท้อนก้องพร้อมกับสายตาอิจฉาพุ่งไปที่ทั้งสอง นี่ถือเป็นครั้งแรกของอาณากงเวทสวรรค์ที่มีจอมพลอายุน้อยเพียงนี้

ทว่าขณะที่ผู้ชมอิจฉาความเยาว์วัยของทั้งสอง ก็ตกใจไปกับพรสวรรค์และพลังของทั้งคู่เช่นกัน พวกเขาสามารถประลองกับหลงปี้และผู้เฒ่าคูซึ่งเป็นจอมยุทธ์ที่มีชื่อเสียงในภูมิภาคทางเหนือได้ตั้งแต่อายุเท่านี้ พรสวรรค์นี้ทำให้ทุกคนรู้สึกอิจฉาอย่างแท้จริง

มั่นถัวหลัวกวาดมองไปที่หลงปี้และผู้เฒ่าคูกล่าวปลอบว่า “ไม่จำเป็นต้องเสียใจกับความล้มเหลวนี้ พวกเจ้าทั้งสองมีพลังพอที่จะได้รับตำแหน่งจอมพล เพียงแค่ขาดระยะเวลาในสำนักเท่านั้น”

ทั้งคู่อยู่ในระดับจื้อจุนขั้นเก้าและพลังของพวกเขาก็มีนัยสำคัญอย่างยิ่งต่ออาณาเขตกงเวทสวรรค์ ดังนั้นมั่นถัวหลัวจึงต้องเอ่ยปลอบใจเพื่อไม่ให้พวกเขาเกิดความไม่พอใจ

แน่นอนว่าจอมยุท์ทั้งสองคนนี้มีจิตใจที่หยิ่งยโส ถ้าได้รับตำแหน่งจอมพลตั้งแต่แรกอาจทำให้เย่อหยิ่งในอนาคต ซึ่งนั่นไม่เป็นเรื่องดีสำหรับสำนัก ดังนั้นมั่นถัวหลัวจึงดีใจที่เห็นทั้งมู่เฉินและจิ่วโยวเอาชนะพวกเขาและได้รับตำแหน่งจอมพลแทน

เมื่อได้ยินคำพูดประโลมใจของมั่นถัวหลัว สีหน้าของหลงปี้และผู้เฒ่าคูก็ดีขึ้นเล็กน้อย หลังจากประสบกับเหตุการณ์นี้ ความเย่อหยิ่งในใจก็ลดลงไปหลายส่วน

ย้อนกลับไปตอนที่พวกเขาเข้าร่วมกับอาณาเขตกงเวทสวรรค์ พวกเขาจ้องตาเป็นมันที่ตำแหน่งระดับสูง เพราะนอกเหนือจากมั่นถัวหลัว ก็มีเพียงซุยนอนเท่านั้นที่ทำให้พวกเขารู้สึกหวาดกลัว กระทั่งเทียนจิ้วและหลิงถงพวกเขายังไม่วางไว้ในสายตา เนื่องจากตอนที่พวกเขาบรรลุระดับจื้อจุนขั้นเก้าและกลายเป็นจอมยุทธ์ชั้นนำของภูมิภาคทางเหนือ จอมพลทั้งสองยังอยู่ในระดับจื้อจุนขั้นแปดเท่านั้น

ดังนั้นพวกเขาจึงรู้สึกอย่างเป็นธรรมชาติว่าหลังจากเข้าร่วมกับอาณาเขตกงเวทสวรรค์ก็เป็นเรื่องปกติที่พวกเขาจะได้รับตำแหน่งจอมพลซึ่งถัดจากมั่นถัวหลัวเท่านั้น ในแง่ของสถานะไม่มีใครที่มีคุณสมบัติสามารถแข่งขันกับพวกเขาได้

แต่ใครจะไปคิดว่ามู่เฉินและจิ่วโยวจะปรากฏตัวในช่วงเวลาสำคัญเช่นนี้ ทำลายความมั่นใจในตัวเองของพวกเขาแตกเป็นเสี่ยงๆ

เมื่อมองดูแบบนี้ อาณาเขตกงเวทสวรรค์ลึกเกินหยั่งและไม่สามารถมองข้ามได้ ดังนั้นพวกเขาต้องปรับทัศนคติใหม่

คิดถึงจุดนี้ หลงปี้และผู้เฒ่าคูก็แอบพยักหน้า ประสานมือโค้งคำนับให้มั่นถัวหลัว เมื่อเทียบกับเมื่อก่อนท่าทางพวกเขาเต็มใจมากขึ้น

ความวุ่นวายในจัตุรัสยังไม่ได้หยุดลง เมื่อชื่อจอมพลทั้งสองเผยออก วัตถุประสงค์ของการประชุมราชันครั้งนี้ก็ถึงฉากจบแล้ว มั่นถัวหลัวกวาดสายตาไปโดยรอบก่อนจะพูดว่า “ทุกคนน่าจะรู้กันว่าซากโบราณของวังสวรรค์บรรพกาลได้ปรากฏขึ้นแล้วในทวีปเทียนหลัว”

ทั่วบริเวณเงียบกริบฉับพลันจากคำพูดของนาง ดวงตาลุกเป็นไฟ ข่าวเกี่ยวกับวังสวรรค์บรรพกาลกระจายไปทั่วทุกหย่อมหญ้าของทวีปเทียนหลัว แม้แต่ภูมิภาคทางเหนือก็ยังพูดถึงเรื่องนี้อย่างร้อนแรง

วังสวรรค์บรรพกาลเป็นขั้วอำนาจที่ยิ่งใหญ่และเป็นขั้วอำนาจหนึ่งเดียวที่เคยปกครองทวีปเทียนหลัวทั้งหมด เจิดจรัสแม้แต่ในสมัยโบราณซึ่งเต็มไปจอมยุทธ์ทรงพลังมากมาย

นั่นเป็นเพราะผู้ก่อตั้งเป็นหนึ่งในเก้าจักรพรรดิในสมัยโบราณ—จักรพรรดิฟ้า!

ทว่าวังโบราณได้หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยเมื่อเผ่าปีศาจต่างมิติบุกเข้ามา แม้ว่าจะมีข่าวออกมาเป็นครั้งคราว แต่เมื่อตรวจสอบทั้งหมดก็ล้วนแต่เป็นข่าวโคมลอย

ทว่าคราวนี้ทุกคนรู้ว่าข่าวนี่เป็นของจริง!

นั่นเป็นเพราะขั้วอำนาจทรงพลังทั้งหมดที่มีความละโมบอยากครอบครอบขุมทรัพย์โบราณนี้ ต่างได้ให้ความสนใจต่อซากอารยธรรมโบราณแห่งนี้

“วังโบราณระดับนี้เต็มไปด้วยโอกาสมากมายกระทั่งคนอย่างข้ายังอดใจสั่นไม่ได้ ข้าได้ทำการตกลงกับขั้วอำนาจสูงสุดอื่นๆ ของภูมิภาคทางเหนือ เราจะเข้าร่วมศึกนี้ในฐานะพันธมิตรกัน!” เสียงของมั่นถัวหลัวดังก้อง ทำให้ไฟที่ลุกโชนในดวงตาของทุกคนแกร่งกร้าวขึ้น

พวกเขาไม่สงสัยในคำพูดของมั่นถัวหลัวเลย วังสวรรค์บรรพกาลที่ทิ้งไว้โดยจักรพรรดิฟ้า โอกาสในนั้น ไม่ต้องพูดถึงจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลายเลย ต่อให้เป็นขั้นเต็มหรือแม้กระทั่งคนที่มีคุณสมบัติก้าวเข้าสู่ระดับเทียนจื้อจุนก็ยังถูกล่อลวงมาด้วยเช่นกัน

แน่นอนว่าสิ่งนี้ช่างดึงดูดใจนัก วังสวรรค์บรรพกาลเคยอยู่ยงคงกระพันในทวีปเทียนหลัว หากพวกเขาสามารถได้รับโอกาสบางอย่างในนั้น พลังจะต้องทะยานขึ้นอย่างแน่นอน บางทีอาจมีการพัฒนาเหมือนมู่เฉินและจิ่วโยวเลยก็ได้

สำหรับพันธมิตรก็ไม่เป็นเรื่องที่สมควรทำ ภูมิภาคทางเหนือไม่โดดเด่นในทวีปเทียนหลัวเนื่องจากความขัดแย้งที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง จึงไม่มีขั้วอำนาจที่สามารถปกครองทั้งภูมิภาคได้ ครั้งนี้ถ้าไม่ใช่ความจริงที่ว่าประมุขของพวกเขาบรรลุระดับตี้จื้อจุนขั้นปลายละก็ การตั้งพันธมิตรเช่นนี้ยังยากที่จะทำได้

ถ้าพวกเขาต้องการเผชิญหน้ากับขั้วอำนาจทรงพลังอื่นๆ ในทวีปเทียนหลัวเพื่อแย่งชิงสมบัติ ก็จำเป็นต้องรวมขั้วอำนาจสูงสุดทั้งหมดในภูมิภาคทางเหนือเข้าด้วยกัน ไม่เช่นนั้นเป็นไปไม่ได้ถ้ามีเพียงอาณาเขตกงเวทสวรรค์สำนักเดียว

หลงปี้และผู้เฒ่าคูแลกเปลี่ยนสายตากันก็เห็นอารมณ์พลุ่งพล่านในดวงตากันและกัน พวกเขาติดแหง็กที่ระดับจื้อจุนขั้นเก้ามาหลายปีแล้ว ยิ่งกว่านั้นยังมีจอมยุทธ์หลายคนที่ติดแหง็กอยู่ในขุมพลังนี้ไปตลอดชีวิตที่เหลือ พวกเขาไม่มั่นใจเกี่ยวกับการบรรลุระดับตี้จื้อจุน แต่ถ้าได้เข้าไปในซากวังโบราณ ก็จะได้รับโอกาสมากขึ้น

ดังนั้นทั้งสองจึงรีบประสานมือเสียงดังก้องออกมา “พวกเราพร้อมสนับสนุนการตัดสินใจของท่านประมุขและจะพยายามเต็มความสามารถเพื่อช่วยเหลือ!”

เมื่อเสียงสะท้อนของพวกเขาดังกังวาน ทันใดนั้นจอมยุทธ์นับไม่ถ้วนในจัตุรัสก็เอ่ยตาม ช่างเป็นฉากงดงามนัก

มู่เฉินสูดหายใจเข้าลึกๆ แม้ว่าท่าทางยังสงบนิ่ง แต่นิ้วมือที่สั่นระริกก็แสดงให้เห็นถึงคลื่นที่แล่นพล่านในหัวใจ

หลังจากที่เขาออกจากสำนักศึกษาเป่ยชางพร้อมกับจิ่วโยวเดินทางมาที่อาณาเขตกงเวทสวรรค์ เขาก็มีพัฒนาการและฝึกฝนมาตลอด ทุกอย่างที่ทำมาก็เพื่อวันนี้ไม่ใช่เหรอ…

ทักษะในการพัฒนาร่างเทพสุริยะที่ต้องการอยู่ในวังโบราณนี้ มีเพียงการได้รับมาเท่านั้นถึงจะทำให้เขาสามารถพัฒนาร่างเทห์สวรรค์ได้ แม้ว่าร่างเทพสุริยะจะไม่ธรรมดา แต่มู่เฉินก็พบว่าร่างนี้ยังขาดไปเมื่อพลังของเขาเพิ่มขึ้น เขารู้ดีว่าเมื่อตนเองบรรลุระดับตี้จื้อจุนความช่วยเหลือจากร่างเทพสุริยะก็จะเหลืออยู่เพียงน้อยนิด

เพราะไม่ว่าจะลึกซึ้งเพียงใด ร่างนี้ก็เป็นเพียงร่างต้นในสุดยอดทำเนียบร่างเทห์สวรรค์เก้าสิบเก้าร่าง

ดังนั้นเขาจึงต้องพัฒนาร่างเทพสุริยะ เพราะด้วยวิธีนี้เท่านั้น เขาถึงจะก้าวไปข้างหน้าเพื่อไล่ล่าสุดยอดร่างเทห์สววรค์ในตำนาน—ร่างมหาเทพนิรันดร์ได้

ซึ่งนั่นเป็นร่างเทห์สวรรค์ที่สมบูรณ์แบบที่สุด แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนก็ยังถูกดึงดูด นี่เป็นความใฝ่ฝันที่ซ่อนไว้ในใจมู่เฉินอยู่ตลอดเวลา

เมื่อเขาประสบความสำเร็จก็จะเดินทางไปทุกหนแห่งในมหาพันภพตามที่ปรารถนา ไม่มีใครสามารถขัดขวางได้ ในเวลานั้นเขาจะไม่ต้องกลัวพวกลึกลับที่ขังมารดาของเขาไว้

ดังนั้นมู่เฉินคงเป็นคนที่คาดหวังมากที่สุดกับวังโบราณแห่งนี้

มองดูจัตุรัสที่เดือดพล่านพร้อมกับสายตาร้อนแรง มั่นถัวหลัวก็มองไปที่มู่เฉิน แม้ว่ามู่เฉินจะยังคงแสดงออกอย่างสงบ นางก็สามารถสัมผัสถึงความตื่นเต้นในส่วนลึกของดวงตาเขา นางแย้มยิ้มดูเหมือนทุกคนมีความสนใจเรื่องนี้อย่างมาก

จากนั้นนางก็หันศีรษะมองไกลออกไป ราวกับทะลุผ่านมิติ จับจ้องไปที่ซากโบราณ

ในเมื่อวังโบราณปรากฏขึ้น คนผู้นั้นก็คงจะปรากฏด้วยเช่นกัน นางรู้ดีในใจว่าเขาให้ความสำคัญกับวังโบราณเพียงใด

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้มั่นถัวหลัวก็แตะที่ข้อมือตัวเองรู้สึกถึงคำสาปที่ทำให้เจ็บปวดแสนสาหัส ขณะที่ไอเย็นสะท้านวาบผ่านนัยน์ตาไป

ถึงเวลาที่ความแค้นจะได้รับการชำระเสียที…

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler ฟรี ได้ที่ novel-fast 


เรื่องย่อ

โดย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler บางส่วนของนิยาย

บทนำ

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป

‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้

แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์

แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว

ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ

เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง?

ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน…

เรื่องย่อ

เมื่อคำพูดของมู่เฉินกระจายออกไป ไม่เพียงแต่จะไม่มีการตอบสนอง แม้แต่ด้านนอกเจดีย์ก็ถูกห่อหุ้มด้วยบรรยากาศราวกับป่าช้า…

ทุกคนตกตะลึงไปกับฉากนี้ พวกเขาจ้องมองจุดที่ลู่สุยหายตัวไป ราวกับว่ายังไม่สามารถฟื้นจากอาการตะลึงงันที่เกิดขึ้นได้

ก่อนหน้าเมื่อลู่สุยออกกระบวนท่าที่น่าสะพรึง ผู้คนส่วนใหญ่ก็คิดว่าผลลัพธ์ของการต่อสู้ได้ถูกกำหนดแล้ว ทว่าพวกเขาไม่คิดเลยว่ามู่เฉินจะพลิกสถานการณ์ได้อีกครั้ง เตะลู่สุยที่เหมือนจะคว้าชัยชนะออกไป

ทุกคนตะลึงไปพักใหญ่ ก่อนที่พวกเขาจะหลุดออกจากอาการได้ สายตาเคร่งเครียดลง การประลองกันครั้งนี้มู่เฉินไม่ได้ใช้ค่ายกล แต่เขาก็สามารถเอาชนะจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดอย่างลู่สุยได้ด้วยความแข็งแกร่งที่อยู่ในขั้นหกเท่านั้น แม้ว่าจะมีผลจากลู่สุยประมาทเองในตอนแรก แต่นั่นก็แสดงให้เห็นว่ามู่เฉินน่ากลัวแค่ไหน

พลังเช่นนี้เขาสามารถเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์อันดับต้นๆ ในเจดีย์ฝึกพลังกายได้เลยทีเดียว

ทางฝั่งกลุ่มกระเรียนฟ้า ใบหน้าของหลิ่วชิงกลายเป็นเขียวสลับขาว นางมองไปที่ร่างสูงโปร่งบนหน้าจอ กลืนน้ำลายเหนียวหนืด ความกลัวปรากฏในดวงตาของนางเป็นครั้งแรก

มาถึงจุดนี้นางคงโง่แน่ถ้ายังคิดปฏิบัติต่อมู่เฉินเหมือนกับจอมยุทธ์ขั้นหกทั่วไป

ด้วยพลังในการต่อสู้ที่เขาแสดงออกมา บวกกับค่ายกลทรงพลัง แม้แต่จงเถิงก็ยากจะได้เปรียบหากพวกเขาต่อสู้กัน

ก่อนหน้านี้นางหัวเราะเยาะและมองจิ่วโยวด้วยความดูถูก แต่ตอนนี้นางอายแทบแทรกแผ่นดินหนี ซึ่งจุดนี้รู้ได้จากสายตาเยาะเย้ยเหล่านั้นที่ปรายมองเข้ามา

“ทำไมมู่เฉินถึงทรงพลังเช่นนี้?” จงฮั้วที่พ่ายแพ้ให้กับมู่เฉินก็มีสีหน้าเคร่งขรึมเช่นกัน ก่อนหน้านี้เขาเคยคิดเช่นกันว่ามู่เฉินพึ่งพาเพียงค่ายกลเพื่อจัดการกับศัตรู แต่ใครจะคิดว่าเมื่อไม่มีการใช้ค่ายกลมู่เฉินก็สามารถเอาชนะลู่สุยแบบดุร้ายยิ่งกว่าอะไร

“ดูเหมือนว่ามีเพียงพี่ใหญ่จงเถิงเท่านั้นที่สามารถจัดการกับเขาได้” จอมยุทธ์อีกคนของเผ่ากระเรียนฟ้าพยักหน้า

หลิ่วชิงพยักหน้าเบาๆ ไม่เพียงแต่พวกเขาจะพิจารณาพลังของมู่เฉินพลาดไปเท่านั้น แม้แต่จงเถิงก็ตัดสินอีกฝ่ายผิดไป ชายคนนั้นเป็นสัตว์ประหลาดอย่างแท้จริง

ฟิ้ว!

ขณะที่นอกเจดีย์ต่างตกตะลึงกับผลลัพธ์ที่มู่เฉินนำมา ทันใดนั้นแสงก็กะพริบบนแท่นนอกเจดีย์ ร่างน่าสังเวชปรากฏขึ้น

เมื่อร่างนั้นออกมาก็รีบถอยกลับไปปรากฏตัวขึ้นในกลุ่มอีกาสายฟ้าทันควัน นี่ก็คือลู่สุยที่มีสีหน้าซีดขาว คลื่นหลิงของเขาถดถอยลงอย่างมาก

สายตาโดยรอบยิงเข้าหาในเวลานี้ทันที

ใบหน้าของลู่สุยเขียวคล้ำ สายตาเกลียดชังมองไปที่มู่เฉินที่อยู่บนหน้าจอ ก่อนที่จะหันหัวสาดสายตาดุร้ายใส่จิ่วโยวและมั่วหลิง ที่ข้างๆ พรรคพวกของเขาก็มีท่าทางไม่ดีเช่นกัน

ทว่าจิ่วโยวไม่กลัวที่จะเผชิญหน้ากับสายตาเหล่านั้น นางเค้นเสียงอย่างเย็นชา “ลูกหมาที่ถูกฟาดยังกล้าที่จะออกมาแยกเขี้ยวอีกเหรอ?”

ตอนนี้ลู่สุยบาดเจ็บสาหัส สูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไปหมด ส่วนคนที่เหลือก็ไม่มีอะไรต้องกลัว หากพวกเขากล้าที่จะคิดบัญชีกับพวกนาง จิ่วโยวก็ไม่คิดปล่อยพวกเขาไว้เป็นภัยคุกคามในอนาคตหรอก

สายตาแสดงความเกลียดชังของลู่สุยจ้องเขม็งอยู่ที่จิ่วโยว แต่สุดท้ายเขาก็ต้องถอนสายตาออกไปอย่างไม่เต็มใจ ก่อนที่จะถอยกลับนั่งลงบนซากปรักหักพังเข้าสมาธิเพื่อฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ

จอมยุทธ์กลุ่มอีกาสายฟ้าก็ปรากฏรอบตัวเขาเพื่อปกป้อง

เมื่อจิ่วโยวเห็นการตอบสนองนั่น นางก็ไม่ได้ใส่ใจกับพวกเขาอีก นางมองไปที่หน้าจออีกครั้งโดยพุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่ร่างเงาอ่อนเยาว์ มือที่กำแน่นผ่อนคลายลง

เห็นได้ชัดว่านี่เป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงสำหรับนางที่มู่เฉินจะเอาชนะได้เด็ดขาดแบบนี้ นั่นเป็นเพราะตามการประเมินของนางแม้ว่ามู่เฉินจะยืนยงอยู่ได้ก็เป็นยากที่จะเอาชนะลู่สุยด้วยขุมพลังจื้อจุนขั้นหกและถ้าการต่อสู้ถูกลากไปจนสุดอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบคาดไม่ถึง

ทว่าผลลัพธ์สุดท้ายที่ได้ก็ทำให้นางทั้งประหลาดใจและดีใจ

เห็นได้ชัดว่ามู่เฉินได้รับประโยชน์มหาศาลจากสามชั้นแรกของเจดีย์ฝึกพลังกาย ไม่เช่นนั้นเขาไม่สามารถแสดงพลังเป็นที่ประจักษ์เช่นนี้ได้

“ว่ากันว่าในชั้นสี่มหัศจรรย์กว่านี้มาก หากใครสามารถเข้าไปได้ พวกเขาจะสามารถได้รับผลประโยชน์เกินกว่าสามชั้นแรกมาก…”

จิ่วโยวยิ้มบาง ดูจากสถานการณ์ปัจจุบันไม่น่ามีปัญหาใดๆ ที่มู่เฉินจะเข้าสู่ชั้นสี่ สำหรับมั่วเฟิงความแข็งแกร่งของเขาเป็นหนึ่งในอันดับต้นของกลุ่มที่เข้าไป ดังนั้นจึงไม่ยากสำหรับเขาที่จะได้หนึ่งในห้าที่นั่งนี้ไปเช่นกัน

ดูเหมือนว่าการเดินทางมาที่เจดีย์ฝึกพลังกายโบราณครั้งนี้เผ่าวิหคโลกันตร์อาจเป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

บนลานเมฆสายฟ้า

ไม่มีใครตอบคำถามของมู่เฉิน ขณะนี้แม้แต่จอมยุทธ์ทรงอำนาจอย่างหานซันและสีคุนก็ยังรู้สึกหวาดระแวงมู่เฉินอยู่บ้าง ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกที่จะไม่ไปปะทะกับมนุษย์ผู้นี้

ดังนั้นคนทั้งหมดที่อยู่ที่นี่จึงเงียบลง ก่อนที่จะถอยออกจากรัศมีโดยรอบมู่เฉินอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณบอกว่าพวกเขาไม่ต้องการต่อสู้กับเขา

เมื่อมู่เฉินเห็นภาพนี้ก็ไม่มีอารมณ์ใดบนใบหน้า แต่ในใจกลับรู้สึกโล่งอก คนอื่นๆ เห็นเพียงฉากการต่อสู้ตระการที่เขาเอาชนะลู่สุยได้ แต่พวกเขาไม่รู้หรอกว่าหมัดที่เขาชกออกไปก่อนหน้านี้คือพลังงานส่วนเกินจากสามชั้นแรก

ร่างกายของมู่เฉินก่อนหน้าเปรียบเสมือนฟองน้ำที่ดูดซับน้ำจนถึงขีดจำกัด หมัดของเขาจึงเท่ากับบีบน้ำออกจนหมด ทำให้ร่างกายที่อัดแน่นกลับสู่สภาพเดิม

ดังนั้นถ้าให้เขาโจมตีแบบนั้นอีกครั้ง พลังก็จะไม่ทรงประสิทธิภาพเหมือนเมื่อครู่แน่นอน

ประสิทธิผลพิเศษชนิดนี้ของการสะสมพลังงานในร่างกายเป็นทักษะที่ได้มาจากกายามังกรหงส์ ด้วยวิธีนี้เขาจะได้รับผลลัพธ์ที่ไม่มีใครคาดคิดไว้ กลายเป็นไพ่ลับอีกใบหนึ่ง

“คัมภีร์หลงเฟิ่งทรงพลังจริงๆ”

แม้แต่มู่เฉินก็ยังชื่นชมในสิ่งนี้ คัมภีร์หลงเฟิ่งสมแล้วที่เป็นทักษะยอดเยี่ยมแท้จริง จากการประเมินของเขาคัมภีร์นี้ต้องอยู่ในระดับเสินทงแน่นอน ซึ่งไม่ธรรมดาแม้จะอยู่ในกลุ่มวิทยายุทธระดับเสินทงด้วย

มู่เฉินชื่นชมก่อนที่จะใจเย็นลง แม้ว่าตอนนี้จะไม่มีใครท้าทายเขา แต่เขาก็ไม่ตั้งใจที่จะท้าทายคนอื่นด้วยเช่นกัน เขายืนนิ่งบนตำแหน่งตนเองรอผลการคัดออก

สำหรับจงเถิง มู่เฉินรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นพวกยุแยงให้ลู่สุยมาปะทะกับเขา แต่เนื่องจากตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ดีในการจัดการ เขาจึงได้แต่ผลักแผนไปก่อน

แต่ถึงกระนั้นสายตาคมกล้าของมู่เฉินก็ยังจ้องเขม็งไปที่จงเถิง รอบตัวเต็มไปด้วยคลื่นหลิงราวกับเสือดาวที่กำลังจะจ้องตะครุบเหยื่ออัดแน่นด้วยภัยคุกคาม

เมื่อเห็นท่าทางของมู่เฉิน จงเถิงที่ประจันหน้ากับมั่วเฟิงก็รู้สึกอึดอัดใจ เขาต้องแยกสมาธิอยู่ตลอดเพื่อจับตามองมู่เฉิน ป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายเคลื่อนไหวมาประสานพลังกับมั่วเฟิง

ด้วยวิธีนี้สมาธิของจงเถิงจึงค่อนข้างฟุ้งซ่าน สุดท้ายเขาได้แต่กัดฟัน ถอนคลื่นหลิงและถอยออกจากบริเวณของมั่วเฟิง

“พี่มั่วยากสำหรับการต่อสู้ของเราที่จะได้ข้อสรุป ทำไมเราไม่ไปจัดการคนอื่นและรับที่นั่งมาล่ะ?” ขณะที่จงเถิงถอยกลับเสียงก็สะท้อนก้องไปด้วย

มั่วเฟิงจ้องมองจงเถิงอย่างไม่แยแสก่อนที่จะพยักหน้า นั่นเป็นเพราะเขารู้ว่าหากพวกเขายังอยู่ในสถานการณ์ยืนจ้องหน้ากันก็จะไม่เกิดผลลัพธ์ใด หากเขาร่วมมือกับมู่เฉิน พวกเขาอาจทำให้จงเถิงบ้าดีเดือดขึ้นมา แม้แต่พวกเขาก็ต้องจ่ายราคามหาศาลจากการตีโต้

ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับพวกเขาคือการได้ที่นั่งเพื่อเข้าสู่ชั้นสี่

เมื่อจงเถิงเห็นคำตอบของมั่วเฟิงก็รู้สึกโล่งใจในใจ เขาถอยกลับอย่างรวดเร็วออกจากจุดที่มู่เฉินและมั่วเฟิงอยู่ เขาครุ่นคิดสั้นๆ ก่อนจะเลือกปะทะกับคนที่อ่อนแอกว่า

พอมู่เฉินเห็นจงเถิงไปแล้วก็ไม่ได้ใส่ใจอีกต่อไป สายตาหันมามองมั่วเฟิงแล้วก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้มแสดงความขอบคุณในการช่วยเหลือครั้งนี้

สายตาของมั่วเฟิงเป็นมิตรมากขึ้น คิดว่าการที่มู่เฉินเอาชนะลู่สุย ทำให้มั่วเฟิงมองมู่เฉินในฐานะจอมยุทธ์ที่อยู่ในระดับเดียวกันกับเขา ดังนั้นจึงไม่ได้มีท่าทางเฉยเมยเหมือนเมื่อก่อน

มั่วเฟิงพยักหน้าให้มู่เฉิน ก่อนที่จะหันหลังกลับและเริ่มเลือกคู่ต่อสู้ของตนเอง

ครืน!

เมื่อทุกคนเลือกคู่ต่อสู้แล้ว ทันใดนั้นคลื่นหลิงก็ระเบิดรุนแรงบนลานเมฆสายฟ้า คลื่นกระแทกกวาดออก ทำให้มิติเกิดการสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นไม่หยุด

บนลานเมฆสายฟ้าพลังงานหลิงกวาดหายนะ มีเพียงตรงมู่เฉินเท่านั้นที่ไม่ถูกรบกวน เนื่องจากไม่มีใครกล้าเหยียบเข้ามาในรัศมีพันจั้ง ยามนี้เขาเหมือนผู้ชมที่ดูการต่อสู้ติดขอบ ในเวลาเดียวกันก็บันทึกกระบวนท่าที่ทรงพลังของบางคนไว้ในสมอง

แม้ว่าในชั้นนี้พวกเขาอาจไม่ได้ประลองกัน แต่ก็ยังมีอีกสองชั้นรอพวกเขาอยู่ ใครจะสามารถรับประกันได้ว่าจะไม่มีการลดจำนวนลงในชั้นต่อไป?

ดังนั้นถ้ามีโอกาสเขาต้องพยายามจดจำข้อมูลผู้อื่นเก็บไว้

ภายใต้การสังเกตของมู่เฉิน การประลองบนลานเมฆสายฟ้าก็คงอยู่ชั่วระยะหนึ่ง ก่อนที่แต่ละคู่จะมาถึงจุดสิ้นสุด ผลลัพธ์ก็เป็นไปตามที่คาดไว้

หลังจากมู่เฉินก็เป็นหานซันที่เอาชนะคู่ต่อสู้ได้ที่นั่งที่สองไป

จากนั้นมั่วเฟิงและจงเถิงก็คว้าชัยชนะตามมา

ที่นั่งสุดท้ายตกเป็นของสีคุนที่ก่อนหน้านี้เคยแพ้หานซันที่ด้านนอกเจดีย์ ชายนี้มีความแข็งแกร่งที่น่าตกใจ แม้แต่หานซันยังต้องใช้ทักษะเต็มที่ถึงจะได้รับชัยชนะมา

เมื่อสีคุนได้รับที่นั่งสุดท้ายลานเมฆสายฟ้าขนาดใหญ่ก็เงียบลงอีกครั้ง ร่างทั้งห้ายืนอยู่ ขณะรัศมีไร้ขอบเขตทั้งห้าสายพุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าชนกันเปรี้ยงปร้าง

ทว่าการชนกันก็ดำเนินไปเพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ ก่อนที่ทั้งห้าจะถอนคลื่นพลังพร้อมกัน พวกเขาเหลือบมองกันและกัน จากนั้นก็ไม่ลังเลทะยานออกไปปรากฏตัวบนเบาะทั้งห้า

สายตาพวกเขาพุ่งตรงไปยังมิติด้านหลังลานเมฆสายฟ้าด้วยความโลภ ตรงนั้นเส้นดาวหางจำนวนมากกวาดผ่านราวกับฝนดาวตก

ในแสงเหล่านั้นแก่นหยดสายฟ้ากำลังกะพริบด้วยความแวววาว


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท