หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – ตอนที่ 1095

ตอนที่ 1095

หนึ่งในใต้หล้า 大主宰
บทที่ 1095 พบหลินจิ้งอีกครั้ง
ภายใต้สายตาไม่อยากจะเชื่อของทุกคน

แม้แต่ใบหน้าของมู่เฉินก็ฉายแววตกใจเมื่อมองหญิงสาว นางคลี่รอยยิ้มทรงเสน่ห์เผยให้เห็นฟันขาวมุกเรียงเป็นระเบียบ ดวงตาเต็มไปด้วยจิตวิญญาณที่ไม่มีใครสามารถลืมได้เมื่อเห็นนาง

“จะ…เจ้า หลินจิ้ง?!” หัวใจของมู่เฉินตกตะลึงก่อนที่จะฟื้นคืนสติ เขามองไปที่หญิงสาวที่คุ้นเคยตรงหน้าอุทานเรียกชื่อ

ย้อนกลับไปตอนที่มู่เฉินออกจากสำนักศึกษาเป่ยชางมายังทวีปเทียนหลัว เขาได้พบกับหลินจิ้งระหว่างทางและตัวตนของนางก็คือองค์หญิงน้อยแห่งแคว้นหวู

เทพจักรพรรดิสงครามที่มีชื่อโด่งดังทั่วมหาพันภพก็คือบิดาของนาง

มู่เฉินไม่คิดเลยว่าหลังจากผ่านไปหลายปีเขาจะพบนางที่นี่อีกครั้ง นี่ทำเอาเขาตกตะลึงไปครู่หนึ่ง ก่อนที่จะอดยิ้มให้กับความทรงจำเก่าไม่ได้ ก่อนหน้านั้นเขาเป็นจอมยุทธ์ที่ยังไม่เคยชำระร่างเทห์สวรรค์ แต่ตอนนี้เขากลับก้าวเข้าสู่ระดับเกือบจื้อจุนขั้นเก้าได้แล้ว

“ทำไมเจ้ามาอยู่ที่นี่?” มู่เฉินอดไม่ได้ที่จะเกิดความประหลาดใจ

หลินจิ้งยิ้ม “ข้าได้ยินมาว่าวังสวรรค์บรรพกาลปรากฏในทวีปเทียนหลัว นอกจากนี้ข้ายังจำได้ว่าเจ้าเคยบอกว่าจะมุ่งหน้ามาที่ทวีปนี้ ข้าอึดอัดจากการถูกประกบตัวแจที่บ้าน ดังนั้นก็เลยออกมาเที่ยวข้างนอกสักหน่อย”

ขณะที่พูดนางก็มองไปรอบๆ ด้วยความอยากรู้ “แต่โชคชะตาเราต้องกันจริงๆ เราพบกันในงานประมูลทุกครั้งเลยเนอะ…”

เมื่อนางพูดถึงการประมูล มู่เฉินก็นึกขึ้นได้ สายตาตกตะลึงของทุกคนจ้องอยู่ที่หลินจิ้ง พวกเขายังตกใจกับราคาสูงลิ่วที่นางเสนอออกมา

“หึ สาวน้อยจากไหนกัน กล้ามาสร้างปัญหาที่นี่!” เซี่ยหงที่หายจากอาการตื่นตะลึงก็มองไปที่หลินจิ้ง เมื่อเขาเห็นรูปลักษณ์ของหลินจิ้งราวกับเทพธิดา ความตกใจก็วูบไหวในดวงตาแวบหนึ่งก่อนที่จะกลายเป็นแววแห่งกามารมณ์

ในมุมมองของเขาทั้งหลินจิ้งและจิ่วโยวเป็นสาวงามล่มเมือง คนหนึ่งมีไหวพริบฉับพลัน คนหนึ่งเรียบเย็นและภาคภูมิ ระดับดังกล่าวเป็นอันตรายต่อชีวิตสำหรับคนที่ชอบความสวยงามอย่างเขา

“อะแฮ่ม เจ้ายกเลิกการเสนอราคาเมื่อครู่ก่อน” มู่เฉินเตือนหลินจิ้งอย่างรวดเร็ว ของเหลวจื้อจุนสี่สิบห้าล้านหยด คงต้องคั้นมาทั้งอาณาเขตกงเวทสวรรค์ นอกจากนี้ยังไม่คุ้มค่ากับป้ายที่ยังไม่รู้ว่ามีประโยชน์อะไร

“เฮ้ เจ้าคิดว่าที่นี่คือที่ไหน? ที่ที่เจ้าสามารถเสนอราคาและยกเลิกได้ตามที่ต้องการรึ?”

ทว่าเมื่อมู่เฉินพูดจบ เซี่ยหงก็เอ่ยเย้ยหยันทันควันก่อนที่จะมองหลินจิ้งตาหวาน “ทำไมเจ้าไม่มานั่งกับข้าแล้วประมูลด้วยกันล่ะแม่นางน้อย? ข้ารับประกันได้ว่าจะไม่มีใครกล้าพูดอะไรสักคำกับเรื่องเมื่อสักครู่”

หลินจิ้งกะพริบตา “เจ้าจะช่วยข้าจ่ายราคาของเหลวจื้อจุนสี่สิบหน้าล้านหยดเหรอ”

เซี่ยหงยิ้มค้างก่อนที่จะพูดว่า “ราคาของป้ายนี้ไม่คุ้มกับของเหลวจื้อจุนสี่สิบห้าล้านหยดหรอก… ข้าจะถือว่าไม่เคยได้ยินที่เจ้าพูดเล่น”

หลินจิ้งเบ้ปากพูดว่า “ใครจะเล่นกับเจ้า ข้าเสนอราคาสี่สิบห้าล้าน หากเจ้าไม่สามารถจ่ายได้ก็หยุดพล่ามเรื่องไร้สาระซะ”

ทุกคนตกตะลึงไปก่อนที่จะมองหลินจิ้งตาถลน หญิงสาวเสนอราคาของเหลวจื้อจุนสี่สิบห้าล้านหยดจริงเหรอ? นางมีปัญญาจ่ายจริงเรอะ?

ชิ้งหย่าและมู่ซันก็มีสีหน้าปกคลุมด้วยความตกใจ นี่เกินความคาดหมายของทุกคนไปไกลสำหรับสถานการณ์ที่ดำเนินอยู่ในที่แห่งนี้

หลินจิ้งที่เอ่ยประโยคตอกหน้าซึ่งสร้างความอับอายให้กับเซี่ยหง สายตาของเขาเปลี่ยนเป็นมืดครึ้ม “แม่นางน้อย อย่ากินอะไรเกินกว่าที่เคี้ยวได้ ของเหลวจื้อจุนสี่สิบห้าล้านหยด เจ้าจ่าย…”

ประโยคของเซี่ยหงถูกขัดจังหวะทันที สายตามองไปที่ข้างหน้าอย่างว่างเปล่าก็เห็นหลินจิ้งเหยียดมือขาวออกมาพร้อมกับขวดหยกบินออกไป จากนั้นปากขวดก็เอียงได้ยินเสียงดังก้อง สายธารหลายสายหลั่งไหลออกมา คลื่นหลิงยิ่งใหญ่เติมเต็มไปทั่วทุกมุมของโรงประมูลทันที

ทุกคนตกตะลึงจ้องมองไปที่สายธารเบื้องบน ด้วยสายตาพวกเขาบอกได้ว่าแม่น้ำนี้เกิดขึ้นจากของเหลวจื้อจุนซึ่งมีคุณภาพค่อนข้างสูงเลยทีเดียว…

มองไปที่สายธารไม่มีที่สิ้นสุดไหลออกมาจากขวดหยก ทีนี้ก็ไม่มีใครสงสัยว่านางสามารถจ่ายของเหลวจื้อจุนได้ถึงสี่สิบห้าล้านหยดแล้ว…

สายตาของชิ้งหย่าและคนอื่นๆ เคร่งขรึมลง พวกเขามองหญิงสาวตัวเล็กด้วยแววตาลึกซึ้ง คนที่สามารถพกของเหลวจื้อจุนจำนวนมหาศาลติดตัว นางจะต้องมาจากขั้วอำนาจพิเศษมากอย่างแท้จริง

เพราะไม่ใช่ขั้วอำนาจใดก็ได้ที่มีความสามารถทางการเงินในการใช้ของเหลวจื้อจุนสี่สิบห้าล้านหยดได้อย่างง่ายดายแบบนี้

ครืน…

สายธารของเหลวเริงระบำ หลินจิ้งก็โบกมือเรียกเก็บทั้งหมดกลับเข้าไปในขวด ก่อนจะมองไปที่เซี่ยหงที่ดวงตาถลนถามว่า “เจ้ายังมีปัญหากับการเสนอราคาของข้าหรือไม่?”

หลินจิ้งจ้องมองสีหน้าน่าเกลียดของเซี่ยหงพูดต่อว่า “แต่เจ้าสามารถเรียกราคาประมูลเพิ่มได้นะ ใครจะรู้? ข้าอาจยอมถอยหากเจ้าเพิ่มราคาอีกก็ได้”

ใบหน้าของเซี่ยหงมืดครึ้มลง แม้ว่าหลินจิงจะพูดในลักษณะนี้ แต่ดวงตากลับพริบพราวแจ่มชัดด้วยความตื่นเต้น นางไม่มีท่าทางที่จะถอยและยึดจากท่าทางที่ทำไปก่อนหน้า นางไม่ลังเลที่จะเพิ่มราคาตามเซี่ยหงแน่นอน

นอกจากนี้ด้วยการเสนอราคาสูงถึงสี่สิบห้าล้าน ใครจะกล้าเกทับนางอีก? แม้ว่าพี่ใหญ่จะอยู่ที่นี่ด้วยก็ต้องไตร่ตรองการตัดสินใจอีกครั้ง ทรัพยากรและภูมิหลังทางการเงินของแคว้นเซี่ยแข็งแกร่งก็จริง แต่ก็ไม่สามารถใช้จ่ายอย่างฟุ่มเฟือยขนาดนี้

ทุกคนมองเซี่ยหงสายตาบางส่วนฉายแววขบขันในที เซี่ยหงเคยเบ่งทับคนอื่นด้วยศักยภาพทางการเงิน แต่ตอนนี้มีใครบางคนใจถึงกว่าปรากฏตัวขึ้น ข่มเขาด้วยความร่ำรวยจนถึงจุดที่เขาไม่กล้าเพิ่มราคา…

ในใจของเซี่ยหงเดือดดาล เขากำลังคิดจะผลักการเสนอราคาออกไป แต่เมื่อนึกถึงผลที่ตามมาของราคาที่น่าสะพรึงกลัว เขาก็กระแทกตัวนั่งลง มือกำแน่นจนได้ยินเสียงกระดูกลั่นเปรียะ

หลินจิ้งมองเซี่ยหงที่นั่งลงก่อนจะเลื่อนสายตาไปที่มู่เฉิน “ครั้งนี้ข้าพกเงินมาเยอะเลย”

ดูเหมือนว่านางยังจำได้ว่ามู่เฉินเคยให้ความช่วยเหลือ ตอนที่หนีออกจากบ้านมาแบบถังแตกเมื่อหลายปีก่อน

มู่เฉินและจิ่วโยวมองหน้ากันแล้วส่ายหัวเผยรอยยิ้มขมขื่น การจ่ายของเหลวจื้อจุนสี่สิบห้าล้านหยดในครั้งเดียว… นางเป็นคนใจถึงจริงๆ แต่เมื่อนึกถึงตัวตนของนางพวกเขาก็เข้าใจเหตุผลว่าทำไม

แคว้นหวูเป็นขั้วอำนาจที่มีชื่อเสียงสูงสุดในมหาพันภพแม้แต่ขั้วอำนาจโหดหินทั้งหลายในทวีปเทียนหลัวก็สู้ไม่ได้กระทั่งรวมพลังกัน เพราะประมุขแคว้นหวูมีขุมพลังเทียนจื้อจุนแท้จริง นอกจากนี้…ก็ยังเป็นหนึ่งในยอดยุทธ์แห่งมหาพันภพตัวจริง พลังของเทพจักรพรรดิสงครามผู้นี้ไม่อาจคาดเดาและไม่สามารถวัดได้

การมีบิดาที่ทรงพลังเช่นนี้ก็สมเหตุสมผลที่หลินจิ้งจะไม่เกรงกลัวอะไร

ขณะที่มู่เฉินกับหลินจิ้งกำลังพูดคุยกัน หานเฟยที่อยู่บนแท่นประมูลก็ออกจากภวังค์ เขาจ้องมองหลินจิ้งราวกับว่าได้เห็นเทพธิดามาโปรด ตั้งแต่เกิดมานี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นคนโปรยเงินเล่นแบบไม่แยแส…

“อืม… แม่นางน้อยผู้นี้เสนอราคาสี่สิบห้าล้าน มีใครให้ราคาสูงกว่านี้ไหม?” หานเฟยถามเสียงดังพลางมองไปรอบๆ

ทว่าคำถามของเขาดึงดูดสายตาผู้คนให้มองมาราวกับเห็นคนโง่ สี่สิบห้าล้านหยดกระทั่งเซี่ยหงยังเลือกที่จะถอย แล้วใครจะกล้าเกทับอีกล่ะ?

เมื่อเห็นสายตาเหล่านั้น หานเฟยก็รู้สึกอายเล็กน้อย เขารีบประกาศว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ป้ายล้ำค่าก็เป็นของแม่นางน้อยผู้นี้!”

ทันทีที่พูดเสร็จก็โบกมือเพื่อส่งป้ายให้กับหลินจิ้งโดยมีผู้คุ้มกันหลายสิบคนเดินล้อมไปด้วย

ทว่าการทำธุรกรรมเป็นไปอย่างราบรื่น หลังจากที่ตรวจสอบจำนวนของเหลวจื้อจุนเสร็จแล้ว หานเฟยก็ส่งมอบป้ายให้กับหลินจิ้งด้วยมารยาทพร้อมกับมือที่สั่นเทา

หลินจิ้งหยิบป้ายขึ้นมาโยนขึ้นลงโดยไม่ได้สนใจ ทำให้เปลือกตาทุกคนกระตุกไม่หยุด นั่นคือของที่มีมูลค่าถึงสี่สิบห้าล้านหยดของเหลวจื้อจุนเชียวนะ ถ้าหล่นแตกขึ้นมาจะทำยังไง…

แต่ขณะที่เปลือกตากระตุก การกระทำต่อมาของหลินจิ้งก็เล่นเอาขากรรไกรพวกเขาอ้ากว้าง นางโยนเล่นป้ายไปครู่หนึ่งจากนั้นก็โยนไปให้มู่เฉิน

“เอ้า ครั้งก่อนเจ้าซื้อโมราไฟสวรรค์ให้ข้า ครั้งนี้ข้าซื้อของให้เจ้าคืน… ห้ามปฏิเสธนะ ไม่งั้นข้าโยนทิ้งแน่!”

ใบหน้าทุกคนกระตุก โมราไฟสวรรค์? นั่นมีราคาเพียงหมื่นหยดของเหลวจื้อจุนเท่านั้นจะเทียบกับป้ายลึกลับที่มีมูลค่าถึงสี่สิบห้าล้านหยดได้ยังไง?

หนึ่งแลกหนึ่ง?

ผู้คนนับไม่ถ้วนมองหน้ากันหายใจเข้าลึก พวกเขาอยากมีเพื่อนร่ำรวยแบบไม่สนใจจำนวนเงินแบบนี้เช่นกัน…

ภายใต้สายตาไม่อยากจะเชื่อ มู่เฉินก็มองการกระทำของหลินจิงด้วยความตกตะลึง เขาอยากจะปฏิเสธในตอนแรก แต่หลังจากได้ยินประโยคถัดไปก็อดยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ เขารับมาด้วยความจริงจัง

“ขอบใจมาก ข้าจะระลึกถึงสิ่งนี้ไว้นะ”

เมื่อเห็นมู่เฉินตรงไปตรงมา หลินจิ้งก็ยิ้มชื่นชมฉายในม่านตาสดใส ถ้าคนอื่นรู้จักตัวตนของนาง พวกเขาจะพยายามเข้ามาตี้ซี้นางยกเว้นมู่เฉินที่ไม่เคยมีเจตนาแบบนั้น นางรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าเขาปฏิบัติต่อนางในฐานะหลินจิ้งเท่านั้น ไม่ใช่องค์หญิงน้อยแห่งแคว้นหวู

ดังนั้นเมื่อนางได้ยินมู่เฉินบอกว่าจะระลึกไว้ในใจ นางก็ไม่รู้สึกว่านี่เป็นเรื่องตลก แม้ว่าด้วยตัวตนของนาง หนี้บุญคุณทุกอย่างไม่ได้มีความหมายมากนัก

“เอาล่ะ ตอนนี้ข้าไม่มีที่จะไป เจ้าก็พาข้าไปด้วยละกัน” หลินจิ้งหัวเราะเบาๆ

มู่เฉินพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม หลังจากจัดการจ่ายค่าม้วนค่ายกลโบราณที่ประมูลได้แล้ว เขาก็นำหลินจิ้ง จิ่วโยวและคนอื่นๆ ออกจากโรงประมูลไปแบบสบายใจ ท่ามกลางสายตาของฝูงชน

สายตาของเซี่ยหงมืดครึ้มขณะมองการจากไปของกลุ่มมู่เฉิน จากนั้นก็เอียงศีรษะพูดแบบไม่มีอารมณ์ใด “ไปสืบเรื่องผู้หญิงคนนั้น…”

“อีกอย่างจับตาดูพวกมันไว้”

“คิดจะแย่งของจากมือข้ารึ…พวกมันรนหาที่ตายแล้ว!”

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler ฟรี ได้ที่ novel-fast 


เรื่องย่อ

โดย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler บางส่วนของนิยาย

บทนำ

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป

‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้

แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์

แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว

ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ

เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง?

ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน…

เรื่องย่อ

เมื่อคำพูดของมู่เฉินกระจายออกไป ไม่เพียงแต่จะไม่มีการตอบสนอง แม้แต่ด้านนอกเจดีย์ก็ถูกห่อหุ้มด้วยบรรยากาศราวกับป่าช้า…

ทุกคนตกตะลึงไปกับฉากนี้ พวกเขาจ้องมองจุดที่ลู่สุยหายตัวไป ราวกับว่ายังไม่สามารถฟื้นจากอาการตะลึงงันที่เกิดขึ้นได้

ก่อนหน้าเมื่อลู่สุยออกกระบวนท่าที่น่าสะพรึง ผู้คนส่วนใหญ่ก็คิดว่าผลลัพธ์ของการต่อสู้ได้ถูกกำหนดแล้ว ทว่าพวกเขาไม่คิดเลยว่ามู่เฉินจะพลิกสถานการณ์ได้อีกครั้ง เตะลู่สุยที่เหมือนจะคว้าชัยชนะออกไป

ทุกคนตะลึงไปพักใหญ่ ก่อนที่พวกเขาจะหลุดออกจากอาการได้ สายตาเคร่งเครียดลง การประลองกันครั้งนี้มู่เฉินไม่ได้ใช้ค่ายกล แต่เขาก็สามารถเอาชนะจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดอย่างลู่สุยได้ด้วยความแข็งแกร่งที่อยู่ในขั้นหกเท่านั้น แม้ว่าจะมีผลจากลู่สุยประมาทเองในตอนแรก แต่นั่นก็แสดงให้เห็นว่ามู่เฉินน่ากลัวแค่ไหน

พลังเช่นนี้เขาสามารถเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์อันดับต้นๆ ในเจดีย์ฝึกพลังกายได้เลยทีเดียว

ทางฝั่งกลุ่มกระเรียนฟ้า ใบหน้าของหลิ่วชิงกลายเป็นเขียวสลับขาว นางมองไปที่ร่างสูงโปร่งบนหน้าจอ กลืนน้ำลายเหนียวหนืด ความกลัวปรากฏในดวงตาของนางเป็นครั้งแรก

มาถึงจุดนี้นางคงโง่แน่ถ้ายังคิดปฏิบัติต่อมู่เฉินเหมือนกับจอมยุทธ์ขั้นหกทั่วไป

ด้วยพลังในการต่อสู้ที่เขาแสดงออกมา บวกกับค่ายกลทรงพลัง แม้แต่จงเถิงก็ยากจะได้เปรียบหากพวกเขาต่อสู้กัน

ก่อนหน้านี้นางหัวเราะเยาะและมองจิ่วโยวด้วยความดูถูก แต่ตอนนี้นางอายแทบแทรกแผ่นดินหนี ซึ่งจุดนี้รู้ได้จากสายตาเยาะเย้ยเหล่านั้นที่ปรายมองเข้ามา

“ทำไมมู่เฉินถึงทรงพลังเช่นนี้?” จงฮั้วที่พ่ายแพ้ให้กับมู่เฉินก็มีสีหน้าเคร่งขรึมเช่นกัน ก่อนหน้านี้เขาเคยคิดเช่นกันว่ามู่เฉินพึ่งพาเพียงค่ายกลเพื่อจัดการกับศัตรู แต่ใครจะคิดว่าเมื่อไม่มีการใช้ค่ายกลมู่เฉินก็สามารถเอาชนะลู่สุยแบบดุร้ายยิ่งกว่าอะไร

“ดูเหมือนว่ามีเพียงพี่ใหญ่จงเถิงเท่านั้นที่สามารถจัดการกับเขาได้” จอมยุทธ์อีกคนของเผ่ากระเรียนฟ้าพยักหน้า

หลิ่วชิงพยักหน้าเบาๆ ไม่เพียงแต่พวกเขาจะพิจารณาพลังของมู่เฉินพลาดไปเท่านั้น แม้แต่จงเถิงก็ตัดสินอีกฝ่ายผิดไป ชายคนนั้นเป็นสัตว์ประหลาดอย่างแท้จริง

ฟิ้ว!

ขณะที่นอกเจดีย์ต่างตกตะลึงกับผลลัพธ์ที่มู่เฉินนำมา ทันใดนั้นแสงก็กะพริบบนแท่นนอกเจดีย์ ร่างน่าสังเวชปรากฏขึ้น

เมื่อร่างนั้นออกมาก็รีบถอยกลับไปปรากฏตัวขึ้นในกลุ่มอีกาสายฟ้าทันควัน นี่ก็คือลู่สุยที่มีสีหน้าซีดขาว คลื่นหลิงของเขาถดถอยลงอย่างมาก

สายตาโดยรอบยิงเข้าหาในเวลานี้ทันที

ใบหน้าของลู่สุยเขียวคล้ำ สายตาเกลียดชังมองไปที่มู่เฉินที่อยู่บนหน้าจอ ก่อนที่จะหันหัวสาดสายตาดุร้ายใส่จิ่วโยวและมั่วหลิง ที่ข้างๆ พรรคพวกของเขาก็มีท่าทางไม่ดีเช่นกัน

ทว่าจิ่วโยวไม่กลัวที่จะเผชิญหน้ากับสายตาเหล่านั้น นางเค้นเสียงอย่างเย็นชา “ลูกหมาที่ถูกฟาดยังกล้าที่จะออกมาแยกเขี้ยวอีกเหรอ?”

ตอนนี้ลู่สุยบาดเจ็บสาหัส สูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไปหมด ส่วนคนที่เหลือก็ไม่มีอะไรต้องกลัว หากพวกเขากล้าที่จะคิดบัญชีกับพวกนาง จิ่วโยวก็ไม่คิดปล่อยพวกเขาไว้เป็นภัยคุกคามในอนาคตหรอก

สายตาแสดงความเกลียดชังของลู่สุยจ้องเขม็งอยู่ที่จิ่วโยว แต่สุดท้ายเขาก็ต้องถอนสายตาออกไปอย่างไม่เต็มใจ ก่อนที่จะถอยกลับนั่งลงบนซากปรักหักพังเข้าสมาธิเพื่อฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ

จอมยุทธ์กลุ่มอีกาสายฟ้าก็ปรากฏรอบตัวเขาเพื่อปกป้อง

เมื่อจิ่วโยวเห็นการตอบสนองนั่น นางก็ไม่ได้ใส่ใจกับพวกเขาอีก นางมองไปที่หน้าจออีกครั้งโดยพุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่ร่างเงาอ่อนเยาว์ มือที่กำแน่นผ่อนคลายลง

เห็นได้ชัดว่านี่เป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงสำหรับนางที่มู่เฉินจะเอาชนะได้เด็ดขาดแบบนี้ นั่นเป็นเพราะตามการประเมินของนางแม้ว่ามู่เฉินจะยืนยงอยู่ได้ก็เป็นยากที่จะเอาชนะลู่สุยด้วยขุมพลังจื้อจุนขั้นหกและถ้าการต่อสู้ถูกลากไปจนสุดอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบคาดไม่ถึง

ทว่าผลลัพธ์สุดท้ายที่ได้ก็ทำให้นางทั้งประหลาดใจและดีใจ

เห็นได้ชัดว่ามู่เฉินได้รับประโยชน์มหาศาลจากสามชั้นแรกของเจดีย์ฝึกพลังกาย ไม่เช่นนั้นเขาไม่สามารถแสดงพลังเป็นที่ประจักษ์เช่นนี้ได้

“ว่ากันว่าในชั้นสี่มหัศจรรย์กว่านี้มาก หากใครสามารถเข้าไปได้ พวกเขาจะสามารถได้รับผลประโยชน์เกินกว่าสามชั้นแรกมาก…”

จิ่วโยวยิ้มบาง ดูจากสถานการณ์ปัจจุบันไม่น่ามีปัญหาใดๆ ที่มู่เฉินจะเข้าสู่ชั้นสี่ สำหรับมั่วเฟิงความแข็งแกร่งของเขาเป็นหนึ่งในอันดับต้นของกลุ่มที่เข้าไป ดังนั้นจึงไม่ยากสำหรับเขาที่จะได้หนึ่งในห้าที่นั่งนี้ไปเช่นกัน

ดูเหมือนว่าการเดินทางมาที่เจดีย์ฝึกพลังกายโบราณครั้งนี้เผ่าวิหคโลกันตร์อาจเป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

บนลานเมฆสายฟ้า

ไม่มีใครตอบคำถามของมู่เฉิน ขณะนี้แม้แต่จอมยุทธ์ทรงอำนาจอย่างหานซันและสีคุนก็ยังรู้สึกหวาดระแวงมู่เฉินอยู่บ้าง ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกที่จะไม่ไปปะทะกับมนุษย์ผู้นี้

ดังนั้นคนทั้งหมดที่อยู่ที่นี่จึงเงียบลง ก่อนที่จะถอยออกจากรัศมีโดยรอบมู่เฉินอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณบอกว่าพวกเขาไม่ต้องการต่อสู้กับเขา

เมื่อมู่เฉินเห็นภาพนี้ก็ไม่มีอารมณ์ใดบนใบหน้า แต่ในใจกลับรู้สึกโล่งอก คนอื่นๆ เห็นเพียงฉากการต่อสู้ตระการที่เขาเอาชนะลู่สุยได้ แต่พวกเขาไม่รู้หรอกว่าหมัดที่เขาชกออกไปก่อนหน้านี้คือพลังงานส่วนเกินจากสามชั้นแรก

ร่างกายของมู่เฉินก่อนหน้าเปรียบเสมือนฟองน้ำที่ดูดซับน้ำจนถึงขีดจำกัด หมัดของเขาจึงเท่ากับบีบน้ำออกจนหมด ทำให้ร่างกายที่อัดแน่นกลับสู่สภาพเดิม

ดังนั้นถ้าให้เขาโจมตีแบบนั้นอีกครั้ง พลังก็จะไม่ทรงประสิทธิภาพเหมือนเมื่อครู่แน่นอน

ประสิทธิผลพิเศษชนิดนี้ของการสะสมพลังงานในร่างกายเป็นทักษะที่ได้มาจากกายามังกรหงส์ ด้วยวิธีนี้เขาจะได้รับผลลัพธ์ที่ไม่มีใครคาดคิดไว้ กลายเป็นไพ่ลับอีกใบหนึ่ง

“คัมภีร์หลงเฟิ่งทรงพลังจริงๆ”

แม้แต่มู่เฉินก็ยังชื่นชมในสิ่งนี้ คัมภีร์หลงเฟิ่งสมแล้วที่เป็นทักษะยอดเยี่ยมแท้จริง จากการประเมินของเขาคัมภีร์นี้ต้องอยู่ในระดับเสินทงแน่นอน ซึ่งไม่ธรรมดาแม้จะอยู่ในกลุ่มวิทยายุทธระดับเสินทงด้วย

มู่เฉินชื่นชมก่อนที่จะใจเย็นลง แม้ว่าตอนนี้จะไม่มีใครท้าทายเขา แต่เขาก็ไม่ตั้งใจที่จะท้าทายคนอื่นด้วยเช่นกัน เขายืนนิ่งบนตำแหน่งตนเองรอผลการคัดออก

สำหรับจงเถิง มู่เฉินรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นพวกยุแยงให้ลู่สุยมาปะทะกับเขา แต่เนื่องจากตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ดีในการจัดการ เขาจึงได้แต่ผลักแผนไปก่อน

แต่ถึงกระนั้นสายตาคมกล้าของมู่เฉินก็ยังจ้องเขม็งไปที่จงเถิง รอบตัวเต็มไปด้วยคลื่นหลิงราวกับเสือดาวที่กำลังจะจ้องตะครุบเหยื่ออัดแน่นด้วยภัยคุกคาม

เมื่อเห็นท่าทางของมู่เฉิน จงเถิงที่ประจันหน้ากับมั่วเฟิงก็รู้สึกอึดอัดใจ เขาต้องแยกสมาธิอยู่ตลอดเพื่อจับตามองมู่เฉิน ป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายเคลื่อนไหวมาประสานพลังกับมั่วเฟิง

ด้วยวิธีนี้สมาธิของจงเถิงจึงค่อนข้างฟุ้งซ่าน สุดท้ายเขาได้แต่กัดฟัน ถอนคลื่นหลิงและถอยออกจากบริเวณของมั่วเฟิง

“พี่มั่วยากสำหรับการต่อสู้ของเราที่จะได้ข้อสรุป ทำไมเราไม่ไปจัดการคนอื่นและรับที่นั่งมาล่ะ?” ขณะที่จงเถิงถอยกลับเสียงก็สะท้อนก้องไปด้วย

มั่วเฟิงจ้องมองจงเถิงอย่างไม่แยแสก่อนที่จะพยักหน้า นั่นเป็นเพราะเขารู้ว่าหากพวกเขายังอยู่ในสถานการณ์ยืนจ้องหน้ากันก็จะไม่เกิดผลลัพธ์ใด หากเขาร่วมมือกับมู่เฉิน พวกเขาอาจทำให้จงเถิงบ้าดีเดือดขึ้นมา แม้แต่พวกเขาก็ต้องจ่ายราคามหาศาลจากการตีโต้

ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับพวกเขาคือการได้ที่นั่งเพื่อเข้าสู่ชั้นสี่

เมื่อจงเถิงเห็นคำตอบของมั่วเฟิงก็รู้สึกโล่งใจในใจ เขาถอยกลับอย่างรวดเร็วออกจากจุดที่มู่เฉินและมั่วเฟิงอยู่ เขาครุ่นคิดสั้นๆ ก่อนจะเลือกปะทะกับคนที่อ่อนแอกว่า

พอมู่เฉินเห็นจงเถิงไปแล้วก็ไม่ได้ใส่ใจอีกต่อไป สายตาหันมามองมั่วเฟิงแล้วก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้มแสดงความขอบคุณในการช่วยเหลือครั้งนี้

สายตาของมั่วเฟิงเป็นมิตรมากขึ้น คิดว่าการที่มู่เฉินเอาชนะลู่สุย ทำให้มั่วเฟิงมองมู่เฉินในฐานะจอมยุทธ์ที่อยู่ในระดับเดียวกันกับเขา ดังนั้นจึงไม่ได้มีท่าทางเฉยเมยเหมือนเมื่อก่อน

มั่วเฟิงพยักหน้าให้มู่เฉิน ก่อนที่จะหันหลังกลับและเริ่มเลือกคู่ต่อสู้ของตนเอง

ครืน!

เมื่อทุกคนเลือกคู่ต่อสู้แล้ว ทันใดนั้นคลื่นหลิงก็ระเบิดรุนแรงบนลานเมฆสายฟ้า คลื่นกระแทกกวาดออก ทำให้มิติเกิดการสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นไม่หยุด

บนลานเมฆสายฟ้าพลังงานหลิงกวาดหายนะ มีเพียงตรงมู่เฉินเท่านั้นที่ไม่ถูกรบกวน เนื่องจากไม่มีใครกล้าเหยียบเข้ามาในรัศมีพันจั้ง ยามนี้เขาเหมือนผู้ชมที่ดูการต่อสู้ติดขอบ ในเวลาเดียวกันก็บันทึกกระบวนท่าที่ทรงพลังของบางคนไว้ในสมอง

แม้ว่าในชั้นนี้พวกเขาอาจไม่ได้ประลองกัน แต่ก็ยังมีอีกสองชั้นรอพวกเขาอยู่ ใครจะสามารถรับประกันได้ว่าจะไม่มีการลดจำนวนลงในชั้นต่อไป?

ดังนั้นถ้ามีโอกาสเขาต้องพยายามจดจำข้อมูลผู้อื่นเก็บไว้

ภายใต้การสังเกตของมู่เฉิน การประลองบนลานเมฆสายฟ้าก็คงอยู่ชั่วระยะหนึ่ง ก่อนที่แต่ละคู่จะมาถึงจุดสิ้นสุด ผลลัพธ์ก็เป็นไปตามที่คาดไว้

หลังจากมู่เฉินก็เป็นหานซันที่เอาชนะคู่ต่อสู้ได้ที่นั่งที่สองไป

จากนั้นมั่วเฟิงและจงเถิงก็คว้าชัยชนะตามมา

ที่นั่งสุดท้ายตกเป็นของสีคุนที่ก่อนหน้านี้เคยแพ้หานซันที่ด้านนอกเจดีย์ ชายนี้มีความแข็งแกร่งที่น่าตกใจ แม้แต่หานซันยังต้องใช้ทักษะเต็มที่ถึงจะได้รับชัยชนะมา

เมื่อสีคุนได้รับที่นั่งสุดท้ายลานเมฆสายฟ้าขนาดใหญ่ก็เงียบลงอีกครั้ง ร่างทั้งห้ายืนอยู่ ขณะรัศมีไร้ขอบเขตทั้งห้าสายพุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าชนกันเปรี้ยงปร้าง

ทว่าการชนกันก็ดำเนินไปเพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ ก่อนที่ทั้งห้าจะถอนคลื่นพลังพร้อมกัน พวกเขาเหลือบมองกันและกัน จากนั้นก็ไม่ลังเลทะยานออกไปปรากฏตัวบนเบาะทั้งห้า

สายตาพวกเขาพุ่งตรงไปยังมิติด้านหลังลานเมฆสายฟ้าด้วยความโลภ ตรงนั้นเส้นดาวหางจำนวนมากกวาดผ่านราวกับฝนดาวตก

ในแสงเหล่านั้นแก่นหยดสายฟ้ากำลังกะพริบด้วยความแวววาว


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท