หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – ตอนที่ 1094

ตอนที่ 1094

หนึ่งในใต้หล้า 大主宰
บทที่ 1094 หญิงลึกลับ
ป้ายทองคำโบราณวางบนถาดเงิน

มีรอยด่างบ่งบอกถึงอายุ ในเวลาเดียวกันป้ายนี้ก็ดูธรรมดามาก แต่มีความเป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร

ผู้คนจ้องมองที่ป้ายด้วยสายตาร้อนแรง คนส่วนใหญ่ที่นี่มาจากขั้วอำนาจต่างๆ และแรงจูงใจที่มาที่นี่ก็คือป้ายทองคำลึกลับนี้

มั่นถัวหลัวไม่ใช่คนเดียวที่รู้เกี่ยวกับเรื่องจอมพลสอง ขั้วอำนาจระดับต้นอื่นๆ ในทวีปเทียนหลัวก็ได้ทำการสืบเสาะข้อมูลวังสวรรค์บรรพกาลมาด้วยเช่นกัน ดังนั้นพวกเขาจึงรู้สถานะของจอมพลสอง นี่ยิ่งดึงดูดความสนใจเมื่อป้ายเผยออกมา

ทรัพยากรและโอกาสในวังสวรรค์บรรพกาลยิ่งใหญ่เหลือล้น หากขั้วอำนาจใดสามารถรับไปได้ ก็อาจจะสามารถทะยานขึ้นกลายเป็นผู้ปกครองคนใหม่ของทวีปเทียนหลัว ในเวลาเดียวกันสำนักของพวกเขาก็จะได้เลื่อนขึ้นเป็นหนึ่งในมหาอำนาจแห่งมหาพันภพ!

ดังนั้นอะไรก็ตามที่สามารถเพิ่มโอกาสได้ ล้วนมีค่ามาก พวกเขาต้องรับสิ่งนี้มาให้ได้!

บนเก๋งชั้นสาม ไม่เพียงแต่ดวงตาของเซี่ยหงเปลี่ยนเป็นคมกริบ แม้แต่คนอื่นๆ ก็ท่าทางเคร่งเครียดลงหลายส่วน

ชัดว่าวัตถุที่พวกเขารอคอยปรากฏขึ้นแล้ว

หานเฟยจ้องมองท่าทางน้ำลายไหลย้อยจากบนแท่นประมูลก็หัวเราะแล้วยกถาดสีเงินขึ้น “ราคาเริ่มต้นประมูลอยู่ที่ของเหลวจื้อจุนหนึ่งล้านหยด ให้เพิ่มราคาทุกครั้งไม่น้อยกว่าหนึ่งล้าน”

ราคาเริ่มต้นของวัตถุชิ้นนี้ต่ำมาก เทียบกับสามชิ้นแรกไม่ได้เลย แต่กลับไม่มีใครรู้สึกสบายใจในราคานี้ นั่นเป็นเพราะพวกเขารู้ว่าราคาของชิ้นนี้จะสูงเกินกว่าสามชิ้นที่ออกไปก่อนหน้าแน่นอน

“สองล้าน!”

ตามที่ทุกคนคาด ทันทีที่หานเฟยพูดจบเสียงก็ดังกึกก้อง

“สามล้าน!” ก่อนเสียงแรกจบสิ้นสุด การเสนอราคาก็ดังก้อง

“สี่ล้าน”

“…”

เสียงดังกึกก้องอยู่ในโรงประมูล ยกระดับบรรยากาศถึงสุดขีดทันที ดวงตาทุกคนเปลี่ยนเป็นสีแดง

ในเวลาไม่กี่อึดใจราคาก็เพิ่มเป็นสิบล้านแล้ว

หลังจากราคาเพิ่มขึ้นเป็นสิบล้าน ความถี่ในการเสนอราคาก็ลดลง แต่ถึงกระนั้นก็ยังมีเสียงโหวกเหวกเป็นระยะ ชัดว่าพวกเขาจะต้องมีขั้วอำนาจแข็งแกร่งยืนเบื้องหลังแน่

เวลาผ่านไปหลายนาที ราคาเพิ่มขึ้นเป็นสิบหกล้าน

“มาถึงสิบหกล้านแล้ว”

เมื่อมู่เฉินเห็นฉากการประมูลนี้ เขาก็อดเดาะลิ้นอย่างช่วยไม่ได้ สำนักชั้นยอดยังไม่ได้เคลื่อนไหวอะไรเลย แต่ราคาก็ทะยานอย่างน่ากลัวแล้ว

“สิบแปดล้าน!”

ขณะที่มู่เฉินถอนหายใจ จู่ๆ เสียงหัวเราะก็ดังกึกก้องขึ้น ทำให้บรรยากาศที่ร้อนแรงหยุดลงชั่วคราว สายตานับไม่ถ้วนจ้องมองประมุขน้อยสำนักมังกรซ่อนที่มองทุกคนด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า เห็นได้ชัดว่าในที่สุดเขาก็ขยับหลังจากดูการเสนอราคามาพักหนึ่ง

เขาเพิ่มราคาประมูลจากสิบหกล้านเป็นสิบแปดล้าน การเพิ่มราคาทีเดียวสองล้าน ทำให้สีหน้าของจอมยุทธ์คนอื่นๆ น่าเกลียด จนสุดท้ายพวกเขาก็ลังเลก่อนจะนั่งลงอย่างไม่เต็มใจ

“ฮ่าๆ ในเมื่อประมุขน้อยมู่ใจดีเริ่ม งั้นแคว้นเซี่ยของข้าก็ไม่น้อยหน้าขอเสนอราคายี่สิบล้าน” เมื่อมู่ซันเสนอราคา เสียงเกียจคร้านก็ดังก้อง ในที่สุดเซี่ยหงก็เสนอราคาแล้ว

เมื่อมองภาพนี้ ขั้วอำนาจอื่นๆ ที่ตอนแรกยังรู้สึกมีหวังก็ส่ายหัวด้วยความเสียใจเนื่องจากต่อไปพวกเขาได้แต่เฝ้ามอง เฉพาะพวกร่ำรวยเท่านั้นถึงจะสามารถแข่งขันเพื่อประมูลป้ายทองคำนี้

“ยี่สิบเอ็ดล้าน”

เสียงหัวเราะนุ่มนวลดังสะท้อนจากริมฝีปากของชิ้งหย่า “ในเมื่อเจ้าสองคนลงชิงชัย ข้าชิ้งหย่าก็ขอมีส่วนร่วมด้วย”

“ยี่สิบสองล้าน” เจียงหลิงพูดราคาโดยไม่มีการแสดงออกใดๆ บนใบหน้า

เมื่อขั้วอำนาจชั้นยอดทั้งสี่เสนอราคา ทำให้ราคาสูงขึ้นอย่างน่าตกใจ ตัดความคิดของกลุ่มอื่นออกไปอย่างสมบูรณ์

เซี่ยหงกะพริบตาจ้องมองทั้งสามคนพูดด้วยเสียงเย็นชา “ยี่สิบห้าล้าน”

เขาจะต้องได้ป้ายทองคำนี้ แต่ทั้งสามเป็นอุปสรรคต่อเขา พวกเขาอาจทำให้เขาจ่ายในราคาแพง แต่เขาไม่กลัวที่จะไม่ได้รับ เพราะในแง่ของรากฐานสำนักมังกรซ่อน ตึกฟ้าเหวและสำนักกระบี่แดนสรวงล้วนสู้แคว้นเซี่ยไม่ได้

มู่ซัน ชิ้งหย่าและเจียงหลิงขมวดคิ้ว เนื่องจากรู้สึกถึงความมุ่งมั่นของเซี่ยหงที่จะเอาชนะ ของเหลวจื้อจุนยี่สิบห้าล้านหยด ไม่ได้เป็นจำนวนน้อยสำหรับสำนักของพวกเขาแล้ว

ดังนั้นในช่วงจังหวะหนึ่ง พวกเขาก็เริ่มไตร่ตรองและพิจารณาส่วนได้ส่วนเสีย

เซี่ยหงเย้ยหยันในหัวใจ ขั้วอำนาจที่มีฐานรากตื้นเขินต้องการที่จะแข่งขันกับแคว้นเซี่ยของข้าเรอะ? ฝันไปเถอะ!

“ยี่สิบแปดล้าน”

ทว่าขณะที่เซี่ยหงกำลังรู้สึกยินดี จู่ๆ เสียงสงบนิ่งก็ดังขึ้น ซึ่งทำลายความเงียบลง

ควับ!

ทุกคนส่งสายตาจ้องมองไปที่แหล่งกำเนิดของเสียง ก็เห็นมู่เฉินซึ่งก่อนหน้านี้ได้รับภาพค่ายกลที่ไม่สมบูรณ์ไปยืนขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้า

“เขาเสนอราคาสูงขนาดนี้จริงเหรอ!” มีบางคนที่รู้สึกไม่เชื่อเพราะของเหลวจื้อจุนยี่สิบแปดล้านหยด ไม่ใช่สิ่งที่ขั้วอำนาจใดๆ เอามาโปรยเล่นได้

ชิ้งหย่า มู่ซันและคนอื่นๆ ก็มองไปที่มู่เฉินด้วยแววตาตกใจเช่นกัน

เซี่ยหงอึ้งไปชั่วครู่ ก่อนที่จะจ้องมองมู่เฉินด้วยสีหน้ามืดครึ้มแล้วพูดด้วยเสียงน่าขนลุก “ไอ้เวร นี่ไม่ใช่สถานที่ที่แกจะมาทำตลก ถ้าแกประมูลแบบบ้าบิ่น แกก็ต้องจ่ายราคาสำหรับสิ่งนั้นด้วย”

มู่เฉินยกเปลือกตาขึ้นตอบแผ่วเบา “องค์ชายสี่ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องนั้น อาณาเขตกงเวทสวรรค์ของข้าสามารถจ่ายของเหลวจื้อจุนยี่สิบแปดล้านหยดได้สบาย”

พรรคพวกที่ยืนอยู่ด้านข้างต่างก็อึ้งไปกับการเสนอราคานี้ พวกเขาเหลือของเหลวจื้อจุนอยู่สามสิบล้านหยด หลังจากการประมูลเมื่อครู่

ทว่าแม้จะตกใจพวกเขาก็ไม่ได้พูดอะไร เพราะพวกเขาเข้าใจถึงขีดจำกัดความมั่งคั่ง ดังนั้นหากพวกเขาต้องการที่จะชนะการประมูล พวกเขาต้องทำตัวรวยเพื่อข่มผู้อื่น

แต่แค่ไม่รู้ว่าจะข่มขู่เซี่ยหงด้วยจำนวนของเหลวจื้อจุนยี่สิบแปดล้านหยดได้จริงหรือไม่

สีหน้าของเซี่ยหงมืดครึ้มอีกหลายส่วน เขาจ้องมองมู่เฉินแสงเย็นไหลในดวงตา แม้ว่าแคว้นเซี่ยของพวกเขาจะร่ำรวย แต่ก็ยังมีข้อจำกัดในสิ่งที่เขาสามารถใช้ได้

ของเหลวจื้อจุนสามสิบล้านหยดสามารถรองรับการเติบโตของขั้วอำนาจระดับสูงได้และเพียงพอที่จะทำให้จอมยุทธ์นับไม่ถ้วนมาสวามิภักดิ์แล้ว

ดวงตาของเซี่ยหงกะพริบก่อนที่จะหายใจลึกพูดเสียงเยือกเย็นว่า “สามสิบล้าน!”

ฮือฮา!

โรงประมูลกลายเป็นจลาจลทุกคนตะลึงไปก่อนจะส่ายหัว พวกนี้บ้าจริงๆ ราคานี้สามารถซื้ออาวุธเสมือนมหสวรรค์หลายชิ้นได้เลยทีเดียว แม้จะอยู่ในองค์กรนักฆ่าในมหาพันภพยังสามารถใช้จำนวนเงินนี้เพื่อเชิญจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนมาได้

ไม่เพียงแต่ผู้ชมจะตกตะลึงกับราคานี้ แม้แต่ชิ้งหย่าและคนอื่นๆ ก็เผยท่าทางเคร่งเครียด ก่อนที่จะพากันส่ายหัว

จากนั้นทุกคนก็หันไปมองมู่เฉิน สงสัยว่าเขาจะตัดสินใจอย่างไร

ภายใต้สายตาเหล่านั้น มู่เฉินเสนอราคาอีกครั้งโดยไม่ลังเล “สามสิบเอ็ดล้าน”

การแสดงออกนิ่งสงบ ไม่มีใครสามารถเห็นขีดจำกัดของเขาได้ มีเพียงพรรคพวกเท่านั้นที่รู้ว่าราคานี้ถึงขีดจำกัดของพวกเขาแล้ว ตอนนี้พวกเขาไม่สามารถจ่ายได้สักหยดแล้ว

วาบ!

เซี่ยหงยืนขึ้นพร้อมกับสีหน้าบูดเบี้ยว เขากัดฟันกรอดจ้องมองไปที่มู่เฉินด้วยสายตาอาฆาตมาดร้าย ทิ้งรอยฝ่ามือลึกลงบนที่เท้าแขน เขาไม่คิดว่ามู่เฉินจะกล้าเล่นกับเขาแบบนี้!

“สามสิบห้าล้าน!” เซี่ยหงคำรามเสียงต่ำลึกทำให้หนังหัวของทุกคนชาหนึบ นี่เป็นราคาขีดจำกัดของแคว้นเซี่ยแล้วเช่นกัน

เมื่อเห็นใบหน้าบิดเบี้ยวของเซี่ยหง มือเรียวของมู่เฉินก็ลูบที่เท้าแขนเบาๆ สีหน้านิ่งสงบ แต่ก็ต้องถอนหายใจในใจ แคว้นเซี่ยร่ำรวยจริงๆ ราคานี้เขาสู้ไม่ไหวแล้วเช่นกัน

แม้แต่รายได้ต่อปีของอาณาเขตกงเวทสวรรค์ตอนนี้ ก็ไม่สามารถเข้าถึงจำนวนนั้นได้

ดังนั้นเขาจึงส่ายหัวเบาๆ และเลือกที่จะยอมแพ้

“ลองคิดวิธีอื่นดูนะ” จิ่วโยวพูดเสียงเบาๆ แม้ว่าเซี่ยหงจะได้รับป้ายไปก็ไม่ได้หมายความว่าจะนำออกไปได้

มู่เฉินพยักหน้านี่เป็นทางเลือกเดียวสำหรับตอนนี้

“ทำไมถึงไม่ประมูลต่ออีกล่ะ?”

เมื่อเห็นว่ามู่เฉินยอมแพ้ ใบหน้าที่บิดเบี้ยวของเซียวหงก็เปลี่ยนเป็นเย้ยหยัน “อาณาเขตกงเวทสวรรค์ที่อ่อนแอต้องการแข่งขันกับแคว้นเซี่ยของข้าเรอะ ไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ!”

สีหน้าจิ่วโยวเย็นชาถึงขั้นสุด นางกำลังจะลุกขึ้นยืน แต่ก็ถูกมู่เฉินห้ามไว้ ไม่จำเป็นที่จะลงมือในสถานที่แห่งนี้

เซี่ยหงเค้นเสียงเย็นก่อนจะหันกลับไปหาหานเฟยพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ประกาศผู้ชนะได้รึยัง?”

ด้วยราคาของเหลวจื้อจุนสามสิบห้าล้านหยด ใครจะสามารถแข่งขันกับเขาได้อีก?

หานเฟยพยักหน้าอย่างรวดเร็ว แต่ขณะที่กำลังจะยุติการประมูล เสียงไพเราะก็ดังกึกก้องราวกับฟ้าร้องทำเอาทุกคนตกตะลึงทันที

“โอ้ เดี๋ยวก่อน ข้าขอเสนอราคาสี่สิบห้าล้าน”

เงียบกริบ

โรงประมูลทั้งหมดตกอยู่ในความเงียบงัน เซี่ยหงตาพร่าไปกับราคานั้น แม้แต่มู่เฉินก็ตกตะลึง ใครคือคนที่เพิ่มราคาครั้งเดียวถึงสิบล้าน?

นางโปรยของเหลวจื้อจุนเล่นเหมือนถั่วเลยเรอะ?

ใครเป็นคนเสนอราคา?

ทุกคนค้นหาแหล่งกำเนิดของเสียงอย่างบ้าคลั่ง จากนั้นสายตาก็จ้องไปที่มู่เฉิน

เมื่อสัมผัสได้ถึงสายตา มู่เฉินก็อึ้งไปก่อนที่จะหันมองด้านหลังอย่างรวดเร็ว หญิงสาวคนหนึ่งมายืนอยู่ข้างหลังเขาตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ นางถือผลไม้วิเศษขณะที่อ้าปากกินลงไป ดวงตาของนางแผ่ด้วยเสน่ห์อันน่าทึ่ง

ขณะที่เคี้ยวผลไม้ นางก็มองไปที่มู่เฉิน จากนั้นก็โบกมือไปมากลืนผลไม้อย่างรวดเร็วแล้วหัวเราะเบาๆ “โอ้ เราเจอกันอีกแล้วนะมู่เฉิน…”

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler ฟรี ได้ที่ novel-fast 


เรื่องย่อ

โดย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler บางส่วนของนิยาย

บทนำ

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป

‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้

แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์

แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว

ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ

เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง?

ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน…

เรื่องย่อ

เมื่อคำพูดของมู่เฉินกระจายออกไป ไม่เพียงแต่จะไม่มีการตอบสนอง แม้แต่ด้านนอกเจดีย์ก็ถูกห่อหุ้มด้วยบรรยากาศราวกับป่าช้า…

ทุกคนตกตะลึงไปกับฉากนี้ พวกเขาจ้องมองจุดที่ลู่สุยหายตัวไป ราวกับว่ายังไม่สามารถฟื้นจากอาการตะลึงงันที่เกิดขึ้นได้

ก่อนหน้าเมื่อลู่สุยออกกระบวนท่าที่น่าสะพรึง ผู้คนส่วนใหญ่ก็คิดว่าผลลัพธ์ของการต่อสู้ได้ถูกกำหนดแล้ว ทว่าพวกเขาไม่คิดเลยว่ามู่เฉินจะพลิกสถานการณ์ได้อีกครั้ง เตะลู่สุยที่เหมือนจะคว้าชัยชนะออกไป

ทุกคนตะลึงไปพักใหญ่ ก่อนที่พวกเขาจะหลุดออกจากอาการได้ สายตาเคร่งเครียดลง การประลองกันครั้งนี้มู่เฉินไม่ได้ใช้ค่ายกล แต่เขาก็สามารถเอาชนะจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดอย่างลู่สุยได้ด้วยความแข็งแกร่งที่อยู่ในขั้นหกเท่านั้น แม้ว่าจะมีผลจากลู่สุยประมาทเองในตอนแรก แต่นั่นก็แสดงให้เห็นว่ามู่เฉินน่ากลัวแค่ไหน

พลังเช่นนี้เขาสามารถเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์อันดับต้นๆ ในเจดีย์ฝึกพลังกายได้เลยทีเดียว

ทางฝั่งกลุ่มกระเรียนฟ้า ใบหน้าของหลิ่วชิงกลายเป็นเขียวสลับขาว นางมองไปที่ร่างสูงโปร่งบนหน้าจอ กลืนน้ำลายเหนียวหนืด ความกลัวปรากฏในดวงตาของนางเป็นครั้งแรก

มาถึงจุดนี้นางคงโง่แน่ถ้ายังคิดปฏิบัติต่อมู่เฉินเหมือนกับจอมยุทธ์ขั้นหกทั่วไป

ด้วยพลังในการต่อสู้ที่เขาแสดงออกมา บวกกับค่ายกลทรงพลัง แม้แต่จงเถิงก็ยากจะได้เปรียบหากพวกเขาต่อสู้กัน

ก่อนหน้านี้นางหัวเราะเยาะและมองจิ่วโยวด้วยความดูถูก แต่ตอนนี้นางอายแทบแทรกแผ่นดินหนี ซึ่งจุดนี้รู้ได้จากสายตาเยาะเย้ยเหล่านั้นที่ปรายมองเข้ามา

“ทำไมมู่เฉินถึงทรงพลังเช่นนี้?” จงฮั้วที่พ่ายแพ้ให้กับมู่เฉินก็มีสีหน้าเคร่งขรึมเช่นกัน ก่อนหน้านี้เขาเคยคิดเช่นกันว่ามู่เฉินพึ่งพาเพียงค่ายกลเพื่อจัดการกับศัตรู แต่ใครจะคิดว่าเมื่อไม่มีการใช้ค่ายกลมู่เฉินก็สามารถเอาชนะลู่สุยแบบดุร้ายยิ่งกว่าอะไร

“ดูเหมือนว่ามีเพียงพี่ใหญ่จงเถิงเท่านั้นที่สามารถจัดการกับเขาได้” จอมยุทธ์อีกคนของเผ่ากระเรียนฟ้าพยักหน้า

หลิ่วชิงพยักหน้าเบาๆ ไม่เพียงแต่พวกเขาจะพิจารณาพลังของมู่เฉินพลาดไปเท่านั้น แม้แต่จงเถิงก็ตัดสินอีกฝ่ายผิดไป ชายคนนั้นเป็นสัตว์ประหลาดอย่างแท้จริง

ฟิ้ว!

ขณะที่นอกเจดีย์ต่างตกตะลึงกับผลลัพธ์ที่มู่เฉินนำมา ทันใดนั้นแสงก็กะพริบบนแท่นนอกเจดีย์ ร่างน่าสังเวชปรากฏขึ้น

เมื่อร่างนั้นออกมาก็รีบถอยกลับไปปรากฏตัวขึ้นในกลุ่มอีกาสายฟ้าทันควัน นี่ก็คือลู่สุยที่มีสีหน้าซีดขาว คลื่นหลิงของเขาถดถอยลงอย่างมาก

สายตาโดยรอบยิงเข้าหาในเวลานี้ทันที

ใบหน้าของลู่สุยเขียวคล้ำ สายตาเกลียดชังมองไปที่มู่เฉินที่อยู่บนหน้าจอ ก่อนที่จะหันหัวสาดสายตาดุร้ายใส่จิ่วโยวและมั่วหลิง ที่ข้างๆ พรรคพวกของเขาก็มีท่าทางไม่ดีเช่นกัน

ทว่าจิ่วโยวไม่กลัวที่จะเผชิญหน้ากับสายตาเหล่านั้น นางเค้นเสียงอย่างเย็นชา “ลูกหมาที่ถูกฟาดยังกล้าที่จะออกมาแยกเขี้ยวอีกเหรอ?”

ตอนนี้ลู่สุยบาดเจ็บสาหัส สูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไปหมด ส่วนคนที่เหลือก็ไม่มีอะไรต้องกลัว หากพวกเขากล้าที่จะคิดบัญชีกับพวกนาง จิ่วโยวก็ไม่คิดปล่อยพวกเขาไว้เป็นภัยคุกคามในอนาคตหรอก

สายตาแสดงความเกลียดชังของลู่สุยจ้องเขม็งอยู่ที่จิ่วโยว แต่สุดท้ายเขาก็ต้องถอนสายตาออกไปอย่างไม่เต็มใจ ก่อนที่จะถอยกลับนั่งลงบนซากปรักหักพังเข้าสมาธิเพื่อฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ

จอมยุทธ์กลุ่มอีกาสายฟ้าก็ปรากฏรอบตัวเขาเพื่อปกป้อง

เมื่อจิ่วโยวเห็นการตอบสนองนั่น นางก็ไม่ได้ใส่ใจกับพวกเขาอีก นางมองไปที่หน้าจออีกครั้งโดยพุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่ร่างเงาอ่อนเยาว์ มือที่กำแน่นผ่อนคลายลง

เห็นได้ชัดว่านี่เป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงสำหรับนางที่มู่เฉินจะเอาชนะได้เด็ดขาดแบบนี้ นั่นเป็นเพราะตามการประเมินของนางแม้ว่ามู่เฉินจะยืนยงอยู่ได้ก็เป็นยากที่จะเอาชนะลู่สุยด้วยขุมพลังจื้อจุนขั้นหกและถ้าการต่อสู้ถูกลากไปจนสุดอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบคาดไม่ถึง

ทว่าผลลัพธ์สุดท้ายที่ได้ก็ทำให้นางทั้งประหลาดใจและดีใจ

เห็นได้ชัดว่ามู่เฉินได้รับประโยชน์มหาศาลจากสามชั้นแรกของเจดีย์ฝึกพลังกาย ไม่เช่นนั้นเขาไม่สามารถแสดงพลังเป็นที่ประจักษ์เช่นนี้ได้

“ว่ากันว่าในชั้นสี่มหัศจรรย์กว่านี้มาก หากใครสามารถเข้าไปได้ พวกเขาจะสามารถได้รับผลประโยชน์เกินกว่าสามชั้นแรกมาก…”

จิ่วโยวยิ้มบาง ดูจากสถานการณ์ปัจจุบันไม่น่ามีปัญหาใดๆ ที่มู่เฉินจะเข้าสู่ชั้นสี่ สำหรับมั่วเฟิงความแข็งแกร่งของเขาเป็นหนึ่งในอันดับต้นของกลุ่มที่เข้าไป ดังนั้นจึงไม่ยากสำหรับเขาที่จะได้หนึ่งในห้าที่นั่งนี้ไปเช่นกัน

ดูเหมือนว่าการเดินทางมาที่เจดีย์ฝึกพลังกายโบราณครั้งนี้เผ่าวิหคโลกันตร์อาจเป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

บนลานเมฆสายฟ้า

ไม่มีใครตอบคำถามของมู่เฉิน ขณะนี้แม้แต่จอมยุทธ์ทรงอำนาจอย่างหานซันและสีคุนก็ยังรู้สึกหวาดระแวงมู่เฉินอยู่บ้าง ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกที่จะไม่ไปปะทะกับมนุษย์ผู้นี้

ดังนั้นคนทั้งหมดที่อยู่ที่นี่จึงเงียบลง ก่อนที่จะถอยออกจากรัศมีโดยรอบมู่เฉินอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณบอกว่าพวกเขาไม่ต้องการต่อสู้กับเขา

เมื่อมู่เฉินเห็นภาพนี้ก็ไม่มีอารมณ์ใดบนใบหน้า แต่ในใจกลับรู้สึกโล่งอก คนอื่นๆ เห็นเพียงฉากการต่อสู้ตระการที่เขาเอาชนะลู่สุยได้ แต่พวกเขาไม่รู้หรอกว่าหมัดที่เขาชกออกไปก่อนหน้านี้คือพลังงานส่วนเกินจากสามชั้นแรก

ร่างกายของมู่เฉินก่อนหน้าเปรียบเสมือนฟองน้ำที่ดูดซับน้ำจนถึงขีดจำกัด หมัดของเขาจึงเท่ากับบีบน้ำออกจนหมด ทำให้ร่างกายที่อัดแน่นกลับสู่สภาพเดิม

ดังนั้นถ้าให้เขาโจมตีแบบนั้นอีกครั้ง พลังก็จะไม่ทรงประสิทธิภาพเหมือนเมื่อครู่แน่นอน

ประสิทธิผลพิเศษชนิดนี้ของการสะสมพลังงานในร่างกายเป็นทักษะที่ได้มาจากกายามังกรหงส์ ด้วยวิธีนี้เขาจะได้รับผลลัพธ์ที่ไม่มีใครคาดคิดไว้ กลายเป็นไพ่ลับอีกใบหนึ่ง

“คัมภีร์หลงเฟิ่งทรงพลังจริงๆ”

แม้แต่มู่เฉินก็ยังชื่นชมในสิ่งนี้ คัมภีร์หลงเฟิ่งสมแล้วที่เป็นทักษะยอดเยี่ยมแท้จริง จากการประเมินของเขาคัมภีร์นี้ต้องอยู่ในระดับเสินทงแน่นอน ซึ่งไม่ธรรมดาแม้จะอยู่ในกลุ่มวิทยายุทธระดับเสินทงด้วย

มู่เฉินชื่นชมก่อนที่จะใจเย็นลง แม้ว่าตอนนี้จะไม่มีใครท้าทายเขา แต่เขาก็ไม่ตั้งใจที่จะท้าทายคนอื่นด้วยเช่นกัน เขายืนนิ่งบนตำแหน่งตนเองรอผลการคัดออก

สำหรับจงเถิง มู่เฉินรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นพวกยุแยงให้ลู่สุยมาปะทะกับเขา แต่เนื่องจากตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ดีในการจัดการ เขาจึงได้แต่ผลักแผนไปก่อน

แต่ถึงกระนั้นสายตาคมกล้าของมู่เฉินก็ยังจ้องเขม็งไปที่จงเถิง รอบตัวเต็มไปด้วยคลื่นหลิงราวกับเสือดาวที่กำลังจะจ้องตะครุบเหยื่ออัดแน่นด้วยภัยคุกคาม

เมื่อเห็นท่าทางของมู่เฉิน จงเถิงที่ประจันหน้ากับมั่วเฟิงก็รู้สึกอึดอัดใจ เขาต้องแยกสมาธิอยู่ตลอดเพื่อจับตามองมู่เฉิน ป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายเคลื่อนไหวมาประสานพลังกับมั่วเฟิง

ด้วยวิธีนี้สมาธิของจงเถิงจึงค่อนข้างฟุ้งซ่าน สุดท้ายเขาได้แต่กัดฟัน ถอนคลื่นหลิงและถอยออกจากบริเวณของมั่วเฟิง

“พี่มั่วยากสำหรับการต่อสู้ของเราที่จะได้ข้อสรุป ทำไมเราไม่ไปจัดการคนอื่นและรับที่นั่งมาล่ะ?” ขณะที่จงเถิงถอยกลับเสียงก็สะท้อนก้องไปด้วย

มั่วเฟิงจ้องมองจงเถิงอย่างไม่แยแสก่อนที่จะพยักหน้า นั่นเป็นเพราะเขารู้ว่าหากพวกเขายังอยู่ในสถานการณ์ยืนจ้องหน้ากันก็จะไม่เกิดผลลัพธ์ใด หากเขาร่วมมือกับมู่เฉิน พวกเขาอาจทำให้จงเถิงบ้าดีเดือดขึ้นมา แม้แต่พวกเขาก็ต้องจ่ายราคามหาศาลจากการตีโต้

ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับพวกเขาคือการได้ที่นั่งเพื่อเข้าสู่ชั้นสี่

เมื่อจงเถิงเห็นคำตอบของมั่วเฟิงก็รู้สึกโล่งใจในใจ เขาถอยกลับอย่างรวดเร็วออกจากจุดที่มู่เฉินและมั่วเฟิงอยู่ เขาครุ่นคิดสั้นๆ ก่อนจะเลือกปะทะกับคนที่อ่อนแอกว่า

พอมู่เฉินเห็นจงเถิงไปแล้วก็ไม่ได้ใส่ใจอีกต่อไป สายตาหันมามองมั่วเฟิงแล้วก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้มแสดงความขอบคุณในการช่วยเหลือครั้งนี้

สายตาของมั่วเฟิงเป็นมิตรมากขึ้น คิดว่าการที่มู่เฉินเอาชนะลู่สุย ทำให้มั่วเฟิงมองมู่เฉินในฐานะจอมยุทธ์ที่อยู่ในระดับเดียวกันกับเขา ดังนั้นจึงไม่ได้มีท่าทางเฉยเมยเหมือนเมื่อก่อน

มั่วเฟิงพยักหน้าให้มู่เฉิน ก่อนที่จะหันหลังกลับและเริ่มเลือกคู่ต่อสู้ของตนเอง

ครืน!

เมื่อทุกคนเลือกคู่ต่อสู้แล้ว ทันใดนั้นคลื่นหลิงก็ระเบิดรุนแรงบนลานเมฆสายฟ้า คลื่นกระแทกกวาดออก ทำให้มิติเกิดการสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นไม่หยุด

บนลานเมฆสายฟ้าพลังงานหลิงกวาดหายนะ มีเพียงตรงมู่เฉินเท่านั้นที่ไม่ถูกรบกวน เนื่องจากไม่มีใครกล้าเหยียบเข้ามาในรัศมีพันจั้ง ยามนี้เขาเหมือนผู้ชมที่ดูการต่อสู้ติดขอบ ในเวลาเดียวกันก็บันทึกกระบวนท่าที่ทรงพลังของบางคนไว้ในสมอง

แม้ว่าในชั้นนี้พวกเขาอาจไม่ได้ประลองกัน แต่ก็ยังมีอีกสองชั้นรอพวกเขาอยู่ ใครจะสามารถรับประกันได้ว่าจะไม่มีการลดจำนวนลงในชั้นต่อไป?

ดังนั้นถ้ามีโอกาสเขาต้องพยายามจดจำข้อมูลผู้อื่นเก็บไว้

ภายใต้การสังเกตของมู่เฉิน การประลองบนลานเมฆสายฟ้าก็คงอยู่ชั่วระยะหนึ่ง ก่อนที่แต่ละคู่จะมาถึงจุดสิ้นสุด ผลลัพธ์ก็เป็นไปตามที่คาดไว้

หลังจากมู่เฉินก็เป็นหานซันที่เอาชนะคู่ต่อสู้ได้ที่นั่งที่สองไป

จากนั้นมั่วเฟิงและจงเถิงก็คว้าชัยชนะตามมา

ที่นั่งสุดท้ายตกเป็นของสีคุนที่ก่อนหน้านี้เคยแพ้หานซันที่ด้านนอกเจดีย์ ชายนี้มีความแข็งแกร่งที่น่าตกใจ แม้แต่หานซันยังต้องใช้ทักษะเต็มที่ถึงจะได้รับชัยชนะมา

เมื่อสีคุนได้รับที่นั่งสุดท้ายลานเมฆสายฟ้าขนาดใหญ่ก็เงียบลงอีกครั้ง ร่างทั้งห้ายืนอยู่ ขณะรัศมีไร้ขอบเขตทั้งห้าสายพุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าชนกันเปรี้ยงปร้าง

ทว่าการชนกันก็ดำเนินไปเพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ ก่อนที่ทั้งห้าจะถอนคลื่นพลังพร้อมกัน พวกเขาเหลือบมองกันและกัน จากนั้นก็ไม่ลังเลทะยานออกไปปรากฏตัวบนเบาะทั้งห้า

สายตาพวกเขาพุ่งตรงไปยังมิติด้านหลังลานเมฆสายฟ้าด้วยความโลภ ตรงนั้นเส้นดาวหางจำนวนมากกวาดผ่านราวกับฝนดาวตก

ในแสงเหล่านั้นแก่นหยดสายฟ้ากำลังกะพริบด้วยความแวววาว


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท