หนึ่งในใต้หล้า 大主宰
บทที่ 1098 แสดงอำนาจให้ประจักษ์
บนลานประลองขนาดใหญ่
เสียงหัวเราะสงบเย็นของมู่เฉินดังก้องไปทั่ว ขณะเดียวกันก็ส่งเข้าโสตประสาทของเหล่าผู้ชมนับไม่ถ้วนบนท้องฟ้า ซึ่งเมื่อได้ยินพวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะด้วย
ชายหนุ่มจากอาณาเขตกงเวทสวรรค์กล้าจริง…
ทว่าด้วยขุมพลังเกือบจะบรรลุระดับจื้อจุนขั้นเก้าเขามีคุณสมบัตินี้จริงหรือ? ไม่ต้องสนใจผู้ใต้บังคับบัญชาทรงพลังที่ด้านหลังเซี่ยหงนั่น กระทั่งตัวเซี่ยหงเองก็มีขุมพลังจื้อจุนขั้นเก้า มิหนำซ้ำยังอยู่อันดับที่ยี่สิบในทำเนียบจอมยุทธ์รุ่นใหม่ของทวีปเทียนหลัว
ยิ่งไปกว่านั้นแม้ว่าเซี่ยหงจะอยู่ในระยะต้นของขั้นเก้า แต่ความแข็งแกร่งในการต่อสู้ที่แท้จริงของเขาไม่ได้เป็นอย่างที่เห็นภายนอก ตัวเขาสามารถเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเก้าระยะปลายสุดและล่าถอยออกมาได้อย่างปลอดภัย
ซึ่งนี้เป็นความสำเร็จที่น่าตกใจมากแล้ว
ในทางตรงกันข้ามแม้ว่าจะเป็นเรื่องน่าตกใจที่มู่เฉินเกือบจะเข้าถึงระดับจื้อจุนขั้นเก้าได้ตั้งแต่อายุยังน้อย แต่ตอนนี้มีอัจฉริยะนับไม่ถ้วนมารวมตัวกัน ณ ที่นี้ ซึ่งแต่ละคนล้วนไม่ธรรมดา ดังนั้นขุมพลังเกือบบรรลุขั้นเก้าจึงไม่ได้ทำให้ผู้คนรู้สึกอัศจรรย์ใจมากนัก
ชิ้งหย่า มู่ซันและเจียงหลินยืนอยู่บนท้องฟ้าเหนือลานประลอง พลางมองไปด้วยความสนใจเข้มข้น เห็นได้ชัดว่าความอหังการที่ไม่เกรงกลัวของมู่เฉินทำให้พวกเขารู้สึกสนใจมาก
แต่แค่ไม่รู้ว่าชายหนุ่มคนนี้มีความมั่นใจแท้จริงหรือแค่แกล้งทำออกมา…
“ยืมหัวข้ารึ?”
ขณะทุกคนชื่นชมในความกล้าหาญของมู่เฉิน เซี่ยหงก็หรี่ตามองไปที่มู่เฉินด้วยสายตาเยาะเย้ย “ไม่คิดว่าจะมีวันที่ข้าเซี่ยหงถูกมองว่าเป็นหินรองเท้า”
เขาได้เห็นความตั้งใจของมู่เฉินเพียงปราดมอง เห็นชัดว่าอีกฝ่ายคิดจะใช้เขาเป็นหินเพื่อก้าวเดินขึ้นไป ตราบใดที่มู่เฉินสามารถเอาชนะเซี่ยหงได้ ชื่อของมู่เฉินก็จะกระจายไปทั่วทวีปเทียนหลัว ในเวลานั้นแม้ว่าต้องการไป คนอื่น ๆ ก็ต้องคิดสองตลบว่าควรจะขัดขวางเส้นทางดีหรือไม่
“ในเมื่อแกมากำนัลถึงหน้าประตูบ้านข้า ทำไมข้าจะไม่รับ?” มู่เฉินแสร้งทำเป็นว่าไม่เห็นสายตาอันตรายของเซี่ยหงและตอบกลับด้วยรอยยิ้ม
“ด้วยแกเนี่ยนะ?”
เซี่ยหงยิ้มอ่อน รอยยิ้มโค้งเป็นมุมที่น่าขนลุก ก่อนที่จะยกมือขึ้นเบาๆ “หวังหวู่จัดการมันสิ”
ปัง!
เมื่อเซี่ยหงพูดจบ ร่างร่างหนึ่งที่อยู่ข้างหลังก็ทะยานออกมาพร้อมส่งคลื่นหลิงมหาศาลกวาดออกราวกับพายุ
พิจารณาจากความผันผวนของคลื่นพลังงานที่ปลดปล่อยออกมาก็อยู่ในระดับเกือบจื้อจุนขั้นเก้าเช่นกัน!
พร้อมกับคลื่นหลิงไร้ขอบเขต ร่างเงานั้นก็พุ่งมาหามู่เฉินพร้อมดาบยาวสีแดงเข้มที่อัดแน่นด้วยรัศมีสังหาร ท่าทางเด็ดขาดนั้นชัดว่าเขาเป็นคนที่มีประสบการณ์ในสนามรบ
ผู้ชมต่างร้องอุทานในใจ แคว้นเซี่ยสมเป็นผู้ปกครองเผด็จการในภูมิภาคทางตะวันตก ด้วยรากฐานที่หยั่งลึก พวกเขาสามารถส่งนักรบที่มีขุมพลังอีกครึ่งก้าวจะบรรลุระดับจื้อจุนขั้นเก้าออกมา จอมยุทธ์เช่นนี้ถือได้ว่าเป็นคนที่มีพลังการต่อสู้สูงยิ่งแม้ในหมู่ขั้วอำนาจระดับต้น
ร่างแสงพุ่งมาอย่างรวดเร็วมาปรากฏที่เบื้องหน้ามู่เฉินในพริบตา พร้อมกับสายตาเย็นเยือกหวังหวู่ก็เฉือนดาบสีแดงเข้มลงมา ราวกับจันทร์เสี้ยวแสงสีแดงเข้มซัดลงบนศีรษะมู่เฉิน
นี่เป็นเพลงดาบเด็ดขาดของหวังหวู่ที่ผลักดันพลังของตัวเองไปสู่ขีดสุด แม้แต่จอมยุทธ์เกือบจะบรรลุระดับจื้อจุนขั้นเก้าเหมือนกันก็ถูกสังหารได้ด้วยความประมาทเล็กน้อย
ภาพดาบสีแดงเลือดสะท้อนในม่านตาของมู่เฉิน แต่ที่ทำให้ผู้ชมประหลาดใจคือเขายังคงท่าทางสงบไม่สะทกสะท้านราวกับไม่เห็นดาบที่พุ่งมาเบื้อบงหน้า
พรรคพวกที่ข้างหลังก็ต่างยืนนิ่ง ทุกคนฉายแววเย้ยหยันในดวงตา
หลินจิ้งเบิกตาโตมองฉากนี้ด้วยความตื่นเต้น นางต้องการเห็นพัฒนาการของมู่เฉินเติบโตขึ้นมากแค่ไหนหลังจากไม่เจอกันมาหลายปี
ท่ามกลางความสนใจของทุกคน แสงก็ห่อหุ้มร่างมู่เฉิน แต่ที่ทำให้เกิดความตกตะลึงคือมู่เฉินก็ยังไม่ได้เคลื่อนไหวใดๆ กลับหลับตาช้าๆ ราวกับยอมรับความพ่ายแพ้
“รนหาที่ตาย!”
เมื่อหวังหวู่เห็นแบบนี้ก็อดไม่ได้ที่จะเค้นเสียงเย็น
ใบดาบแสงพุ่งเข้าใกล้มู่เฉิน ทว่าทันทีที่จะสัมผัสร่าง แสงสีทองก็กระจายออกมาจากร่างกาย ขณะเดียวกันเสียงคำรามของมังกรก็สั่นสะเทือนเลื่อนลั่นไปหมด
แสงสีทองระเบิดออก ทันใดนั้นมังกรยักษ์สีม่วงทองก็ทะยานออกมาจากในร่างมู่เฉินพร้อมกับแรงกดดันที่ไม่สามารถอธิบายได้ ซึ่งทำให้ใบดาบที่พุ่งเข้ามาหยุดชะงักลง
โฮก!
มังกรยักษ์สีม่วงทองพันรอบร่างมู่เฉิน กรงเล็บงองุ้มแน่นกลายเป็นหมัดปะทะกับดาบแสงจังใหญ่
ปัง!
ระลอกคลื่นป่าเถื่อนไร้เทียมทานกวาดออกมา มิติถึงกับแปรปรวน เมื่อแสงสีทองพวยพุ่งออกมา สีหน้าหวังหวู่ก็เปลี่ยนไปรุนแรง เนื่องจากเขาสัมผัสได้ถึงพลังงานน่ากลัวที่พล่านมาจากใบดาบ ซึ่งเป็นพลังทำลายล้างที่ต่อให้เขาเร้าคลื่นพลังออกมาทั้งหมดก็ต้องแตกสลาย
แคร็ก!
ใบดาบยาวสีแดงเข้มแตกออก หวังหวู่ก็ราวกับได้รับผลกระทบสาหัส ร่างกระเด็นออกไป เลือดสดสาดกระจายจากนั้นเขาก็ล้มลงกับพื้นทิ้งรอยยาวพันจั้งเอาไว้
โห่!
ใบหน้าทุกคนเปลี่ยนไป ความโกลาหลตีกวน ไม่มีใครคิดว่าจอมยุทธ์อีกครึ่งก้าวจะบรรลุระดับจื้อจุนขั้นเก้าจะถูกทำให้ตกอยู่ในสภาพที่น่าสมเพชเช่นนี้ในพริบตา
ยิ่งไปกว่านั้นมู่เฉินไม่แม้แต่จะเคลื่อนไหว อีกฝ่ายก็พ่ายแพ้ไปแล้ว!
วาบ!
ทุกคนมองไปที่มู่เฉินด้วยความตกตะลึงในดวงตา จากนั้นก็มองมังกรสีม่วงทองที่ขดรอบร่างที่ส่งเสียงคำรามอย่างต่อเนื่อง ขณะที่มิติผันผวน บรรยากาศที่หายใจไม่ออกก็เล็ดลอดออกมาจากมังกร
ส่วนมู่เฉินยังคงทิ้งแขนแนบลำตัวไม่มีระลอกคลื่นบนใบหน้า
“นั่นคือรัศมีมังกร…ที่หายากแม้แต่ในเผ่ามังกร!” ความปั่นป่วนดังขึ้นบนท้องฟ้า ชัดว่าบอกได้ถึงความพิเศษของมังกรตัวนี้
“หรือว่ามู่เฉินเป็นสมาชิกเผ่ามังกร?”
“เขาเป็นมนุษย์แน่นอน แต่น่าจะฝึกฝนทักษะที่เกี่ยวข้องกับเผ่ามังกร!” บางคนเอ่ยออกมาด้วยสายตาแหลมคม
“แม้ว่ามังกรตัวนี้จะดูเหมือนของจริงแต่ก็ยังมีร่องรอยภาพลวงตา ทว่าพลังที่ระเบิดออกมาจากภายใน ก็เกินกว่าจอมยุทธ์ระยะอีกครึ่งก้าวจะบรรลุระดับจื้อจุนขั้นเก้าส่วนมากแล้ว”
“เขาสามารถเอาชนะจอมยุทธ์ขุมพลังเดียวกันได้โดยมังกรที่ควบแน่นออกมาเนี่ยนะ?” ผู้คนหรี่ตาลงอย่างไม่สามารถควบคุมได้ วิชาทรงพลังนั่นคืออะไร? มู่เฉินไม่ธรรมดาจริงๆ มิน่าล่ะถึงไม่กลัวแม้จะเผชิญหน้ากับเซี่ยหง ที่แท้ไพ่ตายที่เขามีก็ทรงพลังเช่นกัน
เมื่อบวกรากฐานของมังกรกับพลังของมู่เฉิน เขาสามารถจะเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์ระดับจื้อจุนขั้นเก้าได้อย่างแท้จริง
หลินจิ้งกะพริบตาวิบวับมองมังกรสีม่วงทองซึ่งยังคงขดตัวรอบร่างมู่เฉินด้วยความอยากรู้อยากเห็น พลางพึมพำกับตัวเอง “นี่คือรัศมีมังกรแท้จริง…”
จากประสบการณ์นางสามารถบอกที่มาของมังกรได้อย่างเป็นธรรมชาติ แต่สิ่งที่ทำให้นางประหลาดใจก็คือความจริงที่รัศมีที่เปล่งออกมาจากมังกรแท้จริงนั้นเป็นของดั้งเดิม
มังกรแท้จริงเผ่ามังกรเคยมาเยี่ยมบิดานางที่แคว้นหวูครั้งหนึ่ง รัศมีมังกรแท้จริงยิ่งใหญ่มากกระทั่งครองเหนือสวรรค์ได้
แต่ตอนนี้รัศมีมังกรรอบตัวมู่เฉินก็ให้ความรู้สึกเหมือนผู้อาวุโสคนนั้นเช่นกัน
ภายใต้ความโกลาหลเซี่ยหงมองไปที่ผู้ใต้บังคับบัญชาที่พ่ายแพ้ รอยยิ้มบนใบหน้าค่อยๆ จางหายไป เขามองไปที่มู่เฉินโดยไม่มีสีหน้าใดๆ สายตาเย็นชาราวกับใบมีดที่ทำให้คนอื่นกลัว
แต่มู่เฉินไม่ได้รับผลกระทบอะไรกับสายตานั่น เขามองไปที่วิญญาณมังกรแท้จริงที่ขดรอบตัวแล้วหันไปหาเซี่ยหงพูดอย่างใจเย็น “ได้ของมาไม่ให้กลับเป็นเรื่องไม่มีมารยาท”
พูดจบฝ่าเท้าก็ก้าวไปข้างหน้าครึ่งก้าว สีหน้าสงบนิ่ง หมัดกำแน่นก่อนที่แสงสีทองพร่างพราวจะพุ่งขึ้นสู่ขอบฟ้าขณะที่เขาเหวี่ยงหมัดออกไป
โฮก!
ขณะที่มู่เฉินเหวี่ยงหมัด มังกรก็แผดเสียงคำรามเปลี่ยนเป็นลำแสงสีม่วงทองพุ่งลงมารวมเข้ากับฝ่ามือของมู่เฉิน
ตู้ม!
ภาพหมัดขนาดพันจั้งพุ่งออกไปราวกับมังกร ขณะที่กรงเล็บมังกรกวัดแกว่งไปมา ความผันผวนที่น่ากลัวสร้างความหายนะ ทำให้เกิดรอยแตกบนพื้น
เมื่อเทียบกับดาบแล้วหมัดของเขามีพลังมากกว่าไม่รู้กี่เท่า!
เผชิญหน้ากับหมัดนี้แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเก้าระยะต้นก็อดไม่ได้ที่จะเปลี่ยนสีหน้าพร้อมกับความหวาดเกรงในสายตา
ตู้ม!
หมัดมังกรพุ่งลงเร็วปานสายฟ้า พริบตาก็ไปอยู่ตรงหน้าเซี่ยหงห่อหุ้มตัวเขาไว้
สีหน้าของเซี่ยหงมืดครึ้มลง แสงเย็นกะพริบในดวงตา เมื่อเผชิญหน้ากับพลังหมัดของมู่เฉิน เขาไม่ได้หลีกเลี่ยงการโจมตีกลับเค้นเสียงเย็นชาออกมาแทน “ให้ข้าคนนี้ทดสอบถึงพลังที่แกมี มาดูสิว่าแกมีคุณสมบัติที่จะโอ้อวดต่อหน้าข้าหรือไม่!”
พูดจบเขาก็งอนิ้วเป็นกรงเล็บพลางซัดออกไป ปลายนิ้ววูบไหวด้วยแสงสีดำทิ้งรอยลึกไว้ในมิติ
แสงหลิงพริบพราวในกรงเล็บเหมือนจะก่อตัวเป็นรูปมังกรดำและขยายปากอำมหิต
“ร่างเก้าเทพอสูร กรงเล็บมังกรปีศาจกลืนฟ้า!”
ตู้ม!
หมัดมังกรทองพุ่งเข้าใส่ พริบตาถัดมาก็เข้าปะทะกับกรงเล็บมังกรดำของเซี่ยหง!