หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – ตอนที่ 1116

ตอนที่ 1116

หนึ่งในใต้หล้า 大主宰
บทที่ 1116 สามศิษย์ระดับมังกรทองคำ
แสงสีทองพร่างพราวเปล่งออกมาจากป้ายเจียวทองคำ

ทำให้หลิ่วกุยและหวังทงเสียนที่ได้รับป้ายเจียวขาวดูหม่นหมองเมื่อเทียบกัน

“สวรรค์! นั่นคือป้ายเจียวทองคำ!”

“ฉินจิงเจ๋อน่าเกรงขามอย่างแท้จริง ได้รับเลือกเป็นศิษย์ระดับเจียวทองคำ!”

“สุดยอดจริงๆ”

“…”

ความโกลาหลสะท้อนไปทั่ว หลายคนก็ชื่นชมเขาพร้อมกับความอิจฉาพล่านในดวงตา ภายใต้สถานการณ์ที่มีแต่ป้ายหมาป่าและนกอินทรีออกมานับไม่ถ้วน การปรากฏของป้ายเจียวทองคำล้ำค่านี้ชัดว่าเด่นกว่าสิ่งใด

ทว่าสีหน้าฉินจิงเจ๋อกลับไม่ดีเท่าไรตรงข้ามกับสายตาที่มองมาแบบอึ้งทึ่ง เขาจ้องมองป้ายเจียวทองคำโดยไม่มีความยินดี แต่เป็นความไม่พอใจ

เขาฉินจิงเอ๋อเป็นศิษย์ที่โดดเด่นที่สุดของสำนักกระบี่บัวเขียวในช่วงหลายร้อยปีที่ผ่านมาไม่เคยมีใครเอาชนะเขาได้ เขามีศักยภาพสูงที่จะบรรลุระดับตี้จื้อจุนทั้งที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ของสำนัก แต่เบื้องหน้าประตูมังกรทะยานสวรรค์แห่งนี้ ศักยภาพของเขาได้รับการจัดอันดับศิษย์ระดับเจียวทองคำเท่านั้น

แม้ว่าจะสูงและโดดเด่นในสายตาหลายคน แต่ก็ยังไม่เพียงพอสำหรับเขา

แต่ไม่ว่าจะไม่ยอมรับแค่ไหน เขาก็ทำอะไรไม่ได้กับผลลัพธ์นี้ เขาทำได้เพียงสายหัวพร้อมกับแววตามืดมน

หลิ่วกุยและหวังตงเสียนค่อนข้างสงบนิ่ง เนื่องจากผลลัพธ์นี้อยู่ในการคาดเดาของพวกเขา นอกจากนี้บวกกับข้อเท็จจริงที่ว่าฉินจิงเจ๋อได้เพียงรับป้ายเจียวทองคำ ก็ถือว่าปลอบขวัญพวกเขาแล้ว

เพราะอันดับของพวกเขาต่ำกว่าฉินจิงเจ๋อมาก

ทั้งสามยืนอยู่บนท้องฟ้า แต่ยังไม่ได้เข้าไปในวังโบราณทันที แต่เลือกที่จะยืนรออยู่ก่อน

เห็นได้ชัดว่าพวกเขาอยากดูว่าจะมีใครได้รับการประเมินว่าเป็นศิษย์ระดับมังกรบ้าง!

ในเวลาเดียวกันสายตาของพวกเขาก็เลื่อนไปที่ซูชิงหยิง ถ้าดูจากจอมยุทธ์ที่อยู่ที่นี่ คนที่มีคุณสมบัติจะได้รับป้ายมังกรมากที่สุดก็คือนาง

เมื่อทั้งสามเลื่อนสายตาไป ทุกคนก็มีอาการไม่ต่างกัน ทั้งหมดมีความคิดเดียวกัน

แม้แต่มู่เฉิน จิ่วโยวและพรรคพวกก็มองหาที่ซูชิงหยิงเช่นกัน!

“ซูชิงหยิงจะต้องได้เป็นศิษย์ระดับมังกรแน่นอน” จิ่วโยวพูดเสียงต่ำ แม้ว่านางจะหมั่นไส้ซูชิงหยิง แต่พลังของอีกฝ่ายก็ไม่มีข้อกังขา

มู่เฉินพยักหน้าเห็นด้วย คำถามข้อเดียวคือนางจะได้ป้ายมังกรขาว เขียวหรือว่าทองคำกัน?

ภายใต้สายตาที่จ้องมองมา ซูชิงหยิงก็มองไปที่ประตูพร้อมความสงสัยวูบไหวในดวงตา

เห็นได้ชัดว่านางก็มีความคิดแบบเดียวกัน!

ดังนั้นนางจึงคลี่ยิ้มบางเคาะฝ่าเท้าเบาๆ โดยไม่ลังเลก็กลายเป็นริ้วแสงสีดำปรากฏตัวที่เบื้องหน้าประตูแล้วพุ่งเข้าไป

ร่างซูชิงหยิงหายไปทั่วฟ้าดินก็เงียบกริบลง ทุกคนเบิกตากว้างมองไปที่ประตู พวกเขามีลางสังหรณ์ว่าซูชิงหยิงจะสร้างสถิติทรงพลังที่ยิ่งใหญ่เลยทีเดียว

“ไม่รู้ว่าการทดสอบของประตูมังกรทะยานสวรรค์คืออะไร?” จิ่วโยวมองไปที่ประตูพลางพูด

มู่เฉินส่ายหัว “ประตูมังกรทะยานสวรรค์เป็นอาวุธมหสวรรค์โบราณ ดังนั้นการทดสอบไม่ง่ายแน่”

จิ่วโยวพยักหน้าเห็นด้วยเบาๆ แต่ประตูก็ได้รับความเสียหายรุนแรงตอนที่วังสวรรค์บรรพกาลถูกทำลาย มิฉะนั้นคงไม่ได้มีแค่ประสิทธิภาพในการประเมินผลหรอก

“ต่อไปก็รอดูกันเถอะ”

มู่เฉินมองไปที่ประตูหินโบราณอย่างเงียบๆ

ความเงียบนี้ดำเนินไปสิบกว่านาที เวลาที่นางใช้เกินกว่าทุกคนก่อนหน้า

ทันใดนั้นประตูที่สงบนิ่งก็สั่นไหว หัวใจของทุกคนโลดขึ้นก่อนที่สายตาจะมุ่งเน้นไปประตู

ฮึ่ม! ฮึ่ม!

เกลียวแสงพุ่งออกมา ก่อนที่ประตูปิดแน่นจะเปิดออกอย่างช้าๆ เกลียวไร้ขอบเขตกวาดออกมา

ความหนาแน่นของแสงแข็งแกร่งกว่าทุกคนที่ทดสอบมาก่อนหน้า

โฮก!

เสาแสงพร่างพราวทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าพร้อมกับมังกรพันธนาการรอบเสาแผดเสียงคำรามลั่น ซึ่งดังก้องไปมาระหว่างสวรรค์และโลก

ทุกคนหดดวงตาลงกับฉากนี้ ซูชิงหยิงได้รับตำแหน่งศิษย์ระดับมังกรแท้จริง!

แสงสุกใสควบแน่นอย่างรวดเร็ว ร่างซูชิงหยิงปรากฏขึ้นกลางอากาศ ดวงตาจับจ้องไปที่เบื้องหน้า รังสีพราวรวมตัวกันเป็นป้ายโบราณที่มีมังกรเขียวเข้มขดอยู่ สามารถมองเห็นได้ชัดเจน

ป้ายมังกรเขียว?!

ทุกคนหดดวงตาลงหายใจเข้าลึกก่อนจะยกย่องนางในใจ ไม่คิดว่าซูชิงหยิงไม่เพียงจะได้รับการประเมินเป็นศิษย์ระดับมังกร แต่ยังเป็นป้ายมังกรเขียวด้วย!

ความสำเร็จนี้อาจโดดเด่นแม้แต่ในวังสวรรค์บรรพกาล

ซูชิงหยิงสมกับเป็นจอมยุทธ์อันดับสองในทำเนียบ

ฉินจิงเอ๋อ หลิ่วกุยและคนอื่นๆ มองดูป้ายมังกรสีเขียวเจิดจ้าก็ถอนหายใจ ดูท่าจะมีช่องว่างพลังขนาดใหญ่ระหว่างพวกเขากับซูชิงหยิงจริงๆ

“ป้ายมังกรเขียวเรอะ?” มู่เฉินเพ่งความสนใจไปที่นาง แต่เขาไม่ได้แปลกใจ เพราะตัวเขาได้คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้แล้ว

“แต่ถึงจะเป็นนางก็ยังไม่สามารถได้รับป้ายมังกรทองรึ?” มู่เฉินถอนหายใจ ไม่รู้จริงๆ ว่าการทดสอบในประตูมังกรทะยานสวรรค์ยากแค่ไหนกัน

ซูชิงหยิงที่ถูกมองด้วยสายตายกย่องนับไม่ถ้วน กลับมองป้ายมังกรเขียวตรงหน้าแล้วมุ่นคิ้วบาง ขณะที่นางกำลังจะเอ่ยปากพูดสีหน้าก็เปลี่ยนไป นางเงยหน้าขึ้นมองไปที่ขอบฟ้าไกลออกไป

มู่เฉินและคนอื่นๆ ก็สัมผัสได้ถึงบางอย่างก็มองตามไปที่นั่น เสาแสงสีทองทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า โดยมีมังกรทองคำพันธนาการอยู่รอบๆ

“ป้ายมังกรทองคำ!”

เสียงอุทานดังขึ้น มีบางคนได้รับการประเมินเป็นศิษย์ระดับมังกรทองคำที่ประตูมังกรทะยานสวรรค์อีกบานเรอะ?

“ต้องเป็นจู้เยี่ยนแน่!” มีคนโพล่งออกมาโดยไม่ลังเล ในบรรดาจอมยุทธ์รุ่นใหม่ของทวีปเทียนหลัว จู้เยี่ยนที่เป็นเจ้าทำเนียบมีคุณสมบัติเช่นนั้น

“ช่างเป็นคนที่น่าเกรงขาม” ใบหน้ามู่เฉินเคร่งเครียดลงหลายส่วน นี่อาจเป็นศิษย์ระดับมังกรทองคำคนแรกหลังจากวังสวรรค์บรรพกาลถูกทำลาย

ทันทีที่คำพูดของมู่เฉินจบลง เสาแสงสีทองอีกเสาก็ทะยานไปสู่ชั้นฟ้าในอีกทิศทางหนึ่ง สามารถมองเห็นได้เลือนรางในระยะไกล

ทุกคนตกตะลึงก่อนจะเกิดความโกลาหลอีกครั้ง ศิษย์ระดับมังกรทองคำอีกคนหรือ?

ถ้าคนก่อนหน้านี้คือจู้เยี่ยน แล้วนี่เป็นใครกัน? แม้แต่ซูชิงหยิงก็เป็นศิษย์ระดับมังกรเขียวเท่านั้น!

มู่เฉินจ้องเขม็งไปที่เสาแสงสีทองเสาที่สอง สัญชาตญาณบอกเขาว่านี่น่าจะเป็นจาโหลหลัว

แม้ว่าอีกฝ่านจะเป็นจอมยุทธ์อันดับสาม แต่มู่เฉินไม่เชื่อว่าผู้ที่ครอบครองร่างเทพสุริยะจะด้อยกว่าซูชิงหยิง

ตามการคาดการณ์ของเขาความแข็งแกร่งของจาโหลหลัวไม่ได้อ่อนด้อยกว่าจู้เยี่ยน

ตู้ม!

ขณะที่ความคิดวนเวียนอยู่ในใจ ดวงตาผู้คนก็หดแคบลง เนื่องจากทุกคนได้เห็นเสาแสงมังกรทองคำอีกเสาปรากฏขึ้น

เสามังกรทองคำเสาที่สาม!

สามศิษย์ระดับมังกรทองคำ!

ในช่วงเวลาไม่กี่สิบลมหายใจ มีศิษย์ระดับมังกรทองคำปรากฏขึ้นถึงสามคน!

ทั่วบริเวณเงียบงันไปด้วยความไม่เชื่อกระจายบนใบหน้า แม้แต่สีหน้าของซูชิงหยิงก็ดูไม่ดีนัก นี่หมายความว่ามีจอมยุทธ์สามคนที่เหนือชั้นกว่านาง แล้วอันดับสองบนทำเนียบคืออะไร?

แม้ว่านางจะเสียเปรียบไปบ้างเนื่องจากต้องพึ่งพาแมลงวิญญาณ แต่ผลลัพธ์ก็ยังเป็นผลลัพธ์ นางเป็นศิษย์ระดับมังกรเขียวเท่านั้น

มู่เฉินและจิ่วโยวแลกเปลี่ยนสายตากัน ถ้าเสาแสงมังกรทองคำเสาที่สองเป็นจาโหลหลัว แล้วคนที่สามเป็นใคร? เซี่ยหยู่เรอะ?

มู่เฉินได้ประมือกับเซี่ยหยู่ไปสั้นๆ แม้จะรู้ว่าอีกฝ่ายไม่ใช่ง่ายๆ แต่น่าจะยังไม่เพียงพอสำหรับเซี่ยหยู่ที่จะได้เป็นศิษย์ระดับมังกรทองคำ

แล้วใครคือศิษย์ระดับมังกรทองคำคนที่สาม?

ซูชิงหยิงถอนสายตาจากนั้นก็มองไปที่ประตูอย่างเกลียดชังและสาปแช่ง “ไอ้ประตูเส็งเคร็ง!”

แม้ว่านางจะไม่พอใจ แต่นางก็ไม่ได้หดหู่อะไร ถ้าไม่ใช่เพราะแมลงวิญญาณได้รับบาดเจ็บ การทดสอบของนางก็อาจจะประสบความสำเร็จมากกว่านี้ก็ได้

ตอนนี้ประตูมังกรทะยานสวรรค์สองแห่งปรากฏศิษย์ระดับมังกรทองคำแล้ว มีเพียงที่นี่ที่ยังไม่มีซึ่งดูไม่ดีเลย หากเป็นเช่นนั้นไม่ได้หมายความว่าคุณภาพของพวกเขาต่ำเหรอ?

เรื่องนี้ทุกคนที่นี่ไม่เห็นด้วยแน่นอน

เมื่อคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ซูชิงหยิงก็เลื่อนสายตาไปที่กลุ่มมู่เฉินก่อนจะยิ้มอ่อน “พี่มู่ พวกเจ้ายืนดูมานานแล้ว ถึงตาที่จะต้องเคลื่อนไหวมั่งแล้วนะ”

แม้ว่าคำพูดจะพุ่งไปกระทบมู่เฉิน แต่สายตากลับจดจ้องอยู่ที่หลินจิ้ง ในสายตานางคนที่มีโอกาสจะเป็นศิษย์ระดับมังกรทองคำน่าจะเป็นหลินจิ้งผู้ลึกลับคนนี้

สำหรับมู่เฉินชัดว่าอยู่นอกสายตานาง

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler ฟรี ได้ที่ novel-fast 


เรื่องย่อ

โดย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler บางส่วนของนิยาย

บทนำ

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป

‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้

แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์

แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว

ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ

เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง?

ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน…

เรื่องย่อ

เมื่อคำพูดของมู่เฉินกระจายออกไป ไม่เพียงแต่จะไม่มีการตอบสนอง แม้แต่ด้านนอกเจดีย์ก็ถูกห่อหุ้มด้วยบรรยากาศราวกับป่าช้า…

ทุกคนตกตะลึงไปกับฉากนี้ พวกเขาจ้องมองจุดที่ลู่สุยหายตัวไป ราวกับว่ายังไม่สามารถฟื้นจากอาการตะลึงงันที่เกิดขึ้นได้

ก่อนหน้าเมื่อลู่สุยออกกระบวนท่าที่น่าสะพรึง ผู้คนส่วนใหญ่ก็คิดว่าผลลัพธ์ของการต่อสู้ได้ถูกกำหนดแล้ว ทว่าพวกเขาไม่คิดเลยว่ามู่เฉินจะพลิกสถานการณ์ได้อีกครั้ง เตะลู่สุยที่เหมือนจะคว้าชัยชนะออกไป

ทุกคนตะลึงไปพักใหญ่ ก่อนที่พวกเขาจะหลุดออกจากอาการได้ สายตาเคร่งเครียดลง การประลองกันครั้งนี้มู่เฉินไม่ได้ใช้ค่ายกล แต่เขาก็สามารถเอาชนะจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดอย่างลู่สุยได้ด้วยความแข็งแกร่งที่อยู่ในขั้นหกเท่านั้น แม้ว่าจะมีผลจากลู่สุยประมาทเองในตอนแรก แต่นั่นก็แสดงให้เห็นว่ามู่เฉินน่ากลัวแค่ไหน

พลังเช่นนี้เขาสามารถเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์อันดับต้นๆ ในเจดีย์ฝึกพลังกายได้เลยทีเดียว

ทางฝั่งกลุ่มกระเรียนฟ้า ใบหน้าของหลิ่วชิงกลายเป็นเขียวสลับขาว นางมองไปที่ร่างสูงโปร่งบนหน้าจอ กลืนน้ำลายเหนียวหนืด ความกลัวปรากฏในดวงตาของนางเป็นครั้งแรก

มาถึงจุดนี้นางคงโง่แน่ถ้ายังคิดปฏิบัติต่อมู่เฉินเหมือนกับจอมยุทธ์ขั้นหกทั่วไป

ด้วยพลังในการต่อสู้ที่เขาแสดงออกมา บวกกับค่ายกลทรงพลัง แม้แต่จงเถิงก็ยากจะได้เปรียบหากพวกเขาต่อสู้กัน

ก่อนหน้านี้นางหัวเราะเยาะและมองจิ่วโยวด้วยความดูถูก แต่ตอนนี้นางอายแทบแทรกแผ่นดินหนี ซึ่งจุดนี้รู้ได้จากสายตาเยาะเย้ยเหล่านั้นที่ปรายมองเข้ามา

“ทำไมมู่เฉินถึงทรงพลังเช่นนี้?” จงฮั้วที่พ่ายแพ้ให้กับมู่เฉินก็มีสีหน้าเคร่งขรึมเช่นกัน ก่อนหน้านี้เขาเคยคิดเช่นกันว่ามู่เฉินพึ่งพาเพียงค่ายกลเพื่อจัดการกับศัตรู แต่ใครจะคิดว่าเมื่อไม่มีการใช้ค่ายกลมู่เฉินก็สามารถเอาชนะลู่สุยแบบดุร้ายยิ่งกว่าอะไร

“ดูเหมือนว่ามีเพียงพี่ใหญ่จงเถิงเท่านั้นที่สามารถจัดการกับเขาได้” จอมยุทธ์อีกคนของเผ่ากระเรียนฟ้าพยักหน้า

หลิ่วชิงพยักหน้าเบาๆ ไม่เพียงแต่พวกเขาจะพิจารณาพลังของมู่เฉินพลาดไปเท่านั้น แม้แต่จงเถิงก็ตัดสินอีกฝ่ายผิดไป ชายคนนั้นเป็นสัตว์ประหลาดอย่างแท้จริง

ฟิ้ว!

ขณะที่นอกเจดีย์ต่างตกตะลึงกับผลลัพธ์ที่มู่เฉินนำมา ทันใดนั้นแสงก็กะพริบบนแท่นนอกเจดีย์ ร่างน่าสังเวชปรากฏขึ้น

เมื่อร่างนั้นออกมาก็รีบถอยกลับไปปรากฏตัวขึ้นในกลุ่มอีกาสายฟ้าทันควัน นี่ก็คือลู่สุยที่มีสีหน้าซีดขาว คลื่นหลิงของเขาถดถอยลงอย่างมาก

สายตาโดยรอบยิงเข้าหาในเวลานี้ทันที

ใบหน้าของลู่สุยเขียวคล้ำ สายตาเกลียดชังมองไปที่มู่เฉินที่อยู่บนหน้าจอ ก่อนที่จะหันหัวสาดสายตาดุร้ายใส่จิ่วโยวและมั่วหลิง ที่ข้างๆ พรรคพวกของเขาก็มีท่าทางไม่ดีเช่นกัน

ทว่าจิ่วโยวไม่กลัวที่จะเผชิญหน้ากับสายตาเหล่านั้น นางเค้นเสียงอย่างเย็นชา “ลูกหมาที่ถูกฟาดยังกล้าที่จะออกมาแยกเขี้ยวอีกเหรอ?”

ตอนนี้ลู่สุยบาดเจ็บสาหัส สูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไปหมด ส่วนคนที่เหลือก็ไม่มีอะไรต้องกลัว หากพวกเขากล้าที่จะคิดบัญชีกับพวกนาง จิ่วโยวก็ไม่คิดปล่อยพวกเขาไว้เป็นภัยคุกคามในอนาคตหรอก

สายตาแสดงความเกลียดชังของลู่สุยจ้องเขม็งอยู่ที่จิ่วโยว แต่สุดท้ายเขาก็ต้องถอนสายตาออกไปอย่างไม่เต็มใจ ก่อนที่จะถอยกลับนั่งลงบนซากปรักหักพังเข้าสมาธิเพื่อฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ

จอมยุทธ์กลุ่มอีกาสายฟ้าก็ปรากฏรอบตัวเขาเพื่อปกป้อง

เมื่อจิ่วโยวเห็นการตอบสนองนั่น นางก็ไม่ได้ใส่ใจกับพวกเขาอีก นางมองไปที่หน้าจออีกครั้งโดยพุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่ร่างเงาอ่อนเยาว์ มือที่กำแน่นผ่อนคลายลง

เห็นได้ชัดว่านี่เป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงสำหรับนางที่มู่เฉินจะเอาชนะได้เด็ดขาดแบบนี้ นั่นเป็นเพราะตามการประเมินของนางแม้ว่ามู่เฉินจะยืนยงอยู่ได้ก็เป็นยากที่จะเอาชนะลู่สุยด้วยขุมพลังจื้อจุนขั้นหกและถ้าการต่อสู้ถูกลากไปจนสุดอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบคาดไม่ถึง

ทว่าผลลัพธ์สุดท้ายที่ได้ก็ทำให้นางทั้งประหลาดใจและดีใจ

เห็นได้ชัดว่ามู่เฉินได้รับประโยชน์มหาศาลจากสามชั้นแรกของเจดีย์ฝึกพลังกาย ไม่เช่นนั้นเขาไม่สามารถแสดงพลังเป็นที่ประจักษ์เช่นนี้ได้

“ว่ากันว่าในชั้นสี่มหัศจรรย์กว่านี้มาก หากใครสามารถเข้าไปได้ พวกเขาจะสามารถได้รับผลประโยชน์เกินกว่าสามชั้นแรกมาก…”

จิ่วโยวยิ้มบาง ดูจากสถานการณ์ปัจจุบันไม่น่ามีปัญหาใดๆ ที่มู่เฉินจะเข้าสู่ชั้นสี่ สำหรับมั่วเฟิงความแข็งแกร่งของเขาเป็นหนึ่งในอันดับต้นของกลุ่มที่เข้าไป ดังนั้นจึงไม่ยากสำหรับเขาที่จะได้หนึ่งในห้าที่นั่งนี้ไปเช่นกัน

ดูเหมือนว่าการเดินทางมาที่เจดีย์ฝึกพลังกายโบราณครั้งนี้เผ่าวิหคโลกันตร์อาจเป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

บนลานเมฆสายฟ้า

ไม่มีใครตอบคำถามของมู่เฉิน ขณะนี้แม้แต่จอมยุทธ์ทรงอำนาจอย่างหานซันและสีคุนก็ยังรู้สึกหวาดระแวงมู่เฉินอยู่บ้าง ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกที่จะไม่ไปปะทะกับมนุษย์ผู้นี้

ดังนั้นคนทั้งหมดที่อยู่ที่นี่จึงเงียบลง ก่อนที่จะถอยออกจากรัศมีโดยรอบมู่เฉินอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณบอกว่าพวกเขาไม่ต้องการต่อสู้กับเขา

เมื่อมู่เฉินเห็นภาพนี้ก็ไม่มีอารมณ์ใดบนใบหน้า แต่ในใจกลับรู้สึกโล่งอก คนอื่นๆ เห็นเพียงฉากการต่อสู้ตระการที่เขาเอาชนะลู่สุยได้ แต่พวกเขาไม่รู้หรอกว่าหมัดที่เขาชกออกไปก่อนหน้านี้คือพลังงานส่วนเกินจากสามชั้นแรก

ร่างกายของมู่เฉินก่อนหน้าเปรียบเสมือนฟองน้ำที่ดูดซับน้ำจนถึงขีดจำกัด หมัดของเขาจึงเท่ากับบีบน้ำออกจนหมด ทำให้ร่างกายที่อัดแน่นกลับสู่สภาพเดิม

ดังนั้นถ้าให้เขาโจมตีแบบนั้นอีกครั้ง พลังก็จะไม่ทรงประสิทธิภาพเหมือนเมื่อครู่แน่นอน

ประสิทธิผลพิเศษชนิดนี้ของการสะสมพลังงานในร่างกายเป็นทักษะที่ได้มาจากกายามังกรหงส์ ด้วยวิธีนี้เขาจะได้รับผลลัพธ์ที่ไม่มีใครคาดคิดไว้ กลายเป็นไพ่ลับอีกใบหนึ่ง

“คัมภีร์หลงเฟิ่งทรงพลังจริงๆ”

แม้แต่มู่เฉินก็ยังชื่นชมในสิ่งนี้ คัมภีร์หลงเฟิ่งสมแล้วที่เป็นทักษะยอดเยี่ยมแท้จริง จากการประเมินของเขาคัมภีร์นี้ต้องอยู่ในระดับเสินทงแน่นอน ซึ่งไม่ธรรมดาแม้จะอยู่ในกลุ่มวิทยายุทธระดับเสินทงด้วย

มู่เฉินชื่นชมก่อนที่จะใจเย็นลง แม้ว่าตอนนี้จะไม่มีใครท้าทายเขา แต่เขาก็ไม่ตั้งใจที่จะท้าทายคนอื่นด้วยเช่นกัน เขายืนนิ่งบนตำแหน่งตนเองรอผลการคัดออก

สำหรับจงเถิง มู่เฉินรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นพวกยุแยงให้ลู่สุยมาปะทะกับเขา แต่เนื่องจากตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ดีในการจัดการ เขาจึงได้แต่ผลักแผนไปก่อน

แต่ถึงกระนั้นสายตาคมกล้าของมู่เฉินก็ยังจ้องเขม็งไปที่จงเถิง รอบตัวเต็มไปด้วยคลื่นหลิงราวกับเสือดาวที่กำลังจะจ้องตะครุบเหยื่ออัดแน่นด้วยภัยคุกคาม

เมื่อเห็นท่าทางของมู่เฉิน จงเถิงที่ประจันหน้ากับมั่วเฟิงก็รู้สึกอึดอัดใจ เขาต้องแยกสมาธิอยู่ตลอดเพื่อจับตามองมู่เฉิน ป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายเคลื่อนไหวมาประสานพลังกับมั่วเฟิง

ด้วยวิธีนี้สมาธิของจงเถิงจึงค่อนข้างฟุ้งซ่าน สุดท้ายเขาได้แต่กัดฟัน ถอนคลื่นหลิงและถอยออกจากบริเวณของมั่วเฟิง

“พี่มั่วยากสำหรับการต่อสู้ของเราที่จะได้ข้อสรุป ทำไมเราไม่ไปจัดการคนอื่นและรับที่นั่งมาล่ะ?” ขณะที่จงเถิงถอยกลับเสียงก็สะท้อนก้องไปด้วย

มั่วเฟิงจ้องมองจงเถิงอย่างไม่แยแสก่อนที่จะพยักหน้า นั่นเป็นเพราะเขารู้ว่าหากพวกเขายังอยู่ในสถานการณ์ยืนจ้องหน้ากันก็จะไม่เกิดผลลัพธ์ใด หากเขาร่วมมือกับมู่เฉิน พวกเขาอาจทำให้จงเถิงบ้าดีเดือดขึ้นมา แม้แต่พวกเขาก็ต้องจ่ายราคามหาศาลจากการตีโต้

ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับพวกเขาคือการได้ที่นั่งเพื่อเข้าสู่ชั้นสี่

เมื่อจงเถิงเห็นคำตอบของมั่วเฟิงก็รู้สึกโล่งใจในใจ เขาถอยกลับอย่างรวดเร็วออกจากจุดที่มู่เฉินและมั่วเฟิงอยู่ เขาครุ่นคิดสั้นๆ ก่อนจะเลือกปะทะกับคนที่อ่อนแอกว่า

พอมู่เฉินเห็นจงเถิงไปแล้วก็ไม่ได้ใส่ใจอีกต่อไป สายตาหันมามองมั่วเฟิงแล้วก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้มแสดงความขอบคุณในการช่วยเหลือครั้งนี้

สายตาของมั่วเฟิงเป็นมิตรมากขึ้น คิดว่าการที่มู่เฉินเอาชนะลู่สุย ทำให้มั่วเฟิงมองมู่เฉินในฐานะจอมยุทธ์ที่อยู่ในระดับเดียวกันกับเขา ดังนั้นจึงไม่ได้มีท่าทางเฉยเมยเหมือนเมื่อก่อน

มั่วเฟิงพยักหน้าให้มู่เฉิน ก่อนที่จะหันหลังกลับและเริ่มเลือกคู่ต่อสู้ของตนเอง

ครืน!

เมื่อทุกคนเลือกคู่ต่อสู้แล้ว ทันใดนั้นคลื่นหลิงก็ระเบิดรุนแรงบนลานเมฆสายฟ้า คลื่นกระแทกกวาดออก ทำให้มิติเกิดการสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นไม่หยุด

บนลานเมฆสายฟ้าพลังงานหลิงกวาดหายนะ มีเพียงตรงมู่เฉินเท่านั้นที่ไม่ถูกรบกวน เนื่องจากไม่มีใครกล้าเหยียบเข้ามาในรัศมีพันจั้ง ยามนี้เขาเหมือนผู้ชมที่ดูการต่อสู้ติดขอบ ในเวลาเดียวกันก็บันทึกกระบวนท่าที่ทรงพลังของบางคนไว้ในสมอง

แม้ว่าในชั้นนี้พวกเขาอาจไม่ได้ประลองกัน แต่ก็ยังมีอีกสองชั้นรอพวกเขาอยู่ ใครจะสามารถรับประกันได้ว่าจะไม่มีการลดจำนวนลงในชั้นต่อไป?

ดังนั้นถ้ามีโอกาสเขาต้องพยายามจดจำข้อมูลผู้อื่นเก็บไว้

ภายใต้การสังเกตของมู่เฉิน การประลองบนลานเมฆสายฟ้าก็คงอยู่ชั่วระยะหนึ่ง ก่อนที่แต่ละคู่จะมาถึงจุดสิ้นสุด ผลลัพธ์ก็เป็นไปตามที่คาดไว้

หลังจากมู่เฉินก็เป็นหานซันที่เอาชนะคู่ต่อสู้ได้ที่นั่งที่สองไป

จากนั้นมั่วเฟิงและจงเถิงก็คว้าชัยชนะตามมา

ที่นั่งสุดท้ายตกเป็นของสีคุนที่ก่อนหน้านี้เคยแพ้หานซันที่ด้านนอกเจดีย์ ชายนี้มีความแข็งแกร่งที่น่าตกใจ แม้แต่หานซันยังต้องใช้ทักษะเต็มที่ถึงจะได้รับชัยชนะมา

เมื่อสีคุนได้รับที่นั่งสุดท้ายลานเมฆสายฟ้าขนาดใหญ่ก็เงียบลงอีกครั้ง ร่างทั้งห้ายืนอยู่ ขณะรัศมีไร้ขอบเขตทั้งห้าสายพุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าชนกันเปรี้ยงปร้าง

ทว่าการชนกันก็ดำเนินไปเพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ ก่อนที่ทั้งห้าจะถอนคลื่นพลังพร้อมกัน พวกเขาเหลือบมองกันและกัน จากนั้นก็ไม่ลังเลทะยานออกไปปรากฏตัวบนเบาะทั้งห้า

สายตาพวกเขาพุ่งตรงไปยังมิติด้านหลังลานเมฆสายฟ้าด้วยความโลภ ตรงนั้นเส้นดาวหางจำนวนมากกวาดผ่านราวกับฝนดาวตก

ในแสงเหล่านั้นแก่นหยดสายฟ้ากำลังกะพริบด้วยความแวววาว


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท