หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – ตอนที่ 1125

ตอนที่ 1125

หนึ่งในใต้หล้า 大主宰
บทที่ 1125 ผู้บัญชาการตำหนักสายลม
เมื่อทั้งสามก้าวเข้าไปในโถงสีฟ้าอมเขียว

แสงพร่างพราวก็ทำให้สายตาพวกเขาพร่ามัวไปก่อนที่จะปรับการมองเห็นได้ เบื้อหน้าเป็นโถงที่เต็มไปด้วยบรรยากาศเก่าแก่และยิ่งใหญ่

โถงปูด้วยหินสีฟ้าอมเขียว เสาสลักที่ดูเหมือนพายุเฮอริเคนขณะที่รองรับเพดานโถงไว้ ตรงกลางเป็นสระน้ำลึกที่มีดอกบัวผุดขึ้นบนผิวน้ำ หมอกสีฟ้าอมเขียวลอยอ้อยอิ่งขึ้นมาจากบ่อน้ำกระจายไปทั่ว

ทั้งสามหายใจเข้าเล็กน้อยก่อนที่จะเพ่งสายตาพร้อมกับสีหน้าที่เปลี่ยนไป เนื่องจากพวกเขาสังเกตเห็นว่าหมอกนี้บรรจุด้วยคลื่นหลิงบริสุทธิ์และหนาแน่น

“สระน้ำนี่…” ดวงตาของมู่เฉินสว่างวาบเมื่อมองไปที่สระน้ำพลางเลียริมฝีปาก

“นี่คือสระน้ำที่สร้างมาจากของเหลวจื้อจุน!” จิ่วโยวอดไม่ได้ที่จะอุทานด้วยความตกตะลึงในนัยน์ตา นางอึ้งไปอย่างเห็นได้ชัดกับความมั่งคั่งของตำหนักสายลม แอ่งน้ำบริสุทธิ์เช่นนี้อย่างน้อยก็ต้องใช้ของเหลวจื้อจุนหลายร้อยล้านหยดในการเติม

แม้ว่าน้ำในสระจะตื้นเขินขึ้นมาก แต่ก็มีไม่น้อยกว่าห้าสิบล้านหยดแน่นอนหากคิดกลั่นออกมา… ซึ่งจำนวนนี้ก็ยังมหาศาลสำหรับอาณาเขตกงเวทสวรรค์

“สมกับเป็นหนึ่งในเก้าตำหนักมั่งคั่งจริงๆ” มู่เฉินกล่าวชื่นชมแต่ไม่ได้ใจร้อนที่จะรวบรวมของเหลวจื้อจุน เขากวาดสายตามองไปรอบโถง

จากนั้นสายตาเขาก็จดจ่อไปในส่วนลึก มีเสาใหญ่โตมากสองเสาพร้อมกับเปล่งปลั่งด้วยเกลียวแสงมาจากด้านบน ซึ่งมีวัตถุสองชิ้นอยู่ในนั้น

พัดขนนกสีเขียวอมฟ้าและม้วนคัมภีร์หยกเขียว

สายตาของมู่เฉินจ้องไปที่พัดขนนกสีเขียวอมฟ้าเป็นชิ้นแรก ดวงตาก็อดหดลงไม่ได้ “นั่นคือ…อาวุธมหสวรรค์?!”

แม้ว่าพัดขนนกจะดูธรรมดา แต่มู่เฉินก็สามารถสัมผัสได้ถึงความผันผวนที่น่ากลัวที่ออกมาจากวัตถุนั้นซึ่งไม่ใช่ระดับอาวุธเสมือนมหสวรรค์แน่นอน

ดังนั้นมันต้องเป็นอาวุธมหสวรรค์ของแท้!

ม้วนคัมภีร์หยกเขียวก็ต้องเป็นอะไรที่พิเศษ ไม่งั้นคงไม่ได้วางอยู่ข้างพัดขนนก

“สมชื่อวังสวรรค์บรรพกาล” จิ่วโยวถอนหายใจ ผู้บัญชาการตำหนักสายลมเป็นเพียงจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นต้นกลับครอบครองอาวุธมหสวรรค์ของแท้ เพียงแค่สิ่งนี้อย่างเดียวก็เพียงพอจะทำให้ขั้วอำนาจสูงสุดในภูมิภาคทางเหนือตาร้อนผ่าว เพราะแม้กระทั่งมั่นถัวหลัวยังได้อาวุธมหสรรค์จากมู่เฉินไปเท่านั้น

“ดูเหมือนว่าการเก็บเกี่ยวครั้งนี้ไม่น้อยเลยนะ” ดวงตาของหลินจิ้งเปล่งประกายสดใสขณะหัวเราะร่าเริง

“สมบัติเป็นของดี แต่คงไม่ง่ายที่จะได้รับ” มู่เฉินส่ายหัวชี้ไปทางด้านหลังสระน้ำ ซึ่งมีบันไดหินพร้อมกับที่นั่งไล่เรียงสองข้างของบันได มีร่างเงานับไม่ถ้วนนั่งอยู่

แต่ละร่างสวมเสื้อคลุมเย็บปักประณีต บางคนเป็นเจียวเขียว บางคนเป็นเจียวทองคำ นอกจากนี้ยังมีสองมังกรขาวและหนึ่งมังกรเขียว…

ชัดว่าพวกเขาล้วนเป็นจอมยุทธ์ชั้นสูงของตำหนักสายลมที่มีศิษย์ระดับมังกรเขียวอยู่ในอันดับสูงที่สุด ดูจากที่นั่งเขาจะต้องมีสถานะสูงในตำหนักแห่งนี้แน่

ซากร่างของพวกเขาถูกรักษาไว้เป็นอย่างดี สามารถมองเห็นเนื้อหนังหุ้มโครงกระดูกได้ ทว่าทั้งหมดก็ยังฉายความหวาดกลัวบนใบหน้าแข็งทื่อ

ตอนที่เผ่าปีศาจต่างมิติบุกเข้ามาพร้อมกับรัศมีปีศาจเชี่ยวกรากเทลงมา พวกเขาน่าจะตระหนักได้ แต่ก่อนที่จะทันป้องกัน ชีวิตก็ถูกพรากไปตลอดกาลแล้ว

“ก็แค่ซากศพเอง” หลินจิ้งไม่ได้สนใจ นางสะบัดมือ มวลลมคลื่นหลิงก็กวาดออก

เมื่อลมพัดผ่านซากศพเหล่านั้นก็กลายเป็นฝุ่นกระจายหายไป

ในเวลาเพียงไม่กี่ลมหายใจทั้งโถงก็ว่างเปล่า

ทว่าใบหน้าของทั้งสามกลับค่อยๆ เคร่งเครียดลงหลายส่วน เมื่อมองไปที่ปลายบันไดโดยมีร่างร่างหนึ่งปรากฏขึ้นโดยไม่รู้ตัว

ร่างนั้นสวมชุดสีฟ้าอมเขียวอยู่ในวัยกลางคนพร้อมกับรูปลักษณ์ที่ดูสง่างาม ความผันผวนของคลื่นหลิงทรงพลังเล็ดลอดออกมา

ทั้งสามมองไปที่ร่างเงานั้นมุมหางตาก็กระตุก ตามตำแหน่งและรัศมีบอกชัดเจนว่า… นี่คือเจ้าตำหนักสายลม

โถงปกคลุมไปด้วยความเงียบงัน ทั้งสามก็นิ่งไม่ได้ขยับ แต่สายตาจับจ้องไปที่ผู้บัญชาการตำหนักสายลม นั่นเพราะพวกเขาไม่สามารถยืนยันได้ว่าที่เบื้องหน้าคือคนตายไปแล้ว…หรือติดเชื้อจากรัศมีปีศาจกัน

ไม่นานร่างผู้บัญชาการตำหนักสายลมก็สั่นเทิ้มภายใต้การจ้องมองของทั้งสาม ดวงตาที่ปิดมานับหมื่นปีเปิดขึ้นอย่างช้าๆ

ดวงตาคู่นั้นมีสีดำสนิทแฝงด้วยสีแดงก่ำดูน่ากลัวยิ่งนัก

“ง่า” หลินจิ้งอดกลอกตาไม่ได้

มู่เฉินและจิ่วโยวมองแรงใส่นางด้วยสายตาเคืองๆ “เจ้านี้ปากอีกาจริงๆ… สิ่งเลวร้ายที่เจ้าพูดดันเป็นจริงซะแล้ว”

ก่อนที่พวกเขาจะเข้ามาที่นี่ หลินจิ้งหวังว่าผู้บัญชาการตำหนักสายลมคงจะไม่กลายเป็นปีศาจร้าย ไม่คิดว่าคำพูดนั้นจะเป็นจริงเมื่อเข้ามา

“งั้นจะเผ่นไหม?” หลินจิ้งบึนปาก

มู่เฉินไตร่ตรองครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า “ลองกันก่อนดีไหม?”

เขามองไปที่สระน้ำที่อัดแน่นไปด้วยคลื่นหลิง พัดขนนกสีฟ้าอมเขียวและม้วนคัมภีร์หยกก่อนจะเลียริมฝีปาก

แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนยังถูกล่อลวงด้วยสมบัติเหล่านี้ ไม่ต้องพูดถึงเขาเลย พวกเขาเข้ามาในวังสวรรค์บรรพกาลเพื่อมองหาโอกาสใหม่และเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้ตัวเอง ดังนั้นเขาจึงไม่อยากยอมแพ้ง่ายเมื่อสิ่งนั้นอยู่แค่เอื้อมมือ

“คิกๆ งั้นลองดูกันสักตั้ง!” ดวงตาของหลินจิ้งกะพริบด้วยความตื่นเต้นเมื่อได้ยินประโยคดังกล่าว เห็นได้ชัดว่านางก็ไม่อยากออกไปโดยไม่ได้เก็บเกี่ยวอะไร

จิ่วโยวพยักหน้าเห็นด้วย ในเมื่อทุกคนไม่อยากถอยไปก็รวมพลังลองกันสักตั้ง หวังว่าตอนนี้ผู้บัญชาการตำหนักสายลมจะอ่อนลงจนต่ำกว่าระดับตี้จื้อจุนขั้นต้นแล้ว

เมื่อทั้งสามเห็นพ้องต้องกัน ดวงตาผู้บัญชาการตำหนักสายลมก็เล็งมาที่มู่เฉินก่อนจะลุกขึ้นกระทืบเท้า

ตู้ม!

พายุสีดำกวนตัวใต้ฝ่าเท้าเขา ฉีกมิติพุ่งเข้าหาทั้งสามอย่างรวดเร็ว เส้นทางผ่านมิติพังทลาย

วาบ!

เมื่อพายุโจมตีเข้ามา แสงเย็นยะเยือกก็วูบไหว ตุ๊กตาน้ำแข็งของหลินจิ้งมายืนตรงหน้าเสือกแทงพายุด้วยกระบี่ยาว

รัศมีเย็นเยือกร้อยจั้งพวยพุ่งราวกับอสรพิษปะทะกับพายุสีดำจังใหญ่

ปัง!

จังหวะที่ปะทะกันอากาศก็ระเบิดออกพร้อมกับคลื่นกระแทกที่เห็นด้วยตาเปล่ากระหน่ำออกมาทำให้มิติโดยรอบกระเพื่อมพร้อมกับเสียงราวกับฟ้าคำรน

ครืน!

ร่างตุ๊กตาน้ำแข็งสั่นสะท้านก่อนจะถูกคลื่นกระแทกซัดออกไป ชนเข้ากับเสาหินหนาทำให้กลายเป็นฝุ่นผงในพริบตา

แค่กระบวนท่าแรกตุ๊กตาน้ำแข็งซึ่งเทียบได้กับระดับจื้อจุนขั้นเก้าระยะเต็มก็เสียเปรียบเต็มประตู

ใบหน้าของทั้งสามคนเปลี่ยนไป พลังของผู้บัญชาการตำหนักสายลมเกินความคาดหมายไป

ตามการคาดการณ์แม้ว่าผู้บัญชาการตำหนักสายลมจะรักษาสภาพร่างกายได้จากรัศมีปีศาจแต่ก็น่าจะอ่อนแอลงมากเพราะผ่านมานับหมื่นปีแล้ว ทว่าพวกเขาไม่คิดเลยว่าแม้อ่อนแอลงก็ยังเกินกว่าระดับจื้อจุนขั้นเก้าระยะเต็มทั่วไป

ฮา

มู่เฉินสูดหายใจลึกสุดปอด ไอเย็นเยือกพรั่งพรูในนัยน์ตา เขากำมือหอกสีแดงก่ำก็ปรากฏอยู่ในมือพร้อมกับชุดเกราะสลักด้วยมังกรเพลิงเหี้ยมหาญสวมลงบนร่างกาย

นี่คือชุดเกราะสงครามมังกรแดงที่ได้มาจากเซี่ยหง ทว่านี่เป็นครั้งแรกที่นำมาใช้ตั้งแต่ได้รับ

ตู้ม!

สวมชุดเกราะไว้ หอกก็ชี้ปลายลง คลื่นหลิงรอบตัวมู่เฉินก็พวยพุ่งรุนแรง จนถึงจุดที่แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเก้าระยะเต็มก็ยังหวาดกลัว

ตุ๊กตาน้ำแข็งลอยขึ้นไปกลางอากาศ กระบี่ยาวชี้ไปทางผู้บัญชาการตำหนักสายลม

ส่วนรอบร่างจิ่วโยวพลุ่งพล่านด้วยเพลิงผลึกใสสว่างไสว ทำให้อุณหภูมิร้อนระอุในทันที มากจนแม้แต่มิติก็บิดเบี้ยว

ใบหน้าของหลินจิ้งจริงจังขึ้นพร้อมกับเกลียวแสงสีขาวเต้นระริกที่ปลายนิ้วมือ ดูเหมือนจะกลายเป็นอักขระโบราณที่แปลกพิศวงเอิบอาบไปด้วยความผันผวนที่น่ากลัว

สามจอมยุทธ์หนึ่งหุ่นเงาปลดปล่อยแรงกดดันทรงพลังออกมา ซึ่งกระจายแรงกดดันส่วนใหญ่ที่พลุ่งพล่านมาจากผู้บัญชาการตำหนักสายลมออกไป

โฮก!

เผชิญหน้ากับการรวมตัวแบบนี้ แม้ว่าผู้บัญชาการตำหนักสายลมจะไม่เหลือสติสัมปชัญญะ แต่ก็สัมผัสได้ถึงภัยคุกคาม ดังนั้นเขาจึงเปล่งเสียงคำรามลั่น รัศมีปีศาจโดยรอบก็แกร่งกร้าวขึ้น

เมื่อรู้สึกถึงพลังงานพลุ่งพล่านในร่างกาย จิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ก็ควบแน่นอยู่ในดวงตาของมู่เฉิน เขาไม่ลังเลกระทืบเท้าลงไป ร่างก็พุ่งออกมาเป็นสาย

“จัดการมัน!”

เวลาเดียวกันเสียงคำรามของมู่เฉินก็ดังก้องในโถงนี้

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler ฟรี ได้ที่ novel-fast 


เรื่องย่อ

โดย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler บางส่วนของนิยาย

บทนำ

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป

‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้

แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์

แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว

ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ

เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง?

ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน…

เรื่องย่อ

เมื่อคำพูดของมู่เฉินกระจายออกไป ไม่เพียงแต่จะไม่มีการตอบสนอง แม้แต่ด้านนอกเจดีย์ก็ถูกห่อหุ้มด้วยบรรยากาศราวกับป่าช้า…

ทุกคนตกตะลึงไปกับฉากนี้ พวกเขาจ้องมองจุดที่ลู่สุยหายตัวไป ราวกับว่ายังไม่สามารถฟื้นจากอาการตะลึงงันที่เกิดขึ้นได้

ก่อนหน้าเมื่อลู่สุยออกกระบวนท่าที่น่าสะพรึง ผู้คนส่วนใหญ่ก็คิดว่าผลลัพธ์ของการต่อสู้ได้ถูกกำหนดแล้ว ทว่าพวกเขาไม่คิดเลยว่ามู่เฉินจะพลิกสถานการณ์ได้อีกครั้ง เตะลู่สุยที่เหมือนจะคว้าชัยชนะออกไป

ทุกคนตะลึงไปพักใหญ่ ก่อนที่พวกเขาจะหลุดออกจากอาการได้ สายตาเคร่งเครียดลง การประลองกันครั้งนี้มู่เฉินไม่ได้ใช้ค่ายกล แต่เขาก็สามารถเอาชนะจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดอย่างลู่สุยได้ด้วยความแข็งแกร่งที่อยู่ในขั้นหกเท่านั้น แม้ว่าจะมีผลจากลู่สุยประมาทเองในตอนแรก แต่นั่นก็แสดงให้เห็นว่ามู่เฉินน่ากลัวแค่ไหน

พลังเช่นนี้เขาสามารถเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์อันดับต้นๆ ในเจดีย์ฝึกพลังกายได้เลยทีเดียว

ทางฝั่งกลุ่มกระเรียนฟ้า ใบหน้าของหลิ่วชิงกลายเป็นเขียวสลับขาว นางมองไปที่ร่างสูงโปร่งบนหน้าจอ กลืนน้ำลายเหนียวหนืด ความกลัวปรากฏในดวงตาของนางเป็นครั้งแรก

มาถึงจุดนี้นางคงโง่แน่ถ้ายังคิดปฏิบัติต่อมู่เฉินเหมือนกับจอมยุทธ์ขั้นหกทั่วไป

ด้วยพลังในการต่อสู้ที่เขาแสดงออกมา บวกกับค่ายกลทรงพลัง แม้แต่จงเถิงก็ยากจะได้เปรียบหากพวกเขาต่อสู้กัน

ก่อนหน้านี้นางหัวเราะเยาะและมองจิ่วโยวด้วยความดูถูก แต่ตอนนี้นางอายแทบแทรกแผ่นดินหนี ซึ่งจุดนี้รู้ได้จากสายตาเยาะเย้ยเหล่านั้นที่ปรายมองเข้ามา

“ทำไมมู่เฉินถึงทรงพลังเช่นนี้?” จงฮั้วที่พ่ายแพ้ให้กับมู่เฉินก็มีสีหน้าเคร่งขรึมเช่นกัน ก่อนหน้านี้เขาเคยคิดเช่นกันว่ามู่เฉินพึ่งพาเพียงค่ายกลเพื่อจัดการกับศัตรู แต่ใครจะคิดว่าเมื่อไม่มีการใช้ค่ายกลมู่เฉินก็สามารถเอาชนะลู่สุยแบบดุร้ายยิ่งกว่าอะไร

“ดูเหมือนว่ามีเพียงพี่ใหญ่จงเถิงเท่านั้นที่สามารถจัดการกับเขาได้” จอมยุทธ์อีกคนของเผ่ากระเรียนฟ้าพยักหน้า

หลิ่วชิงพยักหน้าเบาๆ ไม่เพียงแต่พวกเขาจะพิจารณาพลังของมู่เฉินพลาดไปเท่านั้น แม้แต่จงเถิงก็ตัดสินอีกฝ่ายผิดไป ชายคนนั้นเป็นสัตว์ประหลาดอย่างแท้จริง

ฟิ้ว!

ขณะที่นอกเจดีย์ต่างตกตะลึงกับผลลัพธ์ที่มู่เฉินนำมา ทันใดนั้นแสงก็กะพริบบนแท่นนอกเจดีย์ ร่างน่าสังเวชปรากฏขึ้น

เมื่อร่างนั้นออกมาก็รีบถอยกลับไปปรากฏตัวขึ้นในกลุ่มอีกาสายฟ้าทันควัน นี่ก็คือลู่สุยที่มีสีหน้าซีดขาว คลื่นหลิงของเขาถดถอยลงอย่างมาก

สายตาโดยรอบยิงเข้าหาในเวลานี้ทันที

ใบหน้าของลู่สุยเขียวคล้ำ สายตาเกลียดชังมองไปที่มู่เฉินที่อยู่บนหน้าจอ ก่อนที่จะหันหัวสาดสายตาดุร้ายใส่จิ่วโยวและมั่วหลิง ที่ข้างๆ พรรคพวกของเขาก็มีท่าทางไม่ดีเช่นกัน

ทว่าจิ่วโยวไม่กลัวที่จะเผชิญหน้ากับสายตาเหล่านั้น นางเค้นเสียงอย่างเย็นชา “ลูกหมาที่ถูกฟาดยังกล้าที่จะออกมาแยกเขี้ยวอีกเหรอ?”

ตอนนี้ลู่สุยบาดเจ็บสาหัส สูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไปหมด ส่วนคนที่เหลือก็ไม่มีอะไรต้องกลัว หากพวกเขากล้าที่จะคิดบัญชีกับพวกนาง จิ่วโยวก็ไม่คิดปล่อยพวกเขาไว้เป็นภัยคุกคามในอนาคตหรอก

สายตาแสดงความเกลียดชังของลู่สุยจ้องเขม็งอยู่ที่จิ่วโยว แต่สุดท้ายเขาก็ต้องถอนสายตาออกไปอย่างไม่เต็มใจ ก่อนที่จะถอยกลับนั่งลงบนซากปรักหักพังเข้าสมาธิเพื่อฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ

จอมยุทธ์กลุ่มอีกาสายฟ้าก็ปรากฏรอบตัวเขาเพื่อปกป้อง

เมื่อจิ่วโยวเห็นการตอบสนองนั่น นางก็ไม่ได้ใส่ใจกับพวกเขาอีก นางมองไปที่หน้าจออีกครั้งโดยพุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่ร่างเงาอ่อนเยาว์ มือที่กำแน่นผ่อนคลายลง

เห็นได้ชัดว่านี่เป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงสำหรับนางที่มู่เฉินจะเอาชนะได้เด็ดขาดแบบนี้ นั่นเป็นเพราะตามการประเมินของนางแม้ว่ามู่เฉินจะยืนยงอยู่ได้ก็เป็นยากที่จะเอาชนะลู่สุยด้วยขุมพลังจื้อจุนขั้นหกและถ้าการต่อสู้ถูกลากไปจนสุดอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบคาดไม่ถึง

ทว่าผลลัพธ์สุดท้ายที่ได้ก็ทำให้นางทั้งประหลาดใจและดีใจ

เห็นได้ชัดว่ามู่เฉินได้รับประโยชน์มหาศาลจากสามชั้นแรกของเจดีย์ฝึกพลังกาย ไม่เช่นนั้นเขาไม่สามารถแสดงพลังเป็นที่ประจักษ์เช่นนี้ได้

“ว่ากันว่าในชั้นสี่มหัศจรรย์กว่านี้มาก หากใครสามารถเข้าไปได้ พวกเขาจะสามารถได้รับผลประโยชน์เกินกว่าสามชั้นแรกมาก…”

จิ่วโยวยิ้มบาง ดูจากสถานการณ์ปัจจุบันไม่น่ามีปัญหาใดๆ ที่มู่เฉินจะเข้าสู่ชั้นสี่ สำหรับมั่วเฟิงความแข็งแกร่งของเขาเป็นหนึ่งในอันดับต้นของกลุ่มที่เข้าไป ดังนั้นจึงไม่ยากสำหรับเขาที่จะได้หนึ่งในห้าที่นั่งนี้ไปเช่นกัน

ดูเหมือนว่าการเดินทางมาที่เจดีย์ฝึกพลังกายโบราณครั้งนี้เผ่าวิหคโลกันตร์อาจเป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

บนลานเมฆสายฟ้า

ไม่มีใครตอบคำถามของมู่เฉิน ขณะนี้แม้แต่จอมยุทธ์ทรงอำนาจอย่างหานซันและสีคุนก็ยังรู้สึกหวาดระแวงมู่เฉินอยู่บ้าง ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกที่จะไม่ไปปะทะกับมนุษย์ผู้นี้

ดังนั้นคนทั้งหมดที่อยู่ที่นี่จึงเงียบลง ก่อนที่จะถอยออกจากรัศมีโดยรอบมู่เฉินอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณบอกว่าพวกเขาไม่ต้องการต่อสู้กับเขา

เมื่อมู่เฉินเห็นภาพนี้ก็ไม่มีอารมณ์ใดบนใบหน้า แต่ในใจกลับรู้สึกโล่งอก คนอื่นๆ เห็นเพียงฉากการต่อสู้ตระการที่เขาเอาชนะลู่สุยได้ แต่พวกเขาไม่รู้หรอกว่าหมัดที่เขาชกออกไปก่อนหน้านี้คือพลังงานส่วนเกินจากสามชั้นแรก

ร่างกายของมู่เฉินก่อนหน้าเปรียบเสมือนฟองน้ำที่ดูดซับน้ำจนถึงขีดจำกัด หมัดของเขาจึงเท่ากับบีบน้ำออกจนหมด ทำให้ร่างกายที่อัดแน่นกลับสู่สภาพเดิม

ดังนั้นถ้าให้เขาโจมตีแบบนั้นอีกครั้ง พลังก็จะไม่ทรงประสิทธิภาพเหมือนเมื่อครู่แน่นอน

ประสิทธิผลพิเศษชนิดนี้ของการสะสมพลังงานในร่างกายเป็นทักษะที่ได้มาจากกายามังกรหงส์ ด้วยวิธีนี้เขาจะได้รับผลลัพธ์ที่ไม่มีใครคาดคิดไว้ กลายเป็นไพ่ลับอีกใบหนึ่ง

“คัมภีร์หลงเฟิ่งทรงพลังจริงๆ”

แม้แต่มู่เฉินก็ยังชื่นชมในสิ่งนี้ คัมภีร์หลงเฟิ่งสมแล้วที่เป็นทักษะยอดเยี่ยมแท้จริง จากการประเมินของเขาคัมภีร์นี้ต้องอยู่ในระดับเสินทงแน่นอน ซึ่งไม่ธรรมดาแม้จะอยู่ในกลุ่มวิทยายุทธระดับเสินทงด้วย

มู่เฉินชื่นชมก่อนที่จะใจเย็นลง แม้ว่าตอนนี้จะไม่มีใครท้าทายเขา แต่เขาก็ไม่ตั้งใจที่จะท้าทายคนอื่นด้วยเช่นกัน เขายืนนิ่งบนตำแหน่งตนเองรอผลการคัดออก

สำหรับจงเถิง มู่เฉินรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นพวกยุแยงให้ลู่สุยมาปะทะกับเขา แต่เนื่องจากตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ดีในการจัดการ เขาจึงได้แต่ผลักแผนไปก่อน

แต่ถึงกระนั้นสายตาคมกล้าของมู่เฉินก็ยังจ้องเขม็งไปที่จงเถิง รอบตัวเต็มไปด้วยคลื่นหลิงราวกับเสือดาวที่กำลังจะจ้องตะครุบเหยื่ออัดแน่นด้วยภัยคุกคาม

เมื่อเห็นท่าทางของมู่เฉิน จงเถิงที่ประจันหน้ากับมั่วเฟิงก็รู้สึกอึดอัดใจ เขาต้องแยกสมาธิอยู่ตลอดเพื่อจับตามองมู่เฉิน ป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายเคลื่อนไหวมาประสานพลังกับมั่วเฟิง

ด้วยวิธีนี้สมาธิของจงเถิงจึงค่อนข้างฟุ้งซ่าน สุดท้ายเขาได้แต่กัดฟัน ถอนคลื่นหลิงและถอยออกจากบริเวณของมั่วเฟิง

“พี่มั่วยากสำหรับการต่อสู้ของเราที่จะได้ข้อสรุป ทำไมเราไม่ไปจัดการคนอื่นและรับที่นั่งมาล่ะ?” ขณะที่จงเถิงถอยกลับเสียงก็สะท้อนก้องไปด้วย

มั่วเฟิงจ้องมองจงเถิงอย่างไม่แยแสก่อนที่จะพยักหน้า นั่นเป็นเพราะเขารู้ว่าหากพวกเขายังอยู่ในสถานการณ์ยืนจ้องหน้ากันก็จะไม่เกิดผลลัพธ์ใด หากเขาร่วมมือกับมู่เฉิน พวกเขาอาจทำให้จงเถิงบ้าดีเดือดขึ้นมา แม้แต่พวกเขาก็ต้องจ่ายราคามหาศาลจากการตีโต้

ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับพวกเขาคือการได้ที่นั่งเพื่อเข้าสู่ชั้นสี่

เมื่อจงเถิงเห็นคำตอบของมั่วเฟิงก็รู้สึกโล่งใจในใจ เขาถอยกลับอย่างรวดเร็วออกจากจุดที่มู่เฉินและมั่วเฟิงอยู่ เขาครุ่นคิดสั้นๆ ก่อนจะเลือกปะทะกับคนที่อ่อนแอกว่า

พอมู่เฉินเห็นจงเถิงไปแล้วก็ไม่ได้ใส่ใจอีกต่อไป สายตาหันมามองมั่วเฟิงแล้วก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้มแสดงความขอบคุณในการช่วยเหลือครั้งนี้

สายตาของมั่วเฟิงเป็นมิตรมากขึ้น คิดว่าการที่มู่เฉินเอาชนะลู่สุย ทำให้มั่วเฟิงมองมู่เฉินในฐานะจอมยุทธ์ที่อยู่ในระดับเดียวกันกับเขา ดังนั้นจึงไม่ได้มีท่าทางเฉยเมยเหมือนเมื่อก่อน

มั่วเฟิงพยักหน้าให้มู่เฉิน ก่อนที่จะหันหลังกลับและเริ่มเลือกคู่ต่อสู้ของตนเอง

ครืน!

เมื่อทุกคนเลือกคู่ต่อสู้แล้ว ทันใดนั้นคลื่นหลิงก็ระเบิดรุนแรงบนลานเมฆสายฟ้า คลื่นกระแทกกวาดออก ทำให้มิติเกิดการสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นไม่หยุด

บนลานเมฆสายฟ้าพลังงานหลิงกวาดหายนะ มีเพียงตรงมู่เฉินเท่านั้นที่ไม่ถูกรบกวน เนื่องจากไม่มีใครกล้าเหยียบเข้ามาในรัศมีพันจั้ง ยามนี้เขาเหมือนผู้ชมที่ดูการต่อสู้ติดขอบ ในเวลาเดียวกันก็บันทึกกระบวนท่าที่ทรงพลังของบางคนไว้ในสมอง

แม้ว่าในชั้นนี้พวกเขาอาจไม่ได้ประลองกัน แต่ก็ยังมีอีกสองชั้นรอพวกเขาอยู่ ใครจะสามารถรับประกันได้ว่าจะไม่มีการลดจำนวนลงในชั้นต่อไป?

ดังนั้นถ้ามีโอกาสเขาต้องพยายามจดจำข้อมูลผู้อื่นเก็บไว้

ภายใต้การสังเกตของมู่เฉิน การประลองบนลานเมฆสายฟ้าก็คงอยู่ชั่วระยะหนึ่ง ก่อนที่แต่ละคู่จะมาถึงจุดสิ้นสุด ผลลัพธ์ก็เป็นไปตามที่คาดไว้

หลังจากมู่เฉินก็เป็นหานซันที่เอาชนะคู่ต่อสู้ได้ที่นั่งที่สองไป

จากนั้นมั่วเฟิงและจงเถิงก็คว้าชัยชนะตามมา

ที่นั่งสุดท้ายตกเป็นของสีคุนที่ก่อนหน้านี้เคยแพ้หานซันที่ด้านนอกเจดีย์ ชายนี้มีความแข็งแกร่งที่น่าตกใจ แม้แต่หานซันยังต้องใช้ทักษะเต็มที่ถึงจะได้รับชัยชนะมา

เมื่อสีคุนได้รับที่นั่งสุดท้ายลานเมฆสายฟ้าขนาดใหญ่ก็เงียบลงอีกครั้ง ร่างทั้งห้ายืนอยู่ ขณะรัศมีไร้ขอบเขตทั้งห้าสายพุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าชนกันเปรี้ยงปร้าง

ทว่าการชนกันก็ดำเนินไปเพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ ก่อนที่ทั้งห้าจะถอนคลื่นพลังพร้อมกัน พวกเขาเหลือบมองกันและกัน จากนั้นก็ไม่ลังเลทะยานออกไปปรากฏตัวบนเบาะทั้งห้า

สายตาพวกเขาพุ่งตรงไปยังมิติด้านหลังลานเมฆสายฟ้าด้วยความโลภ ตรงนั้นเส้นดาวหางจำนวนมากกวาดผ่านราวกับฝนดาวตก

ในแสงเหล่านั้นแก่นหยดสายฟ้ากำลังกะพริบด้วยความแวววาว


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท