หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – ตอนที่ 1127

ตอนที่ 1127

หนึ่งในใต้หล้า 大主宰
บทที่ 1127 การโต้กลับของอาวุธมหสวรรค์
บนท้องฟ้า

ผู้บัญชาการตำหนักสายลมยืนจังก้าในมือถือพัดขนนกสีเขียวพร้อมกับพายุทำลายล้างกวนตัวอยู่บนตัวพัด ทำให้มิติแปรปรวน ดูเหมือนกับใกล้จะแตกเป็นเสี่ยงๆ

“นี่เป็นปัญหาซะแล้ว…”

ใบหน้าของทั้งสามน่าเกลียดจนไม่น่ามอง พวกเขารู้ถึงพลังของอาวุธมหสวรรค์แท้จริง นี่เป็นพลังที่แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนยังอยากได้

ถ้าผู้บัญชาการตำหนักสายลมควบคุมพัดขนนกสีเขียวได้ พลังการต่อสู้จะถึงระดับที่ยากต่อกร แม้ว่าจะไม่ถึงจุดสูงสุดของตอนมีชีวิต แต่ก็เทียบเคียงได้กับจอมยุทธ์ที่ก้าวเข้าสู่ระดับตี้จื้อจุน

พวกเขาคงไม่มีโอกาสชนะเมื่อเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้แบบนี้

แม้แต่เครื่องรางอารักษ์ของหลินจิ้งที่เคยใช้ก็จะไร้ผล เนื่องจากพลังการป้องจะไม่สามารถต้านทานการโจมตีของผู้บัญชาการตำหนักสายลมได้อีกต่อไป

“ทำยังไงดี?” ใบหน้าของหลินจิ้งและจิ่วโยวเคร่งเครียดพลางมองไปที่มู่เฉินพร้อมกัน

มู่เฉินเม้มปากแน่นก่อนที่ใบหน้าจะมืดครึ้มลง ทว่าตัวเขาเป็นคนเด็ดขาดจึงตัดสินใจทันที “เตรียมถอย!”

สถานการณ์นี้อยู่นอกเหนือการควบคุมของพวกเขา ถ้ายังเดินหน้าต่อก็ต้องจ่ายราคาแพงระยับ

แม้ว่าสมบัติจะดึงดูดใจ แต่สิ่งที่มีค่าที่สุดในใจมู่เฉินคือชีวิต ดังนั้นเขาจึงไม่ลังเลที่จะตัดสินใจถอยหนี

แม้ว่าหลินจิ้งและจิ่วโยวจะไม่เต็มใจกับการตัดสินใจนี้ แต่ก็ยังพยักหน้ารับ เนื่องจากพวกนางรู้ว่ามู่เฉินเลือกทางที่ชาญฉลาดที่สุดในตอนนี้

“ข้าจะใช้ตุ๊กตาน้ำแข็งระวังหลัง” หลินจิ้งกล่าว ดูจากท่าทีนางตั้งใจจะสละตุ๊กตาน้ำแข็งเพื่อซื้อเวลา

มู่เฉินถอนหายใจ เนื่องจากครั้งนี้คาดผิดไป ไม่เพียงแต่ไม่ได้รับสมบัติใดๆ ยังต้องสูญเสียตุ๊กตาน้ำแข็งที่มีค่าไปด้วย

แต่เขารู้ว่านี่ไม่ใช่เวลามาลังเล เขาจึงพยักหน้า ทั้งสามคนก็เริ่มถอยออกไปเงียบๆ

วาบ!

ทันใดนั้นผู้บัญชาการตำหนักสายลมก็เหมือนจะสัมผัสได้ถึงการเคลื่อนไหวของทั้งสาม สายตาน่ากลัวจับจ้องไป พัดขนนกสีเขียวโบกลงพัดไปหาทั้งสาม

เมื่อมู่เฉินเห็นภาพนี้สีหน้าก็เปลี่ยนไป ทั้งสามถอยออกไปเร็วขึ้น ขณะที่ตุ๊กตาน้ำแข็งทะยานออกไปภายใต้การควบคุมของหลินจิ้ง พยายามสกัดการโจมตีนั้น

ฮึ่ม! ฮึ่ม!

คลื่นหลิงมืดมิดเชี่ยวกรากรุนแรงพุ่งออกมาจากร่างผู้บัญชาการตำหนักสายลม ทว่าขณะที่เขาเตรียมพร้อมโจมตี ก็มีบางอย่างเกิดขึ้น

รังสีแวววาวเปล่งออกมาจากพัดขนนกสีเขียว แสงสีฟ้าอมเขียวผันผวนกระจายรัศมีปีศาจบนมือของผู้บัญชาการตำหนักสายลม

โฮก!

เสียงคำรามคล้ายสัตว์ร้ายดังออกมาจากลำคอผู้บัญชาการตำหนักสายลม ราวกับเจ็บปวดร้าวราน ขณะที่เขากำมือแน่นขึ้นดูเหมือนว่าต้องการที่จะจับพัดลมขนนกไว้ให้มั่น

ปัง!

ทว่าพัดลมขนนกกลับเหมือนมีจิตวิญญาณ ดิ้นรนจนหลุดจากมือผู้บัญชาการตำหนักสายลม มันถอยห่างออกมาและพัดใส่อีกฝ่ายอย่างรุนแรง

ตู้ม!

พายุสีฟ้าอมเขียวปรากฏขึ้นราวกับมังกรวายุกวาดกรงเล็บเพื่อฉีกมิติออกจากกัน ปะทะกับผู้บัญชาการตำหนักสายลม

ปัง!

เกิดเสียงดังสนั่นจากผลกระทบ ผู้บัญชาการตำหนักสายลมถลากลับไป ร่างกระแทกเข้ากับผนังหนักหน่วง ทำให้ทั้งโถงสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นไปหมด

การโจมตีจากพัดขนนกสีเขียวรุนแรงน่าดู ไอสีดำรอบร่างผู้บัญชาการตำหนักสายลมจางลงมาก หลังจากได้รับทุกข์ทรมานจากการโจมตี แม้แต่หมอกสีดำไร้ขอบเขตก็จางหายไปบ้าง

ทั้งสามคนที่กำลังถอยก็หยุดตัวเมื่อเห็นสิ่งนี้ มองฉากนี้ด้วยใบหน้ามีสีสันขึ้น

หลินจิ้งขยี้ตา แม้แต่จิ่วโยวก็พูดติดอ่าง “นะ-นี่…เกิดอะไรขึ้น?”

พวกนางไม่เข้าใจจริงๆ ว่าทำไมพัดขนนกถึงโจมตีเจ้าตำหนักสายลม…

มู่เฉินก็อึ้งไปครู่ใหญ่ ก่อนที่จะคิดได้อย่างรวดเร็วพร้อมกับความสุขแล่นพล่านบนใบหน้า “ดูเหมือนว่าผู้บัญชาการตำหนักสายลมจะถูกโต้กลับจากอาวุธมหสวรรค์!”

“โต้กลับ?” จิ่วโยวอึ้งไป

มู่เฉินพยักหน้าหนักแน่น “อาวุธมหสวรรค์เป็นวัตถุที่มีจิตวิญญาณที่รู้วิธีปฏิเสธความชั่วร้ายและแยกแยะความแตกต่าง พัดนี้เป็นของเจ้าตำหนักสายลมก็จริง แต่เป็นของก่อนที่จะตาย ถ้าจะพูดให้ถูกตอนนี้ผู้บัญชาการตำหนักสายลมคือปีศาจร้าย ซึ่งกล่าวแบบลงลึกก็คือเจ้าของเก่าถูกฆ่าโดยตัวเขาในตอนนี้ด้วยซ้ำ ดังนั้นอาวุธมหสวรรค์ระดับนี้จะปล่อยให้ตัวเองถูกใช้โดยปีศาจชั่วร้ายได้อย่างไร?”

จิ่วโยวและหลินจิ้งเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้น จากคำอธิบายของมู่เฉินผู้บัญชาการตำหนักสายลมถูกกัดกร่อนจากรัศมีปีศาจและสูญเสียสติสัมปชัญญะ อาวุธมหสวรรค์ก็จำแนกได้ นั่นคือเหตุผลว่าทำไมถึงเกิดการตอบโต้ในกลไกนี้

“ดูเหมือนเราไม่จำเป็นต้องถอยตอนนี้แล้ว” มู่เฉินยิ้นพลางรู้สึกโล่งใจอย่างเห็นได้ชัด เพราะพวกเขาไม่เต็มใจมากหากไม่ได้ประโยชน์อะไรเลยกลับต้องสูญเสียตุ๊กตาน้ำแข็งไปอีก

จิ่วโยวและหลินจิ้งพยักหน้า เมื่อมองสถานการณ์ปัจจุบันดูเหมือนพวกเขาจะสามารถนั่งชมได้อย่างสบายแล้ว บางทีสุดท้ายอาจจะได้รับรางวัลใหญ่ด้วย

ขณะที่ทั้งสามพูดกัน ผู้บัญชาการตำหนักสายลมก็ดึงตัวออกจากกำแพง เขาโกรธมากกับการตอบโต้ของพัดขนนกสีเขียว เขาส่งเสียงคำรามเกรี้ยวกราดแล้วกำมือ ฝ่ามือสีดำขนาดใหญ่หลายร้อยปรากฏเหนือพัดขนนก พยายามคว้าเอาไว้

ฟู่ ฟู่!

พัดลมขนนกพัดโบกสร้างพายุอีกครั้งเพื่อตอบสนองการโจมตีของเจ้าตำหนักสายลม พายุสีฟ้าอมเขียวกวาดออกมา ฉีกฝ่ามือนั้นขาดออก

มู่เฉินแอบเดาะลิ้นเมื่อเห็นภาพนี้ นี่คืออาวุธมหสวรรค์ของแท้เหรอ? สามารถปลดปล่อยการโจมตีที่น่ากลัวเช่นนี้ได้แม้จะไม่มีใครควบคุมก็ตาม

ตามการคาดการณ์ของเขาแม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเก้าระยะเต็มก็ยังต้องหลีกเลี่ยงพายุนี้

เมื่อผู้บัญชาการตำหนักสายลมเห็นว่าการโจมตีถูกปิดกั้นก็ยิ่งโกรธมากขึ้น รัศมีปีศาจพุ่งราวกับการยาตราของปีศาจ ไอชั่วร้ายกวาดใส่พัดขนนกในรูปแบบของลำแสง

พัดขนนกตอบโต้การโจมตีโดยไม่ลังเล ดูเหมือนจะเกลียดชังรัศมีปีศาจอย่างที่สุด ดังนั้นจึงปลดปล่อยการตอบโต้อย่างเต็มที่ ทุกครั้งที่พัดโบกก็จะปล่อยพายุทอร์นาโดขนาดใหญ่ ฉีกมิติและทำลายรัศมีชั่วร้ายในเวลาเดียวกัน

ดังนั้นการต่อสู้ดุเดือดเกิดขึ้นในโถง แต่ตัวหลักไม่ใช่พวกมู่เฉิน การต่อสู้กลายเป็นระหว่างเจ้าของตำหนักกับอาวุธประจำตำหนักไปแล้ว…

ทั้งสามคนจากผู้ต่อสู้กลายเป็นผู้ชมพร้อมกับดวงตาลุกโชนมองการเผชิญหน้าดุเดือดตาไม่กะพริบ

ครืน!

พลังทำลายกระจายออกไป บดขยี้เสาหินจำนวนหนึ่งเป็นผุยผง พลังนี้ทำให้หางตาของมู่เฉินกระตุกไม่หยุด

“ใครจะชนะการต่อสู้ถ้าสิ่งนี้ดำเนินต่อไป?” หลินจิ้งกระเถิบเข้ามาใกล้มู่เฉิน อดถามขึ้นมาไม่ได้

มู่เฉินนิ่งไปตอบว่า “แม้ว่าอาวุธมหสวรรค์จะทรงพลัง แต่ก็ไม่มีการควบคุม ดังนั้นน่าจะคงอยู่ได้ไม่นาน”

แม้ว่าอาวุธมหสรรค์จะสุดยอด แต่ก็สามารถแสดงพลังที่แท้จริงได้เมื่ออยู่ในมือของผู้ควบคุม ตอนนี้พัดขนนกพึ่งพาตัวเองในการต่อสู้ เมื่อเสียพลังงานมากไปก็จะเข้าสู่สภาวะนิทราหรือทำลายตัวเอง

“แล้วเราล่ะ?” จิ่วโยวชำเลืองมองมู่เฉิน หากพัดขนนกเลือกที่จะทำลายตัวเองพร้อมกับผู้บัญชาการตำหนักสายลมจะเป็นการสูญเสียยิ่งใหญ่ของพวกนาง นี่เป็นอาวุธมหสวรรค์ของแท้เชียวนะ!

“รอให้เสียพลังไปมากกว่านี้แล้วเราค่อยลงมือ” มู่เฉินยิ้ม เขาไม่คิดยืนดูให้พัดขนนกระเบิดตัวเองหรอก ไม่งั้นหัวใจเขาคงเจ็บปวดน่าดู

ฮึ่ม!

การปะทะกันที่น่าทึ่งระเบิดขึ้นอีกครั้ง พัดขนนกและผู้บัญชาการตำหนักสายลมก็กระเด็นถอยไป เสาหินในห้องโถงพังทลายตามเส้นทาง

พัดขนนกลอยอยู่บนท้องฟ้า ตอนนี้รัศมีรอบตัวจางลง เห็นได้ชัดว่าหมดพลังจากการปะทะกับผู้บัญชาการตำหนักสายลม

ดังนั้นมันจึงสั่นไหวก่อนที่จะพุ่งไปหามู่เฉิน จิ่วโยวและหลินจิ้ง

วาบ!

พัดขนนกปรากฏขึ้นอย่างรวดเร็วเบื้องหน้ามู่เฉิน โดยที่ด้ามจับหันเข้าหาเขาขณะที่มันสั่นเล็กน้อย

มู่เฉินตกตะลึงกับภาพนี้ จากนั้นก็อดไม่ได้ที่จะสูดลมหายใจเข้าลึก พัดขนนกต้องการให้เขาใช้รึ? อาวุธชิ้นนี้ต้องการยืมพลังของเขาใช่ไหม?

แต่นี่ทำให้มู่เฉินรู้สึกกระวนกระวายเล็กน้อย เนื่องจากเขารู้ว่าต้องใช้คลื่นหลิงมากแค่ไหนในการใช้อาวุธมหสวรรค์ ย้อนกลับไปตอนนั้นเหตุผลที่มู่เฉินมอบพีระมิดแสงดาวปราบปีศาจให้กับมั่นถัวหลัว เพราะอาวุธนั่นจะสูบเขาจนกลายเป็นมัมมี่ถ้าคิดใช้มัน

ฮึ่ม ฮึ่ม

พัดขนนกสั่นสะเทือนอย่างเร่งเร้าที่หน้ามู่เฉิน

สายตาของมู่เฉินกะพริบตาวาบ อาวุธมหสวรรค์มีจิตวิญญาณ ถ้าเขาปฏิเสธที่จะช่วย เขาอาจจะสูญเสียโอกาสที่ยิ่งใหญ่และอาจได้รับการตอบโต้

ดังนั้นตอนนี้เขาเลือกได้เพียงทางเดียว

แต่มู่เฉินไม่ใช่คนโลเล เขาตัดสินใจอย่างรวดเร็วพร้อมกับแสงพล่านขึ้นในนัยน์ตา

ตอนนี้เขามีขุมพลังจื้อจุนขั้นเก้าซึ่งแข็งแกร่งกว่าเมื่อตอนที่ได้รับพีระมิดแสงดาวปราบปีศาจมาก ดังนั้นเขาไม่เชื่อว่าพัดขนนกจะสูบเขาจนกลายเป็นแห้งกรอบได้!

ตัดสินใจได้มู่เฉินก็ไม่ลังเลอีกต่อไปพลางหายใจเข้าลึก จากนั้นก็ค่อยๆ ยื่นมือออกมาจับด้ามพัดขนนก

หลังจากนั้นเขาก็สามารถสัมผัสได้ถึงคลื่นหลิงในร่างกายที่พลุ่งพล่านอย่างรุนแรง

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler ฟรี ได้ที่ novel-fast 


เรื่องย่อ

โดย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler บางส่วนของนิยาย

บทนำ

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป

‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้

แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์

แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว

ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ

เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง?

ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน…

เรื่องย่อ

เมื่อคำพูดของมู่เฉินกระจายออกไป ไม่เพียงแต่จะไม่มีการตอบสนอง แม้แต่ด้านนอกเจดีย์ก็ถูกห่อหุ้มด้วยบรรยากาศราวกับป่าช้า…

ทุกคนตกตะลึงไปกับฉากนี้ พวกเขาจ้องมองจุดที่ลู่สุยหายตัวไป ราวกับว่ายังไม่สามารถฟื้นจากอาการตะลึงงันที่เกิดขึ้นได้

ก่อนหน้าเมื่อลู่สุยออกกระบวนท่าที่น่าสะพรึง ผู้คนส่วนใหญ่ก็คิดว่าผลลัพธ์ของการต่อสู้ได้ถูกกำหนดแล้ว ทว่าพวกเขาไม่คิดเลยว่ามู่เฉินจะพลิกสถานการณ์ได้อีกครั้ง เตะลู่สุยที่เหมือนจะคว้าชัยชนะออกไป

ทุกคนตะลึงไปพักใหญ่ ก่อนที่พวกเขาจะหลุดออกจากอาการได้ สายตาเคร่งเครียดลง การประลองกันครั้งนี้มู่เฉินไม่ได้ใช้ค่ายกล แต่เขาก็สามารถเอาชนะจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดอย่างลู่สุยได้ด้วยความแข็งแกร่งที่อยู่ในขั้นหกเท่านั้น แม้ว่าจะมีผลจากลู่สุยประมาทเองในตอนแรก แต่นั่นก็แสดงให้เห็นว่ามู่เฉินน่ากลัวแค่ไหน

พลังเช่นนี้เขาสามารถเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์อันดับต้นๆ ในเจดีย์ฝึกพลังกายได้เลยทีเดียว

ทางฝั่งกลุ่มกระเรียนฟ้า ใบหน้าของหลิ่วชิงกลายเป็นเขียวสลับขาว นางมองไปที่ร่างสูงโปร่งบนหน้าจอ กลืนน้ำลายเหนียวหนืด ความกลัวปรากฏในดวงตาของนางเป็นครั้งแรก

มาถึงจุดนี้นางคงโง่แน่ถ้ายังคิดปฏิบัติต่อมู่เฉินเหมือนกับจอมยุทธ์ขั้นหกทั่วไป

ด้วยพลังในการต่อสู้ที่เขาแสดงออกมา บวกกับค่ายกลทรงพลัง แม้แต่จงเถิงก็ยากจะได้เปรียบหากพวกเขาต่อสู้กัน

ก่อนหน้านี้นางหัวเราะเยาะและมองจิ่วโยวด้วยความดูถูก แต่ตอนนี้นางอายแทบแทรกแผ่นดินหนี ซึ่งจุดนี้รู้ได้จากสายตาเยาะเย้ยเหล่านั้นที่ปรายมองเข้ามา

“ทำไมมู่เฉินถึงทรงพลังเช่นนี้?” จงฮั้วที่พ่ายแพ้ให้กับมู่เฉินก็มีสีหน้าเคร่งขรึมเช่นกัน ก่อนหน้านี้เขาเคยคิดเช่นกันว่ามู่เฉินพึ่งพาเพียงค่ายกลเพื่อจัดการกับศัตรู แต่ใครจะคิดว่าเมื่อไม่มีการใช้ค่ายกลมู่เฉินก็สามารถเอาชนะลู่สุยแบบดุร้ายยิ่งกว่าอะไร

“ดูเหมือนว่ามีเพียงพี่ใหญ่จงเถิงเท่านั้นที่สามารถจัดการกับเขาได้” จอมยุทธ์อีกคนของเผ่ากระเรียนฟ้าพยักหน้า

หลิ่วชิงพยักหน้าเบาๆ ไม่เพียงแต่พวกเขาจะพิจารณาพลังของมู่เฉินพลาดไปเท่านั้น แม้แต่จงเถิงก็ตัดสินอีกฝ่ายผิดไป ชายคนนั้นเป็นสัตว์ประหลาดอย่างแท้จริง

ฟิ้ว!

ขณะที่นอกเจดีย์ต่างตกตะลึงกับผลลัพธ์ที่มู่เฉินนำมา ทันใดนั้นแสงก็กะพริบบนแท่นนอกเจดีย์ ร่างน่าสังเวชปรากฏขึ้น

เมื่อร่างนั้นออกมาก็รีบถอยกลับไปปรากฏตัวขึ้นในกลุ่มอีกาสายฟ้าทันควัน นี่ก็คือลู่สุยที่มีสีหน้าซีดขาว คลื่นหลิงของเขาถดถอยลงอย่างมาก

สายตาโดยรอบยิงเข้าหาในเวลานี้ทันที

ใบหน้าของลู่สุยเขียวคล้ำ สายตาเกลียดชังมองไปที่มู่เฉินที่อยู่บนหน้าจอ ก่อนที่จะหันหัวสาดสายตาดุร้ายใส่จิ่วโยวและมั่วหลิง ที่ข้างๆ พรรคพวกของเขาก็มีท่าทางไม่ดีเช่นกัน

ทว่าจิ่วโยวไม่กลัวที่จะเผชิญหน้ากับสายตาเหล่านั้น นางเค้นเสียงอย่างเย็นชา “ลูกหมาที่ถูกฟาดยังกล้าที่จะออกมาแยกเขี้ยวอีกเหรอ?”

ตอนนี้ลู่สุยบาดเจ็บสาหัส สูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไปหมด ส่วนคนที่เหลือก็ไม่มีอะไรต้องกลัว หากพวกเขากล้าที่จะคิดบัญชีกับพวกนาง จิ่วโยวก็ไม่คิดปล่อยพวกเขาไว้เป็นภัยคุกคามในอนาคตหรอก

สายตาแสดงความเกลียดชังของลู่สุยจ้องเขม็งอยู่ที่จิ่วโยว แต่สุดท้ายเขาก็ต้องถอนสายตาออกไปอย่างไม่เต็มใจ ก่อนที่จะถอยกลับนั่งลงบนซากปรักหักพังเข้าสมาธิเพื่อฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ

จอมยุทธ์กลุ่มอีกาสายฟ้าก็ปรากฏรอบตัวเขาเพื่อปกป้อง

เมื่อจิ่วโยวเห็นการตอบสนองนั่น นางก็ไม่ได้ใส่ใจกับพวกเขาอีก นางมองไปที่หน้าจออีกครั้งโดยพุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่ร่างเงาอ่อนเยาว์ มือที่กำแน่นผ่อนคลายลง

เห็นได้ชัดว่านี่เป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงสำหรับนางที่มู่เฉินจะเอาชนะได้เด็ดขาดแบบนี้ นั่นเป็นเพราะตามการประเมินของนางแม้ว่ามู่เฉินจะยืนยงอยู่ได้ก็เป็นยากที่จะเอาชนะลู่สุยด้วยขุมพลังจื้อจุนขั้นหกและถ้าการต่อสู้ถูกลากไปจนสุดอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบคาดไม่ถึง

ทว่าผลลัพธ์สุดท้ายที่ได้ก็ทำให้นางทั้งประหลาดใจและดีใจ

เห็นได้ชัดว่ามู่เฉินได้รับประโยชน์มหาศาลจากสามชั้นแรกของเจดีย์ฝึกพลังกาย ไม่เช่นนั้นเขาไม่สามารถแสดงพลังเป็นที่ประจักษ์เช่นนี้ได้

“ว่ากันว่าในชั้นสี่มหัศจรรย์กว่านี้มาก หากใครสามารถเข้าไปได้ พวกเขาจะสามารถได้รับผลประโยชน์เกินกว่าสามชั้นแรกมาก…”

จิ่วโยวยิ้มบาง ดูจากสถานการณ์ปัจจุบันไม่น่ามีปัญหาใดๆ ที่มู่เฉินจะเข้าสู่ชั้นสี่ สำหรับมั่วเฟิงความแข็งแกร่งของเขาเป็นหนึ่งในอันดับต้นของกลุ่มที่เข้าไป ดังนั้นจึงไม่ยากสำหรับเขาที่จะได้หนึ่งในห้าที่นั่งนี้ไปเช่นกัน

ดูเหมือนว่าการเดินทางมาที่เจดีย์ฝึกพลังกายโบราณครั้งนี้เผ่าวิหคโลกันตร์อาจเป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

บนลานเมฆสายฟ้า

ไม่มีใครตอบคำถามของมู่เฉิน ขณะนี้แม้แต่จอมยุทธ์ทรงอำนาจอย่างหานซันและสีคุนก็ยังรู้สึกหวาดระแวงมู่เฉินอยู่บ้าง ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกที่จะไม่ไปปะทะกับมนุษย์ผู้นี้

ดังนั้นคนทั้งหมดที่อยู่ที่นี่จึงเงียบลง ก่อนที่จะถอยออกจากรัศมีโดยรอบมู่เฉินอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณบอกว่าพวกเขาไม่ต้องการต่อสู้กับเขา

เมื่อมู่เฉินเห็นภาพนี้ก็ไม่มีอารมณ์ใดบนใบหน้า แต่ในใจกลับรู้สึกโล่งอก คนอื่นๆ เห็นเพียงฉากการต่อสู้ตระการที่เขาเอาชนะลู่สุยได้ แต่พวกเขาไม่รู้หรอกว่าหมัดที่เขาชกออกไปก่อนหน้านี้คือพลังงานส่วนเกินจากสามชั้นแรก

ร่างกายของมู่เฉินก่อนหน้าเปรียบเสมือนฟองน้ำที่ดูดซับน้ำจนถึงขีดจำกัด หมัดของเขาจึงเท่ากับบีบน้ำออกจนหมด ทำให้ร่างกายที่อัดแน่นกลับสู่สภาพเดิม

ดังนั้นถ้าให้เขาโจมตีแบบนั้นอีกครั้ง พลังก็จะไม่ทรงประสิทธิภาพเหมือนเมื่อครู่แน่นอน

ประสิทธิผลพิเศษชนิดนี้ของการสะสมพลังงานในร่างกายเป็นทักษะที่ได้มาจากกายามังกรหงส์ ด้วยวิธีนี้เขาจะได้รับผลลัพธ์ที่ไม่มีใครคาดคิดไว้ กลายเป็นไพ่ลับอีกใบหนึ่ง

“คัมภีร์หลงเฟิ่งทรงพลังจริงๆ”

แม้แต่มู่เฉินก็ยังชื่นชมในสิ่งนี้ คัมภีร์หลงเฟิ่งสมแล้วที่เป็นทักษะยอดเยี่ยมแท้จริง จากการประเมินของเขาคัมภีร์นี้ต้องอยู่ในระดับเสินทงแน่นอน ซึ่งไม่ธรรมดาแม้จะอยู่ในกลุ่มวิทยายุทธระดับเสินทงด้วย

มู่เฉินชื่นชมก่อนที่จะใจเย็นลง แม้ว่าตอนนี้จะไม่มีใครท้าทายเขา แต่เขาก็ไม่ตั้งใจที่จะท้าทายคนอื่นด้วยเช่นกัน เขายืนนิ่งบนตำแหน่งตนเองรอผลการคัดออก

สำหรับจงเถิง มู่เฉินรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นพวกยุแยงให้ลู่สุยมาปะทะกับเขา แต่เนื่องจากตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ดีในการจัดการ เขาจึงได้แต่ผลักแผนไปก่อน

แต่ถึงกระนั้นสายตาคมกล้าของมู่เฉินก็ยังจ้องเขม็งไปที่จงเถิง รอบตัวเต็มไปด้วยคลื่นหลิงราวกับเสือดาวที่กำลังจะจ้องตะครุบเหยื่ออัดแน่นด้วยภัยคุกคาม

เมื่อเห็นท่าทางของมู่เฉิน จงเถิงที่ประจันหน้ากับมั่วเฟิงก็รู้สึกอึดอัดใจ เขาต้องแยกสมาธิอยู่ตลอดเพื่อจับตามองมู่เฉิน ป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายเคลื่อนไหวมาประสานพลังกับมั่วเฟิง

ด้วยวิธีนี้สมาธิของจงเถิงจึงค่อนข้างฟุ้งซ่าน สุดท้ายเขาได้แต่กัดฟัน ถอนคลื่นหลิงและถอยออกจากบริเวณของมั่วเฟิง

“พี่มั่วยากสำหรับการต่อสู้ของเราที่จะได้ข้อสรุป ทำไมเราไม่ไปจัดการคนอื่นและรับที่นั่งมาล่ะ?” ขณะที่จงเถิงถอยกลับเสียงก็สะท้อนก้องไปด้วย

มั่วเฟิงจ้องมองจงเถิงอย่างไม่แยแสก่อนที่จะพยักหน้า นั่นเป็นเพราะเขารู้ว่าหากพวกเขายังอยู่ในสถานการณ์ยืนจ้องหน้ากันก็จะไม่เกิดผลลัพธ์ใด หากเขาร่วมมือกับมู่เฉิน พวกเขาอาจทำให้จงเถิงบ้าดีเดือดขึ้นมา แม้แต่พวกเขาก็ต้องจ่ายราคามหาศาลจากการตีโต้

ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับพวกเขาคือการได้ที่นั่งเพื่อเข้าสู่ชั้นสี่

เมื่อจงเถิงเห็นคำตอบของมั่วเฟิงก็รู้สึกโล่งใจในใจ เขาถอยกลับอย่างรวดเร็วออกจากจุดที่มู่เฉินและมั่วเฟิงอยู่ เขาครุ่นคิดสั้นๆ ก่อนจะเลือกปะทะกับคนที่อ่อนแอกว่า

พอมู่เฉินเห็นจงเถิงไปแล้วก็ไม่ได้ใส่ใจอีกต่อไป สายตาหันมามองมั่วเฟิงแล้วก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้มแสดงความขอบคุณในการช่วยเหลือครั้งนี้

สายตาของมั่วเฟิงเป็นมิตรมากขึ้น คิดว่าการที่มู่เฉินเอาชนะลู่สุย ทำให้มั่วเฟิงมองมู่เฉินในฐานะจอมยุทธ์ที่อยู่ในระดับเดียวกันกับเขา ดังนั้นจึงไม่ได้มีท่าทางเฉยเมยเหมือนเมื่อก่อน

มั่วเฟิงพยักหน้าให้มู่เฉิน ก่อนที่จะหันหลังกลับและเริ่มเลือกคู่ต่อสู้ของตนเอง

ครืน!

เมื่อทุกคนเลือกคู่ต่อสู้แล้ว ทันใดนั้นคลื่นหลิงก็ระเบิดรุนแรงบนลานเมฆสายฟ้า คลื่นกระแทกกวาดออก ทำให้มิติเกิดการสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นไม่หยุด

บนลานเมฆสายฟ้าพลังงานหลิงกวาดหายนะ มีเพียงตรงมู่เฉินเท่านั้นที่ไม่ถูกรบกวน เนื่องจากไม่มีใครกล้าเหยียบเข้ามาในรัศมีพันจั้ง ยามนี้เขาเหมือนผู้ชมที่ดูการต่อสู้ติดขอบ ในเวลาเดียวกันก็บันทึกกระบวนท่าที่ทรงพลังของบางคนไว้ในสมอง

แม้ว่าในชั้นนี้พวกเขาอาจไม่ได้ประลองกัน แต่ก็ยังมีอีกสองชั้นรอพวกเขาอยู่ ใครจะสามารถรับประกันได้ว่าจะไม่มีการลดจำนวนลงในชั้นต่อไป?

ดังนั้นถ้ามีโอกาสเขาต้องพยายามจดจำข้อมูลผู้อื่นเก็บไว้

ภายใต้การสังเกตของมู่เฉิน การประลองบนลานเมฆสายฟ้าก็คงอยู่ชั่วระยะหนึ่ง ก่อนที่แต่ละคู่จะมาถึงจุดสิ้นสุด ผลลัพธ์ก็เป็นไปตามที่คาดไว้

หลังจากมู่เฉินก็เป็นหานซันที่เอาชนะคู่ต่อสู้ได้ที่นั่งที่สองไป

จากนั้นมั่วเฟิงและจงเถิงก็คว้าชัยชนะตามมา

ที่นั่งสุดท้ายตกเป็นของสีคุนที่ก่อนหน้านี้เคยแพ้หานซันที่ด้านนอกเจดีย์ ชายนี้มีความแข็งแกร่งที่น่าตกใจ แม้แต่หานซันยังต้องใช้ทักษะเต็มที่ถึงจะได้รับชัยชนะมา

เมื่อสีคุนได้รับที่นั่งสุดท้ายลานเมฆสายฟ้าขนาดใหญ่ก็เงียบลงอีกครั้ง ร่างทั้งห้ายืนอยู่ ขณะรัศมีไร้ขอบเขตทั้งห้าสายพุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าชนกันเปรี้ยงปร้าง

ทว่าการชนกันก็ดำเนินไปเพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ ก่อนที่ทั้งห้าจะถอนคลื่นพลังพร้อมกัน พวกเขาเหลือบมองกันและกัน จากนั้นก็ไม่ลังเลทะยานออกไปปรากฏตัวบนเบาะทั้งห้า

สายตาพวกเขาพุ่งตรงไปยังมิติด้านหลังลานเมฆสายฟ้าด้วยความโลภ ตรงนั้นเส้นดาวหางจำนวนมากกวาดผ่านราวกับฝนดาวตก

ในแสงเหล่านั้นแก่นหยดสายฟ้ากำลังกะพริบด้วยความแวววาว


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท