หนึ่งในใต้หล้า 大主宰
บทที่ 1118 ค่ายกลวงจรดาวสวรรค์
“ศิษย์ระดับมังกรขาว…”
มู่เฉินมองไปที่รูปปั้นที่ตื่นขึ้น สายตาของเขาก็ค่อยๆ เคร่งเครียดลง แม้แต่ใบหน้าก็ตึงเครียดขึ้นพร้อมกับคลื่นหลิงทรงพลังพลุ่งพล่านอยู่รอบตัว มิติด้านหลังแปรปรวนก่อนที่จุดจื้อจุนไห่จะปรากฏขึ้นมาอย่างเลือนราง
แม้ว่าป้ายมังกรขาวอยู่ต่ำสุดในบรรดาศิษย์ระดับมังกร แต่ความยากก็ไม่ต้องพูดถึง กระทั่งจอมยุทธ์ทรงพลังแบบฉินจิงเจ๋อก็เป็นแค่ศิษย์ระดับเจียวทองคำเท่านั้น ดังนั้นสามารถคาดการณ์ได้ว่าการท้าทายครั้งนี้ยากเพียงใด
ในวังสวรรค์บรรพกาลสถานะของศิษย์ระดับเจียวทองคำและมังกรขาวมีช่องว่างกว้างใหญ่ ตราบใดที่สามารถก้าวผ่านไปได้ก็จะได้รับการพิจารณาเป็นศิษย์ระดับมังกรที่สูงกว่าระดับเจียวทองคำหลายขุม ทรัพยากรที่จะได้รับคือความแตกต่างของฟ้ากับเหว
จากการประเมินของมู่เฉิน พลังของศิษย์ระดับมังกรขาวคนนี้น่าจะเกินกว่าระดับจื้อจุนขั้นเก้าระยะปลายทั่วไป อาจสามารถสู้กับขั้นเก้าระยะเต็มได้เลยทีเดียว
นี่เป็นคู่ต่อสู้ที่ทรงพลังอย่างแท้จริง
สายตามู่เฉินเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียดขณะที่ดวงตาหลุบลง แต่มือที่อยู่ในแขนเสื้อวูบไหวอย่างเงียบๆ
ตู้ม!
เมื่อความคิดนี้หมุนเวียนในใจของมู่เฉิน ศิษย์ระดับมังกรขาวก็ตื่นขึ้นพร้อมกับรัศมีทรงพลังครอบงำกวาดออกมา ดาบยาวถือไว้ในมือ อากาศแหลมคมระเบิดออกทิ้งร่องรอยของใบมีดไว้ที่พื้นโดยรอบ
ศิษย์ระดับมังกรใช้ดวงตากลวงโบ๋จ้องมองมู่เฉินโดยไม่ลังเลใดๆ จากนั้นก็ทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าราวกับนกยักษ์ ดาบยาวฟันลงมา
วาบ!
ใบมีดแสงสีดำราวกับกระแสน้ำครางกระหึ่มข้ามขอบฟ้า แบ่งพื้นที่ออกเป็นสองฝั่ง มิหนำซ้ำยังทิ้งรอยลึกไว้บนลานประลองที่แข็งแกร่ง
ใบมีดแสงสีดำขยายออกอย่างรวดเร็วในดวงตาของมู่เฉิน เขาไม่กล้าชะลอตัวกระแทกเท้าลงไป เรียกร่างเทพสุริยะพร้อมกับดวงตะวันแปดดวงลุกโชติช่วง
เกลียวแสงสีทองระเบิดควบแน่นเป็นกงล้ออีกครั้ง
ตึง!
ใบมีดแสงปะทะกับกงล้อ กงล้อก็หมุนคว้างพร้อมกับรัศมีที่ไร้ขอบเขตระเบิดออกมา ใบมีดแสงชะงักลงครู่หนึ่งก่อนที่จะหันกลับพุ่งไปหาศิษย์ระดับมังกรขาว
ทว่าศิษย์มังกรขาวกลับเฉือนดาบลงมาแบบสบาย หยุดยั้งการโจมตีที่พุ่งเข้ามา ดาบถูกกำแน่นด้วยมือทั้งสองข้าง จากนั้นก็ยกขึ้นเหนือศีรษะแล้วฟันลงมาอย่างหนักหน่วง
การเคลื่อนไหวดูเชื่องช้า แต่มิติก็ราวกับมหาสุมทรถูกฉีกออกภายใต้ใบมีด
ตู้ม!
ใบมีดสีดำขนาดหลายพันจั้งพุ่งออกมาราวกับมังกรดำเกรี้ยวกราดพร้อมกับการเคลื่อนไหวที่ไม่สามารถหยุดยั้งได้ อะไรก็ตามที่ขวางทางจะถูกทำลายทันที!
ใบมีดสีดำครอบงำปะทะกับกงล้ออีกครั้ง แต่คราวนี้กงล้อไม่สามารถสะท้อนพลังกลับไปได้ ในทางตรงข้ามแสงสีทองถูกดับลงอย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะแตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
เศษสีทองกวาดมาที่เบื้องหลัง มู่เฉินมองไปที่ชิ้นส่วนเหล่านั้น ดวงตาก็หดแคบลง นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นกงล้อแสงสวรรค์แตกออก นอกจากนี้ยังแหลกเหลวไม่มีชิ้นดีด้วยวิธีสุดโหดอีกด้วย!
พลังที่อยู่เบื้องหลังใบมีดเกินขีดจำกัดสูงสุดของกงล้อ ดังนั้นจึงทำให้แตกออกเป็นเสี่ยงๆ
แม้ว่าการป้องกันของกงล้อแสงสวรรค์จะสมบูรณ์แบบ แต่ก็มีข้อจำกัด…
ศิษย์ระดับมังกรขาวยืนนิ่งอยู่ในอากาศพร้อมสายตาว่างเปล่า ก้มหน้าลงมองไปที่มู่เฉินบนร่างเทพสุริยะ ก่อนที่จะยกดาบในมือขึ้นอีกครั้ง เมื่อแสงสีดำควบแน่นก็เฉือนลงมา!
วาบ! วาบ!
หากการเคลื่อนไหวก่อนหน้าเชื่องช้า ครั้งนี้ก็ราวกับสายฟ้าฟาด
ดาบพุ่งเข้ามาพร้อมกับใบมีดสีดำนับไม่ถ้วนตกลงมาราวกับพายุฝนห่อหุ้มรัศมีหมื่นจั้งรอบตัวมู่เฉิน ปิดเส้นทางหลบหนีทั้งหมด
มู่เฉินสูดหายใจลึก จากนั้นก็แตะเท้าลงบนพื้นถอยกลับอย่างรวดเร็ว ในเวลาเดียวกันก็สะบัดแขนเสื้อสัญลักษณ์หลิงยิ่งพุ่งออกมาหลอมรวมเข้ากับท้องฟ้าราวกับห่าฝน
เผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้ที่น่ากลัวเช่นนี้ ด้วยขุมพลังเกือบจะบรรลุระดับจื้อจุนขั้นเก้าของมู่เฉินชัดว่ายากในการต่อกร ดังนั้นเขาจึงเลิกใช้ขุมพลังหลิงตัดสินใจใช้ค่ายกลแทน
ฮึ่ม! ฮึ่ม!
สัญลักษณ์หลิงยิ่งรวมกันเป็นสายผนึกอยู่ในมิติเชื่อมโยงกันและกัน ก่อร่างเป็นค่ายกลมากมาย นั่นเป็นค่ายกลป้องกันอย่างน้อยสิบกว่าค่ายกลที่สามารถสกัดการโจมตีของจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเก้าระยะปลายสุดได้
ปัง! ปัง!
ใบมีดกวาดเข้ามาปะทะกับค่ายกล ทำให้ค่ายกลพังทลายลงเป็นชั้นๆ อย่างรวดเร็ว ใบมีดเสือกแทงเข้าไปค้นหาเป้าหมาย
หลายสิบลมหายใจค่ายกลป้องกันชั้นสุดท้ายก็แตกสลาย เผยให้เห็นภาพเงาของมู่เฉิน
มู่เฉินเงยหน้าขึ้นมองร่างกลางอากาศพลางถอนหายใจพูดว่า “ศิษย์ระดับมังกรขาวสมชื่อเสียงแท้จริง”
แม้กระทั่งฉินจิงเอ๋อยังต้องใช้เวลาพอสมควรในการทำลายค่ายกลของเขา แต่ต่อหน้าศิษย์ระดับมังกรขาวกลับถูกทำลายอย่างรวดเร็ว
“แม้แต่ค่ายกลระดับเทียนขั้นต่ำก็หยุดเจ้าไม่ได้…”
มู่เฉินหรี่ตาลงจากนั้นก็สะบัดแขนเสื้อ ทันใดนั้นแสงหลิงพร่างพราวก็กวาดออกมาจากแขนเสื้อเขา ก่อร่างเป็นสัญลักษณ์หลิงยิ่งนับพันนับหมื่นพรั่งพรูออกมา
“ในเมื่อเป็นแบบนี้ ข้าก็ขอใช้เจ้าทดสอบพลังของค่ายกลระดับเทียนขั้นสูงซะหน่อยเถอะ”
มู่เฉินยิ้มขณะที่สัญลักษณ์หลิงยิ่งควบรวมกันในชั้นบรรยากาศ เกลียวแสงแวววาวระเบิดออกมาขณะเชื่อมโยงเข้าด้วยกัน ก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็วจนกลายเป็นค่ายกลขนาดหมื่นจั้ง ปรากฏรอบตัวมู่เฉิน ห่อหุ้มร่างศิษย์มังกรขาวเอาไว้ภายใน
มู่เฉินเงยหน้าขึ้นมองค่ายกลขนาดใหญ่ที่เหมือนทางช้างเผือกก่อนจะเบนสายตาไปยังร่างศิษย์ระดับมังกรขาว แม้ว่าอีกฝ่ายจะไม่มีสติปัญญา แต่เขาก็ยังส่งรอยยิ้มให้กล่าวว่า “นี่คือค่ายกลระดับเทียนขั้นสูง ค่ายกลวงจรดาวสวรรค์ โปรดชี้แนะด้วย”
ค่ายกลวงจรดาวสวรรค์ ก็คือค่ายกลที่มั่นถัวหลัวจัดหามาให้ ซึ่งถือเป็นค่ายกลระดับสูงสุดที่เขามีในตอนนี้
จากการคาดเดา ค่ายกลระดับเทียนขั้นสูงสามารถสังหารจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเก้าระยะปลายสุดได้เลยทีเดียว กระทั่งขั้นเก้าระยะเต็มก็บาดเจ็บหนักได้หากประมาท
แม้ว่าศิษย์ระดับมังกรขาวจะไม่มีสติปัญญา แต่ดูเหมือนจะสัมผัสได้ถึงความสยองเกล้าจากค่ายกลนี้ ทันใดนั้นร่างกายเขาก็เกร็งแน่น มือกระชับดาบสีดำแน่นเข้าไปอีก
ฮึ่ม!
แสงดาบสีดำระเบิดออก เกลียวแสงสีดำที่มีพลังล้างโลกพุ่งออกมาทำลายมิติ
ทันใดนั้นค่ายกลก็หมุนคว้างบนท้องฟ้า ท้องฟ้าในค่ายกลเปลี่ยนเป็นท้องฟ้าทางช้างเผือกพร้อมกับดวงดาวมากมายนับไม่ถ้วนแขวนอยู่สูง ส่องแสงสุกใสในค่ายกลทำให้ดูไม่สามารถทำลายได้
บนท้องฟ้าสูง ดวงดาวสั่นไหว ทันใดนั้นแสงดาวควบรวม ดวงดาวก็หล่นลงมากลายเป็นแสงดาวขนาดพันจั้งพุ่งไปที่ศิษย์มังกรขาว
นั่นราวกับมีดวงดาวจริงๆ พุ่งลงมา
พลังที่บีบกดลงมาสามารถทำลายจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเก้าระยะปลายสุดเลยทีเดียว
ศิษย์ระดับมังกรขาวเงยหน้าขึ้น ค่อยๆ ยกดาบยาวสีดำขึ้นพร้อมกับแสงสีดำควบแน่นอย่างรุนแรงที่ขอบดาบ ราวกับหลุมดำก็มิปาน
ตู้ม!
ดวงดาวปรากฏขึ้นเหนือร่างศิษย์มังกรขาว
วาบ!
ดาบดำในมือเขาก็ซัดลง หลุมดำขยายออกราวกับกรามไร้ก้น
ชี่!
พลังงานสองสายปะทะกันอย่างเงียบๆ แสงสีดำพร้อมกับหลุมดำเฉือนดวงดาวออกจากกัน
แต่เมื่อดวงดาวถูกทำลาย แสงสีดำก็จางลงไปเล็กน้อย
เมื่อดวงดาวถูกทำลาย มู่เฉินก็ยังคงสงบนิ่ง พลางกล่าวชื่นชมเสียงเบา “สมกับเป็นศิษย์ระดับมังกรขาว”
พลังของดวงดาวสามารถสังหารได้กระทั่งจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเก้าระยะปลายสุดทั่วไปได้ แต่กลับถูกศิษย์ระดับมังกรขาวเฉือนเอาได้
ฮึ่ม! ฮึ่ม!
ขณะที่ชื่นชมเสร็จ ดวงดาวหลายดวงก็เคลื่อนไหว ก่อนที่จะพุ่งลงมาใส่ร่างศิษย์มังกรขาว
ครั้งนี้มีถึงสี่ดวง!
ค่ายวงจรดาวสวรรค์สามารถกระตุ้นให้ดาวร่วงหล่นลงมาแล้วยิงไปยังกับดักที่วางไว้ พลังการทำลายนั้นสร้างความหวาดกลัวให้กับคนที่เป็นเป้าหมายได้
ครืน!
ดาวสี่ดวงพุ่งลงมา ศิษย์ระดับมังกรขาวก็ยกดาบขึ้นด้วยสีหน้าไม่แยแส หลุมดำที่ขอบดาบขยายพื้นที่ว่างเปล่าและผันผวนมากขึ้น ก่อนที่จะเฉือนเข้าใส่ดวงดาว
ชี่! ชี่! ชี่!
ดาบส่งเสียงหวีดหวิวเฉือนดวงดาวออกจากกัน มู่เฉินเฝ้าดูสิ่งนี้ด้วยสีหน้าสงบ เนื่องจากเขารู้สึกได้ว่าหลุมดำเริ่มจางลง เมื่อศิษย์ระดับมังกรขาวเฉือนดาวดวงที่สามออกจากกัน
“ขออภัยที่ใช้กลในการต่อสู้ครั้งนี้นะ”
มู่เฉินพูดเบาๆ ชี้นิ้วออกมา ทันใดนั้นดาวดวงที่สี่ก็ปรากฏขึ้นด้านหลังศิษย์ระดับมังกรขาวและพุ่งเข้าหา
ศิษย์มังกรขาวฟันลงไปอีกครั้ง แต่คราวนี้หลุมดำสั่นคลอนแล้วระเบิดภายใต้ดาวดวงที่สี่
ปัง!
หลุมดำแตกสลายทำให้ดาบสีดำแตกออกเป็นเสี่ยงๆ ร่างศิษย์ระดับมังกรขาวก็สลายเป็นจุดแสง
มู่เฉินมองไปที่ศิษย์ระดับมังกรขาวที่กำลังจางหายไปด้วยสีหน้าเคร่งเครียด เนื่องจากเขารู้ว่าไม่ยุติธรรมที่เอาชนะด้วยค่ายกล เพราะศิษย์ระดับมังกรขาวไม่มีสติปัญญา ดังนั้นเขาจึงสามารถดักจับเอาไว้ในค่ายกลได้อย่างง่ายดาย ถ้าเป็นคนอื่นคงไม่ใช่เรื่องง่าย
“แค่ศิษย์มังกรขาวก็หืดจับแล้ว…”
มู่เฉินหลุบตา แค่ศิษย์ระดับมังกรขาวก็บีบให้เขาต้องใช้ค่ายกลวงจรดาวสวรรค์ ถ้าสถานการณ์ดำเนินต่อไปจะยากแค่ไหน?
มู่เฉินค่อยๆ กำหมัดแน่น ดูเหมือนว่า…ถึงเวลาแล้วที่เขาจะต้องบรรลุอีกครั้ง มิฉะนั้นการท้าทายจะหยุดลงที่นี่
ขณะที่ความคิดนี้เกิดขึ้นในใจ ลานประลองก็สั่นสะท้านอีกครั้ง จากนั้นมู่เฉินก็หดดวงตาลง อากาศที่ครอบงำระเบิดออกจากเสาแรก รูปปั้นนั้นก็ค่อยๆ ตื่นขึ้น
รูปปั้นนั้นมีภาพมังกรทองทะยาน
มู่เฉินเม้มปากขณะสายตาเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียดขีดสุด
ประตูมังกรทะยานสวรรค์…ให้สิทธ์เขาในการท้าทายศิษย์ระดับมังกรทองแล้ว!