หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – ตอนที่ 1118

ตอนที่ 1118

หนึ่งในใต้หล้า 大主宰
บทที่ 1118 ค่ายกลวงจรดาวสวรรค์
“ศิษย์ระดับมังกรขาว…”

มู่เฉินมองไปที่รูปปั้นที่ตื่นขึ้น สายตาของเขาก็ค่อยๆ เคร่งเครียดลง แม้แต่ใบหน้าก็ตึงเครียดขึ้นพร้อมกับคลื่นหลิงทรงพลังพลุ่งพล่านอยู่รอบตัว มิติด้านหลังแปรปรวนก่อนที่จุดจื้อจุนไห่จะปรากฏขึ้นมาอย่างเลือนราง

แม้ว่าป้ายมังกรขาวอยู่ต่ำสุดในบรรดาศิษย์ระดับมังกร แต่ความยากก็ไม่ต้องพูดถึง กระทั่งจอมยุทธ์ทรงพลังแบบฉินจิงเจ๋อก็เป็นแค่ศิษย์ระดับเจียวทองคำเท่านั้น ดังนั้นสามารถคาดการณ์ได้ว่าการท้าทายครั้งนี้ยากเพียงใด

ในวังสวรรค์บรรพกาลสถานะของศิษย์ระดับเจียวทองคำและมังกรขาวมีช่องว่างกว้างใหญ่ ตราบใดที่สามารถก้าวผ่านไปได้ก็จะได้รับการพิจารณาเป็นศิษย์ระดับมังกรที่สูงกว่าระดับเจียวทองคำหลายขุม ทรัพยากรที่จะได้รับคือความแตกต่างของฟ้ากับเหว

จากการประเมินของมู่เฉิน พลังของศิษย์ระดับมังกรขาวคนนี้น่าจะเกินกว่าระดับจื้อจุนขั้นเก้าระยะปลายทั่วไป อาจสามารถสู้กับขั้นเก้าระยะเต็มได้เลยทีเดียว

นี่เป็นคู่ต่อสู้ที่ทรงพลังอย่างแท้จริง

สายตามู่เฉินเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียดขณะที่ดวงตาหลุบลง แต่มือที่อยู่ในแขนเสื้อวูบไหวอย่างเงียบๆ

ตู้ม!

เมื่อความคิดนี้หมุนเวียนในใจของมู่เฉิน ศิษย์ระดับมังกรขาวก็ตื่นขึ้นพร้อมกับรัศมีทรงพลังครอบงำกวาดออกมา ดาบยาวถือไว้ในมือ อากาศแหลมคมระเบิดออกทิ้งร่องรอยของใบมีดไว้ที่พื้นโดยรอบ

ศิษย์ระดับมังกรใช้ดวงตากลวงโบ๋จ้องมองมู่เฉินโดยไม่ลังเลใดๆ จากนั้นก็ทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าราวกับนกยักษ์ ดาบยาวฟันลงมา

วาบ!

ใบมีดแสงสีดำราวกับกระแสน้ำครางกระหึ่มข้ามขอบฟ้า แบ่งพื้นที่ออกเป็นสองฝั่ง มิหนำซ้ำยังทิ้งรอยลึกไว้บนลานประลองที่แข็งแกร่ง

ใบมีดแสงสีดำขยายออกอย่างรวดเร็วในดวงตาของมู่เฉิน เขาไม่กล้าชะลอตัวกระแทกเท้าลงไป เรียกร่างเทพสุริยะพร้อมกับดวงตะวันแปดดวงลุกโชติช่วง

เกลียวแสงสีทองระเบิดควบแน่นเป็นกงล้ออีกครั้ง

ตึง!

ใบมีดแสงปะทะกับกงล้อ กงล้อก็หมุนคว้างพร้อมกับรัศมีที่ไร้ขอบเขตระเบิดออกมา ใบมีดแสงชะงักลงครู่หนึ่งก่อนที่จะหันกลับพุ่งไปหาศิษย์ระดับมังกรขาว

ทว่าศิษย์มังกรขาวกลับเฉือนดาบลงมาแบบสบาย หยุดยั้งการโจมตีที่พุ่งเข้ามา ดาบถูกกำแน่นด้วยมือทั้งสองข้าง จากนั้นก็ยกขึ้นเหนือศีรษะแล้วฟันลงมาอย่างหนักหน่วง

การเคลื่อนไหวดูเชื่องช้า แต่มิติก็ราวกับมหาสุมทรถูกฉีกออกภายใต้ใบมีด

ตู้ม!

ใบมีดสีดำขนาดหลายพันจั้งพุ่งออกมาราวกับมังกรดำเกรี้ยวกราดพร้อมกับการเคลื่อนไหวที่ไม่สามารถหยุดยั้งได้ อะไรก็ตามที่ขวางทางจะถูกทำลายทันที!

ใบมีดสีดำครอบงำปะทะกับกงล้ออีกครั้ง แต่คราวนี้กงล้อไม่สามารถสะท้อนพลังกลับไปได้ ในทางตรงข้ามแสงสีทองถูกดับลงอย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะแตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย

เศษสีทองกวาดมาที่เบื้องหลัง มู่เฉินมองไปที่ชิ้นส่วนเหล่านั้น ดวงตาก็หดแคบลง นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นกงล้อแสงสวรรค์แตกออก นอกจากนี้ยังแหลกเหลวไม่มีชิ้นดีด้วยวิธีสุดโหดอีกด้วย!

พลังที่อยู่เบื้องหลังใบมีดเกินขีดจำกัดสูงสุดของกงล้อ ดังนั้นจึงทำให้แตกออกเป็นเสี่ยงๆ

แม้ว่าการป้องกันของกงล้อแสงสวรรค์จะสมบูรณ์แบบ แต่ก็มีข้อจำกัด…

ศิษย์ระดับมังกรขาวยืนนิ่งอยู่ในอากาศพร้อมสายตาว่างเปล่า ก้มหน้าลงมองไปที่มู่เฉินบนร่างเทพสุริยะ ก่อนที่จะยกดาบในมือขึ้นอีกครั้ง เมื่อแสงสีดำควบแน่นก็เฉือนลงมา!

วาบ! วาบ!

หากการเคลื่อนไหวก่อนหน้าเชื่องช้า ครั้งนี้ก็ราวกับสายฟ้าฟาด

ดาบพุ่งเข้ามาพร้อมกับใบมีดสีดำนับไม่ถ้วนตกลงมาราวกับพายุฝนห่อหุ้มรัศมีหมื่นจั้งรอบตัวมู่เฉิน ปิดเส้นทางหลบหนีทั้งหมด

มู่เฉินสูดหายใจลึก จากนั้นก็แตะเท้าลงบนพื้นถอยกลับอย่างรวดเร็ว ในเวลาเดียวกันก็สะบัดแขนเสื้อสัญลักษณ์หลิงยิ่งพุ่งออกมาหลอมรวมเข้ากับท้องฟ้าราวกับห่าฝน

เผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้ที่น่ากลัวเช่นนี้ ด้วยขุมพลังเกือบจะบรรลุระดับจื้อจุนขั้นเก้าของมู่เฉินชัดว่ายากในการต่อกร ดังนั้นเขาจึงเลิกใช้ขุมพลังหลิงตัดสินใจใช้ค่ายกลแทน

ฮึ่ม! ฮึ่ม!

สัญลักษณ์หลิงยิ่งรวมกันเป็นสายผนึกอยู่ในมิติเชื่อมโยงกันและกัน ก่อร่างเป็นค่ายกลมากมาย นั่นเป็นค่ายกลป้องกันอย่างน้อยสิบกว่าค่ายกลที่สามารถสกัดการโจมตีของจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเก้าระยะปลายสุดได้

ปัง! ปัง!

ใบมีดกวาดเข้ามาปะทะกับค่ายกล ทำให้ค่ายกลพังทลายลงเป็นชั้นๆ อย่างรวดเร็ว ใบมีดเสือกแทงเข้าไปค้นหาเป้าหมาย

หลายสิบลมหายใจค่ายกลป้องกันชั้นสุดท้ายก็แตกสลาย เผยให้เห็นภาพเงาของมู่เฉิน

มู่เฉินเงยหน้าขึ้นมองร่างกลางอากาศพลางถอนหายใจพูดว่า “ศิษย์ระดับมังกรขาวสมชื่อเสียงแท้จริง”

แม้กระทั่งฉินจิงเอ๋อยังต้องใช้เวลาพอสมควรในการทำลายค่ายกลของเขา แต่ต่อหน้าศิษย์ระดับมังกรขาวกลับถูกทำลายอย่างรวดเร็ว

“แม้แต่ค่ายกลระดับเทียนขั้นต่ำก็หยุดเจ้าไม่ได้…”

มู่เฉินหรี่ตาลงจากนั้นก็สะบัดแขนเสื้อ ทันใดนั้นแสงหลิงพร่างพราวก็กวาดออกมาจากแขนเสื้อเขา ก่อร่างเป็นสัญลักษณ์หลิงยิ่งนับพันนับหมื่นพรั่งพรูออกมา

“ในเมื่อเป็นแบบนี้ ข้าก็ขอใช้เจ้าทดสอบพลังของค่ายกลระดับเทียนขั้นสูงซะหน่อยเถอะ”

มู่เฉินยิ้มขณะที่สัญลักษณ์หลิงยิ่งควบรวมกันในชั้นบรรยากาศ เกลียวแสงแวววาวระเบิดออกมาขณะเชื่อมโยงเข้าด้วยกัน ก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็วจนกลายเป็นค่ายกลขนาดหมื่นจั้ง ปรากฏรอบตัวมู่เฉิน ห่อหุ้มร่างศิษย์มังกรขาวเอาไว้ภายใน

มู่เฉินเงยหน้าขึ้นมองค่ายกลขนาดใหญ่ที่เหมือนทางช้างเผือกก่อนจะเบนสายตาไปยังร่างศิษย์ระดับมังกรขาว แม้ว่าอีกฝ่ายจะไม่มีสติปัญญา แต่เขาก็ยังส่งรอยยิ้มให้กล่าวว่า “นี่คือค่ายกลระดับเทียนขั้นสูง ค่ายกลวงจรดาวสวรรค์ โปรดชี้แนะด้วย”

ค่ายกลวงจรดาวสวรรค์ ก็คือค่ายกลที่มั่นถัวหลัวจัดหามาให้ ซึ่งถือเป็นค่ายกลระดับสูงสุดที่เขามีในตอนนี้

จากการคาดเดา ค่ายกลระดับเทียนขั้นสูงสามารถสังหารจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเก้าระยะปลายสุดได้เลยทีเดียว กระทั่งขั้นเก้าระยะเต็มก็บาดเจ็บหนักได้หากประมาท

แม้ว่าศิษย์ระดับมังกรขาวจะไม่มีสติปัญญา แต่ดูเหมือนจะสัมผัสได้ถึงความสยองเกล้าจากค่ายกลนี้ ทันใดนั้นร่างกายเขาก็เกร็งแน่น มือกระชับดาบสีดำแน่นเข้าไปอีก

ฮึ่ม!

แสงดาบสีดำระเบิดออก เกลียวแสงสีดำที่มีพลังล้างโลกพุ่งออกมาทำลายมิติ

ทันใดนั้นค่ายกลก็หมุนคว้างบนท้องฟ้า ท้องฟ้าในค่ายกลเปลี่ยนเป็นท้องฟ้าทางช้างเผือกพร้อมกับดวงดาวมากมายนับไม่ถ้วนแขวนอยู่สูง ส่องแสงสุกใสในค่ายกลทำให้ดูไม่สามารถทำลายได้

บนท้องฟ้าสูง ดวงดาวสั่นไหว ทันใดนั้นแสงดาวควบรวม ดวงดาวก็หล่นลงมากลายเป็นแสงดาวขนาดพันจั้งพุ่งไปที่ศิษย์มังกรขาว

นั่นราวกับมีดวงดาวจริงๆ พุ่งลงมา

พลังที่บีบกดลงมาสามารถทำลายจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเก้าระยะปลายสุดเลยทีเดียว

ศิษย์ระดับมังกรขาวเงยหน้าขึ้น ค่อยๆ ยกดาบยาวสีดำขึ้นพร้อมกับแสงสีดำควบแน่นอย่างรุนแรงที่ขอบดาบ ราวกับหลุมดำก็มิปาน

ตู้ม!

ดวงดาวปรากฏขึ้นเหนือร่างศิษย์มังกรขาว

วาบ!

ดาบดำในมือเขาก็ซัดลง หลุมดำขยายออกราวกับกรามไร้ก้น

ชี่!

พลังงานสองสายปะทะกันอย่างเงียบๆ แสงสีดำพร้อมกับหลุมดำเฉือนดวงดาวออกจากกัน

แต่เมื่อดวงดาวถูกทำลาย แสงสีดำก็จางลงไปเล็กน้อย

เมื่อดวงดาวถูกทำลาย มู่เฉินก็ยังคงสงบนิ่ง พลางกล่าวชื่นชมเสียงเบา “สมกับเป็นศิษย์ระดับมังกรขาว”

พลังของดวงดาวสามารถสังหารได้กระทั่งจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเก้าระยะปลายสุดทั่วไปได้ แต่กลับถูกศิษย์ระดับมังกรขาวเฉือนเอาได้

ฮึ่ม! ฮึ่ม!

ขณะที่ชื่นชมเสร็จ ดวงดาวหลายดวงก็เคลื่อนไหว ก่อนที่จะพุ่งลงมาใส่ร่างศิษย์มังกรขาว

ครั้งนี้มีถึงสี่ดวง!

ค่ายวงจรดาวสวรรค์สามารถกระตุ้นให้ดาวร่วงหล่นลงมาแล้วยิงไปยังกับดักที่วางไว้ พลังการทำลายนั้นสร้างความหวาดกลัวให้กับคนที่เป็นเป้าหมายได้

ครืน!

ดาวสี่ดวงพุ่งลงมา ศิษย์ระดับมังกรขาวก็ยกดาบขึ้นด้วยสีหน้าไม่แยแส หลุมดำที่ขอบดาบขยายพื้นที่ว่างเปล่าและผันผวนมากขึ้น ก่อนที่จะเฉือนเข้าใส่ดวงดาว

ชี่! ชี่! ชี่!

ดาบส่งเสียงหวีดหวิวเฉือนดวงดาวออกจากกัน มู่เฉินเฝ้าดูสิ่งนี้ด้วยสีหน้าสงบ เนื่องจากเขารู้สึกได้ว่าหลุมดำเริ่มจางลง เมื่อศิษย์ระดับมังกรขาวเฉือนดาวดวงที่สามออกจากกัน

“ขออภัยที่ใช้กลในการต่อสู้ครั้งนี้นะ”

มู่เฉินพูดเบาๆ ชี้นิ้วออกมา ทันใดนั้นดาวดวงที่สี่ก็ปรากฏขึ้นด้านหลังศิษย์ระดับมังกรขาวและพุ่งเข้าหา

ศิษย์มังกรขาวฟันลงไปอีกครั้ง แต่คราวนี้หลุมดำสั่นคลอนแล้วระเบิดภายใต้ดาวดวงที่สี่

ปัง!

หลุมดำแตกสลายทำให้ดาบสีดำแตกออกเป็นเสี่ยงๆ ร่างศิษย์ระดับมังกรขาวก็สลายเป็นจุดแสง

มู่เฉินมองไปที่ศิษย์ระดับมังกรขาวที่กำลังจางหายไปด้วยสีหน้าเคร่งเครียด เนื่องจากเขารู้ว่าไม่ยุติธรรมที่เอาชนะด้วยค่ายกล เพราะศิษย์ระดับมังกรขาวไม่มีสติปัญญา ดังนั้นเขาจึงสามารถดักจับเอาไว้ในค่ายกลได้อย่างง่ายดาย ถ้าเป็นคนอื่นคงไม่ใช่เรื่องง่าย

“แค่ศิษย์มังกรขาวก็หืดจับแล้ว…”

มู่เฉินหลุบตา แค่ศิษย์ระดับมังกรขาวก็บีบให้เขาต้องใช้ค่ายกลวงจรดาวสวรรค์ ถ้าสถานการณ์ดำเนินต่อไปจะยากแค่ไหน?

มู่เฉินค่อยๆ กำหมัดแน่น ดูเหมือนว่า…ถึงเวลาแล้วที่เขาจะต้องบรรลุอีกครั้ง มิฉะนั้นการท้าทายจะหยุดลงที่นี่

ขณะที่ความคิดนี้เกิดขึ้นในใจ ลานประลองก็สั่นสะท้านอีกครั้ง จากนั้นมู่เฉินก็หดดวงตาลง อากาศที่ครอบงำระเบิดออกจากเสาแรก รูปปั้นนั้นก็ค่อยๆ ตื่นขึ้น

รูปปั้นนั้นมีภาพมังกรทองทะยาน

มู่เฉินเม้มปากขณะสายตาเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียดขีดสุด

ประตูมังกรทะยานสวรรค์…ให้สิทธ์เขาในการท้าทายศิษย์ระดับมังกรทองแล้ว!

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler ฟรี ได้ที่ novel-fast 


เรื่องย่อ

โดย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler บางส่วนของนิยาย

บทนำ

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป

‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้

แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์

แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว

ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ

เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง?

ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน…

เรื่องย่อ

เมื่อคำพูดของมู่เฉินกระจายออกไป ไม่เพียงแต่จะไม่มีการตอบสนอง แม้แต่ด้านนอกเจดีย์ก็ถูกห่อหุ้มด้วยบรรยากาศราวกับป่าช้า…

ทุกคนตกตะลึงไปกับฉากนี้ พวกเขาจ้องมองจุดที่ลู่สุยหายตัวไป ราวกับว่ายังไม่สามารถฟื้นจากอาการตะลึงงันที่เกิดขึ้นได้

ก่อนหน้าเมื่อลู่สุยออกกระบวนท่าที่น่าสะพรึง ผู้คนส่วนใหญ่ก็คิดว่าผลลัพธ์ของการต่อสู้ได้ถูกกำหนดแล้ว ทว่าพวกเขาไม่คิดเลยว่ามู่เฉินจะพลิกสถานการณ์ได้อีกครั้ง เตะลู่สุยที่เหมือนจะคว้าชัยชนะออกไป

ทุกคนตะลึงไปพักใหญ่ ก่อนที่พวกเขาจะหลุดออกจากอาการได้ สายตาเคร่งเครียดลง การประลองกันครั้งนี้มู่เฉินไม่ได้ใช้ค่ายกล แต่เขาก็สามารถเอาชนะจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดอย่างลู่สุยได้ด้วยความแข็งแกร่งที่อยู่ในขั้นหกเท่านั้น แม้ว่าจะมีผลจากลู่สุยประมาทเองในตอนแรก แต่นั่นก็แสดงให้เห็นว่ามู่เฉินน่ากลัวแค่ไหน

พลังเช่นนี้เขาสามารถเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์อันดับต้นๆ ในเจดีย์ฝึกพลังกายได้เลยทีเดียว

ทางฝั่งกลุ่มกระเรียนฟ้า ใบหน้าของหลิ่วชิงกลายเป็นเขียวสลับขาว นางมองไปที่ร่างสูงโปร่งบนหน้าจอ กลืนน้ำลายเหนียวหนืด ความกลัวปรากฏในดวงตาของนางเป็นครั้งแรก

มาถึงจุดนี้นางคงโง่แน่ถ้ายังคิดปฏิบัติต่อมู่เฉินเหมือนกับจอมยุทธ์ขั้นหกทั่วไป

ด้วยพลังในการต่อสู้ที่เขาแสดงออกมา บวกกับค่ายกลทรงพลัง แม้แต่จงเถิงก็ยากจะได้เปรียบหากพวกเขาต่อสู้กัน

ก่อนหน้านี้นางหัวเราะเยาะและมองจิ่วโยวด้วยความดูถูก แต่ตอนนี้นางอายแทบแทรกแผ่นดินหนี ซึ่งจุดนี้รู้ได้จากสายตาเยาะเย้ยเหล่านั้นที่ปรายมองเข้ามา

“ทำไมมู่เฉินถึงทรงพลังเช่นนี้?” จงฮั้วที่พ่ายแพ้ให้กับมู่เฉินก็มีสีหน้าเคร่งขรึมเช่นกัน ก่อนหน้านี้เขาเคยคิดเช่นกันว่ามู่เฉินพึ่งพาเพียงค่ายกลเพื่อจัดการกับศัตรู แต่ใครจะคิดว่าเมื่อไม่มีการใช้ค่ายกลมู่เฉินก็สามารถเอาชนะลู่สุยแบบดุร้ายยิ่งกว่าอะไร

“ดูเหมือนว่ามีเพียงพี่ใหญ่จงเถิงเท่านั้นที่สามารถจัดการกับเขาได้” จอมยุทธ์อีกคนของเผ่ากระเรียนฟ้าพยักหน้า

หลิ่วชิงพยักหน้าเบาๆ ไม่เพียงแต่พวกเขาจะพิจารณาพลังของมู่เฉินพลาดไปเท่านั้น แม้แต่จงเถิงก็ตัดสินอีกฝ่ายผิดไป ชายคนนั้นเป็นสัตว์ประหลาดอย่างแท้จริง

ฟิ้ว!

ขณะที่นอกเจดีย์ต่างตกตะลึงกับผลลัพธ์ที่มู่เฉินนำมา ทันใดนั้นแสงก็กะพริบบนแท่นนอกเจดีย์ ร่างน่าสังเวชปรากฏขึ้น

เมื่อร่างนั้นออกมาก็รีบถอยกลับไปปรากฏตัวขึ้นในกลุ่มอีกาสายฟ้าทันควัน นี่ก็คือลู่สุยที่มีสีหน้าซีดขาว คลื่นหลิงของเขาถดถอยลงอย่างมาก

สายตาโดยรอบยิงเข้าหาในเวลานี้ทันที

ใบหน้าของลู่สุยเขียวคล้ำ สายตาเกลียดชังมองไปที่มู่เฉินที่อยู่บนหน้าจอ ก่อนที่จะหันหัวสาดสายตาดุร้ายใส่จิ่วโยวและมั่วหลิง ที่ข้างๆ พรรคพวกของเขาก็มีท่าทางไม่ดีเช่นกัน

ทว่าจิ่วโยวไม่กลัวที่จะเผชิญหน้ากับสายตาเหล่านั้น นางเค้นเสียงอย่างเย็นชา “ลูกหมาที่ถูกฟาดยังกล้าที่จะออกมาแยกเขี้ยวอีกเหรอ?”

ตอนนี้ลู่สุยบาดเจ็บสาหัส สูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไปหมด ส่วนคนที่เหลือก็ไม่มีอะไรต้องกลัว หากพวกเขากล้าที่จะคิดบัญชีกับพวกนาง จิ่วโยวก็ไม่คิดปล่อยพวกเขาไว้เป็นภัยคุกคามในอนาคตหรอก

สายตาแสดงความเกลียดชังของลู่สุยจ้องเขม็งอยู่ที่จิ่วโยว แต่สุดท้ายเขาก็ต้องถอนสายตาออกไปอย่างไม่เต็มใจ ก่อนที่จะถอยกลับนั่งลงบนซากปรักหักพังเข้าสมาธิเพื่อฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ

จอมยุทธ์กลุ่มอีกาสายฟ้าก็ปรากฏรอบตัวเขาเพื่อปกป้อง

เมื่อจิ่วโยวเห็นการตอบสนองนั่น นางก็ไม่ได้ใส่ใจกับพวกเขาอีก นางมองไปที่หน้าจออีกครั้งโดยพุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่ร่างเงาอ่อนเยาว์ มือที่กำแน่นผ่อนคลายลง

เห็นได้ชัดว่านี่เป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงสำหรับนางที่มู่เฉินจะเอาชนะได้เด็ดขาดแบบนี้ นั่นเป็นเพราะตามการประเมินของนางแม้ว่ามู่เฉินจะยืนยงอยู่ได้ก็เป็นยากที่จะเอาชนะลู่สุยด้วยขุมพลังจื้อจุนขั้นหกและถ้าการต่อสู้ถูกลากไปจนสุดอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบคาดไม่ถึง

ทว่าผลลัพธ์สุดท้ายที่ได้ก็ทำให้นางทั้งประหลาดใจและดีใจ

เห็นได้ชัดว่ามู่เฉินได้รับประโยชน์มหาศาลจากสามชั้นแรกของเจดีย์ฝึกพลังกาย ไม่เช่นนั้นเขาไม่สามารถแสดงพลังเป็นที่ประจักษ์เช่นนี้ได้

“ว่ากันว่าในชั้นสี่มหัศจรรย์กว่านี้มาก หากใครสามารถเข้าไปได้ พวกเขาจะสามารถได้รับผลประโยชน์เกินกว่าสามชั้นแรกมาก…”

จิ่วโยวยิ้มบาง ดูจากสถานการณ์ปัจจุบันไม่น่ามีปัญหาใดๆ ที่มู่เฉินจะเข้าสู่ชั้นสี่ สำหรับมั่วเฟิงความแข็งแกร่งของเขาเป็นหนึ่งในอันดับต้นของกลุ่มที่เข้าไป ดังนั้นจึงไม่ยากสำหรับเขาที่จะได้หนึ่งในห้าที่นั่งนี้ไปเช่นกัน

ดูเหมือนว่าการเดินทางมาที่เจดีย์ฝึกพลังกายโบราณครั้งนี้เผ่าวิหคโลกันตร์อาจเป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

บนลานเมฆสายฟ้า

ไม่มีใครตอบคำถามของมู่เฉิน ขณะนี้แม้แต่จอมยุทธ์ทรงอำนาจอย่างหานซันและสีคุนก็ยังรู้สึกหวาดระแวงมู่เฉินอยู่บ้าง ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกที่จะไม่ไปปะทะกับมนุษย์ผู้นี้

ดังนั้นคนทั้งหมดที่อยู่ที่นี่จึงเงียบลง ก่อนที่จะถอยออกจากรัศมีโดยรอบมู่เฉินอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณบอกว่าพวกเขาไม่ต้องการต่อสู้กับเขา

เมื่อมู่เฉินเห็นภาพนี้ก็ไม่มีอารมณ์ใดบนใบหน้า แต่ในใจกลับรู้สึกโล่งอก คนอื่นๆ เห็นเพียงฉากการต่อสู้ตระการที่เขาเอาชนะลู่สุยได้ แต่พวกเขาไม่รู้หรอกว่าหมัดที่เขาชกออกไปก่อนหน้านี้คือพลังงานส่วนเกินจากสามชั้นแรก

ร่างกายของมู่เฉินก่อนหน้าเปรียบเสมือนฟองน้ำที่ดูดซับน้ำจนถึงขีดจำกัด หมัดของเขาจึงเท่ากับบีบน้ำออกจนหมด ทำให้ร่างกายที่อัดแน่นกลับสู่สภาพเดิม

ดังนั้นถ้าให้เขาโจมตีแบบนั้นอีกครั้ง พลังก็จะไม่ทรงประสิทธิภาพเหมือนเมื่อครู่แน่นอน

ประสิทธิผลพิเศษชนิดนี้ของการสะสมพลังงานในร่างกายเป็นทักษะที่ได้มาจากกายามังกรหงส์ ด้วยวิธีนี้เขาจะได้รับผลลัพธ์ที่ไม่มีใครคาดคิดไว้ กลายเป็นไพ่ลับอีกใบหนึ่ง

“คัมภีร์หลงเฟิ่งทรงพลังจริงๆ”

แม้แต่มู่เฉินก็ยังชื่นชมในสิ่งนี้ คัมภีร์หลงเฟิ่งสมแล้วที่เป็นทักษะยอดเยี่ยมแท้จริง จากการประเมินของเขาคัมภีร์นี้ต้องอยู่ในระดับเสินทงแน่นอน ซึ่งไม่ธรรมดาแม้จะอยู่ในกลุ่มวิทยายุทธระดับเสินทงด้วย

มู่เฉินชื่นชมก่อนที่จะใจเย็นลง แม้ว่าตอนนี้จะไม่มีใครท้าทายเขา แต่เขาก็ไม่ตั้งใจที่จะท้าทายคนอื่นด้วยเช่นกัน เขายืนนิ่งบนตำแหน่งตนเองรอผลการคัดออก

สำหรับจงเถิง มู่เฉินรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นพวกยุแยงให้ลู่สุยมาปะทะกับเขา แต่เนื่องจากตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ดีในการจัดการ เขาจึงได้แต่ผลักแผนไปก่อน

แต่ถึงกระนั้นสายตาคมกล้าของมู่เฉินก็ยังจ้องเขม็งไปที่จงเถิง รอบตัวเต็มไปด้วยคลื่นหลิงราวกับเสือดาวที่กำลังจะจ้องตะครุบเหยื่ออัดแน่นด้วยภัยคุกคาม

เมื่อเห็นท่าทางของมู่เฉิน จงเถิงที่ประจันหน้ากับมั่วเฟิงก็รู้สึกอึดอัดใจ เขาต้องแยกสมาธิอยู่ตลอดเพื่อจับตามองมู่เฉิน ป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายเคลื่อนไหวมาประสานพลังกับมั่วเฟิง

ด้วยวิธีนี้สมาธิของจงเถิงจึงค่อนข้างฟุ้งซ่าน สุดท้ายเขาได้แต่กัดฟัน ถอนคลื่นหลิงและถอยออกจากบริเวณของมั่วเฟิง

“พี่มั่วยากสำหรับการต่อสู้ของเราที่จะได้ข้อสรุป ทำไมเราไม่ไปจัดการคนอื่นและรับที่นั่งมาล่ะ?” ขณะที่จงเถิงถอยกลับเสียงก็สะท้อนก้องไปด้วย

มั่วเฟิงจ้องมองจงเถิงอย่างไม่แยแสก่อนที่จะพยักหน้า นั่นเป็นเพราะเขารู้ว่าหากพวกเขายังอยู่ในสถานการณ์ยืนจ้องหน้ากันก็จะไม่เกิดผลลัพธ์ใด หากเขาร่วมมือกับมู่เฉิน พวกเขาอาจทำให้จงเถิงบ้าดีเดือดขึ้นมา แม้แต่พวกเขาก็ต้องจ่ายราคามหาศาลจากการตีโต้

ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับพวกเขาคือการได้ที่นั่งเพื่อเข้าสู่ชั้นสี่

เมื่อจงเถิงเห็นคำตอบของมั่วเฟิงก็รู้สึกโล่งใจในใจ เขาถอยกลับอย่างรวดเร็วออกจากจุดที่มู่เฉินและมั่วเฟิงอยู่ เขาครุ่นคิดสั้นๆ ก่อนจะเลือกปะทะกับคนที่อ่อนแอกว่า

พอมู่เฉินเห็นจงเถิงไปแล้วก็ไม่ได้ใส่ใจอีกต่อไป สายตาหันมามองมั่วเฟิงแล้วก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้มแสดงความขอบคุณในการช่วยเหลือครั้งนี้

สายตาของมั่วเฟิงเป็นมิตรมากขึ้น คิดว่าการที่มู่เฉินเอาชนะลู่สุย ทำให้มั่วเฟิงมองมู่เฉินในฐานะจอมยุทธ์ที่อยู่ในระดับเดียวกันกับเขา ดังนั้นจึงไม่ได้มีท่าทางเฉยเมยเหมือนเมื่อก่อน

มั่วเฟิงพยักหน้าให้มู่เฉิน ก่อนที่จะหันหลังกลับและเริ่มเลือกคู่ต่อสู้ของตนเอง

ครืน!

เมื่อทุกคนเลือกคู่ต่อสู้แล้ว ทันใดนั้นคลื่นหลิงก็ระเบิดรุนแรงบนลานเมฆสายฟ้า คลื่นกระแทกกวาดออก ทำให้มิติเกิดการสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นไม่หยุด

บนลานเมฆสายฟ้าพลังงานหลิงกวาดหายนะ มีเพียงตรงมู่เฉินเท่านั้นที่ไม่ถูกรบกวน เนื่องจากไม่มีใครกล้าเหยียบเข้ามาในรัศมีพันจั้ง ยามนี้เขาเหมือนผู้ชมที่ดูการต่อสู้ติดขอบ ในเวลาเดียวกันก็บันทึกกระบวนท่าที่ทรงพลังของบางคนไว้ในสมอง

แม้ว่าในชั้นนี้พวกเขาอาจไม่ได้ประลองกัน แต่ก็ยังมีอีกสองชั้นรอพวกเขาอยู่ ใครจะสามารถรับประกันได้ว่าจะไม่มีการลดจำนวนลงในชั้นต่อไป?

ดังนั้นถ้ามีโอกาสเขาต้องพยายามจดจำข้อมูลผู้อื่นเก็บไว้

ภายใต้การสังเกตของมู่เฉิน การประลองบนลานเมฆสายฟ้าก็คงอยู่ชั่วระยะหนึ่ง ก่อนที่แต่ละคู่จะมาถึงจุดสิ้นสุด ผลลัพธ์ก็เป็นไปตามที่คาดไว้

หลังจากมู่เฉินก็เป็นหานซันที่เอาชนะคู่ต่อสู้ได้ที่นั่งที่สองไป

จากนั้นมั่วเฟิงและจงเถิงก็คว้าชัยชนะตามมา

ที่นั่งสุดท้ายตกเป็นของสีคุนที่ก่อนหน้านี้เคยแพ้หานซันที่ด้านนอกเจดีย์ ชายนี้มีความแข็งแกร่งที่น่าตกใจ แม้แต่หานซันยังต้องใช้ทักษะเต็มที่ถึงจะได้รับชัยชนะมา

เมื่อสีคุนได้รับที่นั่งสุดท้ายลานเมฆสายฟ้าขนาดใหญ่ก็เงียบลงอีกครั้ง ร่างทั้งห้ายืนอยู่ ขณะรัศมีไร้ขอบเขตทั้งห้าสายพุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าชนกันเปรี้ยงปร้าง

ทว่าการชนกันก็ดำเนินไปเพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ ก่อนที่ทั้งห้าจะถอนคลื่นพลังพร้อมกัน พวกเขาเหลือบมองกันและกัน จากนั้นก็ไม่ลังเลทะยานออกไปปรากฏตัวบนเบาะทั้งห้า

สายตาพวกเขาพุ่งตรงไปยังมิติด้านหลังลานเมฆสายฟ้าด้วยความโลภ ตรงนั้นเส้นดาวหางจำนวนมากกวาดผ่านราวกับฝนดาวตก

ในแสงเหล่านั้นแก่นหยดสายฟ้ากำลังกะพริบด้วยความแวววาว


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท