หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – ตอนที่ 1133

ตอนที่ 1133

หนึ่งในใต้หล้า 大主宰
บทที่ 1133 การแข่งขันของสองสาว
ทั้งเกาะเต็มไปด้วยซากปรักหัก

พร้อมกับหมอกพิษกระจายไปทั่วฟ้าดิน โดยไม่มีวี่แววของพลังชีวิตสักนิด

ซ่า ซ่า

เสียงฝีเท้าดังก้องในความเงียบงัน ร่างเงาหนึ่งเดินเข้ามาอย่างมีชีวิตชีวา นางกระโดดขึ้นไปบนก้อนหินป้องมือไว้เหนือดวงตามองไปในระยะไกล แต่สภาพแวดล้อมที่เงียบงันทำให้นางต้องเบ้ปาก

“ไม่มีอะไรเลยหลังจากเดินมาตั้งไกล…” หลินจิ้งพึมพำขณะที่เกลียวแสงจางๆ ปกคลุมร่างปกป้องจากพิษ เกาะมังกรแห่งนี้มีขนาดใหญ่กว่าเกาะสายลมที่พวกนางเข้าไปอย่างชัดเจน มิหนำซ้ำหมอกพิษยังทำให้ประสาทสัมผัสดิ่งลงจนต้องค้นหาไปทีละก้าว

แต่เห็นได้ชัดว่านางไม่ได้เก็บเกี่ยวอะไรระหว่างทาง

“ดูเหมือนว่าข้าต้องเปลี่ยนเป็นวิธีอื่นแล้ว…” หลินจิ้งถอนหายใจ แสงรวมตัวกันบนฝ่ามือนางก่อนที่แมลงขนาดเท่ากำปั้นทารกจะปรากฏขึ้น บนหัวแมลงนี้มีหนวดยาวกระดุกกระดิกตลอดเวลา

นี่คือแมลงล่าสมบัติอันล้ำค่าที่สามารถสัมผัสได้ถึงความผันผวนในสภาพแวดล้อมที่เลวร้ายเช่นนี้ ในเวลาเดียวกันแม้แต่ขุมทรัพย์ใต้ดินก็หาออกมาได้ด้วย

ทว่าภายใต้สภาพแวดล้อมนี้ แม้แมลงล่าสมบัติจะสามารถค้นหาได้ แต่มันอาจได้รับบาดเจ็บจากหมอกพิษซึ่งเป็นสาเหตุที่หลินจิ้งไม่คิดใช้ก่อนหน้านี้ แต่เมื่อพิจารณาจากสถานการณ์ปัจจุบันหากนางไม่ทำเช่นนี้ก็จะต้องเสียเวลามากมายแน่นอน

“ไปเถอะ”

หลินจิ้งยกมือขึ้น แมลงล่าสมบัติกระพือปีก หมุนคว้างไปรอบๆ ก่อนที่จะบินไปทางขวา เมื่อหลินจิ้งเห็นปฏิกิริยานั่นก็ติดตามอย่างใกล้ชิด

แมลงล่าสมบัติบินไปประมาณสิบกว่านาทีก่อนที่จะพลิ้วลงบนซากปรักหักพังแห่งหนึ่ง หลินจิ้งอุ้มแมลงขึ้นอย่างระมัดระวัง ทว่าร่างกายของมันค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีดำเนื่องจากหมอกพิษ

“ขอบใจนะ”

หลินจิ้งลูบไล้เนื้อตัวแมลงเบาๆ ก่อนที่จะดึงขวดหยกที่เต็มไปด้วยของเหลวและวางแมลงไว้ข้างใน ของเหลวมีผลในการชำระล้าง ดังนั้นจึงสามารถละลายหมอกพิษที่อยู่ภายในร่างแมลงล่าสมบัติได้

เมื่อจัดการเรียบร้อยหลินจิ้งก็เงยหน้าขึ้นมองไปในระยะไกลด้วยความยินดีในดวงตา

นี่เป็นซากปรักหักพังเมื่อพิจารณาจากร่องรอยจะต้องเป็นตำหนักขนาดใหญ่ ทว่าตอนนี้ได้พังทลายไปหมดแล้ว

หลินจิ้งกวาดสายตามองไปรอบๆ ก่อนที่จะพุ่งความสนใจไปที่ศูนย์กลาง มีบัลลังก์กระดูกขาวตั้งตระหง่านพร้อมกับพลังอำนาจที่สถิตบนบัลลังก์ เห็นได้ชัดว่าบัลลังก์นี้ต้องเป็นของจอมยุทธ์ทรงพลังในสมัยโบราณ

หลินจิ้งเหลือบมองไปที่บัลลังก์ ก่อนที่จะขยับสายตาไปที่ด้านบนนางเห็นไข่มุกสุกใสขนาดเท่าหัว

พื้นผิวของไข่มุกเรียบเนียนเปล่งประกายอย่างอ่อนโยน ดูเหมือนจะมีมังกรสีขาวขดอยู่ภายใน นอกจากนี้ยังมีความผันผวนของคลื่นหลิงไร้ขอบเขตถูกปล่อยออกมาจากมัน

“นี่มัน…ไข่มุกจิตตะมังกร?” หลินจิ้งมองไข่มุกที่มีมังกรขาวอยู่ภายใน ดวงตาก็อดเปล่งประกายไม่ได้ ว่ากันว่าคนของเผ่ามังกรสามารถผนึกคลื่นหลิงของพวกเขาให้กลายเป็นไข่มุกจิตตะมังกรเมื่อละสังขาร ซึ่งจะมีคลื่นหลิงบริสุทธิ์หรือแม้แต่สายเลือด หากได้รับสิ่งนี้และปรับแต่งก็จะเป็นประโยชน์อย่างมากต่อการฝึกฝน

ตามการคาดการณ์ของนาง ไข่มุกจิตตะมังกรนี้น่าจะถูกทิ้งไว้โดยผู้บัญชาการตำหนักมังกรซึ่งน่าจะมีขุมพลังเกือบจะบรรลุตี้จื้อจุนขั้นปลายเมื่อตอนยังมีชีวิตอยู่ ดังนั้นมูลค่าของไข่มุกนี้จึงไม่น้อยไปกว่าพัดเทพสายลมที่มู่เฉินได้รับ

“ในที่สุดก็เจอของดี!” หลินจิ้งยิ้มกว้าง นางเดินโต๋เต๋มานานในที่สุดก็พบสมบัติชิ้นเยี่ยม

นางไม่มีความลังเลสักนิดสะบัดนิ้วออกไป แสงหลิงพุ่งออกมาตั้งใจที่จะคว้าไข่มุกจิตตะมังกรไว้

วาบ!

แต่เมื่อหลินจิ้งเตรียมคว้าไข่มุก คลื่นหลิงสีรุ้งก็พุ่งลงมาจากฟ้า ทำให้พลังงานของนางแตกออกเป็นเสี่ยงๆ

“ใคร?” หลินจิ้งอึ้งไปเมื่อถูกโจมตีอย่างกะทันหัน อึดใจก็เค้นเสียงเย็น

เสียงตะโกนเยือกเย็นถูกตอบกลับด้วยความเงียบซึ่งไร้การเคลื่อนไหวใดๆ ราวกับว่าสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้เป็นเพียงภาพหลอน

“คิดว่าซ่อนแล้วข้าจะหาไม่เจอเรอะ?”

หลินจิ้งเค้นเสียงเย็นชาก่อนจะวาดตราประทับแล้วกดลงไปในอากาศที่เบื้องหน้า ทันใดนั้นเกลียวแสงหยกก็กระจายออกมาด้วยความเร็วที่น่าทึ่งใต้ฝ่ามือนาง

แม้แต่หมอกพิษยังกระเพื่อมออกไปเมื่อเกลียวแสงหยกกวาดออกมา ซึ่งราวกับสามารถเปิดเผยสิ่งที่ซ่อนอยู่ แม้แต่เงาก็ถูกกวาดทิ้ง

เกลียวแสงหยกกระจายออกไปอย่างรวดเร็ว จากนั้นหลินจิ้งก็สามารถสัมผัสได้ถึงความผันผวนของมิติเบาบางบนหินก่อนที่จะเผยให้เห็นภาพเงาภายใต้แสงหยก

หลินจิ้งตะลึงเมื่อเห็นภาพเงานั่น เป็นเพราะนี่คือร่างสะคราญโฉมยืนอยู่เบื้องหน้านาง…

“เจ้าคือใคร?” หลินจิ้งมองไปที่ร่างเงาน่าหลงใหลขณะตั้งคำถาม

“ทำไม? มาหาสมบัติที่นี่ยังต้องแจ้งตัวตนเหรอ?” หญิงสาวชุดสีรุ้งยิ้มอย่างเกียจคร้าน แม้ว่านางจะสวมผ้าคลุมหน้า แต่ก็สามารถจินตนาการถึงรูปลักษณ์งดงามภายใต้ผ้าคลุมนั้นได้

ใบหน้าของหลินจิ้งยังคงเรียบเฉยขณะพูดว่า “ข้าพบไข่มุกจิตตะมังกรนี้ก่อน”

“กฎเปลี่ยนมาเป็นเจอก่อนได้ก่อนตั้งแต่เมื่อไร?” หญิงสาวชุดสีรุ้งพูดด้วยน้ำเสียงล้อเลียน ชัดว่านางรู้สึกตลกในคำพูดของหลินจิ้ง

หลินจิ้งยักไหล่ แม้ว่านางจะสวยเหมือนกันแต่อากัปกิริยาก็แตกต่างจากหญิงสาวชุดสีรุ้งคนนี้ ดังนั้นการเคลื่อนไหวนั่นจึงดูทรงเสน่ห์เช่นกัน “ดูเหมือนไม่มีอะไรจะคุยระหว่างเรา…”

เห็นได้ชัดว่าหญิงสาวชุดสีรุ้งก็ให้ความสนใจไข่มุกจิตตะมังกรเช่นกัน ซึ่งนางเองก็ไม่มีทางปล่อยไปได้ง่ายๆ ในเมื่อเป็นเช่นนั้นก็ไม่มีอะไรต้องพูดอีก

วาบ!

ทันใดนั้นไอเยือกเย็นก็ปรากฏขึ้น ร่างเงาลึกลับเผยที่เบื้องหน้าหญิงสาวชุดสีรุ้ง เสือกแทงกระบี่ยาวในมือออกไป

ไอเย็นยะเยือกที่สามารถตรึงอากาศพุ่งเข้ามา แต่หญิงสาวชุดสีรุ้งก็ไม่ขยับ เมื่อกระบี่ยาวพร้อมไอเย็นเยือกอยู่ห่างจากนางเพียงหนึ่งจั้ง หางสีรุ้งก็พุ่งออกมากระแทกเข้ากับกระบี่ ทันใดนั้นกระบี่ยาวที่สร้างจากไอเย็นก็แตกกระจายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย

ตุ๊กตาน้ำแข็งก็ได้รับผลกระทบหนักหน่วง กระเด็นออกไปทิ้งรอยยาวไว้ที่พื้นก่อนที่จะทรงตัวได้

เมื่อหลินจิ้งเห็นภาพนี้ดวงตาก็หดลงพร้อมกับความเคร่งเครียดวูบไหวเป็นครั้งแรกขณะมองไปที่หญิงสาวชุดสีรุ้ง งูเจ็ดสีพาดอยู่บนไหล่อีกฝ่าย เจ้างูขดตัวตวัดลิ้นแผล่บๆ ปากนั่นมืดราวกับหลุมดำ ประหนึ่งว่าสามารถกลืนกินสวรรค์และโลกได้

งูตัวนั้นไม่ธรรมดา!

หลินจิ้งสามารถบอกได้ว่างูเจ็ดสีเหมือนจะทรงพลังมากจนอาจจะแข็งแกร่งกว่าตุ๊กตาน้ำแข็งเสียอีก

สิ่งนี้ทำให้หลินจิ้งพึมพำกับตัวเองขณะที่ครุ่นคิดถึงที่มาของหญิงสาวตรงหน้า วิธีการและรากฐานอีกฝ่ายไม่อ่อนแอกว่าซูซิงหยิงเลย แต่ไม่เคยได้ยินว่ามีคนแบบนี้ในทวีปเทียนหลัวจากมู่เฉิน

แม้ว่านางจะตกใจกับความแข็งแกร่งของฝ่ายตรงข้าม แต่หลินจิ้งคือใคร? นางคือองค์หญิงน้อยแห่งแคว้นหวู ถ้านางไม่สามารถคว้าไข่มุกจิตตะมังกรที่ตนสนใจมาได้ก็เสียหน้าเกินไปแล้ว

ดังนั้นหลินจิ้งจึงรีบดึงความประหลาดใจกลับ ยื่นมือปลดสร้อยข้อมือหยกออก

ตู้ม!

เมื่อถอดข้อมือหยกออก การยับยั้งคลื่นหลิงในร่างกายหลินจิ้งก็ถูกลบออกไป พายุทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าพร้อมกับแรงกดดันคลื่นทรงพลังกวาดไปทั่วฟ้าดิน ในขณะนี้แม้แต่หมอกพิษก็ถูกผลักกลับ

“ระดับจื้อจุนขั้นเก้าระยะเต็ม…”

เมื่อสัมผัสได้ถึงความผันผวนของคลื่นหลิงทรงพลัง ดวงตาของหญิงสาวชุดสีรุ้งก็เป็นประกายขณะที่ประหลาดใจกับหญิงสาวคนนี้

ดูเหมือนว่าการคว้าไข่มุกจิตตะมังกรจะไม่ง่ายอย่างที่คิด

เมื่อสัมผัสเรื่องนี้ได้หญิงสาวชุดสีรุ้งก็ไม่ได้ปกปิดความแข็งแกร่งของตัวเองอีกต่อไป ฝ่าเท้าเยื้องย่างออกมา มิติรอบตัวนางแปรปรวน ความผันผวนของคลื่นพลังน่าทึ่งที่ไม่อ่อนแอไปกว่าหลินจิ้งพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า

ระดับจื้อจุนขั้นเก้าระยะเต็มอีกคน!

ถ้าคนภายนอกได้เห็นฉากนี้ลูกตาของพวกเขาคงจะถลนออกมาอย่างแน่นอน โดยทั่วไปแล้วจอมยุทธ์ที่มีขุมพลังจื้อจุนขั้นเก้าระยะเต็มจะได้รับการพิจารณาให้เป็นหนึ่งในสี่อันดับของทำเนียบจอมยุท์รุ่นใหม่แห่งทวีปเทียนหลัว ทว่าทั้งสองสาวไม่ได้อยู่ในสี่อันดับแรก…

หลินจิ้งมองไปที่หญิงสาวชุดสีรุ้งก็เม้มริมฝีปาก ก่อนแถบหยกจะปรากฏขึ้นในมือและถูกบดขยี้

บดขยี้แถบหยกแล้ว หลินจิ้งก็ไม่ลังเล ฝ่าเท้ากระทืบลงไปส่งแรงทะยานไปหาหญิงสาวชุดสีรุ้งพร้อมกับคลื่นหลิงไร้ขอบเขตแผ่ซ่าน

จังหวะที่หลินจิ้งขยี้แถบหยก

มู่เฉินก็ลืมตาโพลงโดยมีแถบหยกปรากฏขึ้นในมือพร้อมกับเสียงของหลินจิ้งกระจายออกมา

“มู่เฉิน ข้าเจอตัวปัญหาใหญ่ รีบมาช่วยข้าจัดการนางหน่อย!”

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler ฟรี ได้ที่ novel-fast 


เรื่องย่อ

โดย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler บางส่วนของนิยาย

บทนำ

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป

‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้

แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์

แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว

ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ

เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง?

ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน…

เรื่องย่อ

เมื่อคำพูดของมู่เฉินกระจายออกไป ไม่เพียงแต่จะไม่มีการตอบสนอง แม้แต่ด้านนอกเจดีย์ก็ถูกห่อหุ้มด้วยบรรยากาศราวกับป่าช้า…

ทุกคนตกตะลึงไปกับฉากนี้ พวกเขาจ้องมองจุดที่ลู่สุยหายตัวไป ราวกับว่ายังไม่สามารถฟื้นจากอาการตะลึงงันที่เกิดขึ้นได้

ก่อนหน้าเมื่อลู่สุยออกกระบวนท่าที่น่าสะพรึง ผู้คนส่วนใหญ่ก็คิดว่าผลลัพธ์ของการต่อสู้ได้ถูกกำหนดแล้ว ทว่าพวกเขาไม่คิดเลยว่ามู่เฉินจะพลิกสถานการณ์ได้อีกครั้ง เตะลู่สุยที่เหมือนจะคว้าชัยชนะออกไป

ทุกคนตะลึงไปพักใหญ่ ก่อนที่พวกเขาจะหลุดออกจากอาการได้ สายตาเคร่งเครียดลง การประลองกันครั้งนี้มู่เฉินไม่ได้ใช้ค่ายกล แต่เขาก็สามารถเอาชนะจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดอย่างลู่สุยได้ด้วยความแข็งแกร่งที่อยู่ในขั้นหกเท่านั้น แม้ว่าจะมีผลจากลู่สุยประมาทเองในตอนแรก แต่นั่นก็แสดงให้เห็นว่ามู่เฉินน่ากลัวแค่ไหน

พลังเช่นนี้เขาสามารถเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์อันดับต้นๆ ในเจดีย์ฝึกพลังกายได้เลยทีเดียว

ทางฝั่งกลุ่มกระเรียนฟ้า ใบหน้าของหลิ่วชิงกลายเป็นเขียวสลับขาว นางมองไปที่ร่างสูงโปร่งบนหน้าจอ กลืนน้ำลายเหนียวหนืด ความกลัวปรากฏในดวงตาของนางเป็นครั้งแรก

มาถึงจุดนี้นางคงโง่แน่ถ้ายังคิดปฏิบัติต่อมู่เฉินเหมือนกับจอมยุทธ์ขั้นหกทั่วไป

ด้วยพลังในการต่อสู้ที่เขาแสดงออกมา บวกกับค่ายกลทรงพลัง แม้แต่จงเถิงก็ยากจะได้เปรียบหากพวกเขาต่อสู้กัน

ก่อนหน้านี้นางหัวเราะเยาะและมองจิ่วโยวด้วยความดูถูก แต่ตอนนี้นางอายแทบแทรกแผ่นดินหนี ซึ่งจุดนี้รู้ได้จากสายตาเยาะเย้ยเหล่านั้นที่ปรายมองเข้ามา

“ทำไมมู่เฉินถึงทรงพลังเช่นนี้?” จงฮั้วที่พ่ายแพ้ให้กับมู่เฉินก็มีสีหน้าเคร่งขรึมเช่นกัน ก่อนหน้านี้เขาเคยคิดเช่นกันว่ามู่เฉินพึ่งพาเพียงค่ายกลเพื่อจัดการกับศัตรู แต่ใครจะคิดว่าเมื่อไม่มีการใช้ค่ายกลมู่เฉินก็สามารถเอาชนะลู่สุยแบบดุร้ายยิ่งกว่าอะไร

“ดูเหมือนว่ามีเพียงพี่ใหญ่จงเถิงเท่านั้นที่สามารถจัดการกับเขาได้” จอมยุทธ์อีกคนของเผ่ากระเรียนฟ้าพยักหน้า

หลิ่วชิงพยักหน้าเบาๆ ไม่เพียงแต่พวกเขาจะพิจารณาพลังของมู่เฉินพลาดไปเท่านั้น แม้แต่จงเถิงก็ตัดสินอีกฝ่ายผิดไป ชายคนนั้นเป็นสัตว์ประหลาดอย่างแท้จริง

ฟิ้ว!

ขณะที่นอกเจดีย์ต่างตกตะลึงกับผลลัพธ์ที่มู่เฉินนำมา ทันใดนั้นแสงก็กะพริบบนแท่นนอกเจดีย์ ร่างน่าสังเวชปรากฏขึ้น

เมื่อร่างนั้นออกมาก็รีบถอยกลับไปปรากฏตัวขึ้นในกลุ่มอีกาสายฟ้าทันควัน นี่ก็คือลู่สุยที่มีสีหน้าซีดขาว คลื่นหลิงของเขาถดถอยลงอย่างมาก

สายตาโดยรอบยิงเข้าหาในเวลานี้ทันที

ใบหน้าของลู่สุยเขียวคล้ำ สายตาเกลียดชังมองไปที่มู่เฉินที่อยู่บนหน้าจอ ก่อนที่จะหันหัวสาดสายตาดุร้ายใส่จิ่วโยวและมั่วหลิง ที่ข้างๆ พรรคพวกของเขาก็มีท่าทางไม่ดีเช่นกัน

ทว่าจิ่วโยวไม่กลัวที่จะเผชิญหน้ากับสายตาเหล่านั้น นางเค้นเสียงอย่างเย็นชา “ลูกหมาที่ถูกฟาดยังกล้าที่จะออกมาแยกเขี้ยวอีกเหรอ?”

ตอนนี้ลู่สุยบาดเจ็บสาหัส สูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไปหมด ส่วนคนที่เหลือก็ไม่มีอะไรต้องกลัว หากพวกเขากล้าที่จะคิดบัญชีกับพวกนาง จิ่วโยวก็ไม่คิดปล่อยพวกเขาไว้เป็นภัยคุกคามในอนาคตหรอก

สายตาแสดงความเกลียดชังของลู่สุยจ้องเขม็งอยู่ที่จิ่วโยว แต่สุดท้ายเขาก็ต้องถอนสายตาออกไปอย่างไม่เต็มใจ ก่อนที่จะถอยกลับนั่งลงบนซากปรักหักพังเข้าสมาธิเพื่อฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ

จอมยุทธ์กลุ่มอีกาสายฟ้าก็ปรากฏรอบตัวเขาเพื่อปกป้อง

เมื่อจิ่วโยวเห็นการตอบสนองนั่น นางก็ไม่ได้ใส่ใจกับพวกเขาอีก นางมองไปที่หน้าจออีกครั้งโดยพุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่ร่างเงาอ่อนเยาว์ มือที่กำแน่นผ่อนคลายลง

เห็นได้ชัดว่านี่เป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงสำหรับนางที่มู่เฉินจะเอาชนะได้เด็ดขาดแบบนี้ นั่นเป็นเพราะตามการประเมินของนางแม้ว่ามู่เฉินจะยืนยงอยู่ได้ก็เป็นยากที่จะเอาชนะลู่สุยด้วยขุมพลังจื้อจุนขั้นหกและถ้าการต่อสู้ถูกลากไปจนสุดอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบคาดไม่ถึง

ทว่าผลลัพธ์สุดท้ายที่ได้ก็ทำให้นางทั้งประหลาดใจและดีใจ

เห็นได้ชัดว่ามู่เฉินได้รับประโยชน์มหาศาลจากสามชั้นแรกของเจดีย์ฝึกพลังกาย ไม่เช่นนั้นเขาไม่สามารถแสดงพลังเป็นที่ประจักษ์เช่นนี้ได้

“ว่ากันว่าในชั้นสี่มหัศจรรย์กว่านี้มาก หากใครสามารถเข้าไปได้ พวกเขาจะสามารถได้รับผลประโยชน์เกินกว่าสามชั้นแรกมาก…”

จิ่วโยวยิ้มบาง ดูจากสถานการณ์ปัจจุบันไม่น่ามีปัญหาใดๆ ที่มู่เฉินจะเข้าสู่ชั้นสี่ สำหรับมั่วเฟิงความแข็งแกร่งของเขาเป็นหนึ่งในอันดับต้นของกลุ่มที่เข้าไป ดังนั้นจึงไม่ยากสำหรับเขาที่จะได้หนึ่งในห้าที่นั่งนี้ไปเช่นกัน

ดูเหมือนว่าการเดินทางมาที่เจดีย์ฝึกพลังกายโบราณครั้งนี้เผ่าวิหคโลกันตร์อาจเป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

บนลานเมฆสายฟ้า

ไม่มีใครตอบคำถามของมู่เฉิน ขณะนี้แม้แต่จอมยุทธ์ทรงอำนาจอย่างหานซันและสีคุนก็ยังรู้สึกหวาดระแวงมู่เฉินอยู่บ้าง ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกที่จะไม่ไปปะทะกับมนุษย์ผู้นี้

ดังนั้นคนทั้งหมดที่อยู่ที่นี่จึงเงียบลง ก่อนที่จะถอยออกจากรัศมีโดยรอบมู่เฉินอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณบอกว่าพวกเขาไม่ต้องการต่อสู้กับเขา

เมื่อมู่เฉินเห็นภาพนี้ก็ไม่มีอารมณ์ใดบนใบหน้า แต่ในใจกลับรู้สึกโล่งอก คนอื่นๆ เห็นเพียงฉากการต่อสู้ตระการที่เขาเอาชนะลู่สุยได้ แต่พวกเขาไม่รู้หรอกว่าหมัดที่เขาชกออกไปก่อนหน้านี้คือพลังงานส่วนเกินจากสามชั้นแรก

ร่างกายของมู่เฉินก่อนหน้าเปรียบเสมือนฟองน้ำที่ดูดซับน้ำจนถึงขีดจำกัด หมัดของเขาจึงเท่ากับบีบน้ำออกจนหมด ทำให้ร่างกายที่อัดแน่นกลับสู่สภาพเดิม

ดังนั้นถ้าให้เขาโจมตีแบบนั้นอีกครั้ง พลังก็จะไม่ทรงประสิทธิภาพเหมือนเมื่อครู่แน่นอน

ประสิทธิผลพิเศษชนิดนี้ของการสะสมพลังงานในร่างกายเป็นทักษะที่ได้มาจากกายามังกรหงส์ ด้วยวิธีนี้เขาจะได้รับผลลัพธ์ที่ไม่มีใครคาดคิดไว้ กลายเป็นไพ่ลับอีกใบหนึ่ง

“คัมภีร์หลงเฟิ่งทรงพลังจริงๆ”

แม้แต่มู่เฉินก็ยังชื่นชมในสิ่งนี้ คัมภีร์หลงเฟิ่งสมแล้วที่เป็นทักษะยอดเยี่ยมแท้จริง จากการประเมินของเขาคัมภีร์นี้ต้องอยู่ในระดับเสินทงแน่นอน ซึ่งไม่ธรรมดาแม้จะอยู่ในกลุ่มวิทยายุทธระดับเสินทงด้วย

มู่เฉินชื่นชมก่อนที่จะใจเย็นลง แม้ว่าตอนนี้จะไม่มีใครท้าทายเขา แต่เขาก็ไม่ตั้งใจที่จะท้าทายคนอื่นด้วยเช่นกัน เขายืนนิ่งบนตำแหน่งตนเองรอผลการคัดออก

สำหรับจงเถิง มู่เฉินรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นพวกยุแยงให้ลู่สุยมาปะทะกับเขา แต่เนื่องจากตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ดีในการจัดการ เขาจึงได้แต่ผลักแผนไปก่อน

แต่ถึงกระนั้นสายตาคมกล้าของมู่เฉินก็ยังจ้องเขม็งไปที่จงเถิง รอบตัวเต็มไปด้วยคลื่นหลิงราวกับเสือดาวที่กำลังจะจ้องตะครุบเหยื่ออัดแน่นด้วยภัยคุกคาม

เมื่อเห็นท่าทางของมู่เฉิน จงเถิงที่ประจันหน้ากับมั่วเฟิงก็รู้สึกอึดอัดใจ เขาต้องแยกสมาธิอยู่ตลอดเพื่อจับตามองมู่เฉิน ป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายเคลื่อนไหวมาประสานพลังกับมั่วเฟิง

ด้วยวิธีนี้สมาธิของจงเถิงจึงค่อนข้างฟุ้งซ่าน สุดท้ายเขาได้แต่กัดฟัน ถอนคลื่นหลิงและถอยออกจากบริเวณของมั่วเฟิง

“พี่มั่วยากสำหรับการต่อสู้ของเราที่จะได้ข้อสรุป ทำไมเราไม่ไปจัดการคนอื่นและรับที่นั่งมาล่ะ?” ขณะที่จงเถิงถอยกลับเสียงก็สะท้อนก้องไปด้วย

มั่วเฟิงจ้องมองจงเถิงอย่างไม่แยแสก่อนที่จะพยักหน้า นั่นเป็นเพราะเขารู้ว่าหากพวกเขายังอยู่ในสถานการณ์ยืนจ้องหน้ากันก็จะไม่เกิดผลลัพธ์ใด หากเขาร่วมมือกับมู่เฉิน พวกเขาอาจทำให้จงเถิงบ้าดีเดือดขึ้นมา แม้แต่พวกเขาก็ต้องจ่ายราคามหาศาลจากการตีโต้

ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับพวกเขาคือการได้ที่นั่งเพื่อเข้าสู่ชั้นสี่

เมื่อจงเถิงเห็นคำตอบของมั่วเฟิงก็รู้สึกโล่งใจในใจ เขาถอยกลับอย่างรวดเร็วออกจากจุดที่มู่เฉินและมั่วเฟิงอยู่ เขาครุ่นคิดสั้นๆ ก่อนจะเลือกปะทะกับคนที่อ่อนแอกว่า

พอมู่เฉินเห็นจงเถิงไปแล้วก็ไม่ได้ใส่ใจอีกต่อไป สายตาหันมามองมั่วเฟิงแล้วก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้มแสดงความขอบคุณในการช่วยเหลือครั้งนี้

สายตาของมั่วเฟิงเป็นมิตรมากขึ้น คิดว่าการที่มู่เฉินเอาชนะลู่สุย ทำให้มั่วเฟิงมองมู่เฉินในฐานะจอมยุทธ์ที่อยู่ในระดับเดียวกันกับเขา ดังนั้นจึงไม่ได้มีท่าทางเฉยเมยเหมือนเมื่อก่อน

มั่วเฟิงพยักหน้าให้มู่เฉิน ก่อนที่จะหันหลังกลับและเริ่มเลือกคู่ต่อสู้ของตนเอง

ครืน!

เมื่อทุกคนเลือกคู่ต่อสู้แล้ว ทันใดนั้นคลื่นหลิงก็ระเบิดรุนแรงบนลานเมฆสายฟ้า คลื่นกระแทกกวาดออก ทำให้มิติเกิดการสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นไม่หยุด

บนลานเมฆสายฟ้าพลังงานหลิงกวาดหายนะ มีเพียงตรงมู่เฉินเท่านั้นที่ไม่ถูกรบกวน เนื่องจากไม่มีใครกล้าเหยียบเข้ามาในรัศมีพันจั้ง ยามนี้เขาเหมือนผู้ชมที่ดูการต่อสู้ติดขอบ ในเวลาเดียวกันก็บันทึกกระบวนท่าที่ทรงพลังของบางคนไว้ในสมอง

แม้ว่าในชั้นนี้พวกเขาอาจไม่ได้ประลองกัน แต่ก็ยังมีอีกสองชั้นรอพวกเขาอยู่ ใครจะสามารถรับประกันได้ว่าจะไม่มีการลดจำนวนลงในชั้นต่อไป?

ดังนั้นถ้ามีโอกาสเขาต้องพยายามจดจำข้อมูลผู้อื่นเก็บไว้

ภายใต้การสังเกตของมู่เฉิน การประลองบนลานเมฆสายฟ้าก็คงอยู่ชั่วระยะหนึ่ง ก่อนที่แต่ละคู่จะมาถึงจุดสิ้นสุด ผลลัพธ์ก็เป็นไปตามที่คาดไว้

หลังจากมู่เฉินก็เป็นหานซันที่เอาชนะคู่ต่อสู้ได้ที่นั่งที่สองไป

จากนั้นมั่วเฟิงและจงเถิงก็คว้าชัยชนะตามมา

ที่นั่งสุดท้ายตกเป็นของสีคุนที่ก่อนหน้านี้เคยแพ้หานซันที่ด้านนอกเจดีย์ ชายนี้มีความแข็งแกร่งที่น่าตกใจ แม้แต่หานซันยังต้องใช้ทักษะเต็มที่ถึงจะได้รับชัยชนะมา

เมื่อสีคุนได้รับที่นั่งสุดท้ายลานเมฆสายฟ้าขนาดใหญ่ก็เงียบลงอีกครั้ง ร่างทั้งห้ายืนอยู่ ขณะรัศมีไร้ขอบเขตทั้งห้าสายพุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าชนกันเปรี้ยงปร้าง

ทว่าการชนกันก็ดำเนินไปเพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ ก่อนที่ทั้งห้าจะถอนคลื่นพลังพร้อมกัน พวกเขาเหลือบมองกันและกัน จากนั้นก็ไม่ลังเลทะยานออกไปปรากฏตัวบนเบาะทั้งห้า

สายตาพวกเขาพุ่งตรงไปยังมิติด้านหลังลานเมฆสายฟ้าด้วยความโลภ ตรงนั้นเส้นดาวหางจำนวนมากกวาดผ่านราวกับฝนดาวตก

ในแสงเหล่านั้นแก่นหยดสายฟ้ากำลังกะพริบด้วยความแวววาว


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท