หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – ตอนที่ 1142

ตอนที่ 1142

หนึ่งในใต้หล้า 大主宰
บทที่ 1142 จิตทะเลสาบสวรรค์
วาบ! วาบ!

ขณะที่เสียงลมสั่นคลอน ร่างแสงนับไม่ถ้วนก็ลอยตัวขึ้นรอบทะเลสาบสวรรค์ แล้วพุ่งเข้ารอยแตกด้วยดวงตาแดงก่ำ

เมื่อผนึกถูกฉีกออก ทุกคนก็สามารถสัมผัสได้ถึงพลังงานมหาศาลในทะเลสาบสวรรค์ นอกจากนี้คนที่มาที่นี่ส่วนใหญ่ก็ไม่ธรรมดา พวกเขารู้ดีว่าทะเลสาบแห่งนี้มีความสำคัญต่อวังสวรรค์บรรพกาลเพียงใด มากจนแม้แต่ในสมัยโบราณก็มีเพียงศิษย์ไม่กี่คนเท่านั้นที่ได้รับสิทธิ์เข้าสู่ทะเลสาบแห่งนี้

ทว่าตอนนี้วังสวรรค์บรรพกาลล่มสลายแล้ว มีเพียงทะเลสาบสวรรค์ที่เหลืออยู่ หากพวกเขาสามารถคว้าโอกาสนี้ได้ก็จะเป็นประโยชน์มหาศาลในการเพาะบ่มพลังในอนาคต อาจทะยานผ่านประตูสวรรค์ในก้าวเดียว กลายเป็นจอมยุทธ์รุ่นใหม่ที่โดดเด่นของทวีปเทียนหลัว

ดังนั้นในขณะนี้จึงไม่มีใครสามารถคงสติไว้ได้ ทุกคนพุ่งไปที่ทะเลสาบสวรรค์เหมือนเอาชีวิตเป็นเดิมพัน…

หากเป็นไปตามกฎเฉพาะคนที่ได้รับคำป้ายยินยอมตำหนักทั้งเก้าเท่านั้นที่สามารถเข้าไปได้ ทว่า ณ เวลานี้ไม่มีผู้พิทักษ์สายน้ำแห่งนี้อีกต่อไป ดังนั้นเมื่อผนึกถูกทำลายลงคนที่มามือเปล่าก็แอบเข้าไปโดยใช้รอยต่อของช่วงจังหวะนี้

เมื่อทุกคนพุ่งเข้าไป มู่เฉินก็ไม่ลังเลเนื่องจากอยู่ใกล้ทะเลสาบสวรรค์มากที่สุด พวกมู่เฉินจึงเป็นกลุ่มแรกที่มาถึงตรงรอยแตก ก่อนที่ทั้งหมดจะแลกเปลี่ยนสายตากันแล้วทะยานเข้าไป

ฮา!

เมื่อพวกเขาก้าวข้ามรอยแตก รัศมีโบราณก็กวาดเข้ามา ราวกับว่าคงอยู่มานับหมื่นปีพัดผ่านพวกเขา ทำให้ทั้งสี่คนเหม่อลอยไปเล็กน้อย หมอกควบแน่นก่อร่างเป็นทิวทัศน์โบราณ…

ฉากเคลื่อนไหวพร้อมกับร่างทรงพลังเข้าสู่ทะเลสาบ ร่างกายของพวกเขาเอิบอาบไปด้วยรัศมีปกป้องตนเอง ขณะไล่ตามดวงดาวในทะเลสาบ

ฉากนั้นหายไปอย่างรวดเร็ว ทั้งสี่คนก็ตื่นจากภวังค์ พวกเขาก้มหน้าลงก็สามารถมองเห็นทะเลสาบสวรรค์ระยิบระยับเป็นประกาย ราวกับว่าบรรจุด้วยพลังงานไร้ขอบเขตซึ่งทำให้มิติถึงกับบิดเบี้ยวเมื่อมหาสุมทรกลิ้งตัว น้ำทุกหยดเหมือนจะมีน้ำหนักสักพันชั่ง

ที่ด้านหลังก็มีคนพุ่งเข้ามามากขึ้น เมื่อเห็นทะเลสาบเบื้องหน้า ดวงตาก็ขึ้นริ้วแดงฉานความโลภกระจายเต็มใบหน้า

วาบ!

มีบางคนต่อต้านการล่อลวงไม่ได้ กระโดดตูมลงไปไม่ยั้งคิด

อ้าก!

แต่ทันทีที่คนคนนั้นเข้าไป เสียงกรีดร้องคร่ำครวญก็ดังโหยหวน คลื่นกวาดขึ้นจากทะเลสาบ บดขยี้จอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเก้าระยะปลายสุดให้กลายเป็นแอ่งเลือด

เสียงร้องดังกึกก้อง ทำให้ใบหน้าทุกคนเปลี่ยนไปก่อนที่จะถอยกันจ้าละหวั่นมองไปที่ทะเลสาบด้วยอาการขนพองสยองเกล้า

ไม่มีใครคิดว่าทะเลสาบสวรรค์จะอันตรายขนาดนี้!

“เกิดอะไรขึ้น?” แม้แต่หลินจิ้งยังสะดุ้ง ถ้านางพุ่งไปไม่ยั้งคิดก็คงได้อยู่ในสภาพน่าสมเพชไปแล้ว

“ทะเลสาบสวรรค์บรรจุไปด้วยพลังน่าสะพรึง ถ้าการกระโดดลงโดยไม่คิดหน้าคิดหลังก็เท่ากับฆ่าตัวตาย” มู่เฉินยังคงนิ่งสงบ ราวกับภาพเบื้องหน้าถูกคาดการณ์เอาไว้แล้ว

“แล้วเราควรทำยังไงดี?” เซียวเซียวมองไปที่มู่เฉิน

มู่เฉินยิ้ม จากนั้นกำมือป้ายมังกรทองคำก็ปรากฏขึ้นในมือ

เขาโยนป้ายลงไปในทะเลสาบ ประกายสีทองก็เบ่งบาน ป้ายขยายขนาดอย่างรวดเร็ว กลายเป็นเรือที่ห่อหุ้มไปม่านแสงสีทอง

มู่เฉินเหยียบลงบนเรือ เคลื่อนไหวอย่างอิสระบนผิวน้ำ

“อา ป้ายนี่ใช้แบบนี้ได้ด้วย” เมื่อทุกคนเห็นภาพนี้ดวงตาก็สว่างวาบ แต่ละคนเลียนแบบมู่เฉินทันที ป้ายขยายอย่างรวดเร็วปกคลุมไปด้วยม่านแสงกลายเป็นเรือลำน้อย

แต่เนื่องจากความแตกต่างในระดับชั้น เรือแต่ละลำจึงมีสีที่แตกต่างกัน นอกจากนี้ระดับการป้องกันก็เห็นได้ชัดต่ำกว่าเมื่อเทียบกับเรือมังกรทองคำของมู่เฉิน

ทะเลสาบบรรจุไปด้วยพลังที่น่ากลัว หากร่างกายสัมผัสโดยตรงก็ตายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ มีเพียงการป้องกันจากป้ายทำให้พวกเขาสามารถอยู่ในทะเลสาบได้ แต่เนื่องจากความแตกต่างในระดับความแข็งแกร่ง ยิ่งระดับสูงเท่าไรก็ยิ่งสามารถเข้าไปในจุดลึกได้

มู่เฉินยืนบนเรือ พรรคพวกสามคนก็ทำตามแบบเดียวกัน พวกนางสงสัยชัดเจนเกี่ยวกับเรือที่อยู่ใต้ฝ่าเท้า โดยเฉพาะหลินจิ้งที่จับโน้นจับนี่พลางเอานิ้วจิ้มม่านแสงเบาๆ

“เราจะทำอะไรต่อ?” หลินจิ้งถามด้วยความตื่นเต้น

“ที่จริงตราบใดที่เราอยู่ในทะเลสาบสวรรค์ก็ไม่ต้องทำอะไร เพียงแค่การฝึกฝนที่นี่ก็มีประโยชน์ต่อร่างกายแล้ว” มู่เฉินยิ้ม ด้วยคลื่นหลิงไร้ขอบเขตของทะเลสาบ ประสิทธิภาพการฝึกฝนในหนึ่งวันจะมีค่าเท่ากับหนึ่งเดือนที่ด้านนอก

แต่เห็นได้ชัดว่าเขายังไม่พอใจแค่นี้ ดังนั้นหลังจากหยุดไปชั่วครู่ มู่เฉินก็พูดต่อ “ถ้าต้องการได้รับผลประโยชน์มากขึ้น ก็ต้องเข้าไปในจุดลึกของทะเลสาบ”

“แล้วการชำระล้างล่ะ?” เซียวเซียวถาม จากมุมมองของนางเป็นธรรมดาที่จะไม่สนใจกับผลประโยชน์ทั่วไปที่มู่เฉินบอก มีเพียงวิธีชำระล้างในทะเลสาบสวรรค์ที่ทำให้นางสนใจได้

“ตามกฎเราต้องค้นหาจิตทะเลสาบสวรรค์เพื่อรับการชำระล้าง ต้องรวบรวมให้ได้เพียงพอถึงจะได้รับการชำระล้างที่สมบูรณ์แบบ” มู่เฉินยิ้ม

“จิตทะเลสาบสวรรค์? คืออะไร?” หลินจิ้งรู้สึกเซ็ง ไม่คิดว่าพิธีชำระล้างทะเลสาบสวรรค์จะยุ่งยากขนาดนี้

มู่เฉินยื่นนิ้วชี้ไปที่ส่วนลึกของทะเลสาบ บางครั้งจะมีแสงตะคุ่มราวกับดาวหางพาดผ่าน แม้จะอยู่ในระยะไกลก็ยังสามารถสัมผัสถึงพลังน่ากลัวที่เปล่งออกมาดาวหางเหล่านั้น

“นั่นคือจิตทะเลสาบสวรรค์ แต่ละดวงบรรจุด้วยพลังงานบริสุทธิ์และเป็นแหล่งที่มาของพลังงานในพิธีการชำระล้าง ซึ่งกระบวนการก็แบ่งเป็นสามขั้นคือ ต่ำ-สูง-สมบูรณ์ การชำระล้างขั้นสมบูรณ์ต้องการใช้พลังของจิตทะเลสาบสวรรค์ร้อยดวงน่ะ”

พูดถึงตรงนี้มู่เฉินก็ยักไหล่ “แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะได้รับการชำระล้างขั้นสมบูรณ์ ว่ากันว่าแม้ในสมัยโบราณศิษย์ที่ได้รับการชำระล้างขั้นสมบูรณ์ก็ยังมีน้อยมาก”

“ถ้างั้นข้าจะลองดู” เมื่อได้ยินคำอธิบายของมู่เฉิน เซียวเซียวกลับรู้สึกสนใจพลางแย้มยิ้ม ด้วยความมั่นใจในตัวเอง นางต้องการผลที่ดีที่สุด

“ในเมื่อเป็นแบบนี้ก็ลุยกันเลย” มู่เฉินยิ้มกระแทกฝ่าเท้า เรือมังกรทองคำใต้เท้าก็เปล่งแสงระยับ เคลื่อนไปข้างหน้าเข้าไปในส่วนลึกอย่างรวดเร็ว

จิตทะเลสาบสวรรค์อยู่กันอย่างกระจัดกระจาย ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะแบ่งกันได้ง่ายๆ หากทำงานร่วมกัน ดังนั้นทั้งสี่คนจึงแยกกันไปชั่วคราว

เมื่อพวกเขาเคลื่อนไหว เสียงสาดกระเซ็นก็ดังก้องไปทั่วทะเลสาบอย่างต่อเนื่อง มีจอมยุทธ์จำนวนมากพลิ้วตัวลงบนเรือ แล้วมุ่งหน้าไปหาจิตทะเลสาบสวรรค์ที่ราวกับดวงดาว

ฟิ้ว!

มู่เฉินยืนบนเรือมังกรทองคำตัดผ่านสายน้ำ ม่านแสงสีทองน่าพิศวงนัก ไม่ว่าน้ำในทะเลสาบสวรรค์จะซัดเข้ามามากแค่ไหน ก็ไม่สามารถสั่นคลอนม่านแสงได้แม้แต่น้อย

แต่เมื่อเดินทางเข้าไปในจุดลึกมากขึ้นเรื่อยๆ มู่เฉินก็ค่อยๆ รู้สึกถึงแรงกดดันแม้จะมีม่านแสงปกป้องก็ตามซึ่งทำให้เขาแอบตกใจ หากไม่มีป้ายช่วยปกป้อง ก็เป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะเข้าสู่ทะเลสาบสวรรค์ส่วนลึกด้วยพละกำลังที่มี

ขณะที่มู่เฉินอึ้งทึ่ง แสงแวววาวก็ผลิบานที่เบื้องหน้าสายตา เขาเงยหน้าขึ้นมองเห็นดวงดาวที่ล่องลอยอยู่พร้อมกับรัศมีพร่างพราวเล็ดลอดออกมา ความผันผวนของคลื่นหลิงที่ไร้ขอบเขตทำให้ผิวทะเลสาบกระเพื่อมไหว

นั่นคือจิตทะเลสาบสวรรค์ดวงหนึ่ง

มู่เฉินมองไปก็เคลื่อนเข้าหาด้วยความสนใจ แต่ในเวลาเดียวกันก็ตื่นระวังขั้นสุดไว้ เขารู้สึกได้อย่างเลือนรางถึงภัยคุกคามที่มาจากดวงดาวดวงนี้

ฮึ่ม ฮึ่ม

เมื่อมู่เฉินเข้ามาใกล้ จิตทะเลสาบดวงนี้ก็เหมือนสัมผัสได้ถึงการเข้าใกล้ของเขา มันสั่นแล้วกระโจนใส่มู่เฉินอย่างแรง

มู่เฉินตกใจกับภาพเบื้องหน้า ไม่กล้ารอช้า ร่างกายพรั่งพรูด้วยแสงสีทอง คลื่นหลิงไร้ขอบเขตกลายเป็นกำปั้นพุ่งผ่านม่านแสงสีทองซัดใส่จิตทะเลสาบ

ภายในทะเลสาบคลื่นหลิงดูเหมือนเดินทางได้อย่างอิสระ ดังนั้นเมื่อการโจมตีของมู่เฉินทะลุผ่านม่านแสง มันก็ไม่ได้ถูกยับยั้งกลับพุ่งออกไปเร็วกว่าเดิม

ตู้ม!

กำปั้นปะทะกับจิตทะเลสาบ ทว่าการโจมตีที่ทรงประสิทธิภาพเช่นนี้ยับยั้งจิตทะเลสาบได้เพียงแวบหนึ่งก่อนจะระเบิดออก

วาบ!

จิตทะเลสาบครางกระหึ่มกวาดเข้ามา กระแทกเข้ากับม่านแสงพลัง

ปัง!

ทั่วทั้งม่านแสงสั่นสะเทือนรุนแรงส่งระลอกคลื่นเป็นวงกว้าง แรงการปะทะทำให้เรือถอยกลับไปหลายร้อยจั้ง

ซื้ด

มู่เฉินมองม่านแสงที่สั่นสะเทือนก็อัดอากาศเย็นเต็มปอด เนื่องจากเขารู้สึกได้ว่าเรือมังกรทองคำใต้ฝ่าเท้าสั่นไหวไปหมด เห็นได้ชัดว่าแม้จะใช้ป้ายมังกรทองคำก็ไม่สามารถทนต่อการโจมตีได้มาก ยิ่งกว่านั้นเมื่อไรที่เรือแตกการเดินทางในทะเลสาบสวรรค์ของมู่เฉินก็จะสิ้นสุดลง

การโจมตีของจิตทะเลสาบน่ากลัวมากจนสามารถเทียบเท่าจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเก้าระยะเต็มเลยทีเดียว!

ฟิ้ว!

ขณะที่มู่เฉินตกตะลึง จิตทะเลสาบที่ราวกับดวงดาวก็พุ่งโจมตีเข้ามาอีกครั้ง

“นรกล่ะ!”

เผชิญหน้ากับการจู่โจมของจิตทะเลสาบสวรรค์ กระทั่งมู่เฉินก็อดไม่ได้ที่จะสาปแช่ง ใบหน้าเขาขึงเกร็ง ขณะนี้เขาเข้าใจแล้วว่าการได้รับพิธีชำระล้างในทะเลสาบสวรรค์ยากเข็ญเพียงใด

ซึ่งยากยิ่งกว่าถ้าเขาต้องการได้รับการชำระล้างสมบูรณ์แบบ จะทุกข์ทนยิ่งกว่าก้าวขึ้นสวรรค์ซะอีก

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler ฟรี ได้ที่ novel-fast 


เรื่องย่อ

โดย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler บางส่วนของนิยาย

บทนำ

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป

‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้

แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์

แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว

ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ

เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง?

ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน…

เรื่องย่อ

เมื่อคำพูดของมู่เฉินกระจายออกไป ไม่เพียงแต่จะไม่มีการตอบสนอง แม้แต่ด้านนอกเจดีย์ก็ถูกห่อหุ้มด้วยบรรยากาศราวกับป่าช้า…

ทุกคนตกตะลึงไปกับฉากนี้ พวกเขาจ้องมองจุดที่ลู่สุยหายตัวไป ราวกับว่ายังไม่สามารถฟื้นจากอาการตะลึงงันที่เกิดขึ้นได้

ก่อนหน้าเมื่อลู่สุยออกกระบวนท่าที่น่าสะพรึง ผู้คนส่วนใหญ่ก็คิดว่าผลลัพธ์ของการต่อสู้ได้ถูกกำหนดแล้ว ทว่าพวกเขาไม่คิดเลยว่ามู่เฉินจะพลิกสถานการณ์ได้อีกครั้ง เตะลู่สุยที่เหมือนจะคว้าชัยชนะออกไป

ทุกคนตะลึงไปพักใหญ่ ก่อนที่พวกเขาจะหลุดออกจากอาการได้ สายตาเคร่งเครียดลง การประลองกันครั้งนี้มู่เฉินไม่ได้ใช้ค่ายกล แต่เขาก็สามารถเอาชนะจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดอย่างลู่สุยได้ด้วยความแข็งแกร่งที่อยู่ในขั้นหกเท่านั้น แม้ว่าจะมีผลจากลู่สุยประมาทเองในตอนแรก แต่นั่นก็แสดงให้เห็นว่ามู่เฉินน่ากลัวแค่ไหน

พลังเช่นนี้เขาสามารถเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์อันดับต้นๆ ในเจดีย์ฝึกพลังกายได้เลยทีเดียว

ทางฝั่งกลุ่มกระเรียนฟ้า ใบหน้าของหลิ่วชิงกลายเป็นเขียวสลับขาว นางมองไปที่ร่างสูงโปร่งบนหน้าจอ กลืนน้ำลายเหนียวหนืด ความกลัวปรากฏในดวงตาของนางเป็นครั้งแรก

มาถึงจุดนี้นางคงโง่แน่ถ้ายังคิดปฏิบัติต่อมู่เฉินเหมือนกับจอมยุทธ์ขั้นหกทั่วไป

ด้วยพลังในการต่อสู้ที่เขาแสดงออกมา บวกกับค่ายกลทรงพลัง แม้แต่จงเถิงก็ยากจะได้เปรียบหากพวกเขาต่อสู้กัน

ก่อนหน้านี้นางหัวเราะเยาะและมองจิ่วโยวด้วยความดูถูก แต่ตอนนี้นางอายแทบแทรกแผ่นดินหนี ซึ่งจุดนี้รู้ได้จากสายตาเยาะเย้ยเหล่านั้นที่ปรายมองเข้ามา

“ทำไมมู่เฉินถึงทรงพลังเช่นนี้?” จงฮั้วที่พ่ายแพ้ให้กับมู่เฉินก็มีสีหน้าเคร่งขรึมเช่นกัน ก่อนหน้านี้เขาเคยคิดเช่นกันว่ามู่เฉินพึ่งพาเพียงค่ายกลเพื่อจัดการกับศัตรู แต่ใครจะคิดว่าเมื่อไม่มีการใช้ค่ายกลมู่เฉินก็สามารถเอาชนะลู่สุยแบบดุร้ายยิ่งกว่าอะไร

“ดูเหมือนว่ามีเพียงพี่ใหญ่จงเถิงเท่านั้นที่สามารถจัดการกับเขาได้” จอมยุทธ์อีกคนของเผ่ากระเรียนฟ้าพยักหน้า

หลิ่วชิงพยักหน้าเบาๆ ไม่เพียงแต่พวกเขาจะพิจารณาพลังของมู่เฉินพลาดไปเท่านั้น แม้แต่จงเถิงก็ตัดสินอีกฝ่ายผิดไป ชายคนนั้นเป็นสัตว์ประหลาดอย่างแท้จริง

ฟิ้ว!

ขณะที่นอกเจดีย์ต่างตกตะลึงกับผลลัพธ์ที่มู่เฉินนำมา ทันใดนั้นแสงก็กะพริบบนแท่นนอกเจดีย์ ร่างน่าสังเวชปรากฏขึ้น

เมื่อร่างนั้นออกมาก็รีบถอยกลับไปปรากฏตัวขึ้นในกลุ่มอีกาสายฟ้าทันควัน นี่ก็คือลู่สุยที่มีสีหน้าซีดขาว คลื่นหลิงของเขาถดถอยลงอย่างมาก

สายตาโดยรอบยิงเข้าหาในเวลานี้ทันที

ใบหน้าของลู่สุยเขียวคล้ำ สายตาเกลียดชังมองไปที่มู่เฉินที่อยู่บนหน้าจอ ก่อนที่จะหันหัวสาดสายตาดุร้ายใส่จิ่วโยวและมั่วหลิง ที่ข้างๆ พรรคพวกของเขาก็มีท่าทางไม่ดีเช่นกัน

ทว่าจิ่วโยวไม่กลัวที่จะเผชิญหน้ากับสายตาเหล่านั้น นางเค้นเสียงอย่างเย็นชา “ลูกหมาที่ถูกฟาดยังกล้าที่จะออกมาแยกเขี้ยวอีกเหรอ?”

ตอนนี้ลู่สุยบาดเจ็บสาหัส สูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไปหมด ส่วนคนที่เหลือก็ไม่มีอะไรต้องกลัว หากพวกเขากล้าที่จะคิดบัญชีกับพวกนาง จิ่วโยวก็ไม่คิดปล่อยพวกเขาไว้เป็นภัยคุกคามในอนาคตหรอก

สายตาแสดงความเกลียดชังของลู่สุยจ้องเขม็งอยู่ที่จิ่วโยว แต่สุดท้ายเขาก็ต้องถอนสายตาออกไปอย่างไม่เต็มใจ ก่อนที่จะถอยกลับนั่งลงบนซากปรักหักพังเข้าสมาธิเพื่อฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ

จอมยุทธ์กลุ่มอีกาสายฟ้าก็ปรากฏรอบตัวเขาเพื่อปกป้อง

เมื่อจิ่วโยวเห็นการตอบสนองนั่น นางก็ไม่ได้ใส่ใจกับพวกเขาอีก นางมองไปที่หน้าจออีกครั้งโดยพุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่ร่างเงาอ่อนเยาว์ มือที่กำแน่นผ่อนคลายลง

เห็นได้ชัดว่านี่เป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงสำหรับนางที่มู่เฉินจะเอาชนะได้เด็ดขาดแบบนี้ นั่นเป็นเพราะตามการประเมินของนางแม้ว่ามู่เฉินจะยืนยงอยู่ได้ก็เป็นยากที่จะเอาชนะลู่สุยด้วยขุมพลังจื้อจุนขั้นหกและถ้าการต่อสู้ถูกลากไปจนสุดอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบคาดไม่ถึง

ทว่าผลลัพธ์สุดท้ายที่ได้ก็ทำให้นางทั้งประหลาดใจและดีใจ

เห็นได้ชัดว่ามู่เฉินได้รับประโยชน์มหาศาลจากสามชั้นแรกของเจดีย์ฝึกพลังกาย ไม่เช่นนั้นเขาไม่สามารถแสดงพลังเป็นที่ประจักษ์เช่นนี้ได้

“ว่ากันว่าในชั้นสี่มหัศจรรย์กว่านี้มาก หากใครสามารถเข้าไปได้ พวกเขาจะสามารถได้รับผลประโยชน์เกินกว่าสามชั้นแรกมาก…”

จิ่วโยวยิ้มบาง ดูจากสถานการณ์ปัจจุบันไม่น่ามีปัญหาใดๆ ที่มู่เฉินจะเข้าสู่ชั้นสี่ สำหรับมั่วเฟิงความแข็งแกร่งของเขาเป็นหนึ่งในอันดับต้นของกลุ่มที่เข้าไป ดังนั้นจึงไม่ยากสำหรับเขาที่จะได้หนึ่งในห้าที่นั่งนี้ไปเช่นกัน

ดูเหมือนว่าการเดินทางมาที่เจดีย์ฝึกพลังกายโบราณครั้งนี้เผ่าวิหคโลกันตร์อาจเป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

บนลานเมฆสายฟ้า

ไม่มีใครตอบคำถามของมู่เฉิน ขณะนี้แม้แต่จอมยุทธ์ทรงอำนาจอย่างหานซันและสีคุนก็ยังรู้สึกหวาดระแวงมู่เฉินอยู่บ้าง ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกที่จะไม่ไปปะทะกับมนุษย์ผู้นี้

ดังนั้นคนทั้งหมดที่อยู่ที่นี่จึงเงียบลง ก่อนที่จะถอยออกจากรัศมีโดยรอบมู่เฉินอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณบอกว่าพวกเขาไม่ต้องการต่อสู้กับเขา

เมื่อมู่เฉินเห็นภาพนี้ก็ไม่มีอารมณ์ใดบนใบหน้า แต่ในใจกลับรู้สึกโล่งอก คนอื่นๆ เห็นเพียงฉากการต่อสู้ตระการที่เขาเอาชนะลู่สุยได้ แต่พวกเขาไม่รู้หรอกว่าหมัดที่เขาชกออกไปก่อนหน้านี้คือพลังงานส่วนเกินจากสามชั้นแรก

ร่างกายของมู่เฉินก่อนหน้าเปรียบเสมือนฟองน้ำที่ดูดซับน้ำจนถึงขีดจำกัด หมัดของเขาจึงเท่ากับบีบน้ำออกจนหมด ทำให้ร่างกายที่อัดแน่นกลับสู่สภาพเดิม

ดังนั้นถ้าให้เขาโจมตีแบบนั้นอีกครั้ง พลังก็จะไม่ทรงประสิทธิภาพเหมือนเมื่อครู่แน่นอน

ประสิทธิผลพิเศษชนิดนี้ของการสะสมพลังงานในร่างกายเป็นทักษะที่ได้มาจากกายามังกรหงส์ ด้วยวิธีนี้เขาจะได้รับผลลัพธ์ที่ไม่มีใครคาดคิดไว้ กลายเป็นไพ่ลับอีกใบหนึ่ง

“คัมภีร์หลงเฟิ่งทรงพลังจริงๆ”

แม้แต่มู่เฉินก็ยังชื่นชมในสิ่งนี้ คัมภีร์หลงเฟิ่งสมแล้วที่เป็นทักษะยอดเยี่ยมแท้จริง จากการประเมินของเขาคัมภีร์นี้ต้องอยู่ในระดับเสินทงแน่นอน ซึ่งไม่ธรรมดาแม้จะอยู่ในกลุ่มวิทยายุทธระดับเสินทงด้วย

มู่เฉินชื่นชมก่อนที่จะใจเย็นลง แม้ว่าตอนนี้จะไม่มีใครท้าทายเขา แต่เขาก็ไม่ตั้งใจที่จะท้าทายคนอื่นด้วยเช่นกัน เขายืนนิ่งบนตำแหน่งตนเองรอผลการคัดออก

สำหรับจงเถิง มู่เฉินรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นพวกยุแยงให้ลู่สุยมาปะทะกับเขา แต่เนื่องจากตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ดีในการจัดการ เขาจึงได้แต่ผลักแผนไปก่อน

แต่ถึงกระนั้นสายตาคมกล้าของมู่เฉินก็ยังจ้องเขม็งไปที่จงเถิง รอบตัวเต็มไปด้วยคลื่นหลิงราวกับเสือดาวที่กำลังจะจ้องตะครุบเหยื่ออัดแน่นด้วยภัยคุกคาม

เมื่อเห็นท่าทางของมู่เฉิน จงเถิงที่ประจันหน้ากับมั่วเฟิงก็รู้สึกอึดอัดใจ เขาต้องแยกสมาธิอยู่ตลอดเพื่อจับตามองมู่เฉิน ป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายเคลื่อนไหวมาประสานพลังกับมั่วเฟิง

ด้วยวิธีนี้สมาธิของจงเถิงจึงค่อนข้างฟุ้งซ่าน สุดท้ายเขาได้แต่กัดฟัน ถอนคลื่นหลิงและถอยออกจากบริเวณของมั่วเฟิง

“พี่มั่วยากสำหรับการต่อสู้ของเราที่จะได้ข้อสรุป ทำไมเราไม่ไปจัดการคนอื่นและรับที่นั่งมาล่ะ?” ขณะที่จงเถิงถอยกลับเสียงก็สะท้อนก้องไปด้วย

มั่วเฟิงจ้องมองจงเถิงอย่างไม่แยแสก่อนที่จะพยักหน้า นั่นเป็นเพราะเขารู้ว่าหากพวกเขายังอยู่ในสถานการณ์ยืนจ้องหน้ากันก็จะไม่เกิดผลลัพธ์ใด หากเขาร่วมมือกับมู่เฉิน พวกเขาอาจทำให้จงเถิงบ้าดีเดือดขึ้นมา แม้แต่พวกเขาก็ต้องจ่ายราคามหาศาลจากการตีโต้

ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับพวกเขาคือการได้ที่นั่งเพื่อเข้าสู่ชั้นสี่

เมื่อจงเถิงเห็นคำตอบของมั่วเฟิงก็รู้สึกโล่งใจในใจ เขาถอยกลับอย่างรวดเร็วออกจากจุดที่มู่เฉินและมั่วเฟิงอยู่ เขาครุ่นคิดสั้นๆ ก่อนจะเลือกปะทะกับคนที่อ่อนแอกว่า

พอมู่เฉินเห็นจงเถิงไปแล้วก็ไม่ได้ใส่ใจอีกต่อไป สายตาหันมามองมั่วเฟิงแล้วก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้มแสดงความขอบคุณในการช่วยเหลือครั้งนี้

สายตาของมั่วเฟิงเป็นมิตรมากขึ้น คิดว่าการที่มู่เฉินเอาชนะลู่สุย ทำให้มั่วเฟิงมองมู่เฉินในฐานะจอมยุทธ์ที่อยู่ในระดับเดียวกันกับเขา ดังนั้นจึงไม่ได้มีท่าทางเฉยเมยเหมือนเมื่อก่อน

มั่วเฟิงพยักหน้าให้มู่เฉิน ก่อนที่จะหันหลังกลับและเริ่มเลือกคู่ต่อสู้ของตนเอง

ครืน!

เมื่อทุกคนเลือกคู่ต่อสู้แล้ว ทันใดนั้นคลื่นหลิงก็ระเบิดรุนแรงบนลานเมฆสายฟ้า คลื่นกระแทกกวาดออก ทำให้มิติเกิดการสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นไม่หยุด

บนลานเมฆสายฟ้าพลังงานหลิงกวาดหายนะ มีเพียงตรงมู่เฉินเท่านั้นที่ไม่ถูกรบกวน เนื่องจากไม่มีใครกล้าเหยียบเข้ามาในรัศมีพันจั้ง ยามนี้เขาเหมือนผู้ชมที่ดูการต่อสู้ติดขอบ ในเวลาเดียวกันก็บันทึกกระบวนท่าที่ทรงพลังของบางคนไว้ในสมอง

แม้ว่าในชั้นนี้พวกเขาอาจไม่ได้ประลองกัน แต่ก็ยังมีอีกสองชั้นรอพวกเขาอยู่ ใครจะสามารถรับประกันได้ว่าจะไม่มีการลดจำนวนลงในชั้นต่อไป?

ดังนั้นถ้ามีโอกาสเขาต้องพยายามจดจำข้อมูลผู้อื่นเก็บไว้

ภายใต้การสังเกตของมู่เฉิน การประลองบนลานเมฆสายฟ้าก็คงอยู่ชั่วระยะหนึ่ง ก่อนที่แต่ละคู่จะมาถึงจุดสิ้นสุด ผลลัพธ์ก็เป็นไปตามที่คาดไว้

หลังจากมู่เฉินก็เป็นหานซันที่เอาชนะคู่ต่อสู้ได้ที่นั่งที่สองไป

จากนั้นมั่วเฟิงและจงเถิงก็คว้าชัยชนะตามมา

ที่นั่งสุดท้ายตกเป็นของสีคุนที่ก่อนหน้านี้เคยแพ้หานซันที่ด้านนอกเจดีย์ ชายนี้มีความแข็งแกร่งที่น่าตกใจ แม้แต่หานซันยังต้องใช้ทักษะเต็มที่ถึงจะได้รับชัยชนะมา

เมื่อสีคุนได้รับที่นั่งสุดท้ายลานเมฆสายฟ้าขนาดใหญ่ก็เงียบลงอีกครั้ง ร่างทั้งห้ายืนอยู่ ขณะรัศมีไร้ขอบเขตทั้งห้าสายพุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าชนกันเปรี้ยงปร้าง

ทว่าการชนกันก็ดำเนินไปเพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ ก่อนที่ทั้งห้าจะถอนคลื่นพลังพร้อมกัน พวกเขาเหลือบมองกันและกัน จากนั้นก็ไม่ลังเลทะยานออกไปปรากฏตัวบนเบาะทั้งห้า

สายตาพวกเขาพุ่งตรงไปยังมิติด้านหลังลานเมฆสายฟ้าด้วยความโลภ ตรงนั้นเส้นดาวหางจำนวนมากกวาดผ่านราวกับฝนดาวตก

ในแสงเหล่านั้นแก่นหยดสายฟ้ากำลังกะพริบด้วยความแวววาว


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท