หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – ตอนที่ 1149

ตอนที่ 1149

หนึ่งในใต้หล้า 大主宰
บทที่ 1149 พลังอำนาจหมัดปีศาจ
ตู้ม ตู้ม ตู้ม!

รัศมีสังหารไร้ขอบเขตพวยพุ่งจากร่างมู่เฉินในรูปแบบควัน ย้อมน้ำในทะเลสาบสวรรค์เป็นสีแดงเลือดอย่างรวดเร็ว ทำให้สถานที่แห่งนี้กลายเป็นสมรภูมิที่โหดร้าย

เมื่อผู้ชมเห็นสิ่งนี้ใบหน้าก็เปลี่ยนไปอย่างควบคุมไม่ได้ เนื่องจากพวกเขารู้สึกถึงเลือดเดือดพล่าน เจตนาฆ่าที่เพิ่มขึ้นในหัวใจ ทำให้พวกเขาสูญเสียการควบคุมเล็กน้อย

“ไอสังหารกดขี่อะไรอย่างนี้!”

เมื่อสัมผัสได้หัวใจทุกคนก็สั่นสะท้าน ก่อนที่จะถอยกันจ้าละหวั่น เพราะกลัวว่าจะถูกปนเปื้อนจากเจตนาฆ่าและสูญเสียสติไป

“มู่เฉินฝึกวิชาอะไรกัน? ทำไมไอสังหารถึงน่ากลัวขนาดนี้?!” ผู้คนมองมู่เฉินด้วยความหวาดผวาในดวงตา

“นั่นวิทยายุทธะดับเสินทง!”

มีผู้ชมดวงตาเปลี่ยนเป็นแดงก่ำ จากนั้นก็อดอุทานออกมาไม่ได้ มีเพียงวิทยายุทธระดับเสินทงแท้จริงเท่านั้นที่จะมีพลังซึ่งส่งผลกระทบต่อผู้คน

“เขาสามารถฝึกฝนวิทยายุทธระดับเสินทงได้รึ?” มีคนรู้สึกว่านี่ช่างไม่น่าเชื่อ แม้ว่าวิทยายุทธระดับเสินทงจะทรงพลัง แต่ทุกคนก็รู้ดีว่ามีเพียงจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนเท่านั้นที่สามารถฝึกฝนได้ ต่อให้จอมยุทธ์ธรรมดาจะได้รับไป ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะฝึกฝน ดังนั้นเมื่อพวกเขาเห็นมู่เฉินใช้กระบวนท่าระดับเสินทงแบบนี้ หัวใจพวกเขาก็สั่นสะท้านด้วยความตกใจ

อันที่จริงไม่ใช่แค่ผู้ชมที่ตกใจ แม้แต่เซี่ยหยู่ก็อดมีสีหน้าเปลี่ยนไปไม่ได้เมื่อสัมผัสได้ถึงไอสังหาร สายตาที่มองไปทางมู่เฉินก็ปรากฏร่องรอยความกลัวเป็นครั้งแรก

แคว้นเซี่ยเองก็มีวิทยายุทธระดับเสินทง เขาจึงมีความรู้บางอย่างเกี่ยวกับวิชาเหล่านี้ ดังนั้นเขารู้ว่ายากเพียงใดที่จอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเก้าจะปล่อยกระบวนท่าได้สำเร็จ

แม้แต่ตัวเขาเองก็ยังไม่เคยสำเร็จในการปล่อยกระบวนท่าเลย

“มู่เฉินมีความสามารถแท้จริง วันนี้ต้องฆ่ามันให้ได้!” เซี่ยหยู่กัดฟันพร้อมกับไอเย็นเยือกในดวงตา จิตสังหารพวยพุ่งขึ้นในใจ ความสามารถและศักยภาพที่มู่เฉินแสดงออกมาทำให้เซี่ยหยู่ตกใจกลัว ในเมื่อตอนนี้มู่เฉินก็เป็นศัตรูตัวฉกาจของแคว้นเซี่ยอยู่แล้ว ดังนั้นเขาต้องฆ่ามู่เฉินเท่านั้น เพื่อไม่ให้ได้เติบโตจนนำไปสู่หายนะ!

“ขอข้าดูหน่อยว่าวิทยายุทธระดับเสินทงของแกที่ฝืนใช้จะแน่แค่ไหน!”

เซี่ยหยู่คำราม เวลานี้เขาปิดผนึกร่างเทห์สวรรค์ของมู่เฉินซึ่งทำให้อีกฝ่ายอยู่ในสภาพอ่อนแอที่สุด ต่อให้จะฝืนปล่อยกระบวนท่าได้ แต่พลังก็น่าจะมีจำกัด กลับกันตัวเขามีร่างราชันฟากฟ้าขยายความแข็งแกร่งซึ่งเพียงพอที่จะปราบปรามมู่เฉิน

คิดถึงจุดนี้ หมัดราชันก็เล็งไปที่มู่เฉินปลดปล่อยรังสีนับไม่ถ้วน ความผันผวนของการทำลายล้างกระจายออกไปอย่างต่อเนื่อง

เส้นเลือดคืบคลานขึ้นในนัยน์ตาของมู่เฉิน เขาจ้องมองหมัดราชันที่ปกคลุมตัวเขาเอาไว้ แววตาไม่มีความรู้สึกใดๆ เพราะในขณะนี้เขาได้กำจายรัศมีการเสียสละตนเองอยู่รอบตัว

ไม่ต้องพูดถึงเซี่ยหยู่ ต่อให้ที่ยืนตรงหน้าเป็นจอมยุทธ์เทียนจื้อจุน มู่เฉินก็ไม่ลังเลที่จะเสี่ยงชีวิต

หากหมัดปีศาจสละชีพไม่ได้ครอบครองรัศมีการเสียสละตัวเองใดๆ ก็จะเป็นไปไม่ได้ที่จะปล่อยกระบวนท่าออกมาและไม่สามารถปลดปล่อยพลังได้ ดังนั้นเมื่อมู่เฉินดำเนินการสำเร็จ เขาก็พร้อมที่จะสละชีวิตของตนเองแล้ว

ในเมื่อเขาไม่มีความกลัวกับความเป็นตายแล้วมีอะไรต้องกลัวระหว่างฟ้าดิน?

ดังนั้นภายใต้การเคลื่อนไหวที่ไม่เกรงกลัวนี้ มู่เฉินก็ค่อยๆ ชกหมัดออกไป ซึ่งในวินาทีนั้นฟ้าดินในดวงตาเขาก็ได้เงียบงันลง

ริ้วไอสีดำห่อหุ้มหมัดเขา นอกเหนือจากนั้นก็ไม่ได้ดูผิดปกติอะไร เมื่อพิจารณาจากการเคลื่อนไหวหมัดราชันของเซี่ยหยู่ดูแข็งแกร่งกว่าหลายเท่าอย่างชัดเจน

ทว่ามู่เฉินดูราวกับว่าไม่ได้สังเกตเห็น เขาเหยียดหมัดออกอย่างใจเย็นปะทะกับหมัดราชันที่ซัดลงมา

หมัดราชันมีขนาดประมาณหนึ่งพันจั้งห่อหุ้มด้วยแสงหลิง ซึ่งยังมีใบหน้าทรงเกียรติของราชัน สามารถข่มขู่จอมยุทธ์ธรรมดา จนถึงจุดที่พวกเขาสูญเสียจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้

เมื่อเทียบสองหมัดนี้ หมัดของมู่เฉินมีขนาดเล็กจิ๋วยิ่งนัก

ทว่าจังหวะปะทะกันทุกคนก็มองเห็นระลอกคลื่นกระจายออกไปอย่างรวดเร็ว

ม่านตาของเซี่ยหยู่หดเกร็งลงทันที

นั่นเป็นเพราะเขาเห็นว่าเมื่อหมัดปะทะกัน ร่างและหมัดของมู่เฉินไม่ได้ถูกผลักออกไป คล้ายกับศิลาที่ดูมั่นคงอย่างแท้จริง

ตรงกันข้ามที่เป็นกำปั้นใหญ่โตสั่นสะเทือนรุนแรง

ความไม่หวาดหวั่นที่ไม่แม้แต่จะกลัวความตายแผ่ออกมาจากหมัดกระแทกเข้าที่หัวใจเซี่ยหยู่ ทำให้หัวใจเขาสั่นสะท้าน ใบหน้าเขียวคล้ำเมื่อมองไปที่มู่เฉิน

การแบกไว้ดังกล่าวทำให้เขาเข้าใจว่ามู่เฉินได้สละชีวิตเพื่อต่อสู้กับความเป็นตายกับเขาแล้ว

“โคตรบ้า!”

เซี่ยหยู่พึมพำ เห็นได้ชัดว่าเขาถูกข่มขู่โดยมู่เฉิน นั่นเป็นเพราะตั้งแต่แรกเขาก็ไม่มีความคิดที่จะต่อสู้กับมู่เฉินด้วยชีวิตบนเส้นทางนี้ เขาเป็นองค์รัชทายาทแคว้นเซี่ยที่มีสมบัติป้องกันหลายประเภท แล้วเขาจะโง่พอที่จะละทิ้งทุกสิ่งและวางชีวิตไว้กับมู่เฉินได้อย่างไร?

ปัจจัยที่สำคัญที่สุดคือการมีชีวิตรอด

ด้วยความคิดนี้ทำให้เกิดความตั้งใจที่จะถอยออกมาในใจของเซี่ยหยู่ เขาไม่ต้องการสู้กับคนคลั่งแบบนี้อีกต่อไป

ทว่า… ทุกอย่างเหมือนจะสายไปสำหรับความคิดนี้

แกร็ก!

หมัดของมู่เฉินซึ่งปกคลุมไปด้วยรัศมีสีดำ ทำให้รอยแตกละเอียดปรากฏบนหมัดราชัน จากนั้นรอยแตกก็ขยายออกไปอย่างรวดเร็ว ในเวลาไม่กี่ลมหายใจก็ห่อหุ้มหมัดทั้งหมดไว้แล้ว

ปัง!

เมื่อรอยแตกกระจายออกไปจนสุด การโจมตีที่เค้นพลังทั้งหมดของเซี่ยหยู่ก็พังทลายลง กระจัดกระจายออกเป็นประกายแสง

ผู้ชมอ้าปากเหวอ การโจมตีที่แข็งแกร่งที่สุดของเซี่ยหยู่ถูกทำลายลงอย่างง่ายดายโดยมู่เฉินอย่างนี้เลยเหรอ?

ขณะที่พวกเขาตกตะลึง เซี่ยหยู่ก็ถูกทะลวงอย่างหนักหน่วง รัศมีการเสียสละตัวเองที่ห่อหุ้มกำปั้นของมู่เฉินถูกส่งเข้าไปในส่วนลึกของหัวใจของเซี่ยหยู่ ดังนั้นไม่เพียงแต่เขาจะได้รับบาดเจ็บหนัก กระทั่งความตั้งใจในการต่อสู้ในใจก็สลายไปอย่างสมบูรณ์

อ็อก!

เลือดคำหนึ่งพ่นออกมาจากปากเซี่ยหยู่ ร่างถูกเป่ากลับ พลังงานหลิงไร้ขอบเขตที่ถูกปล่อยออกมาจากร่างกายก็ลดน้อยลงอย่างรวดเร็ว

การทำลายหมัดราชัน ทำให้เส้นเลือดในดวงตาของมู่เฉินหนาแน่นขึ้น เขาไม่ได้หยุดเพียงแค่นั้น เท้าก้าวออกไปปรากฏตัวต่อหน้าเซี่ยหยู่ เล็งกำปั้นไปที่หน้าอกของเซี่ยหยู่

นี่ยังคงเป็นหมัดเรียบง่าย แต่รัศมีการเสียสละตัวเองประหนึ่งเทพความตายโอบล้อมเซี่ยหยู่ ทำให้เกิดความกลัวพล่านในดวงตาเขา

นั่นเป็นเพราะเขารู้ดีว่าถ้าโดนโจมตีครั้งนี้ เขาตายคาที่แน่นอน!

“ตราราชันไศลนี ม่านไศลนที!”

ในวินาทีความเป็นตาย เซี่ยหยู่ก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเร้าตราราชันไศลนทีและใช้โอกาสครั้งสุดท้ายในการเปิดใช้งาน ตราปรากฏขึ้นเบื้องหน้าพร้อมกับแนวป้องกัน

ตู้ม!

หมัดมู่เฉินกระแทกเข้ากับแนวป้องกันจังใหญ่ เลือดสดกระเซ็นออกมาจากหมัดพร้อมกับผิวหนังฉีกขาด ทว่าเขาก็ไม่ได้ใส่ใจเรื่องนี้ กลับใส่พลังมากขึ้นด้วยสีหน้าไม่แยแส

ตู้ม ตู้ม!

เมื่อทะลวงแนวป้องกัน มู่เฉินก็ไม่ได้ใส่ใจสายตาจ้องมองไปที่เซี่ยหยู่ขณะฟาดหมัดเต็มเหนี่ยว

“ไอ้บ้า! ไอ้บ้า!”

เซี่ยหยู่รู้สึกหวาดกลัวกับกระบวนท่าของมู่เฉินที่ไม่สนใจกระทั่งชีวิตตัวเอง ทันใดนั้นเขาก็คำราม “มู่เฉิน เจ้าโหดจริงๆ ข้ายอมรับความพ่ายแพ้ครั้งนี้! ข้าจะออกไปเดี๋ยวนี้!”

แม้ว่ามู่เฉินจะใช้วิทยายุทธระดับเสินทง แต่ก็จะตกอยู่ในสถานะอ่อนแอหลังจากนั้น ในเวลานั้นเซี่ยหยู่ค่อยย้อนกลับมาฆ่าได้

ตู้ม ตู้ม!

ทว่าสิ่งที่เกินความคาดหมายของเซี่ยหยู่ก็คือ ต่อให้เขายอมรับความพ่ายแพ้ ใบหน้าของมู่เฉินก็ไม่มีการแสดงออกใดๆ มู่เฉินยังคงกำหมัดแน่น แม้ว่าหมัดจะเต็มไปด้วยบาดแผล

ในที่สุดเซี่ยหยู่ก็รู้สึกกลัวเมื่อเห็นภาพนี้

ปัง!

เผชิญหน้ากับหมัดที่น่ากลัวของมู่เฉิน ในที่สุดตราราชันไศลนทีก็ไม่สามารถรับผลกระทบ แตกออกเป็นเสี่ยงๆ

อ็อก!

เมื่อม่านพลังพังลง เซี่ยหยู่ก็กระอักเลือดออกมาด้วยสีหน้าซีดเซียว ก่อนที่จะมองด้วยความกลัวขณะมู่เฉินยกกำปั้นขึ้นราวกับหมัดยมทูต

“มู่เฉิน ถ้าแกกล้าฆ่าข้า ท่านพ่อข้าไม่มีวันปล่อยแกไปแน่! ถึงเวลานั้นแคว้นเซี่ยจะทำให้แกจ่ายราคากระอักแน่!” เซี่ยหยู่คำราม

เมื่อได้ยินเสียงคำรามของเซี่ยหยู่ หมัดของมู่เฉินก็หยุดลงจังหวะหนึ่ง

นี่ทำให้เซี่ยหยู่ดีใจกับภาพนี้ แม้ว่ามู่เฉินจะเป็นบ้า แต่ก็ยังรู้เกี่ยวกับผลของการละเมิดฮ่องเต้เซี่ย

ทว่าขณะที่เขากำลังยินดีเตรียมที่จะล่าถอย ดวงตาแดงก่ำของมู่เฉินก็มองมาเห็นรอยยิ้มเยาะเย้ยอยู่ภายใน

“แกพูดเหมือนว่าแคว้นเซี่ยจะไม่ตามล่าข้า แม้ว่าข้าจะปล่อยแกไป…”

มู่เฉินยิ้มอ่อน เมื่อการต่อสู้ดำเนินมาไกลจนถึงขั้นขนาดนี้ ฮ่องเต้เซี่ยไม่มีทางยอมปล่อยเขาไปอย่างแน่นอน ในเมื่อเป็นเช่นนี้แล้วทำไมเขาถึงต้องผ่อนปรน?

ตู้ม!

ด้วยการแสดงออกที่ไม่แยแสมู่เฉินก็ชกหมัดออกไปอีกครั้ง

ใบหน้าของเซี่ยหยู่เต็มไปด้วยความกลัว คลื่นหลิงพุ่งขึ้นในร่างกายต้องการที่จะถอยหนีพร้อมกับนำมาตรการป้องกันทั้งหมดออกมา

ปัง!

ทว่าหมัดของมู่เฉินก็ทะลวงผ่านมิติอย่างรวดเร็ว กระแทกลงบนหัวของเซี่ยหยู่ แสงสีดำระเบิดขึ้นทำให้มิติแตกเป็นเสี่ยงๆ ราวกับแก้ว

สะเก็ดมิติกระจัดกระจายพร้อมกับใบหน้าฉายความหวาดผวาและตกใจของเซี่ยหยู่…

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler ฟรี ได้ที่ novel-fast 


เรื่องย่อ

โดย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler บางส่วนของนิยาย

บทนำ

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป

‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้

แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์

แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว

ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ

เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง?

ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน…

เรื่องย่อ

เมื่อคำพูดของมู่เฉินกระจายออกไป ไม่เพียงแต่จะไม่มีการตอบสนอง แม้แต่ด้านนอกเจดีย์ก็ถูกห่อหุ้มด้วยบรรยากาศราวกับป่าช้า…

ทุกคนตกตะลึงไปกับฉากนี้ พวกเขาจ้องมองจุดที่ลู่สุยหายตัวไป ราวกับว่ายังไม่สามารถฟื้นจากอาการตะลึงงันที่เกิดขึ้นได้

ก่อนหน้าเมื่อลู่สุยออกกระบวนท่าที่น่าสะพรึง ผู้คนส่วนใหญ่ก็คิดว่าผลลัพธ์ของการต่อสู้ได้ถูกกำหนดแล้ว ทว่าพวกเขาไม่คิดเลยว่ามู่เฉินจะพลิกสถานการณ์ได้อีกครั้ง เตะลู่สุยที่เหมือนจะคว้าชัยชนะออกไป

ทุกคนตะลึงไปพักใหญ่ ก่อนที่พวกเขาจะหลุดออกจากอาการได้ สายตาเคร่งเครียดลง การประลองกันครั้งนี้มู่เฉินไม่ได้ใช้ค่ายกล แต่เขาก็สามารถเอาชนะจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดอย่างลู่สุยได้ด้วยความแข็งแกร่งที่อยู่ในขั้นหกเท่านั้น แม้ว่าจะมีผลจากลู่สุยประมาทเองในตอนแรก แต่นั่นก็แสดงให้เห็นว่ามู่เฉินน่ากลัวแค่ไหน

พลังเช่นนี้เขาสามารถเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์อันดับต้นๆ ในเจดีย์ฝึกพลังกายได้เลยทีเดียว

ทางฝั่งกลุ่มกระเรียนฟ้า ใบหน้าของหลิ่วชิงกลายเป็นเขียวสลับขาว นางมองไปที่ร่างสูงโปร่งบนหน้าจอ กลืนน้ำลายเหนียวหนืด ความกลัวปรากฏในดวงตาของนางเป็นครั้งแรก

มาถึงจุดนี้นางคงโง่แน่ถ้ายังคิดปฏิบัติต่อมู่เฉินเหมือนกับจอมยุทธ์ขั้นหกทั่วไป

ด้วยพลังในการต่อสู้ที่เขาแสดงออกมา บวกกับค่ายกลทรงพลัง แม้แต่จงเถิงก็ยากจะได้เปรียบหากพวกเขาต่อสู้กัน

ก่อนหน้านี้นางหัวเราะเยาะและมองจิ่วโยวด้วยความดูถูก แต่ตอนนี้นางอายแทบแทรกแผ่นดินหนี ซึ่งจุดนี้รู้ได้จากสายตาเยาะเย้ยเหล่านั้นที่ปรายมองเข้ามา

“ทำไมมู่เฉินถึงทรงพลังเช่นนี้?” จงฮั้วที่พ่ายแพ้ให้กับมู่เฉินก็มีสีหน้าเคร่งขรึมเช่นกัน ก่อนหน้านี้เขาเคยคิดเช่นกันว่ามู่เฉินพึ่งพาเพียงค่ายกลเพื่อจัดการกับศัตรู แต่ใครจะคิดว่าเมื่อไม่มีการใช้ค่ายกลมู่เฉินก็สามารถเอาชนะลู่สุยแบบดุร้ายยิ่งกว่าอะไร

“ดูเหมือนว่ามีเพียงพี่ใหญ่จงเถิงเท่านั้นที่สามารถจัดการกับเขาได้” จอมยุทธ์อีกคนของเผ่ากระเรียนฟ้าพยักหน้า

หลิ่วชิงพยักหน้าเบาๆ ไม่เพียงแต่พวกเขาจะพิจารณาพลังของมู่เฉินพลาดไปเท่านั้น แม้แต่จงเถิงก็ตัดสินอีกฝ่ายผิดไป ชายคนนั้นเป็นสัตว์ประหลาดอย่างแท้จริง

ฟิ้ว!

ขณะที่นอกเจดีย์ต่างตกตะลึงกับผลลัพธ์ที่มู่เฉินนำมา ทันใดนั้นแสงก็กะพริบบนแท่นนอกเจดีย์ ร่างน่าสังเวชปรากฏขึ้น

เมื่อร่างนั้นออกมาก็รีบถอยกลับไปปรากฏตัวขึ้นในกลุ่มอีกาสายฟ้าทันควัน นี่ก็คือลู่สุยที่มีสีหน้าซีดขาว คลื่นหลิงของเขาถดถอยลงอย่างมาก

สายตาโดยรอบยิงเข้าหาในเวลานี้ทันที

ใบหน้าของลู่สุยเขียวคล้ำ สายตาเกลียดชังมองไปที่มู่เฉินที่อยู่บนหน้าจอ ก่อนที่จะหันหัวสาดสายตาดุร้ายใส่จิ่วโยวและมั่วหลิง ที่ข้างๆ พรรคพวกของเขาก็มีท่าทางไม่ดีเช่นกัน

ทว่าจิ่วโยวไม่กลัวที่จะเผชิญหน้ากับสายตาเหล่านั้น นางเค้นเสียงอย่างเย็นชา “ลูกหมาที่ถูกฟาดยังกล้าที่จะออกมาแยกเขี้ยวอีกเหรอ?”

ตอนนี้ลู่สุยบาดเจ็บสาหัส สูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไปหมด ส่วนคนที่เหลือก็ไม่มีอะไรต้องกลัว หากพวกเขากล้าที่จะคิดบัญชีกับพวกนาง จิ่วโยวก็ไม่คิดปล่อยพวกเขาไว้เป็นภัยคุกคามในอนาคตหรอก

สายตาแสดงความเกลียดชังของลู่สุยจ้องเขม็งอยู่ที่จิ่วโยว แต่สุดท้ายเขาก็ต้องถอนสายตาออกไปอย่างไม่เต็มใจ ก่อนที่จะถอยกลับนั่งลงบนซากปรักหักพังเข้าสมาธิเพื่อฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ

จอมยุทธ์กลุ่มอีกาสายฟ้าก็ปรากฏรอบตัวเขาเพื่อปกป้อง

เมื่อจิ่วโยวเห็นการตอบสนองนั่น นางก็ไม่ได้ใส่ใจกับพวกเขาอีก นางมองไปที่หน้าจออีกครั้งโดยพุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่ร่างเงาอ่อนเยาว์ มือที่กำแน่นผ่อนคลายลง

เห็นได้ชัดว่านี่เป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงสำหรับนางที่มู่เฉินจะเอาชนะได้เด็ดขาดแบบนี้ นั่นเป็นเพราะตามการประเมินของนางแม้ว่ามู่เฉินจะยืนยงอยู่ได้ก็เป็นยากที่จะเอาชนะลู่สุยด้วยขุมพลังจื้อจุนขั้นหกและถ้าการต่อสู้ถูกลากไปจนสุดอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบคาดไม่ถึง

ทว่าผลลัพธ์สุดท้ายที่ได้ก็ทำให้นางทั้งประหลาดใจและดีใจ

เห็นได้ชัดว่ามู่เฉินได้รับประโยชน์มหาศาลจากสามชั้นแรกของเจดีย์ฝึกพลังกาย ไม่เช่นนั้นเขาไม่สามารถแสดงพลังเป็นที่ประจักษ์เช่นนี้ได้

“ว่ากันว่าในชั้นสี่มหัศจรรย์กว่านี้มาก หากใครสามารถเข้าไปได้ พวกเขาจะสามารถได้รับผลประโยชน์เกินกว่าสามชั้นแรกมาก…”

จิ่วโยวยิ้มบาง ดูจากสถานการณ์ปัจจุบันไม่น่ามีปัญหาใดๆ ที่มู่เฉินจะเข้าสู่ชั้นสี่ สำหรับมั่วเฟิงความแข็งแกร่งของเขาเป็นหนึ่งในอันดับต้นของกลุ่มที่เข้าไป ดังนั้นจึงไม่ยากสำหรับเขาที่จะได้หนึ่งในห้าที่นั่งนี้ไปเช่นกัน

ดูเหมือนว่าการเดินทางมาที่เจดีย์ฝึกพลังกายโบราณครั้งนี้เผ่าวิหคโลกันตร์อาจเป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

บนลานเมฆสายฟ้า

ไม่มีใครตอบคำถามของมู่เฉิน ขณะนี้แม้แต่จอมยุทธ์ทรงอำนาจอย่างหานซันและสีคุนก็ยังรู้สึกหวาดระแวงมู่เฉินอยู่บ้าง ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกที่จะไม่ไปปะทะกับมนุษย์ผู้นี้

ดังนั้นคนทั้งหมดที่อยู่ที่นี่จึงเงียบลง ก่อนที่จะถอยออกจากรัศมีโดยรอบมู่เฉินอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณบอกว่าพวกเขาไม่ต้องการต่อสู้กับเขา

เมื่อมู่เฉินเห็นภาพนี้ก็ไม่มีอารมณ์ใดบนใบหน้า แต่ในใจกลับรู้สึกโล่งอก คนอื่นๆ เห็นเพียงฉากการต่อสู้ตระการที่เขาเอาชนะลู่สุยได้ แต่พวกเขาไม่รู้หรอกว่าหมัดที่เขาชกออกไปก่อนหน้านี้คือพลังงานส่วนเกินจากสามชั้นแรก

ร่างกายของมู่เฉินก่อนหน้าเปรียบเสมือนฟองน้ำที่ดูดซับน้ำจนถึงขีดจำกัด หมัดของเขาจึงเท่ากับบีบน้ำออกจนหมด ทำให้ร่างกายที่อัดแน่นกลับสู่สภาพเดิม

ดังนั้นถ้าให้เขาโจมตีแบบนั้นอีกครั้ง พลังก็จะไม่ทรงประสิทธิภาพเหมือนเมื่อครู่แน่นอน

ประสิทธิผลพิเศษชนิดนี้ของการสะสมพลังงานในร่างกายเป็นทักษะที่ได้มาจากกายามังกรหงส์ ด้วยวิธีนี้เขาจะได้รับผลลัพธ์ที่ไม่มีใครคาดคิดไว้ กลายเป็นไพ่ลับอีกใบหนึ่ง

“คัมภีร์หลงเฟิ่งทรงพลังจริงๆ”

แม้แต่มู่เฉินก็ยังชื่นชมในสิ่งนี้ คัมภีร์หลงเฟิ่งสมแล้วที่เป็นทักษะยอดเยี่ยมแท้จริง จากการประเมินของเขาคัมภีร์นี้ต้องอยู่ในระดับเสินทงแน่นอน ซึ่งไม่ธรรมดาแม้จะอยู่ในกลุ่มวิทยายุทธระดับเสินทงด้วย

มู่เฉินชื่นชมก่อนที่จะใจเย็นลง แม้ว่าตอนนี้จะไม่มีใครท้าทายเขา แต่เขาก็ไม่ตั้งใจที่จะท้าทายคนอื่นด้วยเช่นกัน เขายืนนิ่งบนตำแหน่งตนเองรอผลการคัดออก

สำหรับจงเถิง มู่เฉินรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นพวกยุแยงให้ลู่สุยมาปะทะกับเขา แต่เนื่องจากตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ดีในการจัดการ เขาจึงได้แต่ผลักแผนไปก่อน

แต่ถึงกระนั้นสายตาคมกล้าของมู่เฉินก็ยังจ้องเขม็งไปที่จงเถิง รอบตัวเต็มไปด้วยคลื่นหลิงราวกับเสือดาวที่กำลังจะจ้องตะครุบเหยื่ออัดแน่นด้วยภัยคุกคาม

เมื่อเห็นท่าทางของมู่เฉิน จงเถิงที่ประจันหน้ากับมั่วเฟิงก็รู้สึกอึดอัดใจ เขาต้องแยกสมาธิอยู่ตลอดเพื่อจับตามองมู่เฉิน ป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายเคลื่อนไหวมาประสานพลังกับมั่วเฟิง

ด้วยวิธีนี้สมาธิของจงเถิงจึงค่อนข้างฟุ้งซ่าน สุดท้ายเขาได้แต่กัดฟัน ถอนคลื่นหลิงและถอยออกจากบริเวณของมั่วเฟิง

“พี่มั่วยากสำหรับการต่อสู้ของเราที่จะได้ข้อสรุป ทำไมเราไม่ไปจัดการคนอื่นและรับที่นั่งมาล่ะ?” ขณะที่จงเถิงถอยกลับเสียงก็สะท้อนก้องไปด้วย

มั่วเฟิงจ้องมองจงเถิงอย่างไม่แยแสก่อนที่จะพยักหน้า นั่นเป็นเพราะเขารู้ว่าหากพวกเขายังอยู่ในสถานการณ์ยืนจ้องหน้ากันก็จะไม่เกิดผลลัพธ์ใด หากเขาร่วมมือกับมู่เฉิน พวกเขาอาจทำให้จงเถิงบ้าดีเดือดขึ้นมา แม้แต่พวกเขาก็ต้องจ่ายราคามหาศาลจากการตีโต้

ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับพวกเขาคือการได้ที่นั่งเพื่อเข้าสู่ชั้นสี่

เมื่อจงเถิงเห็นคำตอบของมั่วเฟิงก็รู้สึกโล่งใจในใจ เขาถอยกลับอย่างรวดเร็วออกจากจุดที่มู่เฉินและมั่วเฟิงอยู่ เขาครุ่นคิดสั้นๆ ก่อนจะเลือกปะทะกับคนที่อ่อนแอกว่า

พอมู่เฉินเห็นจงเถิงไปแล้วก็ไม่ได้ใส่ใจอีกต่อไป สายตาหันมามองมั่วเฟิงแล้วก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้มแสดงความขอบคุณในการช่วยเหลือครั้งนี้

สายตาของมั่วเฟิงเป็นมิตรมากขึ้น คิดว่าการที่มู่เฉินเอาชนะลู่สุย ทำให้มั่วเฟิงมองมู่เฉินในฐานะจอมยุทธ์ที่อยู่ในระดับเดียวกันกับเขา ดังนั้นจึงไม่ได้มีท่าทางเฉยเมยเหมือนเมื่อก่อน

มั่วเฟิงพยักหน้าให้มู่เฉิน ก่อนที่จะหันหลังกลับและเริ่มเลือกคู่ต่อสู้ของตนเอง

ครืน!

เมื่อทุกคนเลือกคู่ต่อสู้แล้ว ทันใดนั้นคลื่นหลิงก็ระเบิดรุนแรงบนลานเมฆสายฟ้า คลื่นกระแทกกวาดออก ทำให้มิติเกิดการสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นไม่หยุด

บนลานเมฆสายฟ้าพลังงานหลิงกวาดหายนะ มีเพียงตรงมู่เฉินเท่านั้นที่ไม่ถูกรบกวน เนื่องจากไม่มีใครกล้าเหยียบเข้ามาในรัศมีพันจั้ง ยามนี้เขาเหมือนผู้ชมที่ดูการต่อสู้ติดขอบ ในเวลาเดียวกันก็บันทึกกระบวนท่าที่ทรงพลังของบางคนไว้ในสมอง

แม้ว่าในชั้นนี้พวกเขาอาจไม่ได้ประลองกัน แต่ก็ยังมีอีกสองชั้นรอพวกเขาอยู่ ใครจะสามารถรับประกันได้ว่าจะไม่มีการลดจำนวนลงในชั้นต่อไป?

ดังนั้นถ้ามีโอกาสเขาต้องพยายามจดจำข้อมูลผู้อื่นเก็บไว้

ภายใต้การสังเกตของมู่เฉิน การประลองบนลานเมฆสายฟ้าก็คงอยู่ชั่วระยะหนึ่ง ก่อนที่แต่ละคู่จะมาถึงจุดสิ้นสุด ผลลัพธ์ก็เป็นไปตามที่คาดไว้

หลังจากมู่เฉินก็เป็นหานซันที่เอาชนะคู่ต่อสู้ได้ที่นั่งที่สองไป

จากนั้นมั่วเฟิงและจงเถิงก็คว้าชัยชนะตามมา

ที่นั่งสุดท้ายตกเป็นของสีคุนที่ก่อนหน้านี้เคยแพ้หานซันที่ด้านนอกเจดีย์ ชายนี้มีความแข็งแกร่งที่น่าตกใจ แม้แต่หานซันยังต้องใช้ทักษะเต็มที่ถึงจะได้รับชัยชนะมา

เมื่อสีคุนได้รับที่นั่งสุดท้ายลานเมฆสายฟ้าขนาดใหญ่ก็เงียบลงอีกครั้ง ร่างทั้งห้ายืนอยู่ ขณะรัศมีไร้ขอบเขตทั้งห้าสายพุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าชนกันเปรี้ยงปร้าง

ทว่าการชนกันก็ดำเนินไปเพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ ก่อนที่ทั้งห้าจะถอนคลื่นพลังพร้อมกัน พวกเขาเหลือบมองกันและกัน จากนั้นก็ไม่ลังเลทะยานออกไปปรากฏตัวบนเบาะทั้งห้า

สายตาพวกเขาพุ่งตรงไปยังมิติด้านหลังลานเมฆสายฟ้าด้วยความโลภ ตรงนั้นเส้นดาวหางจำนวนมากกวาดผ่านราวกับฝนดาวตก

ในแสงเหล่านั้นแก่นหยดสายฟ้ากำลังกะพริบด้วยความแวววาว


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท