หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – ตอนที่ 1152

ตอนที่ 1152

หนึ่งในใต้หล้า 大主宰
บทที่ 1152 รับหม้อ
บุ๋ม

มู่เฉินพุ่งออกมาจากทะเลสาบสวรรค์ขณะยืนอยู่บนเรือมังกรทองคำ สายตากวาดมองไปก็ส่งเสียงอุทาน นั่นเป็นเพราะพื้นผิวของทะเลสาบจอแจมาก มีเงาแสงพุ่งออกมาจากตลอดเวลา

“นี่คือการชำระล้างทะเลสาบสวรรค์เหรอ?”

เมื่อมู่เฉินปรากฏตัวขึ้นก็มองไปที่พื้นผิวน้ำ ร่างเงาหนึ่งอยู่บนป้าย ร่างนั้นแตะฝ่าเท้าลงไปเกลียวแสงแวววาวก็ระเบิดออกมาจากป้ายพร้อมกับประกายแสงทะยานสู่ท้องฟ้า ทุกๆ เกลียวแสงมีคลื่นหลิงบริสุทธิ์และทรงพลัง

ประกายแสงเหล่านั้นก็คือก้อนอัญมณีจิตทะเลสาบสวรรค์ พิจารณาจากจำนวนน่าจะมีประมาณยี่สิบดวง

นี่เป็นขั้นต่ำสุดของพิธีการชำระล้าง

แต่เมื่อมองไปที่ใบหน้าคนนั้นก็ดูพอใจอย่างชัดเจน ท้ายที่สุดแล้วการไล่จับจิตทะเลสาบเป็นเรื่องยากมาก แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเก้าระยะเต็มก็ยังต้องใช้สมองมาก ดังนั้นจึงเป็นเรื่องยากที่จะได้รับถึงยี่สิบดวง

ฮึ่ม ฮึ่ม

เมื่อก้อนอัญมณีเหล่านั้นทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าก็รวมตัวกันก่อตัวเป็นลำแสงขนาดใหญ่เชื่อมระหว่างท้องฟ้ากับท้องน้ำ คล้ายกับสะพานเชื่อมระหว่างทั้งสองโดยมีชายคนหนึ่งยืนอยู่ตรงกลางสะพาน

ซ่า ซ่า

น้ำในทะเลสาบไร้ขอบเขตกวาดขึ้นเหนือร่างคนคนนั้นกลายเป็นกระแสน้ำวนที่มีคลื่นบริสุทธิ์และไร้ที่สิ้นสุดถูกบีบอัด ครู่ต่อมาก็กลายเป็นหยาดละอองฝนโปรยปรายลงมา

ฝนนี้ไม่ใช่ฝนธรรมดา หยาดฝนเป็นสีเขียวมรกตที่ดูเหมือนจะบรรจุด้วยพลังชีวิตและพลังหลิงเข้มข้น ทุกหยดเปรียบได้กับของเหลวจื้อจุนจำนวนหมื่นหยด

ชายที่กระตุ้นการชำระล้างก็กระจายความสุขบนใบหน้า เขาเร้าร่างเทห์สวรรค์ออกมาทันที จากนั้นก็กางแขนปล่อยให้ละอองฝนตกประพรมลงบนร่างเทห์สวรรค์ของตนเอง

ฮึ่ม

เมื่อสายฝนตกลงมาบนร่างเทห์สวรรค์ที่ยิ่งใหญ่ เม็ดฝนก็หลอมรวมเข้ากับร่างเทห์สวรรค์ซึ่งทำให้ระเบิดออกด้วยเกลียวแสงแวววาวนับไม่ถ้วน คลื่นหลิงทรงพลังที่ถูกปล่อยออกมาก็ขยายตัวอย่างรวดเร็ว

ยิ่งไปกว่านั้นพื้นผิวของร่างเทห์สวรรค์ยังมีชั้นของมรกตที่ดูเหมือนผ้าคลุมครอบคลุมทั่วทั้งสรรพางค์กาย ถึงแม้ว่าผ้าคลุมจะเบาบาง แต่มู่เฉินก็รู้ดีว่าร่างเทห์สวรรค์ของชายคนนั้นจะได้รับการเสริมความแข็งแกร่งจากเกลียวแสงมรกตอย่างน้อยหนึ่งเท่าตัว

นอกจากนี้ชายคนนั้นก็ยังได้รับการชำระล้างด้วย หลังจากการเปลี่ยนแปลงที่สมบูรณ์พื้นผิวร่างกายของเขาก็เปล่งแสงเรืองรองจางๆ เนื่องจากเขาแข็งแกร่งขึ้นเช่นกัน

“ฮ่าๆ สมกับเป็นการชำระล้างทะเลสาบสวรรค์จริงๆ!”

เมื่อรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงของร่างเทห์สวรรค์ ชายคนนั้นก็ไม่สามารถกลั้นเสียงหัวเราะด้วยความสุขบนใบหน้า เห็นได้ชัดว่าเขาพอใจอย่างยิ่งกับการรับพิธีชำระล้างนี้

หลายคนให้ความสนใจ เมื่อพวกเขาเห็นการเพิ่มขึ้นของพลังใบหน้าก็ฉายทั้งความตกใจและตื่นเต้น การชำระล้างทะเลสาบสวรรค์พิเศษอย่างแท้จริง!

“แม้แต่ขั้นต่ำสุดก็ยังมีผลเช่นนี้?” มู่เฉินประหลาดใจไปเล็กน้อย แม้ว่าการเติบโตของชายคนนั้นจะแข็งแกร่งขึ้น แต่ส่วนใหญ่เป็นผลมาจากพื้นฐานอ่อนแอของเขา ดังนั้นผลที่ได้รับจึงเห็นชัดเจนมาก แต่นี่ก็เป็นเพียงขั้นต่ำสุดของการชำระล้าง ยังมีขั้นสูงและขั้นสมบูรณ์ที่เล่าลือกัน

ตู้ม ตู้ม!

ขณะที่มู่เฉินรู้สึกประหลาดใจ เสาแสงจำนวนมากก็ทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าเปล่งความผันผวนรุนแรง ยามนี้จอมยุทธ์จำนวนมากเริ่มกระตุ้นการชำระล้างแล้ว

การชำระล้างเหล่านั้นแทบทั้งหมดอยู่ในขั้นต่ำ แต่เนื่องจากมีความแตกต่างของก้อนอัญมณีจิตทะเลสาบสวรรค์ จึงมีความต่างบางอย่างในการรับพิธีชำระล้างเช่นกัน

“หืม? การชำระล้างขั้นสูง?”

เมื่อมองไปที่เสาแสงการชำระล้างนับไม่ถ้วน มู่เฉินก็ต้องหดตาลงขณะมองไปในระยะไกล มีเสาแสงขนาดใหญ่ทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า พลังทรงประสิทธิภาพมากจนเหนือกว่าการชำระล้างจุดอื่นๆ ทั้งหมด ดึงดูดสายตาตกตะลึงนับไม่ถ้วน

มู่เฉินมองไปที่ภาพเงานั้นก็หรี่ตาลง นั่นไม่ใช่คนไม่คุ้นเคยสำหรับเขา ชายคนนั้นก็คือฉินจิงเจ๋อที่ก่อนหน้ามู่เฉินพบที่นอกประตูมังกรทะยานสวรรค์ เป็นจอมยุทธ์อันดับห้าในทำเนียบ

ก้อนอัญมณีจิตทะเลสาบสวรรค์เจ็ดสิบดวงพวยพุ่งออกมาจากป้ายของเขา ซึ่งมีมากกว่าทุกคนที่นี่

ด้วยจำนวนนี้จึงเป็นการชำระล้างขั้นสูงโดยธรรมชาติ

ความปั่นป่วนที่เกิดขึ้นก็น่าตื่นเต้นมากเช่นกัน เกลียวแสงไร้ขอบเขตก่อตัวเป็นอ่าวเล็กใสไหลลงมาจากท้องฟ้า สายธารเทลงบนศีรษะของเขา

ฉินจิงเจ๋อไม่ได้เรียกร่างเทห์สวรรค์ออกมา แต่ทุกคนสัมผัสได้ชัดเจนว่าคลื่นกระบี่ที่เปล่งออกมาจากร่างกายเขาคมชัดขึ้นเรื่อยๆ จนถึงจุดสิ้นสุด แม้แต่มิติรอบตัวเขาก็ถูกเฉือนออก

ความรู้สึกราวกับว่าคลื่นกระบี่ในร่างกายเขาได้รับการหล่อเลี้ยงจากสายธาร

เมื่อหยาดหยดสุดท้ายหายเข้าไปในกระหม่อมของฉินจิงเจ๋อ เขาก็ลืมตาขึ้นและคลื่นกระบี่พุ่งออกมาจากดวงตา ทิ้งรอยบากยาวพันจั้งไว้ที่ทะเลสาบเบื้องล่าง

การระเบิดความผันผวนของคลื่นหลิงที่เล็ดลอดออกมาจากร่างกายของฉินจิงเจ๋อมาถึงระดับที่น่าทึ่ง ซึ่งบรรลุระดับจื้อจุนขั้นเก้าระยะเต็มแล้ว!

“ฉินจิงเจ๋อบรรลุขุมพลัง!”

หลายคนอุทานเหนือทะเลสาบ เมื่อก่อนฉินจิงเจ๋อเป็นอยู่ในขั้นเก้าระยะปลายสุด แต่ขณะนี้เขาก้าวเข้าสู่ขั้นเก้าระยะเต็มแล้ว!

หลายคนรู้สึกอิจฉาเนื่องจากจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเก้าระยะเต็มมีคุณสมบัติเพียงพอที่จะสัมผัสกับระดับตี้จื้อจุน ช่วงเวลาที่เขาก้าวผ่านธรณีประตูก็จะทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าและกลายเป็นจอมยุทธ์ทรงอำนาจ

ความแตกต่างระหว่างระดับจื้อจุนและระดับตี้จื้อจุนคล้ายกับสวรรค์และโลก

เฉพาะจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนเท่านั้นที่สามารถอ้างสิทธิ์ในการเป็นจอมยุทธ์แห่งมหาพันภพพร้อมกับสามารถท่องไปทั่วยุทธภพ นอกจากนี้พวกเขายังสามารถขึ้นเป็นผู้นำก่อตั้งสำนักของตนเองในทวีปเทียนหลัวได้

“ทะเลสาบสวรรค์แห่งนี้ควรค่าแก่การเป็นหนึ่งในฐานรากของวังสวรรค์บรรพกาลอย่างแท้จริง” แม้แต่มู่เฉินก็อดถอนหายใจไม่ได้

“หืม?”

หลังจากที่ถอนหายใจดวงตาก็ต้องหดลงก่อนที่จะมองไปยังทิศทางอื่น ร่างเงาหลายร่างอยู่บนพื้นผิวที่ห่างไกลของทะเลสาบ

ร่างเงาเหล่านั้นปรากฏขึ้นพร้อมกับเกลียวแสงสีทองเปล่งประกายออกมาจากป้ายมังกรทองคำของพวกเขา ยามนี้พวกเขาดึงดูดความสนใจทั้งหมดที่มีต่อฉินจิงเจ๋อมา

ดวงตาแต่ละคนสว่างขึ้นมองด้วยความคาดหวัง

นั่นเป็นเพราะร่างเงาเหล่านั้นเป็นจอมยุทธ์อัจฉริยะรุ่นใหม่ของทวีปเทียนหลัว ซึ่งก็คือจู้เยี่ยน จาโหลหลัวและซูชิงหยิง

ในเวลาเดียวกันร่างเงาสามร่างก็ปรากฏขึ้นในอีกมุมหนึ่ง ซึ่งก็คือเซียวเซียว หลินจิ้งและจิ่วโยว

เมื่อพวกเขาปรากฏตัวก็ดึงดูดความสนใจของทุกคน แต่พวกเขาไม่ได้ใส่ใจเรื่องนั้น พวกเขากวาดสายตาไปรอบๆ ก่อนที่จะมุ่งความสนใจไปที่มู่เฉิน

หลินจิ้งโบกมือให้มู่เฉินหย็อยๆ แต่ไม่ได้เข้ามาใกล้ เพราะต่างกำลังจะกระตุ้นการชำระล้าง ดังนั้นจึงเป็นการดีที่สุดที่จะรักษาระยะห่างเพื่อที่จะได้ไม่ขัดจังหวะกัน

จู้เยี่ยนมองไปที่มู่เฉินอย่างกินลึกแต่ก็ไม่ได้พูด ผิดกลับซูชิงหยิงที่มองด้วยความสนใจ

สำหรับจาโหลหลัว เขายิ้มให้มู่เฉินด้วยสีหน้าอบอุ่น “ฮ่าๆ พี่มู่อยู่นี่เอง ไม่มีข่าวเกี่ยวกับเซี่ยหยู่ดูเหมือนว่าเขาจะถูกเจ้าฆ่าสินะ น่าเกรงขามจริงๆ”

คำพูดของจาโหลหลัวดึงดูดเสียงอื้ออึงนับไม่ถ้วน ขณะที่ทุกคนมองมู่เฉินด้วยความไม่เชื่อ

เห็นได้ชัดว่าข่าวการต่อสู้ของมู่เฉินและเซี่ยหยู่ไม่ได้แพร่งพรายออกไป

“เซี่ยหยู่ตายด้วยน้ำมือมู่เฉิน? เป็นไปได้ยังไง?!” ทุกคนตกใจมากจนแม้แต่ฉินจิงเจ๋อที่เพิ่งออกจากการบรรลุขุมพลังก็มองไปที่มู่เฉินด้วยความตกตะลึง ตอนแรกเขาคิดว่าจะสามารถสู้กับเซี่ยหยู่ได้ด้วยพัฒนาการที่มี แต่เขาไม่คิดว่าเซี่ยหยู่จะถูกมู่เฉินสังหารไปแล้ว

“ไม่…เป็นไปไม่ได้!” อีกมุมหนึ่งใบหน้าของเซี่ยหงก็ซีดลง จอมยุทธ์แคว้นเซี่ยที่อยู่ข้างๆ ก็มีเหงื่อเย็นปกคลุมเต็มหน้าผากขณะค่อยๆ เหลียวมองไปที่มู่เฉินด้วยความตกใจในดวงตา ราวกับเห็นผีก็มิปาน

พวกเขารู้แค่ว่าเซี่ยหยู่จะสู้กับมู่เฉิน แต่ไม่มีใครคาดคิดว่านอกจากเซี่ยหยู่จะไม่สามารถจัดการกับมู่เฉินได้ เขายังเสียท่าถูกฆ่าอีกด้วย

มู่เฉินยังคงนิ่งเงียบขณะมองไปที่จาโหลหลัว แม้ว่าชายคนนี้จะเล่นละครดูตกอกตกใจ แต่มีเจตนาร้ายในคำพูดอย่างชัดเจน

“หากเจ้าสนใจสามารถลองดูได้เช่นกัน” มู่เฉินเอ่ยขึ้นเบาๆ

จาโหลหลัวยิ้ม “ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาที่ดีที่สุด นอกจากนี้พี่มู่ก็ไม่ธรรมดา เนื่องจากสามารถสรรหาผู้ช่วยนอกทวีปที่ทรงพลังเช่นนี้ได้ ดูเหมือนว่าโอกาสของทวีปเทียนหลัวครั้งนี้จะเป็นประโยชน์ต่อคนนอกซะแล้ว”

ขณะที่เขาพูดก็มองไปที่เซียวเซียวและหลินจิ้ง ความหมายเบื้องหลังคำพูดชัดเจนมาก

ทุกคนมีสีหน้าเปลี่ยนไปขณะมองไปที่มู่เฉิน เซียวเซียวและหลินจิ้งด้วยความหวาดระแวง

“เจ้านี่ชั่วช้าจริงๆ!” สายตาของจิ่วโยวกลายเป็นเย็นเยือกเมื่อมองไปที่จาโหลหลัวอย่างโกรธเกรี้ยว เห็นได้ชัดว่าจาโหลหลัวต้องการให้คนอื่นแยกมู่เฉินออกจากทวีปเทียนหลัว

ทว่ามู่เฉินราวกับไม่เห็นสายตาที่ตั้งระวังเหล่านั้น เขายิ้มอย่างใจเย็น “วังสวรรค์บรรพกาลถูกทิ้งไว้เบื้องหลังโดยบรรพบุรุษผู้กล้า เหล่าผู้อาวุโสตายเพื่อปกป้องมหาพันภพจากจักรวรรดิปีศาจต่างมิติ ดังนั้นสิ่งที่พวกเขาทิ้งไว้เบื้องหลังจึงถือเป็นของมหาพันภพ แต่วันนี้เจ้ากลับใช้โอกาสเหล่านี้มากีดแบ่งมหาพันภพ การกระทำเช่นนี้ก็ไม่ต่างจากเผ่าปีศาจ”

คำพูดของมู่เฉินทำให้ทุกคนอึ้งไปก่อนที่จะรู้สึกละอาย นั่นเป็นเพราะคำพูดของมู่เฉินมีไว้เพื่อประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่กว่า หากมีใครกล้าหักล้างคำพูดก็จะเป็นการแยกมหาพันภพ สนับสนุนเผ่าปีศาจ ซึ่งเรื่องนี้ไม่ต้องพูดถึงจาโหลหลัว แม้แต่จักรพรรดิฟ้าก็ไม่กล้ารับหม้อใบนี้ขึ้นมา

ทุกคนสบตากันก่อนจะมองไปที่ใบหน้าของจาโหลหลัวที่เปลี่ยนไปเป็นไม่น่ามอง เห็นได้ชัดว่าเขาตกใจมากกับการรับหม้อเดือดใบนี้ไป นี่ทำเอาทุกคนถอนหายใจ

“มู่เฉินร้ายกาจจริงๆ…”

**รับหม้อ เป็นการเปรียบเทียบ แปลว่า รับสิ่งไม่ดีใส่ตัว

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler ฟรี ได้ที่ novel-fast 


เรื่องย่อ

โดย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler บางส่วนของนิยาย

บทนำ

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป

‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้

แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์

แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว

ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ

เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง?

ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน…

เรื่องย่อ

เมื่อคำพูดของมู่เฉินกระจายออกไป ไม่เพียงแต่จะไม่มีการตอบสนอง แม้แต่ด้านนอกเจดีย์ก็ถูกห่อหุ้มด้วยบรรยากาศราวกับป่าช้า…

ทุกคนตกตะลึงไปกับฉากนี้ พวกเขาจ้องมองจุดที่ลู่สุยหายตัวไป ราวกับว่ายังไม่สามารถฟื้นจากอาการตะลึงงันที่เกิดขึ้นได้

ก่อนหน้าเมื่อลู่สุยออกกระบวนท่าที่น่าสะพรึง ผู้คนส่วนใหญ่ก็คิดว่าผลลัพธ์ของการต่อสู้ได้ถูกกำหนดแล้ว ทว่าพวกเขาไม่คิดเลยว่ามู่เฉินจะพลิกสถานการณ์ได้อีกครั้ง เตะลู่สุยที่เหมือนจะคว้าชัยชนะออกไป

ทุกคนตะลึงไปพักใหญ่ ก่อนที่พวกเขาจะหลุดออกจากอาการได้ สายตาเคร่งเครียดลง การประลองกันครั้งนี้มู่เฉินไม่ได้ใช้ค่ายกล แต่เขาก็สามารถเอาชนะจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดอย่างลู่สุยได้ด้วยความแข็งแกร่งที่อยู่ในขั้นหกเท่านั้น แม้ว่าจะมีผลจากลู่สุยประมาทเองในตอนแรก แต่นั่นก็แสดงให้เห็นว่ามู่เฉินน่ากลัวแค่ไหน

พลังเช่นนี้เขาสามารถเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์อันดับต้นๆ ในเจดีย์ฝึกพลังกายได้เลยทีเดียว

ทางฝั่งกลุ่มกระเรียนฟ้า ใบหน้าของหลิ่วชิงกลายเป็นเขียวสลับขาว นางมองไปที่ร่างสูงโปร่งบนหน้าจอ กลืนน้ำลายเหนียวหนืด ความกลัวปรากฏในดวงตาของนางเป็นครั้งแรก

มาถึงจุดนี้นางคงโง่แน่ถ้ายังคิดปฏิบัติต่อมู่เฉินเหมือนกับจอมยุทธ์ขั้นหกทั่วไป

ด้วยพลังในการต่อสู้ที่เขาแสดงออกมา บวกกับค่ายกลทรงพลัง แม้แต่จงเถิงก็ยากจะได้เปรียบหากพวกเขาต่อสู้กัน

ก่อนหน้านี้นางหัวเราะเยาะและมองจิ่วโยวด้วยความดูถูก แต่ตอนนี้นางอายแทบแทรกแผ่นดินหนี ซึ่งจุดนี้รู้ได้จากสายตาเยาะเย้ยเหล่านั้นที่ปรายมองเข้ามา

“ทำไมมู่เฉินถึงทรงพลังเช่นนี้?” จงฮั้วที่พ่ายแพ้ให้กับมู่เฉินก็มีสีหน้าเคร่งขรึมเช่นกัน ก่อนหน้านี้เขาเคยคิดเช่นกันว่ามู่เฉินพึ่งพาเพียงค่ายกลเพื่อจัดการกับศัตรู แต่ใครจะคิดว่าเมื่อไม่มีการใช้ค่ายกลมู่เฉินก็สามารถเอาชนะลู่สุยแบบดุร้ายยิ่งกว่าอะไร

“ดูเหมือนว่ามีเพียงพี่ใหญ่จงเถิงเท่านั้นที่สามารถจัดการกับเขาได้” จอมยุทธ์อีกคนของเผ่ากระเรียนฟ้าพยักหน้า

หลิ่วชิงพยักหน้าเบาๆ ไม่เพียงแต่พวกเขาจะพิจารณาพลังของมู่เฉินพลาดไปเท่านั้น แม้แต่จงเถิงก็ตัดสินอีกฝ่ายผิดไป ชายคนนั้นเป็นสัตว์ประหลาดอย่างแท้จริง

ฟิ้ว!

ขณะที่นอกเจดีย์ต่างตกตะลึงกับผลลัพธ์ที่มู่เฉินนำมา ทันใดนั้นแสงก็กะพริบบนแท่นนอกเจดีย์ ร่างน่าสังเวชปรากฏขึ้น

เมื่อร่างนั้นออกมาก็รีบถอยกลับไปปรากฏตัวขึ้นในกลุ่มอีกาสายฟ้าทันควัน นี่ก็คือลู่สุยที่มีสีหน้าซีดขาว คลื่นหลิงของเขาถดถอยลงอย่างมาก

สายตาโดยรอบยิงเข้าหาในเวลานี้ทันที

ใบหน้าของลู่สุยเขียวคล้ำ สายตาเกลียดชังมองไปที่มู่เฉินที่อยู่บนหน้าจอ ก่อนที่จะหันหัวสาดสายตาดุร้ายใส่จิ่วโยวและมั่วหลิง ที่ข้างๆ พรรคพวกของเขาก็มีท่าทางไม่ดีเช่นกัน

ทว่าจิ่วโยวไม่กลัวที่จะเผชิญหน้ากับสายตาเหล่านั้น นางเค้นเสียงอย่างเย็นชา “ลูกหมาที่ถูกฟาดยังกล้าที่จะออกมาแยกเขี้ยวอีกเหรอ?”

ตอนนี้ลู่สุยบาดเจ็บสาหัส สูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไปหมด ส่วนคนที่เหลือก็ไม่มีอะไรต้องกลัว หากพวกเขากล้าที่จะคิดบัญชีกับพวกนาง จิ่วโยวก็ไม่คิดปล่อยพวกเขาไว้เป็นภัยคุกคามในอนาคตหรอก

สายตาแสดงความเกลียดชังของลู่สุยจ้องเขม็งอยู่ที่จิ่วโยว แต่สุดท้ายเขาก็ต้องถอนสายตาออกไปอย่างไม่เต็มใจ ก่อนที่จะถอยกลับนั่งลงบนซากปรักหักพังเข้าสมาธิเพื่อฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ

จอมยุทธ์กลุ่มอีกาสายฟ้าก็ปรากฏรอบตัวเขาเพื่อปกป้อง

เมื่อจิ่วโยวเห็นการตอบสนองนั่น นางก็ไม่ได้ใส่ใจกับพวกเขาอีก นางมองไปที่หน้าจออีกครั้งโดยพุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่ร่างเงาอ่อนเยาว์ มือที่กำแน่นผ่อนคลายลง

เห็นได้ชัดว่านี่เป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงสำหรับนางที่มู่เฉินจะเอาชนะได้เด็ดขาดแบบนี้ นั่นเป็นเพราะตามการประเมินของนางแม้ว่ามู่เฉินจะยืนยงอยู่ได้ก็เป็นยากที่จะเอาชนะลู่สุยด้วยขุมพลังจื้อจุนขั้นหกและถ้าการต่อสู้ถูกลากไปจนสุดอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบคาดไม่ถึง

ทว่าผลลัพธ์สุดท้ายที่ได้ก็ทำให้นางทั้งประหลาดใจและดีใจ

เห็นได้ชัดว่ามู่เฉินได้รับประโยชน์มหาศาลจากสามชั้นแรกของเจดีย์ฝึกพลังกาย ไม่เช่นนั้นเขาไม่สามารถแสดงพลังเป็นที่ประจักษ์เช่นนี้ได้

“ว่ากันว่าในชั้นสี่มหัศจรรย์กว่านี้มาก หากใครสามารถเข้าไปได้ พวกเขาจะสามารถได้รับผลประโยชน์เกินกว่าสามชั้นแรกมาก…”

จิ่วโยวยิ้มบาง ดูจากสถานการณ์ปัจจุบันไม่น่ามีปัญหาใดๆ ที่มู่เฉินจะเข้าสู่ชั้นสี่ สำหรับมั่วเฟิงความแข็งแกร่งของเขาเป็นหนึ่งในอันดับต้นของกลุ่มที่เข้าไป ดังนั้นจึงไม่ยากสำหรับเขาที่จะได้หนึ่งในห้าที่นั่งนี้ไปเช่นกัน

ดูเหมือนว่าการเดินทางมาที่เจดีย์ฝึกพลังกายโบราณครั้งนี้เผ่าวิหคโลกันตร์อาจเป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

บนลานเมฆสายฟ้า

ไม่มีใครตอบคำถามของมู่เฉิน ขณะนี้แม้แต่จอมยุทธ์ทรงอำนาจอย่างหานซันและสีคุนก็ยังรู้สึกหวาดระแวงมู่เฉินอยู่บ้าง ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกที่จะไม่ไปปะทะกับมนุษย์ผู้นี้

ดังนั้นคนทั้งหมดที่อยู่ที่นี่จึงเงียบลง ก่อนที่จะถอยออกจากรัศมีโดยรอบมู่เฉินอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณบอกว่าพวกเขาไม่ต้องการต่อสู้กับเขา

เมื่อมู่เฉินเห็นภาพนี้ก็ไม่มีอารมณ์ใดบนใบหน้า แต่ในใจกลับรู้สึกโล่งอก คนอื่นๆ เห็นเพียงฉากการต่อสู้ตระการที่เขาเอาชนะลู่สุยได้ แต่พวกเขาไม่รู้หรอกว่าหมัดที่เขาชกออกไปก่อนหน้านี้คือพลังงานส่วนเกินจากสามชั้นแรก

ร่างกายของมู่เฉินก่อนหน้าเปรียบเสมือนฟองน้ำที่ดูดซับน้ำจนถึงขีดจำกัด หมัดของเขาจึงเท่ากับบีบน้ำออกจนหมด ทำให้ร่างกายที่อัดแน่นกลับสู่สภาพเดิม

ดังนั้นถ้าให้เขาโจมตีแบบนั้นอีกครั้ง พลังก็จะไม่ทรงประสิทธิภาพเหมือนเมื่อครู่แน่นอน

ประสิทธิผลพิเศษชนิดนี้ของการสะสมพลังงานในร่างกายเป็นทักษะที่ได้มาจากกายามังกรหงส์ ด้วยวิธีนี้เขาจะได้รับผลลัพธ์ที่ไม่มีใครคาดคิดไว้ กลายเป็นไพ่ลับอีกใบหนึ่ง

“คัมภีร์หลงเฟิ่งทรงพลังจริงๆ”

แม้แต่มู่เฉินก็ยังชื่นชมในสิ่งนี้ คัมภีร์หลงเฟิ่งสมแล้วที่เป็นทักษะยอดเยี่ยมแท้จริง จากการประเมินของเขาคัมภีร์นี้ต้องอยู่ในระดับเสินทงแน่นอน ซึ่งไม่ธรรมดาแม้จะอยู่ในกลุ่มวิทยายุทธระดับเสินทงด้วย

มู่เฉินชื่นชมก่อนที่จะใจเย็นลง แม้ว่าตอนนี้จะไม่มีใครท้าทายเขา แต่เขาก็ไม่ตั้งใจที่จะท้าทายคนอื่นด้วยเช่นกัน เขายืนนิ่งบนตำแหน่งตนเองรอผลการคัดออก

สำหรับจงเถิง มู่เฉินรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นพวกยุแยงให้ลู่สุยมาปะทะกับเขา แต่เนื่องจากตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ดีในการจัดการ เขาจึงได้แต่ผลักแผนไปก่อน

แต่ถึงกระนั้นสายตาคมกล้าของมู่เฉินก็ยังจ้องเขม็งไปที่จงเถิง รอบตัวเต็มไปด้วยคลื่นหลิงราวกับเสือดาวที่กำลังจะจ้องตะครุบเหยื่ออัดแน่นด้วยภัยคุกคาม

เมื่อเห็นท่าทางของมู่เฉิน จงเถิงที่ประจันหน้ากับมั่วเฟิงก็รู้สึกอึดอัดใจ เขาต้องแยกสมาธิอยู่ตลอดเพื่อจับตามองมู่เฉิน ป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายเคลื่อนไหวมาประสานพลังกับมั่วเฟิง

ด้วยวิธีนี้สมาธิของจงเถิงจึงค่อนข้างฟุ้งซ่าน สุดท้ายเขาได้แต่กัดฟัน ถอนคลื่นหลิงและถอยออกจากบริเวณของมั่วเฟิง

“พี่มั่วยากสำหรับการต่อสู้ของเราที่จะได้ข้อสรุป ทำไมเราไม่ไปจัดการคนอื่นและรับที่นั่งมาล่ะ?” ขณะที่จงเถิงถอยกลับเสียงก็สะท้อนก้องไปด้วย

มั่วเฟิงจ้องมองจงเถิงอย่างไม่แยแสก่อนที่จะพยักหน้า นั่นเป็นเพราะเขารู้ว่าหากพวกเขายังอยู่ในสถานการณ์ยืนจ้องหน้ากันก็จะไม่เกิดผลลัพธ์ใด หากเขาร่วมมือกับมู่เฉิน พวกเขาอาจทำให้จงเถิงบ้าดีเดือดขึ้นมา แม้แต่พวกเขาก็ต้องจ่ายราคามหาศาลจากการตีโต้

ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับพวกเขาคือการได้ที่นั่งเพื่อเข้าสู่ชั้นสี่

เมื่อจงเถิงเห็นคำตอบของมั่วเฟิงก็รู้สึกโล่งใจในใจ เขาถอยกลับอย่างรวดเร็วออกจากจุดที่มู่เฉินและมั่วเฟิงอยู่ เขาครุ่นคิดสั้นๆ ก่อนจะเลือกปะทะกับคนที่อ่อนแอกว่า

พอมู่เฉินเห็นจงเถิงไปแล้วก็ไม่ได้ใส่ใจอีกต่อไป สายตาหันมามองมั่วเฟิงแล้วก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้มแสดงความขอบคุณในการช่วยเหลือครั้งนี้

สายตาของมั่วเฟิงเป็นมิตรมากขึ้น คิดว่าการที่มู่เฉินเอาชนะลู่สุย ทำให้มั่วเฟิงมองมู่เฉินในฐานะจอมยุทธ์ที่อยู่ในระดับเดียวกันกับเขา ดังนั้นจึงไม่ได้มีท่าทางเฉยเมยเหมือนเมื่อก่อน

มั่วเฟิงพยักหน้าให้มู่เฉิน ก่อนที่จะหันหลังกลับและเริ่มเลือกคู่ต่อสู้ของตนเอง

ครืน!

เมื่อทุกคนเลือกคู่ต่อสู้แล้ว ทันใดนั้นคลื่นหลิงก็ระเบิดรุนแรงบนลานเมฆสายฟ้า คลื่นกระแทกกวาดออก ทำให้มิติเกิดการสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นไม่หยุด

บนลานเมฆสายฟ้าพลังงานหลิงกวาดหายนะ มีเพียงตรงมู่เฉินเท่านั้นที่ไม่ถูกรบกวน เนื่องจากไม่มีใครกล้าเหยียบเข้ามาในรัศมีพันจั้ง ยามนี้เขาเหมือนผู้ชมที่ดูการต่อสู้ติดขอบ ในเวลาเดียวกันก็บันทึกกระบวนท่าที่ทรงพลังของบางคนไว้ในสมอง

แม้ว่าในชั้นนี้พวกเขาอาจไม่ได้ประลองกัน แต่ก็ยังมีอีกสองชั้นรอพวกเขาอยู่ ใครจะสามารถรับประกันได้ว่าจะไม่มีการลดจำนวนลงในชั้นต่อไป?

ดังนั้นถ้ามีโอกาสเขาต้องพยายามจดจำข้อมูลผู้อื่นเก็บไว้

ภายใต้การสังเกตของมู่เฉิน การประลองบนลานเมฆสายฟ้าก็คงอยู่ชั่วระยะหนึ่ง ก่อนที่แต่ละคู่จะมาถึงจุดสิ้นสุด ผลลัพธ์ก็เป็นไปตามที่คาดไว้

หลังจากมู่เฉินก็เป็นหานซันที่เอาชนะคู่ต่อสู้ได้ที่นั่งที่สองไป

จากนั้นมั่วเฟิงและจงเถิงก็คว้าชัยชนะตามมา

ที่นั่งสุดท้ายตกเป็นของสีคุนที่ก่อนหน้านี้เคยแพ้หานซันที่ด้านนอกเจดีย์ ชายนี้มีความแข็งแกร่งที่น่าตกใจ แม้แต่หานซันยังต้องใช้ทักษะเต็มที่ถึงจะได้รับชัยชนะมา

เมื่อสีคุนได้รับที่นั่งสุดท้ายลานเมฆสายฟ้าขนาดใหญ่ก็เงียบลงอีกครั้ง ร่างทั้งห้ายืนอยู่ ขณะรัศมีไร้ขอบเขตทั้งห้าสายพุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าชนกันเปรี้ยงปร้าง

ทว่าการชนกันก็ดำเนินไปเพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ ก่อนที่ทั้งห้าจะถอนคลื่นพลังพร้อมกัน พวกเขาเหลือบมองกันและกัน จากนั้นก็ไม่ลังเลทะยานออกไปปรากฏตัวบนเบาะทั้งห้า

สายตาพวกเขาพุ่งตรงไปยังมิติด้านหลังลานเมฆสายฟ้าด้วยความโลภ ตรงนั้นเส้นดาวหางจำนวนมากกวาดผ่านราวกับฝนดาวตก

ในแสงเหล่านั้นแก่นหยดสายฟ้ากำลังกะพริบด้วยความแวววาว


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท