หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – ตอนที่ 1150

ตอนที่ 1150

หนึ่งในใต้หล้า 大主宰
บทที่ 1150 เซี่ยหยู่สิ้นชีพ
เมื่อมู่เฉินชกหมัดลงมา

คลื่นหลิงที่รุนแรงในบริเวณนี้ก็หายไปทันที ร่างราชันฟากฟ้ามหึมาก็แตกสลาย

ขณะที่ร่างเทห์สวรรค์กระจัดกระจาย ผู้ชมก็ตกตะลึกด้วยความไม่เชื่อเต็มสายตา

“ขะ…เขาฆ่าเซียวหยูจริงเหรอ?!”

ทุกคนกลืนน้ำลายอึกใหญ่ ขณะสายตามองไปที่มู่เฉินด้วยความกลัว ความเด็ดขาดของมู่เฉินทำเอาพวกเขาหนาวสั่นในใจ

นั่นคือเซี่ยหยู่องค์รัชทายาทแคว้นเซี่ย ผู้สืบทอดบัลลังก์นะ!

ด้วยความสำคัญของเซี่ยหยู่ ถ้าฮ่องเต้เซี่ยทราบข่าวการตายของลูกชายคนโตละก็ เขาไม่มีทางปล่อยเรื่องนี้สงบลงแน่ ความเกรี้ยวกราดของฮ่องเต้เซี่ยเป็นสิ่งที่มู่เฉินจะทนรับได้รึ? ชัดเจนว่าไม่เลย…

มู่เฉินมองศพไร้หัวอย่างสงบ ท่ามกลางความตกตะลึงของทุกคน หมัดนั้นไม่เพียงแต่ระเบิดหัวเซี่ยหยู่จนกระจุย แต่ไอสังหารที่อยู่เบื้องหลังหมัดยังทำลายจุดจื้อจุนไห่ของเซี่ยหยู่ไปด้วย…

ดังนั้นวันนี้ที่นี่เซี่ยหยู่สิ้นชีพตลอดกาล

มู่เฉินทราบดีว่าตนเองจะทำให้แคว้นเซี่ยขุ่มเคืองเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างสมบูรณ์ แต่เขาก็สังหารโดยไม่ลังเล นั่นเป็นเพราะมู่เฉินรู้ชัดว่าเซี่ยหยู่เป็นคนที่น่ากลัว แม้ว่าจะบีบบังคับเซี่ยหยู่ต้องล่าถอย แต่คนอย่างเซี่ยหยู่ก็จะตามกัดเขาทุกครั้งที่มีโอกาสแน่นอน

นอกจากนี้พรสวรรค์ของเซี่ยหยู่ก็จัดว่าดีเยี่ยม ตามการคาดการณ์ของมู่เฉินถ้าเซี่ยหยู่มีเวลามากขึ้นบวกกับทรัพยากรของแคว้นเซี่ยก็มีโอกาสมากที่จะบรรลุระดับตี้จื้อจุนได้

ในเมื่อเป็นเช่นนี้ก็จำเป็นที่จะต้องจัดการให้สิ้นซาก เพราะมู่เฉินไม่ต้องการถูกหมายหัวจากจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนในอนาคต

เมื่อพิจารณาจากเหตุผลโดยรวมแล้ว มู่เฉินก็ไม่ลังเลที่จะฆ่าและทำลายล้างผู้สืบทอดบัลลังก์แคว้นเซี่ย

“แต่นี่ก็จะทำให้แคว้นเซี่ยเคียดแค้นแน่”

สายตาของมู่เฉินวูบไหว ฮ่องเต้เซี่ยเป็นผู้นำเผด็จการในทวีปเทียนหลัวและหากฮ่องเต้เซี่ยตัดสินใจที่จะเคลื่อนไหวก็จะเป็นหายนะสำหรับมู่เฉินแน่นอน แต่โชคดีที่เขามีมั่นถัวหลัวคอยสนับสนุนจึงไม่มีอะไรต้องกลัว

“ดูเหมือนว่าจำเป็นอย่างยิ่งแล้วที่จะต้องช่วยมั่นถัวหลัวค้นหาร่างหลัก”

มู่เฉินเบ้ปาก ฮ่องเต้เซี่ยเป็นจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลายที่ครอบครองอาวุมหสวรรค์ขั้นกลาง ดังนั้นความแข็งแกร่งในการต่อสู้จึงถือได้ว่าไม่ธรรมดาของในหมู่จอมยุทธ์ระดับนี้ แม้แต่มั่นถัวหลัวก็ไม่มั่นใจว่าจะชนะ ไม่ต้องพูดถึงว่ามั่นถัวหลัวยังมีศัตรูคู่แค้นที่ต้องรับมืออย่างเจ้าตำหนักเทพปีศาจ

ดังนั้นเพื่อเป็นการรับประกันตัวเอง เขาต้องช่วยมั่นถัวหลัวหาร่างให้พบ เมื่อนางหลอมรวมกับร่างหลักความแข็งแกร่งก็จะเข้าสู่ระดับตี้จื้อจุนขั้นเต็ม ในเวลานั้นไม่ต้องพูดถึงฮ่องเต้เซี่ย เนื่องจากความแข็งแกร่งของมั่นถัวหลัวจะติดอันดับต้นๆ ในทวีปเทียนหลัวอีกด้วย

แม้ว่าเขาและมั่นถัวหลัวจะเป็นเพื่อนกัน แต่เขาก็ไม่สามารถให้นางสะสางเรื่องยุ่งเหยิงของเขาอยู่ตลอด เขาต้องทำอะไรบางอย่างเพื่อนางด้วยเช่นกัน

ดังนั้นเขาต้องทำภารกิจค้นหาร่างหลักของมั่นถัวหลัวให้สำเร็จ

เมื่อคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ มู่เฉินก็ไม่ลังเลอีกต่อไป เขาเงยหน้าขึ้นมองตราหยกดำที่ลอยอยู่ในอากาศ นี่คือตราราชันไศลนทีที่เซี่ยหยู่ใช้ก่อนหน้านี้

มู่เฉินยื่นมือออกมาหยิบ เขาให้ความสนใจอย่างมากกับวัตถุที่สามารถแยกร่างเทห์สวรรค์ออกจากผู้ฝึกได้ คราวนี้ถ้าไม่ใช่เพราะเขาใช้หมัดปีศาจพลีชีพได้อย่างสมบูรณ์ เขาอาจต้องนำพัดเทพสายลมออกมาเพื่อรับมือ

มู่เฉินจับตราหยกดำก็สัมผัสบางอย่างได้วูบหนึ่งก่อนที่คิ้วจะขมวด นั่นเป็นเพราะเขาตระหนักว่าคลื่นหลิงที่อยู่ในนั้นหมดลงอย่างสมบูรณ์จากการต่อสู้กระบวนท่าสุดท้าย หากเขาต้องการใช้อีกครั้งก็ต้องใช้เวลาอย่างมากในการเทพลังงานเข้าไป

โยนตราขึ้นลงในมือมู่เฉินก็เก็บเอาไว้ แม้ว่าคลื่นหลิงในนั้นจะหมดลงอย่างสมบูรณ์ แต่ก็ยังคงเป็นวัตถุพิเศษและอาจมีประโยชน์หากเก็บไว้

มู่เฉินโบกมือป้ายมังกรทองคำก็ปรากฏขึ้น นี่เป็นของเซี่ยหยู่

มู่เฉินตบแผ่นโลหะเบาๆ ก็เห็นก้อนแสงลอยขึ้นตรงหน้า นี่ก็คือจิตทะเลสาบสวรรค์

ซึ่งมีจำนวนแปดดวงเลยทีเดียว

เห็นชัดว่านั่นคือการเก็บเกี่ยวของเซี่ยหยู่

“ประสิทธิภาพของเจ้านี่ดีทีเดียว…” มู่เฉินมองไปที่ก้อนอัญมณีทั้งแปดก็อดไม่ได้ที่จะประหลาดใจ เขาวางกับดักหนักหนาอยู่ที่นี่ก็ได้มาเพียงสิบสามดวง ซึ่งไม่ได้ต่างอะไรจากเซี่ยหยู่มากนัก

อย่างไรก็ตามสิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นประโยชน์ต่อมู่เฉินในที่สุด

ดังนั้นมู่เฉินจึงเก็บก้อนจิตทั้งแปดดวงไว้โดยไม่ลังเล ภายใต้สายตาโลภมากของทุกคน ด้วยวิธีนี้เขาจะมีจิตทะเลสาบสวรรค์ยี่สิบเอ็ดดวง ตราบใดที่เขารับได้อีกเก้าดวงก็จะถึงข้อกำหนดขั้นต่ำสำหรับการชำระล้าง

หลังจากเก็บดอกผล มู่เฉินก็กวาดสายตาไปในระยะไกล เมื่อระลอกการต่อสู้กระจายออกไปเขาก็สัมผัสได้ว่ามีบางคนคืบคลานเข้ามา

คนเหล่านั้นมองไปที่มู่เฉินด้วยความโลภในสายตา

แม้ว่ามู่เฉินจะได้รับชัยชนะจากการต่อสู้นี้ แต่แน่นอนว่าก็ต้องเหนื่อยมากเช่นกัน ร่างเทพสุริยะที่อยู่ใต้เท้าถูกเรียกคืนเพื่อรักษาพลังงาน แต่จากระลอกคลื่นหลิงที่มาจากมู่เฉินก็บอกว่าเขาอ่อนแอกว่าเมื่อก่อนมาก

จอมยุทธ์เหล่านั้นรู้สึกได้ถึงความเหนื่อยล้าของมู่เฉินจึงอดไม่ได้ที่จะขยับเข้าไปใกล้ด้วยความหวังว่าพวกเขาจะมีโอกาสได้รับประโยชน์หรือไม่ ท้ายที่สุดแล้วตราราชันไศลนทีและจิตทะเลสาบสวรรค์ที่มู่เฉินได้รับก็ดึงดูดมากสำหรับพวกเขา

เผชิญกับเหล่าคนโลภ มู่เฉินก็ปรายตาอย่างเย็นชาก่อนที่จะถอยกลับเข้าไปในปราการค่ายกล

หลังจากเข้าสู่ค่ายกลมู่เฉินก็สะบัดนิ้ว ค่ายกลเก้าเทพมังกรเทพประหารซึ่งเป็นชั้นนอกก็เริ่มเคลื่อนไหว ทันใดนั้นคลื่นหลิงที่ไร้ขอบเขตก็ระเบิดออกพร้อมกับแรงกดดันทรงพลังแผ่ออกมา

คนที่พยายามเข้าใกล้ก็รู้สึกได้ว่าค่ายกลน่ากลัวเพียงใด ใบหน้าของพวกเขาเปลี่ยนไปอย่างไม่สามารถควบคุมได้ พวกเขารู้สึกถึงอันตรายที่มาขากขบวนแถวแสงเหล่านี้

“มู่เฉินเคี้ยวไม่ง่ายจริงๆ… สามารถสร้างค่ายกลที่น่าเกรงขามเช่นนี้ ไม่น่าแปลกใจที่ขนาดเซี่ยหยู่ก็ยังไม่กล้าก้าวเข้าไป”

“ถ้ามู่เฉินใช้ค่ายกลในการต่อสู้ด้วย เซี่ยหยู่อาจจะแพ้เร็วกว่านี้ก็ได้”

“ลืมไปเถอะ เจ้านั่นไม่ใช่พวกแหย อย่าไปยั่วโมโหเขาเลย…”

“…”

แต่ละคนถอนหายใจก่อนที่จะถอยกลับทันที เผชิญหน้ากับมู่เฉินที่ตั้งระวังพวกเขาไม่มีโอกาสเลย

เมื่อมู่เฉินเห็นก็ไม่ได้เคลื่อนไหวใดๆ แต่นั่งลงในค่ายกล ฟื้นตัวอย่างรวดเร็วไปยังสภาพพร้อมรบ

เมื่อเห็นการกระทำของเขา ทุกคนก็บ่ายหน้าจากไป เพราะพวกเขาต้องจับจิตทะเลสาบสวรรค์เช่นกัน ไม่มีใครอยากรออยู่ที่นี่ นอกจากนี้หากมู่เฉินสามารถฟื้นตัวตามมาได้ ดาวหายนะคงพุ่งใส่พวกเขาแน่

ดังนั้นในเวลาเพียงไม่กี่นาทีทั่วบริเวณก็เงียบลง น้ำในทะเลสาบกระเซ็นลบร่องรอยการต่อสู้ไปอย่างรวดเร็ว

ในเวลาเดียวกันที่จุดอื่นของทะเลสาบสวรรค์

ทันทีที่เซี่ยหยู่ถูกฆ่า จู้เยี่ยนก็หรี่ตาลง ผลลัพธ์นี้ช่างเกินความคาดหมายของเขา ทว่าเขาก็ไม่ได้พูดอะไร หันกลับจากไป

เซียวเซียวมองภาพเงานั่นก็หัวเราะเบาๆ “รอให้ข้าเสร็จภารกิจแล้วจะไปเล่นกับเจ้า”

เสียงหัวเราะของนางชวนเคลิบเคลิ้ม แต่เมื่อจู้เยี่ยนได้ยินก็ต้องหดดวงตา เขารู้ว่าการขัดขวางครั้งนี้ทำให้เซียวเซียวโกรธแล้ว

“ข้าจะรอ”

แต่สุดท้ายเขาก็พยักหน้าจากไป

“มู่เฉินเป็นอะไรที่แน่จริง…”

ซูซิงหยิงเล่นกับตะขาบแดงก่อนจะเงยหน้าขึ้นยิ้มให้จิ่วโยว ทว่ารอยยิ้มของนางดูเคร่งเครียดมาก นางเคยต่อสู้กับเซี่ยหยู่มาก่อนรู้ว่าอีกฝ่ายมีพลังแค่ไหน แม้ว่านางก็ยังไม่มั่นใจที่จะฆ่าเขา แต่มู่เฉินทำสำเร็จซึ่งนี่ทำให้นางรู้สึกตกใจเล็กน้อย

จิ่วโยวมองไปที่ซูชิงหยิงอย่างเย็นชา แต่ก็ไม่ใส่ใจที่จะเสวนาด้วย

“ฮ่าๆ วางใจเถอะ ข้าไม่เข้าร่วมเรื่องนี้ต่อ พวกเจ้ามีข้อได้เปรียบจากจำนวน แม้แต่ข้าก็กลัว” เมื่อเห็นการแสดงออกที่เย็นชาของจิ่วโยว ซูชิงหยิงยิ้มบางก่อนที่จะโบกมือแสงสีฟ้าอมเขียวเคลื่อนออกไป

เมื่อเห็นการจากไปนั่น จิ่วโยวก็รู้สึกโล่งใจ ซูซิงหยิงแข็งแกร่งกว่านาง แม้นางจะพอสู้ได้บ้างถ้าใช้กระบวนท่าเรียกสายลม แต่การต่อสู้ลากออกไปนางจะอยู่ในสภาพที่แย่มาก

แต่โชคดีที่มู่เฉินชนะ…

จิ่วโยวเงยหน้าขึ้นมองไปในระยะไกลพร้อมกับรอยยิ้มฉายที่มุมริมฝีปาก

จาโหลหลัวมองไปที่กระจก

เมื่อเห็นว่ามู่เฉินฆ่าเซี่ยหยู่ได้อย่างไรก็โบกมือเก็บกระจกทองแดงไปก่อนพูดเบาๆ ว่า “ช่างโหดดีจริง”

แม้ว่าเขาจะมีสีหน้าสงบ แต่ก็มีระลอกคลื่นบางอย่างอยู่ในส่วนลึกของดวงตา เห็นได้ชัดว่าพลังในการต่อสู้ของมู่เฉินเกินความคาดหมายของเขา

“ถ้าเจ้าอยากสร้างปัญหากับมู่เฉิน ระวังถูกฆ่านะ” หลินจิ้งจับไข่มุกดำขณะยิ้มตาหยี

จาโหลหลัวยิ้มนิ้วทั้งสิบไขว้พันกัน “เขาและข้าจะต้องต่อสู้ แต่ข้าจะฆ่าเขาแน่นอน”

หลินจิ้งเลิกคิ้วมองจาโหลหลัว “งั้นเจ้าก็เตรียมตายด้วยได้เลย”

จาโหลหลัวขมวดคิ้วแต่สุดท้ายก็ไม่พูดอะไร เขายักไหล่ก่อนจะหันกลับจากไป

“ก็อาจจะ…”

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler ฟรี ได้ที่ novel-fast 


เรื่องย่อ

โดย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler บางส่วนของนิยาย

บทนำ

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป

‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้

แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์

แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว

ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ

เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง?

ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน…

เรื่องย่อ

เมื่อคำพูดของมู่เฉินกระจายออกไป ไม่เพียงแต่จะไม่มีการตอบสนอง แม้แต่ด้านนอกเจดีย์ก็ถูกห่อหุ้มด้วยบรรยากาศราวกับป่าช้า…

ทุกคนตกตะลึงไปกับฉากนี้ พวกเขาจ้องมองจุดที่ลู่สุยหายตัวไป ราวกับว่ายังไม่สามารถฟื้นจากอาการตะลึงงันที่เกิดขึ้นได้

ก่อนหน้าเมื่อลู่สุยออกกระบวนท่าที่น่าสะพรึง ผู้คนส่วนใหญ่ก็คิดว่าผลลัพธ์ของการต่อสู้ได้ถูกกำหนดแล้ว ทว่าพวกเขาไม่คิดเลยว่ามู่เฉินจะพลิกสถานการณ์ได้อีกครั้ง เตะลู่สุยที่เหมือนจะคว้าชัยชนะออกไป

ทุกคนตะลึงไปพักใหญ่ ก่อนที่พวกเขาจะหลุดออกจากอาการได้ สายตาเคร่งเครียดลง การประลองกันครั้งนี้มู่เฉินไม่ได้ใช้ค่ายกล แต่เขาก็สามารถเอาชนะจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดอย่างลู่สุยได้ด้วยความแข็งแกร่งที่อยู่ในขั้นหกเท่านั้น แม้ว่าจะมีผลจากลู่สุยประมาทเองในตอนแรก แต่นั่นก็แสดงให้เห็นว่ามู่เฉินน่ากลัวแค่ไหน

พลังเช่นนี้เขาสามารถเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์อันดับต้นๆ ในเจดีย์ฝึกพลังกายได้เลยทีเดียว

ทางฝั่งกลุ่มกระเรียนฟ้า ใบหน้าของหลิ่วชิงกลายเป็นเขียวสลับขาว นางมองไปที่ร่างสูงโปร่งบนหน้าจอ กลืนน้ำลายเหนียวหนืด ความกลัวปรากฏในดวงตาของนางเป็นครั้งแรก

มาถึงจุดนี้นางคงโง่แน่ถ้ายังคิดปฏิบัติต่อมู่เฉินเหมือนกับจอมยุทธ์ขั้นหกทั่วไป

ด้วยพลังในการต่อสู้ที่เขาแสดงออกมา บวกกับค่ายกลทรงพลัง แม้แต่จงเถิงก็ยากจะได้เปรียบหากพวกเขาต่อสู้กัน

ก่อนหน้านี้นางหัวเราะเยาะและมองจิ่วโยวด้วยความดูถูก แต่ตอนนี้นางอายแทบแทรกแผ่นดินหนี ซึ่งจุดนี้รู้ได้จากสายตาเยาะเย้ยเหล่านั้นที่ปรายมองเข้ามา

“ทำไมมู่เฉินถึงทรงพลังเช่นนี้?” จงฮั้วที่พ่ายแพ้ให้กับมู่เฉินก็มีสีหน้าเคร่งขรึมเช่นกัน ก่อนหน้านี้เขาเคยคิดเช่นกันว่ามู่เฉินพึ่งพาเพียงค่ายกลเพื่อจัดการกับศัตรู แต่ใครจะคิดว่าเมื่อไม่มีการใช้ค่ายกลมู่เฉินก็สามารถเอาชนะลู่สุยแบบดุร้ายยิ่งกว่าอะไร

“ดูเหมือนว่ามีเพียงพี่ใหญ่จงเถิงเท่านั้นที่สามารถจัดการกับเขาได้” จอมยุทธ์อีกคนของเผ่ากระเรียนฟ้าพยักหน้า

หลิ่วชิงพยักหน้าเบาๆ ไม่เพียงแต่พวกเขาจะพิจารณาพลังของมู่เฉินพลาดไปเท่านั้น แม้แต่จงเถิงก็ตัดสินอีกฝ่ายผิดไป ชายคนนั้นเป็นสัตว์ประหลาดอย่างแท้จริง

ฟิ้ว!

ขณะที่นอกเจดีย์ต่างตกตะลึงกับผลลัพธ์ที่มู่เฉินนำมา ทันใดนั้นแสงก็กะพริบบนแท่นนอกเจดีย์ ร่างน่าสังเวชปรากฏขึ้น

เมื่อร่างนั้นออกมาก็รีบถอยกลับไปปรากฏตัวขึ้นในกลุ่มอีกาสายฟ้าทันควัน นี่ก็คือลู่สุยที่มีสีหน้าซีดขาว คลื่นหลิงของเขาถดถอยลงอย่างมาก

สายตาโดยรอบยิงเข้าหาในเวลานี้ทันที

ใบหน้าของลู่สุยเขียวคล้ำ สายตาเกลียดชังมองไปที่มู่เฉินที่อยู่บนหน้าจอ ก่อนที่จะหันหัวสาดสายตาดุร้ายใส่จิ่วโยวและมั่วหลิง ที่ข้างๆ พรรคพวกของเขาก็มีท่าทางไม่ดีเช่นกัน

ทว่าจิ่วโยวไม่กลัวที่จะเผชิญหน้ากับสายตาเหล่านั้น นางเค้นเสียงอย่างเย็นชา “ลูกหมาที่ถูกฟาดยังกล้าที่จะออกมาแยกเขี้ยวอีกเหรอ?”

ตอนนี้ลู่สุยบาดเจ็บสาหัส สูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไปหมด ส่วนคนที่เหลือก็ไม่มีอะไรต้องกลัว หากพวกเขากล้าที่จะคิดบัญชีกับพวกนาง จิ่วโยวก็ไม่คิดปล่อยพวกเขาไว้เป็นภัยคุกคามในอนาคตหรอก

สายตาแสดงความเกลียดชังของลู่สุยจ้องเขม็งอยู่ที่จิ่วโยว แต่สุดท้ายเขาก็ต้องถอนสายตาออกไปอย่างไม่เต็มใจ ก่อนที่จะถอยกลับนั่งลงบนซากปรักหักพังเข้าสมาธิเพื่อฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ

จอมยุทธ์กลุ่มอีกาสายฟ้าก็ปรากฏรอบตัวเขาเพื่อปกป้อง

เมื่อจิ่วโยวเห็นการตอบสนองนั่น นางก็ไม่ได้ใส่ใจกับพวกเขาอีก นางมองไปที่หน้าจออีกครั้งโดยพุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่ร่างเงาอ่อนเยาว์ มือที่กำแน่นผ่อนคลายลง

เห็นได้ชัดว่านี่เป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงสำหรับนางที่มู่เฉินจะเอาชนะได้เด็ดขาดแบบนี้ นั่นเป็นเพราะตามการประเมินของนางแม้ว่ามู่เฉินจะยืนยงอยู่ได้ก็เป็นยากที่จะเอาชนะลู่สุยด้วยขุมพลังจื้อจุนขั้นหกและถ้าการต่อสู้ถูกลากไปจนสุดอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบคาดไม่ถึง

ทว่าผลลัพธ์สุดท้ายที่ได้ก็ทำให้นางทั้งประหลาดใจและดีใจ

เห็นได้ชัดว่ามู่เฉินได้รับประโยชน์มหาศาลจากสามชั้นแรกของเจดีย์ฝึกพลังกาย ไม่เช่นนั้นเขาไม่สามารถแสดงพลังเป็นที่ประจักษ์เช่นนี้ได้

“ว่ากันว่าในชั้นสี่มหัศจรรย์กว่านี้มาก หากใครสามารถเข้าไปได้ พวกเขาจะสามารถได้รับผลประโยชน์เกินกว่าสามชั้นแรกมาก…”

จิ่วโยวยิ้มบาง ดูจากสถานการณ์ปัจจุบันไม่น่ามีปัญหาใดๆ ที่มู่เฉินจะเข้าสู่ชั้นสี่ สำหรับมั่วเฟิงความแข็งแกร่งของเขาเป็นหนึ่งในอันดับต้นของกลุ่มที่เข้าไป ดังนั้นจึงไม่ยากสำหรับเขาที่จะได้หนึ่งในห้าที่นั่งนี้ไปเช่นกัน

ดูเหมือนว่าการเดินทางมาที่เจดีย์ฝึกพลังกายโบราณครั้งนี้เผ่าวิหคโลกันตร์อาจเป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

บนลานเมฆสายฟ้า

ไม่มีใครตอบคำถามของมู่เฉิน ขณะนี้แม้แต่จอมยุทธ์ทรงอำนาจอย่างหานซันและสีคุนก็ยังรู้สึกหวาดระแวงมู่เฉินอยู่บ้าง ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกที่จะไม่ไปปะทะกับมนุษย์ผู้นี้

ดังนั้นคนทั้งหมดที่อยู่ที่นี่จึงเงียบลง ก่อนที่จะถอยออกจากรัศมีโดยรอบมู่เฉินอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณบอกว่าพวกเขาไม่ต้องการต่อสู้กับเขา

เมื่อมู่เฉินเห็นภาพนี้ก็ไม่มีอารมณ์ใดบนใบหน้า แต่ในใจกลับรู้สึกโล่งอก คนอื่นๆ เห็นเพียงฉากการต่อสู้ตระการที่เขาเอาชนะลู่สุยได้ แต่พวกเขาไม่รู้หรอกว่าหมัดที่เขาชกออกไปก่อนหน้านี้คือพลังงานส่วนเกินจากสามชั้นแรก

ร่างกายของมู่เฉินก่อนหน้าเปรียบเสมือนฟองน้ำที่ดูดซับน้ำจนถึงขีดจำกัด หมัดของเขาจึงเท่ากับบีบน้ำออกจนหมด ทำให้ร่างกายที่อัดแน่นกลับสู่สภาพเดิม

ดังนั้นถ้าให้เขาโจมตีแบบนั้นอีกครั้ง พลังก็จะไม่ทรงประสิทธิภาพเหมือนเมื่อครู่แน่นอน

ประสิทธิผลพิเศษชนิดนี้ของการสะสมพลังงานในร่างกายเป็นทักษะที่ได้มาจากกายามังกรหงส์ ด้วยวิธีนี้เขาจะได้รับผลลัพธ์ที่ไม่มีใครคาดคิดไว้ กลายเป็นไพ่ลับอีกใบหนึ่ง

“คัมภีร์หลงเฟิ่งทรงพลังจริงๆ”

แม้แต่มู่เฉินก็ยังชื่นชมในสิ่งนี้ คัมภีร์หลงเฟิ่งสมแล้วที่เป็นทักษะยอดเยี่ยมแท้จริง จากการประเมินของเขาคัมภีร์นี้ต้องอยู่ในระดับเสินทงแน่นอน ซึ่งไม่ธรรมดาแม้จะอยู่ในกลุ่มวิทยายุทธระดับเสินทงด้วย

มู่เฉินชื่นชมก่อนที่จะใจเย็นลง แม้ว่าตอนนี้จะไม่มีใครท้าทายเขา แต่เขาก็ไม่ตั้งใจที่จะท้าทายคนอื่นด้วยเช่นกัน เขายืนนิ่งบนตำแหน่งตนเองรอผลการคัดออก

สำหรับจงเถิง มู่เฉินรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นพวกยุแยงให้ลู่สุยมาปะทะกับเขา แต่เนื่องจากตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ดีในการจัดการ เขาจึงได้แต่ผลักแผนไปก่อน

แต่ถึงกระนั้นสายตาคมกล้าของมู่เฉินก็ยังจ้องเขม็งไปที่จงเถิง รอบตัวเต็มไปด้วยคลื่นหลิงราวกับเสือดาวที่กำลังจะจ้องตะครุบเหยื่ออัดแน่นด้วยภัยคุกคาม

เมื่อเห็นท่าทางของมู่เฉิน จงเถิงที่ประจันหน้ากับมั่วเฟิงก็รู้สึกอึดอัดใจ เขาต้องแยกสมาธิอยู่ตลอดเพื่อจับตามองมู่เฉิน ป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายเคลื่อนไหวมาประสานพลังกับมั่วเฟิง

ด้วยวิธีนี้สมาธิของจงเถิงจึงค่อนข้างฟุ้งซ่าน สุดท้ายเขาได้แต่กัดฟัน ถอนคลื่นหลิงและถอยออกจากบริเวณของมั่วเฟิง

“พี่มั่วยากสำหรับการต่อสู้ของเราที่จะได้ข้อสรุป ทำไมเราไม่ไปจัดการคนอื่นและรับที่นั่งมาล่ะ?” ขณะที่จงเถิงถอยกลับเสียงก็สะท้อนก้องไปด้วย

มั่วเฟิงจ้องมองจงเถิงอย่างไม่แยแสก่อนที่จะพยักหน้า นั่นเป็นเพราะเขารู้ว่าหากพวกเขายังอยู่ในสถานการณ์ยืนจ้องหน้ากันก็จะไม่เกิดผลลัพธ์ใด หากเขาร่วมมือกับมู่เฉิน พวกเขาอาจทำให้จงเถิงบ้าดีเดือดขึ้นมา แม้แต่พวกเขาก็ต้องจ่ายราคามหาศาลจากการตีโต้

ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับพวกเขาคือการได้ที่นั่งเพื่อเข้าสู่ชั้นสี่

เมื่อจงเถิงเห็นคำตอบของมั่วเฟิงก็รู้สึกโล่งใจในใจ เขาถอยกลับอย่างรวดเร็วออกจากจุดที่มู่เฉินและมั่วเฟิงอยู่ เขาครุ่นคิดสั้นๆ ก่อนจะเลือกปะทะกับคนที่อ่อนแอกว่า

พอมู่เฉินเห็นจงเถิงไปแล้วก็ไม่ได้ใส่ใจอีกต่อไป สายตาหันมามองมั่วเฟิงแล้วก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้มแสดงความขอบคุณในการช่วยเหลือครั้งนี้

สายตาของมั่วเฟิงเป็นมิตรมากขึ้น คิดว่าการที่มู่เฉินเอาชนะลู่สุย ทำให้มั่วเฟิงมองมู่เฉินในฐานะจอมยุทธ์ที่อยู่ในระดับเดียวกันกับเขา ดังนั้นจึงไม่ได้มีท่าทางเฉยเมยเหมือนเมื่อก่อน

มั่วเฟิงพยักหน้าให้มู่เฉิน ก่อนที่จะหันหลังกลับและเริ่มเลือกคู่ต่อสู้ของตนเอง

ครืน!

เมื่อทุกคนเลือกคู่ต่อสู้แล้ว ทันใดนั้นคลื่นหลิงก็ระเบิดรุนแรงบนลานเมฆสายฟ้า คลื่นกระแทกกวาดออก ทำให้มิติเกิดการสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นไม่หยุด

บนลานเมฆสายฟ้าพลังงานหลิงกวาดหายนะ มีเพียงตรงมู่เฉินเท่านั้นที่ไม่ถูกรบกวน เนื่องจากไม่มีใครกล้าเหยียบเข้ามาในรัศมีพันจั้ง ยามนี้เขาเหมือนผู้ชมที่ดูการต่อสู้ติดขอบ ในเวลาเดียวกันก็บันทึกกระบวนท่าที่ทรงพลังของบางคนไว้ในสมอง

แม้ว่าในชั้นนี้พวกเขาอาจไม่ได้ประลองกัน แต่ก็ยังมีอีกสองชั้นรอพวกเขาอยู่ ใครจะสามารถรับประกันได้ว่าจะไม่มีการลดจำนวนลงในชั้นต่อไป?

ดังนั้นถ้ามีโอกาสเขาต้องพยายามจดจำข้อมูลผู้อื่นเก็บไว้

ภายใต้การสังเกตของมู่เฉิน การประลองบนลานเมฆสายฟ้าก็คงอยู่ชั่วระยะหนึ่ง ก่อนที่แต่ละคู่จะมาถึงจุดสิ้นสุด ผลลัพธ์ก็เป็นไปตามที่คาดไว้

หลังจากมู่เฉินก็เป็นหานซันที่เอาชนะคู่ต่อสู้ได้ที่นั่งที่สองไป

จากนั้นมั่วเฟิงและจงเถิงก็คว้าชัยชนะตามมา

ที่นั่งสุดท้ายตกเป็นของสีคุนที่ก่อนหน้านี้เคยแพ้หานซันที่ด้านนอกเจดีย์ ชายนี้มีความแข็งแกร่งที่น่าตกใจ แม้แต่หานซันยังต้องใช้ทักษะเต็มที่ถึงจะได้รับชัยชนะมา

เมื่อสีคุนได้รับที่นั่งสุดท้ายลานเมฆสายฟ้าขนาดใหญ่ก็เงียบลงอีกครั้ง ร่างทั้งห้ายืนอยู่ ขณะรัศมีไร้ขอบเขตทั้งห้าสายพุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าชนกันเปรี้ยงปร้าง

ทว่าการชนกันก็ดำเนินไปเพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ ก่อนที่ทั้งห้าจะถอนคลื่นพลังพร้อมกัน พวกเขาเหลือบมองกันและกัน จากนั้นก็ไม่ลังเลทะยานออกไปปรากฏตัวบนเบาะทั้งห้า

สายตาพวกเขาพุ่งตรงไปยังมิติด้านหลังลานเมฆสายฟ้าด้วยความโลภ ตรงนั้นเส้นดาวหางจำนวนมากกวาดผ่านราวกับฝนดาวตก

ในแสงเหล่านั้นแก่นหยดสายฟ้ากำลังกะพริบด้วยความแวววาว


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท