หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – ตอนที่ 1153

ตอนที่ 1153

หนึ่งในใต้หล้า 大主宰
บทที่ 1153 สัมผัส
เหนือทะเลสาบสวรรค์

ความปั่นป่วนยังคงดำเนินต่อไป ขณะที่ใบหน้าของจาโหลหลัวน่าเกลียดขึ้นทีละน้อย สายตาที่จับจ้องมาโดยรอบทำเอาหางตาเขากระตุกไม่หยุด

เขาไม่คิดว่าการเผชิญหน้ากับแผนการของเขา ไม่เพียงแต่มู่เฉินจะทำลายลงในพริบตา ยังทำให้เขาวุ่นวายตามไปอีกด้วย

จักรวรรดิปีศาจต่างมิติและมหาพันภพเป็นศัตรูคู่อาฆาตตั้งแต่โบราณกาล ดังนั้นความไม่พอใจใดๆ จะถือว่าเล็กน้อยต่อหน้าภัยอันตรายทำลายล้างเช่นนั้น

ดังนั้นอะไรที่เกี่ยวข้องกับเผ่าปีศาจสักเผ่าจะถือว่าเป็นศัตรูของทุกผู้ทุกนามในมหาพันภพ

แน่นอนว่าคำพูดของมู่เฉินไม่อาจผลักจาโหลหลัวไปยังจุดนั้นได้ แต่ก็เพียงพอที่จะทำให้เขารู้สึกแย่มาก

“สมน้ำหน้า!” เมื่อจิ่วโยวเห็นสีหน้าจาโหลหลัวดิ่งลง นางก็รู้สึกสะใจจนอดหัวเราะออกมาไม่ได้

ทว่าแม้จาโหลหลัวจะรู้สึกหน้าม้านไป แต่ความไม่ธรรมดาทำให้เขาฟื้นสติได้อย่างรวดเร็ว เขาไม่สนใจสายตาเยาะเย้ยที่กวาดมาหาขณะจ้องหน้ามู่เฉินอย่างลึกซึ้ง “ลิ้นของพี่มู่บาดลึกยิ่งนัก แต่ไม่รู้ว่าความสามารถเจ้าจะเฉียบคมเท่ากับลิ้นไหม?”

แม้ว่าน้ำเสียงจะนิ่งสงบ แต่ใครๆ ก็สามารถสัมผัสได้ถึงเจตนาฆ่าที่ซ่อนอยู่ในคำพูดอันเย็นเยือก

“งั้นก็ต้องมาลองด้วยตัวเองดู” มู่เฉินยิ้มอย่างไม่ใส่ใจ

สองสายตาจ้องกันด้วยความเย็นชาฟาดฟันกันเปรี้ยงปร้าง รอบตัวพวกเขาเต็มไปด้วยเจตนาฆ่าที่น่าทึ่ง ทำให้จอมยุทธ์โดยรอบตกใจ เห็นได้ชัดว่าพวกเขางงงวยว่าทำไมทั้งสองคนถึงมีความเป็นศัตรูกันอย่างลึกซึ้งระหว่างกันขนาดนั้น

“เฮ้ หนุ่มๆ ถ้าอยากสู้กันก็ออกไปข้างนอก อย่ารบกวนการชำระล้างของพวกเรา” เมื่อสายธนูถูกดึงจนตึงระหว่างทั้งสอง เสียงกระหยิ่มเกียจคร้านดังมาแต่ไกล ทุกคนมองไปที่ซูชิงหยิงที่กำลังมองมู่เฉินและจาโหลหลัวอยู่ด้วยความเบื่อหน่าย แม้ว่าทั้งคู่จะเต็มไปด้วยจิตสังหาร แต่นางก็บอกได้ว่าพวกเขาไม่คิดจะต่อสู้กันที่นี่

ถูกขัดจังหวะด้วยเสียงของซูชิงหยิง จาโหลหลัวก็ถอนจิตสังหารและยิ้ม “ดูเหมือนว่าเราต้องเลื่อนเวลาออกไปอีกหน่อย”

มู่เฉินพยักหน้า “ยินดีต้อนรับทุกเมื่อ”

เมื่อเห็นว่าทั้งสองถอยออกจากกันจริงๆ ซูชิงหยิงก็เบ้ปากก่อนจะยืดเอวพลางควบคุมเรือที่ใต้ฝ่าเท้า ทันใดนั้นเกลียวแสงมันวาวไร้ขอบเขตก็กวาดออกพร้อมกับก้อนอัญมณีจิตทะเลสาบสวรรค์บินฉวัดเฉวียนไปบนท้องฟ้า

ความผันผวนของคลื่นหลิงที่ทรงพลังเกินกว่าทุกคนถูกกวาดออกไป ทำให้กระทั่งสีหน้าของฉินจิงเจ๋อยังเปลี่ยนไป เขามองก้อนอัญมณีจิตเหล่านั้นก็กลืนน้ำลายลงคอ “นั่น…จิตทะเลสาบสวรรค์เก้าสิบดวง?”

ณ ที่นี่ทุกคนไม่สามารถซ่อนความตกใจ พวกเขาอึ้งไปกับจำนวนที่มากเช่นนั้น

ฮึ่ม ฮึ่ม!

จิตทะเลสาบสวรรค์เก้าสิบดวงราวกับดวงดาวห่อหุ้มอยู่รอบร่างซูชิงหยิง นางยกมือขึ้นน้ำทะเลสาบที่อยู่ใต้เท้าก็หมุนคว้างรุนแรงกลายเป็นกระแสน้ำวนที่กว้างประมาณหนึ่งพันจั้ง ซึ่งแข็งแกร่งกว่าสายธารของฉินจิงเจ๋อ

ดูท่าถึงจะเป็นการชำระล้างขั้นสูงเหมือนกัน แต่เนื่องจากจำนวนที่มากกว่าชัดว่าซูชิงหยิงอยู่ในชั้นที่สูงกว่าขึ้นไปอีก

ตู้ม!

ทันใดนั้นลำแสงขนาดใหญ่ก็ทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าจากกระแสน้ำวน แสงหลิงเริ่มรวมตัวกันที่ขอบฟ้าไม่กี่อึดใจต่อมาก็ก่อร่างเป็นแม่น้ำเปล่งประกายระยับ

แม่น้ำมีขนาดใหญ่กว่าสายธารของฉินจิงเจ๋อสิบเท่า พลังที่บรรจุอยู่ภายในก็ใหญ่กว่าและบริสุทธิ์กว่ามาก

พวกคนมุงมองไปด้วยความอิจฉาหากพวกเขาสามารถได้รับการชำระล้างขั้นนั้นก็จะเป็นการเปลี่ยนแปลงที่แท้จริง

ซ่า ซ่า!

แม่น้ำม้วนตัวอยู่บนท้องฟ้าก่อนจะพุ่งลงมา ทว่าเมื่อพบกับโอกาสที่หายากเช่นนี้ ซูซิงหยิงกลับไม่ได้ใช้เพื่อปรับแต่งร่างเทห์สวรรค์ ตรงกันข้ามนางนั่งลงแสงสีแดงกะพริบบนหน้าผากของนางก่อนที่รังไหมสีแดงเข้มจะปรากฏออกมาอย่างช้าๆ

แม่น้ำระยิบระยับไหลลงมาเทลงบนรังไหมสีแดงเข้ม ซึ่งรังไหมก็กลืนกินแม่น้ำราวกับกับเหวลึก

แม่น้ำถูกกลืนลงไปมากขึ้น….มากขึ้น ลวดลายโบราณก็เริ่มปรากฏบนรังไหมรอยแตกแผ่กระจายออกไป

เมื่อน้ำหยดสุดท้ายร่วงลงรังไหมสีแดงเข้มก็ถูกปกคลุมไปด้วยรอยแตกก่อนที่จะแตกเป็นเสี่ยงๆ พร้อมกับแสงสีแดงบินออกไป

ภายใต้สายตานับไม่ถ้วน ผีเสื้อน่าหลงใหลสีแดงเข้มก็บินออกมาจากรังไหม บินวนรอบตัวซูชิงหยิงอย่างมีความสุข

ทุกครั้งที่ผีเสื้อกระพือปีกความผันผวนของคลื่นหลิงทรงพลังจะเล็ดลอดออกมา ซึ่งทำให้แม้แต่จอมยุทธ์ระดับจื้อจุนขั้นเก้าระยะเต็มยังต้องสะดุ้งในหัวใจ

“นี่คือ… แมลงวิญญาณพันธะชีวิตของซูชิงหยิง?” มู่เฉินมองไปที่ผีเสื้อด้วยความประหลาดใจ ว่ากันว่าหลิงฉงซือทุกคนจะมีแมลงวิญญาณพันธะชีวิตของตัวเอง ทว่าก่อนที่แมลงวิญญาณเหล่านั้นจะเติบโตเต็มที่พวกมันจะอ่อนแอมาก แต่เมื่อพวกมันเติบโตถึงขีดสุดก็จะสามารถพัฒนาไปพร้อมกับเจ้านาย นอกจากนี้ยังสามารถสละตัวเองเพื่อแลกกับชีวิตของเจ้านายอีกด้วย

ด้วยแมลงวิญญาณพันธะชีวิตนี้มันจะเทียบเท่ากับการมีสองชีวิต

ซูชิงหยิงมีความแน่วแน่แท้จริงที่จะไม่ใช้การชำระล้างกับตัวเองและเลือกฟูมฟักแมลงวิญญาณของตนเอง ในท้ายที่สุดนางก็สามารถปล่อยให้มันโตได้อย่างเต็มที่

ด้วยแมลงวิญญาณพันธะชีวิตนี้พลังของซูชิงหยิงจะเพิ่มขึ้นทวีคูณแน่นอน ถ้านางกลับไปที่ประตูมังกรทะยานสวรรค์ตอนนี้ ก็อาจจะได้รับสถานะศิษย์ระดับมังกรทองคำอย่างง่ายดาย

หลังจากที่ซูชิงหยิงเสร็จสิ้นกระบวนการ หญิงทั้งสามก็ไม่สามารถระงับความตื่นเต้นได้ จิ่วโยวเริ่มเป็นคนแรก นางกระตุ้นป้ายใต้เท้าจิตทะเลสาบสวรรค์เจ็ดสิบแปดดวงบินออกมา แม้ว่าจะด้อยกว่าซูชิงหยิงในแง่ของจำนวน แต่ก็มีมากกว่าฉินจิงเจ๋อถือได้ว่าค่อนข้างดี นอกจากนี้ก็ยังเป็นเพราะความช่วยเหลือของเซียวเซียวและหลินจิ้ง ไม่เช่นนั้นด้วยพลังของจิ่วโยวโอกาสที่นางจะจัดการกับจิตทะเลสาบสวรรค์ได้จะไม่สูงเกินไป

ถ้าจำนวนของจิ่วโยวเรียกว่าค่อนข้างดีแล้ว เมื่อเซียวเซียวและหลินจิ้งเริ่มทำการเคลื่อนไหวแต่ละคนก็มีลูกตาแทบถลนออกมา

แสงแวววาวระเบิดออกมาจากเรือมังกรทองคำภายใต้เท้าของหญิงสาวทั้งสอง จิตทะเลสาบสวรรค์ก็บินฉวัดเฉวียนออกมาหมุนรอบตัวพวกนางราวกับทางงช้างเผือก

ซึ่งมีถึงเก้าสิบเก้าดวงด้วยกัน!

นั่นถือได้ว่าเป็นจุดสูงสุดของการชำระล้างขั้นสูง!

มู่เฉินมองไปที่จิตทะเลสาบสวรรค์รอบตัวพวกนางก็ตกอยู่ในความคิดลึกซึ้ง ดูเหมือนว่าเซียวเซียวและหลินจิ้งก็ไม่รู้วิธีที่จะได้รับจิตทะเลสาบสวรรค์ดวงที่ร้อย

แน่นอนว่าเขาก็ไม่กล้าอ้างว่าวิธีการที่ตนเองคิดถูกต้อง เพราะเขายังต้องลองเสี่ยงพนันดู…

เมื่อจู้เยี่ยนและจาโหลหลัวเห็นจำนวนก้อนอัญมณีจิตที่อยู่รอบตัวหญิงสาวทั้งสอง พวกเขาก็หดตาก่อนจะกระทืบเท้า ซึ่งก็มีก้อนอัญมณีจิตถึงเก้าสิบเก้าดวงด้วยเช่นกัน!

โห่

ความปั่นป่วนเกิดขึ้น ทุกคนดวงตาเป็นสีแดงก่ำ จิตทะเลสาบสวรรค์เก้าสิบเก้าดวงเป็นจุดสูงสุดของการรับการชำระล้างขั้นสูง

“แต่ทำไมพวกเขาถึงมีเก้าสิบเก้าดวงเท่านั้น?” ทว่าก็มีบางคนรู้สึกถึงความผิดปกติ ด้วยพลังของจอมยุทธ์เหล่านี้ หากพวกเขาได้รับเก้าสิบเก้าดวง ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะขาดดวงสุดท้าย…

ด้วยความภาคภูมิใจพวกเขาจะต้องพยายามอย่างเต็มที่เพื่อให้ได้รับจิตทะเลสาบดวงที่ร้อยเพื่อรับการชำระล้างที่สมบูรณ์แบบ

“ดูเหมือนว่าการชำระล้างขั้นสมบูรณ์จะไม่สามารถรับได้ด้วยวิธีการธรรมดา” ทุกคนครุ่นคิด จากนั้นก็เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นมีเพียงเหตุผลนี้เท่านั้นที่เหมาะสมกับคำอธิบายว่าทำไมจู้เยี่ยน จาโหลหลัว เซียวเซียวและหลินจิ้งจึงคว้าจิตทะเลสาบสวรรค์ได้เก้าสิบเก้าดวงเท่านั้น

ฮึ่ม ฮึ่ม

ในขณะที่ทุกคนตกใจกับจำนวน ทะเลสาบสวรรค์ใต้เท้าของพวกเขาก็ก่อตัวเป็นกระแสน้ำวนขนาดมหึมาก่อนที่เสาแสงจะทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า

เมฆรวมตัวกันเบื้องบนพร้อมแสงแล่นแปลบปลาบ

ภาพที่ปรากฏเหนือร่างจิ่วโยวเป็นสายธารที่มีความยาวประมาณร้อยจั้งแม้ว่าจะด้อยกว่าซูชิงหยิงแต่ก็เหนือกว่าฉินจิงเจ๋อ

เมื่อเทียบกับจิ่วโยว อีกสี่คนทำให้เกิดความปั่นป่วนสั่นสะเทือนโลกาเนื่องจากกระแสน้ำวนที่อยู่ใต้เท้าของพวกเขามีขนาดหลายพันจั้งพร้อมกับแสงหลิงที่ครอบงำก่อนที่จะกลายเป็นทะเลสาบสี่แห่งที่มีขนาดหลายพันจั้ง

เกลียวแสงหลิงพุ่งออกมาจากทะเลสาบเหล่านั้น พลังงานที่บริสุทธิ์ดูข้นหนืดเล็กน้อยก่อตัวเป็นสะพานพลังงานหลิงที่ดูลึกซึ้งมาก

ทุกคนตกตะลึงเมื่อมองไปที่ทะเลสาบ เทียบกับสิ่งนี้ การชำระล้างของซูชิงหยิงถือได้ว่าลีบแบนไปเลยทีเดียว

“นี่คือจุดสูงสุดของการชำระล้างขั้นสูงเรอะ? ช่างทรงพลังจริงๆ!” ผู้คนมองไปด้วยความโลภ หากพวกเขาได้รับการชำระนี้ก็จะยิ่งเพิ่มความแข็งแกร่งจนไม่อาจบรรยายได้

ทว่าเผชิญหน้ากับคนดุร้ายเหล่านี้ก็ไม่มีใครกล้าเอามือจุ่มลงไปหรอก

“ทำไมมู่เฉินไม่เคลื่อนไหวมั่งล่ะ?”

ขณะที่ผู้ชมตกใจกับพิธีชำระล้างขั้นสูง ก็มีบางคนสังเกตเห็นมู่เฉินยืนนิ่งอยู่บนเรือมังกรทองคำเช่นกัน แต่ไม่รู้เพราะเหตุใดป้ายมังกรทองคำของเขาถึงดูสลัวรางมาก

“พี่มู่ ทำไมไม่มีความผันผวนจากจิตทะเลสาบสวรรค์ที่มาจากป้ายมังกรทองคำของเจ้า” จาโหลหลัวเงยหน้าขึ้นมองไปที่มู่เฉินด้วยรอยยิ้ม

ขณะที่เขาพูดทุกคนต่างมองไปที่มู่เฉินด้วยความสงสัย

หญิงสาวทั้งสามก็มองไปที่มู่เฉินด้วยสายตาเป็นกังวล นั่นเป็นเพราะพวกนางรู้สึกได้ว่าไม่มีเกลียวแสงหลิงใดๆ พรั่งพรูออกมาจากป้ายมังกรทองคำของมู่เฉิน หมายความว่าไม่มีจิตทะเลสาบสวรรค์ใดๆ งั้นเหรอ!

หรือว่ามู่เฉินได้เจอปัญหาขณะรวบรวมจิตทะเลสาบ?

บางคนที่มีความคิดเช่นนี้ก็ต่างรู้สึกดีใจในความโชคร้ายของเขา โดยเฉพาะจาโหลหลัวที่มุมปากโค้งขึ้น

เผชิญหน้ากับการจ้องมองของพวกเขา มู่เฉินก็ไม่สนใจค่อยๆ หลับตาลงเงียบๆ สัมผัสถึงความผันผวนที่อยู่ลึกลงไปในทะเลสาบสวรรค์

ทว่ามือของเขาในแขนเสื้อก็ค่อยๆ กระชับเป็นหมัดขณะรอคอย

นั่นเป็นเพราะเขาไม่มั่นใจ นี่เป็นเพียงการคาดเดาหากเขาล้มเหลวก็จะสูญเสียมากมายกับการชำระล้างนี้

เวลาค่อยๆ ไหลผ่าน มู่เฉินปิดกั้นทุกสรรพเสียงรับรู้ถึงการไหลของน้ำในส่วนลึกของทะเลสาบสวรรค์

ครืน

ท่ามกลางการรอคอย ทันใดนั้นเสียงแปลกๆ ก็ดังมาจากส่วนลึกของทะเลสาบสวรรค์

มู่เฉินลืมตาขึ้นทันทีพร้อมกับความสุขที่นึกไม่ถึงพล่านในม่านตา

นั่นเป็นเพราะขณะนี้ในที่สุดเขาก็สัมผัสได้ถึงรอยประทับที่เขาทิ้งไว้ในจิตทะเลสาบสวรรค์!

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler ฟรี ได้ที่ novel-fast 


เรื่องย่อ

โดย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler บางส่วนของนิยาย

บทนำ

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป

‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้

แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์

แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว

ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ

เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง?

ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน…

เรื่องย่อ

เมื่อคำพูดของมู่เฉินกระจายออกไป ไม่เพียงแต่จะไม่มีการตอบสนอง แม้แต่ด้านนอกเจดีย์ก็ถูกห่อหุ้มด้วยบรรยากาศราวกับป่าช้า…

ทุกคนตกตะลึงไปกับฉากนี้ พวกเขาจ้องมองจุดที่ลู่สุยหายตัวไป ราวกับว่ายังไม่สามารถฟื้นจากอาการตะลึงงันที่เกิดขึ้นได้

ก่อนหน้าเมื่อลู่สุยออกกระบวนท่าที่น่าสะพรึง ผู้คนส่วนใหญ่ก็คิดว่าผลลัพธ์ของการต่อสู้ได้ถูกกำหนดแล้ว ทว่าพวกเขาไม่คิดเลยว่ามู่เฉินจะพลิกสถานการณ์ได้อีกครั้ง เตะลู่สุยที่เหมือนจะคว้าชัยชนะออกไป

ทุกคนตะลึงไปพักใหญ่ ก่อนที่พวกเขาจะหลุดออกจากอาการได้ สายตาเคร่งเครียดลง การประลองกันครั้งนี้มู่เฉินไม่ได้ใช้ค่ายกล แต่เขาก็สามารถเอาชนะจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดอย่างลู่สุยได้ด้วยความแข็งแกร่งที่อยู่ในขั้นหกเท่านั้น แม้ว่าจะมีผลจากลู่สุยประมาทเองในตอนแรก แต่นั่นก็แสดงให้เห็นว่ามู่เฉินน่ากลัวแค่ไหน

พลังเช่นนี้เขาสามารถเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์อันดับต้นๆ ในเจดีย์ฝึกพลังกายได้เลยทีเดียว

ทางฝั่งกลุ่มกระเรียนฟ้า ใบหน้าของหลิ่วชิงกลายเป็นเขียวสลับขาว นางมองไปที่ร่างสูงโปร่งบนหน้าจอ กลืนน้ำลายเหนียวหนืด ความกลัวปรากฏในดวงตาของนางเป็นครั้งแรก

มาถึงจุดนี้นางคงโง่แน่ถ้ายังคิดปฏิบัติต่อมู่เฉินเหมือนกับจอมยุทธ์ขั้นหกทั่วไป

ด้วยพลังในการต่อสู้ที่เขาแสดงออกมา บวกกับค่ายกลทรงพลัง แม้แต่จงเถิงก็ยากจะได้เปรียบหากพวกเขาต่อสู้กัน

ก่อนหน้านี้นางหัวเราะเยาะและมองจิ่วโยวด้วยความดูถูก แต่ตอนนี้นางอายแทบแทรกแผ่นดินหนี ซึ่งจุดนี้รู้ได้จากสายตาเยาะเย้ยเหล่านั้นที่ปรายมองเข้ามา

“ทำไมมู่เฉินถึงทรงพลังเช่นนี้?” จงฮั้วที่พ่ายแพ้ให้กับมู่เฉินก็มีสีหน้าเคร่งขรึมเช่นกัน ก่อนหน้านี้เขาเคยคิดเช่นกันว่ามู่เฉินพึ่งพาเพียงค่ายกลเพื่อจัดการกับศัตรู แต่ใครจะคิดว่าเมื่อไม่มีการใช้ค่ายกลมู่เฉินก็สามารถเอาชนะลู่สุยแบบดุร้ายยิ่งกว่าอะไร

“ดูเหมือนว่ามีเพียงพี่ใหญ่จงเถิงเท่านั้นที่สามารถจัดการกับเขาได้” จอมยุทธ์อีกคนของเผ่ากระเรียนฟ้าพยักหน้า

หลิ่วชิงพยักหน้าเบาๆ ไม่เพียงแต่พวกเขาจะพิจารณาพลังของมู่เฉินพลาดไปเท่านั้น แม้แต่จงเถิงก็ตัดสินอีกฝ่ายผิดไป ชายคนนั้นเป็นสัตว์ประหลาดอย่างแท้จริง

ฟิ้ว!

ขณะที่นอกเจดีย์ต่างตกตะลึงกับผลลัพธ์ที่มู่เฉินนำมา ทันใดนั้นแสงก็กะพริบบนแท่นนอกเจดีย์ ร่างน่าสังเวชปรากฏขึ้น

เมื่อร่างนั้นออกมาก็รีบถอยกลับไปปรากฏตัวขึ้นในกลุ่มอีกาสายฟ้าทันควัน นี่ก็คือลู่สุยที่มีสีหน้าซีดขาว คลื่นหลิงของเขาถดถอยลงอย่างมาก

สายตาโดยรอบยิงเข้าหาในเวลานี้ทันที

ใบหน้าของลู่สุยเขียวคล้ำ สายตาเกลียดชังมองไปที่มู่เฉินที่อยู่บนหน้าจอ ก่อนที่จะหันหัวสาดสายตาดุร้ายใส่จิ่วโยวและมั่วหลิง ที่ข้างๆ พรรคพวกของเขาก็มีท่าทางไม่ดีเช่นกัน

ทว่าจิ่วโยวไม่กลัวที่จะเผชิญหน้ากับสายตาเหล่านั้น นางเค้นเสียงอย่างเย็นชา “ลูกหมาที่ถูกฟาดยังกล้าที่จะออกมาแยกเขี้ยวอีกเหรอ?”

ตอนนี้ลู่สุยบาดเจ็บสาหัส สูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไปหมด ส่วนคนที่เหลือก็ไม่มีอะไรต้องกลัว หากพวกเขากล้าที่จะคิดบัญชีกับพวกนาง จิ่วโยวก็ไม่คิดปล่อยพวกเขาไว้เป็นภัยคุกคามในอนาคตหรอก

สายตาแสดงความเกลียดชังของลู่สุยจ้องเขม็งอยู่ที่จิ่วโยว แต่สุดท้ายเขาก็ต้องถอนสายตาออกไปอย่างไม่เต็มใจ ก่อนที่จะถอยกลับนั่งลงบนซากปรักหักพังเข้าสมาธิเพื่อฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ

จอมยุทธ์กลุ่มอีกาสายฟ้าก็ปรากฏรอบตัวเขาเพื่อปกป้อง

เมื่อจิ่วโยวเห็นการตอบสนองนั่น นางก็ไม่ได้ใส่ใจกับพวกเขาอีก นางมองไปที่หน้าจออีกครั้งโดยพุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่ร่างเงาอ่อนเยาว์ มือที่กำแน่นผ่อนคลายลง

เห็นได้ชัดว่านี่เป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงสำหรับนางที่มู่เฉินจะเอาชนะได้เด็ดขาดแบบนี้ นั่นเป็นเพราะตามการประเมินของนางแม้ว่ามู่เฉินจะยืนยงอยู่ได้ก็เป็นยากที่จะเอาชนะลู่สุยด้วยขุมพลังจื้อจุนขั้นหกและถ้าการต่อสู้ถูกลากไปจนสุดอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบคาดไม่ถึง

ทว่าผลลัพธ์สุดท้ายที่ได้ก็ทำให้นางทั้งประหลาดใจและดีใจ

เห็นได้ชัดว่ามู่เฉินได้รับประโยชน์มหาศาลจากสามชั้นแรกของเจดีย์ฝึกพลังกาย ไม่เช่นนั้นเขาไม่สามารถแสดงพลังเป็นที่ประจักษ์เช่นนี้ได้

“ว่ากันว่าในชั้นสี่มหัศจรรย์กว่านี้มาก หากใครสามารถเข้าไปได้ พวกเขาจะสามารถได้รับผลประโยชน์เกินกว่าสามชั้นแรกมาก…”

จิ่วโยวยิ้มบาง ดูจากสถานการณ์ปัจจุบันไม่น่ามีปัญหาใดๆ ที่มู่เฉินจะเข้าสู่ชั้นสี่ สำหรับมั่วเฟิงความแข็งแกร่งของเขาเป็นหนึ่งในอันดับต้นของกลุ่มที่เข้าไป ดังนั้นจึงไม่ยากสำหรับเขาที่จะได้หนึ่งในห้าที่นั่งนี้ไปเช่นกัน

ดูเหมือนว่าการเดินทางมาที่เจดีย์ฝึกพลังกายโบราณครั้งนี้เผ่าวิหคโลกันตร์อาจเป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

บนลานเมฆสายฟ้า

ไม่มีใครตอบคำถามของมู่เฉิน ขณะนี้แม้แต่จอมยุทธ์ทรงอำนาจอย่างหานซันและสีคุนก็ยังรู้สึกหวาดระแวงมู่เฉินอยู่บ้าง ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกที่จะไม่ไปปะทะกับมนุษย์ผู้นี้

ดังนั้นคนทั้งหมดที่อยู่ที่นี่จึงเงียบลง ก่อนที่จะถอยออกจากรัศมีโดยรอบมู่เฉินอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณบอกว่าพวกเขาไม่ต้องการต่อสู้กับเขา

เมื่อมู่เฉินเห็นภาพนี้ก็ไม่มีอารมณ์ใดบนใบหน้า แต่ในใจกลับรู้สึกโล่งอก คนอื่นๆ เห็นเพียงฉากการต่อสู้ตระการที่เขาเอาชนะลู่สุยได้ แต่พวกเขาไม่รู้หรอกว่าหมัดที่เขาชกออกไปก่อนหน้านี้คือพลังงานส่วนเกินจากสามชั้นแรก

ร่างกายของมู่เฉินก่อนหน้าเปรียบเสมือนฟองน้ำที่ดูดซับน้ำจนถึงขีดจำกัด หมัดของเขาจึงเท่ากับบีบน้ำออกจนหมด ทำให้ร่างกายที่อัดแน่นกลับสู่สภาพเดิม

ดังนั้นถ้าให้เขาโจมตีแบบนั้นอีกครั้ง พลังก็จะไม่ทรงประสิทธิภาพเหมือนเมื่อครู่แน่นอน

ประสิทธิผลพิเศษชนิดนี้ของการสะสมพลังงานในร่างกายเป็นทักษะที่ได้มาจากกายามังกรหงส์ ด้วยวิธีนี้เขาจะได้รับผลลัพธ์ที่ไม่มีใครคาดคิดไว้ กลายเป็นไพ่ลับอีกใบหนึ่ง

“คัมภีร์หลงเฟิ่งทรงพลังจริงๆ”

แม้แต่มู่เฉินก็ยังชื่นชมในสิ่งนี้ คัมภีร์หลงเฟิ่งสมแล้วที่เป็นทักษะยอดเยี่ยมแท้จริง จากการประเมินของเขาคัมภีร์นี้ต้องอยู่ในระดับเสินทงแน่นอน ซึ่งไม่ธรรมดาแม้จะอยู่ในกลุ่มวิทยายุทธระดับเสินทงด้วย

มู่เฉินชื่นชมก่อนที่จะใจเย็นลง แม้ว่าตอนนี้จะไม่มีใครท้าทายเขา แต่เขาก็ไม่ตั้งใจที่จะท้าทายคนอื่นด้วยเช่นกัน เขายืนนิ่งบนตำแหน่งตนเองรอผลการคัดออก

สำหรับจงเถิง มู่เฉินรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นพวกยุแยงให้ลู่สุยมาปะทะกับเขา แต่เนื่องจากตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ดีในการจัดการ เขาจึงได้แต่ผลักแผนไปก่อน

แต่ถึงกระนั้นสายตาคมกล้าของมู่เฉินก็ยังจ้องเขม็งไปที่จงเถิง รอบตัวเต็มไปด้วยคลื่นหลิงราวกับเสือดาวที่กำลังจะจ้องตะครุบเหยื่ออัดแน่นด้วยภัยคุกคาม

เมื่อเห็นท่าทางของมู่เฉิน จงเถิงที่ประจันหน้ากับมั่วเฟิงก็รู้สึกอึดอัดใจ เขาต้องแยกสมาธิอยู่ตลอดเพื่อจับตามองมู่เฉิน ป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายเคลื่อนไหวมาประสานพลังกับมั่วเฟิง

ด้วยวิธีนี้สมาธิของจงเถิงจึงค่อนข้างฟุ้งซ่าน สุดท้ายเขาได้แต่กัดฟัน ถอนคลื่นหลิงและถอยออกจากบริเวณของมั่วเฟิง

“พี่มั่วยากสำหรับการต่อสู้ของเราที่จะได้ข้อสรุป ทำไมเราไม่ไปจัดการคนอื่นและรับที่นั่งมาล่ะ?” ขณะที่จงเถิงถอยกลับเสียงก็สะท้อนก้องไปด้วย

มั่วเฟิงจ้องมองจงเถิงอย่างไม่แยแสก่อนที่จะพยักหน้า นั่นเป็นเพราะเขารู้ว่าหากพวกเขายังอยู่ในสถานการณ์ยืนจ้องหน้ากันก็จะไม่เกิดผลลัพธ์ใด หากเขาร่วมมือกับมู่เฉิน พวกเขาอาจทำให้จงเถิงบ้าดีเดือดขึ้นมา แม้แต่พวกเขาก็ต้องจ่ายราคามหาศาลจากการตีโต้

ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับพวกเขาคือการได้ที่นั่งเพื่อเข้าสู่ชั้นสี่

เมื่อจงเถิงเห็นคำตอบของมั่วเฟิงก็รู้สึกโล่งใจในใจ เขาถอยกลับอย่างรวดเร็วออกจากจุดที่มู่เฉินและมั่วเฟิงอยู่ เขาครุ่นคิดสั้นๆ ก่อนจะเลือกปะทะกับคนที่อ่อนแอกว่า

พอมู่เฉินเห็นจงเถิงไปแล้วก็ไม่ได้ใส่ใจอีกต่อไป สายตาหันมามองมั่วเฟิงแล้วก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้มแสดงความขอบคุณในการช่วยเหลือครั้งนี้

สายตาของมั่วเฟิงเป็นมิตรมากขึ้น คิดว่าการที่มู่เฉินเอาชนะลู่สุย ทำให้มั่วเฟิงมองมู่เฉินในฐานะจอมยุทธ์ที่อยู่ในระดับเดียวกันกับเขา ดังนั้นจึงไม่ได้มีท่าทางเฉยเมยเหมือนเมื่อก่อน

มั่วเฟิงพยักหน้าให้มู่เฉิน ก่อนที่จะหันหลังกลับและเริ่มเลือกคู่ต่อสู้ของตนเอง

ครืน!

เมื่อทุกคนเลือกคู่ต่อสู้แล้ว ทันใดนั้นคลื่นหลิงก็ระเบิดรุนแรงบนลานเมฆสายฟ้า คลื่นกระแทกกวาดออก ทำให้มิติเกิดการสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นไม่หยุด

บนลานเมฆสายฟ้าพลังงานหลิงกวาดหายนะ มีเพียงตรงมู่เฉินเท่านั้นที่ไม่ถูกรบกวน เนื่องจากไม่มีใครกล้าเหยียบเข้ามาในรัศมีพันจั้ง ยามนี้เขาเหมือนผู้ชมที่ดูการต่อสู้ติดขอบ ในเวลาเดียวกันก็บันทึกกระบวนท่าที่ทรงพลังของบางคนไว้ในสมอง

แม้ว่าในชั้นนี้พวกเขาอาจไม่ได้ประลองกัน แต่ก็ยังมีอีกสองชั้นรอพวกเขาอยู่ ใครจะสามารถรับประกันได้ว่าจะไม่มีการลดจำนวนลงในชั้นต่อไป?

ดังนั้นถ้ามีโอกาสเขาต้องพยายามจดจำข้อมูลผู้อื่นเก็บไว้

ภายใต้การสังเกตของมู่เฉิน การประลองบนลานเมฆสายฟ้าก็คงอยู่ชั่วระยะหนึ่ง ก่อนที่แต่ละคู่จะมาถึงจุดสิ้นสุด ผลลัพธ์ก็เป็นไปตามที่คาดไว้

หลังจากมู่เฉินก็เป็นหานซันที่เอาชนะคู่ต่อสู้ได้ที่นั่งที่สองไป

จากนั้นมั่วเฟิงและจงเถิงก็คว้าชัยชนะตามมา

ที่นั่งสุดท้ายตกเป็นของสีคุนที่ก่อนหน้านี้เคยแพ้หานซันที่ด้านนอกเจดีย์ ชายนี้มีความแข็งแกร่งที่น่าตกใจ แม้แต่หานซันยังต้องใช้ทักษะเต็มที่ถึงจะได้รับชัยชนะมา

เมื่อสีคุนได้รับที่นั่งสุดท้ายลานเมฆสายฟ้าขนาดใหญ่ก็เงียบลงอีกครั้ง ร่างทั้งห้ายืนอยู่ ขณะรัศมีไร้ขอบเขตทั้งห้าสายพุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าชนกันเปรี้ยงปร้าง

ทว่าการชนกันก็ดำเนินไปเพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ ก่อนที่ทั้งห้าจะถอนคลื่นพลังพร้อมกัน พวกเขาเหลือบมองกันและกัน จากนั้นก็ไม่ลังเลทะยานออกไปปรากฏตัวบนเบาะทั้งห้า

สายตาพวกเขาพุ่งตรงไปยังมิติด้านหลังลานเมฆสายฟ้าด้วยความโลภ ตรงนั้นเส้นดาวหางจำนวนมากกวาดผ่านราวกับฝนดาวตก

ในแสงเหล่านั้นแก่นหยดสายฟ้ากำลังกะพริบด้วยความแวววาว


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท