หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – ตอนที่ 1156

ตอนที่ 1156

หนึ่งในใต้หล้า 大主宰
บทที่ 1156 ความแข็งแกร่งเพิ่มพูน
โฮก!

ทะเลสวรรค์บนท้องฟ้าสั่นสะเทือน แม่น้ำที่ไหลลงมาราวกับมังกรใหญ่โฉบตัวที่มีพลังท่วมท้น ทำให้กระทั่งมิติยังแตกออก

คลื่นกระแทกที่รุนแรงช่างดูน่ากลัวยิ่งกว่าอะไร

ร่างเทพสุริยะยืนตระหง่านในอากาศ มู่เฉินปรากฏตัวบนศีรษะแล้วนั่งขัดสมาธิลง เวลานี้ดวงตะวันสีทองกำลังหมุนคว้างอย่างช้าๆ

ครืน!

แม่น้ำที่ราวกับมังกรพุ่งลงมาภายใต้สายตาอิจฉานับไม่ถ้วน ตกลงบนร่างมู่เฉิน

ขณะนี้เขาสามารถสัมผัสได้ถึงพลังงานหลิงที่ไม่มีที่สิ้นสุดพุ่งเข้าสู่ร่างกายจากกระหม่อม ทำให้ร่างกายของเขาพองตัวขึ้นเรื่อยๆ

ความรู้สึกคล้ายกับมีมังกรพุ่งเข้ามาในร่างกายบินฉวัดเฉวียนภายในแล้วกวาดหายนะ

ถ้าพลังงานนี้ถูกควบคุมโดยบางคนในตอนนี้ ร่างของมู่เฉินคงระเบิดเป็นฟองเลือดไปแล้ว

แต่โชคดีที่คลื่นหลิงเหล่านี้ไม่มีเจ้าของ นอกจากนี้ความบริสุทธิ์ก็อยู่ไกลเกินจินตนาการของมู่เฉินนัก

คลื่นหลิงไร้ขอบเขตพุ่งเข้ามาในหัวก่อนที่จะไหลบ่าบ้าคลั่ง ทำเอามู่เฉินเจ็บปวดรุนแรง ทว่าภายใต้ความเจ็บปวดเขาก็รู้สึกได้ไม่ว่าจะเป็นเส้นลมปราณ กระแสเลือดและเนื้อก็มีร่องรอยของประกายแสงละเอียดอยู่

แม้ว่าจะดูไม่มีนัยสำคัญ แต่มู่เฉินก็สัมผัสได้ชัดเจนถึงพลังที่น่ากลัว

ซึ่งสิ่งนี้ทำให้ทุกอณูแข็งแกร่งมากขึ้นไปด้วย

ในเวลาเดียวกันก็มีริ้วเลือดสีดำไหลออกมาจากภายในหรือบนพื้นผิวของร่างกาย

นั่นคืออาการบาดเจ็บที่ซ่อนอยู่ ซึ่งมู่เฉินได้รับมาจากการต่อสู้ในอดีต แต่ยามนี้กำลังฟื้นตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว

เมื่อรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงในร่างกาย กระทั่งมู่เฉินที่เป็นคนสุขุมก็รู้สึกมีความสุข ความแข็งแกร่งของพลังกายเขาทรงพลังมากอยู่แล้ว ดังนั้นจึงยากสำหรับเขาที่จะเพิ่มพูน แม้ว่าจะใช้สมบัติทางธรรมชาติบางอย่างก็มีข้อจำกัดมาก นอกเหนือจากสมบัติธรรมชาติบางสิ่ง ซึ่งกระทั่งจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนยังถูกดึงดูดเข้าไป ถึงแม้ว่าจะได้รับการสนับสนุนยิ่งใหญ่จากอาณาเขตกงเวทสวรรค์ เขาก็จ่ายไม่ไหว

ดังนั้นเมื่อเขารู้ว่าพิธีการรับการชำระล้างขั้นสมบูรณ์ของทะเลสาบสวรรค์สามารถปรับปรุงร่างกายได้ นี่ทำให้เขามีความสุขมาก

ดังนั้นเขาจึงเร้ากายามังกรหงส์โดยไม่ลังเลใดๆ เกลียวแสงสีทองระเบิดขึ้นมาบนร่างกายนับไม่ถ้วน จิตวิญญาณมังกรแท้จริงและหงส์ฟ้าแท้จริงที่สถิตอยู่ในแขนก็ตื่นขึ้น โจนทะยานออกจากร่างเขาหมอบตัวที่หัวไหล่ ปล่อยให้การชำระล้างของทะเลสาบสวรรค์ชำระร่างกายอีกครั้ง…และอีกครั้ง

จิตวิญญาณมังกรแท้จริงและหงส์ฟ้าแท้จริงได้รับการชำระมากขึ้น พื้นผิวกายของสองเทพอสูรก็ยิ่งเปล่งประกายระยิบระยับ

แม่น้ำยังทำให้มิติสั่นสะเทือน ผู้คนก็รู้สึกได้ว่าความผันผวนที่เล็ดลอดออกมาจากร่างมู่เฉินทรงพลังขึ้นอย่างรวดเร็ว

ยิ่งกว่านั้นการเพิ่มพูนก็ไม่ได้จำกัดแค่ร่างกายมู่เฉินเท่านั้น การชำระที่ร่างเทพสุริยะได้รับยิ่งน่าทึ่ง จึงทำให้เพิ่มพูนได้ยิ่งมาก

แสงสีทองพวยพุ่งบนร่างใหญ่โตขึ้นไปบนขอบฟ้าส่องสว่างรัศมีหมื่นลี้

ทุกคนที่นี่สามารถสัมผัสได้อย่างชัดเจนถึงพลังน่าสะพรึงกลัวที่มาจากร่างเทพสุริยะ ที่ทำให้กระทั่งจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเก้าระยะเต็มยังต้องมีสีหน้าเปลี่ยนไป

บริเวณไกลออกไปจาโหลหลัวก็รับการชำระล้างอยู่ แต่เมื่อเทียบกับการชำระล้างขั้นสมบูรณ์ของมู่เฉินก็ทำเอาซีดไปเลยทีเดียว

ดังนั้นสีหน้าของเขาจึงเย็นชามาก ขณะที่จ้องมองร่างเทพสุริยะที่อยู่ใต้ฝ่าเท้ามู่เฉิน ไอสังหารแรงกล้าพล่านในดวงตา

เนื่องจากเขารู้สึกได้ว่าพลังของร่างเทพสุริยะของมู่เฉิน กำลังจะแซงหน้าเขาอย่างรวดเร็ว

ด้วยพิธีชำระล้างขั้นสมบูรณ์ การเพิ่มความแข็งแกร่งของมู่เฉินทำให้แม้แต่จาโหลหลัวยังตกใจและเป็นครั้งแรกที่รู้สึกเสียใจ ถ้าเขารู้เรื่องนี้มาก่อนละก็ เขาคงจะฆ่ามู่เฉินให้เร็วกว่านี้

ตอนนี้มู่เฉินทำให้เขารู้สึกถูกคุกคามแล้ว

ทว่าไม่มีอะไรที่สามารถทำได้ จาโหลหลัวรู้สึกได้แม้ว่ามู่เฉินจะรับการชำระล้างแต่สายตาก็ยังจับจ้องมาที่เขาตลอด หากเขาโจมตี มู่เฉินก็จะสามารถใช้พลังการชำระล้างซัดเขาไม่ยั้งแน่

“เวรเอ้ย” จาโหลหลัวหายใจเข้าลึกๆ จากนั้นก็หลุบตาลง สีหน้ากลับมาเป็นเฉยเมย แม้ว่านี่จะเกินความคาดหมายไปเล็กน้อย แต่ก็ยังยอมรับได้เนื่องจากความแตกต่างระหว่างเขากับมู่เฉินไม่ใช่สิ่งที่สามารถครอบคลุมได้ด้วยการชำระล้างขั้นสมบูรณ์ เขาจะต้องหาโอกาสหลังจากนี้เพื่อฆ่ามู่เฉินให้เร็วที่สุด

สำหรับตอนนี้มุ่งเน้นไปที่การรับการชำระล้างให้เสร็จก่อน ไม่ว่าอย่างไรสิ่งนี้ก็เป็นประโยชน์ต่อเขาเช่นกัน

เมื่อจาโหลหลัวดึงดวงตาซึ่งเต็มไปด้วยเจตนาฆ่ากลับ ดวงตาของมู่เฉินก็สั่นไหว ตัวเขาคอยตั้งระวังจาโหลหลัวอยู่ก็จริง มากจนตั้งใจล่อให้อีกฝ่ายเคลื่อนไหวมาจัดการเขาด้วยซ้ำ หากเป็นเช่นนั้นมู่เฉินจะสามารถยืมพลังพิธีชำระล้างเพื่อทำลายล้างจาโหลหลัวได้

แต่ความระมัดระวังของจาโหลหลัวเกินความคาดหมายของมู่เฉินไปเล็กน้อย เนื่องจากเขาสามารถระงับจิตสังหารในใจและเลือกนิ่งเงียบลงเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่ง

“เป็นศัตรูที่ยากจะต่อกรจริงๆ” มู่เฉินถอนหายใจในใจ ทั้งความคิดและแผนการของจาโหลหลัวเป็นสิ่งที่เขาประมาทไม่ได้

แต่เนื่องจากจาโหลหลัวเลือกที่จะนิ่งเงียบ มู่เฉินก็ไม่จำเป็นต้องเบี่ยงเบนความสนใจและรับการชำระล้างบาปได้อย่างเต็มที่ เขาและจาโหลหลัวจะต้องสู้กันด้วยศึกมรณะ เขารู้สึกว่าถูกคุกคามอย่างมากจากอีกฝ่าย ดังนั้นเขาคว้าโอกาสทั้งหมดที่จะได้รับเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งของตัวเอง

มู่เฉินปรือตามองไปที่ร่างเทพสุริยะดำเมื่อมที่อยู่ใต้เท้าของจาโหลหลัวพร้อมกับแสงแวบในดวงตา

จากการสัมผัสทำให้มู่เฉินรู้ว่าหากเทียบเรื่องพลังและความหนาแน่นคลื่นหลิงของร่างเทห์สวรรค์ จาโหลหลัวคงจะแข็งแกร่งกว่าอยู่เล็กน้อย

การปะทะกันซึ่งหน้า มู่เฉินจะไม่ได้เปรียบแน่นอน

สุดท้ายจาโหลหลัวก็ฝึกฝนร่างเทพสุริยะมานานกว่ามาก กระทั่งตำหนักเทพปีศาจยังเลี้ยงดูเขาด้วยทรัพยากรมากมาย ดังนั้นเห็นได้ว่าประมุขตำหนักเทพปีศาจให้ความสำคัญกับเขามากเพียงใด

จาโหลหลัวอยู่ในระดับจื้อจุนขั้นเก้าระยะเต็มมาเป็นเวลานาน ซึ่งได้ค้นหาโอกาสบุกทะลงเข้าไปแตะระดับตี้จื้อจุนแล้ว ขณะที่มู่เฉินเพิ่งบรรลุขั้นเก้าระยะต้นเท่านั้น มีช่องว่างระหว่างพวกเขาซึ่งแม้แต่มู่เฉินก็ยังต้องยอมรับ

“การต่อสู้ระหว่างข้ากับจาโหลหลัวคงจะเกิดในอีกไม่นานและก็ไม่ง่ายเลยที่จะเหนือกว่าจาโหลหลัว นอกจากนี้ต่อให้เราสองคนจะใกล้เคียงกัน แต่ถ้าต่อสู้กันก็คงไม่สามารถได้เปรียบอย่างเต็มที่” แม้ว่าเขาจะมีไพ่ตายมากมายรวมทั้งพัดเทพสายลม แต่เขาเชื่อว่าจาโหลหลัวจะไม่มีอาวุธมหสวรรค์ของแท้ ดังนั้นหากเขาต้องการเอาชนะ เขาก็ต้องเตรียมการบางอย่างแล้ว

มู่เฉินลดศีรษะลงมองร่างเทพสุริยะก็หรี่ตาลงก่อนจะค่อยๆ หลับตา

ทันใดนั้นแสงสีทองจากร่างเทพสุริยะก็หยุดขยายออกไป การเสริมสร้างพลังร่างเทห์สวรรค์เริ่มช้าลง

มู่เฉินแอบโยกย้ายการชำระล้างไปยังจุดอื่นอย่างเงียบ ๆ

หลังจากทำเช่นนี้แล้วเขาก็หลับตาลง เกลียวแสงสีทองระเบิดออกจากร่างกาย จิตวิญญาณมังกรแท้จริงและหงส์ฟ้าแท้จริงบนไหล่ส่งเสียงคำรามพึงพอใจ คลื่นหลิงและพลังกายของเขาก็ได้รับการเสริมความแข็งแกร่งอย่างรวดเร็วจากการชำระล้างนี้

ในเมื่อเขาชะลอการเสริมสร้างร่างเทพสุริยะ เขาก็ต้องเพิ่มพลังของตัวเองอย่างรวดเร็ว

ดังนั้นมู่เฉินจึงค่อยๆ อ้าแขนภายใต้แม่น้ำมังกรขนาดใหญ่

คลื่นหลิงไร้ขอบเขตผันผวนตลอดเวลา

ทำให้ลอนคลื่นมากมายกระจายไปทั่วทะเลสาบสวรรค์ที่อยู่เบื้องล่าง

ขณะนี้ทุกคนกระตุ้นการรับการชำระล้างทุกระดับ ทว่าเมื่อเทียบพิธีของมู่เฉินของคนอื่นๆ ก็ดูน่าสงสารนัก

นอกเหนือจากความรู้สึกหดหู่จากการชำระล้างขั้นสมบูรณ์ของมู่เฉิน คนส่วนใหญ่ก็ค่อนข้างพอใจเนื่องจากการชำระล้างทำให้พวกเขาเข้มแข็งขึ้นและปูทางเส้นทางการเพาะบ่มในอนาคต

เมื่อเวลาผ่านไปผู้คนจำนวนมากก็เสร็จสิ้นกระบวนการ ขณะที่ทะเลสาบสวรรค์ค่อยๆ สงบลงโดยเหลือจอมยุทธ์ไม่กี่คนที่ยังอยู่ในกระบวนการ

แน่นอนว่ามู่เฉินก็รวมอยู่ในกลุ่มนี้ด้วย

กีด!

จิ่วโยวเสร็จสิ้นกระบวนการเรียบร้อย นางกลับคืนสู่ร่างต้นกำเนิด วิหคอนธโลกันตร์กางปีกขนาดใหญ่ปกคลุมหมู่เมฆ ทุกการกระพือทำให้กระแสพลังงานหลิงเปลี่ยนแปรไปด้วย

สามารถมองเห็นประกายระยิบระยับบนร่างวิหคอนธโลกันตร์ แม้ว่าจะไม่เด่นชัด แต่ก็ทำให้พลังกายของจิ่วโยวเพิ่มขึ้นอีกระดับหนึ่ง

แสงสีดำสนิทเอิบอาบออกมาจากร่างวิหคอนธโลกันตร์ ก่อนที่จะเริ่มหดตัวลงกลายเป็นร่างงาม

จิ่วโยวยืนอยู่บนท้องฟ้าก่อนที่จะลืมตาขึ้นทันทีพร้อมกับเพลิงลุกโชนในตัว คลื่นหลิงทรงพลังพวยพุ่งออกมาจากร่างกาย

เมื่อรู้สึกถึงความกดดัน ท่าทางของทุกคนก็เปลี่ยนไป เนื่องจากนางบรรลุระดับจื้อจุนขั้นเก้าระยะเต็มแล้ว!

เห็นได้ชัดว่าหลังจากฉินจิงเจ๋อ จิ่วโยวก็สร้างพัฒนาการให้กับตัวเองด้วยความช่วยเหลือของกระบวนการชำระล้างขั้นสูงพุ่งเข้าสู่ขั้นเก้าระยะเต็มได้!

หลังจากจิ่วโยว เซียวเซียว หลินจิ้ง จู้เยี่ยน ซูชิงหยิงและจาโหลหลัวก็ทยอยเสร็จสิ้นกระบวนการ แต่ไม่มีใครที่เกิดพัฒนาการ นั่นเป็นเพราก้าวถัดไปของพวกเขาคือระดับตี้จื้อจุน

นั่นไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะทำสำเร็จ ดังนั้นพวกเขาจึงต้องสะสมจนถึงจุดที่เหมาะสมถึงจะได้สามารถลองฝ่าฟันไป

แม้ว่าพวกเขาจะไม่บรรลุ แต่ใครๆ ก็สัมผัสได้ว่าพวกเขายิ่งลึกซึ้งไม่อาจหยั่งรู้ด้วยความช่วยเหลือของการชำระล้างครั้งนี้

เมื่อคนอื่นๆ เสร็จสิ้นกระบวนการก็พากันมองไปที่ทิศทางของมู่เฉิน

เนื่องจากในเวลานี้ฉากบนท้องฟ้าก็เริ่มจางหายไป แม่น้ำสายสุดท้ายก็ไหลเข้ากระหม่อมของมู่เฉิน

ดวงตาที่ปิดสนิทของมู่เฉินก็ลืมขึ้นในขณะนี้

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler ฟรี ได้ที่ novel-fast 


เรื่องย่อ

โดย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler บางส่วนของนิยาย

บทนำ

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป

‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้

แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์

แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว

ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ

เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง?

ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน…

เรื่องย่อ

เมื่อคำพูดของมู่เฉินกระจายออกไป ไม่เพียงแต่จะไม่มีการตอบสนอง แม้แต่ด้านนอกเจดีย์ก็ถูกห่อหุ้มด้วยบรรยากาศราวกับป่าช้า…

ทุกคนตกตะลึงไปกับฉากนี้ พวกเขาจ้องมองจุดที่ลู่สุยหายตัวไป ราวกับว่ายังไม่สามารถฟื้นจากอาการตะลึงงันที่เกิดขึ้นได้

ก่อนหน้าเมื่อลู่สุยออกกระบวนท่าที่น่าสะพรึง ผู้คนส่วนใหญ่ก็คิดว่าผลลัพธ์ของการต่อสู้ได้ถูกกำหนดแล้ว ทว่าพวกเขาไม่คิดเลยว่ามู่เฉินจะพลิกสถานการณ์ได้อีกครั้ง เตะลู่สุยที่เหมือนจะคว้าชัยชนะออกไป

ทุกคนตะลึงไปพักใหญ่ ก่อนที่พวกเขาจะหลุดออกจากอาการได้ สายตาเคร่งเครียดลง การประลองกันครั้งนี้มู่เฉินไม่ได้ใช้ค่ายกล แต่เขาก็สามารถเอาชนะจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดอย่างลู่สุยได้ด้วยความแข็งแกร่งที่อยู่ในขั้นหกเท่านั้น แม้ว่าจะมีผลจากลู่สุยประมาทเองในตอนแรก แต่นั่นก็แสดงให้เห็นว่ามู่เฉินน่ากลัวแค่ไหน

พลังเช่นนี้เขาสามารถเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์อันดับต้นๆ ในเจดีย์ฝึกพลังกายได้เลยทีเดียว

ทางฝั่งกลุ่มกระเรียนฟ้า ใบหน้าของหลิ่วชิงกลายเป็นเขียวสลับขาว นางมองไปที่ร่างสูงโปร่งบนหน้าจอ กลืนน้ำลายเหนียวหนืด ความกลัวปรากฏในดวงตาของนางเป็นครั้งแรก

มาถึงจุดนี้นางคงโง่แน่ถ้ายังคิดปฏิบัติต่อมู่เฉินเหมือนกับจอมยุทธ์ขั้นหกทั่วไป

ด้วยพลังในการต่อสู้ที่เขาแสดงออกมา บวกกับค่ายกลทรงพลัง แม้แต่จงเถิงก็ยากจะได้เปรียบหากพวกเขาต่อสู้กัน

ก่อนหน้านี้นางหัวเราะเยาะและมองจิ่วโยวด้วยความดูถูก แต่ตอนนี้นางอายแทบแทรกแผ่นดินหนี ซึ่งจุดนี้รู้ได้จากสายตาเยาะเย้ยเหล่านั้นที่ปรายมองเข้ามา

“ทำไมมู่เฉินถึงทรงพลังเช่นนี้?” จงฮั้วที่พ่ายแพ้ให้กับมู่เฉินก็มีสีหน้าเคร่งขรึมเช่นกัน ก่อนหน้านี้เขาเคยคิดเช่นกันว่ามู่เฉินพึ่งพาเพียงค่ายกลเพื่อจัดการกับศัตรู แต่ใครจะคิดว่าเมื่อไม่มีการใช้ค่ายกลมู่เฉินก็สามารถเอาชนะลู่สุยแบบดุร้ายยิ่งกว่าอะไร

“ดูเหมือนว่ามีเพียงพี่ใหญ่จงเถิงเท่านั้นที่สามารถจัดการกับเขาได้” จอมยุทธ์อีกคนของเผ่ากระเรียนฟ้าพยักหน้า

หลิ่วชิงพยักหน้าเบาๆ ไม่เพียงแต่พวกเขาจะพิจารณาพลังของมู่เฉินพลาดไปเท่านั้น แม้แต่จงเถิงก็ตัดสินอีกฝ่ายผิดไป ชายคนนั้นเป็นสัตว์ประหลาดอย่างแท้จริง

ฟิ้ว!

ขณะที่นอกเจดีย์ต่างตกตะลึงกับผลลัพธ์ที่มู่เฉินนำมา ทันใดนั้นแสงก็กะพริบบนแท่นนอกเจดีย์ ร่างน่าสังเวชปรากฏขึ้น

เมื่อร่างนั้นออกมาก็รีบถอยกลับไปปรากฏตัวขึ้นในกลุ่มอีกาสายฟ้าทันควัน นี่ก็คือลู่สุยที่มีสีหน้าซีดขาว คลื่นหลิงของเขาถดถอยลงอย่างมาก

สายตาโดยรอบยิงเข้าหาในเวลานี้ทันที

ใบหน้าของลู่สุยเขียวคล้ำ สายตาเกลียดชังมองไปที่มู่เฉินที่อยู่บนหน้าจอ ก่อนที่จะหันหัวสาดสายตาดุร้ายใส่จิ่วโยวและมั่วหลิง ที่ข้างๆ พรรคพวกของเขาก็มีท่าทางไม่ดีเช่นกัน

ทว่าจิ่วโยวไม่กลัวที่จะเผชิญหน้ากับสายตาเหล่านั้น นางเค้นเสียงอย่างเย็นชา “ลูกหมาที่ถูกฟาดยังกล้าที่จะออกมาแยกเขี้ยวอีกเหรอ?”

ตอนนี้ลู่สุยบาดเจ็บสาหัส สูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไปหมด ส่วนคนที่เหลือก็ไม่มีอะไรต้องกลัว หากพวกเขากล้าที่จะคิดบัญชีกับพวกนาง จิ่วโยวก็ไม่คิดปล่อยพวกเขาไว้เป็นภัยคุกคามในอนาคตหรอก

สายตาแสดงความเกลียดชังของลู่สุยจ้องเขม็งอยู่ที่จิ่วโยว แต่สุดท้ายเขาก็ต้องถอนสายตาออกไปอย่างไม่เต็มใจ ก่อนที่จะถอยกลับนั่งลงบนซากปรักหักพังเข้าสมาธิเพื่อฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ

จอมยุทธ์กลุ่มอีกาสายฟ้าก็ปรากฏรอบตัวเขาเพื่อปกป้อง

เมื่อจิ่วโยวเห็นการตอบสนองนั่น นางก็ไม่ได้ใส่ใจกับพวกเขาอีก นางมองไปที่หน้าจออีกครั้งโดยพุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่ร่างเงาอ่อนเยาว์ มือที่กำแน่นผ่อนคลายลง

เห็นได้ชัดว่านี่เป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงสำหรับนางที่มู่เฉินจะเอาชนะได้เด็ดขาดแบบนี้ นั่นเป็นเพราะตามการประเมินของนางแม้ว่ามู่เฉินจะยืนยงอยู่ได้ก็เป็นยากที่จะเอาชนะลู่สุยด้วยขุมพลังจื้อจุนขั้นหกและถ้าการต่อสู้ถูกลากไปจนสุดอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบคาดไม่ถึง

ทว่าผลลัพธ์สุดท้ายที่ได้ก็ทำให้นางทั้งประหลาดใจและดีใจ

เห็นได้ชัดว่ามู่เฉินได้รับประโยชน์มหาศาลจากสามชั้นแรกของเจดีย์ฝึกพลังกาย ไม่เช่นนั้นเขาไม่สามารถแสดงพลังเป็นที่ประจักษ์เช่นนี้ได้

“ว่ากันว่าในชั้นสี่มหัศจรรย์กว่านี้มาก หากใครสามารถเข้าไปได้ พวกเขาจะสามารถได้รับผลประโยชน์เกินกว่าสามชั้นแรกมาก…”

จิ่วโยวยิ้มบาง ดูจากสถานการณ์ปัจจุบันไม่น่ามีปัญหาใดๆ ที่มู่เฉินจะเข้าสู่ชั้นสี่ สำหรับมั่วเฟิงความแข็งแกร่งของเขาเป็นหนึ่งในอันดับต้นของกลุ่มที่เข้าไป ดังนั้นจึงไม่ยากสำหรับเขาที่จะได้หนึ่งในห้าที่นั่งนี้ไปเช่นกัน

ดูเหมือนว่าการเดินทางมาที่เจดีย์ฝึกพลังกายโบราณครั้งนี้เผ่าวิหคโลกันตร์อาจเป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

บนลานเมฆสายฟ้า

ไม่มีใครตอบคำถามของมู่เฉิน ขณะนี้แม้แต่จอมยุทธ์ทรงอำนาจอย่างหานซันและสีคุนก็ยังรู้สึกหวาดระแวงมู่เฉินอยู่บ้าง ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกที่จะไม่ไปปะทะกับมนุษย์ผู้นี้

ดังนั้นคนทั้งหมดที่อยู่ที่นี่จึงเงียบลง ก่อนที่จะถอยออกจากรัศมีโดยรอบมู่เฉินอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณบอกว่าพวกเขาไม่ต้องการต่อสู้กับเขา

เมื่อมู่เฉินเห็นภาพนี้ก็ไม่มีอารมณ์ใดบนใบหน้า แต่ในใจกลับรู้สึกโล่งอก คนอื่นๆ เห็นเพียงฉากการต่อสู้ตระการที่เขาเอาชนะลู่สุยได้ แต่พวกเขาไม่รู้หรอกว่าหมัดที่เขาชกออกไปก่อนหน้านี้คือพลังงานส่วนเกินจากสามชั้นแรก

ร่างกายของมู่เฉินก่อนหน้าเปรียบเสมือนฟองน้ำที่ดูดซับน้ำจนถึงขีดจำกัด หมัดของเขาจึงเท่ากับบีบน้ำออกจนหมด ทำให้ร่างกายที่อัดแน่นกลับสู่สภาพเดิม

ดังนั้นถ้าให้เขาโจมตีแบบนั้นอีกครั้ง พลังก็จะไม่ทรงประสิทธิภาพเหมือนเมื่อครู่แน่นอน

ประสิทธิผลพิเศษชนิดนี้ของการสะสมพลังงานในร่างกายเป็นทักษะที่ได้มาจากกายามังกรหงส์ ด้วยวิธีนี้เขาจะได้รับผลลัพธ์ที่ไม่มีใครคาดคิดไว้ กลายเป็นไพ่ลับอีกใบหนึ่ง

“คัมภีร์หลงเฟิ่งทรงพลังจริงๆ”

แม้แต่มู่เฉินก็ยังชื่นชมในสิ่งนี้ คัมภีร์หลงเฟิ่งสมแล้วที่เป็นทักษะยอดเยี่ยมแท้จริง จากการประเมินของเขาคัมภีร์นี้ต้องอยู่ในระดับเสินทงแน่นอน ซึ่งไม่ธรรมดาแม้จะอยู่ในกลุ่มวิทยายุทธระดับเสินทงด้วย

มู่เฉินชื่นชมก่อนที่จะใจเย็นลง แม้ว่าตอนนี้จะไม่มีใครท้าทายเขา แต่เขาก็ไม่ตั้งใจที่จะท้าทายคนอื่นด้วยเช่นกัน เขายืนนิ่งบนตำแหน่งตนเองรอผลการคัดออก

สำหรับจงเถิง มู่เฉินรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นพวกยุแยงให้ลู่สุยมาปะทะกับเขา แต่เนื่องจากตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ดีในการจัดการ เขาจึงได้แต่ผลักแผนไปก่อน

แต่ถึงกระนั้นสายตาคมกล้าของมู่เฉินก็ยังจ้องเขม็งไปที่จงเถิง รอบตัวเต็มไปด้วยคลื่นหลิงราวกับเสือดาวที่กำลังจะจ้องตะครุบเหยื่ออัดแน่นด้วยภัยคุกคาม

เมื่อเห็นท่าทางของมู่เฉิน จงเถิงที่ประจันหน้ากับมั่วเฟิงก็รู้สึกอึดอัดใจ เขาต้องแยกสมาธิอยู่ตลอดเพื่อจับตามองมู่เฉิน ป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายเคลื่อนไหวมาประสานพลังกับมั่วเฟิง

ด้วยวิธีนี้สมาธิของจงเถิงจึงค่อนข้างฟุ้งซ่าน สุดท้ายเขาได้แต่กัดฟัน ถอนคลื่นหลิงและถอยออกจากบริเวณของมั่วเฟิง

“พี่มั่วยากสำหรับการต่อสู้ของเราที่จะได้ข้อสรุป ทำไมเราไม่ไปจัดการคนอื่นและรับที่นั่งมาล่ะ?” ขณะที่จงเถิงถอยกลับเสียงก็สะท้อนก้องไปด้วย

มั่วเฟิงจ้องมองจงเถิงอย่างไม่แยแสก่อนที่จะพยักหน้า นั่นเป็นเพราะเขารู้ว่าหากพวกเขายังอยู่ในสถานการณ์ยืนจ้องหน้ากันก็จะไม่เกิดผลลัพธ์ใด หากเขาร่วมมือกับมู่เฉิน พวกเขาอาจทำให้จงเถิงบ้าดีเดือดขึ้นมา แม้แต่พวกเขาก็ต้องจ่ายราคามหาศาลจากการตีโต้

ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับพวกเขาคือการได้ที่นั่งเพื่อเข้าสู่ชั้นสี่

เมื่อจงเถิงเห็นคำตอบของมั่วเฟิงก็รู้สึกโล่งใจในใจ เขาถอยกลับอย่างรวดเร็วออกจากจุดที่มู่เฉินและมั่วเฟิงอยู่ เขาครุ่นคิดสั้นๆ ก่อนจะเลือกปะทะกับคนที่อ่อนแอกว่า

พอมู่เฉินเห็นจงเถิงไปแล้วก็ไม่ได้ใส่ใจอีกต่อไป สายตาหันมามองมั่วเฟิงแล้วก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้มแสดงความขอบคุณในการช่วยเหลือครั้งนี้

สายตาของมั่วเฟิงเป็นมิตรมากขึ้น คิดว่าการที่มู่เฉินเอาชนะลู่สุย ทำให้มั่วเฟิงมองมู่เฉินในฐานะจอมยุทธ์ที่อยู่ในระดับเดียวกันกับเขา ดังนั้นจึงไม่ได้มีท่าทางเฉยเมยเหมือนเมื่อก่อน

มั่วเฟิงพยักหน้าให้มู่เฉิน ก่อนที่จะหันหลังกลับและเริ่มเลือกคู่ต่อสู้ของตนเอง

ครืน!

เมื่อทุกคนเลือกคู่ต่อสู้แล้ว ทันใดนั้นคลื่นหลิงก็ระเบิดรุนแรงบนลานเมฆสายฟ้า คลื่นกระแทกกวาดออก ทำให้มิติเกิดการสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นไม่หยุด

บนลานเมฆสายฟ้าพลังงานหลิงกวาดหายนะ มีเพียงตรงมู่เฉินเท่านั้นที่ไม่ถูกรบกวน เนื่องจากไม่มีใครกล้าเหยียบเข้ามาในรัศมีพันจั้ง ยามนี้เขาเหมือนผู้ชมที่ดูการต่อสู้ติดขอบ ในเวลาเดียวกันก็บันทึกกระบวนท่าที่ทรงพลังของบางคนไว้ในสมอง

แม้ว่าในชั้นนี้พวกเขาอาจไม่ได้ประลองกัน แต่ก็ยังมีอีกสองชั้นรอพวกเขาอยู่ ใครจะสามารถรับประกันได้ว่าจะไม่มีการลดจำนวนลงในชั้นต่อไป?

ดังนั้นถ้ามีโอกาสเขาต้องพยายามจดจำข้อมูลผู้อื่นเก็บไว้

ภายใต้การสังเกตของมู่เฉิน การประลองบนลานเมฆสายฟ้าก็คงอยู่ชั่วระยะหนึ่ง ก่อนที่แต่ละคู่จะมาถึงจุดสิ้นสุด ผลลัพธ์ก็เป็นไปตามที่คาดไว้

หลังจากมู่เฉินก็เป็นหานซันที่เอาชนะคู่ต่อสู้ได้ที่นั่งที่สองไป

จากนั้นมั่วเฟิงและจงเถิงก็คว้าชัยชนะตามมา

ที่นั่งสุดท้ายตกเป็นของสีคุนที่ก่อนหน้านี้เคยแพ้หานซันที่ด้านนอกเจดีย์ ชายนี้มีความแข็งแกร่งที่น่าตกใจ แม้แต่หานซันยังต้องใช้ทักษะเต็มที่ถึงจะได้รับชัยชนะมา

เมื่อสีคุนได้รับที่นั่งสุดท้ายลานเมฆสายฟ้าขนาดใหญ่ก็เงียบลงอีกครั้ง ร่างทั้งห้ายืนอยู่ ขณะรัศมีไร้ขอบเขตทั้งห้าสายพุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าชนกันเปรี้ยงปร้าง

ทว่าการชนกันก็ดำเนินไปเพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ ก่อนที่ทั้งห้าจะถอนคลื่นพลังพร้อมกัน พวกเขาเหลือบมองกันและกัน จากนั้นก็ไม่ลังเลทะยานออกไปปรากฏตัวบนเบาะทั้งห้า

สายตาพวกเขาพุ่งตรงไปยังมิติด้านหลังลานเมฆสายฟ้าด้วยความโลภ ตรงนั้นเส้นดาวหางจำนวนมากกวาดผ่านราวกับฝนดาวตก

ในแสงเหล่านั้นแก่นหยดสายฟ้ากำลังกะพริบด้วยความแวววาว


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท