หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – ตอนที่ 1167

ตอนที่ 1167

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – บทที่ 1167 ศึกแรกกับจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุน
หนึ่งในใต้หล้า 大主宰
บทที่ 1167 ศึกแรกกับจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุน
โฮก!

ภายในโถงนักรบสังหารวิญญาณคำรามลั่นพร้อมกับรัศมีจั้นยี่สีแดงเข้มพวยพุ่งขึ้นมาจากศีรษะ ก่อตัวเป็นกลุ่มเมฆหนาทึบสีแดงเข้ม

ขนาดของรัศมีจั้นยี่ไปไกลเกินกว่ากองทัพใดๆ ที่มู่เฉินเคยบัญชาการ แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นต้นก็ไม่กล้าดูถูก

มิติพังทลายลงพร้อมกับรอยแตกร้าวแผ่กระจายออกราวกับใยแมงมุม แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งและครอบงำของรัศมีจั้นยี่

ผู้อาวุโสจั่วที่ยืนอยู่หน้าประตูหินที่มีท่าทางไว้ตัวก่อนหน้าก็ถูกลบออกอย่างสมบูรณ์จากฉากน่าตกใจนี้

สายตาเขาเลื่อนขึ้นลงด้วยความไม่เชื่อระหว่างกลุ่มเมฆรัศมีจั้นยี่สีแดงเข้มและมู่เฉินที่ได้รับการคุ้มครองจากกองทัพสังหารวิญญาณ

จนถึงตอนนี้เขาก็ยังไม่อยากเชื่อว่ามู่เฉินจะมีความสามารถควบคุมกองทัพชั้นยอดได้จริงๆ

“เป็นไปได้ยังไง?!”

เสียงแหบของผู้อาวุโสจั่วแฝงความสั่นเครือ

สถานการณ์เกิดขึ้นรวดเร็ว ก่อนที่เขาจะรู้ตัวสิ่งมีชีวิตต่ำต้อยที่เขาคิดว่าสามารถบดขยี้ได้อย่างง่ายดายก็ระเบิดขึ้นด้วยพลังที่น่ากลัว

“ดูเหมือนว่าข้าจะทำให้เจ้าผิดหวังแล้วนะ โชคดีที่ข้าบัญชาการกองทัพนี้ได้เต็มรูปแบบ” มู่เฉินมองไปที่ผู้อาวุโสจั่วที่การแสดงออกเปลี่ยนไป ความตื่นเต้นก็พล่านขึ้นในใจของมู่เฉิน

เมื่อก่อนทางเลือกเดียวของเขาคือหนีเมื่อเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นต้น แต่วันนี้เขากลับสร้างความหวาดกลัวบนใบหน้าของอีกฝ่ายด้วยการเผยไพ่ตายขึ้น

มู่เฉินจับป้ายกองทัพไว้แน่น แม้ตอนนี้จะต้องอาศัยกองทัพสังหารวิญญาณเพื่อเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นต้น แต่เขาก็มั่นใจว่าในอนาคตอันใกล้นี้เขาจะสามารถทำได้ด้วยตัวเอง

“ไอ้แก่ ตอนนี้ยังคิดจะมาขัดขวางข้าต่ออีกเหรอ?” มู่เฉินยิ้มตาหยี

“ไอ้เด็กบ้าหลงตัวเอง ข้าผ่านโลกมามากมายและนี่ก็เด็กเกินไปที่จะข่มขู่ข้าด้วยกองทัพ นอกจากนี้ใครจะรู้ว่าไอ้จอมเจ้าเล่ห์อย่างแกจะแค่ทำมั่นหน้าไหม?” ดวงตาของผู้อาวุโสจั่วมืดครึ้ม

เขาตกตะลึงกับไพ่ตายของมู่เฉิน แต่ไม่ว่าอย่างไรเขาก็เป็นจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นต้น จะถูกข่มขู่จากคำพูดของมู่เฉินได้อย่างไร?

“ในเมื่อเป็นเช่นนั้น”

เมื่อได้ยิน มู่เฉินก็ยิ้มพลางเอ่ย “งั้นก็ขอให้แกช่วยลิ้มลองพลังของกองทัพสังหารวิญญาณดูละกัน”

ตู้ม!

พูดจบมู่เฉินก็ก้าวออกไป เคลื่อนตัวเข้าไปในกองทัพสังหารวิญญาณก่อนจะนั่งลงหลับตา เขาปลดปล่อยคลื่นจิตหลอมรวมกับเมฆสีแดงเข้มไร้ขอบเขต

โฮก! โฮก!

เสียงคำรามดังก้องอยู่ในห้วงแห่งจิตเขาเมื่อคลื่นจิตหลอมรวมกับรัศมีจั้นยี่ ในเวลาเดียวกันเขาก็สามารถสัมผัสได้ถึงรัศมีจั้นยี่ที่น่าสยดสยองภายใต้การควบคุมของตนเอง

ครืน!

คลื่นสีแดงก่ำพัดออกไป มิติแตกเป็นเสี่ยงๆ กดทับไปยังผู้อาวุโสจั่ว

แม้ว่าการโจมตีจะดูเรียบง่าย แต่มีเพียงผู้ที่ยืนอยู่ตรงหน้าเท่านั้นที่รู้ว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะต้านทาน ตามการคาดการณ์ของมู่เฉิน ถ้าตอนนี้เป็นจาโหลหลัวและจู้เยี่ยนที่ยืนอยู่เบื้องหน้า พวกเขาจะไม่มีแม้แต่ศพทิ้งไว้ต่างหน้า

นั่นเพราะคลื่นสีแดงอัดแน่นด้วยรัศมีจั้นยี่น่าสะพรึงกลัวของกองทัพสังหารวิญญาณ

คลื่นสีแดงเข้มขยายในม่านตา ใบหน้าของผู้อาวุโสจั่วก็ดูเคร่งขรึม เขาสัมผัสได้ถึงพลังน่ากลัวที่มีอยู่ในคลื่นสีแดงเข้ม แม้แต่เขาก็ไม่สามารถประมาทได้

“ไอ้สารเลว!”

ผู้อาวุโสจั่วกัดฟันแน่น งานง่ายๆ นี้กลายเป็นการรับหม้อไปได้แล้วเขาจะไม่โกรธได้อย่างไร?

ผู้อาวุโสจั่วยื่นฝ่ามือออกจากแขนเสื้อ ผิวดูนุ่มนวลราวกับเด็กทารก ระหว่างนิ้วทั้งห้าก็มีประกายแสงราวกับหยก

เมื่อฝ่ามือยื่นออกมาก็ขยายขนาดเป็นพันจั้งพลางกดลง มิติแตกเป็นเสี่ยงๆ กระแทกเข้ากับคลื่นสีแดงเข้มที่พุ่งเข้ามา

ตู้ม!

พลังงานสองสายซัดกันเปรี้ยงปร้างพร้อมกับเสาหินในโถงแตกระเบิด ระลอกคลื่นที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่ากระจายออกไปทำให้มิติบิดเบี้ยวและแตกเป็นเสี่ยงๆ

พลังทำลายล้างของการปะทะที่ดูเรียบง่ายนี้เกินกว่าที่จอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเก้าระยะเต็มออกกระบวนท่าวิทยายุทธระดับเสินทงเสียอีก

ร่างกายของผุ้อาวุโสจั่วสั่นสะท้านจากคลื่นกระแทก ก่อนที่จะถอยหลังไปครึ่งก้าวพร้อมด้วยสีหน้ามืดมน

เห็นได้ชัดว่าเขาอยู่ในตำแหน่งเสียเปรียบในการแลกกระบวนท่าเมื่อครู่

ถ้าเขามีพลังในจุดสูงสุดก็ไม่กลัวกองทัพสังหารวิญญาณนี้ จะสู้หรือจะถอยก็ทำได้ตามต้องการ แต่เนื่องจากได้จ่ายราคามหาศาลสำหรับการเข้าสู่วังสวรรค์บรรพกาล ทำให้พลังของเขาเหลือไม่ถึงครึ่งหนึ่งในจุดสุดยอด

ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถต้านทานรัศมีจั้นยี่ที่น่าสะพรึงได้อย่างสมบูรณ์

ตู้ม! ตู้ม!

มู่เฉินยังคงมึนเมากับพลังที่น่ากลัวของรัศมีจั้นยี่ที่โหยหา เขาสะบัดแขนเสื้อเมฆสีแดงเข้มร้อนระอุก็ม้วนตัวพลางควบแน่นเป็นหอกสีแดงเข้มจำนวนนับไม่ถ้วน

หอกถูกปกคลุมด้วยลวดลายจั้นเหวิน ซึ่งมีหลายแสนเล่มและทุกเล่มก็บรรจุด้วยพลังที่สามารถข่มขู่จอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเก้าระยะเต็มได้

“ไป!”

มู่เฉินตวัดนิ้ว พายุหอกก็ทะยานออกไปพุ่งเข้าหาผู้อาวุโสจั่ว

“รูปแบบฟ้าดิน!”

แสงสีแดงเจาะทะลุฟ้าดิน ราวกับว่าระยะทางไม่เป็นอุปสรรค ผู้อาวุโสจั่วก็ไม่กล้าผ่อนคลาย เขากระทืบเท้าพร้อมเสียงคำราม คลื่นหลิงระหว่างสวรรค์และโลกรวมตัวกันอย่างรวดเร็วกลายเป็นภูเขาสูงตระหง่านที่เบื้องหน้า

ภูเขาระยิบระยับด้วยห้าสีก่อตัวจากคลื่นหลิงบริสุทธิ์ที่อยู่ระหว่างสวรรค์และโลกด้วยรูปแบบที่แท้จริง ราวกับว่าได้สร้างภูเขาคลื่นหลิงขึ้นมาจากความว่างเปล่า

ซึ่งนี่เป็นกลยุทธ์เอกลักษณ์ของจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุน

เคร้ง เคร้ง เคร้ง!

ภูเขานั้นคล้ายกับโล่ปิดกั้นหอกอย่างสมบูรณ์

ทว่าภูเขาก็เต็มไปด้วยหลุมบ่อจากการโจมตีและสุดท้ายก็พังทลายลง

“ไอ้เวร คิดว่าข้าจะจัดการแกไม่ได้จริงเรอะ?” หลังจากถูกมู่เฉินโจมตีใบหน้าของผู้อาสุโสจั่วก็เปลี่ยนมืดครึ้ม เขาเค้นเสียงเย็น ฝ่ามือที่ราวกับหยกก็พลิกขึ้น ส่วนมืออีกข้างก็ชี้นิ้วออก

เมื่อเขาพลิกมือ มู่เฉินก็รู้สึกว่าฟ้าดินหดขนาดลง ขณะที่ความมืดปกคลุม เสามหึมาพุ่งลงมาจากท้องฟ้าซัดใส่ตัวเขาที่ได้รับการปกป้องจากกองทัพสังหารวิญญาณ

ความแข็งแกร่งของการโจมตีจินตนาการไม่ได้ หากมู่เฉินไม่มีกองทัพสังหารวิญญาณก็เป็นไปไม่ได้ที่จะหลบหนี

“เฮ้ ถ้าแกอยู่ในจุดสุดยอดอาจจะเป็นเรื่องยากสำหรับข้าที่จะเอาชนะ แต่ในสถานะปัจจุบันที่มีแกทำอะไรได้บ้าง?” มู่เฉินเงยหน้าขึ้นเขารู้ว่าเสานั้นถูกสร้างขึ้นจากดัชนีของผู้อาวุโสจั่ว

ฮา

มู่เฉินหายใจเข้าลึก อึดใจดวงตาก็เปลี่ยนเป็นสีแดงพร้อมกับคำราม “กองทัพสังหารวิญญาณ—ฆ่า!”

ตู้ม!

นักรบสังหารวิญญาณสองพันนายลืมตาโพลง เงยหน้าขึ้นมองเสามหึมาพร้อมกับรัศมีจั้นยี่สีแดงเข้มพุ่งออกมาจากดวงตากวาดล้างไปทั่วท้องฟ้า

ปัง!

รัศมีจั้นยี่สีแดงเข้มกวาดออก เสาก็ระเบิด

ความมืดจางหายไปอย่างรวดเร็ว มู่เฉินก็พบว่าได้กลับมาสู่ห้องโถง ความมืดโดยรอบเมื่อครู่ราวกับภาพลวงตา เขาเห็นนิ้วของผู้อาวุโสจั่วสั่นเทิ้มมีเลือดไหลออกมา

การควบคุมรูปแบบฟ้าดินด้วยนิ้วเดียวที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ นี่คือระดับตี้จื้อจุนแท้จริง

ดวงตาของมู่เฉินเป็นประกายด้วยความอิจฉา ถ้าไม่ใช่รัศมีจั้นยี่ของกองทัพสังหารวิญญาณครอบงำเกินไป เขาคงไม่สามารถหนีรอดออกมาได้

ในการปะทะกันสั้นๆ เขาก็ได้สัมผัสกับพลังของระดับตี้จื้อจุนด้วยตัวเอง นี่ไม่ใช่สิ่งที่ระดับจื้อจุนขั้นเก้าระยะเต็มจะเผชิญหน้าได้

แต่ถึงเวลาแล้วที่เขาจะจบศึก

มู่เฉินเลียริมฝีปากพลางยิ้มบางให้ผู้อาวุโสจั่ว “แม้ว่าข้าอยากจะสัมผัสกับพลังระดับตี้จื้อจุนขั้นต้นอีกสักหน่อย แต่เวลาของข้ามีค่ามาก ดังนั้นถึงเวลาที่จะจบลงแล้ว”

มู่เฉินกัดปลายนิ้วแล้ววาดไปในมิติก่อร่างอักขระโบราณ

“ค่ายกลสงครามสังหารวิญญาณ!”

อักขระโลหิตตกลงไปในเมฆสีแดงเข้ม ทันใดนั้นแสงมันวาวก็พุ่งออกมา ก่อตัวเป็นค่ายกลสงครามขนาดใหญ่อย่างคลุมเครือ

เมื่อผู้อาวุโสจั่วเห็นค่ายกลสงครามนี้ ใบหน้าก็น่าเกลียดลงอย่างสมบูรณ์

นั่นเพราะเขารู้สึกได้ถึงกลิ่นอายความตายจากมัน

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler ฟรี ได้ที่ novel-fast 


เรื่องย่อ

โดย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler บางส่วนของนิยาย

บทนำ

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป

‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้

แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์

แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว

ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ

เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง?

ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน…

เรื่องย่อ

เมื่อคำพูดของมู่เฉินกระจายออกไป ไม่เพียงแต่จะไม่มีการตอบสนอง แม้แต่ด้านนอกเจดีย์ก็ถูกห่อหุ้มด้วยบรรยากาศราวกับป่าช้า…

ทุกคนตกตะลึงไปกับฉากนี้ พวกเขาจ้องมองจุดที่ลู่สุยหายตัวไป ราวกับว่ายังไม่สามารถฟื้นจากอาการตะลึงงันที่เกิดขึ้นได้

ก่อนหน้าเมื่อลู่สุยออกกระบวนท่าที่น่าสะพรึง ผู้คนส่วนใหญ่ก็คิดว่าผลลัพธ์ของการต่อสู้ได้ถูกกำหนดแล้ว ทว่าพวกเขาไม่คิดเลยว่ามู่เฉินจะพลิกสถานการณ์ได้อีกครั้ง เตะลู่สุยที่เหมือนจะคว้าชัยชนะออกไป

ทุกคนตะลึงไปพักใหญ่ ก่อนที่พวกเขาจะหลุดออกจากอาการได้ สายตาเคร่งเครียดลง การประลองกันครั้งนี้มู่เฉินไม่ได้ใช้ค่ายกล แต่เขาก็สามารถเอาชนะจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดอย่างลู่สุยได้ด้วยความแข็งแกร่งที่อยู่ในขั้นหกเท่านั้น แม้ว่าจะมีผลจากลู่สุยประมาทเองในตอนแรก แต่นั่นก็แสดงให้เห็นว่ามู่เฉินน่ากลัวแค่ไหน

พลังเช่นนี้เขาสามารถเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์อันดับต้นๆ ในเจดีย์ฝึกพลังกายได้เลยทีเดียว

ทางฝั่งกลุ่มกระเรียนฟ้า ใบหน้าของหลิ่วชิงกลายเป็นเขียวสลับขาว นางมองไปที่ร่างสูงโปร่งบนหน้าจอ กลืนน้ำลายเหนียวหนืด ความกลัวปรากฏในดวงตาของนางเป็นครั้งแรก

มาถึงจุดนี้นางคงโง่แน่ถ้ายังคิดปฏิบัติต่อมู่เฉินเหมือนกับจอมยุทธ์ขั้นหกทั่วไป

ด้วยพลังในการต่อสู้ที่เขาแสดงออกมา บวกกับค่ายกลทรงพลัง แม้แต่จงเถิงก็ยากจะได้เปรียบหากพวกเขาต่อสู้กัน

ก่อนหน้านี้นางหัวเราะเยาะและมองจิ่วโยวด้วยความดูถูก แต่ตอนนี้นางอายแทบแทรกแผ่นดินหนี ซึ่งจุดนี้รู้ได้จากสายตาเยาะเย้ยเหล่านั้นที่ปรายมองเข้ามา

“ทำไมมู่เฉินถึงทรงพลังเช่นนี้?” จงฮั้วที่พ่ายแพ้ให้กับมู่เฉินก็มีสีหน้าเคร่งขรึมเช่นกัน ก่อนหน้านี้เขาเคยคิดเช่นกันว่ามู่เฉินพึ่งพาเพียงค่ายกลเพื่อจัดการกับศัตรู แต่ใครจะคิดว่าเมื่อไม่มีการใช้ค่ายกลมู่เฉินก็สามารถเอาชนะลู่สุยแบบดุร้ายยิ่งกว่าอะไร

“ดูเหมือนว่ามีเพียงพี่ใหญ่จงเถิงเท่านั้นที่สามารถจัดการกับเขาได้” จอมยุทธ์อีกคนของเผ่ากระเรียนฟ้าพยักหน้า

หลิ่วชิงพยักหน้าเบาๆ ไม่เพียงแต่พวกเขาจะพิจารณาพลังของมู่เฉินพลาดไปเท่านั้น แม้แต่จงเถิงก็ตัดสินอีกฝ่ายผิดไป ชายคนนั้นเป็นสัตว์ประหลาดอย่างแท้จริง

ฟิ้ว!

ขณะที่นอกเจดีย์ต่างตกตะลึงกับผลลัพธ์ที่มู่เฉินนำมา ทันใดนั้นแสงก็กะพริบบนแท่นนอกเจดีย์ ร่างน่าสังเวชปรากฏขึ้น

เมื่อร่างนั้นออกมาก็รีบถอยกลับไปปรากฏตัวขึ้นในกลุ่มอีกาสายฟ้าทันควัน นี่ก็คือลู่สุยที่มีสีหน้าซีดขาว คลื่นหลิงของเขาถดถอยลงอย่างมาก

สายตาโดยรอบยิงเข้าหาในเวลานี้ทันที

ใบหน้าของลู่สุยเขียวคล้ำ สายตาเกลียดชังมองไปที่มู่เฉินที่อยู่บนหน้าจอ ก่อนที่จะหันหัวสาดสายตาดุร้ายใส่จิ่วโยวและมั่วหลิง ที่ข้างๆ พรรคพวกของเขาก็มีท่าทางไม่ดีเช่นกัน

ทว่าจิ่วโยวไม่กลัวที่จะเผชิญหน้ากับสายตาเหล่านั้น นางเค้นเสียงอย่างเย็นชา “ลูกหมาที่ถูกฟาดยังกล้าที่จะออกมาแยกเขี้ยวอีกเหรอ?”

ตอนนี้ลู่สุยบาดเจ็บสาหัส สูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไปหมด ส่วนคนที่เหลือก็ไม่มีอะไรต้องกลัว หากพวกเขากล้าที่จะคิดบัญชีกับพวกนาง จิ่วโยวก็ไม่คิดปล่อยพวกเขาไว้เป็นภัยคุกคามในอนาคตหรอก

สายตาแสดงความเกลียดชังของลู่สุยจ้องเขม็งอยู่ที่จิ่วโยว แต่สุดท้ายเขาก็ต้องถอนสายตาออกไปอย่างไม่เต็มใจ ก่อนที่จะถอยกลับนั่งลงบนซากปรักหักพังเข้าสมาธิเพื่อฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ

จอมยุทธ์กลุ่มอีกาสายฟ้าก็ปรากฏรอบตัวเขาเพื่อปกป้อง

เมื่อจิ่วโยวเห็นการตอบสนองนั่น นางก็ไม่ได้ใส่ใจกับพวกเขาอีก นางมองไปที่หน้าจออีกครั้งโดยพุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่ร่างเงาอ่อนเยาว์ มือที่กำแน่นผ่อนคลายลง

เห็นได้ชัดว่านี่เป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงสำหรับนางที่มู่เฉินจะเอาชนะได้เด็ดขาดแบบนี้ นั่นเป็นเพราะตามการประเมินของนางแม้ว่ามู่เฉินจะยืนยงอยู่ได้ก็เป็นยากที่จะเอาชนะลู่สุยด้วยขุมพลังจื้อจุนขั้นหกและถ้าการต่อสู้ถูกลากไปจนสุดอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบคาดไม่ถึง

ทว่าผลลัพธ์สุดท้ายที่ได้ก็ทำให้นางทั้งประหลาดใจและดีใจ

เห็นได้ชัดว่ามู่เฉินได้รับประโยชน์มหาศาลจากสามชั้นแรกของเจดีย์ฝึกพลังกาย ไม่เช่นนั้นเขาไม่สามารถแสดงพลังเป็นที่ประจักษ์เช่นนี้ได้

“ว่ากันว่าในชั้นสี่มหัศจรรย์กว่านี้มาก หากใครสามารถเข้าไปได้ พวกเขาจะสามารถได้รับผลประโยชน์เกินกว่าสามชั้นแรกมาก…”

จิ่วโยวยิ้มบาง ดูจากสถานการณ์ปัจจุบันไม่น่ามีปัญหาใดๆ ที่มู่เฉินจะเข้าสู่ชั้นสี่ สำหรับมั่วเฟิงความแข็งแกร่งของเขาเป็นหนึ่งในอันดับต้นของกลุ่มที่เข้าไป ดังนั้นจึงไม่ยากสำหรับเขาที่จะได้หนึ่งในห้าที่นั่งนี้ไปเช่นกัน

ดูเหมือนว่าการเดินทางมาที่เจดีย์ฝึกพลังกายโบราณครั้งนี้เผ่าวิหคโลกันตร์อาจเป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

บนลานเมฆสายฟ้า

ไม่มีใครตอบคำถามของมู่เฉิน ขณะนี้แม้แต่จอมยุทธ์ทรงอำนาจอย่างหานซันและสีคุนก็ยังรู้สึกหวาดระแวงมู่เฉินอยู่บ้าง ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกที่จะไม่ไปปะทะกับมนุษย์ผู้นี้

ดังนั้นคนทั้งหมดที่อยู่ที่นี่จึงเงียบลง ก่อนที่จะถอยออกจากรัศมีโดยรอบมู่เฉินอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณบอกว่าพวกเขาไม่ต้องการต่อสู้กับเขา

เมื่อมู่เฉินเห็นภาพนี้ก็ไม่มีอารมณ์ใดบนใบหน้า แต่ในใจกลับรู้สึกโล่งอก คนอื่นๆ เห็นเพียงฉากการต่อสู้ตระการที่เขาเอาชนะลู่สุยได้ แต่พวกเขาไม่รู้หรอกว่าหมัดที่เขาชกออกไปก่อนหน้านี้คือพลังงานส่วนเกินจากสามชั้นแรก

ร่างกายของมู่เฉินก่อนหน้าเปรียบเสมือนฟองน้ำที่ดูดซับน้ำจนถึงขีดจำกัด หมัดของเขาจึงเท่ากับบีบน้ำออกจนหมด ทำให้ร่างกายที่อัดแน่นกลับสู่สภาพเดิม

ดังนั้นถ้าให้เขาโจมตีแบบนั้นอีกครั้ง พลังก็จะไม่ทรงประสิทธิภาพเหมือนเมื่อครู่แน่นอน

ประสิทธิผลพิเศษชนิดนี้ของการสะสมพลังงานในร่างกายเป็นทักษะที่ได้มาจากกายามังกรหงส์ ด้วยวิธีนี้เขาจะได้รับผลลัพธ์ที่ไม่มีใครคาดคิดไว้ กลายเป็นไพ่ลับอีกใบหนึ่ง

“คัมภีร์หลงเฟิ่งทรงพลังจริงๆ”

แม้แต่มู่เฉินก็ยังชื่นชมในสิ่งนี้ คัมภีร์หลงเฟิ่งสมแล้วที่เป็นทักษะยอดเยี่ยมแท้จริง จากการประเมินของเขาคัมภีร์นี้ต้องอยู่ในระดับเสินทงแน่นอน ซึ่งไม่ธรรมดาแม้จะอยู่ในกลุ่มวิทยายุทธระดับเสินทงด้วย

มู่เฉินชื่นชมก่อนที่จะใจเย็นลง แม้ว่าตอนนี้จะไม่มีใครท้าทายเขา แต่เขาก็ไม่ตั้งใจที่จะท้าทายคนอื่นด้วยเช่นกัน เขายืนนิ่งบนตำแหน่งตนเองรอผลการคัดออก

สำหรับจงเถิง มู่เฉินรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นพวกยุแยงให้ลู่สุยมาปะทะกับเขา แต่เนื่องจากตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ดีในการจัดการ เขาจึงได้แต่ผลักแผนไปก่อน

แต่ถึงกระนั้นสายตาคมกล้าของมู่เฉินก็ยังจ้องเขม็งไปที่จงเถิง รอบตัวเต็มไปด้วยคลื่นหลิงราวกับเสือดาวที่กำลังจะจ้องตะครุบเหยื่ออัดแน่นด้วยภัยคุกคาม

เมื่อเห็นท่าทางของมู่เฉิน จงเถิงที่ประจันหน้ากับมั่วเฟิงก็รู้สึกอึดอัดใจ เขาต้องแยกสมาธิอยู่ตลอดเพื่อจับตามองมู่เฉิน ป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายเคลื่อนไหวมาประสานพลังกับมั่วเฟิง

ด้วยวิธีนี้สมาธิของจงเถิงจึงค่อนข้างฟุ้งซ่าน สุดท้ายเขาได้แต่กัดฟัน ถอนคลื่นหลิงและถอยออกจากบริเวณของมั่วเฟิง

“พี่มั่วยากสำหรับการต่อสู้ของเราที่จะได้ข้อสรุป ทำไมเราไม่ไปจัดการคนอื่นและรับที่นั่งมาล่ะ?” ขณะที่จงเถิงถอยกลับเสียงก็สะท้อนก้องไปด้วย

มั่วเฟิงจ้องมองจงเถิงอย่างไม่แยแสก่อนที่จะพยักหน้า นั่นเป็นเพราะเขารู้ว่าหากพวกเขายังอยู่ในสถานการณ์ยืนจ้องหน้ากันก็จะไม่เกิดผลลัพธ์ใด หากเขาร่วมมือกับมู่เฉิน พวกเขาอาจทำให้จงเถิงบ้าดีเดือดขึ้นมา แม้แต่พวกเขาก็ต้องจ่ายราคามหาศาลจากการตีโต้

ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับพวกเขาคือการได้ที่นั่งเพื่อเข้าสู่ชั้นสี่

เมื่อจงเถิงเห็นคำตอบของมั่วเฟิงก็รู้สึกโล่งใจในใจ เขาถอยกลับอย่างรวดเร็วออกจากจุดที่มู่เฉินและมั่วเฟิงอยู่ เขาครุ่นคิดสั้นๆ ก่อนจะเลือกปะทะกับคนที่อ่อนแอกว่า

พอมู่เฉินเห็นจงเถิงไปแล้วก็ไม่ได้ใส่ใจอีกต่อไป สายตาหันมามองมั่วเฟิงแล้วก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้มแสดงความขอบคุณในการช่วยเหลือครั้งนี้

สายตาของมั่วเฟิงเป็นมิตรมากขึ้น คิดว่าการที่มู่เฉินเอาชนะลู่สุย ทำให้มั่วเฟิงมองมู่เฉินในฐานะจอมยุทธ์ที่อยู่ในระดับเดียวกันกับเขา ดังนั้นจึงไม่ได้มีท่าทางเฉยเมยเหมือนเมื่อก่อน

มั่วเฟิงพยักหน้าให้มู่เฉิน ก่อนที่จะหันหลังกลับและเริ่มเลือกคู่ต่อสู้ของตนเอง

ครืน!

เมื่อทุกคนเลือกคู่ต่อสู้แล้ว ทันใดนั้นคลื่นหลิงก็ระเบิดรุนแรงบนลานเมฆสายฟ้า คลื่นกระแทกกวาดออก ทำให้มิติเกิดการสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นไม่หยุด

บนลานเมฆสายฟ้าพลังงานหลิงกวาดหายนะ มีเพียงตรงมู่เฉินเท่านั้นที่ไม่ถูกรบกวน เนื่องจากไม่มีใครกล้าเหยียบเข้ามาในรัศมีพันจั้ง ยามนี้เขาเหมือนผู้ชมที่ดูการต่อสู้ติดขอบ ในเวลาเดียวกันก็บันทึกกระบวนท่าที่ทรงพลังของบางคนไว้ในสมอง

แม้ว่าในชั้นนี้พวกเขาอาจไม่ได้ประลองกัน แต่ก็ยังมีอีกสองชั้นรอพวกเขาอยู่ ใครจะสามารถรับประกันได้ว่าจะไม่มีการลดจำนวนลงในชั้นต่อไป?

ดังนั้นถ้ามีโอกาสเขาต้องพยายามจดจำข้อมูลผู้อื่นเก็บไว้

ภายใต้การสังเกตของมู่เฉิน การประลองบนลานเมฆสายฟ้าก็คงอยู่ชั่วระยะหนึ่ง ก่อนที่แต่ละคู่จะมาถึงจุดสิ้นสุด ผลลัพธ์ก็เป็นไปตามที่คาดไว้

หลังจากมู่เฉินก็เป็นหานซันที่เอาชนะคู่ต่อสู้ได้ที่นั่งที่สองไป

จากนั้นมั่วเฟิงและจงเถิงก็คว้าชัยชนะตามมา

ที่นั่งสุดท้ายตกเป็นของสีคุนที่ก่อนหน้านี้เคยแพ้หานซันที่ด้านนอกเจดีย์ ชายนี้มีความแข็งแกร่งที่น่าตกใจ แม้แต่หานซันยังต้องใช้ทักษะเต็มที่ถึงจะได้รับชัยชนะมา

เมื่อสีคุนได้รับที่นั่งสุดท้ายลานเมฆสายฟ้าขนาดใหญ่ก็เงียบลงอีกครั้ง ร่างทั้งห้ายืนอยู่ ขณะรัศมีไร้ขอบเขตทั้งห้าสายพุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าชนกันเปรี้ยงปร้าง

ทว่าการชนกันก็ดำเนินไปเพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ ก่อนที่ทั้งห้าจะถอนคลื่นพลังพร้อมกัน พวกเขาเหลือบมองกันและกัน จากนั้นก็ไม่ลังเลทะยานออกไปปรากฏตัวบนเบาะทั้งห้า

สายตาพวกเขาพุ่งตรงไปยังมิติด้านหลังลานเมฆสายฟ้าด้วยความโลภ ตรงนั้นเส้นดาวหางจำนวนมากกวาดผ่านราวกับฝนดาวตก

ในแสงเหล่านั้นแก่นหยดสายฟ้ากำลังกะพริบด้วยความแวววาว


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท