หนึ่งในใต้หล้า 大主宰
บทที่ 1170 หนึ่งฝ่ามือ
ในโถงยังมีเสียงจากการปะทะกันดังก้อง
ขณะที่รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้ามู่เฉิน
การทำนายของเขาทำให้ได้ผลลัพธ์ที่น่าพอใจ
ซากศพใต้เสาขยับออกไปเล็กน้อยภายใต้คลื่นกระแทก แม้ว่าจะแทบไม่ทันสังเกตเห็นได้ แต่ก็ให้ความหวังกับมู่เฉินในการทำลายค่ายกล
แน่นอนว่าเขารู้ดีถ้าศพเหล่านั้นยังคงมีเจตจำนงเหลืออยู่ วิธีนี้ของเขาก็จะไร้ผล
หากพวกมันขัดขืน มู่เฉินก็ไม่สามารถขยับเขยื้อนได้จากคลื่นกระแทกที่เขาสร้างขึ้นอย่างแน่นอน
แต่เห็นได้ชัดว่ามู่เฉินโชคดี
หลังจากผ่านไปนับหมื่นปีซากศพเหล่านั้นก็ถึงที่สุด เจตจำนงที่เหลืออยู่หายไปหมดสิ้น สามารถช่วยคงค่ายกลไว้เท่านั้น
สิ่งนี้ทำให้มู่เฉินเจอข้อบกพร่อง
แต่การที่จะมาถึงจุดนี้ได้ก็เกิดจากความพยายามก่อนหน้านี้ของเขาในการมองโครงร่างค่ายกล เพราะนี่ไม่ใช่สิ่งที่เขาจะประสบความสำเร็จได้ง่ายๆ
ไม่เพียงแต่มู่เฉินต้องคำนวณพื้นที่เท่านั้นและต้องยังตีให้ตรงเผงเพื่อที่จะส่งคลื่นกระแทกไปยังซากศพ
ฮา
มู่เฉินหายใจเข้าลึกและไม่ลังเล ทันใดนั้นเขาก็ควบคุมกองทัพสังหารวิญญาณ รัศมีจั้นยี่กวาดออกไปโจมตีตรงจุดเดิมอย่างรุนแรง
ตู้ม! ตู้ม!
ทั้งโถงสั่นสะเทือนรุนแรงพร้อมกับคลื่นกระแทกกวาดออกอย่างต่อเนื่อง ทำให้เกิดรอยแยกขนาดใหญ่บนพื้นดิน
แต่ไม่ว่ารอยแยกจะขยายไปมากเท่าไรก็ไม่สามารถเข้าไปในส่วนค่ายกล ได้แต่ล้อมอยู่รอบนอกราวกับมังกรดุร้ายขดตัว
ภายใต้การโจมตีที่รุนแรงศพที่เป็นเป้าหมายที่อยู่ใต้เสาก็สั่นสะท้านไม่หยุด ค่อยๆ ขยับออกมาที่ละนิด
มันค่อยๆ เคลื่อนออกจากรัศมีของเสา
การโจมตีใช้เวลาหนึ่งชั่วโมงเต็ม
หลังจากผ่านไปหนึ่งชั่วโมงแม้แต่การหายใจของมู่เฉินก็ยังหนักหน่วงขึ้นเนื่องจากการควบคุมกองทัพสังหารวิญญาณเป็นภาระที่ยิ่งใหญ่สำหรับเขาในตอนนี้
พื้นดินรอบนอกดูเละเทะอย่างยิ่ง แต่สายตาของมู่เฉินยังคงจับจ้องไปที่ศพ เขาคำนวณระยะทางคร่าวๆ แล้วหรี่ตาลง
“อีกนิดข้าก็สามารถเคลื่อนศพออกจากเสาหินได้แล้ว”
มู่เฉินพึมพำร่างกายขมวดขึง ด้วยความคิดสายหนึ่งกองทัพสังหารวิญญาณก็คำรามพร้อมกับรัศมีจั้นยี่กระแทกกับพื้นอีกครั้ง
ตึง!
พื้นสั่นสะเทือน ศพก็ขยับไปอีกเล็กน้อย
สำเร็จ!
มู่เฉินยินดี จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นมองเห็นค่ายกลสั่นไหว คลื่นหลิงที่สมดุลและทรงพลังเริ่มสับสนวุ่นวายในขณะนี้
เสาต้นที่แปดสึกกร่อนทันที รอยแตกเริ่มแพร่กระจายออกไป เห็นได้ชัดว่าหลังจากไม่ได้รับการสนับสนุนจากซากศพเสาต้นนี้ก็เริ่มมีร่องรอยของการพังทลาย
ค่ายกลซึ่งอาศัยเสาทั้งแปดเผยให้เห็นข้อบกพร่องจากการพังทลายของเสาต้นที่แปดที่กำลังอ่อนแอลง
มู่เฉินมองเกลียวแสงหลิงที่แล่นแปลบปลาบพร้อมกับแสงวูบไหวในดวงตาของเขา จากการรับรู้ของเขาค่ายกลที่ทำให้เขารู้สึกหมดหนทางไม่สามารถอยู่ยงคงกระพันเหมือนเดิมได้อีกต่อไป
มู่เฉินสะบัดแขนเสื้อเก็บกองทัพสังหารวิญญาณเข้าในป้าย เขาเดินไปที่ชายขอบค่ายกลแล้วดีดนิ้ว ชุดเกราะสีแดงเข้มปรากฏขึ้นห่อหุ้มบนร่างกายของเขาทั้งหมดไว้
นี่คือชุดเกราะสงครามมังกรแดงที่เขาได้มาจากเซี่ยหงซึ่งมีความสามารถในการป้องกันที่ดี ตอนนี้เขาต้องการเข้าสู่ค่ายกลก็จะต้องเตรียมการให้พร้อม
เมื่อเสร็จสิ้นการเตรียมการมู่เฉินก็หายใจเข้าลึกย่างเท้าเข้าไปในค่ายกลโดยไม่ลังเล
ฟู่ ฟู่!
เมื่อมู่เฉินก้าวเข้ามาก็สามารถสัมผัสได้ถึงพายุคลื่นหลิงน่าสะพรึงกลัวพัดเข้ามา แรงกดดันนั้นทำให้เขาราวกับกำลังแบกรับภูเขาทั้งลูก
มู่เฉินค่อยๆ ก้าวเดินออกไปอย่างช้าๆ
เขาเคลื่อนไหวช้ามาก ราวกับต้องแบกรับความกดดันหนักแน่นในทุกย่างก้าว เกราะมังกรแดงเอิบอาบประกายแสงสีแดงเข้ม ทว่าแสงถูกระงับไว้อย่างเห็นได้ชัด จึงไม่สามารถกระจายออกไปได้ เสียงเอี๊ยดอ๊าดดังมาจากชุดเกราะ
เนื่องจากตอนนี้ค่ายกลไม่เป็นระเบียบ เขาจึงไม่ต้องทนทุกข์กับการโจมตีจากศพทั้งแปด ทว่าคลื่นหลิงที่น่ากลัวในค่ายกลก็ยังคงทำให้เขายากที่จะก้าวไปข้างหน้า
นอกจากนี้เขายังต้องเปลี่ยนเส้นทางอยู่ตลอดเวลาเพื่อค้นหาจุดอ่อนของพายุคลื่นหลิง ถ้าเขาเคลื่อนไหวผิดพลาดก็ต้องได้รับผลกระทบหนักหน่วง
ดังนั้นมู่เฉินจึงใช้เวลาเกือบสองชั่วโมงในการเดินข้ามเขตแถวแสงเพียงพันจั้ง เหงื่อเย็นปกคลุมร่างกายเขา
เมื่อเดินมาถึงตรงนี้ ดอกไม้แมนดาลาที่น่าหลงใหลก็อยู่ใกล้แค่เอื้อม ทว่าไม่เพียงแต่มู่เฉินไม่ได้ผ่อนคลายกลับยังเกร็งแน่นขึ้นขณะที่เขามองไปที่ศพที่อยู่ตรงหน้าเสาสุดท้าย
ตราบเท่าที่เขาสามารถผ่านรัศมีของเสาหินต้นนี้ไปได้ เขาก็จะสามารถผ่านค่ายกลได้
ทว่ามู่เฉินก็ต้องขมวดคิ้ว เขาพบว่าศพนี้ปิดกั้นเส้นทางเดียวที่มี เนื่องจากด้านข้างทั้งสองฝั่งเต็มไปด้วยคลื่นหลิงโหมกระหน่ำรุนแรง ถ้าเขาถูกห่อหุ้มอยู่ภายในก็ตายคาที่แน่นอน
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะเรียกกองทัพสังหารวิญญาณออกมา นั่นเป็นเพราะคลื่นหลิงที่ทรงพลังจะไปกระตุ้นค่ายกลอย่างแน่นอน ในเวลานั้นการโจมตีทั้งหมดจะมุ่งเน้นมาที่เขา
ถ้าตกอยู่ในสถานการณ์นั้นแม้จะมีกองทัพสังหารวิญญาณ เขาก็จะเหนื่อยล้าจนตายในที่สุด
ตอนนี้ทางเลือกเดียวคือผ่านพ้นไปได้ด้วยตัวเอง
มู่เฉินเม้มปากใบหน้าดูเคร่งขรึม แม้ค่ายกลนี้จะไม่ธรรมดา แต่ศพเหล่านั้นผ่านกาลเวลามาเนิ่นนาน เขาไม่เชื่อว่าตนเองจะถูกขัดขวางโดยศพนี้ศพเดียว!
คิดถึงจุดนี้มู่เฉินก็กระทืบเท้าพุ่งออกไปโดยไม่ลังเลใดๆ พุ่งเข้าหาศพนั้น
เขาเคลื่อนไหวด้วยความเร็วสูง พริบตาก็ไปปรากฏที่เบื้องหน้าศพนั้นก่อนจะพุ่งผ่านไป
ขณะนั้นเองศพก็ลืมตาโพลง แสงหลิงพรั่งพรูออกมา
มันยื่นมือที่เหี่ยวแห้งออกตบเบาๆ ไปทางขวามือ
ตู้ม!
รอยแตกปรากฏขึ้นในมิติ คลื่นหลิงที่น่าสะพรึงกลัวแพร่กระจายออกไป
สัมผัสได้ถึงคลื่นหลิงที่น่าตกใจใบหน้าของมู่เฉินก็อดไม่ได้ที่จะเปลี่ยนแปลง เขารีบเร้ากายามังกรหงส์โดยไม่รั้งรอ จิตวิญญาณมังกรแท้จริงและหงส์ฟ้าแท้จริงที่สถิตบนผิวย้อมร่างกายของเขาเป็นสีทอง
ผลัวะ!
มือแห้งกรังตบลงบนชุดเกราะมังกรสีแดงของมู่เฉินเบาๆ
ราวกับว่าเป็นภูเขาไฟปะทุออกมาที่ด้านหลังของเขา มู่เฉินปลิวออกไปนอกค่ายกลทันที
มู่เฉินร่วงลงที่บันได ร่างกายก็ตึงเกร็ง
ลายฝ่ามือที่สามารถมองเห็นได้เผยบนแผ่นหลังชุดเกราะ หลังจากนั้นก็มีประกายแสงสีแดงเข้มปะทุขึ้น ชุดเกราะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ!
ตู้ม!
เสียงร้องโศกเศร้าดังออกมาจากชุดเกราะขณะแตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย!
อาวุธเสมือนมหสวรรค์ที่ทรงพลังถูกทำลายอย่างสมบูรณ์
อ็อก!
เมื่อเกราะสงครามมังกรแดงถูกทำลาย มู่เฉินก็กระอักเลือดออกจากปาก แสงร่างกายหรุบหรู่ลงอย่างรวดเร็ว จิตวิญญาณมังกรแท้จริงและหงส์ฟ้าแท้จริงที่อาศัยอยู่บนพื้นผิวก็จางลงก่อนที่จะหายไป
ใบหน้าของมู่เฉินซีดจางก่อนที่จะหันหน้ากลับไปด้วยความกลัวมองไปที่ศพนั้น ตอนนี้มันกลับสู่สภาวะสงบ แต่ฝ่ามือน่าสะพรึงเมื่อครู่ยังคงฝังลึกอยู่ในใจของมู่เฉิน
ถ้าเขาไม่ได้สวมชุดเกราะสงครามมังกรแดงและกระตุ้นร่างกายให้อยู่ในสภาพป้องกันเต็มที่ เขาอาจถูกฆ่าตายไปแล้ว
“น่ากลัวชะมัด ศพทั้งหมดนี้จะต้องเป็นจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนตอนที่ยังมีชีวิตอยู่แน่” มู่เฉินถอนหายใจขณะที่รู้สึกได้อีกครั้งถึงความแข็งแกร่งที่น่าตกใจของวังสวรรค์บรรพกาล ในทวีปเทียนหลัวปัจจุบันจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นต้นสามารถสร้างขุมกำลังสูงสุดและได้รับการประกาศให้เป็นผู้นำ แต่ในวังสวรรค์บรรพกาล พวกเขาถือได้ว่าเป็นหนึ่งในสมาชิกชั้นสูงเท่านั้น
แต่ต่อให้เป็นวังสวรรค์บรรพกาลอันทรงพลังก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงการทำลายล้างได้เมื่อจักรวรรดิต่างมิติบุกเข้ามา ดังนั้นสามารถเห็นได้ว่าพวกปีศาจต่างมิติน่ากลัวเพียงใด
พวกมันคือศัตรูคู่อาฆาตของทุกผู้ทุกนามในมหาพันภพ!
มู่เฉินเม้มปากด้วยท่าทางเคร่งขรึม ชั่วครู่ต่อมาเขาก็จัดระเบียบอารมณ์ตนเองพลางเงยหน้าขึ้นมองไปที่ดอกไม้น่าหลงใหลที่อยู่สุดห้องโถง
มู่เฉินมองไปที่ดอกไม้ ร่างกายก็คลายลง เขาหายใจเข้าลึก จากนั้นก็ผ่อนคลายออกราวกับโล่งใจในที่สุด
“ในที่สุดก็เจอเจ้าสักที”