หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – ตอนที่ 1171

ตอนที่ 1171

หนึ่งในใต้หล้า 大主宰
บทที่ 1171 หอคัมภีร์เทพซ่อนปรากฏ
ที่ปลายบันได

แท่นดอกบัวสีแดงเข้มกำจายแสงสีแดงซึ่งมีดอกแมนดาลาที่น่าหลงใหลวางนิ่งอยู่ แสงสีเข้มเปล่งออกมาดูแปลกตาอย่างยิ่ง

“นี่คือดอกไม้เทพที่หายากในตำนานของมหาพันภพ—ดอกแมนดาลาเหรอ?”

มู่เฉินก้าวเดินขึ้นไปหยุดที่เบื้องหน้าดอกไม้ กวาดมองด้วยความอยากรู้อยากเห็น หน้ารายการนิรันดร์ที่สถิตในร่างกายเขามีทักษะการฝึกฝนร่างเทพสุริยะก็ถูกสลักไว้ด้วยลวดลายศักดิ์สิทธิ์ของดอกแมนดาลา แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นของจริง

ตำนานเล่าว่าเมื่อดอกแมนดาลาพัฒนาไปจนถึงขีดสุด ก็จะมีพลังเทียบเท่ามังกรแท้จริงและหงส์ฟ้าแท้จริงซึ่งเทียบได้กับระดับเทียนจื้อจุน

ทว่าดอกไม้ดังกล่าวมีสติปัญญาตั้งแต่เกิดและมีความเชี่ยวชาญในศาสตร์มืด ดังนั้นแม้ว่าจะเพิ่งเกิด ตราบใดที่ซ่อนตัวกระทั่งจอมยุท์ขุมพลังตี้จื้อจุนก็ยังหาไม่พบ

มู่เฉินมองไปที่ดอกไม้แม้ว่าจะปิดผนึกตัวเอง แต่มู่เฉินก็ยังคงสัมผัสได้ถึงพลังพลุ่งพล่านภายใน

ซึ่งทำให้มิติโดยรอบสั่นสะเทือนเบาๆ

มู่เฉินถอนหายใจกับพลังมหาศาลก่อนที่แสงมืดจะควบแน่นในมือกลายเป็นใบไม้สีดำ

แม้ว่าร่างหลักของมั่นถัวหลัวจะปิดผนึกตัวเองไว้ แต่ก็ยังคงมีสัญชาตญาณในการปกป้องตัวเอง หากมู่เฉินพยายามที่จะยึดครองก็จะทำให้มันโจมตีเขาและการโจมตีระดับตี้จื้อจุนขั้นปลายไม่ใช่สิ่งที่มู่เฉินจะทนได้

แต่โชคดีที่เขาเตรียมตัวมา ใบไม้นี้เป็นสิ่งที่มั่นถัวหลัวมอบให้มาก่อนหน้านี้ ซึ่งใช้ดึงร่างหลักของนางโดยเฉพาะ

มู่เฉินรมใบไม้สีดำด้วยคลื่นหลิงของตนเอง ทำให้ใบไม้เอิบอาบด้วยประกายแสงสีดำและขยายออกไปอย่างรวดเร็ว ในเวลาเพียงไม่กี่ลมหายใจก็มีขนาดหลายสิบจั้งห่อดอกไม้ที่น่าหลงใหลไว้

ดอกไม้สั่นไหวเล็กน้อย แต่ไม่ได้ขัดขืน ปล่อยให้ใบไม้ห่อตัวเองคล้ายกับรังไหม

มู่เฉินโบกมือดึงรังไหมสีดำออกมา จากนั้นก็มองไปที่แท่นบัวหยกสีแดงเข้มด้วยความใคร่รู้

เขาลูบนิ้วบนแท่นดอกบัว สัมผัสช่างเย็นเฉียบ จากนั้นคลื่นเย็นเยือกก็เข้าสู่ร่างกายเขา

พลังงานที่เข้ามาฉับพลันนี้ทำให้มู่เฉินสะดุ้ง ขณะที่เขากำลังบังคับออกมาก็ต้องตัวแข็งทื่อเนื่องจากตระหนักได้ว่าพลังงานนี้ช่วยรักษาอาการบาดเจ็บที่เขาได้รับจากศพได้อย่างรวดเร็ว

รอยฝ่ามือบนหลังเขาก็ค่อยๆ หายไป

ในเวลาเพียงไม่กี่นาทีอาการบาดเจ็บส่วนใหญ่ก็หายเป็นปกติ มากจนแม้แต่ความเหนื่อยล้าจากการควบคุมกองทัพสังหารวิญญาณก็ลดน้อยลง

“นี่…”

ความตกตะลึงฉายขึ้นบนใบหน้ามู่เฉิน แท่นดอกบัวนี้มีความสามารถในการฟื้นตัวที่ทรงพลังขนาดนี้เชียวเหรอเนี่ย?

ต้องรู้ว่าหากมู่เฉินต้องการหายจากอาการบาดเจ็บครั้งนี้จะต้องใช้เวลาฟื้นฟูอย่างน้อยครึ่งวัน แต่ตอนนี้เขาหายได้ในเวลาเพียงสิบกว่านาทีภายใต้การเสริมของแท่นดอกบัวสีแดง ประสิทธิภาพนี้เร็วกว่าอย่างน้อยร้อยเท่า

ดังนั้นเขาสามารถบอกได้ว่าแท่นดอกบัวนี้เป็นสมบัติวิเศษ!

แบบนี้แม้ว่าเขาจะได้รับบาดเจ็บหนักในอนาคต เขาก็จะใช้เวลาในการพักฟื้นน้อยลง มิหนำซ้ำสิ่งนี้ยังมีประโยชน์ต่อจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนอีกด้วย มิฉะนั้นมั่นถัวหลัวคงไม่ใช้สิ่งนี้เพื่อรักษาบาดแผลของนาง

“มูลค่าของสิ่งนี้น่าจะเทียบได้กับอาวุธมหสวรรค์ขั้นกลาง!”

มู่เฉินจ้องมองไปที่แท่นดอกบัวสีแดงเข้มพร้อมกับความกระหายอยากในดวงตา ถ้าให้พูดจริงๆ แม้แต่มูลค่าของพัดเทพสายลมก็ยังด้อยกว่าสิ่งนี้

มู่เฉินยิ้มกว้าง ไม่คิดว่าไม่เพียงแต่เขาจะสามารถหาร่างหลักของมั่นถัวหลัวได้เท่านั้น เขายังเก็บเกี่ยวได้แบบไม่คาดคิดอีกด้วย

ดังนั้นมู่เฉินจึงสะบัดแขนเสื้อเก็บแท่นดอกบัวไปโดยไม่ลังเล สมบัติเช่นนี้ไม่ควรทิ้งอย่างสูญเปล่าที่นี่

มู่เฉินปัดมือด้วยความพึงพอใจ ทว่าเขาไม่ได้รีบร้อนที่จะออกไปกลับนั่งลงเหมือนกำลังรออะไรบางอย่าง

เขากำลังรอการปรากฏขึ้นของหอคัมภีร์เทพซ่อน

นับตั้งแต่ที่เขาเข้ามาในวังสวรรค์บรรพกาล เขาก็รู้สึกได้ถึงสายตาคู่หนึ่งที่จ้องมองมาหา ก่อนหน้านี้เขาก็ยังสงสัยว่าตัวเองรู้สึกไม่ถูกต้องหรือเปล่า แต่ขณะนี้เขาสามารถยืนยันได้ว่านั่นจะต้องเป็นหอคัมภีร์เทพซ่อนอย่างแน่นอน

ก็อย่างที่เซียวเซียวบอกไว้มีเพียงสมาชิกที่มีผลงานโดดเด่นเท่านั้นที่สามารถเข้าสู่หอคัมภีร์เทพซ่อนได้

ตอนนี้ไม่เพียงแต่มู่เฉินสามารถเข้าไปในหอสองและได้รับกองทัพชั้นยอดของจอมพลสอง เขายังเอาชนะจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นต้นในหอหนึ่งและยังผ่านค่ายกลที่น่าสะพรึงที่ทำให้แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนยังปวดประสาทได้อีกด้วย

หากผลงานชิ้นโบแดงขนาดนี้ยังไม่เข้าตาหอคัมภีร์เทพซ่อนละก็ สวรรค์ก็คงจะตามืดบอดแล้ว

ดังนั้นมู่เฉินจึงไม่ต้องทำอะไรเพิ่ม สิ่งที่เขาต้องทำตอนนี้คือรอดูว่าหอคัมภีร์ลึกลับจะตอบสนองหรือไม่

เวลาผ่านไปท่ามกลางการรอคอย แต่ก็ยังไม่มีอะไรผิดปกติเกิดขึ้น ราวกับว่าหอคัมภีร์ไม่เห็นด้วยกับการแสดงของมู่เฉิน

ดวงตาของมู่เฉินกะพริบบางเบา ทว่าจากนั้นแววตาก็เปลี่ยนเป็นแน่วแน่ด้วยความมั่นใจในตนเอง

ตราบใดหอคัมภีร์เทพซ่อนมีสติปัญญา มู่เฉินก็มั่นใจได้ว่าความสำเร็จที่ตนเองทำไว้เพียงพอที่จะได้รับคุณสมบัติที่จะเข้าไปในหอคัมภีร์

นั่นเพราะเขาเชื่อว่าแม้จะอยู่ในวังสวรรค์บรรพกาลเมื่อก่อน ผลงานของเขาก็ติดอันดับต้นๆ แน่นอน

สายตาของมู่เฉินราบเรียบมองไปที่มิติตรงหน้าราวกับว่ากำลังมองไปที่หอคัมภีร์เทพซ่อนที่มองไม่เห็น ทำทีเหมือนเขากำลังพูดกับมันด้วยสายตาที่บอกว่าเขามีคุณสมบัติพอที่จะเข้าไปได้

ราวกับว่ามีบางอย่างสัมผัสได้ถึงสายตาของเขา

ความเงียบนั้นคงอยู่ชั่วครู่ก่อนที่มู่เฉินจะหดดวงตาเมื่อตระหนักได้ว่ามิติตรงหน้าเริ่มกระเพื่อมไหว

ประหนึ่งมีบทสวดโบราณเปล่งขึ้น ทำให้มิติบิดเบี้ยวก่อนที่หอลึกลับสีฟ้าอมเขียวจะปรากฏขึ้น

มู่เฉินมองไปที่หอลึกลับ หัวใจก็เต้นรัวแรง

เขารู้สึกได้ว่าหอลึกลับกำลังเฝ้ามองเขาอยู่ แต่เขาไม่กลัวยังคงจ้องมองกลับอย่างแน่วแน่

ทั้งสองมองหน้ากันในห้องโถง ไม่กี่นาทีก่อนที่หอลึกลับจะสั่นไหว มู่เฉินได้ยินเสียงเก่าแก่ดังก้อง

“หัวใจที่มั่นคงและความมั่นใจที่ไม่เปลี่ยนแปลง เจ้ามีคุณสมบัติที่จะเข้าสู่หอคัมภีร์เทพซ่อน”

มู่เฉินหดดวงตา เสียงเก่าแก่นี่มาจากหอคัมภีร์เทพซ่อนเหรอ?

สติปัญญาของหอคัมภีร์เหนือล้ำขนาดนี้เชียวหรือ? นี่ไม่ใช่สิ่งที่อาวุธมหสวรรค์ธรรมดาจะเทียบได้!

ฮึ่ม ฮึ่ม

ขณะที่มู่เฉินรู้สึกประหลาดใจ หอคัมภีร์ที่ซ่อนอยู่ก็กระเพื่อมไหวเล็กน้อย แสงสีฟ้าอมเขียวควบแน่นเป็นบันไดทอดยาวไปหามู่เฉิน

ชัดว่าเมื่อเดินขึ้นบันไดนี้ไปเขาก็จะเข้าสู่หอคัมภีร์เทพซ่อนอย่างแท้จริง!

มองไปที่บันไดเบื้องหน้าหัวใจมู่เฉินก็ถั่งโถมด้วยคลื่น แม้ว่าเขาจะเป็นคนสุขุมก็ยังอดรู้สึกหวิวๆ ในใจไม่ได้

เขาประสบความสำเร็จจริงเหรอ?

ตราบใดที่เขาเข้าไปในหอคัมภีร์เทพซ่อน เขาก็จะได้รับโอกาสวิธีวิวัฒนาการร่างเทพสุริยะ นานแค่ไหนที่เขารอคอยสิ่งนี้?

จากสำนักศึกษาเป่ยชาง เขตต้าหลัวเทียน อาณาเขตกงเวทสวรรค์ ก้าวขึ้นจากตำแหน่งแม่ทัพจนเป็นจอมพล

เขาทำทุกอย่างมากมายก็เพื่อโอกาสที่จะได้รับวิธีวิวัฒนาร่างเทพสุริยะ!

ตอนนี้เป้าหมายที่ติดตามมาหลายปี ในที่สุดก็จะสำเร็จ นี่ไม่ทำให้เกิดคลื่นสั่นคลอนในหัวใจเขาได้อย่างไร?

ฮา

มู่เฉินหายใจเข้าลึกๆ ระงับอารมณ์ในใจ จากนั้นเขาก็โค้งคำนับด้วยมารยาทสูงสุดให้หอคัมภีร์เทพซ่อน ก่อนที่จะก้าวขึ้นไปบนบันไดสีฟ้าอมเขียวโดยไม่ลังเล

มู่เฉินก้าวขึ้นไปทีละขั้น ทุกขั้นที่เขาเดินผ่านก็จะจางหายไป

เมื่อเดินไปถึงขั้นบันไดสุดท้าย มิติโดยรอบก็บิดเบี้ยว อึดใจต่อมาเขาก็ไปปรากฏตัวในพื้นที่ที่ปกคลุมไปด้วยหมอกราวกับดินแดนสวรรค์

หอคัมภีร์ลึกลับโบราณตั้งตะหง่านอยู่ท่ามกลางหมอก

ยามนี้ประตูหอคัมภีร์เทพซ่อนเปิดออกอย่างช้าๆ ภายในราวกับว่ารวมไปด้วยลำแสงโบราณทรงพลังนับไม่ถ้วน

มู่เฉินก้าวเข้าไปโดยไม่ลังเล ย่างเท้าบนดินแดนขุมทรัพย์ที่หลายคนในวังสวรรค์บรรพกาลใฝ่ฝัน!

ทันทีที่ก้าวเข้ามา มู่เฉินก็กำมือแน่นด้วยความตื่นเต้นและกระหายอยากวูบไหวในดวงตา

ร่างเทพสุริยะนิรันดร์!

ข้ามาแล้ว!

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler ฟรี ได้ที่ novel-fast 


เรื่องย่อ

โดย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler บางส่วนของนิยาย

บทนำ

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป

‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้

แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์

แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว

ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ

เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง?

ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน…

เรื่องย่อ

เมื่อคำพูดของมู่เฉินกระจายออกไป ไม่เพียงแต่จะไม่มีการตอบสนอง แม้แต่ด้านนอกเจดีย์ก็ถูกห่อหุ้มด้วยบรรยากาศราวกับป่าช้า…

ทุกคนตกตะลึงไปกับฉากนี้ พวกเขาจ้องมองจุดที่ลู่สุยหายตัวไป ราวกับว่ายังไม่สามารถฟื้นจากอาการตะลึงงันที่เกิดขึ้นได้

ก่อนหน้าเมื่อลู่สุยออกกระบวนท่าที่น่าสะพรึง ผู้คนส่วนใหญ่ก็คิดว่าผลลัพธ์ของการต่อสู้ได้ถูกกำหนดแล้ว ทว่าพวกเขาไม่คิดเลยว่ามู่เฉินจะพลิกสถานการณ์ได้อีกครั้ง เตะลู่สุยที่เหมือนจะคว้าชัยชนะออกไป

ทุกคนตะลึงไปพักใหญ่ ก่อนที่พวกเขาจะหลุดออกจากอาการได้ สายตาเคร่งเครียดลง การประลองกันครั้งนี้มู่เฉินไม่ได้ใช้ค่ายกล แต่เขาก็สามารถเอาชนะจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดอย่างลู่สุยได้ด้วยความแข็งแกร่งที่อยู่ในขั้นหกเท่านั้น แม้ว่าจะมีผลจากลู่สุยประมาทเองในตอนแรก แต่นั่นก็แสดงให้เห็นว่ามู่เฉินน่ากลัวแค่ไหน

พลังเช่นนี้เขาสามารถเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์อันดับต้นๆ ในเจดีย์ฝึกพลังกายได้เลยทีเดียว

ทางฝั่งกลุ่มกระเรียนฟ้า ใบหน้าของหลิ่วชิงกลายเป็นเขียวสลับขาว นางมองไปที่ร่างสูงโปร่งบนหน้าจอ กลืนน้ำลายเหนียวหนืด ความกลัวปรากฏในดวงตาของนางเป็นครั้งแรก

มาถึงจุดนี้นางคงโง่แน่ถ้ายังคิดปฏิบัติต่อมู่เฉินเหมือนกับจอมยุทธ์ขั้นหกทั่วไป

ด้วยพลังในการต่อสู้ที่เขาแสดงออกมา บวกกับค่ายกลทรงพลัง แม้แต่จงเถิงก็ยากจะได้เปรียบหากพวกเขาต่อสู้กัน

ก่อนหน้านี้นางหัวเราะเยาะและมองจิ่วโยวด้วยความดูถูก แต่ตอนนี้นางอายแทบแทรกแผ่นดินหนี ซึ่งจุดนี้รู้ได้จากสายตาเยาะเย้ยเหล่านั้นที่ปรายมองเข้ามา

“ทำไมมู่เฉินถึงทรงพลังเช่นนี้?” จงฮั้วที่พ่ายแพ้ให้กับมู่เฉินก็มีสีหน้าเคร่งขรึมเช่นกัน ก่อนหน้านี้เขาเคยคิดเช่นกันว่ามู่เฉินพึ่งพาเพียงค่ายกลเพื่อจัดการกับศัตรู แต่ใครจะคิดว่าเมื่อไม่มีการใช้ค่ายกลมู่เฉินก็สามารถเอาชนะลู่สุยแบบดุร้ายยิ่งกว่าอะไร

“ดูเหมือนว่ามีเพียงพี่ใหญ่จงเถิงเท่านั้นที่สามารถจัดการกับเขาได้” จอมยุทธ์อีกคนของเผ่ากระเรียนฟ้าพยักหน้า

หลิ่วชิงพยักหน้าเบาๆ ไม่เพียงแต่พวกเขาจะพิจารณาพลังของมู่เฉินพลาดไปเท่านั้น แม้แต่จงเถิงก็ตัดสินอีกฝ่ายผิดไป ชายคนนั้นเป็นสัตว์ประหลาดอย่างแท้จริง

ฟิ้ว!

ขณะที่นอกเจดีย์ต่างตกตะลึงกับผลลัพธ์ที่มู่เฉินนำมา ทันใดนั้นแสงก็กะพริบบนแท่นนอกเจดีย์ ร่างน่าสังเวชปรากฏขึ้น

เมื่อร่างนั้นออกมาก็รีบถอยกลับไปปรากฏตัวขึ้นในกลุ่มอีกาสายฟ้าทันควัน นี่ก็คือลู่สุยที่มีสีหน้าซีดขาว คลื่นหลิงของเขาถดถอยลงอย่างมาก

สายตาโดยรอบยิงเข้าหาในเวลานี้ทันที

ใบหน้าของลู่สุยเขียวคล้ำ สายตาเกลียดชังมองไปที่มู่เฉินที่อยู่บนหน้าจอ ก่อนที่จะหันหัวสาดสายตาดุร้ายใส่จิ่วโยวและมั่วหลิง ที่ข้างๆ พรรคพวกของเขาก็มีท่าทางไม่ดีเช่นกัน

ทว่าจิ่วโยวไม่กลัวที่จะเผชิญหน้ากับสายตาเหล่านั้น นางเค้นเสียงอย่างเย็นชา “ลูกหมาที่ถูกฟาดยังกล้าที่จะออกมาแยกเขี้ยวอีกเหรอ?”

ตอนนี้ลู่สุยบาดเจ็บสาหัส สูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไปหมด ส่วนคนที่เหลือก็ไม่มีอะไรต้องกลัว หากพวกเขากล้าที่จะคิดบัญชีกับพวกนาง จิ่วโยวก็ไม่คิดปล่อยพวกเขาไว้เป็นภัยคุกคามในอนาคตหรอก

สายตาแสดงความเกลียดชังของลู่สุยจ้องเขม็งอยู่ที่จิ่วโยว แต่สุดท้ายเขาก็ต้องถอนสายตาออกไปอย่างไม่เต็มใจ ก่อนที่จะถอยกลับนั่งลงบนซากปรักหักพังเข้าสมาธิเพื่อฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ

จอมยุทธ์กลุ่มอีกาสายฟ้าก็ปรากฏรอบตัวเขาเพื่อปกป้อง

เมื่อจิ่วโยวเห็นการตอบสนองนั่น นางก็ไม่ได้ใส่ใจกับพวกเขาอีก นางมองไปที่หน้าจออีกครั้งโดยพุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่ร่างเงาอ่อนเยาว์ มือที่กำแน่นผ่อนคลายลง

เห็นได้ชัดว่านี่เป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงสำหรับนางที่มู่เฉินจะเอาชนะได้เด็ดขาดแบบนี้ นั่นเป็นเพราะตามการประเมินของนางแม้ว่ามู่เฉินจะยืนยงอยู่ได้ก็เป็นยากที่จะเอาชนะลู่สุยด้วยขุมพลังจื้อจุนขั้นหกและถ้าการต่อสู้ถูกลากไปจนสุดอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบคาดไม่ถึง

ทว่าผลลัพธ์สุดท้ายที่ได้ก็ทำให้นางทั้งประหลาดใจและดีใจ

เห็นได้ชัดว่ามู่เฉินได้รับประโยชน์มหาศาลจากสามชั้นแรกของเจดีย์ฝึกพลังกาย ไม่เช่นนั้นเขาไม่สามารถแสดงพลังเป็นที่ประจักษ์เช่นนี้ได้

“ว่ากันว่าในชั้นสี่มหัศจรรย์กว่านี้มาก หากใครสามารถเข้าไปได้ พวกเขาจะสามารถได้รับผลประโยชน์เกินกว่าสามชั้นแรกมาก…”

จิ่วโยวยิ้มบาง ดูจากสถานการณ์ปัจจุบันไม่น่ามีปัญหาใดๆ ที่มู่เฉินจะเข้าสู่ชั้นสี่ สำหรับมั่วเฟิงความแข็งแกร่งของเขาเป็นหนึ่งในอันดับต้นของกลุ่มที่เข้าไป ดังนั้นจึงไม่ยากสำหรับเขาที่จะได้หนึ่งในห้าที่นั่งนี้ไปเช่นกัน

ดูเหมือนว่าการเดินทางมาที่เจดีย์ฝึกพลังกายโบราณครั้งนี้เผ่าวิหคโลกันตร์อาจเป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

บนลานเมฆสายฟ้า

ไม่มีใครตอบคำถามของมู่เฉิน ขณะนี้แม้แต่จอมยุทธ์ทรงอำนาจอย่างหานซันและสีคุนก็ยังรู้สึกหวาดระแวงมู่เฉินอยู่บ้าง ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกที่จะไม่ไปปะทะกับมนุษย์ผู้นี้

ดังนั้นคนทั้งหมดที่อยู่ที่นี่จึงเงียบลง ก่อนที่จะถอยออกจากรัศมีโดยรอบมู่เฉินอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณบอกว่าพวกเขาไม่ต้องการต่อสู้กับเขา

เมื่อมู่เฉินเห็นภาพนี้ก็ไม่มีอารมณ์ใดบนใบหน้า แต่ในใจกลับรู้สึกโล่งอก คนอื่นๆ เห็นเพียงฉากการต่อสู้ตระการที่เขาเอาชนะลู่สุยได้ แต่พวกเขาไม่รู้หรอกว่าหมัดที่เขาชกออกไปก่อนหน้านี้คือพลังงานส่วนเกินจากสามชั้นแรก

ร่างกายของมู่เฉินก่อนหน้าเปรียบเสมือนฟองน้ำที่ดูดซับน้ำจนถึงขีดจำกัด หมัดของเขาจึงเท่ากับบีบน้ำออกจนหมด ทำให้ร่างกายที่อัดแน่นกลับสู่สภาพเดิม

ดังนั้นถ้าให้เขาโจมตีแบบนั้นอีกครั้ง พลังก็จะไม่ทรงประสิทธิภาพเหมือนเมื่อครู่แน่นอน

ประสิทธิผลพิเศษชนิดนี้ของการสะสมพลังงานในร่างกายเป็นทักษะที่ได้มาจากกายามังกรหงส์ ด้วยวิธีนี้เขาจะได้รับผลลัพธ์ที่ไม่มีใครคาดคิดไว้ กลายเป็นไพ่ลับอีกใบหนึ่ง

“คัมภีร์หลงเฟิ่งทรงพลังจริงๆ”

แม้แต่มู่เฉินก็ยังชื่นชมในสิ่งนี้ คัมภีร์หลงเฟิ่งสมแล้วที่เป็นทักษะยอดเยี่ยมแท้จริง จากการประเมินของเขาคัมภีร์นี้ต้องอยู่ในระดับเสินทงแน่นอน ซึ่งไม่ธรรมดาแม้จะอยู่ในกลุ่มวิทยายุทธระดับเสินทงด้วย

มู่เฉินชื่นชมก่อนที่จะใจเย็นลง แม้ว่าตอนนี้จะไม่มีใครท้าทายเขา แต่เขาก็ไม่ตั้งใจที่จะท้าทายคนอื่นด้วยเช่นกัน เขายืนนิ่งบนตำแหน่งตนเองรอผลการคัดออก

สำหรับจงเถิง มู่เฉินรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นพวกยุแยงให้ลู่สุยมาปะทะกับเขา แต่เนื่องจากตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ดีในการจัดการ เขาจึงได้แต่ผลักแผนไปก่อน

แต่ถึงกระนั้นสายตาคมกล้าของมู่เฉินก็ยังจ้องเขม็งไปที่จงเถิง รอบตัวเต็มไปด้วยคลื่นหลิงราวกับเสือดาวที่กำลังจะจ้องตะครุบเหยื่ออัดแน่นด้วยภัยคุกคาม

เมื่อเห็นท่าทางของมู่เฉิน จงเถิงที่ประจันหน้ากับมั่วเฟิงก็รู้สึกอึดอัดใจ เขาต้องแยกสมาธิอยู่ตลอดเพื่อจับตามองมู่เฉิน ป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายเคลื่อนไหวมาประสานพลังกับมั่วเฟิง

ด้วยวิธีนี้สมาธิของจงเถิงจึงค่อนข้างฟุ้งซ่าน สุดท้ายเขาได้แต่กัดฟัน ถอนคลื่นหลิงและถอยออกจากบริเวณของมั่วเฟิง

“พี่มั่วยากสำหรับการต่อสู้ของเราที่จะได้ข้อสรุป ทำไมเราไม่ไปจัดการคนอื่นและรับที่นั่งมาล่ะ?” ขณะที่จงเถิงถอยกลับเสียงก็สะท้อนก้องไปด้วย

มั่วเฟิงจ้องมองจงเถิงอย่างไม่แยแสก่อนที่จะพยักหน้า นั่นเป็นเพราะเขารู้ว่าหากพวกเขายังอยู่ในสถานการณ์ยืนจ้องหน้ากันก็จะไม่เกิดผลลัพธ์ใด หากเขาร่วมมือกับมู่เฉิน พวกเขาอาจทำให้จงเถิงบ้าดีเดือดขึ้นมา แม้แต่พวกเขาก็ต้องจ่ายราคามหาศาลจากการตีโต้

ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับพวกเขาคือการได้ที่นั่งเพื่อเข้าสู่ชั้นสี่

เมื่อจงเถิงเห็นคำตอบของมั่วเฟิงก็รู้สึกโล่งใจในใจ เขาถอยกลับอย่างรวดเร็วออกจากจุดที่มู่เฉินและมั่วเฟิงอยู่ เขาครุ่นคิดสั้นๆ ก่อนจะเลือกปะทะกับคนที่อ่อนแอกว่า

พอมู่เฉินเห็นจงเถิงไปแล้วก็ไม่ได้ใส่ใจอีกต่อไป สายตาหันมามองมั่วเฟิงแล้วก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้มแสดงความขอบคุณในการช่วยเหลือครั้งนี้

สายตาของมั่วเฟิงเป็นมิตรมากขึ้น คิดว่าการที่มู่เฉินเอาชนะลู่สุย ทำให้มั่วเฟิงมองมู่เฉินในฐานะจอมยุทธ์ที่อยู่ในระดับเดียวกันกับเขา ดังนั้นจึงไม่ได้มีท่าทางเฉยเมยเหมือนเมื่อก่อน

มั่วเฟิงพยักหน้าให้มู่เฉิน ก่อนที่จะหันหลังกลับและเริ่มเลือกคู่ต่อสู้ของตนเอง

ครืน!

เมื่อทุกคนเลือกคู่ต่อสู้แล้ว ทันใดนั้นคลื่นหลิงก็ระเบิดรุนแรงบนลานเมฆสายฟ้า คลื่นกระแทกกวาดออก ทำให้มิติเกิดการสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นไม่หยุด

บนลานเมฆสายฟ้าพลังงานหลิงกวาดหายนะ มีเพียงตรงมู่เฉินเท่านั้นที่ไม่ถูกรบกวน เนื่องจากไม่มีใครกล้าเหยียบเข้ามาในรัศมีพันจั้ง ยามนี้เขาเหมือนผู้ชมที่ดูการต่อสู้ติดขอบ ในเวลาเดียวกันก็บันทึกกระบวนท่าที่ทรงพลังของบางคนไว้ในสมอง

แม้ว่าในชั้นนี้พวกเขาอาจไม่ได้ประลองกัน แต่ก็ยังมีอีกสองชั้นรอพวกเขาอยู่ ใครจะสามารถรับประกันได้ว่าจะไม่มีการลดจำนวนลงในชั้นต่อไป?

ดังนั้นถ้ามีโอกาสเขาต้องพยายามจดจำข้อมูลผู้อื่นเก็บไว้

ภายใต้การสังเกตของมู่เฉิน การประลองบนลานเมฆสายฟ้าก็คงอยู่ชั่วระยะหนึ่ง ก่อนที่แต่ละคู่จะมาถึงจุดสิ้นสุด ผลลัพธ์ก็เป็นไปตามที่คาดไว้

หลังจากมู่เฉินก็เป็นหานซันที่เอาชนะคู่ต่อสู้ได้ที่นั่งที่สองไป

จากนั้นมั่วเฟิงและจงเถิงก็คว้าชัยชนะตามมา

ที่นั่งสุดท้ายตกเป็นของสีคุนที่ก่อนหน้านี้เคยแพ้หานซันที่ด้านนอกเจดีย์ ชายนี้มีความแข็งแกร่งที่น่าตกใจ แม้แต่หานซันยังต้องใช้ทักษะเต็มที่ถึงจะได้รับชัยชนะมา

เมื่อสีคุนได้รับที่นั่งสุดท้ายลานเมฆสายฟ้าขนาดใหญ่ก็เงียบลงอีกครั้ง ร่างทั้งห้ายืนอยู่ ขณะรัศมีไร้ขอบเขตทั้งห้าสายพุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าชนกันเปรี้ยงปร้าง

ทว่าการชนกันก็ดำเนินไปเพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ ก่อนที่ทั้งห้าจะถอนคลื่นพลังพร้อมกัน พวกเขาเหลือบมองกันและกัน จากนั้นก็ไม่ลังเลทะยานออกไปปรากฏตัวบนเบาะทั้งห้า

สายตาพวกเขาพุ่งตรงไปยังมิติด้านหลังลานเมฆสายฟ้าด้วยความโลภ ตรงนั้นเส้นดาวหางจำนวนมากกวาดผ่านราวกับฝนดาวตก

ในแสงเหล่านั้นแก่นหยดสายฟ้ากำลังกะพริบด้วยความแวววาว


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท