หนึ่งในใต้หล้า 大主宰
บทที่ 1179 ร่างเทพสุริยะนิรันดร์
เมื่อร่างเทพสุริยะก้าวลงไปในทะเลสาบลาวาสีทอง
มู่เฉินที่นั่งอยู่ที่ริมทะเลสาบก็ตัวสั่นสะท้านพร้อมกับเหงื่อเย็นผุดเต็มบนหน้าผาก
ขณะนั้นเองด้วยการเชื่อมโยงกันอย่างใกล้ชิดกับร่างเทพสุริยะ เขาก็สามารถสัมผัสได้ถึงพลังน่าสะพรึงกลัวที่กระทบร่างใหญ่
ภายใต้พลังนั้นร่างใหญ่ก็เริ่มสลายไปอย่างรวดเร็วในกระบวนการ
ความรู้สึกละลายถูกถ่ายโอนมายังมู่เฉิน ความเจ็บปวดที่รุนแรงปกคลุมไปทั่วสรรพางค์กาย
มู่เฉินรู้สึกว่าความเจ็บปวดรุนแรงมากจนทนไม่ได้ เขากัดฟันแน่นเลือดไหลออกมาจากมุมปาก
ร่างกายเขาสั่นสะท้าน ดวงตาเปลี่ยนเป็นสีแดงฉาน แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็อดทนอดกลั้นต่อสิ่งนี้ เนื่องจากเขารู้ว่าร่างเทพสุริยะกำลังอยู่ระหว่างการเปลี่ยนแปลงโดยได้รับความช่วยเหลือจากทะเลสาบ
ซึ่งตอนนี้เป็นทุกข์ทรมานจากการเปลี่ยนแปลง
หากเขาทนไม่ได้การเปลี่ยนแปลงก็จะไม่สมบูรณ์ แม้ว่าเขาจะสามารถพัฒนาให้กลายเป็นร่างเทพสุริยะนิรันดร์ได้ แต่ก็จะไม่สมบูรณ์แบบ
เขาทำงานหนักมาหลายปีไม่ได้เพื่อร่างเทพสุริยะนิรันดร์ที่ไม่สมบูรณ์นี้
เป้าหมายของเขาคือร่างเทห์สวรรค์ในตำนานที่แข็งแกร่งที่สุดของมหาพันภพ—ร่างมหาปฐมกาล!
ดังนั้นเขาต้องการการเปลี่ยนแปลงที่สมบูรณ์แบบ!
เหงื่อชุ่มโชกบนร่างมู่เฉินพร้อมกับสายลาวาชำระร่างเทพสุริยะ ร่างยิ่งใหญ่หดตัวลงอย่างรวดเร็วคล้ายกับคนอ้วนที่ถูกดูดไขมัน
แม้ร่างเทพสุริยะจะหดตัวลง แต่สีก็เริ่มเกิดการเปลี่ยนเป็นสีทองเข้มข้นพร้อมกับชั้นบางๆ ของสีม่วง
ดวงตะวันขนาดใหญ่ที่อยู่ด้านหลังศีรษะก็เปลี่ยนไปเช่นกัน กลายเป็นของเหลวสีทองที่ห่อหุ้มร่างเทพสุริยะค่อยๆ ซึมผ่านเข้ามา
ก่อนที่ร่างเทพสุริยะจะก้าวลงไปในทะเลสาบก็มีขนาดหลายพันจั้ง แต่ในเวลาเพียงสิบกว่านาทีก็ลดลงเหลือไม่ถึงพันจั้ง
ทว่าแม้จะหดตัวลง แต่ถ้าสัมผัสดีๆ ก็สามารถรู้สึกได้ถึงพลังงานที่มีอยู่ภายในร่างค่อยๆ แข็งแกร่งขึ้น
ตัวมู่เฉินก็รับรู้ได้ถึงการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ ซึ่งทำให้เขารู้สึกดีขึ้นจากการทรมานรุนแรง อย่างน้อยเขาก็ปลอบใจเขาที่ไม่ได้ทนกับความเจ็บปวดที่ไร้ประโยชน์
ภายใต้ความเจ็บปวดรุนแรงมู่เฉินสูญเสียความคิดเรื่องเวลาและค่อยๆ เริ่มด้านชาจากความเจ็บปวด
แต่นั่นไม่ใช่ข่าวดี หากเขาจมดิ่งลึกเกินไป แม้แต่จิตใจก็อาจพังทลายลงจนอาจเกิดเหตุที่ทำลายร่างเทห์สวรรค์โดยไม่ตั้งใจ
ดังนั้นแม้ว่ามู่เฉินจะรู้สึกชาจากความเจ็บปวด แต่ก็ยังคงสติไว้มั่น
ทว่าก็ชัดเจนที่เขาไม่สามารถรักษาสภาพไว้ได้ตลอด เขาทำได้เพียงภาวนาขอให้ร่างเทพสุริยะสามารถทำการเปลี่ยนแปลงเสร็จสิ้นก่อนที่เขาจะสูญเสียสติไป
มิฉะนั้นผลลัพธ์จะน่ากลัวมาก
แต่โชคดีที่คำอธิษฐานของมู่เฉินดูเหมือนจะเป็นผล
ปุด ปุด
ฟองอากาศลอยขึ้นจากทะเลสาบอย่างต่อเนื่อง ระเบิดเป็นประกายสีทองดูงดงามตระการตา
มู่เฉินที่มีใบหน้าซีดขาวอยู่ริมทะเลสาบก็ค่อยๆ ลืมตาขึ้นพร้อมกับความอ่อนล้าหนักหน่วงกะพริบในม่านตา เขาเกือบจะล้มลงจากความทรมานที่ไม่สิ้นสุด
อย่างไรก็ตามเมื่อเขามองไปที่ทะเลสาบ ดวงตาก็วูบไหวพร้อมกับอารมณ์กลับคืนมาบนใบหน้า
เนื่องจากเขารู้สึกได้ว่าขณะนี้ความเจ็บปวดรุนแรงหายไปอย่างกะทันหันแล้ว
“การเปลี่ยนแปลงประสบความสำเร็จแล้วหรือ?”
มู่เฉินพึมพำขณะจ้องไปที่ทะเลสาบ
ปุด ปุด
ภายใต้การจ้องมอง ทันใดนั้นฟองอากาศก็ลอยขึ้นมาจากทะเลสาบ ตอนนี้ทั้งทะเลสาบเดือดพล่าน
ฟองอากาศทุกฟองพุ่งออกมาด้วยแสงมันวาวสีทองขณะที่ระเบิดตูมตาม
สามารถมองเห็นเงาขยับเข้าใกล้อย่างรวดเร็วจากใต้ทะเลสาบ สุดท้ายทะเลสาบก็แยกออกเป็นสองส่วน คลื่นแผ่กระจายออกไป ภาพเงาขนาดใหญ่ค่อยๆ ลอยขึ้นมา
มู่เฉินมองไปที่ภาพเงานั้น แม้กระทั่งมีจิตใจแน่วแน่ แต่เขาก็ยังอดไม่ได้ที่จะสั่นสะท้านด้วยความตื่นเต้น
หินหนืดสีทองตกแหมะลงมาจากร่างใหญ่ สะท้อนในดวงตามู่เฉินอย่างชัดเจน
นี่เป็นร่างเทห์สวรรค์ที่ไม่คุ้นเคยอย่างสิ้นเชิง แต่เนื่องจากการเชื่อมโยงพิเศษทำให้มู่เฉินรู้ว่านี่คือร่างเทพสุริยะนิรันดร์ที่เขาใฝ่หา!
ร่างเทห์สวรรค์ร่างนี้ไม่มีดวงตะวันใหญ่ลอยอยู่ด้านหลังศีรษะอีกต่อไป มิหนำซ้ำร่างกายก็ไม่มีประกายสีทองเหมือนก่อนหน้านี้อีกต่อไป แต่มีร่องรอยของชั้นรัศมีสีม่วงเพิ่มเติม
นอกจากนี้ยังปกคลุมไปด้วยลวดลายสีม่วงที่ดูเหมือนจะถูกสร้างจากธรรมชาติ ลวดลายทุกลวดลายมีความลึกซึ้งเป็นพิเศษและบรรจุด้วยพลังศักดิ์สิทธิ์ที่ไม่อาจบรรยายได้
หากมองให้ละเอียดจะพบว่าลวดลายเหล่านั้นก่อตัวเป็นดวงตะวันอย่างคลุมเครือ
มู่เฉินมองไปที่ร่างเทห์สวรรค์ก็เหมือนมีความเข้าใจผิดราวกับว่าร่างร่างนี้เป็นตัวแทนของความเป็นนิจนิรันดร์ที่ต่อให้เวลาผ่านไปก็ไม่สามารถทำลายมันได้
“นี่หรือร่างเทพสุริยะนิรันดร์”
มู่เฉินพึมพำ ในที่สุดเป้าหมายของเขาก็บรรลุผลหลังจากผ่านไปหลายปีซึ่งทำให้มู่เฉินรู้สึกไม่เป็นจริง
“ทำไมตัวเตี้ยขนาดนี้?”
ทว่ามู่เฉินก็หลุดจากอาการตื่นเต้นอย่างรวดเร็ว ใบหน้าฉายความแปลกประหลาด ถ้าตามสภาพปกติร่างเทพสุริยะนิรันดร์ซึ่งสูงไม่กี่ร้อยจั้งก็ไม่ได้เตี้ย แต่เมื่อเทียบกับร่างเทห์สวรรค์อื่นๆ ก็เตี้ยมากจริงๆ
ต้องรู้ว่าร่างเทพสุริยะของมู่เฉินสูงหลายพันจั้ง แต่เมื่อพัฒนาการถึงปัจจุบันร่างนี้กลับสูงเท่าต้นขาร่างเดิมเท่านั้น
ในมหาพันภพขนาดแสดงถึงความแข็งแกร่งของร่างเทห์สวรรค์ เนื่องจากจะสามารถบรรจุคลื่นหลิงที่ทรงพลังกว่าได้
แต่ร่างเทพสุริยะนิรันดร์…มีขนาดเพียงไม่กี่ร้อยจั้ง แล้วจะทรงพลังยิ่งกว่าร่างเทพสุริยะจริงเหรอ?
มู่เฉินเกาหัวแกรกกรากก่อนที่จะยื่นมือออก ร่างสีม่วงทองก็ยื่นมือออกมา ทั้งสองสัมผัสกัน
ฮึ่ม
ประกายแสงสีทองพุ่งสูงขึ้น ร่างเทพสุริยะนิรันดร์ก็ห่อหุ้มมู่เฉินไว้ภายใน จากนั้นเขารู้สึกถึงการได้ควบคุมอย่างสมบูรณ์
ขณะนั้นเองเขาก็สัมผัสได้ถึงพลังที่มีอยู่ในร่างสีม่วงทองนี้
ซึ่งเป็นพลังที่ทำเอาเขาถึงกับตกตะลึงในทันที
“พลังงานนี้…”
มู่เฉินก้มหัว จากนั้นค่อยๆ กำหมัดแน่น เขาลังเลชั่วครู่ก่อนที่จะเหวี่ยงหมัดออกไป
ปัง!
เมื่อร่างสีม่วงทองขว้างหมัดออกไป การระเบิดก็ดังก้องระหว่างสวรรค์และโลก แสงเงาสีทองครอบงำออกมา จากนั้นมู่เฉินก็สามารถมองเห็นรอยหมัดมหึมาถูกทิ้งไว้บนจัตุรัสทองคำ
มิติเบื้องหน้าแตกออกเป็นเศษเล็กเศษน้อย
มู่เฉินอ้าปากกว้างกับความสามารถในการทำลายล้าง ซึ่งไม่ได้อ่อนแอกว่ากระบวนท่าเปิดสิบตะวัน หัตถ์เทพปีศาจเลย!
หากจาโหลหลัวอยู่ที่นี่ในขณะนี้ มู่เฉินก็ไม่จำเป็นต้องเคลื่อนไหวอะไรมากมายในการต่อสู้ เขาเพียงแค่ขว้างหมัดก็สามารถฆ่าจาโหลหลัวได้ทันที!
“นี่คือพลังของร่างเทพสุริยะนิรันดร์เหรอ?!”
มู่เฉินตกตะลึงเมื่อมองไปที่ร่างสีทองซึ่งห่อหุ้มเขาไว้ หลังจากนั้นครู่หนึ่งเขาก็หัวเราะร่า เสียงของเขาดังก้องไปทั่วบริเวณ
ตามการคาดการณ์ของมู่เฉินร่างเทพสุริยะนิรันดร์นี้สามารถติดสิบห้าอันดับแรกของคัมภีร์ร่างเทห์สวรรค์เก้าสิบเก้าร่างเลยทีเดียว!
หลังจากอดทนและทำงานหนักมาหลายปีในที่สุดเขาก็กลายร่างเป็นมังกรทะยาน!
มู่เฉินหัวเราะ จากนั้นก็ล้มนอนลงบนแท่นบูชาอย่างไม่สนใจอะไร ตอนนี้เขาถือได้ว่าอยู่ยงคงกระพันใต้ขอบเขตตี้จื้อจุนแล้ว!
นอกจากนี้เขายังสามารถหลบหนีจากจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นต้นได้ด้วยความช่วยเหลือของร่างเทพสุริยะนิรันดร์ แม้ว่าจะไม่ได้รับความช่วยเหลือจากกองทัพสังหารวิญญาณก็ตาม
มู่เฉินมองไปบนท้องฟ้า ใบหน้าหนึ่งปรากฏขึ้นอย่างเลือนราง ผมของนางราวกับแม่น้ำสีเงิน ม่านตาผลึกแก้วที่สดใส มู่เฉินเคยร้อนใจหลายครั้งเมื่อในอดีต แต่สุดท้ายก็สงบลงเพราะดวงตาคู่นั้น…
เขายกมือขึ้นเหมือนสัมผัสใบหน้าที่โหยหา ยิ้มอ่อนโยน
“ลั่วหลี…ในที่สุดข้าก็ทำสำเร็จ”
“อีกไม่นานข้าจะไปหาเจ้า… รอข้านะ!”