หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – ตอนที่ 1174

ตอนที่ 1174

หนึ่งในใต้หล้า 大主宰
บทที่ 1174 การต่อสู้เข้มข้น
ฟู่ ฟู่!

กระแสพลังสีดำราวกับอสรพิษโอบรอบร่างจาโหลหลัว เขาคำรามลั่นพร้อมกับคลื่นกระแทกกระจายออกไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ทำให้มิติโยกคลอน

ตู้ม!

ร่างจาโหลหลัวกลายเป็นสีดำ ยืนตระหง่านบนพื้นดินราวกับเทพปีศาจ รัศมีช่างครอบงำ ตอนนี้เพียงแค่ความแข็งแกร่งของพลังกายอย่างเดียวก็เทียบเท่าระดับจื้อจุนขั้นเก้าระยะเต็มแล้ว

มู่เฉินมองไปที่จาโหลหลัวด้วยสายตาเคร่งเครียดลง พลังกายของจาโหลหลัวน่าจะแข็งแกร่งที่สุดในบรรดาจอมยุทธ์ที่เขาเคยเห็นในรุ่นเดียวกันแล้ว

ถ้าไม่ใช่เพราะกายามังกรหงส์ได้รับการขัดเกลาจากพิธีชำระล้างทะเลสาบสวรรค์ละก็ เขาอาจไม่มีความมั่นใจที่จะเอาชนะจาโหลหลัวได้ในด้านพลังกาย

ตึง!

ขณะที่ร่างกายของมู่เฉินเกร็งขึ้น จิตสังหารก็พุ่งขึ้นในดวงตาของจาโหลหลัว จากนั้นจาโหลหลัวก็กระทืบเท้าหายวับไป

ฮึ่ม!

แสงสีทองระเบิดออกมาจากร่างกายมู่เฉิน เขาไม่ได้ตกใจกับการเคลื่อนไหวของจาโหลหลัว เขากำปั้นซัดออกไปทางด้านขวา

เมื่อเหวี่ยงแขนออกไป จิตวิญญาณมังกรแท้จริงและหงส์ฟ้าแท้จริงที่ขดอยู่บนแขน ก็ส่งเสียงคำรามรุนแรงพร้อมกับพลังที่สามารถทำลายภูเขาได้

เมื่อมู่เฉินชกออกไป เขาก็เห็นแสงสีดำวาบตรงหน้าซัดหมัดเข้าใส่เขาพร้อมเกลียวแสงสีดำ

ครืน!

หมัดสองหมัดปะทะกันราวกับว่าเป็นอุกกาบาตพุ่งชนกัน

คลื่นกระแทกที่มองเห็นได้แผ่กระจายออกไป มิติส่งเสียงครางกระหึ่มขณะบิดเบี้ยวไปมารอบๆ หมัดทั้งสอง นอกจากนี้ยังมีรอยแตกแผ่ซ่านคล้ายกับใยแมงมุม

พลังที่น่ากลัวโหยหวนทำให้มู่เฉินและจาโหลหลัวกระเด็นออกไปหลายพันเมตรจากคลื่นกระแทก

วาบ!

ทว่าทันทีที่ทั้งคู่ทรงตัวได้ พวกเขาก็พุ่งออกมาปานสายฟ้าอีกครั้ง

ปัง! ปัง!

ร่างสองร่างวูบไหวไปมาตลอดเวลารอบจัตุรัสพร้อมกับหมัดปะทะกันตูมตาม พวกเขาไม่ได้ใช้พลังงานหลิงมากนัก แต่อาศัยพลังกายล้วนๆ

ทว่าแม้พวกเขาจะไม่ได้ใช้พลังงานหลิงแต่คลื่นกระแทกจากการปะทะก็ทำให้ใบหน้าของจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเก้าระยะเต็มเปลี่ยนเป็นสีซีดเผือดได้เลยทีเดียว

ในมุมมองของจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเก้าระยะเต็มหลายคน พลังกายของทั้งสองจัดอยู่ในพวกสัตว์ประหลาด

ในเวลาร้อยลมหายใจพวกเขาก็แลกกระบวนท่ากันไม่รู้กี่ร้อยกระบวนท่าแล้ว การโจมตีของพวกเขาดุร้ายและเชี่ยวชาญพุ่งเป้าไปที่จุดตายของกันและกัน

ตู้ม!

อีกครั้งที่ทั้งสองกระเด็นกลับมาจากการปะทะรุนแรง รอยเท้ายาวลากไปบนลานจัตุรัสสีทอง

ขณะนี้แขนเสื้อพวกเขาฉีกออกเป็นชิ้นๆ มีรอยเลือดที่แขนซึ่งเกิดจากคลื่นกระแทกที่น่ากลัวจากการปะทะกัน ทว่าด้วยพลังกายของทั้งสองคน แค่นี้สบายมาก

แต่กระนั้นการหายใจของทั้งสองก็หนักขึ้นเล็กน้อย การประจัญบานก่อนหน้าทำให้พวกเขาต้องรักษาระดับสมาธิไว้ที่จุดสูงสุด

เผชิญหน้ากับศัตรูแบบนี้ ทั้งคู่ไม่กล้าที่จะผ่อนคลาย

ดวงตาของจาโหลหลัวจับจ้องไปที่มู่เฉิน ฝ่ามือลูบบนแขน บาดแผลของเขาก็หายไปหมด เขาพูดด้วยน้ำเสียงน่าขนลุก “ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมเซี่ยหยู่ถึงตายด้วยน้ำมือแก ดูท่าว่าแกมีความสามารถบางอย่างจริงๆ”

จากการแลกกระบวนท่าเมื่อครู่เขาดึงการดูถูกทั้งหมดในใจลง มู่เฉินมีคุณสมบัติที่จะเป็นศัตรูตัวฉกาจของเขา เช่นเดียวกับที่เขารู้สึกเมื่อเผชิญหน้ากับจู้เยี่ยน

สายตาของมู่เฉินยังคงไม่แยแสขณะแสงสีทองเอิบอาบทั่วร่างกาย จิตวิญญาณมังกรแท้จริงและหงส์ฟ้าแท้จริงที่ขดอยู่รอบร่างเขาก็จ้องไปที่จาโหลหลัวเขม็ง

จาโหลหลัวหัวเราะเยาะกับภาพนี้ “แต่ไม่ว่าแกจะโดดเด่นแค่ไหน วันนี้มีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่สามารถมีชีวิตอยู่ได้และคนคนนั้นไม่ใช่แก!”

ตู้ม!

พูดจบทันใดนั้นเขาก็เหวี่ยงหมัดออกมาซึ่งมีพลังหลิงเชี่ยวกรากรวมกันภายใต้นั้น เปลี่ยนหมัดให้กลายเป็นภาพกว้างหมื่นจั้งราวกับกับสัตว์อสูรร้ายสีดำก่อนที่จะพุ่งเข้าใส่มู่เฉิน

เวลานี้ในที่สุดจาโหลหลัวก็เริ่มใช้คลื่นหลิงแล้ว ชัดว่าเขาไม่ต้องการที่จะลากศึกนี้ออกไปอีก

เงาสีดำปกคลุมไปทั่ว สายตาของมู่เฉินก็หดลง มิติด้านหลังเขาผันผวน จุดจื้อจุนไห่ปรากฏขึ้นเลือนรางพร้อมกับคลื่นหลิงไร้ขอบเขตแผ่ออกไป

มู่เฉินผลักฝ่ามือทั้งสองออกไป ทันใดนั้นคลื่นหลิงไร้ขอบเขตก็กวาดออกกลายเป็นปราการขนาดใหญ่นับหมื่นจั้งพร้อมกับจิตวิญญาณมังกรแท้จริงและหงส์ฟ้าแท้จริงบินฉวัดเฉวียนอยู่ด้านบน เร้าพลังป้องกันถึงจุดสูงสุด

ตู้ม!

หมัดรุนแรงปะทะเข้ากับปราการ แต่ก็ทำให้ปราการเกิดการสั่นสะท้านเท่านั้น พลังไม่เพียงพอที่จะทำลายลงได้

แต่ถึงอย่างนั้นมู่เฉินก็ไม่ได้ผ่อนคลายเพราะเขารู้ว่านี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้น

ครืน! ครืน!

ขณะที่ความคิดนี้วาบผ่านในใจ เสียงฟ้าคำรนไม่มีที่สิ้นสุดก็ดังขึ้นในมิตินี้ มู่เฉินเงยหน้าขึ้นเห็นอุกกาบาตสีดำจำนวนนับไม่ถ้วนตกลงมาจากท้องฟ้า

นี่คืออุกกาบาตที่เกิดจากหมัดซึ่งต้องการจะทำลายล้างทุกสรรพสิ่งที่อยู่เบื้องหน้าทั้งหมด

ปัง! ปัง!

ระลอกคลื่นรุนแรงแผ่กระจายออกไปมากขึ้นเรื่อยๆ จากปราการขนาดใหญ่เมื่อหมัดซัดลงมา

ทว่าด้วยการเสริมของจิตวิญญาณมังกรแท้จริงและหงส์ฟ้าแท้จริง ทำให้ความสามารถในการป้องกันของปราการทรงพลังอย่างยิ่ง แม้ว่าจะเต็มไปด้วยรอยแตกเมื่ออุกกาบาตลูกสุดท้ายซัดลงมา แต่ปราการก็ยังคงยืนที่เบื้องหน้ามู่เฉินอย่างสง่างาม

ทว่าเวลานี้เองหัวใจของมู่เฉินก็โลดขึ้น เขาสัมผัสได้ถึงอันตรายยิ่งใหญ่ เขารีบเงยหน้าขึ้นก็เห็นจาโหลหลัวยืนอยู่บนเสาสีทองต้นหนึ่งมือทั้งสองข้างสร้างตราประทับแปลกประหลาด

คลื่นหลิงไร้ขอบเขตรอบตัวคำรามราวกับมหาสมุทรสีดำ ดูน่ากลัวอย่างยิ่ง

จาโหลหลัวมองไปที่มู่เฉินด้วยสายตาเยาะเย้ย จากนั้นมือทั้งสองก็เคลื่อนไหว ทันใดนั้นมหาสมุทรสีดำก็พวยพุ่งพร้อมกับบางสิ่งที่น่าสะพรึงกลัวภายใน ความผันผวนที่น่ากลัวแพร่กระจายออกไป

ขณะนี้ใบหน้าของมู่เฉินเคร่งเครียดถึงขีดสุด

“ข้ารู้ว่าแกรับมือได้ยาก ดังนั้นข้าไม่ได้คาดหวังว่าการโจมตีนั้นจะเป็นภัยคุกคามกับแก นั่นมีไว้เพื่อซื้อเวลาให้ข้าเท่านั้น” จาโหลหลัวยิ้มก่อนจะเหยียดนิ้วออกแตะลงบนมหาสมุทรสีดำ

“วิทยายุทธระดับเสินทง คัมภีร์เซิ่งหมัว หัตถ์เทพปีศาจ!”

ตู้ม!

ทันใดนั้นมหาสมุทรสีดำก็ฉีกออกจากกัน รัศมีสีดำทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าก่อนที่จะกลายเป็นมือสีดำที่ดูเหมือนว่าแหวกออกมาจากนรกโอบล้อมเขาไว้

มือสีดำโอบล้อมพื้นที่ทั้งหมดทำให้การหลบหนีเป็นไปไม่ได้เลย

หัวใจของมู่เฉินสั่นสะท้านอย่างควบคุมไม่ได้ จากการตัดสินด้วยพลังอำนาจ นี่จะต้องเป็นวิทยายุทธระดับเสินทงที่แท้จริง!

ไม่คิดว่าจาโหลหลัวจะฝึกวิทยายุทธระดับเสินทงสำเร็จ!

สีหน้าของมู่เฉินเคร่งเครียดมากก่อนที่จะหายใจเข้าลึก ดวงตาปิดลงก็เบิกโพลงขึ้นทันที สีนัยน์ตาทั้งสองข้างเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ จิตสังหารน่าสะพรึงระเบิดออกมาจากในใจ

มู่เฉินยืนนิ่งขณะมองมือขนาดใหญ่ ขณะนี้รัศมีที่น่าสะพรึงกลัวระเบิดเปรี้ยงปร้างจากร่างกายไม่หยุด

เมื่อรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงกะทันหันของมู่เฉิน ม่านตาจาโหลหลัวก็หดลง จากนั้นเขาก็เห็นมู่เฉินถอยหลังไปครึ่งก้าว ร่างโค้งไปทางด้านหลังเหวี่ยงหมัดข้างขวาออกมา

ขณะเดียวกันเสียงทุ้มต่ำก็ดังก้อง

“หมัดปีศาจพลีชีพ!”

มู่เฉินทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า เมื่อเทียบกับมือขนาดใหญ่เขาตัวเล็กเหมือนมด แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังพุ่งเข้าไปอย่างไม่กลัวเกรง กำปั้นของเขาปะทะกับมือขนาดมหึมานั่น

ฮึ่ม!

วินาทีที่ปะทะกันทั่วบริเวณก็เงียบงัน

ทว่าท่ามกลางความเงียบงัน รอยแตกก็เริ่มกระจายออกไปในอากาศ ดูราวกับมังกรมหึมากำลังกางกรงเล็บปลดปล่อยดระลอกคลื่นสั่นไหว

ตู้ม!

ท่ามกลางการปะทะที่เงียบงัน มิติก็สั่นสะเทือนเลื่อนลั่น อึดใจถัดมามือขนาดใหญ่ก็สั่นสะท้านก่อนที่จะแตกเป็นเสี่ยงๆ

แต่เมื่อมือขนาดใหญ่แตกสลาย มู่เฉินก็ถูกกระแทกไปข้างหลังชนกับเสาสีทองจนเสาแตกเป็นฝุ่นสีทองลอยอยู่ในอากาศ

ไกลออกไปแม้ว่าจาโหลหลัวจะไม่ได้ถอยไป แต่เสาที่อยู่ใต้เท้าเขาก็กลายเป็นฝุ่น ใบหน้าเขาดูเคร่งขรึม

ฝุ่นสีทองฟุ้งไปทั่ว

มู่เฉินทรงตัวขณะมองไปที่จาโหลหลัว ทั้งคู่มีรอยเลือดไหลออกมาจากมุมปาก

ชัดว่าพวกเขาได้รับผลกระทบจากการปะทะกันของวิทยายุทธระดับเสินทง

สายตาของจาโหลหลัวมืดครึ้ม เนื่องจากนี่เป็นครั้งแรกที่เขาใช้คัมภีร์เทพแล้วไม่สามารถฆ่าอีกฝ่ายได้

มู่เฉินก็ขมวดคิ้วเข้าหากัน เนื่องจากหมัดปีศาจพลีชีพก็ล้มเหลวเป็นครั้งแรกเช่นกัน

ศัตรูตัวฉกาจจริงๆ!

ทั้งสองมีความคิดเดียวกันในใจ!

ดังนั้นตราประทับสีดำจึงปรากฏขึ้นในมือของจาโหลหลัวในอึดใจต่อมา

ส่วนพัดขนนกสีฟ้าอมเขียวก็ปรากฏในมือของมู่เฉิน

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler ฟรี ได้ที่ novel-fast 


เรื่องย่อ

โดย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler บางส่วนของนิยาย

บทนำ

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป

‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้

แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์

แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว

ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ

เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง?

ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน…

เรื่องย่อ

เมื่อคำพูดของมู่เฉินกระจายออกไป ไม่เพียงแต่จะไม่มีการตอบสนอง แม้แต่ด้านนอกเจดีย์ก็ถูกห่อหุ้มด้วยบรรยากาศราวกับป่าช้า…

ทุกคนตกตะลึงไปกับฉากนี้ พวกเขาจ้องมองจุดที่ลู่สุยหายตัวไป ราวกับว่ายังไม่สามารถฟื้นจากอาการตะลึงงันที่เกิดขึ้นได้

ก่อนหน้าเมื่อลู่สุยออกกระบวนท่าที่น่าสะพรึง ผู้คนส่วนใหญ่ก็คิดว่าผลลัพธ์ของการต่อสู้ได้ถูกกำหนดแล้ว ทว่าพวกเขาไม่คิดเลยว่ามู่เฉินจะพลิกสถานการณ์ได้อีกครั้ง เตะลู่สุยที่เหมือนจะคว้าชัยชนะออกไป

ทุกคนตะลึงไปพักใหญ่ ก่อนที่พวกเขาจะหลุดออกจากอาการได้ สายตาเคร่งเครียดลง การประลองกันครั้งนี้มู่เฉินไม่ได้ใช้ค่ายกล แต่เขาก็สามารถเอาชนะจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดอย่างลู่สุยได้ด้วยความแข็งแกร่งที่อยู่ในขั้นหกเท่านั้น แม้ว่าจะมีผลจากลู่สุยประมาทเองในตอนแรก แต่นั่นก็แสดงให้เห็นว่ามู่เฉินน่ากลัวแค่ไหน

พลังเช่นนี้เขาสามารถเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์อันดับต้นๆ ในเจดีย์ฝึกพลังกายได้เลยทีเดียว

ทางฝั่งกลุ่มกระเรียนฟ้า ใบหน้าของหลิ่วชิงกลายเป็นเขียวสลับขาว นางมองไปที่ร่างสูงโปร่งบนหน้าจอ กลืนน้ำลายเหนียวหนืด ความกลัวปรากฏในดวงตาของนางเป็นครั้งแรก

มาถึงจุดนี้นางคงโง่แน่ถ้ายังคิดปฏิบัติต่อมู่เฉินเหมือนกับจอมยุทธ์ขั้นหกทั่วไป

ด้วยพลังในการต่อสู้ที่เขาแสดงออกมา บวกกับค่ายกลทรงพลัง แม้แต่จงเถิงก็ยากจะได้เปรียบหากพวกเขาต่อสู้กัน

ก่อนหน้านี้นางหัวเราะเยาะและมองจิ่วโยวด้วยความดูถูก แต่ตอนนี้นางอายแทบแทรกแผ่นดินหนี ซึ่งจุดนี้รู้ได้จากสายตาเยาะเย้ยเหล่านั้นที่ปรายมองเข้ามา

“ทำไมมู่เฉินถึงทรงพลังเช่นนี้?” จงฮั้วที่พ่ายแพ้ให้กับมู่เฉินก็มีสีหน้าเคร่งขรึมเช่นกัน ก่อนหน้านี้เขาเคยคิดเช่นกันว่ามู่เฉินพึ่งพาเพียงค่ายกลเพื่อจัดการกับศัตรู แต่ใครจะคิดว่าเมื่อไม่มีการใช้ค่ายกลมู่เฉินก็สามารถเอาชนะลู่สุยแบบดุร้ายยิ่งกว่าอะไร

“ดูเหมือนว่ามีเพียงพี่ใหญ่จงเถิงเท่านั้นที่สามารถจัดการกับเขาได้” จอมยุทธ์อีกคนของเผ่ากระเรียนฟ้าพยักหน้า

หลิ่วชิงพยักหน้าเบาๆ ไม่เพียงแต่พวกเขาจะพิจารณาพลังของมู่เฉินพลาดไปเท่านั้น แม้แต่จงเถิงก็ตัดสินอีกฝ่ายผิดไป ชายคนนั้นเป็นสัตว์ประหลาดอย่างแท้จริง

ฟิ้ว!

ขณะที่นอกเจดีย์ต่างตกตะลึงกับผลลัพธ์ที่มู่เฉินนำมา ทันใดนั้นแสงก็กะพริบบนแท่นนอกเจดีย์ ร่างน่าสังเวชปรากฏขึ้น

เมื่อร่างนั้นออกมาก็รีบถอยกลับไปปรากฏตัวขึ้นในกลุ่มอีกาสายฟ้าทันควัน นี่ก็คือลู่สุยที่มีสีหน้าซีดขาว คลื่นหลิงของเขาถดถอยลงอย่างมาก

สายตาโดยรอบยิงเข้าหาในเวลานี้ทันที

ใบหน้าของลู่สุยเขียวคล้ำ สายตาเกลียดชังมองไปที่มู่เฉินที่อยู่บนหน้าจอ ก่อนที่จะหันหัวสาดสายตาดุร้ายใส่จิ่วโยวและมั่วหลิง ที่ข้างๆ พรรคพวกของเขาก็มีท่าทางไม่ดีเช่นกัน

ทว่าจิ่วโยวไม่กลัวที่จะเผชิญหน้ากับสายตาเหล่านั้น นางเค้นเสียงอย่างเย็นชา “ลูกหมาที่ถูกฟาดยังกล้าที่จะออกมาแยกเขี้ยวอีกเหรอ?”

ตอนนี้ลู่สุยบาดเจ็บสาหัส สูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไปหมด ส่วนคนที่เหลือก็ไม่มีอะไรต้องกลัว หากพวกเขากล้าที่จะคิดบัญชีกับพวกนาง จิ่วโยวก็ไม่คิดปล่อยพวกเขาไว้เป็นภัยคุกคามในอนาคตหรอก

สายตาแสดงความเกลียดชังของลู่สุยจ้องเขม็งอยู่ที่จิ่วโยว แต่สุดท้ายเขาก็ต้องถอนสายตาออกไปอย่างไม่เต็มใจ ก่อนที่จะถอยกลับนั่งลงบนซากปรักหักพังเข้าสมาธิเพื่อฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ

จอมยุทธ์กลุ่มอีกาสายฟ้าก็ปรากฏรอบตัวเขาเพื่อปกป้อง

เมื่อจิ่วโยวเห็นการตอบสนองนั่น นางก็ไม่ได้ใส่ใจกับพวกเขาอีก นางมองไปที่หน้าจออีกครั้งโดยพุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่ร่างเงาอ่อนเยาว์ มือที่กำแน่นผ่อนคลายลง

เห็นได้ชัดว่านี่เป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงสำหรับนางที่มู่เฉินจะเอาชนะได้เด็ดขาดแบบนี้ นั่นเป็นเพราะตามการประเมินของนางแม้ว่ามู่เฉินจะยืนยงอยู่ได้ก็เป็นยากที่จะเอาชนะลู่สุยด้วยขุมพลังจื้อจุนขั้นหกและถ้าการต่อสู้ถูกลากไปจนสุดอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบคาดไม่ถึง

ทว่าผลลัพธ์สุดท้ายที่ได้ก็ทำให้นางทั้งประหลาดใจและดีใจ

เห็นได้ชัดว่ามู่เฉินได้รับประโยชน์มหาศาลจากสามชั้นแรกของเจดีย์ฝึกพลังกาย ไม่เช่นนั้นเขาไม่สามารถแสดงพลังเป็นที่ประจักษ์เช่นนี้ได้

“ว่ากันว่าในชั้นสี่มหัศจรรย์กว่านี้มาก หากใครสามารถเข้าไปได้ พวกเขาจะสามารถได้รับผลประโยชน์เกินกว่าสามชั้นแรกมาก…”

จิ่วโยวยิ้มบาง ดูจากสถานการณ์ปัจจุบันไม่น่ามีปัญหาใดๆ ที่มู่เฉินจะเข้าสู่ชั้นสี่ สำหรับมั่วเฟิงความแข็งแกร่งของเขาเป็นหนึ่งในอันดับต้นของกลุ่มที่เข้าไป ดังนั้นจึงไม่ยากสำหรับเขาที่จะได้หนึ่งในห้าที่นั่งนี้ไปเช่นกัน

ดูเหมือนว่าการเดินทางมาที่เจดีย์ฝึกพลังกายโบราณครั้งนี้เผ่าวิหคโลกันตร์อาจเป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

บนลานเมฆสายฟ้า

ไม่มีใครตอบคำถามของมู่เฉิน ขณะนี้แม้แต่จอมยุทธ์ทรงอำนาจอย่างหานซันและสีคุนก็ยังรู้สึกหวาดระแวงมู่เฉินอยู่บ้าง ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกที่จะไม่ไปปะทะกับมนุษย์ผู้นี้

ดังนั้นคนทั้งหมดที่อยู่ที่นี่จึงเงียบลง ก่อนที่จะถอยออกจากรัศมีโดยรอบมู่เฉินอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณบอกว่าพวกเขาไม่ต้องการต่อสู้กับเขา

เมื่อมู่เฉินเห็นภาพนี้ก็ไม่มีอารมณ์ใดบนใบหน้า แต่ในใจกลับรู้สึกโล่งอก คนอื่นๆ เห็นเพียงฉากการต่อสู้ตระการที่เขาเอาชนะลู่สุยได้ แต่พวกเขาไม่รู้หรอกว่าหมัดที่เขาชกออกไปก่อนหน้านี้คือพลังงานส่วนเกินจากสามชั้นแรก

ร่างกายของมู่เฉินก่อนหน้าเปรียบเสมือนฟองน้ำที่ดูดซับน้ำจนถึงขีดจำกัด หมัดของเขาจึงเท่ากับบีบน้ำออกจนหมด ทำให้ร่างกายที่อัดแน่นกลับสู่สภาพเดิม

ดังนั้นถ้าให้เขาโจมตีแบบนั้นอีกครั้ง พลังก็จะไม่ทรงประสิทธิภาพเหมือนเมื่อครู่แน่นอน

ประสิทธิผลพิเศษชนิดนี้ของการสะสมพลังงานในร่างกายเป็นทักษะที่ได้มาจากกายามังกรหงส์ ด้วยวิธีนี้เขาจะได้รับผลลัพธ์ที่ไม่มีใครคาดคิดไว้ กลายเป็นไพ่ลับอีกใบหนึ่ง

“คัมภีร์หลงเฟิ่งทรงพลังจริงๆ”

แม้แต่มู่เฉินก็ยังชื่นชมในสิ่งนี้ คัมภีร์หลงเฟิ่งสมแล้วที่เป็นทักษะยอดเยี่ยมแท้จริง จากการประเมินของเขาคัมภีร์นี้ต้องอยู่ในระดับเสินทงแน่นอน ซึ่งไม่ธรรมดาแม้จะอยู่ในกลุ่มวิทยายุทธระดับเสินทงด้วย

มู่เฉินชื่นชมก่อนที่จะใจเย็นลง แม้ว่าตอนนี้จะไม่มีใครท้าทายเขา แต่เขาก็ไม่ตั้งใจที่จะท้าทายคนอื่นด้วยเช่นกัน เขายืนนิ่งบนตำแหน่งตนเองรอผลการคัดออก

สำหรับจงเถิง มู่เฉินรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นพวกยุแยงให้ลู่สุยมาปะทะกับเขา แต่เนื่องจากตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ดีในการจัดการ เขาจึงได้แต่ผลักแผนไปก่อน

แต่ถึงกระนั้นสายตาคมกล้าของมู่เฉินก็ยังจ้องเขม็งไปที่จงเถิง รอบตัวเต็มไปด้วยคลื่นหลิงราวกับเสือดาวที่กำลังจะจ้องตะครุบเหยื่ออัดแน่นด้วยภัยคุกคาม

เมื่อเห็นท่าทางของมู่เฉิน จงเถิงที่ประจันหน้ากับมั่วเฟิงก็รู้สึกอึดอัดใจ เขาต้องแยกสมาธิอยู่ตลอดเพื่อจับตามองมู่เฉิน ป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายเคลื่อนไหวมาประสานพลังกับมั่วเฟิง

ด้วยวิธีนี้สมาธิของจงเถิงจึงค่อนข้างฟุ้งซ่าน สุดท้ายเขาได้แต่กัดฟัน ถอนคลื่นหลิงและถอยออกจากบริเวณของมั่วเฟิง

“พี่มั่วยากสำหรับการต่อสู้ของเราที่จะได้ข้อสรุป ทำไมเราไม่ไปจัดการคนอื่นและรับที่นั่งมาล่ะ?” ขณะที่จงเถิงถอยกลับเสียงก็สะท้อนก้องไปด้วย

มั่วเฟิงจ้องมองจงเถิงอย่างไม่แยแสก่อนที่จะพยักหน้า นั่นเป็นเพราะเขารู้ว่าหากพวกเขายังอยู่ในสถานการณ์ยืนจ้องหน้ากันก็จะไม่เกิดผลลัพธ์ใด หากเขาร่วมมือกับมู่เฉิน พวกเขาอาจทำให้จงเถิงบ้าดีเดือดขึ้นมา แม้แต่พวกเขาก็ต้องจ่ายราคามหาศาลจากการตีโต้

ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับพวกเขาคือการได้ที่นั่งเพื่อเข้าสู่ชั้นสี่

เมื่อจงเถิงเห็นคำตอบของมั่วเฟิงก็รู้สึกโล่งใจในใจ เขาถอยกลับอย่างรวดเร็วออกจากจุดที่มู่เฉินและมั่วเฟิงอยู่ เขาครุ่นคิดสั้นๆ ก่อนจะเลือกปะทะกับคนที่อ่อนแอกว่า

พอมู่เฉินเห็นจงเถิงไปแล้วก็ไม่ได้ใส่ใจอีกต่อไป สายตาหันมามองมั่วเฟิงแล้วก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้มแสดงความขอบคุณในการช่วยเหลือครั้งนี้

สายตาของมั่วเฟิงเป็นมิตรมากขึ้น คิดว่าการที่มู่เฉินเอาชนะลู่สุย ทำให้มั่วเฟิงมองมู่เฉินในฐานะจอมยุทธ์ที่อยู่ในระดับเดียวกันกับเขา ดังนั้นจึงไม่ได้มีท่าทางเฉยเมยเหมือนเมื่อก่อน

มั่วเฟิงพยักหน้าให้มู่เฉิน ก่อนที่จะหันหลังกลับและเริ่มเลือกคู่ต่อสู้ของตนเอง

ครืน!

เมื่อทุกคนเลือกคู่ต่อสู้แล้ว ทันใดนั้นคลื่นหลิงก็ระเบิดรุนแรงบนลานเมฆสายฟ้า คลื่นกระแทกกวาดออก ทำให้มิติเกิดการสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นไม่หยุด

บนลานเมฆสายฟ้าพลังงานหลิงกวาดหายนะ มีเพียงตรงมู่เฉินเท่านั้นที่ไม่ถูกรบกวน เนื่องจากไม่มีใครกล้าเหยียบเข้ามาในรัศมีพันจั้ง ยามนี้เขาเหมือนผู้ชมที่ดูการต่อสู้ติดขอบ ในเวลาเดียวกันก็บันทึกกระบวนท่าที่ทรงพลังของบางคนไว้ในสมอง

แม้ว่าในชั้นนี้พวกเขาอาจไม่ได้ประลองกัน แต่ก็ยังมีอีกสองชั้นรอพวกเขาอยู่ ใครจะสามารถรับประกันได้ว่าจะไม่มีการลดจำนวนลงในชั้นต่อไป?

ดังนั้นถ้ามีโอกาสเขาต้องพยายามจดจำข้อมูลผู้อื่นเก็บไว้

ภายใต้การสังเกตของมู่เฉิน การประลองบนลานเมฆสายฟ้าก็คงอยู่ชั่วระยะหนึ่ง ก่อนที่แต่ละคู่จะมาถึงจุดสิ้นสุด ผลลัพธ์ก็เป็นไปตามที่คาดไว้

หลังจากมู่เฉินก็เป็นหานซันที่เอาชนะคู่ต่อสู้ได้ที่นั่งที่สองไป

จากนั้นมั่วเฟิงและจงเถิงก็คว้าชัยชนะตามมา

ที่นั่งสุดท้ายตกเป็นของสีคุนที่ก่อนหน้านี้เคยแพ้หานซันที่ด้านนอกเจดีย์ ชายนี้มีความแข็งแกร่งที่น่าตกใจ แม้แต่หานซันยังต้องใช้ทักษะเต็มที่ถึงจะได้รับชัยชนะมา

เมื่อสีคุนได้รับที่นั่งสุดท้ายลานเมฆสายฟ้าขนาดใหญ่ก็เงียบลงอีกครั้ง ร่างทั้งห้ายืนอยู่ ขณะรัศมีไร้ขอบเขตทั้งห้าสายพุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าชนกันเปรี้ยงปร้าง

ทว่าการชนกันก็ดำเนินไปเพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ ก่อนที่ทั้งห้าจะถอนคลื่นพลังพร้อมกัน พวกเขาเหลือบมองกันและกัน จากนั้นก็ไม่ลังเลทะยานออกไปปรากฏตัวบนเบาะทั้งห้า

สายตาพวกเขาพุ่งตรงไปยังมิติด้านหลังลานเมฆสายฟ้าด้วยความโลภ ตรงนั้นเส้นดาวหางจำนวนมากกวาดผ่านราวกับฝนดาวตก

ในแสงเหล่านั้นแก่นหยดสายฟ้ากำลังกะพริบด้วยความแวววาว


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท