หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – ตอนที่ 1178

ตอนที่ 1178

หนึ่งในใต้หล้า 大主宰
บทที่ 1178 ผู้ชนะคนสุดท้าย
ฮึ่ม!

แสงสีทองพร่างพราวโอบล้อมทั่วบริเวณ ตอนนี้จาโหลหลัวหวาดกลัวไปจนถึงจิตวิญญาณ เนื่องจากมือขนาดใหญ่แหวกผ่านมิติปรากฏขึ้นเหนือร่างแล้วตบลงเบาๆ

การตบที่ดูเชื่องช้ากลับทะลุผ่านมิติด้วยความเร็วที่ไม่สามารถอธิบายได้ นอกจากนี้จาโหลหลัวยังรู้สึกได้ว่ามิติถูกแช่แข็งด้วยมือทองคำนี้ ซึ่งหมายความว่าเขาไม่สามารถหลบหนีไปได้อีก

ความกลัวปกคลุมใบหน้าจาโหลหลัว จากนั้นเขาก็ตะโกน “ข้ายอมแพ้!”

ฝ่ามือทองคำเหมือนจะหยุดชั่วขณะซึ่งทำให้จาโหลหลัวสามารถหยิบหินหยกออกมาและเตรียมจะบดขยี้

นี่เป็นวัตถุที่ประมุขตำหนักเทพปีศาจมอบให้ สามารถใช้เพื่อช่วยเขาหลบหนีในยามคับขัน

ตู้ม!

แต่ตอนนั้นเองก่อนที่เขาจะบดขยี้มัน แสงสีทองก็สะท้อนเต็มในดวงตา ความกดดันที่อธิบายไม่ได้ครอบงำไปทุกทิศทาง

ภายใต้แรงกดดันที่น่ากลัวจาโหลหลัวตัวแข็งไม่สามารถขยับได้

จากนั้นฝ่ามือสีทองก็กระแทกเข้ากับร่างเทพสุริยะสีดำของเขา

ปัง!

ร่างเทพสุริยะดำทะมึนช่างบอบบางภายใต้มือทองคำ รอยแตกวิ่งพล่านไปทั่วก่อนที่จะระเบิดออก

เมื่อร่างเทพสุริยะสีดำระเบิด จาโหลหลัวก็รู้สึกถึงผลกระทบร้ายแรงพร้อมกับเลือดสดกระอักจนกบปาก ตัวเขาถูกย้อมเป็นสีแดงเลือดทันที คลื่นหลิงรอบตัวก็ลดน้อยลง

“มู่เฉิน ถ้าแกกล้าฆ่าข้าตำหนักเทพปีศาจไม่ปล่อยแกไปแน่! ท่านประมุขจะให้แกได้ลิ้มรสชีวิตตายดีกว่าอยู่!” จาโหลหลัวที่สัมผัสได้ถึงเจตนาฆ่าของมู่เฉินก็สบถออกมาอย่างโหดเหี้ยม

ทว่ามู่เฉินไม่ได้ใส่ใจกับคำพูดนั่น ฝ่ามือสีทองกดลงมา ร่างจาโหลหลัวแหลกสลายลง แม้แต่จุดจื้อจุนไห่และจิตวิญญาณก็ถูกทำลายล้าง

เมื่อทำทุกอย่างเสร็จมือทองคำถึงได้ค่อยๆ สลายไป

อ็อก

เมื่อมือทองคำหายไปแล้ว มู่เฉินก็พ่นเลือดออกมาคำหนึ่ง ความผันผวนของคลื่นหลิงลดฮวบลงอย่างรวดเร็ว

การโจมตีกระบวนท่าเมื่อครู่ใช้พลังงานในจุดจื้อจุนไห่ของเขาจนหมด

มู่เฉินปาดเลือดออกจากริมฝีปากขณะทนกับความเจ็บปวดรุนแรงที่เขย่าไปมาในร่างกาย เขาโบกมือดอกบัวสีแดงเข้มก็ปรากฏขึ้น จากนั้นเขาก็นั่งลงไปบนนั้น

ไอเย็นฉ่ำเข้าสู่ร่างกายของเขาอย่างรวดเร็ว เริ่มฟื้นฟูอาการบาดเจ็บและคลื่นหลิงที่อ่อนล้า

กระบวนการทั้งหมดใช้เวลาสิบกว่านาทีก่อนที่มู่เฉินจะลืมตาขึ้น เขาครางออกมาก่อนที่จะตบขอบใจดอกบัวสีแดง หลังจากที่รู้สึกได้ถึงการฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ

ถ้าเขาทำด้วยวิธีปกติอาจต้องใช้เวลาอย่างน้อยครึ่งวันในการฟื้นตัว แต่ด้วยความช่วยเหลือของแท่นดอกบัวทำให้บาดแผลส่วนใหญ่ประสานได้ในสิบกว่านาที

มู่เฉินยืนขึ้นมองไปยังทิศทางที่จาโหลหลัวถูกฆ่าก็เห็นประกายแสงสีดำนับไม่ถ้วนลอยอยู่ในอากาศ

สิ่งเหล่านี้มาจากร่างเทพสุริยะของจาโหลหลัวซึ่งบรรจุด้วยคลื่นหลิงทรงพลัง

มู่เฉินโบกมือดึงประกายแสงสีดำเข้ามา พวกมันรวมตัวกันบนฝ่ามือเขาเป็นรูปทรงกลมสีดำที่มีขนาดเท่าหัว

ภายในสามารถมองเห็นร่างเทพสุริยะสีดำได้อย่างเลือนราง

มู่เฉินมองไปที่ลูกทรงกลมด้วยสายตาซับซ้อน ถ้าจาโหลหลัวเอาชนะเขาได้นี่ก็จะเป็นร่างเทพสุริยะของเขาแทน

เส้นทางไปสู่ร่างมหาเทพนิรันดร์โหดร้ายอย่างแท้จริง…

มู่เฉินถอนหายใจก่อนที่จะสงบสติอารมณ์ จากนั้นก็โบกมืออีกครั้งแสงแวววาวพุ่งเข้ามาหาเขาจากที่ไกล

นี่คือป้ายหินสีดำ อาวุธมหสวรรค์ที่จาโหลหลัวใช้—ป้ายขวางสมุทร

“สมเป็นอาวุธมหสวรรค์ของแท้ ไม่ได้รับอันตรายอะไรภายใต้การโจมตี” มู่เฉินจับป้ายขวางสมุทรด้วยความยินดีในดวงตา

พลังของป้ายขวางสมุทรไม่ได้ด้อยไปกว่าพัดเทพสายลม กระทั่งจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นต้นก็ใช่ว่าจะมีในครอบครองทุกคน นั่นหมายความว่าตอนนี้เขามีอาวุธทั้งหมดถึงสองชิ้น ซึ่งนี่ทำให้แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนยังอิจฉา

มู่เฉินโยนป้ายในมือเล่น แต่เขายังไม่ได้ชำระ แม้ว่าจาโหลหลัวจะตายไปแล้ว แต่นี่ก็เป็นวัตถุที่มอบให้โดยประมุขตำหนักเทพปีศาจลู่หยวน ใครจะรู้อีกฝ่ายอาจทิ้งวิธีลับไว้ก็ได้ ดังนั้นเพื่อความปลอดภัยควรรอจนกว่าทุกอย่างจะสงบลงก่อนที่จะชำระ

ในตอนนี้เขามีสิ่งที่สำคัญกว่าที่ต้องทำ

หลังจากได้ของมาแล้วมู่เฉินก็หันกลับมองไปที่แท่นบูชาโบราณด้วยดวงตาโชนแสง

เขาไปปรากฏตัวที่ใต้แท่นบูชา ดึงพลังกลับก่อนที่จะเดินขึ้นไปบนแท่น

รูปปั้นหินพร้อมกับหน้ากระดาษทองคำลอยอยู่ด้านบนสลักด้วยข้อความโบราณที่ทำให้มู่เฉินรู้สึกครั่นคร้ามจากก้นบึ้งของหัวใจ

มู่เฉินมองไปที่หน้ากระดาษร่างกายก็สั่นสะท้าน ในขณะนี้หัวใจของเขาเต้นระรัวไปหมด

เป้าหมายที่เขาทำงานอย่างหนักมาตลอดในที่สุดก็อยู่เบื้องหน้าแล้ว

ตราบใดที่เขาได้รับหน้ากระดาษทองคำนี้ เขาก็จะสามารถพัฒนาร่างเทพสุริยะให้กลายเป็นร่างเทพสุริยะนิรันดร์และก้าวขึ้นสู่การเป็นยอดยุทธ์…

มู่เฉินยื่นมือที่สั่นเทาออกไป ลูกแสงสีดำที่เกิดจากร่างเทพสุริยะของจาโหลหลัวก็พุ่งออกไปตกลงไปบนแท่นบูชา

ฮึ่ม

ลูกแสงสีดำแตกออกกลายเป็นเปลวไฟสีดำห่อหุ้มหน้ากระดาษทองคำอย่างช้าๆ

ขณะนั้นเกลียวแสงสีทองจำนวนนับไม่ถ้วนก็เปล่งออกมาจากหน้ากระดาษ กลั่นออกมาเป็นหินหนืดสีทอง แม้แต่มิติยังแสดงสัญญาณของการพังทลายจากพลัง

ทว่าสายตาของมู่เฉินกลับจับจ้องไปที่หินหนืด เขาสามารถมองเห็นอักขระเล็กๆ มากมายที่ไหลเวียนอยู่ภายใน

หินหนืดรวมตัวเป็นทะเลสาบสีทองเหนือแท่นบูชาพร้อมกับพลังงานน่ากลัวเอิบอาบออกมา ซึ่งสามารถทำลายทุกสรรพสิ่งได้

หินหนืดสีทองดูเหมือนจะเดือดพล่านจนถึงจุดที่เปลวไฟสีทองเริ่มลุกโชนก่อตัวเป็นคำโบราณลอยอยู่เบื้องหน้ามู่เฉิน

ร่างเทห์สวรรค์เข้าสู่ทะเลสาบศักดิ์สิทธิ์ เปลี่ยนกายเป็นร่างสีทอง

มู่เฉินจ้องมองคำพูดเหล่านั้นก็กลืนน้ำลายอึกใหญ่ แม้ยังไม่สัมผัสแต่เขาก็สัมผัสได้ถึงพลังน่าสะพรึงกลัวภายใน

แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นต้นก็ยังไม่กล้าที่จะปล่อยให้ร่างเทห์สวรรค์เข้าไป เพราะคงจะสลายกลายเป็นควันในทันที

ทว่าแม้มู่เฉินจะหวั่นเกรง แต่เขาไม่ใช่คนไม่เด็ดขาด เขาทำงานหนักมาหลายปีก็เพื่อช่วงเวลานี้ ดังนั้นแม้ว่าจะต้องเสี่ยงชีวิตเขาก็จะไม่ลังเลเลยสักอึดใจ

ฮา

มู่เฉินหายใจเข้าลึก สีหน้าเปลี่ยนไปรุนแรง โดยไม่ลังเลใดๆ เขาวาดตราประทับเรียกร่างเทพสุริยะของตัวเองออกมา

เขาเงยหน้ามองไปที่ร่างเทพสุริยะที่อยู่ข้างหลัง จากนั้นมันก็ก้าวออกไปมุ่งหน้าไปยังทะเลสาบลาวาสีทองที่ลุกเป็นไฟ

มู่เฉินก็นั่งลงมองไปที่ทะเลสาบที่กลืนกินร่างเทพของเขาในเวลานี้ ก่อนที่เขาจะค่อยๆ หลับตาลง

หลังจากทำงานหนักมาหลายปี…

ในที่สุดช่วงเวลานี้ก็มาถึง!

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler ฟรี ได้ที่ novel-fast 


เรื่องย่อ

โดย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler บางส่วนของนิยาย

บทนำ

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป

‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้

แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์

แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว

ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ

เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง?

ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน…

เรื่องย่อ

เมื่อคำพูดของมู่เฉินกระจายออกไป ไม่เพียงแต่จะไม่มีการตอบสนอง แม้แต่ด้านนอกเจดีย์ก็ถูกห่อหุ้มด้วยบรรยากาศราวกับป่าช้า…

ทุกคนตกตะลึงไปกับฉากนี้ พวกเขาจ้องมองจุดที่ลู่สุยหายตัวไป ราวกับว่ายังไม่สามารถฟื้นจากอาการตะลึงงันที่เกิดขึ้นได้

ก่อนหน้าเมื่อลู่สุยออกกระบวนท่าที่น่าสะพรึง ผู้คนส่วนใหญ่ก็คิดว่าผลลัพธ์ของการต่อสู้ได้ถูกกำหนดแล้ว ทว่าพวกเขาไม่คิดเลยว่ามู่เฉินจะพลิกสถานการณ์ได้อีกครั้ง เตะลู่สุยที่เหมือนจะคว้าชัยชนะออกไป

ทุกคนตะลึงไปพักใหญ่ ก่อนที่พวกเขาจะหลุดออกจากอาการได้ สายตาเคร่งเครียดลง การประลองกันครั้งนี้มู่เฉินไม่ได้ใช้ค่ายกล แต่เขาก็สามารถเอาชนะจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดอย่างลู่สุยได้ด้วยความแข็งแกร่งที่อยู่ในขั้นหกเท่านั้น แม้ว่าจะมีผลจากลู่สุยประมาทเองในตอนแรก แต่นั่นก็แสดงให้เห็นว่ามู่เฉินน่ากลัวแค่ไหน

พลังเช่นนี้เขาสามารถเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์อันดับต้นๆ ในเจดีย์ฝึกพลังกายได้เลยทีเดียว

ทางฝั่งกลุ่มกระเรียนฟ้า ใบหน้าของหลิ่วชิงกลายเป็นเขียวสลับขาว นางมองไปที่ร่างสูงโปร่งบนหน้าจอ กลืนน้ำลายเหนียวหนืด ความกลัวปรากฏในดวงตาของนางเป็นครั้งแรก

มาถึงจุดนี้นางคงโง่แน่ถ้ายังคิดปฏิบัติต่อมู่เฉินเหมือนกับจอมยุทธ์ขั้นหกทั่วไป

ด้วยพลังในการต่อสู้ที่เขาแสดงออกมา บวกกับค่ายกลทรงพลัง แม้แต่จงเถิงก็ยากจะได้เปรียบหากพวกเขาต่อสู้กัน

ก่อนหน้านี้นางหัวเราะเยาะและมองจิ่วโยวด้วยความดูถูก แต่ตอนนี้นางอายแทบแทรกแผ่นดินหนี ซึ่งจุดนี้รู้ได้จากสายตาเยาะเย้ยเหล่านั้นที่ปรายมองเข้ามา

“ทำไมมู่เฉินถึงทรงพลังเช่นนี้?” จงฮั้วที่พ่ายแพ้ให้กับมู่เฉินก็มีสีหน้าเคร่งขรึมเช่นกัน ก่อนหน้านี้เขาเคยคิดเช่นกันว่ามู่เฉินพึ่งพาเพียงค่ายกลเพื่อจัดการกับศัตรู แต่ใครจะคิดว่าเมื่อไม่มีการใช้ค่ายกลมู่เฉินก็สามารถเอาชนะลู่สุยแบบดุร้ายยิ่งกว่าอะไร

“ดูเหมือนว่ามีเพียงพี่ใหญ่จงเถิงเท่านั้นที่สามารถจัดการกับเขาได้” จอมยุทธ์อีกคนของเผ่ากระเรียนฟ้าพยักหน้า

หลิ่วชิงพยักหน้าเบาๆ ไม่เพียงแต่พวกเขาจะพิจารณาพลังของมู่เฉินพลาดไปเท่านั้น แม้แต่จงเถิงก็ตัดสินอีกฝ่ายผิดไป ชายคนนั้นเป็นสัตว์ประหลาดอย่างแท้จริง

ฟิ้ว!

ขณะที่นอกเจดีย์ต่างตกตะลึงกับผลลัพธ์ที่มู่เฉินนำมา ทันใดนั้นแสงก็กะพริบบนแท่นนอกเจดีย์ ร่างน่าสังเวชปรากฏขึ้น

เมื่อร่างนั้นออกมาก็รีบถอยกลับไปปรากฏตัวขึ้นในกลุ่มอีกาสายฟ้าทันควัน นี่ก็คือลู่สุยที่มีสีหน้าซีดขาว คลื่นหลิงของเขาถดถอยลงอย่างมาก

สายตาโดยรอบยิงเข้าหาในเวลานี้ทันที

ใบหน้าของลู่สุยเขียวคล้ำ สายตาเกลียดชังมองไปที่มู่เฉินที่อยู่บนหน้าจอ ก่อนที่จะหันหัวสาดสายตาดุร้ายใส่จิ่วโยวและมั่วหลิง ที่ข้างๆ พรรคพวกของเขาก็มีท่าทางไม่ดีเช่นกัน

ทว่าจิ่วโยวไม่กลัวที่จะเผชิญหน้ากับสายตาเหล่านั้น นางเค้นเสียงอย่างเย็นชา “ลูกหมาที่ถูกฟาดยังกล้าที่จะออกมาแยกเขี้ยวอีกเหรอ?”

ตอนนี้ลู่สุยบาดเจ็บสาหัส สูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไปหมด ส่วนคนที่เหลือก็ไม่มีอะไรต้องกลัว หากพวกเขากล้าที่จะคิดบัญชีกับพวกนาง จิ่วโยวก็ไม่คิดปล่อยพวกเขาไว้เป็นภัยคุกคามในอนาคตหรอก

สายตาแสดงความเกลียดชังของลู่สุยจ้องเขม็งอยู่ที่จิ่วโยว แต่สุดท้ายเขาก็ต้องถอนสายตาออกไปอย่างไม่เต็มใจ ก่อนที่จะถอยกลับนั่งลงบนซากปรักหักพังเข้าสมาธิเพื่อฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ

จอมยุทธ์กลุ่มอีกาสายฟ้าก็ปรากฏรอบตัวเขาเพื่อปกป้อง

เมื่อจิ่วโยวเห็นการตอบสนองนั่น นางก็ไม่ได้ใส่ใจกับพวกเขาอีก นางมองไปที่หน้าจออีกครั้งโดยพุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่ร่างเงาอ่อนเยาว์ มือที่กำแน่นผ่อนคลายลง

เห็นได้ชัดว่านี่เป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงสำหรับนางที่มู่เฉินจะเอาชนะได้เด็ดขาดแบบนี้ นั่นเป็นเพราะตามการประเมินของนางแม้ว่ามู่เฉินจะยืนยงอยู่ได้ก็เป็นยากที่จะเอาชนะลู่สุยด้วยขุมพลังจื้อจุนขั้นหกและถ้าการต่อสู้ถูกลากไปจนสุดอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบคาดไม่ถึง

ทว่าผลลัพธ์สุดท้ายที่ได้ก็ทำให้นางทั้งประหลาดใจและดีใจ

เห็นได้ชัดว่ามู่เฉินได้รับประโยชน์มหาศาลจากสามชั้นแรกของเจดีย์ฝึกพลังกาย ไม่เช่นนั้นเขาไม่สามารถแสดงพลังเป็นที่ประจักษ์เช่นนี้ได้

“ว่ากันว่าในชั้นสี่มหัศจรรย์กว่านี้มาก หากใครสามารถเข้าไปได้ พวกเขาจะสามารถได้รับผลประโยชน์เกินกว่าสามชั้นแรกมาก…”

จิ่วโยวยิ้มบาง ดูจากสถานการณ์ปัจจุบันไม่น่ามีปัญหาใดๆ ที่มู่เฉินจะเข้าสู่ชั้นสี่ สำหรับมั่วเฟิงความแข็งแกร่งของเขาเป็นหนึ่งในอันดับต้นของกลุ่มที่เข้าไป ดังนั้นจึงไม่ยากสำหรับเขาที่จะได้หนึ่งในห้าที่นั่งนี้ไปเช่นกัน

ดูเหมือนว่าการเดินทางมาที่เจดีย์ฝึกพลังกายโบราณครั้งนี้เผ่าวิหคโลกันตร์อาจเป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

บนลานเมฆสายฟ้า

ไม่มีใครตอบคำถามของมู่เฉิน ขณะนี้แม้แต่จอมยุทธ์ทรงอำนาจอย่างหานซันและสีคุนก็ยังรู้สึกหวาดระแวงมู่เฉินอยู่บ้าง ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกที่จะไม่ไปปะทะกับมนุษย์ผู้นี้

ดังนั้นคนทั้งหมดที่อยู่ที่นี่จึงเงียบลง ก่อนที่จะถอยออกจากรัศมีโดยรอบมู่เฉินอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณบอกว่าพวกเขาไม่ต้องการต่อสู้กับเขา

เมื่อมู่เฉินเห็นภาพนี้ก็ไม่มีอารมณ์ใดบนใบหน้า แต่ในใจกลับรู้สึกโล่งอก คนอื่นๆ เห็นเพียงฉากการต่อสู้ตระการที่เขาเอาชนะลู่สุยได้ แต่พวกเขาไม่รู้หรอกว่าหมัดที่เขาชกออกไปก่อนหน้านี้คือพลังงานส่วนเกินจากสามชั้นแรก

ร่างกายของมู่เฉินก่อนหน้าเปรียบเสมือนฟองน้ำที่ดูดซับน้ำจนถึงขีดจำกัด หมัดของเขาจึงเท่ากับบีบน้ำออกจนหมด ทำให้ร่างกายที่อัดแน่นกลับสู่สภาพเดิม

ดังนั้นถ้าให้เขาโจมตีแบบนั้นอีกครั้ง พลังก็จะไม่ทรงประสิทธิภาพเหมือนเมื่อครู่แน่นอน

ประสิทธิผลพิเศษชนิดนี้ของการสะสมพลังงานในร่างกายเป็นทักษะที่ได้มาจากกายามังกรหงส์ ด้วยวิธีนี้เขาจะได้รับผลลัพธ์ที่ไม่มีใครคาดคิดไว้ กลายเป็นไพ่ลับอีกใบหนึ่ง

“คัมภีร์หลงเฟิ่งทรงพลังจริงๆ”

แม้แต่มู่เฉินก็ยังชื่นชมในสิ่งนี้ คัมภีร์หลงเฟิ่งสมแล้วที่เป็นทักษะยอดเยี่ยมแท้จริง จากการประเมินของเขาคัมภีร์นี้ต้องอยู่ในระดับเสินทงแน่นอน ซึ่งไม่ธรรมดาแม้จะอยู่ในกลุ่มวิทยายุทธระดับเสินทงด้วย

มู่เฉินชื่นชมก่อนที่จะใจเย็นลง แม้ว่าตอนนี้จะไม่มีใครท้าทายเขา แต่เขาก็ไม่ตั้งใจที่จะท้าทายคนอื่นด้วยเช่นกัน เขายืนนิ่งบนตำแหน่งตนเองรอผลการคัดออก

สำหรับจงเถิง มู่เฉินรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นพวกยุแยงให้ลู่สุยมาปะทะกับเขา แต่เนื่องจากตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ดีในการจัดการ เขาจึงได้แต่ผลักแผนไปก่อน

แต่ถึงกระนั้นสายตาคมกล้าของมู่เฉินก็ยังจ้องเขม็งไปที่จงเถิง รอบตัวเต็มไปด้วยคลื่นหลิงราวกับเสือดาวที่กำลังจะจ้องตะครุบเหยื่ออัดแน่นด้วยภัยคุกคาม

เมื่อเห็นท่าทางของมู่เฉิน จงเถิงที่ประจันหน้ากับมั่วเฟิงก็รู้สึกอึดอัดใจ เขาต้องแยกสมาธิอยู่ตลอดเพื่อจับตามองมู่เฉิน ป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายเคลื่อนไหวมาประสานพลังกับมั่วเฟิง

ด้วยวิธีนี้สมาธิของจงเถิงจึงค่อนข้างฟุ้งซ่าน สุดท้ายเขาได้แต่กัดฟัน ถอนคลื่นหลิงและถอยออกจากบริเวณของมั่วเฟิง

“พี่มั่วยากสำหรับการต่อสู้ของเราที่จะได้ข้อสรุป ทำไมเราไม่ไปจัดการคนอื่นและรับที่นั่งมาล่ะ?” ขณะที่จงเถิงถอยกลับเสียงก็สะท้อนก้องไปด้วย

มั่วเฟิงจ้องมองจงเถิงอย่างไม่แยแสก่อนที่จะพยักหน้า นั่นเป็นเพราะเขารู้ว่าหากพวกเขายังอยู่ในสถานการณ์ยืนจ้องหน้ากันก็จะไม่เกิดผลลัพธ์ใด หากเขาร่วมมือกับมู่เฉิน พวกเขาอาจทำให้จงเถิงบ้าดีเดือดขึ้นมา แม้แต่พวกเขาก็ต้องจ่ายราคามหาศาลจากการตีโต้

ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับพวกเขาคือการได้ที่นั่งเพื่อเข้าสู่ชั้นสี่

เมื่อจงเถิงเห็นคำตอบของมั่วเฟิงก็รู้สึกโล่งใจในใจ เขาถอยกลับอย่างรวดเร็วออกจากจุดที่มู่เฉินและมั่วเฟิงอยู่ เขาครุ่นคิดสั้นๆ ก่อนจะเลือกปะทะกับคนที่อ่อนแอกว่า

พอมู่เฉินเห็นจงเถิงไปแล้วก็ไม่ได้ใส่ใจอีกต่อไป สายตาหันมามองมั่วเฟิงแล้วก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้มแสดงความขอบคุณในการช่วยเหลือครั้งนี้

สายตาของมั่วเฟิงเป็นมิตรมากขึ้น คิดว่าการที่มู่เฉินเอาชนะลู่สุย ทำให้มั่วเฟิงมองมู่เฉินในฐานะจอมยุทธ์ที่อยู่ในระดับเดียวกันกับเขา ดังนั้นจึงไม่ได้มีท่าทางเฉยเมยเหมือนเมื่อก่อน

มั่วเฟิงพยักหน้าให้มู่เฉิน ก่อนที่จะหันหลังกลับและเริ่มเลือกคู่ต่อสู้ของตนเอง

ครืน!

เมื่อทุกคนเลือกคู่ต่อสู้แล้ว ทันใดนั้นคลื่นหลิงก็ระเบิดรุนแรงบนลานเมฆสายฟ้า คลื่นกระแทกกวาดออก ทำให้มิติเกิดการสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นไม่หยุด

บนลานเมฆสายฟ้าพลังงานหลิงกวาดหายนะ มีเพียงตรงมู่เฉินเท่านั้นที่ไม่ถูกรบกวน เนื่องจากไม่มีใครกล้าเหยียบเข้ามาในรัศมีพันจั้ง ยามนี้เขาเหมือนผู้ชมที่ดูการต่อสู้ติดขอบ ในเวลาเดียวกันก็บันทึกกระบวนท่าที่ทรงพลังของบางคนไว้ในสมอง

แม้ว่าในชั้นนี้พวกเขาอาจไม่ได้ประลองกัน แต่ก็ยังมีอีกสองชั้นรอพวกเขาอยู่ ใครจะสามารถรับประกันได้ว่าจะไม่มีการลดจำนวนลงในชั้นต่อไป?

ดังนั้นถ้ามีโอกาสเขาต้องพยายามจดจำข้อมูลผู้อื่นเก็บไว้

ภายใต้การสังเกตของมู่เฉิน การประลองบนลานเมฆสายฟ้าก็คงอยู่ชั่วระยะหนึ่ง ก่อนที่แต่ละคู่จะมาถึงจุดสิ้นสุด ผลลัพธ์ก็เป็นไปตามที่คาดไว้

หลังจากมู่เฉินก็เป็นหานซันที่เอาชนะคู่ต่อสู้ได้ที่นั่งที่สองไป

จากนั้นมั่วเฟิงและจงเถิงก็คว้าชัยชนะตามมา

ที่นั่งสุดท้ายตกเป็นของสีคุนที่ก่อนหน้านี้เคยแพ้หานซันที่ด้านนอกเจดีย์ ชายนี้มีความแข็งแกร่งที่น่าตกใจ แม้แต่หานซันยังต้องใช้ทักษะเต็มที่ถึงจะได้รับชัยชนะมา

เมื่อสีคุนได้รับที่นั่งสุดท้ายลานเมฆสายฟ้าขนาดใหญ่ก็เงียบลงอีกครั้ง ร่างทั้งห้ายืนอยู่ ขณะรัศมีไร้ขอบเขตทั้งห้าสายพุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าชนกันเปรี้ยงปร้าง

ทว่าการชนกันก็ดำเนินไปเพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ ก่อนที่ทั้งห้าจะถอนคลื่นพลังพร้อมกัน พวกเขาเหลือบมองกันและกัน จากนั้นก็ไม่ลังเลทะยานออกไปปรากฏตัวบนเบาะทั้งห้า

สายตาพวกเขาพุ่งตรงไปยังมิติด้านหลังลานเมฆสายฟ้าด้วยความโลภ ตรงนั้นเส้นดาวหางจำนวนมากกวาดผ่านราวกับฝนดาวตก

ในแสงเหล่านั้นแก่นหยดสายฟ้ากำลังกะพริบด้วยความแวววาว


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท