หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – ตอนที่ 1177

ตอนที่ 1177

หนึ่งในใต้หล้า 大主宰
บทที่ 1177 เปิดสิบตะวัน หัตถ์เทพปีศาจ
รูปปั้นสีฟ้าอมเขียวปรากฏในมือจาโหลหลัว

ทำให้เกิดคลื่นในหัวใจของมู่เฉิน สายตาเขาจ้องเขม็งไปที่รูปปั้นนั่น

“ฮ่าๆ…อยากรู้เหรอ?” เมื่อเห็นมู่เฉินตกตะลึง จาโหลหลัวก็หัวเราะด้วยความเยาะเย้ยในใจ

คิ้วมู่เฉินขมวดเข้าหากันแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา

ทว่าจาโหลหลัวไม่ได้ใส่ใจกับท่าทางนั่น เขาโยนรูปปั้นในมือเล่นพูดว่า “นี่เป็นวัตถุที่ข้าได้รับจากท่านประมุข ว่ากันว่าครั้งหนึ่งมีศิษย์มากพรสวรรค์เคยฝึกฝนร่างเทพสุริยะ ทว่าสุดท้ายก็ล้มเหลว ร่างเทพสุริยะของเขาก็กลายเป็นสิ่งนี้”

“วัตถุนี้อาจไม่มีประโยชน์สำหรับผู้อื่น แต่ไม่ใช่สำหรับคนที่ฝึกฝนร่างเทพสุริยะ นี่เป็นวัตถุสมบูรณ์แบบที่สามารถเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับร่างเทพสุริยะได้ชั่วคราวหากดูดซับเข้าไป”

ใบหน้าของมู่เฉินเปลี่ยนไปเล็กน้อย ที่แท้จาโหลหลัวตั้งใจจะดูดซับสิ่งนี้

“ขอโทษที แต่ครั้งนี้ดูเหมือนข้าจะเป็นคนที่หัวเราะคนสุดท้าย” จาโหลหลัวยิ้มบางให้มู่เฉิน โดยไม่ลังเลก็โยนรูปปั้นออกไป มันถูกกลืนกินโดยร่างเทพสุริยะสีดำมะเมื่อมของเขา

ตู้ม! ตู้ม!

เมื่อรูปปั้นหินสีฟ้าอมเขียวเข้าไปในปากใหญ่ ร่างเทพสุริยะสีดำก็เริ่มสั่นไหวแล้วขยายขนาดอย่างเห็นได้ชัด ในช่วงเวลาไม่กี่อึดใจก็ขยายเป็นหลายเท่าพร้อมกับความผันผวนที่น่ากลัวปะทุออกมา

ฮึ่ม ฮึ่ม

คลื่นกระแทกน่าสะพรึงของพลังงานหลิงแผ่กระจายไปทุกทิศทาง ยับยั้งแสงสีทองจากร่างเทพสุริยะของมู่เฉิน สามในสี่ของภูมิภาคนี้ปกคลุมไปด้วยแสงสีดำ

ใบหน้าของมู่เฉินก็เคร่งเครียดลงอย่างมากในเวลานี้

“ทักษะเทห์สวรรค์ หลุมปีศาจ!”

จาโหลหลัวหัวเราะร่วน จากนั้นก็คำรามดวงอาทิตย์สีดำเก้าดวงลุกโชนก่อตัวเป็นหลุมดำ ราวกับต้องกลืนกินทุกสรรพสิ่ง

เวลานี้ทักษะเทห์สวรรค์เปิดเก้าตะวันของจาโหลหลัวไปไกลเกินกว่าวิทยายุทธระดับเสินทงขั้นเล็กธรรมดาแล้ว!

เผชิญหน้ากับกระบวนท่านี้ แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเก้าระยะเต็มยังถูกกลืนกิน กระทั่งจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนก็ไม่กล้าที่จะดูถูก

“มู่เฉินตายซะ! ให้ร่างเทพสุริยะของแกกลายเป็นหินรองเท้าข้าซะ!”

จาโหลหลัวหัวเราะสาแก่ใจไม่หยุด มาถึงจุดนี้เขาอยู่ห่างจากชัยชนะก้าวเดียวเท่านั้น

จาโหลหลัวมองไปที่มู่เฉินเนื่องจากอยากเห็นสีหน้าสะพรึงกลัวที่ฉายออกมา แต่ที่ทำให้เอาอึ้งไปคือมู่เฉินที่ตกตะลึงในตอนแรกได้สงบลงแล้ว

“ถึงตอนนี้แล้วแกยังแกล้งไม่กลัวอีกเรอะ! เรียกร้องหาความตายจริงๆ!” สายตาของจาโหลหลัวมืดครึ้มขณะเค้นเสียงขึ้นจมูก

เผชิญหน้ากับการเสียดสีมู่เฉินก็ไม่ใส่ใจ เขาสูดหายใจเข้าลึกก่อนมองไปที่หลุมดำด้วยประกายประหลาดใจในแววตา

“ไม่คิดว่าแกจะสามารถเร้าพลังคลื่นเก้าตะวันมาถึงระดับนี้”

จาโหลหลัวเย้ยเสียง “นี่คือพลังขีดสูงสุดของร่างเทพสุริยะแล้ว ซึ่งพิสูจน์ให้เห็นว่ามีเพียงข้าเท่านั้นที่มีคุณสมบัติที่จะพัฒนาไปสู่ร่างเทพสุริยะนิรันดร์!”

“ขีดสูงสุดแล้วเรอะ?”

มู่เฉินพึมพำ จากนั้นรอยยิ้มก็ปราฏบนใบหน้า เขาเงยหน้าขึ้นมองไปที่จาโหลหลัว “ข้าไม่คิดอย่างนั้น”

สีหน้าของจาโหลหลัวเปลี่ยนไปจากคำพูดของมู่เฉิน ขณะที่กำลังจะโต้ตอบอะไรบางอย่าง ก็ได้ยินเสียงมู่เฉินดังก้อง “กระทั่งยืมพลังจากรูปปั้น เจ้าก็ยังอยู่ในขั้นเปิดเก้าตะวันเท่านั้น”

“แต่ขีดจำกัดของร่างเทพสุริยะอาจไม่ได้อยู่แค่เก้าตะวัน”

จาโหลหลัวยิ้มน่าขนลุก “เปิดเก้าตะวันไม่ใช่ขีดจำกัดเหรอ? เฮ้ ไอ้งี่เง่า มีเก้าเมล็ดในร่างเทพสุริยะ ซึ่งเราสองคนได้จุดชนวนหมดแล้ว แกบอกว่านี่ไม่ใช่ขีดจำกัด หรือแกจะสร้างดวงตะวันดวงที่สิบขึ้นมาได้?”

เมื่อฝึกร่างเทพสุริยะสำเร็จก็จะก่อกำเนิดเมล็ดผลึกมหาตะวันทั้งเก้าซึ่งเป็นทักษะเทห์สวรรค์ แต่ตอนนี้มู่เฉินอ้างว่าเปิดเก้าตะวันไม่ใช่ขีดจำกัด แล้วขีดจำกัดอยู่ที่ไหน?

“เปิดสิบตะวัน”

มู่เฉินมองไปที่จาโหลหลัวด้วยรอยยิ้มประหลาดขณะพูดต่อ “แล้วนั่นไม่ใช่เปิดสิบตะวันเหรอ?”

จาโหลหลัวมองตามสายตามู่เฉิน ทันใดนั้นก็สั่นสะท้านในใจ เพราะมู่เฉินกำลังจ้องมองดวงตะวันพราวแสงที่ด้านหลังศีรษะร่างเทพสุริยะ

ใบหน้าของจาโหลหลัวบิดเบี้ยวไปมา “แกโง่หรือเปล่า? ดวงตะวันนั่นเป็นเพียงรูปลักษณ์ของร่างเทพสุริยะเท่านั้น!”

เขาเคยลองสัมผัสดวงตะวันนั่นแล้ว แต่ก็ไม่มีผลลัพธ์ใดๆ คลื่นหลิงที่ถูกเทลงไปนอกจากทำให้สว่างขึ้นก็ไม่มีประโยชน์อะไรเลย

ในมุมมองของจาโหลหลัวนั่นเป็นเพียงรูปลักษณ์ภายนอกของร่างเทพสุริยะเท่านั้น

“งั้นเหรอ?”

มู่เฉินยิ้ม จากนั้นก็ไม่พูดอะไรอีก เขานั่งลงบนศีรษะร่างเทพสุริยะ มือทั้งสองข้างวาดตราประทับ

ฮึ่ม

ทันทีที่เขาวาดตราประทับ ดวงตะวันที่อยู่ด้านหลังศีรษะร่างเทพสุริยะก็ส่งเสียงครางกระหึ่ม ลำแสงสีทองจำนวนมากพวยพุ่งออกมายึดครองฟ้าดินที่ถูกย้อมด้วยหลุมดำ นอกจากนี้ไม่ว่าหลุมดำปีศาจจะทรงพลังเพียงใด แต่ก็ไม่สามารถกลืนกินพลังงานเกลียวสีทองเหล่านั้นได้

ความผันผวนของคลื่นหลิงที่น่าสะพรึงกลัวแผ่ออกมาจากดวงตะวันสีทองดวงนั้น

จาโหลหลัวรู้สึกว่าหนังหัวชาหนึบจากคลื่นพลังนั่นก่อนที่จะอุทานว่า “แกมีคลื่นหลิงน่ากลัวแบบนี้ได้ยังไง?”

มู่เฉินตอบอย่างใจเย็น “พวกเจ้าอยากรู้ไม่ใช่เหรอว่าทำไมการชำระล้างที่สมบูรณ์แบบของข้าถึงดูธรรมดาขนาดนั้น”

จาโหลหลัวตะลึงก่อนที่ใบหน้าจะเปลี่ยนไปรุนแรง “กะ…แกนำพลังชำระล้างขั้นสมบูรณ์ใส่ไปในดวงตะวันนั่นเรอะ? แกบ้าไปแล้ว!”

“คลื่นหลิงที่จำเป็นในการกระตุ้นดวงตะวันดวงที่สิบไปไกลเกินกว่าจินตนาการของแก” มู่เฉินยิ้มบางจากนั้นก็พูดต่อ “แม้ว่าการชำระล้างขั้นสมบูรณ์จะช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับข้าได้ แต่ก็ไม่ทำให้ข้าบรรลุระดับตี้จือจุน ในเมื่อเป็นเช่นนั้นทำไมข้าไม่ใช้มันเพื่อเพิ่มพลังและพนันดูว่าการคาดเดาของตัวเองถูกต้องรึเปล่าล่ะ?”

อันที่จริงดวงตะวันที่สิบก็เป็นเพียงการคาดเดาของมู่เฉิน ตอนแรกเขาไม่มั่นใจในเรื่องนี้เช่นกัน แต่ก็ยังคิดทำอยู่ดี

ใบหน้าของจาโหลหลัวบิดเบี้ยว เขานึกไม่ถึงว่ามู่เฉินจะละการชำระล้างขั้นสมบูรณ์ไปสำหรับความไม่แน่นอน

แต่สิ่งที่ทำให้เขาสูญเสียความสงบก็คือความจริงที่มู่เฉินดันประสบความสำเร็จในการพนัน… เจ้านั่นสามารถกระตุ้นดวงตะวันดวงที่สิบได้!

เมื่อมองไปที่ดวงตะวันสีทองขนาดใหญ่ความกลัวก็เริ่มกวนตัวขึ้นในใจของจาโหลหลัว

“อย่าคิดแกล้งทำท่าเขย่าหัวใจข้า ตายซะ!”

ในสุดท้ายจาโหลหลัวก็แผดเสียงคำราม ตอนนี้เขาไม่มีทางถอยอีกแล้ว แม้ว่าจะเป็นเส้นทางมรณะเขาก็ต้องฝ่าไปให้ได้

ตราประทับในมือจาโหลหลัวเปลี่ยนแปลงเร็วรี่ หลุมดำปีศาจบีบกดลงมาหามู่เฉิน

เมื่อมองไปที่หลุมดำปีศาจที่แหวกฉีกมิติ มู่เฉินก็หายใจเข้าลึกใบหน้าดูเคร่งขรึมลงหลายส่วนพลางวาดตราประทับ

ฮึ่ม ฮึ่ม

ดวงตะวันทั้งเก้าดวงเคลื่อนขึ้นมาจากร่างเทพสุริยะแยกออกมาโคจรอยู่รอบๆ

ดวงตะวันดวงใหญ่ที่สุดเป็นจุดศูนย์กลางโดยมีดวงตะวันเก้าดวงหมุนโคจรโดยรอบ

ฮึ่ม ฮึ่ม

จากนั้นแต่ละดวงเริ่มเพิ่มความเร็วก่อนที่จะสัมผัสกับดวงตะวันดวงที่สิบ เกลียวแสงสีทองขนาดใหญ่แผ่ซ่านออกไป

ฟ้าดินถูกย้อมเป็นสีทองอร่าม

ขณะเดียวกันเสียงสะท้อนไม่แยแสของมู่เฉินก็ดังก้อง “ทักษะเทห์สวรรค์ คลื่นสิบตะวัน! เปิดสิบตะวันสิบ!”

“หัตถ์เทพปีศาจ!”

เกลียวแสงสีทองก่อตัวเป็นมือขนาดใหญ่โดยมีดวงตะวันทั้งสิบดวงสลักไว้ช่างดูสมบูรณ์แบบอย่างไม่น่าเชื่อพร้อมกับอำนาจอันเป็นเอกลักษณ์

เมื่อมองจากระยะไกลมือขนาดใหญ่ก็พุ่งลงมาจากท้องฟ้าพร้อมกับความกดดันที่อธิบายไม่ได้แผ่ออกมาบดขยี้หลุมดำปีศาจ

ปัง!

หลุมดำปีศาจที่ทำให้มู่เฉินรู้สึกกริ่งเกรงเปราะบางราวกับไข่ในขณะนี้ มันแตกตัวเสี่ยงๆ คลื่นหลิงสีดำก็กวาดหายนะออกไป ทว่าก็ไม่สามารถแม้แต่จะสั่นสะเทือนมือทองคำได้และสลายไปอย่างรวดเร็วภายใต้การกำจัดของเกลียวแสงสีทอง

การปราบปรามทั้งหมดสมบูรณ์แบบ!

อ็อก!

เมื่อหลุมดำปีศาจถูกบดขยี้ จาโหลหลัวก็กระอักเลือดออกจากปากพร้อมกับความหวาดกลัวอัดแน่นในดวงตา เขาไม่อาจจินตนาการได้ว่าการโจมตีที่ทรงพลังที่สุดของตนเองจะพ่ายแพ้อย่างง่ายดายเพียงนี้

หนี!

ใบหน้าของจาโหลหลัวเปลี่ยนเป็นซีดขาว เขารู้ว่าศึกยกนี้แพ้แน่ ถ้าไม่หนีตอนนี้ก็คงตายคาที่

เมื่อความคิดนี้วาบขึ้นในใจจาโหลหลัวก็ถอยหนีไปทันที

แต่ขณะที่กำลังจะหนีท้องฟ้าก็สว่างวาบ เขาเห็นมือขนาดใหญ่ทะลุผ่านมิติกดทับเข้ามาหาตัวเขาเบาๆ

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler ฟรี ได้ที่ novel-fast 


เรื่องย่อ

โดย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler บางส่วนของนิยาย

บทนำ

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป

‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้

แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์

แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว

ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ

เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง?

ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน…

เรื่องย่อ

เมื่อคำพูดของมู่เฉินกระจายออกไป ไม่เพียงแต่จะไม่มีการตอบสนอง แม้แต่ด้านนอกเจดีย์ก็ถูกห่อหุ้มด้วยบรรยากาศราวกับป่าช้า…

ทุกคนตกตะลึงไปกับฉากนี้ พวกเขาจ้องมองจุดที่ลู่สุยหายตัวไป ราวกับว่ายังไม่สามารถฟื้นจากอาการตะลึงงันที่เกิดขึ้นได้

ก่อนหน้าเมื่อลู่สุยออกกระบวนท่าที่น่าสะพรึง ผู้คนส่วนใหญ่ก็คิดว่าผลลัพธ์ของการต่อสู้ได้ถูกกำหนดแล้ว ทว่าพวกเขาไม่คิดเลยว่ามู่เฉินจะพลิกสถานการณ์ได้อีกครั้ง เตะลู่สุยที่เหมือนจะคว้าชัยชนะออกไป

ทุกคนตะลึงไปพักใหญ่ ก่อนที่พวกเขาจะหลุดออกจากอาการได้ สายตาเคร่งเครียดลง การประลองกันครั้งนี้มู่เฉินไม่ได้ใช้ค่ายกล แต่เขาก็สามารถเอาชนะจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดอย่างลู่สุยได้ด้วยความแข็งแกร่งที่อยู่ในขั้นหกเท่านั้น แม้ว่าจะมีผลจากลู่สุยประมาทเองในตอนแรก แต่นั่นก็แสดงให้เห็นว่ามู่เฉินน่ากลัวแค่ไหน

พลังเช่นนี้เขาสามารถเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์อันดับต้นๆ ในเจดีย์ฝึกพลังกายได้เลยทีเดียว

ทางฝั่งกลุ่มกระเรียนฟ้า ใบหน้าของหลิ่วชิงกลายเป็นเขียวสลับขาว นางมองไปที่ร่างสูงโปร่งบนหน้าจอ กลืนน้ำลายเหนียวหนืด ความกลัวปรากฏในดวงตาของนางเป็นครั้งแรก

มาถึงจุดนี้นางคงโง่แน่ถ้ายังคิดปฏิบัติต่อมู่เฉินเหมือนกับจอมยุทธ์ขั้นหกทั่วไป

ด้วยพลังในการต่อสู้ที่เขาแสดงออกมา บวกกับค่ายกลทรงพลัง แม้แต่จงเถิงก็ยากจะได้เปรียบหากพวกเขาต่อสู้กัน

ก่อนหน้านี้นางหัวเราะเยาะและมองจิ่วโยวด้วยความดูถูก แต่ตอนนี้นางอายแทบแทรกแผ่นดินหนี ซึ่งจุดนี้รู้ได้จากสายตาเยาะเย้ยเหล่านั้นที่ปรายมองเข้ามา

“ทำไมมู่เฉินถึงทรงพลังเช่นนี้?” จงฮั้วที่พ่ายแพ้ให้กับมู่เฉินก็มีสีหน้าเคร่งขรึมเช่นกัน ก่อนหน้านี้เขาเคยคิดเช่นกันว่ามู่เฉินพึ่งพาเพียงค่ายกลเพื่อจัดการกับศัตรู แต่ใครจะคิดว่าเมื่อไม่มีการใช้ค่ายกลมู่เฉินก็สามารถเอาชนะลู่สุยแบบดุร้ายยิ่งกว่าอะไร

“ดูเหมือนว่ามีเพียงพี่ใหญ่จงเถิงเท่านั้นที่สามารถจัดการกับเขาได้” จอมยุทธ์อีกคนของเผ่ากระเรียนฟ้าพยักหน้า

หลิ่วชิงพยักหน้าเบาๆ ไม่เพียงแต่พวกเขาจะพิจารณาพลังของมู่เฉินพลาดไปเท่านั้น แม้แต่จงเถิงก็ตัดสินอีกฝ่ายผิดไป ชายคนนั้นเป็นสัตว์ประหลาดอย่างแท้จริง

ฟิ้ว!

ขณะที่นอกเจดีย์ต่างตกตะลึงกับผลลัพธ์ที่มู่เฉินนำมา ทันใดนั้นแสงก็กะพริบบนแท่นนอกเจดีย์ ร่างน่าสังเวชปรากฏขึ้น

เมื่อร่างนั้นออกมาก็รีบถอยกลับไปปรากฏตัวขึ้นในกลุ่มอีกาสายฟ้าทันควัน นี่ก็คือลู่สุยที่มีสีหน้าซีดขาว คลื่นหลิงของเขาถดถอยลงอย่างมาก

สายตาโดยรอบยิงเข้าหาในเวลานี้ทันที

ใบหน้าของลู่สุยเขียวคล้ำ สายตาเกลียดชังมองไปที่มู่เฉินที่อยู่บนหน้าจอ ก่อนที่จะหันหัวสาดสายตาดุร้ายใส่จิ่วโยวและมั่วหลิง ที่ข้างๆ พรรคพวกของเขาก็มีท่าทางไม่ดีเช่นกัน

ทว่าจิ่วโยวไม่กลัวที่จะเผชิญหน้ากับสายตาเหล่านั้น นางเค้นเสียงอย่างเย็นชา “ลูกหมาที่ถูกฟาดยังกล้าที่จะออกมาแยกเขี้ยวอีกเหรอ?”

ตอนนี้ลู่สุยบาดเจ็บสาหัส สูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไปหมด ส่วนคนที่เหลือก็ไม่มีอะไรต้องกลัว หากพวกเขากล้าที่จะคิดบัญชีกับพวกนาง จิ่วโยวก็ไม่คิดปล่อยพวกเขาไว้เป็นภัยคุกคามในอนาคตหรอก

สายตาแสดงความเกลียดชังของลู่สุยจ้องเขม็งอยู่ที่จิ่วโยว แต่สุดท้ายเขาก็ต้องถอนสายตาออกไปอย่างไม่เต็มใจ ก่อนที่จะถอยกลับนั่งลงบนซากปรักหักพังเข้าสมาธิเพื่อฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ

จอมยุทธ์กลุ่มอีกาสายฟ้าก็ปรากฏรอบตัวเขาเพื่อปกป้อง

เมื่อจิ่วโยวเห็นการตอบสนองนั่น นางก็ไม่ได้ใส่ใจกับพวกเขาอีก นางมองไปที่หน้าจออีกครั้งโดยพุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่ร่างเงาอ่อนเยาว์ มือที่กำแน่นผ่อนคลายลง

เห็นได้ชัดว่านี่เป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงสำหรับนางที่มู่เฉินจะเอาชนะได้เด็ดขาดแบบนี้ นั่นเป็นเพราะตามการประเมินของนางแม้ว่ามู่เฉินจะยืนยงอยู่ได้ก็เป็นยากที่จะเอาชนะลู่สุยด้วยขุมพลังจื้อจุนขั้นหกและถ้าการต่อสู้ถูกลากไปจนสุดอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบคาดไม่ถึง

ทว่าผลลัพธ์สุดท้ายที่ได้ก็ทำให้นางทั้งประหลาดใจและดีใจ

เห็นได้ชัดว่ามู่เฉินได้รับประโยชน์มหาศาลจากสามชั้นแรกของเจดีย์ฝึกพลังกาย ไม่เช่นนั้นเขาไม่สามารถแสดงพลังเป็นที่ประจักษ์เช่นนี้ได้

“ว่ากันว่าในชั้นสี่มหัศจรรย์กว่านี้มาก หากใครสามารถเข้าไปได้ พวกเขาจะสามารถได้รับผลประโยชน์เกินกว่าสามชั้นแรกมาก…”

จิ่วโยวยิ้มบาง ดูจากสถานการณ์ปัจจุบันไม่น่ามีปัญหาใดๆ ที่มู่เฉินจะเข้าสู่ชั้นสี่ สำหรับมั่วเฟิงความแข็งแกร่งของเขาเป็นหนึ่งในอันดับต้นของกลุ่มที่เข้าไป ดังนั้นจึงไม่ยากสำหรับเขาที่จะได้หนึ่งในห้าที่นั่งนี้ไปเช่นกัน

ดูเหมือนว่าการเดินทางมาที่เจดีย์ฝึกพลังกายโบราณครั้งนี้เผ่าวิหคโลกันตร์อาจเป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

บนลานเมฆสายฟ้า

ไม่มีใครตอบคำถามของมู่เฉิน ขณะนี้แม้แต่จอมยุทธ์ทรงอำนาจอย่างหานซันและสีคุนก็ยังรู้สึกหวาดระแวงมู่เฉินอยู่บ้าง ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกที่จะไม่ไปปะทะกับมนุษย์ผู้นี้

ดังนั้นคนทั้งหมดที่อยู่ที่นี่จึงเงียบลง ก่อนที่จะถอยออกจากรัศมีโดยรอบมู่เฉินอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณบอกว่าพวกเขาไม่ต้องการต่อสู้กับเขา

เมื่อมู่เฉินเห็นภาพนี้ก็ไม่มีอารมณ์ใดบนใบหน้า แต่ในใจกลับรู้สึกโล่งอก คนอื่นๆ เห็นเพียงฉากการต่อสู้ตระการที่เขาเอาชนะลู่สุยได้ แต่พวกเขาไม่รู้หรอกว่าหมัดที่เขาชกออกไปก่อนหน้านี้คือพลังงานส่วนเกินจากสามชั้นแรก

ร่างกายของมู่เฉินก่อนหน้าเปรียบเสมือนฟองน้ำที่ดูดซับน้ำจนถึงขีดจำกัด หมัดของเขาจึงเท่ากับบีบน้ำออกจนหมด ทำให้ร่างกายที่อัดแน่นกลับสู่สภาพเดิม

ดังนั้นถ้าให้เขาโจมตีแบบนั้นอีกครั้ง พลังก็จะไม่ทรงประสิทธิภาพเหมือนเมื่อครู่แน่นอน

ประสิทธิผลพิเศษชนิดนี้ของการสะสมพลังงานในร่างกายเป็นทักษะที่ได้มาจากกายามังกรหงส์ ด้วยวิธีนี้เขาจะได้รับผลลัพธ์ที่ไม่มีใครคาดคิดไว้ กลายเป็นไพ่ลับอีกใบหนึ่ง

“คัมภีร์หลงเฟิ่งทรงพลังจริงๆ”

แม้แต่มู่เฉินก็ยังชื่นชมในสิ่งนี้ คัมภีร์หลงเฟิ่งสมแล้วที่เป็นทักษะยอดเยี่ยมแท้จริง จากการประเมินของเขาคัมภีร์นี้ต้องอยู่ในระดับเสินทงแน่นอน ซึ่งไม่ธรรมดาแม้จะอยู่ในกลุ่มวิทยายุทธระดับเสินทงด้วย

มู่เฉินชื่นชมก่อนที่จะใจเย็นลง แม้ว่าตอนนี้จะไม่มีใครท้าทายเขา แต่เขาก็ไม่ตั้งใจที่จะท้าทายคนอื่นด้วยเช่นกัน เขายืนนิ่งบนตำแหน่งตนเองรอผลการคัดออก

สำหรับจงเถิง มู่เฉินรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นพวกยุแยงให้ลู่สุยมาปะทะกับเขา แต่เนื่องจากตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ดีในการจัดการ เขาจึงได้แต่ผลักแผนไปก่อน

แต่ถึงกระนั้นสายตาคมกล้าของมู่เฉินก็ยังจ้องเขม็งไปที่จงเถิง รอบตัวเต็มไปด้วยคลื่นหลิงราวกับเสือดาวที่กำลังจะจ้องตะครุบเหยื่ออัดแน่นด้วยภัยคุกคาม

เมื่อเห็นท่าทางของมู่เฉิน จงเถิงที่ประจันหน้ากับมั่วเฟิงก็รู้สึกอึดอัดใจ เขาต้องแยกสมาธิอยู่ตลอดเพื่อจับตามองมู่เฉิน ป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายเคลื่อนไหวมาประสานพลังกับมั่วเฟิง

ด้วยวิธีนี้สมาธิของจงเถิงจึงค่อนข้างฟุ้งซ่าน สุดท้ายเขาได้แต่กัดฟัน ถอนคลื่นหลิงและถอยออกจากบริเวณของมั่วเฟิง

“พี่มั่วยากสำหรับการต่อสู้ของเราที่จะได้ข้อสรุป ทำไมเราไม่ไปจัดการคนอื่นและรับที่นั่งมาล่ะ?” ขณะที่จงเถิงถอยกลับเสียงก็สะท้อนก้องไปด้วย

มั่วเฟิงจ้องมองจงเถิงอย่างไม่แยแสก่อนที่จะพยักหน้า นั่นเป็นเพราะเขารู้ว่าหากพวกเขายังอยู่ในสถานการณ์ยืนจ้องหน้ากันก็จะไม่เกิดผลลัพธ์ใด หากเขาร่วมมือกับมู่เฉิน พวกเขาอาจทำให้จงเถิงบ้าดีเดือดขึ้นมา แม้แต่พวกเขาก็ต้องจ่ายราคามหาศาลจากการตีโต้

ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับพวกเขาคือการได้ที่นั่งเพื่อเข้าสู่ชั้นสี่

เมื่อจงเถิงเห็นคำตอบของมั่วเฟิงก็รู้สึกโล่งใจในใจ เขาถอยกลับอย่างรวดเร็วออกจากจุดที่มู่เฉินและมั่วเฟิงอยู่ เขาครุ่นคิดสั้นๆ ก่อนจะเลือกปะทะกับคนที่อ่อนแอกว่า

พอมู่เฉินเห็นจงเถิงไปแล้วก็ไม่ได้ใส่ใจอีกต่อไป สายตาหันมามองมั่วเฟิงแล้วก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้มแสดงความขอบคุณในการช่วยเหลือครั้งนี้

สายตาของมั่วเฟิงเป็นมิตรมากขึ้น คิดว่าการที่มู่เฉินเอาชนะลู่สุย ทำให้มั่วเฟิงมองมู่เฉินในฐานะจอมยุทธ์ที่อยู่ในระดับเดียวกันกับเขา ดังนั้นจึงไม่ได้มีท่าทางเฉยเมยเหมือนเมื่อก่อน

มั่วเฟิงพยักหน้าให้มู่เฉิน ก่อนที่จะหันหลังกลับและเริ่มเลือกคู่ต่อสู้ของตนเอง

ครืน!

เมื่อทุกคนเลือกคู่ต่อสู้แล้ว ทันใดนั้นคลื่นหลิงก็ระเบิดรุนแรงบนลานเมฆสายฟ้า คลื่นกระแทกกวาดออก ทำให้มิติเกิดการสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นไม่หยุด

บนลานเมฆสายฟ้าพลังงานหลิงกวาดหายนะ มีเพียงตรงมู่เฉินเท่านั้นที่ไม่ถูกรบกวน เนื่องจากไม่มีใครกล้าเหยียบเข้ามาในรัศมีพันจั้ง ยามนี้เขาเหมือนผู้ชมที่ดูการต่อสู้ติดขอบ ในเวลาเดียวกันก็บันทึกกระบวนท่าที่ทรงพลังของบางคนไว้ในสมอง

แม้ว่าในชั้นนี้พวกเขาอาจไม่ได้ประลองกัน แต่ก็ยังมีอีกสองชั้นรอพวกเขาอยู่ ใครจะสามารถรับประกันได้ว่าจะไม่มีการลดจำนวนลงในชั้นต่อไป?

ดังนั้นถ้ามีโอกาสเขาต้องพยายามจดจำข้อมูลผู้อื่นเก็บไว้

ภายใต้การสังเกตของมู่เฉิน การประลองบนลานเมฆสายฟ้าก็คงอยู่ชั่วระยะหนึ่ง ก่อนที่แต่ละคู่จะมาถึงจุดสิ้นสุด ผลลัพธ์ก็เป็นไปตามที่คาดไว้

หลังจากมู่เฉินก็เป็นหานซันที่เอาชนะคู่ต่อสู้ได้ที่นั่งที่สองไป

จากนั้นมั่วเฟิงและจงเถิงก็คว้าชัยชนะตามมา

ที่นั่งสุดท้ายตกเป็นของสีคุนที่ก่อนหน้านี้เคยแพ้หานซันที่ด้านนอกเจดีย์ ชายนี้มีความแข็งแกร่งที่น่าตกใจ แม้แต่หานซันยังต้องใช้ทักษะเต็มที่ถึงจะได้รับชัยชนะมา

เมื่อสีคุนได้รับที่นั่งสุดท้ายลานเมฆสายฟ้าขนาดใหญ่ก็เงียบลงอีกครั้ง ร่างทั้งห้ายืนอยู่ ขณะรัศมีไร้ขอบเขตทั้งห้าสายพุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าชนกันเปรี้ยงปร้าง

ทว่าการชนกันก็ดำเนินไปเพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ ก่อนที่ทั้งห้าจะถอนคลื่นพลังพร้อมกัน พวกเขาเหลือบมองกันและกัน จากนั้นก็ไม่ลังเลทะยานออกไปปรากฏตัวบนเบาะทั้งห้า

สายตาพวกเขาพุ่งตรงไปยังมิติด้านหลังลานเมฆสายฟ้าด้วยความโลภ ตรงนั้นเส้นดาวหางจำนวนมากกวาดผ่านราวกับฝนดาวตก

ในแสงเหล่านั้นแก่นหยดสายฟ้ากำลังกะพริบด้วยความแวววาว


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท