หนึ่งในใต้หล้า 大主宰
บทที่ 1195 ภัยพิบัติหลิง
หนึ่งเดือน ณ ทะเลสาบสวรรค์
ในที่สุดมู่เฉินก็ลืมตาขึ้น
ตู้ม!
เมื่อดวงตาหรี่ปรือขึ้นสายฟ้าก็แล่นแปลบปลาบผ่านม่านตาพร้อมกับเสียงคำรามดังก้อง แรงกดดันที่ไม่อาจบรรยายได้รวมตัวบนร่างมู่เฉินก่อนจะแผ่การครอบงำออกไป
ซ่า ซ่า!
คลื่นถูกยกขึ้นในทะเลสาบสวรรค์จากแรงกดดันก่อนจะแยกออกจากกันในท้องฟ้า ฝนโปรยปรายลงมา
น้ำถูกผลักออกจากใต้ร่างมู่เฉิน ก่อตัวเป็นปากปล่องที่มีความกว้างหลายหมื่นจั้ง ขณะที่เขายืนอยู่เหนือกระแสน้ำวน ฝนจางหายไปเมื่ออยู่ห่างจากเขาเพียงไม่กี่จั้ง ไม่มีสิ่งใดที่สามารถแตะต้องร่างกายของเขาได้
เขายืนอยู่ท่ามกลางพายุฝน ร่างกายเปล่งประกายด้วยแสง บางทีอาจเป็นเพราะการชำระจากกระบี่เกล็ดจักรพรรดิ ทำให้มีรัศมีคมชัดเอิบอาบออกมาจากร่างเขาราวกับเป็นกระบี่ที่สามารถแทงทะลุผ่านสวรรค์และโลกได้
บางครั้งรังสีหลิงจะสั่นไหวบนสรรพางค์กายเป็นระลอกก่อนที่จะจางหายไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งนั่นเกิดจากคลื่นกระแทกรุนแรงของคลื่นหลิงในร่างกายเขา แต่ด้วยการสร้างร่างกายใหม่นับไม่ถ้วน ทำให้ตอนนี้ร่างกายเขาสามารถรับคลื่นกระแทกจากการแตกสลายของทะเลจื้อจุนได้
จิตวิญญาณมังกรแท้จริงและหงส์ฟ้าแท้จริงบินฉวัดเฉวียนอยู่บนร่างเขาอย่างเลือนราง เนื่องจากร่างกายของเขามีพลังมากเกินไป ทำให้จิตวิญญาณทั้งสองหวาดกลัว ไม่กล้าที่จะเตร็ดเตร่บนร่างของเขาอย่างชัดเจนอีกต่อไป
พายุฝนบดบังวิวทิวทัศน์ สายตามู่เฉินค่อยๆ กลับมามีสติเมื่อฟื้นจากอาการตื่นตะลึง เขาก้มหัวลงมองร่างกายด้วยความเหม่อลอย
เขาสามารถสัมผัสพลังที่มีอยู่ ซึ่งทำให้รู้สึกไม่อยากจะเชื่อเพราะนี่คือพลังที่เขาแสวงหามาหลายปี
ทว่าเมื่อเขาได้ครอบครองพลังระดับนี้ ถึงจะเป็นคนนิ่งสงบอย่างเขาก็ทำตัวไม่ถูก
เขาลังเลครู่หนึ่งก่อนที่จะเหยียดมือออกแล้วกำมือแน่น แม้ว่าจะยังไม่ได้ใช้คลื่นหลิงสักเส้นสาย แต่มิติตรงใจกลางฝ่ามือก็แตกร้าว
ปัง!
มู่เฉินลองชกหมัดออกไปเบาๆ มิติก็แตกออกราวกับกระจก สะเก็ดมิติปลิวว่อน
เขามองดูฉากนี้อย่างตะลึงงัน หนึ่งเดือนที่แล้วเขาต้องงัดกองทัพสังหารวิญญาณออกมาเพื่อเผชิญหน้ากับพลังระดับนี้ ไม่เช่นนั้นเขาจะบาดเจ็บสาหัสหรือเสียชีวิต
นี่เป็นพลังที่แท้จริง!
“นะ…นี่คือพลังของระดับตี้จื้อจุนเหรอ?”
มู่เฉินพึมพำกับตัวเอง ตอนนี้เขารู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาอย่างกะทันหัน ถ้าเขาปะทะกับตาเฒ่าจั่วที่มีพลังในจุดสูงสุด เขาอาจไม่สามารถหลบหนีได้แม้จะมีกองทัพสังหารวิญญาณก็ตาม
อย่างไรก็ตามความกลัวนี้กินเวลาชั่วครู่ ก่อนที่มุมปากจะยกขึ้นจากนั้นไม่นาน เนื่องจากเขาก็ได้ครอบครองพลังดังกล่าวแล้วด้วยเช่นกัน!
แม้ว่าตาเฒ่าจั่วจะมาปรากฏตัวต่อหน้าในสภาพสมบูรณ์แบบเวลานี้ เขาก็ไม่กลัวอีกต่อไป
จิ่วโยวและมั่นถัวหลัวยืนอยู่บนพื้นผิวของทะเลสาบสวรรค์ไกลออกไป สายตามองร่างเงาบนท้องฟ้าพร้อมความสุขกระจายบนใบหน้าพวกนาง
“มู่เฉินทำสำเร็จหรือยัง?” จิ่งโยวถามด้วยความดีใจ นางรู้สึกถึงแรงกดดันที่ทำให้หายใจไม่ออกที่มาจากมู่เฉิน ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่ระดับจื้อจุนขั้นเก้ามีเลย
“ครึ่งหนึ่ง” มั่นถัวหลัวเผยรอยยิ้มขณะที่พยักหน้า ในเวลานี้มู่เฉินได้เริ่มครอบครองพลังของระดับตี้จื้อจุนแล้ว
จิ่วโยวรู้สึกโล่งใจเมื่อได้ยิน นางมองไปที่มู่เฉินด้วยสายตาซับซ้อน ครั้งแรกที่พบกันเขายังเป็นเด็กชายที่อ่อนแอ ตอนนั้นนางไม่คิดว่าสักวันเด็กชายคนนั้นจะก้าวเข้าสู่ระดับตี้จื้อจุนก่อนนาง!
นางเคยเป็นคนที่ปกป้องเขา เป็นไพ่ตายของเขา ทว่าตอนนี้ทุกอย่างกลับตาลปัตรแล้ว
จิ่วโยวจะไม่รู้สึกใจหายได้อย่างไร
“ทำไมแค่ครึ่งหนึ่ง?” แต่จากนั้นครู่หนึ่งจิ่วโยวก็ทวนคำพูดของมั่นถัวหลัวพลางเอ่ยถาม
มั่นถัวหลัวเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า “ยังมีขั้นตอนสำคัญอีกอย่างหนึ่งในการก้าวสู่ระดับตี้จื้อจุน ไม่รู้ว่ามีอัจฉริยะเท่าไรที่ต้องมาล้มเหลวสิ้นชีพในขั้นตอนนี้”
จิ่วโยวตกใจ จากนั้นก็เข้าใจสิ่งที่มั่นถัวหลัวพูดอย่างรวดเร็ว ใบหน้าของนางเปลี่ยนแปลงรุนแรง “ภัยพิบัติหลิง?”
จอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนทุกคนจะดึงดูดความระแวงจากสวรรค์ ดังนั้นภัยพิบัติที่รู้จักกันในชื่อภัยพิบัติหลิงจะกระหน่ำลงมา
ภัยพิบัติหลิงเป็นสิ่งที่น่าสะพรึงกลัวมาก สังหารอัจฉริยมากมายที่พยายามบรรลุเข้าสู่ระดับตี้จื้อจุน ในขณะเดียวกันจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเก้าระยะเต็มก็ถูกข่มขู่ไว้ด้วยเช่นกัน
“หากการทำลายล้างจุดจื้อจุนไห่คือการสร้างร่างกายขึ้นใหม่ ภัยพิบัติหลิงก็จะกำหนดเป้าหมายไปยังร่างเทห์สวรรค์ จอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนจะไม่ใช้ร่างเทห์สวรรค์ แต่จะมีร่างเวทสวรรค์ที่ทรงพลังยิ่งกว่า”
มั่นถัวหลัวพยักหน้า “มีเพียงร่างเทห์สวรรค์ที่ได้รับประสบการณ์ภัยพิบัติหลิงเท่านั้นจึงจะสามารถเปลี่ยนเป็นร่างเวทสวรรค์ได้ สามารถเชื่อมต่อระหว่างสวรรค์กับโลกในระดับที่ลึกซึ้งกว่า”
“ตอนนี้เขาผ่านอุปสรรคแรกไปแล้ว ต่อไปก็เป็นภัยพิบัติหลิง”
นัยน์ตาของจิ่วโยวสั่นไหวด้วยความกังวล ชื่อเสียงของภัยพิบัติหลิงน่าสะพรึงเกินไป ไม่รู้มีอัจฉริยะมากเท่าไรที่ตายไปเพราะมัน
ฮึ่ม ฮึ่ม
ไม่นานหลังจากที่จิ่วโยวและมั่นถัวหลัวหยุดการสนทนา เสียงดังก้องก็แผดออกบนท้องฟ้า ทุกเสียงคำรามทำให้ฟ้าดินมืดลง ขณะที่คลื่นหลิงผันผวนรุนแรงราวกับหม้อเดือด
มู่เฉินรู้สึกได้ถึงการเปลี่ยนแปลงนี้เช่นกัน เขาเงยหัวขึ้นมองไปที่ท้องฟ้าด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ก็เห็นการบิดเบี้ยวของมิติและคลื่นหลิงไม่มีที่สิ้นสุดเริ่มรวมตัวกัน ก่อตัวเป็นเมฆฝนฟ้าคะนองคลุมเครือ
แรงกดดันน่ากลัวพล่านออกมา
“นี่คือภัยพิบัติหลิงในตำนานหรือ?”
มู่เฉินพึมพำพลางกำหมัด นี่เป็นก้าวแรกที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของระดับตี้จื้อจุน หากเขาประสบความสำเร็จก็จะสามารถเข้าสู่การเพาะบ่มขุมพลังที่ใฝ่ฝันมาเนิ่นนาน
“ภัยพิบัติหลิงพุ่งเป้าหมายไปที่ร่างเทห์สวรรค์ ถ้าถูกทำลายเจ้าก็จะก้าวเข้าสู่เหวนรกทันที” เสียงจักรพรรดิฟ้าดังกังวาน
“ภัยพิบัตินี้ไม่มีใครสามารถช่วยเจ้าได้ เจ้าต้องพึ่งพาตัวเองเพื่อผ่านไปให้ได้”
มู่เฉินสูดหายใจลึกพลางพยักหน้า
เขาพลิกฝ่ามือ คลื่นสูงนับไม่ถ้วนดันตัวขึ้นจากทะเลสาบสวรรค์ จากนั้นเขาก็เริ่มกลืนคลื่นหลิงเข้าไป
หากเป็นเมื่อก่อนเขาอาจต้องใช้เวลาครึ่งวันในการกลั่น แต่เนื่องจากเขาก้าวเข้าสู่ระดับตี้จื้อจุนมาครึ่งตัวแล้ว เขาจึงสามารถสัมผัสได้ถึงคลื่นหลิงที่ถูกกลืนกินอย่างสมบูรณ์ทันทีที่เข้าสู่ร่างกาย
เมื่อก้าวสู่ระดับตี้จื้อจุนมาครึ่งก้าว จุดจื้อจุนไห่ในอดีตของเขาได้แตกสลายไปแล้ว แต่ในบางแง่มุมจุดจื้อจุนไห่ของเขาก็ไม่ได้หายไป เพียงแค่รวมเข้ากันและหล่อหลอมไปกับกล้ามเนื้อและอณูของเขา
ขณะนี้ทุกส่วนของร่างกายก็คือทะเลพลัง ดังนั้นปริมาณของคลื่นหลิงที่เขาสามารถรองรับได้ จึงสูงจนถึงระดับที่ไม่สามารถจินตนาการได้
“มิน่าจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนถึงดูถูกจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนนัก”
เมื่อรู้สึกถึงคลื่นหลิงที่พลุ่งพล่านในร่างกาย มู่เฉินก็ถอนหายใจ ภายใต้ระดับตี้จื้อจุนผู้ฝึกพึ่งพาทะเลพลังน้อยนิด ในทางกลับกันร่างกายของจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนคือทะเลพลังทั้งหมด ดังนั้นใครก็สามารถจินตนาการถึงพลังที่มีได้
ความแตกต่างเช่นนี้เป็นสิ่งที่ไม่มีวันเติมเต็มได้ ไม่ว่าจะใช้วิธีใดก็ตาม
ซ่า ซ่า!
ขณะที่มู่เฉินสัมผัสได้ถึงพลังของระดับตี้จื้อจุน เขาก็ยังคงสูบคลื่นหลิงจากทะเลสาบสวรรค์อย่างต่อเนื่อง เขาต้องการเติมพลังงานเพื่อนำตัวเองสู่สภาวะสูงสุด
ครืนๆๆๆ!
ขณะที่มู่เฉินยังคงสูบพลังงาน คลื่นหลิงบนท้องฟ้าก็มารวมตัวกันในระดับที่น่ากลัว เมฆหนาฟ้าผ่าแล่นแปลบปลาบไปทั่วทุกหนแห่งแล้ว
เสียงคำรามดังก้องไปมาระหว่างสวรรค์และโลก ทำให้ทุกสรรพสิ่งตกลงสู่ความเงียบจากพลังอำนาจนี้
ฮา
มู่เฉินสูดหายใจลึก มือประสานกัน ทันใดนั้นแสงสีม่วงทองก็พุ่งออกมาทางด้านหลังก่อเป็นร่างยักษ์สีม่วงทองหลายร้อยจั้ง
ร่างเทพสุริยะนิรันดร์!
เมื่อร่างเทพสุริยะนิรันดร์ปรากฏขึ้น ดวงตาของมู่เฉินก็ลุกโชนด้วยไฟในการต่อสู้ หลังจากรับรู้ได้ว่าตนเองเข้าถึงจุดสูงสุดแล้ว เขามองไปที่เมฆหนาพลางเลียริมฝีปาก
วันนี้ไม่มีใครขัดขวางความมุ่งมั่นของเขาในการบรรลุระดับตี้จื้อจุน หากภัยพิบัติหลิงต้องการหยุดยั้งเขา งานนี้ข้าทุบแหลกแน่!