หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – ตอนที่ 1195

ตอนที่ 1195

หนึ่งในใต้หล้า 大主宰
บทที่ 1195 ภัยพิบัติหลิง
หนึ่งเดือน ณ ทะเลสาบสวรรค์

ในที่สุดมู่เฉินก็ลืมตาขึ้น

ตู้ม!

เมื่อดวงตาหรี่ปรือขึ้นสายฟ้าก็แล่นแปลบปลาบผ่านม่านตาพร้อมกับเสียงคำรามดังก้อง แรงกดดันที่ไม่อาจบรรยายได้รวมตัวบนร่างมู่เฉินก่อนจะแผ่การครอบงำออกไป

ซ่า ซ่า!

คลื่นถูกยกขึ้นในทะเลสาบสวรรค์จากแรงกดดันก่อนจะแยกออกจากกันในท้องฟ้า ฝนโปรยปรายลงมา

น้ำถูกผลักออกจากใต้ร่างมู่เฉิน ก่อตัวเป็นปากปล่องที่มีความกว้างหลายหมื่นจั้ง ขณะที่เขายืนอยู่เหนือกระแสน้ำวน ฝนจางหายไปเมื่ออยู่ห่างจากเขาเพียงไม่กี่จั้ง ไม่มีสิ่งใดที่สามารถแตะต้องร่างกายของเขาได้

เขายืนอยู่ท่ามกลางพายุฝน ร่างกายเปล่งประกายด้วยแสง บางทีอาจเป็นเพราะการชำระจากกระบี่เกล็ดจักรพรรดิ ทำให้มีรัศมีคมชัดเอิบอาบออกมาจากร่างเขาราวกับเป็นกระบี่ที่สามารถแทงทะลุผ่านสวรรค์และโลกได้

บางครั้งรังสีหลิงจะสั่นไหวบนสรรพางค์กายเป็นระลอกก่อนที่จะจางหายไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งนั่นเกิดจากคลื่นกระแทกรุนแรงของคลื่นหลิงในร่างกายเขา แต่ด้วยการสร้างร่างกายใหม่นับไม่ถ้วน ทำให้ตอนนี้ร่างกายเขาสามารถรับคลื่นกระแทกจากการแตกสลายของทะเลจื้อจุนได้

จิตวิญญาณมังกรแท้จริงและหงส์ฟ้าแท้จริงบินฉวัดเฉวียนอยู่บนร่างเขาอย่างเลือนราง เนื่องจากร่างกายของเขามีพลังมากเกินไป ทำให้จิตวิญญาณทั้งสองหวาดกลัว ไม่กล้าที่จะเตร็ดเตร่บนร่างของเขาอย่างชัดเจนอีกต่อไป

พายุฝนบดบังวิวทิวทัศน์ สายตามู่เฉินค่อยๆ กลับมามีสติเมื่อฟื้นจากอาการตื่นตะลึง เขาก้มหัวลงมองร่างกายด้วยความเหม่อลอย

เขาสามารถสัมผัสพลังที่มีอยู่ ซึ่งทำให้รู้สึกไม่อยากจะเชื่อเพราะนี่คือพลังที่เขาแสวงหามาหลายปี

ทว่าเมื่อเขาได้ครอบครองพลังระดับนี้ ถึงจะเป็นคนนิ่งสงบอย่างเขาก็ทำตัวไม่ถูก

เขาลังเลครู่หนึ่งก่อนที่จะเหยียดมือออกแล้วกำมือแน่น แม้ว่าจะยังไม่ได้ใช้คลื่นหลิงสักเส้นสาย แต่มิติตรงใจกลางฝ่ามือก็แตกร้าว

ปัง!

มู่เฉินลองชกหมัดออกไปเบาๆ มิติก็แตกออกราวกับกระจก สะเก็ดมิติปลิวว่อน

เขามองดูฉากนี้อย่างตะลึงงัน หนึ่งเดือนที่แล้วเขาต้องงัดกองทัพสังหารวิญญาณออกมาเพื่อเผชิญหน้ากับพลังระดับนี้ ไม่เช่นนั้นเขาจะบาดเจ็บสาหัสหรือเสียชีวิต

นี่เป็นพลังที่แท้จริง!

“นะ…นี่คือพลังของระดับตี้จื้อจุนเหรอ?”

มู่เฉินพึมพำกับตัวเอง ตอนนี้เขารู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาอย่างกะทันหัน ถ้าเขาปะทะกับตาเฒ่าจั่วที่มีพลังในจุดสูงสุด เขาอาจไม่สามารถหลบหนีได้แม้จะมีกองทัพสังหารวิญญาณก็ตาม

อย่างไรก็ตามความกลัวนี้กินเวลาชั่วครู่ ก่อนที่มุมปากจะยกขึ้นจากนั้นไม่นาน เนื่องจากเขาก็ได้ครอบครองพลังดังกล่าวแล้วด้วยเช่นกัน!

แม้ว่าตาเฒ่าจั่วจะมาปรากฏตัวต่อหน้าในสภาพสมบูรณ์แบบเวลานี้ เขาก็ไม่กลัวอีกต่อไป

จิ่วโยวและมั่นถัวหลัวยืนอยู่บนพื้นผิวของทะเลสาบสวรรค์ไกลออกไป สายตามองร่างเงาบนท้องฟ้าพร้อมความสุขกระจายบนใบหน้าพวกนาง

“มู่เฉินทำสำเร็จหรือยัง?” จิ่งโยวถามด้วยความดีใจ นางรู้สึกถึงแรงกดดันที่ทำให้หายใจไม่ออกที่มาจากมู่เฉิน ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่ระดับจื้อจุนขั้นเก้ามีเลย

“ครึ่งหนึ่ง” มั่นถัวหลัวเผยรอยยิ้มขณะที่พยักหน้า ในเวลานี้มู่เฉินได้เริ่มครอบครองพลังของระดับตี้จื้อจุนแล้ว

จิ่วโยวรู้สึกโล่งใจเมื่อได้ยิน นางมองไปที่มู่เฉินด้วยสายตาซับซ้อน ครั้งแรกที่พบกันเขายังเป็นเด็กชายที่อ่อนแอ ตอนนั้นนางไม่คิดว่าสักวันเด็กชายคนนั้นจะก้าวเข้าสู่ระดับตี้จื้อจุนก่อนนาง!

นางเคยเป็นคนที่ปกป้องเขา เป็นไพ่ตายของเขา ทว่าตอนนี้ทุกอย่างกลับตาลปัตรแล้ว

จิ่วโยวจะไม่รู้สึกใจหายได้อย่างไร

“ทำไมแค่ครึ่งหนึ่ง?” แต่จากนั้นครู่หนึ่งจิ่วโยวก็ทวนคำพูดของมั่นถัวหลัวพลางเอ่ยถาม

มั่นถัวหลัวเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า “ยังมีขั้นตอนสำคัญอีกอย่างหนึ่งในการก้าวสู่ระดับตี้จื้อจุน ไม่รู้ว่ามีอัจฉริยะเท่าไรที่ต้องมาล้มเหลวสิ้นชีพในขั้นตอนนี้”

จิ่วโยวตกใจ จากนั้นก็เข้าใจสิ่งที่มั่นถัวหลัวพูดอย่างรวดเร็ว ใบหน้าของนางเปลี่ยนแปลงรุนแรง “ภัยพิบัติหลิง?”

จอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนทุกคนจะดึงดูดความระแวงจากสวรรค์ ดังนั้นภัยพิบัติที่รู้จักกันในชื่อภัยพิบัติหลิงจะกระหน่ำลงมา

ภัยพิบัติหลิงเป็นสิ่งที่น่าสะพรึงกลัวมาก สังหารอัจฉริยมากมายที่พยายามบรรลุเข้าสู่ระดับตี้จื้อจุน ในขณะเดียวกันจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเก้าระยะเต็มก็ถูกข่มขู่ไว้ด้วยเช่นกัน

“หากการทำลายล้างจุดจื้อจุนไห่คือการสร้างร่างกายขึ้นใหม่ ภัยพิบัติหลิงก็จะกำหนดเป้าหมายไปยังร่างเทห์สวรรค์ จอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนจะไม่ใช้ร่างเทห์สวรรค์ แต่จะมีร่างเวทสวรรค์ที่ทรงพลังยิ่งกว่า”

มั่นถัวหลัวพยักหน้า “มีเพียงร่างเทห์สวรรค์ที่ได้รับประสบการณ์ภัยพิบัติหลิงเท่านั้นจึงจะสามารถเปลี่ยนเป็นร่างเวทสวรรค์ได้ สามารถเชื่อมต่อระหว่างสวรรค์กับโลกในระดับที่ลึกซึ้งกว่า”

“ตอนนี้เขาผ่านอุปสรรคแรกไปแล้ว ต่อไปก็เป็นภัยพิบัติหลิง”

นัยน์ตาของจิ่วโยวสั่นไหวด้วยความกังวล ชื่อเสียงของภัยพิบัติหลิงน่าสะพรึงเกินไป ไม่รู้มีอัจฉริยะมากเท่าไรที่ตายไปเพราะมัน

ฮึ่ม ฮึ่ม

ไม่นานหลังจากที่จิ่วโยวและมั่นถัวหลัวหยุดการสนทนา เสียงดังก้องก็แผดออกบนท้องฟ้า ทุกเสียงคำรามทำให้ฟ้าดินมืดลง ขณะที่คลื่นหลิงผันผวนรุนแรงราวกับหม้อเดือด

มู่เฉินรู้สึกได้ถึงการเปลี่ยนแปลงนี้เช่นกัน เขาเงยหัวขึ้นมองไปที่ท้องฟ้าด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ก็เห็นการบิดเบี้ยวของมิติและคลื่นหลิงไม่มีที่สิ้นสุดเริ่มรวมตัวกัน ก่อตัวเป็นเมฆฝนฟ้าคะนองคลุมเครือ

แรงกดดันน่ากลัวพล่านออกมา

“นี่คือภัยพิบัติหลิงในตำนานหรือ?”

มู่เฉินพึมพำพลางกำหมัด นี่เป็นก้าวแรกที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของระดับตี้จื้อจุน หากเขาประสบความสำเร็จก็จะสามารถเข้าสู่การเพาะบ่มขุมพลังที่ใฝ่ฝันมาเนิ่นนาน

“ภัยพิบัติหลิงพุ่งเป้าหมายไปที่ร่างเทห์สวรรค์ ถ้าถูกทำลายเจ้าก็จะก้าวเข้าสู่เหวนรกทันที” เสียงจักรพรรดิฟ้าดังกังวาน

“ภัยพิบัตินี้ไม่มีใครสามารถช่วยเจ้าได้ เจ้าต้องพึ่งพาตัวเองเพื่อผ่านไปให้ได้”

มู่เฉินสูดหายใจลึกพลางพยักหน้า

เขาพลิกฝ่ามือ คลื่นสูงนับไม่ถ้วนดันตัวขึ้นจากทะเลสาบสวรรค์ จากนั้นเขาก็เริ่มกลืนคลื่นหลิงเข้าไป

หากเป็นเมื่อก่อนเขาอาจต้องใช้เวลาครึ่งวันในการกลั่น แต่เนื่องจากเขาก้าวเข้าสู่ระดับตี้จื้อจุนมาครึ่งตัวแล้ว เขาจึงสามารถสัมผัสได้ถึงคลื่นหลิงที่ถูกกลืนกินอย่างสมบูรณ์ทันทีที่เข้าสู่ร่างกาย

เมื่อก้าวสู่ระดับตี้จื้อจุนมาครึ่งก้าว จุดจื้อจุนไห่ในอดีตของเขาได้แตกสลายไปแล้ว แต่ในบางแง่มุมจุดจื้อจุนไห่ของเขาก็ไม่ได้หายไป เพียงแค่รวมเข้ากันและหล่อหลอมไปกับกล้ามเนื้อและอณูของเขา

ขณะนี้ทุกส่วนของร่างกายก็คือทะเลพลัง ดังนั้นปริมาณของคลื่นหลิงที่เขาสามารถรองรับได้ จึงสูงจนถึงระดับที่ไม่สามารถจินตนาการได้

“มิน่าจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนถึงดูถูกจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนนัก”

เมื่อรู้สึกถึงคลื่นหลิงที่พลุ่งพล่านในร่างกาย มู่เฉินก็ถอนหายใจ ภายใต้ระดับตี้จื้อจุนผู้ฝึกพึ่งพาทะเลพลังน้อยนิด ในทางกลับกันร่างกายของจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนคือทะเลพลังทั้งหมด ดังนั้นใครก็สามารถจินตนาการถึงพลังที่มีได้

ความแตกต่างเช่นนี้เป็นสิ่งที่ไม่มีวันเติมเต็มได้ ไม่ว่าจะใช้วิธีใดก็ตาม

ซ่า ซ่า!

ขณะที่มู่เฉินสัมผัสได้ถึงพลังของระดับตี้จื้อจุน เขาก็ยังคงสูบคลื่นหลิงจากทะเลสาบสวรรค์อย่างต่อเนื่อง เขาต้องการเติมพลังงานเพื่อนำตัวเองสู่สภาวะสูงสุด

ครืนๆๆๆ!

ขณะที่มู่เฉินยังคงสูบพลังงาน คลื่นหลิงบนท้องฟ้าก็มารวมตัวกันในระดับที่น่ากลัว เมฆหนาฟ้าผ่าแล่นแปลบปลาบไปทั่วทุกหนแห่งแล้ว

เสียงคำรามดังก้องไปมาระหว่างสวรรค์และโลก ทำให้ทุกสรรพสิ่งตกลงสู่ความเงียบจากพลังอำนาจนี้

ฮา

มู่เฉินสูดหายใจลึก มือประสานกัน ทันใดนั้นแสงสีม่วงทองก็พุ่งออกมาทางด้านหลังก่อเป็นร่างยักษ์สีม่วงทองหลายร้อยจั้ง

ร่างเทพสุริยะนิรันดร์!

เมื่อร่างเทพสุริยะนิรันดร์ปรากฏขึ้น ดวงตาของมู่เฉินก็ลุกโชนด้วยไฟในการต่อสู้ หลังจากรับรู้ได้ว่าตนเองเข้าถึงจุดสูงสุดแล้ว เขามองไปที่เมฆหนาพลางเลียริมฝีปาก

วันนี้ไม่มีใครขัดขวางความมุ่งมั่นของเขาในการบรรลุระดับตี้จื้อจุน หากภัยพิบัติหลิงต้องการหยุดยั้งเขา งานนี้ข้าทุบแหลกแน่!

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler ฟรี ได้ที่ novel-fast 


เรื่องย่อ

โดย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler บางส่วนของนิยาย

บทนำ

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป

‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้

แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์

แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว

ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ

เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง?

ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน…

เรื่องย่อ

เมื่อคำพูดของมู่เฉินกระจายออกไป ไม่เพียงแต่จะไม่มีการตอบสนอง แม้แต่ด้านนอกเจดีย์ก็ถูกห่อหุ้มด้วยบรรยากาศราวกับป่าช้า…

ทุกคนตกตะลึงไปกับฉากนี้ พวกเขาจ้องมองจุดที่ลู่สุยหายตัวไป ราวกับว่ายังไม่สามารถฟื้นจากอาการตะลึงงันที่เกิดขึ้นได้

ก่อนหน้าเมื่อลู่สุยออกกระบวนท่าที่น่าสะพรึง ผู้คนส่วนใหญ่ก็คิดว่าผลลัพธ์ของการต่อสู้ได้ถูกกำหนดแล้ว ทว่าพวกเขาไม่คิดเลยว่ามู่เฉินจะพลิกสถานการณ์ได้อีกครั้ง เตะลู่สุยที่เหมือนจะคว้าชัยชนะออกไป

ทุกคนตะลึงไปพักใหญ่ ก่อนที่พวกเขาจะหลุดออกจากอาการได้ สายตาเคร่งเครียดลง การประลองกันครั้งนี้มู่เฉินไม่ได้ใช้ค่ายกล แต่เขาก็สามารถเอาชนะจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดอย่างลู่สุยได้ด้วยความแข็งแกร่งที่อยู่ในขั้นหกเท่านั้น แม้ว่าจะมีผลจากลู่สุยประมาทเองในตอนแรก แต่นั่นก็แสดงให้เห็นว่ามู่เฉินน่ากลัวแค่ไหน

พลังเช่นนี้เขาสามารถเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์อันดับต้นๆ ในเจดีย์ฝึกพลังกายได้เลยทีเดียว

ทางฝั่งกลุ่มกระเรียนฟ้า ใบหน้าของหลิ่วชิงกลายเป็นเขียวสลับขาว นางมองไปที่ร่างสูงโปร่งบนหน้าจอ กลืนน้ำลายเหนียวหนืด ความกลัวปรากฏในดวงตาของนางเป็นครั้งแรก

มาถึงจุดนี้นางคงโง่แน่ถ้ายังคิดปฏิบัติต่อมู่เฉินเหมือนกับจอมยุทธ์ขั้นหกทั่วไป

ด้วยพลังในการต่อสู้ที่เขาแสดงออกมา บวกกับค่ายกลทรงพลัง แม้แต่จงเถิงก็ยากจะได้เปรียบหากพวกเขาต่อสู้กัน

ก่อนหน้านี้นางหัวเราะเยาะและมองจิ่วโยวด้วยความดูถูก แต่ตอนนี้นางอายแทบแทรกแผ่นดินหนี ซึ่งจุดนี้รู้ได้จากสายตาเยาะเย้ยเหล่านั้นที่ปรายมองเข้ามา

“ทำไมมู่เฉินถึงทรงพลังเช่นนี้?” จงฮั้วที่พ่ายแพ้ให้กับมู่เฉินก็มีสีหน้าเคร่งขรึมเช่นกัน ก่อนหน้านี้เขาเคยคิดเช่นกันว่ามู่เฉินพึ่งพาเพียงค่ายกลเพื่อจัดการกับศัตรู แต่ใครจะคิดว่าเมื่อไม่มีการใช้ค่ายกลมู่เฉินก็สามารถเอาชนะลู่สุยแบบดุร้ายยิ่งกว่าอะไร

“ดูเหมือนว่ามีเพียงพี่ใหญ่จงเถิงเท่านั้นที่สามารถจัดการกับเขาได้” จอมยุทธ์อีกคนของเผ่ากระเรียนฟ้าพยักหน้า

หลิ่วชิงพยักหน้าเบาๆ ไม่เพียงแต่พวกเขาจะพิจารณาพลังของมู่เฉินพลาดไปเท่านั้น แม้แต่จงเถิงก็ตัดสินอีกฝ่ายผิดไป ชายคนนั้นเป็นสัตว์ประหลาดอย่างแท้จริง

ฟิ้ว!

ขณะที่นอกเจดีย์ต่างตกตะลึงกับผลลัพธ์ที่มู่เฉินนำมา ทันใดนั้นแสงก็กะพริบบนแท่นนอกเจดีย์ ร่างน่าสังเวชปรากฏขึ้น

เมื่อร่างนั้นออกมาก็รีบถอยกลับไปปรากฏตัวขึ้นในกลุ่มอีกาสายฟ้าทันควัน นี่ก็คือลู่สุยที่มีสีหน้าซีดขาว คลื่นหลิงของเขาถดถอยลงอย่างมาก

สายตาโดยรอบยิงเข้าหาในเวลานี้ทันที

ใบหน้าของลู่สุยเขียวคล้ำ สายตาเกลียดชังมองไปที่มู่เฉินที่อยู่บนหน้าจอ ก่อนที่จะหันหัวสาดสายตาดุร้ายใส่จิ่วโยวและมั่วหลิง ที่ข้างๆ พรรคพวกของเขาก็มีท่าทางไม่ดีเช่นกัน

ทว่าจิ่วโยวไม่กลัวที่จะเผชิญหน้ากับสายตาเหล่านั้น นางเค้นเสียงอย่างเย็นชา “ลูกหมาที่ถูกฟาดยังกล้าที่จะออกมาแยกเขี้ยวอีกเหรอ?”

ตอนนี้ลู่สุยบาดเจ็บสาหัส สูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไปหมด ส่วนคนที่เหลือก็ไม่มีอะไรต้องกลัว หากพวกเขากล้าที่จะคิดบัญชีกับพวกนาง จิ่วโยวก็ไม่คิดปล่อยพวกเขาไว้เป็นภัยคุกคามในอนาคตหรอก

สายตาแสดงความเกลียดชังของลู่สุยจ้องเขม็งอยู่ที่จิ่วโยว แต่สุดท้ายเขาก็ต้องถอนสายตาออกไปอย่างไม่เต็มใจ ก่อนที่จะถอยกลับนั่งลงบนซากปรักหักพังเข้าสมาธิเพื่อฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ

จอมยุทธ์กลุ่มอีกาสายฟ้าก็ปรากฏรอบตัวเขาเพื่อปกป้อง

เมื่อจิ่วโยวเห็นการตอบสนองนั่น นางก็ไม่ได้ใส่ใจกับพวกเขาอีก นางมองไปที่หน้าจออีกครั้งโดยพุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่ร่างเงาอ่อนเยาว์ มือที่กำแน่นผ่อนคลายลง

เห็นได้ชัดว่านี่เป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงสำหรับนางที่มู่เฉินจะเอาชนะได้เด็ดขาดแบบนี้ นั่นเป็นเพราะตามการประเมินของนางแม้ว่ามู่เฉินจะยืนยงอยู่ได้ก็เป็นยากที่จะเอาชนะลู่สุยด้วยขุมพลังจื้อจุนขั้นหกและถ้าการต่อสู้ถูกลากไปจนสุดอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบคาดไม่ถึง

ทว่าผลลัพธ์สุดท้ายที่ได้ก็ทำให้นางทั้งประหลาดใจและดีใจ

เห็นได้ชัดว่ามู่เฉินได้รับประโยชน์มหาศาลจากสามชั้นแรกของเจดีย์ฝึกพลังกาย ไม่เช่นนั้นเขาไม่สามารถแสดงพลังเป็นที่ประจักษ์เช่นนี้ได้

“ว่ากันว่าในชั้นสี่มหัศจรรย์กว่านี้มาก หากใครสามารถเข้าไปได้ พวกเขาจะสามารถได้รับผลประโยชน์เกินกว่าสามชั้นแรกมาก…”

จิ่วโยวยิ้มบาง ดูจากสถานการณ์ปัจจุบันไม่น่ามีปัญหาใดๆ ที่มู่เฉินจะเข้าสู่ชั้นสี่ สำหรับมั่วเฟิงความแข็งแกร่งของเขาเป็นหนึ่งในอันดับต้นของกลุ่มที่เข้าไป ดังนั้นจึงไม่ยากสำหรับเขาที่จะได้หนึ่งในห้าที่นั่งนี้ไปเช่นกัน

ดูเหมือนว่าการเดินทางมาที่เจดีย์ฝึกพลังกายโบราณครั้งนี้เผ่าวิหคโลกันตร์อาจเป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

บนลานเมฆสายฟ้า

ไม่มีใครตอบคำถามของมู่เฉิน ขณะนี้แม้แต่จอมยุทธ์ทรงอำนาจอย่างหานซันและสีคุนก็ยังรู้สึกหวาดระแวงมู่เฉินอยู่บ้าง ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกที่จะไม่ไปปะทะกับมนุษย์ผู้นี้

ดังนั้นคนทั้งหมดที่อยู่ที่นี่จึงเงียบลง ก่อนที่จะถอยออกจากรัศมีโดยรอบมู่เฉินอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณบอกว่าพวกเขาไม่ต้องการต่อสู้กับเขา

เมื่อมู่เฉินเห็นภาพนี้ก็ไม่มีอารมณ์ใดบนใบหน้า แต่ในใจกลับรู้สึกโล่งอก คนอื่นๆ เห็นเพียงฉากการต่อสู้ตระการที่เขาเอาชนะลู่สุยได้ แต่พวกเขาไม่รู้หรอกว่าหมัดที่เขาชกออกไปก่อนหน้านี้คือพลังงานส่วนเกินจากสามชั้นแรก

ร่างกายของมู่เฉินก่อนหน้าเปรียบเสมือนฟองน้ำที่ดูดซับน้ำจนถึงขีดจำกัด หมัดของเขาจึงเท่ากับบีบน้ำออกจนหมด ทำให้ร่างกายที่อัดแน่นกลับสู่สภาพเดิม

ดังนั้นถ้าให้เขาโจมตีแบบนั้นอีกครั้ง พลังก็จะไม่ทรงประสิทธิภาพเหมือนเมื่อครู่แน่นอน

ประสิทธิผลพิเศษชนิดนี้ของการสะสมพลังงานในร่างกายเป็นทักษะที่ได้มาจากกายามังกรหงส์ ด้วยวิธีนี้เขาจะได้รับผลลัพธ์ที่ไม่มีใครคาดคิดไว้ กลายเป็นไพ่ลับอีกใบหนึ่ง

“คัมภีร์หลงเฟิ่งทรงพลังจริงๆ”

แม้แต่มู่เฉินก็ยังชื่นชมในสิ่งนี้ คัมภีร์หลงเฟิ่งสมแล้วที่เป็นทักษะยอดเยี่ยมแท้จริง จากการประเมินของเขาคัมภีร์นี้ต้องอยู่ในระดับเสินทงแน่นอน ซึ่งไม่ธรรมดาแม้จะอยู่ในกลุ่มวิทยายุทธระดับเสินทงด้วย

มู่เฉินชื่นชมก่อนที่จะใจเย็นลง แม้ว่าตอนนี้จะไม่มีใครท้าทายเขา แต่เขาก็ไม่ตั้งใจที่จะท้าทายคนอื่นด้วยเช่นกัน เขายืนนิ่งบนตำแหน่งตนเองรอผลการคัดออก

สำหรับจงเถิง มู่เฉินรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นพวกยุแยงให้ลู่สุยมาปะทะกับเขา แต่เนื่องจากตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ดีในการจัดการ เขาจึงได้แต่ผลักแผนไปก่อน

แต่ถึงกระนั้นสายตาคมกล้าของมู่เฉินก็ยังจ้องเขม็งไปที่จงเถิง รอบตัวเต็มไปด้วยคลื่นหลิงราวกับเสือดาวที่กำลังจะจ้องตะครุบเหยื่ออัดแน่นด้วยภัยคุกคาม

เมื่อเห็นท่าทางของมู่เฉิน จงเถิงที่ประจันหน้ากับมั่วเฟิงก็รู้สึกอึดอัดใจ เขาต้องแยกสมาธิอยู่ตลอดเพื่อจับตามองมู่เฉิน ป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายเคลื่อนไหวมาประสานพลังกับมั่วเฟิง

ด้วยวิธีนี้สมาธิของจงเถิงจึงค่อนข้างฟุ้งซ่าน สุดท้ายเขาได้แต่กัดฟัน ถอนคลื่นหลิงและถอยออกจากบริเวณของมั่วเฟิง

“พี่มั่วยากสำหรับการต่อสู้ของเราที่จะได้ข้อสรุป ทำไมเราไม่ไปจัดการคนอื่นและรับที่นั่งมาล่ะ?” ขณะที่จงเถิงถอยกลับเสียงก็สะท้อนก้องไปด้วย

มั่วเฟิงจ้องมองจงเถิงอย่างไม่แยแสก่อนที่จะพยักหน้า นั่นเป็นเพราะเขารู้ว่าหากพวกเขายังอยู่ในสถานการณ์ยืนจ้องหน้ากันก็จะไม่เกิดผลลัพธ์ใด หากเขาร่วมมือกับมู่เฉิน พวกเขาอาจทำให้จงเถิงบ้าดีเดือดขึ้นมา แม้แต่พวกเขาก็ต้องจ่ายราคามหาศาลจากการตีโต้

ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับพวกเขาคือการได้ที่นั่งเพื่อเข้าสู่ชั้นสี่

เมื่อจงเถิงเห็นคำตอบของมั่วเฟิงก็รู้สึกโล่งใจในใจ เขาถอยกลับอย่างรวดเร็วออกจากจุดที่มู่เฉินและมั่วเฟิงอยู่ เขาครุ่นคิดสั้นๆ ก่อนจะเลือกปะทะกับคนที่อ่อนแอกว่า

พอมู่เฉินเห็นจงเถิงไปแล้วก็ไม่ได้ใส่ใจอีกต่อไป สายตาหันมามองมั่วเฟิงแล้วก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้มแสดงความขอบคุณในการช่วยเหลือครั้งนี้

สายตาของมั่วเฟิงเป็นมิตรมากขึ้น คิดว่าการที่มู่เฉินเอาชนะลู่สุย ทำให้มั่วเฟิงมองมู่เฉินในฐานะจอมยุทธ์ที่อยู่ในระดับเดียวกันกับเขา ดังนั้นจึงไม่ได้มีท่าทางเฉยเมยเหมือนเมื่อก่อน

มั่วเฟิงพยักหน้าให้มู่เฉิน ก่อนที่จะหันหลังกลับและเริ่มเลือกคู่ต่อสู้ของตนเอง

ครืน!

เมื่อทุกคนเลือกคู่ต่อสู้แล้ว ทันใดนั้นคลื่นหลิงก็ระเบิดรุนแรงบนลานเมฆสายฟ้า คลื่นกระแทกกวาดออก ทำให้มิติเกิดการสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นไม่หยุด

บนลานเมฆสายฟ้าพลังงานหลิงกวาดหายนะ มีเพียงตรงมู่เฉินเท่านั้นที่ไม่ถูกรบกวน เนื่องจากไม่มีใครกล้าเหยียบเข้ามาในรัศมีพันจั้ง ยามนี้เขาเหมือนผู้ชมที่ดูการต่อสู้ติดขอบ ในเวลาเดียวกันก็บันทึกกระบวนท่าที่ทรงพลังของบางคนไว้ในสมอง

แม้ว่าในชั้นนี้พวกเขาอาจไม่ได้ประลองกัน แต่ก็ยังมีอีกสองชั้นรอพวกเขาอยู่ ใครจะสามารถรับประกันได้ว่าจะไม่มีการลดจำนวนลงในชั้นต่อไป?

ดังนั้นถ้ามีโอกาสเขาต้องพยายามจดจำข้อมูลผู้อื่นเก็บไว้

ภายใต้การสังเกตของมู่เฉิน การประลองบนลานเมฆสายฟ้าก็คงอยู่ชั่วระยะหนึ่ง ก่อนที่แต่ละคู่จะมาถึงจุดสิ้นสุด ผลลัพธ์ก็เป็นไปตามที่คาดไว้

หลังจากมู่เฉินก็เป็นหานซันที่เอาชนะคู่ต่อสู้ได้ที่นั่งที่สองไป

จากนั้นมั่วเฟิงและจงเถิงก็คว้าชัยชนะตามมา

ที่นั่งสุดท้ายตกเป็นของสีคุนที่ก่อนหน้านี้เคยแพ้หานซันที่ด้านนอกเจดีย์ ชายนี้มีความแข็งแกร่งที่น่าตกใจ แม้แต่หานซันยังต้องใช้ทักษะเต็มที่ถึงจะได้รับชัยชนะมา

เมื่อสีคุนได้รับที่นั่งสุดท้ายลานเมฆสายฟ้าขนาดใหญ่ก็เงียบลงอีกครั้ง ร่างทั้งห้ายืนอยู่ ขณะรัศมีไร้ขอบเขตทั้งห้าสายพุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าชนกันเปรี้ยงปร้าง

ทว่าการชนกันก็ดำเนินไปเพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ ก่อนที่ทั้งห้าจะถอนคลื่นพลังพร้อมกัน พวกเขาเหลือบมองกันและกัน จากนั้นก็ไม่ลังเลทะยานออกไปปรากฏตัวบนเบาะทั้งห้า

สายตาพวกเขาพุ่งตรงไปยังมิติด้านหลังลานเมฆสายฟ้าด้วยความโลภ ตรงนั้นเส้นดาวหางจำนวนมากกวาดผ่านราวกับฝนดาวตก

ในแสงเหล่านั้นแก่นหยดสายฟ้ากำลังกะพริบด้วยความแวววาว


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท