หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – ตอนที่ 1193

ตอนที่ 1193

หนึ่งในใต้หล้า 大主宰
บทที่ 1193 โอกาสที่มอบให้จากจักรพรรดิฟ้า
สุสานจักรพรรดิฟ้า

เมื่อเห็นมู่เฉินคำนับในท่าทางของศิษย์ จักรพรรดิฟ้าก็คลี่ยิ้มไม่ได้ขยับหลบไป หากวังสวรรค์บรรพกาลยังยืนยง ไม่รู้ว่าจะมีศิษย์เท่าไรที่ฝันจะได้สิ่งนี้ แต่ทว่ากลับไม่มีโอกาสที่ดี ดังนั้นกล่าวได้ว่าโชคชะตานี้เป็นโอกาสสำหรับมู่เฉินแท้จริง

“ตามข้ามา”

จักรพรรดิฟ้าโบกมือ มิติรอบตัวก็บิดเบี้ยว เมื่อพวกมู่เฉินตั้งสติได้ก็ถูกนำตัวไปยังมหาสมุทรอันกว้างใหญ่พร้อมกับเสียงน้ำสาดกระเซ็นดังมาจากเบื้องล่าง ขณะเดียวกันก็มีหมอกหลิงลอยวนก่อเป็นรูปสัตว์อสูรต่างๆ

นี่คือทะเลสาบสวรรค์ที่เขาเคยเข้ามาก่อน

ทว่าหลังจากที่พวกเขาจากไป ทะเลสาบสวรรค์ก็ปิดตัวลง ไม่คิดว่าจักรพรรดิฟ้าจะสามารถเปิดขึ้นได้อย่างง่ายดายเช่นนี้

คลื่นหลิงที่นี่มีมากมายมหาศาล นี่เป็นดินแดนขุมทรัพย์แท้จริงสำหรับการเพาะบ่มพลัง การได้ฝึกฝนที่นี่จะทำให้เกิดผลลัพธ์เป็นสองเท่า

“เจ้าสามารถฝึกฝนที่นี่ได้ในช่วงเวลานี้” จักรพรรดิฟ้ามองไปที่จิ่วโยวที่มีขุมพลังจื้อจุนขั้นเก้าระยะเต็ม อีกเพียงก้าวเดียวก็จะบรรลุขุมพลังตี้จื้อจุนแล้ว ทว่าจักรพรรดิฟ้าสามารถถ่ายทอดทักษะที่มีให้ได้คนดียว ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถช่วยเหลือจิ่วโยวในการพัฒนา ได้แต่ให้นางฝึกฝนที่นี่เพื่อจะได้บรรลุผลอย่างรวดเร็ว

“ขอบคุณท่านจักรพรรดิฟ้าเจ้าค่ะ” จิ่วโยวดีใจมากเพราะประโยชน์ในการเพาะบ่มที่นี่ไม่ใช่สิ่งที่จะพรรณนาออกมาได้

“สำหรับดอกแมนดาลาน้อย เจ้าอยู่ในระดับตี้จื้อจุนขั้นเต็มแล้ว สถานที่แห่งนี้ไม่มีผลกับเจ้ามากนัก หากเจ้าเบื่อก็ไปดูที่หอคัมภีร์เทพซ่อนได้” จักรพรรดิฟ้ายิ้มให้มั่นถัวหลัว

มั่นถัวหลัวส่ายหัว ร่างดวงจิตนี้เป็นสิ่งสุดท้ายที่หลงเหลืออยู่ของจักรพรรดิฟ้าบนโลกใบนี้ หากสลายหายไปเมื่อไร จักรพรรดิฟ้าก็จะจากไปสู่นิรันดร์ ดังนั้นนางอยากอยู่กับเขาให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้

“เฮ้อ เจ้าเด็กอ่อนไหว”

เมื่อเห็นท่าทางของมั่นถัวหลัว จักรพรรดิฟ้าก็ถอนหายใจ เขาเลี้ยงดูฟูมฟักดอกแมนดาลามาหลายปี นางคล้ายกับบุตรสาวในอุทรของเขา ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาลึกซึ้งมาก มิฉะนั้นเขาคงไม่ปิดผนึกดอกแมนดาลาเมื่อเผ่าปีศาจต่างมิติโจมตีหรอก

หลังจากปลอบมั่นถัวหลัว จักรพรรดิฟ้าก็หันไปมองมู่เฉินด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “เตรียมตัวเริ่มกันเถอะ”

ร่างดวงจิตนี้มีเวลาจำกัด ดังนั้นเขาไม่อยากเสียเวลาไปสักวินาที

มู่เฉินพยักหน้าอย่างเคร่งขรึม

จักรพรรดิฟ้าพลิกนิ้ว ทะเลสาบสวรรค์ก็ส่งเสียงกระหึ่ม ก่อนที่ดอกบัวจะควบแน่นบนพื้นผิวโดยมีมู่เฉินนั่งลงไปบนนั้น

จักรพรรดิฟ้ายืนที่เบื้องหน้ามู่เฉินด้วยสีหน้าเคร่งเครียด นิ้วทั้งสองแตะลงไป ปลายนิ้วส่องประกายแวววาวเต็มไปด้วยจิตวิญญาณและความมีชีวิตชีวา

ชี่!

ดัชนีนั้นราวกับว่าไม่สนใจระยะห่างของมิติ เลื่อนไปแตะเบาๆ ที่กลางหว่างคิ้วของมู่เฉิน

ฮึ่ม

แสงหลิงกระจายออกจากกึ่งกลางคิ้วของมู่เฉิน อึดใจก็เข้าโอบล้อมร่างทั้งหมด แสงนั้นราวกับว่าเจาะผ่านหน้าผากเข้าไปในสมอง

ร่างกายมู่เฉินสั่นเทิ้มรุนแรง เขารู้สึกได้ว่ามีข้อมูลจำนวนมหาศาลกำลังไหลทะลักเข้าสู่หัวสมอง

ข้อมูลมหาศาลแทบจะทำให้สมองระเบิด แต่ดีที่เขาสามารถอดทนรับไว้ได้ ทว่าถึงจะเป็นเช่นนั้น เส้นเลือดดำก็เต้นระริกบนใบหน้าทำให้ดูป่าเถื่อนมาก

ภายใต้ความเจ็บปวดแรงกล้า แสงหลิงก็รวมตัวกันในส่วนลึกของสมอง ก่อตัวขึ้นเป็นคำโบราณ

“สามพิสุทธิ์!”

คำโบราณควบรวมและจางหายไป จากนั้นข้อมูลลึกซึ้งก็ไหลเวียนอยู่ในใจ ซึ่งอัดแน่นด้วยประสบการณ์และความเข้าใจอย่างถ่องแท้ของจักรพรรดิฟ้า

มู่เฉินดำดิ่งในความเข้าใจลึกซึ้งทันที

นี่คือความวิทยายุทธระดับเสินทงอันน่าอัศจรรย์ที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน

วิทยายุทธระดับเสินทงขั้นสุดยอดแบบนี้ต้องใช้พรสวรรค์เข้มข้นมาก โชคดีที่มู่เฉินโดดเด่นอยู่แล้วบวกกับจักรพรรดิฟ้ามอบความรู้แจ้งในการเรียนรู้ให้ ไม่เช่นนั้นคงเป็นเรื่องยากสำหรับเขาที่จะตีความได้ลึกซึ้ง

ด้วยการสรุปความจากจักรพรรดิฟ้า เขาราวกับได้รับแนวทางที่ดีที่สุด ความลึกซึ้งที่ไม่อาจอธิบายได้เข้าใจขึ้นมาทันที

เขารู้สึกโชคดีที่จักรพรรดิฟ้าส่งมอบสิ่งนี้ให้เขาผ่านกระบวนการนี้พร้อมกัน จากความสามารถของเขา แม้ว่าจะได้รับวิธีการฝึกฝนวิชาสามพิสุทธิ์ก็ต้องใช้เวลาอีกหลายปีกว่าจะบรรลุผลใดๆ

เขาลืมเรื่องเวลาเมื่อทำความเข้าใจสิ่งนี้ พริบตาก็เหมือนผ่านไปแล้วหลายเดือนหลายปี

“พลังในปัจจุบันของเจ้าได้แต่เข้าใจความลึกซึ้งของวิชาสามพิสุทธิ์ แต่ยังไม่สามารถฝึกฝนได้ ดังนั้นอย่าเพิ่งเสียแรงกับเรื่องนี้มาก ทุกอย่างรอให้เจ้าบรรลุขุมพลังก่อน”

ขณะที่มู่เฉินกำลังดำดิ่งลงไปในความรู้แจ้งนั้น เสียงก็ดังกึกก้องในสมองทำให้เขาตื่นขึ้น

สมองของมู่เฉินปลอดโปร่งอย่างรวดเร็วขณะที่รับข้อมูลในใจ เขาตกตะลึงกับวิทยายุทธระดับเสินทงขั้นสุดยอดในตำนานว่าวิเศษจริงๆ แค่หยั่งเข้าไปสั้นๆ เขาเกือบจะสูญเสียการควบคุมจิตใจไป ถ้าไม่ใช่จักรพรรดิฟ้าอยู่ด้วย ใครจะรู้ว่าเขาจะจมอยู่ใต้นั้นนานแค่ไหน

“เอาล่ะ เตรียมตัวให้พร้อม”

จักรพรรดิฟ้าเตือน ก่อนที่จะค่อยๆ วาดกระบี่เกล็ดจักรพรรดิในมือ เขาจ้องมองด้วยความทะนุถนอม กระบี่เล่มนี้ติดตามเขามาตลอดชีวิต เป็นประจักษ์พยานตั้งแต่เขาไร้ชื่อเสียงจนก้าวมาถึงจักรพรรดิฟ้าที่โด่งดังในมหาพันภพ

“สหาย หวังว่าเจ้าจะช่วยในการเดินทางครั้งสุดท้ายของข้านะ” จักรพรรดิฟ้ากล่าวอย่างอ่อนโยน

ฮึ่ม

กระบี่เกล็ดจักรพรรดิส่งเสียงคร่ำครวญออกมาอย่างชัดเจน แสงหลิงอ่อนโยนเปล่งประกายออกมา ไม่ได้แหลมคมเหมือนในอดีต

จักรพรรดิสฟ้ายิ้มพลางชูมือขึ้น กระบี่ก็พุ่งทะยานขึ้นไปบนฟ้า กลายเป็นเสาแสงขนาดใหญ่แผ่พลังอันน่าสะพรึงกลัว

จักรพรรดิฟ้าขยับนิ้วควบคุม เส้นแสงมันวาวที่ไม่มีที่สิ้นสุดพุ่งลงมาปกคลุมร่างมู่เฉิน

ปัง! ปัง!

เมื่อพลังงานมหาศาลเชื่อมโยงกับร่างของมู่เฉินก็คล้ายกับน้ำตกไหลบ่าลงมาที่ตัวแทรกซึมเข้าไปในรูขุมขน สำหรับมู่เฉินในปัจจุบันพลังงานมหาศาลเพียงนี้คำว่าครอบงำยังไม่เพียงพอที่จะอธิบาย ดังนั้นทั่วร่างจึงระเบิดออกเป็นหมอกเลือด บาดแผลกรีดผ่านไปทั่วสรรพางค์กาย

แต่โชคดีที่ร่างกายของเขาทรงพลัง แสงสีทองแล่นแปลบปลาบไปทั่วร่างจิตวิญญาณมังกรแท้จริงและหงส์ฟ้าแท้จริงพยายามฟื้นฟูร่างกายของเขาอย่างรวดเร็ว

จักรพรรดิฟ้าประหลาดใจกับฉากนี้ ตอนแรกเขาคิดว่าจะต้องเคลื่อนไหวเพื่อช่วยปกป้องร่างกายของมู่เฉินเอาไว้ คิดไม่ถึงเลยว่ามู่เฉินจะทำได้ด้วยตัวเอง แม้ว่าจะฝืนไปหน่อย มิหนำซ้ำยังต้องทนกับความเจ็บปวดที่ยิ่งใหญ่ระหว่างกระบวนการ

ทว่าจักรพรรดิฟ้าก็ไม่เคลื่อนไหวเพราะความเจ็บปวดครั้งนี้มู่เฉินต้องทนแบกรับให้ได้ เพราะแม้จะมีความช่วยเหลือจากเขา แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะบรรลุระดับตี้จื้อจุน

ไม่มีอะไรสามารถเก็บเกี่ยวได้โดยไม่ต้องหว่านเมล็ดพันธุ์

เมื่อตนได้ให้โอกาสที่ยิ่งใหญ่แก่มู่เฉินแล้ว แต่จะคว้าไว้ได้หรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับเขาเอง หากต้องแผ้วทางทุกเส้นให้ ผู้สืบทอดมรดกเช่นนี้ไม่เอาซะจะดีกว่า ต่อให้จะสามารถฝึกฝนวิชาสามพิสุทธิ์ได้ ก็คงเป็นแค่คนธรรมดา

ขณะที่แสงกระบี่ไหลบ่าลงมา ร่างกายของมู่เฉินก็เต็มไปด้วยบาดแผลอย่างต่อเนื่อง สุดท้ายสภาพก็ย่ำแย่จนทนดูไม่ได้

ทว่ามู่เฉินก็เริ่มรู้สึกถึงร่องรอยของพลังงานพิเศษที่เข้าสู่ร่างกาย พลังงานนี้เป็นสิ่งแปลกประหลาดอย่างยิ่งเนื่องจากสามารถสร้างความแข็งแกร่งและปรับแต่งร่างกายได้อย่างมาก

มู่เฉินรู้ดีว่านี่เป็นเพราะกระบี่เกล็ดจักรพรรดิ เนื่องจากจักรพรรดิฟ้าได้จ่ายราคาแพงระยับเพื่อเสริมสร้างรากฐานและการสะสมเพื่อพัฒนาการ

นอกจากนี้ขณะที่ร่างของมู่เฉินแข็งแกร่งขึ้นอย่างรวดเร็ว เขาก็สามารถสัมผัสได้ถึงรัศมีกระบี่ที่เข้ามาทุกที่ แม้แต่จุดจื้อจุนไห่ก็ไม่เว้น

นี่ทำให้เขาแอบหวาดผวา หากรัศมีกระบี่แสดงให้เห็นถึงความเป็นศัตรูน้อยนิด จุดจื้อจุนไห่ของเขาก็จะถูกกรีดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยทันที แต่โชคดีที่รัศมีกระบี่อ่อนโยนมากภายใต้การควบคุมของจักรพรรดิฟ้าเมื่อเข้าสู่จุดจื้อจุนไห่ของเขา ทุกริ้วพลังงานราวกับมังกรเข้ากลืนกินคลื่นหลิงของมู่เฉิน เมื่อมันกลั่นออกมา คลื่นหลิงที่กลับไปยังจุดจื้อจุนไห่ก็บริสุทธิ์และบริสุทธิ์ยิ่งขึ้น

ภายใต้การบำรุงของกระบี่เกล็ดจักรพรรดิ มู่เฉินสามารถสัมผัสได้ชัดเจนถึงคลื่นหลิงในจุดจื้อจุนไห่ขยายตัวได้อย่างรวดเร็ว

กระบวนการนี้ไม่สามารถทำได้แม้ว่าเขาจะใช้ของเหลวจื้อจุนไปหลายร้อยล้านหยดก็ตาม ทว่ากระบี่เกล็ดจักรพรรดิสามารถทำให้สำเร็จได้ในพริบตา

การรับรู้ถึงพลังที่เพิ่มขึ้นในร่างกายก็ทำให้ใจเขาสงบนิ่งลง เขาดำดิ่งสู่สมาธิเริ่มรู้สึกถึงขอบเขตสุดท้ายของระดับจื้อจุนแล้ว

ทว่าถึงแม้จะจ่ายด้วยราคาของกระบี่เกล็ดจักรพรรดิก็ยังเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะประสบความสำเร็จในทันที ดังนั้นครึ่งเดือนจึงผ่านไปในทะเลสาบสวรรค์

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler ฟรี ได้ที่ novel-fast 


เรื่องย่อ

โดย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler บางส่วนของนิยาย

บทนำ

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป

‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้

แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์

แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว

ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ

เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง?

ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน…

เรื่องย่อ

เมื่อคำพูดของมู่เฉินกระจายออกไป ไม่เพียงแต่จะไม่มีการตอบสนอง แม้แต่ด้านนอกเจดีย์ก็ถูกห่อหุ้มด้วยบรรยากาศราวกับป่าช้า…

ทุกคนตกตะลึงไปกับฉากนี้ พวกเขาจ้องมองจุดที่ลู่สุยหายตัวไป ราวกับว่ายังไม่สามารถฟื้นจากอาการตะลึงงันที่เกิดขึ้นได้

ก่อนหน้าเมื่อลู่สุยออกกระบวนท่าที่น่าสะพรึง ผู้คนส่วนใหญ่ก็คิดว่าผลลัพธ์ของการต่อสู้ได้ถูกกำหนดแล้ว ทว่าพวกเขาไม่คิดเลยว่ามู่เฉินจะพลิกสถานการณ์ได้อีกครั้ง เตะลู่สุยที่เหมือนจะคว้าชัยชนะออกไป

ทุกคนตะลึงไปพักใหญ่ ก่อนที่พวกเขาจะหลุดออกจากอาการได้ สายตาเคร่งเครียดลง การประลองกันครั้งนี้มู่เฉินไม่ได้ใช้ค่ายกล แต่เขาก็สามารถเอาชนะจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดอย่างลู่สุยได้ด้วยความแข็งแกร่งที่อยู่ในขั้นหกเท่านั้น แม้ว่าจะมีผลจากลู่สุยประมาทเองในตอนแรก แต่นั่นก็แสดงให้เห็นว่ามู่เฉินน่ากลัวแค่ไหน

พลังเช่นนี้เขาสามารถเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์อันดับต้นๆ ในเจดีย์ฝึกพลังกายได้เลยทีเดียว

ทางฝั่งกลุ่มกระเรียนฟ้า ใบหน้าของหลิ่วชิงกลายเป็นเขียวสลับขาว นางมองไปที่ร่างสูงโปร่งบนหน้าจอ กลืนน้ำลายเหนียวหนืด ความกลัวปรากฏในดวงตาของนางเป็นครั้งแรก

มาถึงจุดนี้นางคงโง่แน่ถ้ายังคิดปฏิบัติต่อมู่เฉินเหมือนกับจอมยุทธ์ขั้นหกทั่วไป

ด้วยพลังในการต่อสู้ที่เขาแสดงออกมา บวกกับค่ายกลทรงพลัง แม้แต่จงเถิงก็ยากจะได้เปรียบหากพวกเขาต่อสู้กัน

ก่อนหน้านี้นางหัวเราะเยาะและมองจิ่วโยวด้วยความดูถูก แต่ตอนนี้นางอายแทบแทรกแผ่นดินหนี ซึ่งจุดนี้รู้ได้จากสายตาเยาะเย้ยเหล่านั้นที่ปรายมองเข้ามา

“ทำไมมู่เฉินถึงทรงพลังเช่นนี้?” จงฮั้วที่พ่ายแพ้ให้กับมู่เฉินก็มีสีหน้าเคร่งขรึมเช่นกัน ก่อนหน้านี้เขาเคยคิดเช่นกันว่ามู่เฉินพึ่งพาเพียงค่ายกลเพื่อจัดการกับศัตรู แต่ใครจะคิดว่าเมื่อไม่มีการใช้ค่ายกลมู่เฉินก็สามารถเอาชนะลู่สุยแบบดุร้ายยิ่งกว่าอะไร

“ดูเหมือนว่ามีเพียงพี่ใหญ่จงเถิงเท่านั้นที่สามารถจัดการกับเขาได้” จอมยุทธ์อีกคนของเผ่ากระเรียนฟ้าพยักหน้า

หลิ่วชิงพยักหน้าเบาๆ ไม่เพียงแต่พวกเขาจะพิจารณาพลังของมู่เฉินพลาดไปเท่านั้น แม้แต่จงเถิงก็ตัดสินอีกฝ่ายผิดไป ชายคนนั้นเป็นสัตว์ประหลาดอย่างแท้จริง

ฟิ้ว!

ขณะที่นอกเจดีย์ต่างตกตะลึงกับผลลัพธ์ที่มู่เฉินนำมา ทันใดนั้นแสงก็กะพริบบนแท่นนอกเจดีย์ ร่างน่าสังเวชปรากฏขึ้น

เมื่อร่างนั้นออกมาก็รีบถอยกลับไปปรากฏตัวขึ้นในกลุ่มอีกาสายฟ้าทันควัน นี่ก็คือลู่สุยที่มีสีหน้าซีดขาว คลื่นหลิงของเขาถดถอยลงอย่างมาก

สายตาโดยรอบยิงเข้าหาในเวลานี้ทันที

ใบหน้าของลู่สุยเขียวคล้ำ สายตาเกลียดชังมองไปที่มู่เฉินที่อยู่บนหน้าจอ ก่อนที่จะหันหัวสาดสายตาดุร้ายใส่จิ่วโยวและมั่วหลิง ที่ข้างๆ พรรคพวกของเขาก็มีท่าทางไม่ดีเช่นกัน

ทว่าจิ่วโยวไม่กลัวที่จะเผชิญหน้ากับสายตาเหล่านั้น นางเค้นเสียงอย่างเย็นชา “ลูกหมาที่ถูกฟาดยังกล้าที่จะออกมาแยกเขี้ยวอีกเหรอ?”

ตอนนี้ลู่สุยบาดเจ็บสาหัส สูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไปหมด ส่วนคนที่เหลือก็ไม่มีอะไรต้องกลัว หากพวกเขากล้าที่จะคิดบัญชีกับพวกนาง จิ่วโยวก็ไม่คิดปล่อยพวกเขาไว้เป็นภัยคุกคามในอนาคตหรอก

สายตาแสดงความเกลียดชังของลู่สุยจ้องเขม็งอยู่ที่จิ่วโยว แต่สุดท้ายเขาก็ต้องถอนสายตาออกไปอย่างไม่เต็มใจ ก่อนที่จะถอยกลับนั่งลงบนซากปรักหักพังเข้าสมาธิเพื่อฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ

จอมยุทธ์กลุ่มอีกาสายฟ้าก็ปรากฏรอบตัวเขาเพื่อปกป้อง

เมื่อจิ่วโยวเห็นการตอบสนองนั่น นางก็ไม่ได้ใส่ใจกับพวกเขาอีก นางมองไปที่หน้าจออีกครั้งโดยพุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่ร่างเงาอ่อนเยาว์ มือที่กำแน่นผ่อนคลายลง

เห็นได้ชัดว่านี่เป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงสำหรับนางที่มู่เฉินจะเอาชนะได้เด็ดขาดแบบนี้ นั่นเป็นเพราะตามการประเมินของนางแม้ว่ามู่เฉินจะยืนยงอยู่ได้ก็เป็นยากที่จะเอาชนะลู่สุยด้วยขุมพลังจื้อจุนขั้นหกและถ้าการต่อสู้ถูกลากไปจนสุดอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบคาดไม่ถึง

ทว่าผลลัพธ์สุดท้ายที่ได้ก็ทำให้นางทั้งประหลาดใจและดีใจ

เห็นได้ชัดว่ามู่เฉินได้รับประโยชน์มหาศาลจากสามชั้นแรกของเจดีย์ฝึกพลังกาย ไม่เช่นนั้นเขาไม่สามารถแสดงพลังเป็นที่ประจักษ์เช่นนี้ได้

“ว่ากันว่าในชั้นสี่มหัศจรรย์กว่านี้มาก หากใครสามารถเข้าไปได้ พวกเขาจะสามารถได้รับผลประโยชน์เกินกว่าสามชั้นแรกมาก…”

จิ่วโยวยิ้มบาง ดูจากสถานการณ์ปัจจุบันไม่น่ามีปัญหาใดๆ ที่มู่เฉินจะเข้าสู่ชั้นสี่ สำหรับมั่วเฟิงความแข็งแกร่งของเขาเป็นหนึ่งในอันดับต้นของกลุ่มที่เข้าไป ดังนั้นจึงไม่ยากสำหรับเขาที่จะได้หนึ่งในห้าที่นั่งนี้ไปเช่นกัน

ดูเหมือนว่าการเดินทางมาที่เจดีย์ฝึกพลังกายโบราณครั้งนี้เผ่าวิหคโลกันตร์อาจเป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

บนลานเมฆสายฟ้า

ไม่มีใครตอบคำถามของมู่เฉิน ขณะนี้แม้แต่จอมยุทธ์ทรงอำนาจอย่างหานซันและสีคุนก็ยังรู้สึกหวาดระแวงมู่เฉินอยู่บ้าง ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกที่จะไม่ไปปะทะกับมนุษย์ผู้นี้

ดังนั้นคนทั้งหมดที่อยู่ที่นี่จึงเงียบลง ก่อนที่จะถอยออกจากรัศมีโดยรอบมู่เฉินอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณบอกว่าพวกเขาไม่ต้องการต่อสู้กับเขา

เมื่อมู่เฉินเห็นภาพนี้ก็ไม่มีอารมณ์ใดบนใบหน้า แต่ในใจกลับรู้สึกโล่งอก คนอื่นๆ เห็นเพียงฉากการต่อสู้ตระการที่เขาเอาชนะลู่สุยได้ แต่พวกเขาไม่รู้หรอกว่าหมัดที่เขาชกออกไปก่อนหน้านี้คือพลังงานส่วนเกินจากสามชั้นแรก

ร่างกายของมู่เฉินก่อนหน้าเปรียบเสมือนฟองน้ำที่ดูดซับน้ำจนถึงขีดจำกัด หมัดของเขาจึงเท่ากับบีบน้ำออกจนหมด ทำให้ร่างกายที่อัดแน่นกลับสู่สภาพเดิม

ดังนั้นถ้าให้เขาโจมตีแบบนั้นอีกครั้ง พลังก็จะไม่ทรงประสิทธิภาพเหมือนเมื่อครู่แน่นอน

ประสิทธิผลพิเศษชนิดนี้ของการสะสมพลังงานในร่างกายเป็นทักษะที่ได้มาจากกายามังกรหงส์ ด้วยวิธีนี้เขาจะได้รับผลลัพธ์ที่ไม่มีใครคาดคิดไว้ กลายเป็นไพ่ลับอีกใบหนึ่ง

“คัมภีร์หลงเฟิ่งทรงพลังจริงๆ”

แม้แต่มู่เฉินก็ยังชื่นชมในสิ่งนี้ คัมภีร์หลงเฟิ่งสมแล้วที่เป็นทักษะยอดเยี่ยมแท้จริง จากการประเมินของเขาคัมภีร์นี้ต้องอยู่ในระดับเสินทงแน่นอน ซึ่งไม่ธรรมดาแม้จะอยู่ในกลุ่มวิทยายุทธระดับเสินทงด้วย

มู่เฉินชื่นชมก่อนที่จะใจเย็นลง แม้ว่าตอนนี้จะไม่มีใครท้าทายเขา แต่เขาก็ไม่ตั้งใจที่จะท้าทายคนอื่นด้วยเช่นกัน เขายืนนิ่งบนตำแหน่งตนเองรอผลการคัดออก

สำหรับจงเถิง มู่เฉินรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นพวกยุแยงให้ลู่สุยมาปะทะกับเขา แต่เนื่องจากตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ดีในการจัดการ เขาจึงได้แต่ผลักแผนไปก่อน

แต่ถึงกระนั้นสายตาคมกล้าของมู่เฉินก็ยังจ้องเขม็งไปที่จงเถิง รอบตัวเต็มไปด้วยคลื่นหลิงราวกับเสือดาวที่กำลังจะจ้องตะครุบเหยื่ออัดแน่นด้วยภัยคุกคาม

เมื่อเห็นท่าทางของมู่เฉิน จงเถิงที่ประจันหน้ากับมั่วเฟิงก็รู้สึกอึดอัดใจ เขาต้องแยกสมาธิอยู่ตลอดเพื่อจับตามองมู่เฉิน ป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายเคลื่อนไหวมาประสานพลังกับมั่วเฟิง

ด้วยวิธีนี้สมาธิของจงเถิงจึงค่อนข้างฟุ้งซ่าน สุดท้ายเขาได้แต่กัดฟัน ถอนคลื่นหลิงและถอยออกจากบริเวณของมั่วเฟิง

“พี่มั่วยากสำหรับการต่อสู้ของเราที่จะได้ข้อสรุป ทำไมเราไม่ไปจัดการคนอื่นและรับที่นั่งมาล่ะ?” ขณะที่จงเถิงถอยกลับเสียงก็สะท้อนก้องไปด้วย

มั่วเฟิงจ้องมองจงเถิงอย่างไม่แยแสก่อนที่จะพยักหน้า นั่นเป็นเพราะเขารู้ว่าหากพวกเขายังอยู่ในสถานการณ์ยืนจ้องหน้ากันก็จะไม่เกิดผลลัพธ์ใด หากเขาร่วมมือกับมู่เฉิน พวกเขาอาจทำให้จงเถิงบ้าดีเดือดขึ้นมา แม้แต่พวกเขาก็ต้องจ่ายราคามหาศาลจากการตีโต้

ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับพวกเขาคือการได้ที่นั่งเพื่อเข้าสู่ชั้นสี่

เมื่อจงเถิงเห็นคำตอบของมั่วเฟิงก็รู้สึกโล่งใจในใจ เขาถอยกลับอย่างรวดเร็วออกจากจุดที่มู่เฉินและมั่วเฟิงอยู่ เขาครุ่นคิดสั้นๆ ก่อนจะเลือกปะทะกับคนที่อ่อนแอกว่า

พอมู่เฉินเห็นจงเถิงไปแล้วก็ไม่ได้ใส่ใจอีกต่อไป สายตาหันมามองมั่วเฟิงแล้วก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้มแสดงความขอบคุณในการช่วยเหลือครั้งนี้

สายตาของมั่วเฟิงเป็นมิตรมากขึ้น คิดว่าการที่มู่เฉินเอาชนะลู่สุย ทำให้มั่วเฟิงมองมู่เฉินในฐานะจอมยุทธ์ที่อยู่ในระดับเดียวกันกับเขา ดังนั้นจึงไม่ได้มีท่าทางเฉยเมยเหมือนเมื่อก่อน

มั่วเฟิงพยักหน้าให้มู่เฉิน ก่อนที่จะหันหลังกลับและเริ่มเลือกคู่ต่อสู้ของตนเอง

ครืน!

เมื่อทุกคนเลือกคู่ต่อสู้แล้ว ทันใดนั้นคลื่นหลิงก็ระเบิดรุนแรงบนลานเมฆสายฟ้า คลื่นกระแทกกวาดออก ทำให้มิติเกิดการสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นไม่หยุด

บนลานเมฆสายฟ้าพลังงานหลิงกวาดหายนะ มีเพียงตรงมู่เฉินเท่านั้นที่ไม่ถูกรบกวน เนื่องจากไม่มีใครกล้าเหยียบเข้ามาในรัศมีพันจั้ง ยามนี้เขาเหมือนผู้ชมที่ดูการต่อสู้ติดขอบ ในเวลาเดียวกันก็บันทึกกระบวนท่าที่ทรงพลังของบางคนไว้ในสมอง

แม้ว่าในชั้นนี้พวกเขาอาจไม่ได้ประลองกัน แต่ก็ยังมีอีกสองชั้นรอพวกเขาอยู่ ใครจะสามารถรับประกันได้ว่าจะไม่มีการลดจำนวนลงในชั้นต่อไป?

ดังนั้นถ้ามีโอกาสเขาต้องพยายามจดจำข้อมูลผู้อื่นเก็บไว้

ภายใต้การสังเกตของมู่เฉิน การประลองบนลานเมฆสายฟ้าก็คงอยู่ชั่วระยะหนึ่ง ก่อนที่แต่ละคู่จะมาถึงจุดสิ้นสุด ผลลัพธ์ก็เป็นไปตามที่คาดไว้

หลังจากมู่เฉินก็เป็นหานซันที่เอาชนะคู่ต่อสู้ได้ที่นั่งที่สองไป

จากนั้นมั่วเฟิงและจงเถิงก็คว้าชัยชนะตามมา

ที่นั่งสุดท้ายตกเป็นของสีคุนที่ก่อนหน้านี้เคยแพ้หานซันที่ด้านนอกเจดีย์ ชายนี้มีความแข็งแกร่งที่น่าตกใจ แม้แต่หานซันยังต้องใช้ทักษะเต็มที่ถึงจะได้รับชัยชนะมา

เมื่อสีคุนได้รับที่นั่งสุดท้ายลานเมฆสายฟ้าขนาดใหญ่ก็เงียบลงอีกครั้ง ร่างทั้งห้ายืนอยู่ ขณะรัศมีไร้ขอบเขตทั้งห้าสายพุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าชนกันเปรี้ยงปร้าง

ทว่าการชนกันก็ดำเนินไปเพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ ก่อนที่ทั้งห้าจะถอนคลื่นพลังพร้อมกัน พวกเขาเหลือบมองกันและกัน จากนั้นก็ไม่ลังเลทะยานออกไปปรากฏตัวบนเบาะทั้งห้า

สายตาพวกเขาพุ่งตรงไปยังมิติด้านหลังลานเมฆสายฟ้าด้วยความโลภ ตรงนั้นเส้นดาวหางจำนวนมากกวาดผ่านราวกับฝนดาวตก

ในแสงเหล่านั้นแก่นหยดสายฟ้ากำลังกะพริบด้วยความแวววาว


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท