หนึ่งในใต้หล้า 大主宰
บทที่ 1193 โอกาสที่มอบให้จากจักรพรรดิฟ้า
สุสานจักรพรรดิฟ้า
เมื่อเห็นมู่เฉินคำนับในท่าทางของศิษย์ จักรพรรดิฟ้าก็คลี่ยิ้มไม่ได้ขยับหลบไป หากวังสวรรค์บรรพกาลยังยืนยง ไม่รู้ว่าจะมีศิษย์เท่าไรที่ฝันจะได้สิ่งนี้ แต่ทว่ากลับไม่มีโอกาสที่ดี ดังนั้นกล่าวได้ว่าโชคชะตานี้เป็นโอกาสสำหรับมู่เฉินแท้จริง
“ตามข้ามา”
จักรพรรดิฟ้าโบกมือ มิติรอบตัวก็บิดเบี้ยว เมื่อพวกมู่เฉินตั้งสติได้ก็ถูกนำตัวไปยังมหาสมุทรอันกว้างใหญ่พร้อมกับเสียงน้ำสาดกระเซ็นดังมาจากเบื้องล่าง ขณะเดียวกันก็มีหมอกหลิงลอยวนก่อเป็นรูปสัตว์อสูรต่างๆ
นี่คือทะเลสาบสวรรค์ที่เขาเคยเข้ามาก่อน
ทว่าหลังจากที่พวกเขาจากไป ทะเลสาบสวรรค์ก็ปิดตัวลง ไม่คิดว่าจักรพรรดิฟ้าจะสามารถเปิดขึ้นได้อย่างง่ายดายเช่นนี้
คลื่นหลิงที่นี่มีมากมายมหาศาล นี่เป็นดินแดนขุมทรัพย์แท้จริงสำหรับการเพาะบ่มพลัง การได้ฝึกฝนที่นี่จะทำให้เกิดผลลัพธ์เป็นสองเท่า
“เจ้าสามารถฝึกฝนที่นี่ได้ในช่วงเวลานี้” จักรพรรดิฟ้ามองไปที่จิ่วโยวที่มีขุมพลังจื้อจุนขั้นเก้าระยะเต็ม อีกเพียงก้าวเดียวก็จะบรรลุขุมพลังตี้จื้อจุนแล้ว ทว่าจักรพรรดิฟ้าสามารถถ่ายทอดทักษะที่มีให้ได้คนดียว ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถช่วยเหลือจิ่วโยวในการพัฒนา ได้แต่ให้นางฝึกฝนที่นี่เพื่อจะได้บรรลุผลอย่างรวดเร็ว
“ขอบคุณท่านจักรพรรดิฟ้าเจ้าค่ะ” จิ่วโยวดีใจมากเพราะประโยชน์ในการเพาะบ่มที่นี่ไม่ใช่สิ่งที่จะพรรณนาออกมาได้
“สำหรับดอกแมนดาลาน้อย เจ้าอยู่ในระดับตี้จื้อจุนขั้นเต็มแล้ว สถานที่แห่งนี้ไม่มีผลกับเจ้ามากนัก หากเจ้าเบื่อก็ไปดูที่หอคัมภีร์เทพซ่อนได้” จักรพรรดิฟ้ายิ้มให้มั่นถัวหลัว
มั่นถัวหลัวส่ายหัว ร่างดวงจิตนี้เป็นสิ่งสุดท้ายที่หลงเหลืออยู่ของจักรพรรดิฟ้าบนโลกใบนี้ หากสลายหายไปเมื่อไร จักรพรรดิฟ้าก็จะจากไปสู่นิรันดร์ ดังนั้นนางอยากอยู่กับเขาให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้
“เฮ้อ เจ้าเด็กอ่อนไหว”
เมื่อเห็นท่าทางของมั่นถัวหลัว จักรพรรดิฟ้าก็ถอนหายใจ เขาเลี้ยงดูฟูมฟักดอกแมนดาลามาหลายปี นางคล้ายกับบุตรสาวในอุทรของเขา ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาลึกซึ้งมาก มิฉะนั้นเขาคงไม่ปิดผนึกดอกแมนดาลาเมื่อเผ่าปีศาจต่างมิติโจมตีหรอก
หลังจากปลอบมั่นถัวหลัว จักรพรรดิฟ้าก็หันไปมองมู่เฉินด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “เตรียมตัวเริ่มกันเถอะ”
ร่างดวงจิตนี้มีเวลาจำกัด ดังนั้นเขาไม่อยากเสียเวลาไปสักวินาที
มู่เฉินพยักหน้าอย่างเคร่งขรึม
จักรพรรดิฟ้าพลิกนิ้ว ทะเลสาบสวรรค์ก็ส่งเสียงกระหึ่ม ก่อนที่ดอกบัวจะควบแน่นบนพื้นผิวโดยมีมู่เฉินนั่งลงไปบนนั้น
จักรพรรดิฟ้ายืนที่เบื้องหน้ามู่เฉินด้วยสีหน้าเคร่งเครียด นิ้วทั้งสองแตะลงไป ปลายนิ้วส่องประกายแวววาวเต็มไปด้วยจิตวิญญาณและความมีชีวิตชีวา
ชี่!
ดัชนีนั้นราวกับว่าไม่สนใจระยะห่างของมิติ เลื่อนไปแตะเบาๆ ที่กลางหว่างคิ้วของมู่เฉิน
ฮึ่ม
แสงหลิงกระจายออกจากกึ่งกลางคิ้วของมู่เฉิน อึดใจก็เข้าโอบล้อมร่างทั้งหมด แสงนั้นราวกับว่าเจาะผ่านหน้าผากเข้าไปในสมอง
ร่างกายมู่เฉินสั่นเทิ้มรุนแรง เขารู้สึกได้ว่ามีข้อมูลจำนวนมหาศาลกำลังไหลทะลักเข้าสู่หัวสมอง
ข้อมูลมหาศาลแทบจะทำให้สมองระเบิด แต่ดีที่เขาสามารถอดทนรับไว้ได้ ทว่าถึงจะเป็นเช่นนั้น เส้นเลือดดำก็เต้นระริกบนใบหน้าทำให้ดูป่าเถื่อนมาก
ภายใต้ความเจ็บปวดแรงกล้า แสงหลิงก็รวมตัวกันในส่วนลึกของสมอง ก่อตัวขึ้นเป็นคำโบราณ
“สามพิสุทธิ์!”
คำโบราณควบรวมและจางหายไป จากนั้นข้อมูลลึกซึ้งก็ไหลเวียนอยู่ในใจ ซึ่งอัดแน่นด้วยประสบการณ์และความเข้าใจอย่างถ่องแท้ของจักรพรรดิฟ้า
มู่เฉินดำดิ่งในความเข้าใจลึกซึ้งทันที
นี่คือความวิทยายุทธระดับเสินทงอันน่าอัศจรรย์ที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน
วิทยายุทธระดับเสินทงขั้นสุดยอดแบบนี้ต้องใช้พรสวรรค์เข้มข้นมาก โชคดีที่มู่เฉินโดดเด่นอยู่แล้วบวกกับจักรพรรดิฟ้ามอบความรู้แจ้งในการเรียนรู้ให้ ไม่เช่นนั้นคงเป็นเรื่องยากสำหรับเขาที่จะตีความได้ลึกซึ้ง
ด้วยการสรุปความจากจักรพรรดิฟ้า เขาราวกับได้รับแนวทางที่ดีที่สุด ความลึกซึ้งที่ไม่อาจอธิบายได้เข้าใจขึ้นมาทันที
เขารู้สึกโชคดีที่จักรพรรดิฟ้าส่งมอบสิ่งนี้ให้เขาผ่านกระบวนการนี้พร้อมกัน จากความสามารถของเขา แม้ว่าจะได้รับวิธีการฝึกฝนวิชาสามพิสุทธิ์ก็ต้องใช้เวลาอีกหลายปีกว่าจะบรรลุผลใดๆ
เขาลืมเรื่องเวลาเมื่อทำความเข้าใจสิ่งนี้ พริบตาก็เหมือนผ่านไปแล้วหลายเดือนหลายปี
“พลังในปัจจุบันของเจ้าได้แต่เข้าใจความลึกซึ้งของวิชาสามพิสุทธิ์ แต่ยังไม่สามารถฝึกฝนได้ ดังนั้นอย่าเพิ่งเสียแรงกับเรื่องนี้มาก ทุกอย่างรอให้เจ้าบรรลุขุมพลังก่อน”
ขณะที่มู่เฉินกำลังดำดิ่งลงไปในความรู้แจ้งนั้น เสียงก็ดังกึกก้องในสมองทำให้เขาตื่นขึ้น
สมองของมู่เฉินปลอดโปร่งอย่างรวดเร็วขณะที่รับข้อมูลในใจ เขาตกตะลึงกับวิทยายุทธระดับเสินทงขั้นสุดยอดในตำนานว่าวิเศษจริงๆ แค่หยั่งเข้าไปสั้นๆ เขาเกือบจะสูญเสียการควบคุมจิตใจไป ถ้าไม่ใช่จักรพรรดิฟ้าอยู่ด้วย ใครจะรู้ว่าเขาจะจมอยู่ใต้นั้นนานแค่ไหน
“เอาล่ะ เตรียมตัวให้พร้อม”
จักรพรรดิฟ้าเตือน ก่อนที่จะค่อยๆ วาดกระบี่เกล็ดจักรพรรดิในมือ เขาจ้องมองด้วยความทะนุถนอม กระบี่เล่มนี้ติดตามเขามาตลอดชีวิต เป็นประจักษ์พยานตั้งแต่เขาไร้ชื่อเสียงจนก้าวมาถึงจักรพรรดิฟ้าที่โด่งดังในมหาพันภพ
“สหาย หวังว่าเจ้าจะช่วยในการเดินทางครั้งสุดท้ายของข้านะ” จักรพรรดิฟ้ากล่าวอย่างอ่อนโยน
ฮึ่ม
กระบี่เกล็ดจักรพรรดิส่งเสียงคร่ำครวญออกมาอย่างชัดเจน แสงหลิงอ่อนโยนเปล่งประกายออกมา ไม่ได้แหลมคมเหมือนในอดีต
จักรพรรดิสฟ้ายิ้มพลางชูมือขึ้น กระบี่ก็พุ่งทะยานขึ้นไปบนฟ้า กลายเป็นเสาแสงขนาดใหญ่แผ่พลังอันน่าสะพรึงกลัว
จักรพรรดิฟ้าขยับนิ้วควบคุม เส้นแสงมันวาวที่ไม่มีที่สิ้นสุดพุ่งลงมาปกคลุมร่างมู่เฉิน
ปัง! ปัง!
เมื่อพลังงานมหาศาลเชื่อมโยงกับร่างของมู่เฉินก็คล้ายกับน้ำตกไหลบ่าลงมาที่ตัวแทรกซึมเข้าไปในรูขุมขน สำหรับมู่เฉินในปัจจุบันพลังงานมหาศาลเพียงนี้คำว่าครอบงำยังไม่เพียงพอที่จะอธิบาย ดังนั้นทั่วร่างจึงระเบิดออกเป็นหมอกเลือด บาดแผลกรีดผ่านไปทั่วสรรพางค์กาย
แต่โชคดีที่ร่างกายของเขาทรงพลัง แสงสีทองแล่นแปลบปลาบไปทั่วร่างจิตวิญญาณมังกรแท้จริงและหงส์ฟ้าแท้จริงพยายามฟื้นฟูร่างกายของเขาอย่างรวดเร็ว
จักรพรรดิฟ้าประหลาดใจกับฉากนี้ ตอนแรกเขาคิดว่าจะต้องเคลื่อนไหวเพื่อช่วยปกป้องร่างกายของมู่เฉินเอาไว้ คิดไม่ถึงเลยว่ามู่เฉินจะทำได้ด้วยตัวเอง แม้ว่าจะฝืนไปหน่อย มิหนำซ้ำยังต้องทนกับความเจ็บปวดที่ยิ่งใหญ่ระหว่างกระบวนการ
ทว่าจักรพรรดิฟ้าก็ไม่เคลื่อนไหวเพราะความเจ็บปวดครั้งนี้มู่เฉินต้องทนแบกรับให้ได้ เพราะแม้จะมีความช่วยเหลือจากเขา แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะบรรลุระดับตี้จื้อจุน
ไม่มีอะไรสามารถเก็บเกี่ยวได้โดยไม่ต้องหว่านเมล็ดพันธุ์
เมื่อตนได้ให้โอกาสที่ยิ่งใหญ่แก่มู่เฉินแล้ว แต่จะคว้าไว้ได้หรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับเขาเอง หากต้องแผ้วทางทุกเส้นให้ ผู้สืบทอดมรดกเช่นนี้ไม่เอาซะจะดีกว่า ต่อให้จะสามารถฝึกฝนวิชาสามพิสุทธิ์ได้ ก็คงเป็นแค่คนธรรมดา
ขณะที่แสงกระบี่ไหลบ่าลงมา ร่างกายของมู่เฉินก็เต็มไปด้วยบาดแผลอย่างต่อเนื่อง สุดท้ายสภาพก็ย่ำแย่จนทนดูไม่ได้
ทว่ามู่เฉินก็เริ่มรู้สึกถึงร่องรอยของพลังงานพิเศษที่เข้าสู่ร่างกาย พลังงานนี้เป็นสิ่งแปลกประหลาดอย่างยิ่งเนื่องจากสามารถสร้างความแข็งแกร่งและปรับแต่งร่างกายได้อย่างมาก
มู่เฉินรู้ดีว่านี่เป็นเพราะกระบี่เกล็ดจักรพรรดิ เนื่องจากจักรพรรดิฟ้าได้จ่ายราคาแพงระยับเพื่อเสริมสร้างรากฐานและการสะสมเพื่อพัฒนาการ
นอกจากนี้ขณะที่ร่างของมู่เฉินแข็งแกร่งขึ้นอย่างรวดเร็ว เขาก็สามารถสัมผัสได้ถึงรัศมีกระบี่ที่เข้ามาทุกที่ แม้แต่จุดจื้อจุนไห่ก็ไม่เว้น
นี่ทำให้เขาแอบหวาดผวา หากรัศมีกระบี่แสดงให้เห็นถึงความเป็นศัตรูน้อยนิด จุดจื้อจุนไห่ของเขาก็จะถูกกรีดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยทันที แต่โชคดีที่รัศมีกระบี่อ่อนโยนมากภายใต้การควบคุมของจักรพรรดิฟ้าเมื่อเข้าสู่จุดจื้อจุนไห่ของเขา ทุกริ้วพลังงานราวกับมังกรเข้ากลืนกินคลื่นหลิงของมู่เฉิน เมื่อมันกลั่นออกมา คลื่นหลิงที่กลับไปยังจุดจื้อจุนไห่ก็บริสุทธิ์และบริสุทธิ์ยิ่งขึ้น
ภายใต้การบำรุงของกระบี่เกล็ดจักรพรรดิ มู่เฉินสามารถสัมผัสได้ชัดเจนถึงคลื่นหลิงในจุดจื้อจุนไห่ขยายตัวได้อย่างรวดเร็ว
กระบวนการนี้ไม่สามารถทำได้แม้ว่าเขาจะใช้ของเหลวจื้อจุนไปหลายร้อยล้านหยดก็ตาม ทว่ากระบี่เกล็ดจักรพรรดิสามารถทำให้สำเร็จได้ในพริบตา
การรับรู้ถึงพลังที่เพิ่มขึ้นในร่างกายก็ทำให้ใจเขาสงบนิ่งลง เขาดำดิ่งสู่สมาธิเริ่มรู้สึกถึงขอบเขตสุดท้ายของระดับจื้อจุนแล้ว
ทว่าถึงแม้จะจ่ายด้วยราคาของกระบี่เกล็ดจักรพรรดิก็ยังเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะประสบความสำเร็จในทันที ดังนั้นครึ่งเดือนจึงผ่านไปในทะเลสาบสวรรค์