หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – ตอนที่ 1194

ตอนที่ 1194

หนึ่งในใต้หล้า 大主宰
บทที่ 1194 นี่คือ…ระดับตี้จื้อจุน
ทะเลสาบสวรรค์โหมกระหน่ำด้วยคลื่นเชี่ยวกราก

เสียงดังกึกก้อง ขณะเดียวกันยังมีหมอกหลิงหนาแน่นปกคลุมไปทั่วจนปิดกั้นแสงอาทิตย์

ขณะที่คลื่นหลิงหนาแน่นปกคลุมฟ้าดิน เสาแสงขนาดใหญ่ก็ตั้งตะหง่าน สามารถมองเห็นภาพเงานั่งอยู่ข้างใต้ได้

ร่างนั้นถูกเจาะด้วยรัศมีกระบี่คมกริบที่มีอำนาจครอบงำอยู่ตลอดเวลา ส่งผลให้เขามีบาดแผลทั่วตัว

นี่ก็คือมู่เฉิน

เขานั่งอยู่ที่นั่นมากกว่าครึ่งเดือนแล้ว ทนทุกข์ทรมานจากความเจ็บปวดอยู่ตลอดเวลา

ภายใต้การชำระ เนื้อกระดูกแต่ละชิ้นถูกเจาะทะลุหลายหมื่นครั้ง แต่หลังจากถูกทำลาย เขาก็ฟื้นฟูบาดแผลด้วยความช่วยเหลือของกายามังกรหงส์ จากนั้นก็วนซ้ำไปครั้งแล้วครั้งเล่า

ทุกข์ทรมานเช่นนี้ถ้าเป็นคนที่มิจิตใจไม่มั่นคง คงอดทนไม่ไหวไปนานแล้ว นอกจากนี้จิตใจก็จะพังทลายจนเสียโอกาสยิ่งใหญ่ของจักรพรรดิฟ้าไป

โชคดีที่มู่เฉินฝึกฝนอย่างมุ่งมั่นมายาวนานตลอดเส้นทางที่ผ่านมา เขามีประสบการณ์เป็นตายเดินผ่านปากประตูนรกมาหลายครั้ง

ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่คนอย่างมู่เฉินจะยอมแพ้

นอกจากนี้มู่เฉินยังปรับตัวให้เข้ากับความเจ็บปวดอย่างค่อยเป็นค่อยไป เนื่องจากร่างกายของเขาจะแข็งแกร่งขึ้นทุกครั้งที่ได้รับบาดเจ็บ

ตอนนี้พื้นผิวหนังของมู่เฉินไม่ได้ปะทุขึ้นอีกต่อไป มีเพียงบาดแผลลึกจากกระบี่ที่ถูกทิ้งไว้ ซึ่งนี่แสดงให้เห็นถึงความก้าวหน้าของเขา

ตามการประเมินความแข็งแกร่งของมู่เฉิน พลังกายของเขาเพิ่มขึ้นหลายเท่ามากกว่าเมื่อครึ่งเดือนก่อน

เขารู้สึกยินดีอย่างมากเพราะไม่ง่ายที่จะฝึกพลังกาย การฝึกฝนจะต้องรุนแรงและต้องหยุดพักเป็นช่วง ถ้ารุนแรงเกินไปก็จะเป็นอันตรายแทนได้

แต่การชำระล้างนี้สมบูรณ์แบบและสมดุลในการเสริมสร้างร่างกาย มันอยู่ในระดับที่สามารถชำระร่างให้แข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็ไม่ได้รุนแรงจนจะทำลายให้สิ้นซาก

ดังนั้นแม้ว่ามู่เฉินจะต้องแบกรับความเจ็บปวด แต่ก็ยังยึดมั่นกัดฟันทน หลังจากได้ชิมรสหวานหอมของมัน

นอกจากนี้การเสริมสร้างพลังกายของเขายังไม่ใช่สิ่งที่ทำให้เขามีความสุขที่สุด แต่เป็นคลื่นหลิง

ยามนี้จุดจื้อจุนไห่ขยายขนาดไปจนถึงระดับน่าอัศจรรย์ บางครั้งจะมีคลื่นใหญ่หมื่นจั้งซัดเป็นครั้งคราว ซึ่งภายในอัดแน่นด้วยคลื่นหลิงทรงพลัง

นอกจากนี้เหนือจุดจื้อจุนไห่ รัศมีกระบี่ก็กวาดเข้ามาหล่อเลี้ยงคลื่นหลิงของเขาอย่างต่อเนื่อง

ยามนี้คลื่นหลิงในจุดจื้อจุนไห่เติบโตขึ้นมากเมื่อเทียบกับครึ่งเดือนที่ผ่านมา จากการประเมินถ้าเขาต้องต่อสู้กับตัวเองเมื่อครึ่งเดือนก่อน เขาคงสามารถใช้คลื่นหลิงทำให้ตัวเองหมดแรงได้เลย

หากเขาต้องพึ่งพาตัวเองให้ถึงระดับนั้น อย่างน้อยก็ต้องใช้เวลาสะสมหนึ่งปีเต็มๆ

แต่ตอนนี้กลับสามารถทำได้สำเร็จได้ในครึ่งเดือน

“แต่คลื่นหลิงหนาแน่นเกินไป หากยังดำเนินต่อไปจุดจื้อจุนไห่ของข้าจะไม่สามารถรับไหว” มู่เฉินเริ่มกังวลเนื่องจากจุดจื้อจุนไห่ของเขาใกล้จะถึงขีดจำกัดแล้ว หากยังขยายตัวต่ออาจแตกเป็นเสี่ยงๆ ก็ได้

“หรือว่าข้าต้องเติมจุดจื้อจุนจนเต็มถึงจะเข้าสู่ระดับตี้จื้อจุนได้?”

คำตอบนี้เป็นสิ่งที่ตัวเขาไม่สามารถยืนยันได้

แม้ว่าเขาจะไม่แน่ใจ แต่ก็ไม่หยุด นอกจากนี้เขาก็ไม่สามารถหยุดได้เพราะทุกสิ่งถูกควบคุมโดยจักรพรรดิฟ้า ดังนั้นหากจักรพรรดิฟ้าไม่หยุด เขาก็ต้องรับไว้ เว้นแต่จะล้มลงก่อน

มู่เฉินเก็บงำความคิดระงับความกังวลในใจ รับรู้ถึงพัฒนาการร่างกายและคลื่นหลิง

การชำระยังดำเนินผ่านไปอีกสิบวัน

ในที่สุดคลื่นหลิงในจุดจื้อจุนไห่ของเขาก็มาถึงขีดสุด

คลื่นหลิงในจุดจื้อจุนไห่ผันผวนรุนแรง ความรู้สึกอัดแน่นที่เหมือนกำลังจะระเบิดถูกส่งออกมา นี่ทำให้หัวใจของมู่เฉินเต้นระรัว

เขาไม่สงสัยเลยว่าหากยังดำเนินต่อไป จุดจื้อจุนไห่ของเขาก็จะแตกได้จากกระบวนการนี้

ทว่าจักรพรรดิฟ้าก็ไม่มีทีท่าว่าจะหยุด

“หรือว่าจะต้องทำลายจุดจื้อจุนไห่จริงๆ?”

ความคิดบ้าคลั่งพุ่งผ่านหัวใจ แต่สุดท้ายเขาก็ระงับเอาไว้

จักรพรรดิฟ้าไม่มีเหตุผลที่จะทำร้ายกัน เขาไม่จำเป็นต้องทำ ครั้งหนึ่งเขาเคยเป็นมหาอำนาจสูงสุดของมหาพันภพ แม้ว่าเขาจะสิ้นชีพไปแล้วก็ยังเป็นเรื่องง่ายที่จะฆ่ามู่เฉินเหมือนกับจัดการลู่หยวน

ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ดังนั้นจักรพรรดิฟ้าต้องมีเหตุผลเรื่องนี้

มู่เฉินเลือกที่จะเชื่อมั่นในตัวอาจารย์หลังจากลังเลชั่วครู่

เขาหายใจลึกๆ รวบรวมสมาธิปล่อยให้รัศมีกระบี่หลั่งไหลไปในสู่จุดจื้อจุนไห่จนกระทั่งถึงขีดเต็ม

เมื่อช่องว่างสุดท้ายของจุดจื้อจุนไห่เติมเต็ม มู่เฉินก็รู้สึกว่าทั่วฟ้าดินเงียบลงกะทันหัน

แกร็ก

รอยแตกเริ่มปรากฏในจุดจื้อจุนไห่แพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว ดังที่มู่เฉินคาดไว้จุดจื้อจุนไห่ของเขาเริ่มปริแตกหลังจากมาถึงขีดจำกัด

สำหรับจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนทุกคนฉากนี้อาจทำให้กลัวจนบ้าตาย เพราะทุกคนรู้ดีว่าจุดจื้อจุนไห่สำคัญเพียงใด เมื่อไรที่จุดจื้อจุนไห่แตกออก ความพยายามที่ทำมาทั้งหมดชั่วชีวิตก็จะสลายหายไปกลายเป็นอากาศธาตุ

เม็ดเหงื่อท่วมหน้าผากของมู่เฉิน แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้เขาหวั่นไหว

“ตั้งใจให้มั่นคง ปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามวิถีธรรมชาติ”

ขณะที่มู่เฉินรู้สึกกระสับกระส่ายในใจ เสียงของจักรพรรดิฟ้าก็ดังก้องในใจ

เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านั้น มู่เฉินก็โล่งใจขึ้นมา เขาตั้งสมาธิปกป้องจิตใจ ปล่อยให้จุดจื้อจุนไห่เปลี่ยนแปลงไปตามวิถีทางแห่งยุทธ์

ปัง!

รอยแตกเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ในที่สุดจุดจื้อจุนไห่ก็ไม่สามารถบรรจุคลื่นหลิงไร้ขอบเขตลงไปได้อีกแล้วเกิดการแตกออกในที่สุด

แสงกำจายออกมาจากหน้าอกของมู่เฉิน ซึ่งเป็นที่ตั้งของจุดจื้อจุนไห่ ยามนี้แสงขยายออกไปพร้อมกับการแตกร้าวของจุดจื้อจุนไห่ ห่อหุ้มเขาไว้

ปัง! ปัง !ปัง!

คลื่นหลิงเหนือคำบรรยายกวาดออกจากร่าง ฉีกร่างออกเป็นชิ้นๆ ทีละนิ้ว…ละนิ้ว

การพังทลายนี้เริ่มจากภายในสู่ภายนอก ดังนั้นเพียงอึดใจร่างเขาก็ระเบิดกลายเป็นหมอกเลือด

แสงสีทองกะพริบเบื้องหน้าละอองเลือดก็ควบแน่นเป็นร่างหนึ่งอย่างรวดเร็ว มู่เฉินกำลังควบคุมกายามังกรหงส์อย่างบ้าคลั่ง เพื่อซ่อมแซมร่างกายทั้งหมด

ปัง! ปัง!

แต่เมื่อการซ่อมแซมเพิ่งจะก่อตัว คลื่นความรุนแรงอีกระลอกก็ระเบิดทำลายร่างกายอีกครั้ง กลายเป็นหมอกเลือดฟุ้งกระจาย

มู่เฉินเร้าเต็มพลังพยายามซ่อมแซมร่างกายต่อ!

ปัง!

ซ่อมแซม!

ปัง!

กระบวนการนี้ดำเนินเป็นวงจร ซึ่งทำให้มู่เฉินรู้สึกดีใจเล็กน้อย โชคดีที่พลังกายของเขาแข็งแกร่ง ไม่เช่นนั้นการซ่อมแซมจะไม่สามารถติดตามความเร็วของการทำลายได้

มู่เฉินค่อยๆ รู้สึกถึงความแปลกประหลาดเล็ดลอดออกมาจากร่างกาย หลังจากการซ่อมแซมทุกครั้ง

นั่นเป็นความรู้สึกของการเปลี่ยนแปลงที่แท้จริง

หากในอดีตพลังกายของมู่เฉินได้รับความแข็งแกร่งเพียงแค่พื้นผิว ถ้างั้นครั้งนี้การเปลี่ยนแปลงก็สมบูรณ์แบบโดยเริ่มตั้งแต่ภายในร่างกายจนสู่ภายนอก!

หมอกเลือดฟุ้งไปทั่ว ร่างมู่เฉินยังคงถูกทำลายอย่างต่อเนื่อง

ทว่ายามนี้ความตื่นตระหนกและความกลัวจางหายไป แทนที่ด้วยความรู้แจ้งที่เบาบาง เขารู้สึกได้ว่าถึงแม้จุดจื้อจุนไห่จะถูกทำลาย เขาก็ไม่ได้รู้สึกอ่อนแอลงเลยแต่กลับทรงพลังมากกว่าเดิม

ความรู้สึกนั้นราวกับว่าสามารถฆ่าตนเองก่อนหน้านี้ด้วยหมัดเดียว

จุดจื้อจุนไห่เดิมหายไปแล้ว แต่ก็ไม่ได้หายไปอย่างแท้จริง มันอยู่ทั่วไปทุกหนทุกแห่ง

หากมู่เฉินมีเพียงจุดจื้อจุนไห่เดียวในอดีต งั้นเขาก็รู้สึกได้ว่าร่างกายตอนนี้เต็มไปด้วยทะเลพลัง ราวกับว่าทุกตารางนิ้วบนร่างกายถูกเปลี่ยนเป็นทะเลพลังทั้งหมดแล้ว

“จากหนึ่งกลายเป็นทุกหนทุกแห่ง นี่คือระดับตี้จื้อจุน!”

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler ฟรี ได้ที่ novel-fast 


เรื่องย่อ

โดย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler บางส่วนของนิยาย

บทนำ

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป

‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้

แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์

แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว

ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ

เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง?

ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน…

เรื่องย่อ

เมื่อคำพูดของมู่เฉินกระจายออกไป ไม่เพียงแต่จะไม่มีการตอบสนอง แม้แต่ด้านนอกเจดีย์ก็ถูกห่อหุ้มด้วยบรรยากาศราวกับป่าช้า…

ทุกคนตกตะลึงไปกับฉากนี้ พวกเขาจ้องมองจุดที่ลู่สุยหายตัวไป ราวกับว่ายังไม่สามารถฟื้นจากอาการตะลึงงันที่เกิดขึ้นได้

ก่อนหน้าเมื่อลู่สุยออกกระบวนท่าที่น่าสะพรึง ผู้คนส่วนใหญ่ก็คิดว่าผลลัพธ์ของการต่อสู้ได้ถูกกำหนดแล้ว ทว่าพวกเขาไม่คิดเลยว่ามู่เฉินจะพลิกสถานการณ์ได้อีกครั้ง เตะลู่สุยที่เหมือนจะคว้าชัยชนะออกไป

ทุกคนตะลึงไปพักใหญ่ ก่อนที่พวกเขาจะหลุดออกจากอาการได้ สายตาเคร่งเครียดลง การประลองกันครั้งนี้มู่เฉินไม่ได้ใช้ค่ายกล แต่เขาก็สามารถเอาชนะจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดอย่างลู่สุยได้ด้วยความแข็งแกร่งที่อยู่ในขั้นหกเท่านั้น แม้ว่าจะมีผลจากลู่สุยประมาทเองในตอนแรก แต่นั่นก็แสดงให้เห็นว่ามู่เฉินน่ากลัวแค่ไหน

พลังเช่นนี้เขาสามารถเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์อันดับต้นๆ ในเจดีย์ฝึกพลังกายได้เลยทีเดียว

ทางฝั่งกลุ่มกระเรียนฟ้า ใบหน้าของหลิ่วชิงกลายเป็นเขียวสลับขาว นางมองไปที่ร่างสูงโปร่งบนหน้าจอ กลืนน้ำลายเหนียวหนืด ความกลัวปรากฏในดวงตาของนางเป็นครั้งแรก

มาถึงจุดนี้นางคงโง่แน่ถ้ายังคิดปฏิบัติต่อมู่เฉินเหมือนกับจอมยุทธ์ขั้นหกทั่วไป

ด้วยพลังในการต่อสู้ที่เขาแสดงออกมา บวกกับค่ายกลทรงพลัง แม้แต่จงเถิงก็ยากจะได้เปรียบหากพวกเขาต่อสู้กัน

ก่อนหน้านี้นางหัวเราะเยาะและมองจิ่วโยวด้วยความดูถูก แต่ตอนนี้นางอายแทบแทรกแผ่นดินหนี ซึ่งจุดนี้รู้ได้จากสายตาเยาะเย้ยเหล่านั้นที่ปรายมองเข้ามา

“ทำไมมู่เฉินถึงทรงพลังเช่นนี้?” จงฮั้วที่พ่ายแพ้ให้กับมู่เฉินก็มีสีหน้าเคร่งขรึมเช่นกัน ก่อนหน้านี้เขาเคยคิดเช่นกันว่ามู่เฉินพึ่งพาเพียงค่ายกลเพื่อจัดการกับศัตรู แต่ใครจะคิดว่าเมื่อไม่มีการใช้ค่ายกลมู่เฉินก็สามารถเอาชนะลู่สุยแบบดุร้ายยิ่งกว่าอะไร

“ดูเหมือนว่ามีเพียงพี่ใหญ่จงเถิงเท่านั้นที่สามารถจัดการกับเขาได้” จอมยุทธ์อีกคนของเผ่ากระเรียนฟ้าพยักหน้า

หลิ่วชิงพยักหน้าเบาๆ ไม่เพียงแต่พวกเขาจะพิจารณาพลังของมู่เฉินพลาดไปเท่านั้น แม้แต่จงเถิงก็ตัดสินอีกฝ่ายผิดไป ชายคนนั้นเป็นสัตว์ประหลาดอย่างแท้จริง

ฟิ้ว!

ขณะที่นอกเจดีย์ต่างตกตะลึงกับผลลัพธ์ที่มู่เฉินนำมา ทันใดนั้นแสงก็กะพริบบนแท่นนอกเจดีย์ ร่างน่าสังเวชปรากฏขึ้น

เมื่อร่างนั้นออกมาก็รีบถอยกลับไปปรากฏตัวขึ้นในกลุ่มอีกาสายฟ้าทันควัน นี่ก็คือลู่สุยที่มีสีหน้าซีดขาว คลื่นหลิงของเขาถดถอยลงอย่างมาก

สายตาโดยรอบยิงเข้าหาในเวลานี้ทันที

ใบหน้าของลู่สุยเขียวคล้ำ สายตาเกลียดชังมองไปที่มู่เฉินที่อยู่บนหน้าจอ ก่อนที่จะหันหัวสาดสายตาดุร้ายใส่จิ่วโยวและมั่วหลิง ที่ข้างๆ พรรคพวกของเขาก็มีท่าทางไม่ดีเช่นกัน

ทว่าจิ่วโยวไม่กลัวที่จะเผชิญหน้ากับสายตาเหล่านั้น นางเค้นเสียงอย่างเย็นชา “ลูกหมาที่ถูกฟาดยังกล้าที่จะออกมาแยกเขี้ยวอีกเหรอ?”

ตอนนี้ลู่สุยบาดเจ็บสาหัส สูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไปหมด ส่วนคนที่เหลือก็ไม่มีอะไรต้องกลัว หากพวกเขากล้าที่จะคิดบัญชีกับพวกนาง จิ่วโยวก็ไม่คิดปล่อยพวกเขาไว้เป็นภัยคุกคามในอนาคตหรอก

สายตาแสดงความเกลียดชังของลู่สุยจ้องเขม็งอยู่ที่จิ่วโยว แต่สุดท้ายเขาก็ต้องถอนสายตาออกไปอย่างไม่เต็มใจ ก่อนที่จะถอยกลับนั่งลงบนซากปรักหักพังเข้าสมาธิเพื่อฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ

จอมยุทธ์กลุ่มอีกาสายฟ้าก็ปรากฏรอบตัวเขาเพื่อปกป้อง

เมื่อจิ่วโยวเห็นการตอบสนองนั่น นางก็ไม่ได้ใส่ใจกับพวกเขาอีก นางมองไปที่หน้าจออีกครั้งโดยพุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่ร่างเงาอ่อนเยาว์ มือที่กำแน่นผ่อนคลายลง

เห็นได้ชัดว่านี่เป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงสำหรับนางที่มู่เฉินจะเอาชนะได้เด็ดขาดแบบนี้ นั่นเป็นเพราะตามการประเมินของนางแม้ว่ามู่เฉินจะยืนยงอยู่ได้ก็เป็นยากที่จะเอาชนะลู่สุยด้วยขุมพลังจื้อจุนขั้นหกและถ้าการต่อสู้ถูกลากไปจนสุดอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบคาดไม่ถึง

ทว่าผลลัพธ์สุดท้ายที่ได้ก็ทำให้นางทั้งประหลาดใจและดีใจ

เห็นได้ชัดว่ามู่เฉินได้รับประโยชน์มหาศาลจากสามชั้นแรกของเจดีย์ฝึกพลังกาย ไม่เช่นนั้นเขาไม่สามารถแสดงพลังเป็นที่ประจักษ์เช่นนี้ได้

“ว่ากันว่าในชั้นสี่มหัศจรรย์กว่านี้มาก หากใครสามารถเข้าไปได้ พวกเขาจะสามารถได้รับผลประโยชน์เกินกว่าสามชั้นแรกมาก…”

จิ่วโยวยิ้มบาง ดูจากสถานการณ์ปัจจุบันไม่น่ามีปัญหาใดๆ ที่มู่เฉินจะเข้าสู่ชั้นสี่ สำหรับมั่วเฟิงความแข็งแกร่งของเขาเป็นหนึ่งในอันดับต้นของกลุ่มที่เข้าไป ดังนั้นจึงไม่ยากสำหรับเขาที่จะได้หนึ่งในห้าที่นั่งนี้ไปเช่นกัน

ดูเหมือนว่าการเดินทางมาที่เจดีย์ฝึกพลังกายโบราณครั้งนี้เผ่าวิหคโลกันตร์อาจเป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

บนลานเมฆสายฟ้า

ไม่มีใครตอบคำถามของมู่เฉิน ขณะนี้แม้แต่จอมยุทธ์ทรงอำนาจอย่างหานซันและสีคุนก็ยังรู้สึกหวาดระแวงมู่เฉินอยู่บ้าง ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกที่จะไม่ไปปะทะกับมนุษย์ผู้นี้

ดังนั้นคนทั้งหมดที่อยู่ที่นี่จึงเงียบลง ก่อนที่จะถอยออกจากรัศมีโดยรอบมู่เฉินอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณบอกว่าพวกเขาไม่ต้องการต่อสู้กับเขา

เมื่อมู่เฉินเห็นภาพนี้ก็ไม่มีอารมณ์ใดบนใบหน้า แต่ในใจกลับรู้สึกโล่งอก คนอื่นๆ เห็นเพียงฉากการต่อสู้ตระการที่เขาเอาชนะลู่สุยได้ แต่พวกเขาไม่รู้หรอกว่าหมัดที่เขาชกออกไปก่อนหน้านี้คือพลังงานส่วนเกินจากสามชั้นแรก

ร่างกายของมู่เฉินก่อนหน้าเปรียบเสมือนฟองน้ำที่ดูดซับน้ำจนถึงขีดจำกัด หมัดของเขาจึงเท่ากับบีบน้ำออกจนหมด ทำให้ร่างกายที่อัดแน่นกลับสู่สภาพเดิม

ดังนั้นถ้าให้เขาโจมตีแบบนั้นอีกครั้ง พลังก็จะไม่ทรงประสิทธิภาพเหมือนเมื่อครู่แน่นอน

ประสิทธิผลพิเศษชนิดนี้ของการสะสมพลังงานในร่างกายเป็นทักษะที่ได้มาจากกายามังกรหงส์ ด้วยวิธีนี้เขาจะได้รับผลลัพธ์ที่ไม่มีใครคาดคิดไว้ กลายเป็นไพ่ลับอีกใบหนึ่ง

“คัมภีร์หลงเฟิ่งทรงพลังจริงๆ”

แม้แต่มู่เฉินก็ยังชื่นชมในสิ่งนี้ คัมภีร์หลงเฟิ่งสมแล้วที่เป็นทักษะยอดเยี่ยมแท้จริง จากการประเมินของเขาคัมภีร์นี้ต้องอยู่ในระดับเสินทงแน่นอน ซึ่งไม่ธรรมดาแม้จะอยู่ในกลุ่มวิทยายุทธระดับเสินทงด้วย

มู่เฉินชื่นชมก่อนที่จะใจเย็นลง แม้ว่าตอนนี้จะไม่มีใครท้าทายเขา แต่เขาก็ไม่ตั้งใจที่จะท้าทายคนอื่นด้วยเช่นกัน เขายืนนิ่งบนตำแหน่งตนเองรอผลการคัดออก

สำหรับจงเถิง มู่เฉินรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นพวกยุแยงให้ลู่สุยมาปะทะกับเขา แต่เนื่องจากตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ดีในการจัดการ เขาจึงได้แต่ผลักแผนไปก่อน

แต่ถึงกระนั้นสายตาคมกล้าของมู่เฉินก็ยังจ้องเขม็งไปที่จงเถิง รอบตัวเต็มไปด้วยคลื่นหลิงราวกับเสือดาวที่กำลังจะจ้องตะครุบเหยื่ออัดแน่นด้วยภัยคุกคาม

เมื่อเห็นท่าทางของมู่เฉิน จงเถิงที่ประจันหน้ากับมั่วเฟิงก็รู้สึกอึดอัดใจ เขาต้องแยกสมาธิอยู่ตลอดเพื่อจับตามองมู่เฉิน ป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายเคลื่อนไหวมาประสานพลังกับมั่วเฟิง

ด้วยวิธีนี้สมาธิของจงเถิงจึงค่อนข้างฟุ้งซ่าน สุดท้ายเขาได้แต่กัดฟัน ถอนคลื่นหลิงและถอยออกจากบริเวณของมั่วเฟิง

“พี่มั่วยากสำหรับการต่อสู้ของเราที่จะได้ข้อสรุป ทำไมเราไม่ไปจัดการคนอื่นและรับที่นั่งมาล่ะ?” ขณะที่จงเถิงถอยกลับเสียงก็สะท้อนก้องไปด้วย

มั่วเฟิงจ้องมองจงเถิงอย่างไม่แยแสก่อนที่จะพยักหน้า นั่นเป็นเพราะเขารู้ว่าหากพวกเขายังอยู่ในสถานการณ์ยืนจ้องหน้ากันก็จะไม่เกิดผลลัพธ์ใด หากเขาร่วมมือกับมู่เฉิน พวกเขาอาจทำให้จงเถิงบ้าดีเดือดขึ้นมา แม้แต่พวกเขาก็ต้องจ่ายราคามหาศาลจากการตีโต้

ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับพวกเขาคือการได้ที่นั่งเพื่อเข้าสู่ชั้นสี่

เมื่อจงเถิงเห็นคำตอบของมั่วเฟิงก็รู้สึกโล่งใจในใจ เขาถอยกลับอย่างรวดเร็วออกจากจุดที่มู่เฉินและมั่วเฟิงอยู่ เขาครุ่นคิดสั้นๆ ก่อนจะเลือกปะทะกับคนที่อ่อนแอกว่า

พอมู่เฉินเห็นจงเถิงไปแล้วก็ไม่ได้ใส่ใจอีกต่อไป สายตาหันมามองมั่วเฟิงแล้วก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้มแสดงความขอบคุณในการช่วยเหลือครั้งนี้

สายตาของมั่วเฟิงเป็นมิตรมากขึ้น คิดว่าการที่มู่เฉินเอาชนะลู่สุย ทำให้มั่วเฟิงมองมู่เฉินในฐานะจอมยุทธ์ที่อยู่ในระดับเดียวกันกับเขา ดังนั้นจึงไม่ได้มีท่าทางเฉยเมยเหมือนเมื่อก่อน

มั่วเฟิงพยักหน้าให้มู่เฉิน ก่อนที่จะหันหลังกลับและเริ่มเลือกคู่ต่อสู้ของตนเอง

ครืน!

เมื่อทุกคนเลือกคู่ต่อสู้แล้ว ทันใดนั้นคลื่นหลิงก็ระเบิดรุนแรงบนลานเมฆสายฟ้า คลื่นกระแทกกวาดออก ทำให้มิติเกิดการสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นไม่หยุด

บนลานเมฆสายฟ้าพลังงานหลิงกวาดหายนะ มีเพียงตรงมู่เฉินเท่านั้นที่ไม่ถูกรบกวน เนื่องจากไม่มีใครกล้าเหยียบเข้ามาในรัศมีพันจั้ง ยามนี้เขาเหมือนผู้ชมที่ดูการต่อสู้ติดขอบ ในเวลาเดียวกันก็บันทึกกระบวนท่าที่ทรงพลังของบางคนไว้ในสมอง

แม้ว่าในชั้นนี้พวกเขาอาจไม่ได้ประลองกัน แต่ก็ยังมีอีกสองชั้นรอพวกเขาอยู่ ใครจะสามารถรับประกันได้ว่าจะไม่มีการลดจำนวนลงในชั้นต่อไป?

ดังนั้นถ้ามีโอกาสเขาต้องพยายามจดจำข้อมูลผู้อื่นเก็บไว้

ภายใต้การสังเกตของมู่เฉิน การประลองบนลานเมฆสายฟ้าก็คงอยู่ชั่วระยะหนึ่ง ก่อนที่แต่ละคู่จะมาถึงจุดสิ้นสุด ผลลัพธ์ก็เป็นไปตามที่คาดไว้

หลังจากมู่เฉินก็เป็นหานซันที่เอาชนะคู่ต่อสู้ได้ที่นั่งที่สองไป

จากนั้นมั่วเฟิงและจงเถิงก็คว้าชัยชนะตามมา

ที่นั่งสุดท้ายตกเป็นของสีคุนที่ก่อนหน้านี้เคยแพ้หานซันที่ด้านนอกเจดีย์ ชายนี้มีความแข็งแกร่งที่น่าตกใจ แม้แต่หานซันยังต้องใช้ทักษะเต็มที่ถึงจะได้รับชัยชนะมา

เมื่อสีคุนได้รับที่นั่งสุดท้ายลานเมฆสายฟ้าขนาดใหญ่ก็เงียบลงอีกครั้ง ร่างทั้งห้ายืนอยู่ ขณะรัศมีไร้ขอบเขตทั้งห้าสายพุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าชนกันเปรี้ยงปร้าง

ทว่าการชนกันก็ดำเนินไปเพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ ก่อนที่ทั้งห้าจะถอนคลื่นพลังพร้อมกัน พวกเขาเหลือบมองกันและกัน จากนั้นก็ไม่ลังเลทะยานออกไปปรากฏตัวบนเบาะทั้งห้า

สายตาพวกเขาพุ่งตรงไปยังมิติด้านหลังลานเมฆสายฟ้าด้วยความโลภ ตรงนั้นเส้นดาวหางจำนวนมากกวาดผ่านราวกับฝนดาวตก

ในแสงเหล่านั้นแก่นหยดสายฟ้ากำลังกะพริบด้วยความแวววาว


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท