หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – ตอนที่ 1196

ตอนที่ 1196

หนึ่งในใต้หล้า 大主宰
บทที่ 1196 ทุกวิธีการเผชิญหน้าภัยพิบัติหลิง
ตู้ม! ตู้ม!

เมฆหลิงหนาแน่นรวมตัวกันบนท้องฟ้า เผยให้เห็นสายฟ้าในบางครั้งคราวพร้อมกับเสียงฟ้าผ่าดังก้อง ทำให้ผู้คนใจสั่นได้เลยทีเดียว

คลื่นผันผวนในทะเลสาบสวรรค์ก็สงบลง ราวกับถูกกดขี่จากฟ้าดิน

มู่เฉินเงยหน้าขึ้นมองกลุ่มเมฆหนา สายฟ้าสว่างวาบก่อตัวขึ้นจากคลื่นหลิงที่ถูกบีบอัด ทุกเกลียวสายฟ้าบรรจุด้วยพลังที่ไม่สามารถจินตนาการได้ แม้แต่ระดับตี้จื้อจุนแท้จริงยังไม่กล้าดูถูกเลย

เผชิญหน้ากับสายฟ้าเช่นนี้ แม้แต่มู่เฉินที่มีพลังกายแข็งแกร่งขึ้นมากยังรู้สึกสั่นสะท้านไปถึงกระดูกสันหลัง หากเขาประมาทแม้แต่น้อยกระทั่งพลังกายของตนก็ไม่สามารถทนต่อสายฟ้าทรงพลังนี้ได้

ร่างเทพสุริยะนิรันดร์ยืนอยู่ด้านหลังมู่เฉิน แสงพราวพราวสีม่วงทองและรัศมีอมตะแผ่ซ่านออกมาทำให้มู่เฉินรู้สึกสบายใจมากขึ้น

นี่ถือเป็นการต่อสู้ครั้งแรกของร่างเทพสุริยะนิรันดร์ มู่เฉินก็อยากรู้ว่าร่างเทพสุริยะนิรันดร์ที่เขาโหยหามานานหลายปีจะทรงพลังแค่ไหน

ครืนๆๆๆ

ทั่วบริเวณเงียบสงบ มีเพียงเสียงฟ้าผ่าดังก้อง ไม่กี่นาทีต่อมาเมฆก็เริ่มกลิ้งตัวแล้วแตกออกก่อนที่ลำสายฟ้าจะฟาดลงมา

ตู้ม!

สายฟ้าเส้นนี้มีขนาดประมาณหนึ่งร้อยจั้งราวกับมังกรสีรุ้งขณะที่คำราม กระทั่งมิติก็ไม่สามารถทนรับได้เริ่มบิดเบือนไป

สายฟ้าพุ่งลงมาทันที ก่อนจะปรากฏตัวเหนือร่างมู่เฉิน จากนั้นก็กระหน่ำลงบนร่างสีม่วงทองอย่างไม่เกรงใจ

มู่เฉินไม่กล้าชักช้า ร่างสีม่วงทองคำรามลั่นพร้อมกับแสงสีม่วงทองเปล่งประกายวูบวาบไปทั่วร่างกาย

เสาแสงสีม่วงทองขนาดมหึมายิงออกจากปากร่างเทพสุริยะนิรันดร์ซึ่งบรรจุด้วยคลื่นหลิงไร้ขอบเขต

ตู้ม!

พลังสองสายปะทะกันราวกับอุกกาบาตพุ่งชน มิติบริเวณนั้นก็ทรุดตัวลง คลื่นกระแทกที่มองเห็นได้กวาดออกเป็นเกลียวคลื่น

พื้นผิวของทะเลสาบสวรรค์ถูกระงับจากแรงกดดัน คลื่นใหญ่หมื่นจั้งดันตัวขึ้น ดูอลังการอย่างยิ่ง

พลังอันยิ่งใหญ่กินเวลานานหลายนาที ก่อนที่เสาสีม่วงทองจะอ่อนกำลังจากนั้นก็แตกออกภายใต้พลังสายฟ้า

ทว่าสายฟ้าก็ถูกทำให้อ่อนลงอย่างมีนัย พลังที่เหลืออยู่จึงทำให้ร่างเทพสุริยะนิรันดร์เพียงสั่นสะเทือนโดยไม่เกิดความเสียหายใดๆ

ทว่ามู่เฉินก็ยังไม่กล้าที่จะผ่อนคลาย สายฟ้าสายแรกอ่อนแอที่สุด แต่เขาก็ไม่สามารถต้านได้อย่างสมบูรณ์ ดังนั้นหลังจากนี้อันตรายก็จะเพิ่มมากขึ้น

“เขาสกัดได้!” ใบหน้าจิ่วโยวเผยความสุข

“มีกระแสสายฟ้าเก้าคลื่นในภัยพิบัติหลิง คลื่นต่อไปจะยิ่งแรงกว่านี้ นี่เป็นคลื่นแรกและต่อจากนี้สิจะรุนแรงขึ้นไปอีก” มั่นถัวหลัวส่ายหัว ในฐานะจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นเต็มสายตาของนางดีกว่าจิ่วโยวมาก นางสามารถบอกได้ว่าถึงมู่เฉินจะยืนหยัดกับสายฟ้าคลื่นแรกได้แต่ก็เรียกว่าฉิวเฉียด หากสถานการณ์นี้ดำเนินต่อไปคงไม่เป็นการดีสำหรับเขา

ครืน!

ขณะที่พวกนางคุยกัน ลำสายฟ้าขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้นคล้ายกับมังกรมหึมาซ่อนอยู่หลังเมฆ

ตู้ม!

กลุ่มเมฆฉีกขาดอีกครั้ง สายฟ้าลำหนาขึ้นก็ฟาดใส่ร่างเทพสุริยะนิรันดร์

สีหน้ามู่เฉินเคร่งเครียดลงหลายส่วน การเผชิญหน้าครั้งแรกเขาเป็นฝ่ายเริ่มก่อน แต่ชัดว่าผ่านไปแบบเส้นยาแดงผ่าแปด ตอนนี้จึงไม่กล้าที่จะประมาท แค่คิดแสงสีม่วงทองก็พรั่งพรูออกมา ถักทอเป็นปราการขนาดใหญ่

ครั้งนี้เขาเลือกที่จะป้องกัน

ปัง!

สายฟ้าฟาดรอยแตกพล่านบนปราการสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นไปหมด

แกร๊ก แกร๊ก!

ปราการคงอยู่ได้ไม่นานก่อนจะแตกสลาย จากนั้นสายฟ้าก็พุ่งเข้าชนร่างเทพสุริยะนิรันดร์จังใหญ่

ครั้งนี้แข็งแกร่งเพิ่มขึ้นทำให้ร่างเทพสุริยะนิรันดร์สลัวลงเล็กน้อย เนื่องจากร่างเทพสุริยะนิรันดร์เชื่อมต่อกับมู่เฉิน เขาจึงได้รับผลกระทบอย่างมากกระอักเลือดออกมาคำหนึ่ง

ดวงตาของเขาวูบไหวด้วยความหวาดผวา เนื่องจากเขาไม่คิดว่าภัยพิบัติหลิงจะน่ากลัวปานนี้

“ดูเหมือนว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะต้านทานภัยพิบัติหลิงโดยอาศัยร่างเทห์สวรรค์เพียงอย่างเดียว”

มู่เฉินเช็ดรอยเลือด สีหน้าเคร่งขรึมลง เขาทะยานขึ้นไปที่ไหล่ของร่างเทพสุริยะนิรันดร์ พัดขนนกสีเขียวปรากฏขึ้นในมือ

ตอนนี้ถึงเวลาที่จะนำไพ่ตายใบแรกมาใช้แล้ว

ตู้ม!

ขณะที่มู่เฉินจับพัดเทพสายลม กระแสสายฟ้าคลื่นที่สามก็ฟาดลงมา ซึ่งหนากว่าสองเส้นก่อนหน้าหลายเท่า

“ทอร์นาโดเทพสายลม!”

มู่เฉินสะบัดพัดเทพสายลมโดยไม่ลังเล ทันใดนั้นพายุไซโคลนขนาดมหึมาก็ก่อตัวขึ้นปะทะกับสายฟ้า

ตู้ม ตู้ม!

เสียงลมพายุดังกระหึ่ม แต่คราวนี้ที่ทำให้เขาโล่งใจก็คือด้วยพัดเทพสายลมและร่างเทพสุริยะนิรันดร์ในที่สุดเขาก็สามารถต้านทานกระแสสายฟ้าคลื่นที่สามได้

คลื่นกระแทกที่เหลืออยู่กวาดหายนะอย่างต่อเนื่อง ก่อนที่พายุไซโคลนและฟ้าผ่าจะจางลง

ฮา

มู่เฉินมองสายฟ้าที่สลายไปก็ผ่อนคลายลงเล็กน้อย แต่หลังจากนั้นหัวใจเขาก็กระตุก เนื่องจากเขาสามารถสัมผัสได้ถึงพลังงานแปลกประหลาดซึ่งมาจากพลังงานที่หลงเหลือ หลอมรวมเข้ากับร่างเทพสุริยะนิรันดร์

พลังงานนี้ไม่สามารถเสริมสร้างร่างเทพสุริยะนิรันดร์ได้ แต่วินาทีนั้นมู่เฉินรู้สึกได้ว่าการเชื่อมโยงระหว่างร่างเทพสุริยะนิรันดร์กับฟ้าดินใกล้ชิดยิ่งขึ้น

“แบบนี้นี่เอง ภัยพิบัติหลิงสามารถทำให้ร่างเทห์สวรรค์มีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นกับฟ้าดิน ไม่น่าแปลกใจว่าทำไมจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นต้นถึงใช้วาจาฟ้าดินเป็นประกาศิตได้” มู่เฉินเข้าใจขึ้นมา ที่แท้พลังนั้นก็มาจากภัยพิบัติหลิงนี่เอง

ภัยพิบัตินี้เป็นการทดสอบและโอกาสในเวลาเดียวกัน

“หากเป็นเช่นนั้นให้ก็ขอแบบแข็งๆ เลย!”

มู่เฉินโบกพัดในมือขณะจ้องมองกลุ่มเมฆด้วยสายตาร้อนแรง

ตู้ม! ตู้ม!

กลุ่มเมฆราวกับสัมผัสได้ถึงสายตามู่เฉิน พวกมันเริ่มกลิ้งตัวรุนแรง จากนั้นเกลียวสายฟ้าสองสายก็พุ่งลงมาในเวลาเดียวกัน

มู่เฉินมองดูสายฟ้าแฝด สีหน้าก็ตึงเครียดไม่กล้าชักช้า พัดเทพสายลมเริ่มขยายตัว คลื่นหลิงมหาศาลเทเข้าไป

ฮวบ!

พัดเทพสายลมสั่นสะเทือน ก่อนที่พายุไซโคลนขนาดใหญ่หลายลูกจะหมุนออกไป ยามนี้เขาเร้าพลังสูงสุดแล้ว พายุทุกลูกสามารถทำให้เขาใจสั่นเลยทีเดียว

ตู้ม ตู้ม!

พายุไซโคลนปะทะกับสายฟ้า เมื่อพายุถูกทำลายไปทีละลูกสายฟ้าสองสายก็ค่อยๆ ลดขนาดลงเช่นกัน

ฮา

มู่เฉินโล่งใจเมื่อเห็นเกลียวสายฟ้าสองสายที่กำลังจะสลายหายไป

ตู้ม!

ทว่าทันทีที่มู่เฉินรู้สึกโล่งใจ จู่ๆ สายฟ้าสองสายก็ระเบิดออก กระแสสายฟ้าอีกสายก่อตัวขึ้นซัดลงมาอย่างรวดเร็ว!

นี่มันลงมาทีเดียวสามสาย!

การเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลันทำให้จิ่วโยวตกใจจนอุทานลั่น

ในพริบตาเดียวเกลียวสายฟ้าที่สามก็มาอยู่เหนือร่างเขา แต่เมื่อกำลังจะจู่โจม มู่เฉินก็โยนป้ายขวางสมุทรออกไป มหาสมุทรสีดำทะลักออกมาปะทะกับเกลียวสายฟ้าที่สาม เพื่อสลายพลังลง

“เจ้าเล่ห์เหลือเกิน”

มู่เฉินมองการกระทำนี้ด้วยเหงื่อเย็นท่วมตัว โชคดีที่เขาระมัดระวังและเตรียมป้ายขวางสมุทรเอาไว้ ไม่เช่นนั้นเขาต้องทนทุกข์จากกระแสสายฟ้าคลื่นที่สามอย่างแน่นอน

“ในเมื่อเป็นแบบนี้ก็เหลืออีกเพียงสี่คลื่น”

ป้ายขวางมหาสมุทรส่งเสียงหวือลอยอยู่เบื้องหน้า ในมือเขาถือพัดเทพสายลมไว้ ริ้วแสงสีทองแห่งความเป็นอมตะกำจายจากร่างเทพสุริยะนิรันดร์ที่อยู่ข้างใต้ห่อหุ้มเขาไว้ ยามนี้เขางัดไพ่ตายทั้งหมดออกมาแล้ว ด้วยการป้องกันนี้เขาน่าจะทนคลื่นที่เหลือได้ล่ะมั้ง?

ดังนั้นในเวลาต่อมา เมฆหลิงบนท้องฟ้าก็ผันผวน กระแสสายฟ้าซัดลงมาอีกครั้ง

แต่หลังจากผ่านประสบการณ์กระแสสายฟ้าห้าระลอกก่อนหน้า มู่เฉินก็เริ่มจับการทำงานของมันได้ แม้จะมีอันตรายรอบตัว แต่เขาก็สามารถสกัดคลื่นไว้ได้ด้วยอาวุธมหสวรรค์ทั้งสองชิ้น

เมื่อหนึ่งชั่วโมงผ่านไป มู่เฉินก็ทนกระแสสายฟ้าจนถึงคลื่นที่แปดได้แล้ว

ทว่าเขาไม่ได้อยู่ในสภาพที่ดีนัก ประกายไฟแลบแปลบปลาบบนร่างซึ่งเกิดจากภัยพิบัติหลิงนั่นเอง

นี่เป็นรูปแบบหนึ่งของคลื่นพลังที่คล้ายกับสารพิษ เมื่อเข้าสู่ร่างกายก็จะกัดกร่อนคลื่นหลิง ทำให้ได้รับบาดเจ็บสาหัส

ดังนั้นมู่เฉินจึงทำได้เพียงหมุนเวียนคลื่นหลิงเพื่อต่อต้านและชำระล้าง

ขณะเดียวกันร่างเทพสุริยะนิรันดร์ก็จางลงไปมาก ชัดว่าได้ใช้พลังงานจำนวนมากในการต้านทานภัยพิบัติหลิง

“คลื่นที่แปดจบแล้ว เหลือคลื่นสุดท้าย”

มู่เฉินเงยหน้าขึ้นมองกลุ่มเมฆที่สลายหายไปเยอะ แม้ว่าจะมีกระแสสายฟ้าคลื่นสุดท้ายเหลืออยู่เท่านั้น แต่เขาก็ไม่สามารถผ่อนคลายได้ ตรงกันข้ามเขารู้สึกไม่สบายใจมากขึ้น

เพราะคลื่นที่เก้าใช้เวลาในการชงตัวนานมาก ความกดดันที่ถูกปล่อยออกมาจากมันก็ไกลเกินกว่าคลื่นใดๆ

มู่เฉินพยายามอย่างเต็มที่เพื่อปรับสภาพขณะรอคลื่นลูกสุดท้าย ตราบใดที่เขาสามารถผ่านไปได้ เขาก็จะบรรลุระดับตี้จื้อจุนแท้จริง!

จิ่วโยวรู้สึกถึงแรงกดดันที่น่ากลัว แม้ว่านางจะไม่ได้อยู่ในนั้น แต่ก็สามารถบอกได้ถึงแรงกดดันมหาศาลที่มู่เฉินกำลังแบกไว้

แต่นางไม่ได้พูดอะไรเพราะไร้ประโยชน์ นางทำได้เพียงสวดมนต์เพื่อหวังว่ามู่เฉินจะผ่านไปได้

นอกจากนี้ในที่สุดนางก็รู้แล้วว่าทำไมถึงมีจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเก้าระยะเต็มจำนวนมากกลัวภัยพิบัติหลิง แม้แต่คนอย่างมู่เฉินก็ยังอยู่ในสภาพน่าสมเพชแล้วจอมยุทธ์ธรรมดาล่ะ?

ฮึ่ม ฮึ่ม!

ความเงียบดำเนินไปเป็นเวลานาน ก่อนที่เมฆจะเริ่มเปล่งเสียงดังก้องอีกครั้ง ลำแสงจำนวนมากส่องกระจาย ภายใต้แสงนี้ทั่วทั้งฟ้าดินยังบิดเบี้ยว

เมฆหลิงหดตัวรวมกันอย่างรวดเร็ว ก่อร่างเป็นมังกรยักษ์ที่ปกคลุมไปด้วยสายฟ้า

มังกรบินฉวัดเฉวียนอยู่ในท้องฟ้าจ้องมาที่มู่เฉิน แรงกดดันที่น่ากลัวครอบคลุมทั้งมิตินี้

เมื่อมั่นถัวหลัวเห็นเมฆรูปมังกร ใบหน้าของนางก็เปลี่ยนไป นางพูดออกมาอย่างตกใจว่า “กระแสสายฟ้าคลื่นที่เก้าของภัยพิบัติหลิงนี้ก่อตัวเป็นรูปร่างเรอะ?”

“หมายความว่าอย่างไร?” จิ่วโยวสอบถามอย่างรวดเร็ว

“ภัยพิบัติหลิงมักอยู่ในรูปแบบสายฟ้า แต่จะมีบางภัยพิบัติพิเศษที่ก่อตัวขึ้นเป็นรูปทรงได้ แต่โดยทั่วไปแล้วเจอได้ยากมาก…ใช่แล้ว ความแข็งแกร่งของภัยพิบัติยังเชื่อมโยงกับความแข็งแกร่งของร่างเทห์สวรรค์ของผู้ฝึก ร่างเทพสุริยะนิรันดร์ของมู่เฉินเป็นวิวัฒนาการระยะต่อมา ในแง่ของการจัดอันดับน่าจะสามารถเป็นหนึ่งในสิบห้าอันดับแรกได้ ไม่น่าแปลกใจว่าทำไมคลื่นที่เก้าจึงก่อตัวเป็นรูปทรงขึ้นได้… ” พูดถึงตอนท้าย มั่นถัวหลัวก็เข้าใจขึ้นมา

จิ่วโยวพูดไม่ออก นางไม่คิดเลยว่าร่างเทพสุริยะนิรันดร์ที่มู่เฉินไล่ล่ามาตลอดจะทำให้ต้องเจอกับภัยพิบัติครั้งใหญ่

มั่นถัวหลัวถอนหายใจยิ้มอย่างขมขื่น “แม้ว่าภัยพิบัตินี้จะทรงพลัง แต่เขาก็จะได้รับประโยชน์มากขึ้นถ้าสามารถต้านทานได้ ไม่รู้ว่าจะนับเป็นโชคลาภหรือหายนะดี”

จิ่วโยวถอนหายใจเช่นกัน โดยทั่วไปแล้วคนส่วนใหญ่ไม่ต้องการที่จะเจอภัยพิบัติชนิดก่อตัวขึ้นได้ เพราะจะทำให้มีความเสี่ยงสูงที่จะตายได้

แต่ในเมื่อมันก่อตัวขึ้นแล้วก็ไม่สามารถช่วยอะไรได้ พวกนางได้แต่หวังว่ามู่เฉินจะสามารถต้านทานได้

ขณะที่พวกนางกำลังพูดกัน มู่เฉินก็เงยหน้าขึ้นมองภัยพิบัติที่ก่อตัวขึ้นเป็นรูปร่างมังกร สีหน้าเขาน่าเกลียดและยิ้มอย่างขมขื่น “นี่เป็นปัญหาแล้ว”

แม้ว่ามันยังไม่ซัดลงมา เขาก็รู้สึกถึงความผันผวนที่น่ากลัว

“นี่ไม่ใช่สิ่งที่พัดเทพสายลมและป้ายขวางสมุทรจะสามารถต้านทานได้แล้ว”

มู่เฉินเหลือบอาวุธทั้งสอง คิ้วก็ขมวดเป็นปม เผชิญกับภัยพิบัตินี้เขาคงต้องหันไปใช้วิธีอื่นจะดีกว่า

แต่ตัวเขางัดไพ่ตายออกมาแล้ว จะทำอะไรได้อีก?

ทันใดนั้นความคิดมู่เฉินก็แล่นพล่านก่อนที่จะหันไปมองร่างเทพสุริยะนิรันดร์ ย้อนกลับไปที่ร่างนี้ครอบครองทักษะเทห์สวรรค์คลื่นเก้าตะวัน ดังนั้นแน่นอนว่าเมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลงก็น่าจะพัฒนาไปพร้อมกันด้วยเช่นกัน เพียงแต่ว่าเขายังไม่ได้นำศักยภาพของร่างเทพสุริยะนิรันดร์ออกมา

แต่เขาก็ไม่ตำหนิตัวเอง เพราะนับตั้งแต่เขาชำระร่างเทพสุริยะนิรันดร์ได้ เขาก็ไม่ได้มีเวลามากมายที่จะรู้สึกถึงอะไรได้

แต่ไม่ว่ายังไงเขาจะต้องลองแล้ว

คิดถึงจุดนี้มู่เฉินก็หลับตา คลื่นหลิงปล่อยออกมาจากร่างค่อยๆ เชื่อมโยงเขาเข้ากับร่างเทพสุริยะนิรันดร์

เมื่อจักรพรรดิฟ้าเห็นสิ่งนี้คิ้วก็ค่อยๆ ยกขึ้นพลางยิ้ม “ในที่สุดก็คิดถึงร่างเทพสุริยะนิรันดร์แล้วเหรอ”

โฮก!

ขณะนี้ในที่สุดภัยพิบัติหลิงรูปมังกรก็ได้เพิ่มพลังจนถึงขีดสุด มันคำรามลั่น

อึดใจก็กวาดหางพุ่งลงมาในทิศทางของมู่เฉิน

เมื่อภัยพิบัติคลื่นสุดท้ายซัดลงมา ฟ้าดินก็เหมือนจะพังทลายอย่างสิ้นเชิง ทะเลสาบสวรรค์ถูกผลักออกจากคลื่นหลิงที่น่ากลัว ราวกับว่าจะถูกแยกออกเป็นสองฝั่ง

ตู้ม!

ขณะที่กระแสสายฟ้าซัดลงมา มู่เฉินก็ขยับนิ้ว พัดเทพสายลมเคลื่อนไหวทำให้เกิดพายุไซโคลนขนาดมหึมามากมาย

ป้ายขวางก็สร้างมหาสมุทรสีดำที่บรรจุพลังที่สามารถทำลายภูเขาได้

ปัง! ปัง!

พลังของอาวุธมหสวรรค์ทั้งสองถูกผลักไปถึงขีดสุดแล้ว ทว่าเมื่อมหาสมุทรและพายุไซโคลนพุ่งเข้าไปปะทะกับภัยพิบัติหลิง พวกมันก็ถูกทำลายทันที!

ไม่มีการหยุดยั้ง ภัยพิบัติหลิงซัดผ่านแนวป้องกันของอาวุธทั้งสองทันที!

ใบหน้าของจิ่วโยวเปลี่ยนไปกับภาพนี้ ก่อนหน้ามู่เฉินพึ่งพาอาวุธมหสวรรค์ทั้งสองเพื่อต้านทานกระแสสายฟ้าส่วนใหญ่ของภัยพิบัติหลิง แต่เมื่อมาถึงคลื่นที่เก้ากลับไร้ประโยชน์โดยสิ้นเชิง!

ตู้ม!

อาวุธทั้งสองชิ้นกระเด็นออกไปด้วยคลื่นที่เก้า เผยให้เห็นร่างเงาของมู่เฉิน

ตู้ม! ตู้ม!

เสียงคำรามของมังกรแผดลั่นโสตประสาท ทว่ามู่เฉินยังคงนิ่งเป็นก้อนหิน ขณะนี้จิตของเขาได้หลอมรวมกับร่างเทพสุริยะนิรันดร์สมบูรณ์แล้ว

เขาต้องหลอมรวมสมบูรณ์ถึงจะค้นหาทักษะที่มีอยู่ในนั้นได้

มังกรเคลื่อนเข้ามาจากด้านบน ทำให้เลือดปรากฏบนผิวหนังมู่เฉินปกคลุมทั่วร่างทันที

ทว่าเขาก็ยังคงไม่ขยับราวกับว่าละทิ้งการต่อต้านทั้งหมด

เมื่อเห็นฉากนี้ จิ่วโยวก็กัดริมฝีปาก เล็บจิกเนื้อในฝ่ามือ

หนึ่งร้อยจั้ง… ห้าสิบจั้ง… สิบจั้ง…

เมื่อมังกรอยู่ห่างจากมู่เฉินเพียงสิบจั้ง จู่ๆ เขาก็ลืมตาโพลง ตอนนี้ม่านตาของเขาถูกย้อมด้วยสีม่วงทอง

เขาวาดตราประทับด้วยมือข้างเดียว ร่างเทพสุริยะนิรันดร์ใต้ฝ่าเท้าก็ทำเช่นเดียวกัน

ฟิ้ว!

แสงสีม่วงทองเปล่งประกายระยิบระยับจากร่างเทพสุริยะนิรันดร์ ก่อตัวขึ้นเป็นลวดลายขนาดใหญ่สองลวดลายอย่างรวดเร็ว

ลวดลายทั้งสองเต็มไปด้วยความเก่าแก่ที่ไม่อาจบรรยายได้และลึกซึ้งนัก

มู่เฉินเงยหน้าขึ้นมองมังกรก่อนที่เสียงจะดังกึกก้องออกมา “ต่อให้สวรรค์และโลกล่มสลาย ข้าก็เป็นอมตะ”

“รหัสเทพอมตะ!” มู่เฉินยกมือขึ้นกำแน่น ขณะนั้นลวดลายทั้งสองก็พุ่งออกมารวมกันเป็นโล่บาง

ตู้ม!

ทันทีที่โล่ก่อตัวขึ้น มังกรก็พุ่งชนในท่าทางทำลายล้าง

ราวกับดวงอาทิตย์โชติช่วงติดตามมาด้วยคลื่นกระแทกที่ไม่อาจพรรณนาก่อเกิดหายนะรุนแรง

มิติแตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย หลุมเหวมหึมาปรากฏขึ้นในทะเลสาบสวรรค์เบื้องล่าง

มั่นถัวหลัวโบกมือสร้างปราการที่เบื้องหน้านางกับจิ่วโยวปิดกั้นคลื่นกระแทกรุนแรง

จักรพรรดิฟ้ายืนสองมือไพล่หลัง คลื่นกระแทกใดๆ ที่เข้ามาก็กระจายไปกับสายลม

การทำลายล้างกินเวลาสิบกว่านาทีก่อนที่จะสงบลง

จิ่วโยวจ้องไปในทิศทางของมู่เฉินเขม็ง มือของนางกำแน่น นางอยากรู้ว่ามู่เฉินประสบความสำเร็จหรือล้มเหลวกับภัยพิบัติหลิงล้างโลกนี้?

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler ฟรี ได้ที่ novel-fast 


เรื่องย่อ

โดย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler บางส่วนของนิยาย

บทนำ

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป

‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้

แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์

แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว

ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ

เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง?

ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน…

เรื่องย่อ

เมื่อคำพูดของมู่เฉินกระจายออกไป ไม่เพียงแต่จะไม่มีการตอบสนอง แม้แต่ด้านนอกเจดีย์ก็ถูกห่อหุ้มด้วยบรรยากาศราวกับป่าช้า…

ทุกคนตกตะลึงไปกับฉากนี้ พวกเขาจ้องมองจุดที่ลู่สุยหายตัวไป ราวกับว่ายังไม่สามารถฟื้นจากอาการตะลึงงันที่เกิดขึ้นได้

ก่อนหน้าเมื่อลู่สุยออกกระบวนท่าที่น่าสะพรึง ผู้คนส่วนใหญ่ก็คิดว่าผลลัพธ์ของการต่อสู้ได้ถูกกำหนดแล้ว ทว่าพวกเขาไม่คิดเลยว่ามู่เฉินจะพลิกสถานการณ์ได้อีกครั้ง เตะลู่สุยที่เหมือนจะคว้าชัยชนะออกไป

ทุกคนตะลึงไปพักใหญ่ ก่อนที่พวกเขาจะหลุดออกจากอาการได้ สายตาเคร่งเครียดลง การประลองกันครั้งนี้มู่เฉินไม่ได้ใช้ค่ายกล แต่เขาก็สามารถเอาชนะจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดอย่างลู่สุยได้ด้วยความแข็งแกร่งที่อยู่ในขั้นหกเท่านั้น แม้ว่าจะมีผลจากลู่สุยประมาทเองในตอนแรก แต่นั่นก็แสดงให้เห็นว่ามู่เฉินน่ากลัวแค่ไหน

พลังเช่นนี้เขาสามารถเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์อันดับต้นๆ ในเจดีย์ฝึกพลังกายได้เลยทีเดียว

ทางฝั่งกลุ่มกระเรียนฟ้า ใบหน้าของหลิ่วชิงกลายเป็นเขียวสลับขาว นางมองไปที่ร่างสูงโปร่งบนหน้าจอ กลืนน้ำลายเหนียวหนืด ความกลัวปรากฏในดวงตาของนางเป็นครั้งแรก

มาถึงจุดนี้นางคงโง่แน่ถ้ายังคิดปฏิบัติต่อมู่เฉินเหมือนกับจอมยุทธ์ขั้นหกทั่วไป

ด้วยพลังในการต่อสู้ที่เขาแสดงออกมา บวกกับค่ายกลทรงพลัง แม้แต่จงเถิงก็ยากจะได้เปรียบหากพวกเขาต่อสู้กัน

ก่อนหน้านี้นางหัวเราะเยาะและมองจิ่วโยวด้วยความดูถูก แต่ตอนนี้นางอายแทบแทรกแผ่นดินหนี ซึ่งจุดนี้รู้ได้จากสายตาเยาะเย้ยเหล่านั้นที่ปรายมองเข้ามา

“ทำไมมู่เฉินถึงทรงพลังเช่นนี้?” จงฮั้วที่พ่ายแพ้ให้กับมู่เฉินก็มีสีหน้าเคร่งขรึมเช่นกัน ก่อนหน้านี้เขาเคยคิดเช่นกันว่ามู่เฉินพึ่งพาเพียงค่ายกลเพื่อจัดการกับศัตรู แต่ใครจะคิดว่าเมื่อไม่มีการใช้ค่ายกลมู่เฉินก็สามารถเอาชนะลู่สุยแบบดุร้ายยิ่งกว่าอะไร

“ดูเหมือนว่ามีเพียงพี่ใหญ่จงเถิงเท่านั้นที่สามารถจัดการกับเขาได้” จอมยุทธ์อีกคนของเผ่ากระเรียนฟ้าพยักหน้า

หลิ่วชิงพยักหน้าเบาๆ ไม่เพียงแต่พวกเขาจะพิจารณาพลังของมู่เฉินพลาดไปเท่านั้น แม้แต่จงเถิงก็ตัดสินอีกฝ่ายผิดไป ชายคนนั้นเป็นสัตว์ประหลาดอย่างแท้จริง

ฟิ้ว!

ขณะที่นอกเจดีย์ต่างตกตะลึงกับผลลัพธ์ที่มู่เฉินนำมา ทันใดนั้นแสงก็กะพริบบนแท่นนอกเจดีย์ ร่างน่าสังเวชปรากฏขึ้น

เมื่อร่างนั้นออกมาก็รีบถอยกลับไปปรากฏตัวขึ้นในกลุ่มอีกาสายฟ้าทันควัน นี่ก็คือลู่สุยที่มีสีหน้าซีดขาว คลื่นหลิงของเขาถดถอยลงอย่างมาก

สายตาโดยรอบยิงเข้าหาในเวลานี้ทันที

ใบหน้าของลู่สุยเขียวคล้ำ สายตาเกลียดชังมองไปที่มู่เฉินที่อยู่บนหน้าจอ ก่อนที่จะหันหัวสาดสายตาดุร้ายใส่จิ่วโยวและมั่วหลิง ที่ข้างๆ พรรคพวกของเขาก็มีท่าทางไม่ดีเช่นกัน

ทว่าจิ่วโยวไม่กลัวที่จะเผชิญหน้ากับสายตาเหล่านั้น นางเค้นเสียงอย่างเย็นชา “ลูกหมาที่ถูกฟาดยังกล้าที่จะออกมาแยกเขี้ยวอีกเหรอ?”

ตอนนี้ลู่สุยบาดเจ็บสาหัส สูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไปหมด ส่วนคนที่เหลือก็ไม่มีอะไรต้องกลัว หากพวกเขากล้าที่จะคิดบัญชีกับพวกนาง จิ่วโยวก็ไม่คิดปล่อยพวกเขาไว้เป็นภัยคุกคามในอนาคตหรอก

สายตาแสดงความเกลียดชังของลู่สุยจ้องเขม็งอยู่ที่จิ่วโยว แต่สุดท้ายเขาก็ต้องถอนสายตาออกไปอย่างไม่เต็มใจ ก่อนที่จะถอยกลับนั่งลงบนซากปรักหักพังเข้าสมาธิเพื่อฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ

จอมยุทธ์กลุ่มอีกาสายฟ้าก็ปรากฏรอบตัวเขาเพื่อปกป้อง

เมื่อจิ่วโยวเห็นการตอบสนองนั่น นางก็ไม่ได้ใส่ใจกับพวกเขาอีก นางมองไปที่หน้าจออีกครั้งโดยพุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่ร่างเงาอ่อนเยาว์ มือที่กำแน่นผ่อนคลายลง

เห็นได้ชัดว่านี่เป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงสำหรับนางที่มู่เฉินจะเอาชนะได้เด็ดขาดแบบนี้ นั่นเป็นเพราะตามการประเมินของนางแม้ว่ามู่เฉินจะยืนยงอยู่ได้ก็เป็นยากที่จะเอาชนะลู่สุยด้วยขุมพลังจื้อจุนขั้นหกและถ้าการต่อสู้ถูกลากไปจนสุดอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบคาดไม่ถึง

ทว่าผลลัพธ์สุดท้ายที่ได้ก็ทำให้นางทั้งประหลาดใจและดีใจ

เห็นได้ชัดว่ามู่เฉินได้รับประโยชน์มหาศาลจากสามชั้นแรกของเจดีย์ฝึกพลังกาย ไม่เช่นนั้นเขาไม่สามารถแสดงพลังเป็นที่ประจักษ์เช่นนี้ได้

“ว่ากันว่าในชั้นสี่มหัศจรรย์กว่านี้มาก หากใครสามารถเข้าไปได้ พวกเขาจะสามารถได้รับผลประโยชน์เกินกว่าสามชั้นแรกมาก…”

จิ่วโยวยิ้มบาง ดูจากสถานการณ์ปัจจุบันไม่น่ามีปัญหาใดๆ ที่มู่เฉินจะเข้าสู่ชั้นสี่ สำหรับมั่วเฟิงความแข็งแกร่งของเขาเป็นหนึ่งในอันดับต้นของกลุ่มที่เข้าไป ดังนั้นจึงไม่ยากสำหรับเขาที่จะได้หนึ่งในห้าที่นั่งนี้ไปเช่นกัน

ดูเหมือนว่าการเดินทางมาที่เจดีย์ฝึกพลังกายโบราณครั้งนี้เผ่าวิหคโลกันตร์อาจเป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

บนลานเมฆสายฟ้า

ไม่มีใครตอบคำถามของมู่เฉิน ขณะนี้แม้แต่จอมยุทธ์ทรงอำนาจอย่างหานซันและสีคุนก็ยังรู้สึกหวาดระแวงมู่เฉินอยู่บ้าง ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกที่จะไม่ไปปะทะกับมนุษย์ผู้นี้

ดังนั้นคนทั้งหมดที่อยู่ที่นี่จึงเงียบลง ก่อนที่จะถอยออกจากรัศมีโดยรอบมู่เฉินอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณบอกว่าพวกเขาไม่ต้องการต่อสู้กับเขา

เมื่อมู่เฉินเห็นภาพนี้ก็ไม่มีอารมณ์ใดบนใบหน้า แต่ในใจกลับรู้สึกโล่งอก คนอื่นๆ เห็นเพียงฉากการต่อสู้ตระการที่เขาเอาชนะลู่สุยได้ แต่พวกเขาไม่รู้หรอกว่าหมัดที่เขาชกออกไปก่อนหน้านี้คือพลังงานส่วนเกินจากสามชั้นแรก

ร่างกายของมู่เฉินก่อนหน้าเปรียบเสมือนฟองน้ำที่ดูดซับน้ำจนถึงขีดจำกัด หมัดของเขาจึงเท่ากับบีบน้ำออกจนหมด ทำให้ร่างกายที่อัดแน่นกลับสู่สภาพเดิม

ดังนั้นถ้าให้เขาโจมตีแบบนั้นอีกครั้ง พลังก็จะไม่ทรงประสิทธิภาพเหมือนเมื่อครู่แน่นอน

ประสิทธิผลพิเศษชนิดนี้ของการสะสมพลังงานในร่างกายเป็นทักษะที่ได้มาจากกายามังกรหงส์ ด้วยวิธีนี้เขาจะได้รับผลลัพธ์ที่ไม่มีใครคาดคิดไว้ กลายเป็นไพ่ลับอีกใบหนึ่ง

“คัมภีร์หลงเฟิ่งทรงพลังจริงๆ”

แม้แต่มู่เฉินก็ยังชื่นชมในสิ่งนี้ คัมภีร์หลงเฟิ่งสมแล้วที่เป็นทักษะยอดเยี่ยมแท้จริง จากการประเมินของเขาคัมภีร์นี้ต้องอยู่ในระดับเสินทงแน่นอน ซึ่งไม่ธรรมดาแม้จะอยู่ในกลุ่มวิทยายุทธระดับเสินทงด้วย

มู่เฉินชื่นชมก่อนที่จะใจเย็นลง แม้ว่าตอนนี้จะไม่มีใครท้าทายเขา แต่เขาก็ไม่ตั้งใจที่จะท้าทายคนอื่นด้วยเช่นกัน เขายืนนิ่งบนตำแหน่งตนเองรอผลการคัดออก

สำหรับจงเถิง มู่เฉินรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นพวกยุแยงให้ลู่สุยมาปะทะกับเขา แต่เนื่องจากตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ดีในการจัดการ เขาจึงได้แต่ผลักแผนไปก่อน

แต่ถึงกระนั้นสายตาคมกล้าของมู่เฉินก็ยังจ้องเขม็งไปที่จงเถิง รอบตัวเต็มไปด้วยคลื่นหลิงราวกับเสือดาวที่กำลังจะจ้องตะครุบเหยื่ออัดแน่นด้วยภัยคุกคาม

เมื่อเห็นท่าทางของมู่เฉิน จงเถิงที่ประจันหน้ากับมั่วเฟิงก็รู้สึกอึดอัดใจ เขาต้องแยกสมาธิอยู่ตลอดเพื่อจับตามองมู่เฉิน ป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายเคลื่อนไหวมาประสานพลังกับมั่วเฟิง

ด้วยวิธีนี้สมาธิของจงเถิงจึงค่อนข้างฟุ้งซ่าน สุดท้ายเขาได้แต่กัดฟัน ถอนคลื่นหลิงและถอยออกจากบริเวณของมั่วเฟิง

“พี่มั่วยากสำหรับการต่อสู้ของเราที่จะได้ข้อสรุป ทำไมเราไม่ไปจัดการคนอื่นและรับที่นั่งมาล่ะ?” ขณะที่จงเถิงถอยกลับเสียงก็สะท้อนก้องไปด้วย

มั่วเฟิงจ้องมองจงเถิงอย่างไม่แยแสก่อนที่จะพยักหน้า นั่นเป็นเพราะเขารู้ว่าหากพวกเขายังอยู่ในสถานการณ์ยืนจ้องหน้ากันก็จะไม่เกิดผลลัพธ์ใด หากเขาร่วมมือกับมู่เฉิน พวกเขาอาจทำให้จงเถิงบ้าดีเดือดขึ้นมา แม้แต่พวกเขาก็ต้องจ่ายราคามหาศาลจากการตีโต้

ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับพวกเขาคือการได้ที่นั่งเพื่อเข้าสู่ชั้นสี่

เมื่อจงเถิงเห็นคำตอบของมั่วเฟิงก็รู้สึกโล่งใจในใจ เขาถอยกลับอย่างรวดเร็วออกจากจุดที่มู่เฉินและมั่วเฟิงอยู่ เขาครุ่นคิดสั้นๆ ก่อนจะเลือกปะทะกับคนที่อ่อนแอกว่า

พอมู่เฉินเห็นจงเถิงไปแล้วก็ไม่ได้ใส่ใจอีกต่อไป สายตาหันมามองมั่วเฟิงแล้วก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้มแสดงความขอบคุณในการช่วยเหลือครั้งนี้

สายตาของมั่วเฟิงเป็นมิตรมากขึ้น คิดว่าการที่มู่เฉินเอาชนะลู่สุย ทำให้มั่วเฟิงมองมู่เฉินในฐานะจอมยุทธ์ที่อยู่ในระดับเดียวกันกับเขา ดังนั้นจึงไม่ได้มีท่าทางเฉยเมยเหมือนเมื่อก่อน

มั่วเฟิงพยักหน้าให้มู่เฉิน ก่อนที่จะหันหลังกลับและเริ่มเลือกคู่ต่อสู้ของตนเอง

ครืน!

เมื่อทุกคนเลือกคู่ต่อสู้แล้ว ทันใดนั้นคลื่นหลิงก็ระเบิดรุนแรงบนลานเมฆสายฟ้า คลื่นกระแทกกวาดออก ทำให้มิติเกิดการสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นไม่หยุด

บนลานเมฆสายฟ้าพลังงานหลิงกวาดหายนะ มีเพียงตรงมู่เฉินเท่านั้นที่ไม่ถูกรบกวน เนื่องจากไม่มีใครกล้าเหยียบเข้ามาในรัศมีพันจั้ง ยามนี้เขาเหมือนผู้ชมที่ดูการต่อสู้ติดขอบ ในเวลาเดียวกันก็บันทึกกระบวนท่าที่ทรงพลังของบางคนไว้ในสมอง

แม้ว่าในชั้นนี้พวกเขาอาจไม่ได้ประลองกัน แต่ก็ยังมีอีกสองชั้นรอพวกเขาอยู่ ใครจะสามารถรับประกันได้ว่าจะไม่มีการลดจำนวนลงในชั้นต่อไป?

ดังนั้นถ้ามีโอกาสเขาต้องพยายามจดจำข้อมูลผู้อื่นเก็บไว้

ภายใต้การสังเกตของมู่เฉิน การประลองบนลานเมฆสายฟ้าก็คงอยู่ชั่วระยะหนึ่ง ก่อนที่แต่ละคู่จะมาถึงจุดสิ้นสุด ผลลัพธ์ก็เป็นไปตามที่คาดไว้

หลังจากมู่เฉินก็เป็นหานซันที่เอาชนะคู่ต่อสู้ได้ที่นั่งที่สองไป

จากนั้นมั่วเฟิงและจงเถิงก็คว้าชัยชนะตามมา

ที่นั่งสุดท้ายตกเป็นของสีคุนที่ก่อนหน้านี้เคยแพ้หานซันที่ด้านนอกเจดีย์ ชายนี้มีความแข็งแกร่งที่น่าตกใจ แม้แต่หานซันยังต้องใช้ทักษะเต็มที่ถึงจะได้รับชัยชนะมา

เมื่อสีคุนได้รับที่นั่งสุดท้ายลานเมฆสายฟ้าขนาดใหญ่ก็เงียบลงอีกครั้ง ร่างทั้งห้ายืนอยู่ ขณะรัศมีไร้ขอบเขตทั้งห้าสายพุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าชนกันเปรี้ยงปร้าง

ทว่าการชนกันก็ดำเนินไปเพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ ก่อนที่ทั้งห้าจะถอนคลื่นพลังพร้อมกัน พวกเขาเหลือบมองกันและกัน จากนั้นก็ไม่ลังเลทะยานออกไปปรากฏตัวบนเบาะทั้งห้า

สายตาพวกเขาพุ่งตรงไปยังมิติด้านหลังลานเมฆสายฟ้าด้วยความโลภ ตรงนั้นเส้นดาวหางจำนวนมากกวาดผ่านราวกับฝนดาวตก

ในแสงเหล่านั้นแก่นหยดสายฟ้ากำลังกะพริบด้วยความแวววาว


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท