หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – ตอนที่ 1191

ตอนที่ 1191

หนึ่งในใต้หล้า 大主宰
บทที่ 1191 จัดการ
“จักรพรรดิฟ้าสิ้นชีพแล้วไม่ใช่เหรอ?”

เมื่อสิ้นเสียงเซียวเหยียน หัวใจของมู่เฉินและมั่นถัวหลัวก็สั่นไหว โดยเฉพาะมั่นถัวหลัวถึงกับไม่สามารถระงับอารมณ์เอ่ยถามออกมา

เซียวเหยียนกับหลินต้งแลกเปลี่ยนสายตากันแวบหนึ่งตอบว่า “จักรพรรดิฟ้าสิ้นชีพแล้ว แต่เขาทิ้งรอยประทับไว้เบื้องหลังเพื่อเฝ้ามองผนึก”

ใบหน้าของมั่นถัวหลัวมืดมนลงด้วยความปวดใจ นั่นเพราะจักรพรรดิฟ้าเปรียบเสมือนบิดาของนาง

เมื่อเซียวเหยียนเห็นการแสดงออกของมั่นถัวหลัว เขาก็รู้ว่านางมีความสัมพันธ์บางอย่างกับจักรพรรดิฟ้า แต่กระนั้นก็ไม่สามารถพูดอะไรได้ เขาจึงหันไปที่กะโหลกศีรษะสีดำขนาดใหญ่ในจัตุรัส

“นั่นคือจักรพรรดิฟ้าเหรอ?” มู่เฉินตะลึงใจ ตอนแรกพวกเขาคิดว่ากะโหลกศีรษะสีดำนั่นเป็นราชันปีศาจ สุดท้ายไม่คิดว่ากลับเป็นร่างจักรพรรดิฟ้าที่เป็นราชันปีศาจ

เซียวเหยียนพยักหน้า “จอมปีศาจทุนเทียนฉลาดแกมโกง ไม่เพียงแต่จะปรากฏตัวในรูปลักษณ์จักรพรรดิฟ้าเท่านั้น มันยังเปลี่ยนศพของจักรพรรดิฟ้าให้เป็นอย่างนี้หวังให้คนอื่นทำลาย”

พูดจบเปลวไฟแวววาวก็กวาดออกมาจากแขนเสื้อเผากะโหลกศีรษะสีดำ รัศมีปีศาจก็ค่อยๆ ระเหยหายไป

เมื่อกะโหลกละลายหายไป แสงประกายไฟระยิบระยับก็รวมตัวกันกลายเป็นร่างเงานึง

ร่างเงานี้สวมชุดสีขาวดูสบายเป็นอิสระ ทว่าก็มีแรงกดดันที่ไม่อาจอธิบายอยู่เลือนรางราวกับจักรพรรดิที่ผู้คนต้องเคารพยำเกรง

ทุกคนมองร่างเงานั้นด้วยความเคารพและใคร่รู้ นั่นคือเจ้าวังสวรรค์บรรพกาล—จักรพรรดิฟ้าเหรอ?

“ไม่คิดว่าต่อให้สละชีพปิดผนึกก็ยังไม่สามารถฆ่ามันได้ มิหนำซ้ำหลังจากผ่านมาหมื่นปียังต้องให้คนรุ่นหลังช่วยจัดการ ข้ารู้สึกละอายใจอย่างยิ่ง” เมื่อร่างเงาสีขาวปรากฏขึ้นก็มองไปที่ลูกทรงกลมสีฟ้าอมเขียวในมือของหลินต้งพลางถอนหายใจ

“ท่านผู้อาวุโสทำดีที่สุดแล้ว เราได้รับความกรุณาจาท่าน ดังนั้นก็เป็นเรื่องปกติที่จะต้องช่วยเหลือ” พบปะกับยอดยุทธ์แห่งยุคโบราณผู้นี้ แม้แต่เซียวเหยียนกับหลินต้งก็ยังประสานมือด้วยความเคารพอย่างสูงให้

พวกเขาเป็นจอมยุทธ์ที่มีความภาคภูมิใจ ในมหาพันภพต่อให้เป็นจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนระดับเดียวกันยังไม่อาจได้รับความเคารพนี้ แต่สำหรับจักรพรรดิฟ้าที่ใช้ชีวิตผนึกจอมปีศาจเพื่อปกป้องโลก เจตจำนงนี้คือสิ่งที่สมควรได้รับความเคารพอย่างสูงสุด

มู่เฉินและคนอื่นๆ ก็โค้งคำนับแสดงความขอบคุณบรรพบุรุษซึ่งครั้งหนึ่งเคยปกป้องโลกไว้

จักรพรรดิฟ้ากวาดมองทุกคนด้วยความยินดี ก่อนที่จะมองเซียวเหยียนและหลินต้ง “ตอนที่มหาพันภพพยายามต่อสู้กับเผ่าปีศาจต่างมิติ จอมยุทธ์ชั้นยอดหลายคนจบชีวิตลง ส่งผลให้เกิดการสูญเสียรุนแรง ไม่คิดเลยว่าหมื่นปีต่อมาจะมีจอมยุทธ์ที่โดดเด่นเช่นนี้ในมหาพันภพปรากฏขึ้นอีก ดูเหมือนว่าจักรวาลนี้ยังไม่หมดโชค”

แม้ว่าจักรพรรดิฟ้าปัจจุบันจะเป็นเพียงร่างดวงจิต แต่ก็เคยเป็นมหาอำนาจสูงสุดในมหาพันภพ ดังนั้นสายตาจึงแหลมคมนักและสามารถบอกได้ว่าชายทั้งสองคนทรงพลังแค่ไหน

ตามการคาดการณ์กระทั่งตัวเขาก็ยังไม่อาจเอาชนะทั้งสองแม้จะอยู่ในจุดสูงสุด ซึ่งทำให้เขารู้สึกซาบซึ้งและพอใจในเวลาเดียวกัน ดูเหมือนว่าหลังจากสงครามครั้งนั้นมหาพันภพก็ไม่ได้เสื่อมถอย กลับยังต้อนรับยุคใหม่แห่งความรุ่งโรจน์

เซียวเหยียนและหลินต้งถ่อมตน ก่อนจะส่งมอบจอมปีศาจทุนเทียนโดยตั้งใจจะให้จักรพรรดิฟ้าจัดการกับศัตรูคู่แค้นด้วยตนเอง

จักรพรรดิฟ้ารับลูกทรงกลมมา ใบหน้าชั่วร้ายในนั้นก็จับจ้องมาอย่างอาฆาตแค้น ก่อนที่จะคำรามลั่น “ไอ้จักรพรรดิฟ้า ศึกระหว่างเราถ้าไม่มีคนอื่นเข้ามายุ่งเกี่ยว สุดท้ายแกก็แพ้!”

เมื่อจักรพรรดิฟ้าได้ยินคำพูดนั่นก็ยิ้ม “ไม่หรอก เผ่าปีศาจทุนหมัวรวมพลังทั้งหมดถึงได้สร้างคนระดับแกขึ้นมา ตอนแรกแกเป็นถึงหนึ่งในสิบอันดับแรกของจักรวรรดิปีศาจ หากแกหนีไปตอนนั้น มหาพันภพก็จะได้รับแรงกดดันมหาศาล ในเมื่อข้าสามารถผนึกแกไว้ได้เนิ่นนาน ตัวข้าก็บรรลุวัตถุประสงค์แล้ว”

“ดูสิ มหาพันภพของข้ายังยืนหยัดสร้างจอมยุทธ์ทรงพลังจากรุ่นสู่รุ่น ดังนั้นข้าไม่ใช่คนที่แพ้”

เมื่อจอมปีศาจทุนเทียนได้ยินคำพูดนั่นก็โกรธพร้อมกับโหมกระหน่ำรัศมีปีศาจเดือดพล่าน ทว่าก็ติดอยู่บนแสงสีฟ้าอมเขียวที่ห้อมล้อมไว้

เซียวเหยียนและหลินต้งแลกเปลี่ยนสายตากัน แต่ทั้งสองก็ยังนิ่งเงียบ จักรพรรดิฟ้าไม่ทราบว่าแม้มหาพันภพจะหยุดยั้งการล้างผลาญจากจักรวรรดิปีศาจต่างมิติได้ แต่ก็ยังถูกยึดครองแผ่นดินไปเกือบครึ่งหนึ่ง ในช่วงหมื่นปีที่ผ่านมาเผ่าปีศาจต่างๆ ยังคงมองมหาพันภพอย่างหิวกระหาย

สงครามในตอนนั้นมหาพันภพไม่ถือว่าชนะ พูดได้แค่ว่าจ่ายราคามหาศาลถึงหยุดเผ่าปีศาจต่างมิติไว้ได้ นอกจากนี้พวกเขารู้ว่าเผ่าปีศาจไม่มีทางยอมแพ้ง่ายๆ ถ้าพวกมันบุกโจมตีอีกครั้ง หายนะมาเยือนแน่นอน

แต่เมื่อคิดถึงจุดนี้เซียวเหยียนและหลินต้งก็ยิ้มบาง พวกเขาไม่ได้อยู่ในสงครามครั้งก่อน ดังนั้นพวกเขาจึงอยากเห็นว่าจักรวรรดิปีศาจต่างมิติมีความสามารถเพียงใดเมื่อสงครามเริ่มต้นอีกครั้ง

จักรพรรดิฟ้ามองไปที่เซียวเหยียนและหลินต้งด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะหันไปมองร่างเล็กกะทัดรัดด้วยดวงตาพรั่งพรูไปด้วยความยินดี

“มั่นถัวหลัว ดีจริงที่เจ้าปลอดภัย”

มั่นถัวหลัวมองจักรพรรดิฟ้าอย่างเหม่อลอย ดวงตาเปลี่ยนเป็นแดงก่ำ หัวใจพลุ่งพล่านด้วยอารมณ์ห่วงหาอาทร นางก้าวย่างออกไปพร้อมกับยื่นมือเล็กกุมมือจักรพรรดิฟ้าเอาไว้

จักรพรรดิฟ้าลูบศีรษะนางเบาๆ ราวกับว่ากำลังแตะต้องดอกไม้น้อยในอดีต

จักรพรรดิฟ้ายิ้มให้มั่นถัวหลัวก่อนที่จะมองไปที่มู่เฉิน “ย้อนกลับไปในอดีตถึงแม้จะมีจอมยุทธ์โดดเด่นมากมายในวังของข้า แต่ก็ไม่มีใครที่สามารถสร้างร่างเทพสุริยะนิรันดร์ได้ สวรรค์ไม่ได้รังแกข้านัก ทำให้ข้าได้อยู่จนเห็นวันนี้”

“ข้าโชคดีที่ได้รับสิ่งที่ท่านทิ้งไว้เพื่อสร้างร่างเทพสุริยะนิรันดร์ ข้าจะไม่มีวันลืมพระคุณอันยิ่งใหญ่นี้!” มู่เฉินคำนับจักรพรรดิฟ้า ถ้าไม่ใช่จักรพรรดิฟ้าทิ้งวิธีการชำระร่างเทพสุริยะนิรันดร์ไว้เบื้องหลัง เขาก็ไม่รู้ว่าต้องหาอีกนานแค่ไหน

จักรพรรดิฟ้ายิ้มพยักหน้ายื่นมือออกมา “เจ้าหนุ่ม ขอยืมกระบี่เกล็ดจักรพรรดิหน่อย”

มู่เฉินส่งกระบี่คืนให้อย่างรวดเร็ว

จักรพรรดิฟ้ารับกระบี่มา สร้างตราประทับด้วยมือข้างเดียวขณะที่จ้องมองจอมปีศาจทุนเทียนอย่างไม่แยแส

เมื่อรู้สึกถึงความตาย จอมปีศาจทุนเทียนแผดร้องอย่างตื่นตระหนก ทว่าจักรพรรดิฟ้าก็ไม่ได้ให้ความสนใจอีกฝ่ายเลยสักนิด กระบี่เกล็ดจักรพรรดิเฉือนลงไป ดวงดาวนับไม่ถ้วนก่อตัวขึ้นพร้อมกับพลังงานน่าสะพรึงบรรจุอยู่ในดาวทุกดวง

จักรพรรดิฟ้ามีเพียงร่างดวงจิตที่เหลืออยู่เท่านั้น จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะทำลายจอมปีศาจทุนเทียนโดยธรรมชาติ ดังนั้นเขาจึงจำเป็นต้องยืมพลังกระบี่เกล็ดจักรพรรดิ

ชี่ ชี่!

ดวงดาวพร่างพราวนับไม่ถ้วนเจาะเข้าในรูปทรงกลม กรีดตัดร่างปีศาจภายในทันที เสียงคำรามดังสะท้อนขณะที่ร่างจางหายไป

“อย่าได้ผยอง! ครั้งก่อนกองทัพจักรวรรดิปีศาจยังไม่ได้เคลื่อนพลเต็มกำลัง ครั้งต่อไปที่บุกเข้ามาจะเป็นวันโลกาพินาศของพวกแก!”

เสียงคำรามดังสะท้อน จอมปีศาจทุนเทียนที่อยู่ภายในได้ถูกทำลายสิ้นซาก ไม่เหลือแม้แต่เถ้าถ่านสลายกลายเป็นว่างเปล่า

ฮึ่ม!

ขณะที่จอมปีศาจทุนเทียนถูกสังหาร ทันใดนั้นร่างเงาที่ชายขอบสุสานจักรพรรดิฟ้าก็ทะยานออกไปตั้งใจที่จะหนี

ทว่าเสียงคุ้นเคยและไม่แยแสก็พุ่งลงมาจากท้องฟ้าขณะที่ร่างนั้นกำลังจะหนีไป

“เจ้าขาดเขลานัก ถ้าเจ้าแค่ซ่อนตัวและหลบหนีจากการต่อสู้ยังให้อภัยได้ แต่เจ้ากลับถูกล่อลวงโดยปีศาจ พยายามทำให้มันเป็นอิสระ โทษทัณฑ์เจ้าหนักหนานัก”

เสียงเรียบเฉยทำให้ลู่หยวนหวาดผวาทันที เขาไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น รัศมีปีศาจพวยพุ่งออกมาจากร่างกลายเป็นเจียว ร่างกายเดิมของลู่หยวนคือเจียวโลหิตโบราณ แต่เนื่องจากเขาถูกปีศาจครอบงำจึงกลายเป็นเจียวปีศาจไปแล้ว

เมื่อกลับไปเป็นร่างเดิม ลู่หยวนก็กวาดหางเพื่อสลายมิติพยายามที่จะหลบหนี

ฟิ้ว!

แต่ทันใดนั้นแสงผลึกอัญมณีใสก็พุ่งลงมาจากฟากฟ้า รัศมีกระบี่คมฉีกผ่านสวรรค์และโลก ราวกับกระบี่โบราณทอดลงมาแทงทะลุศีรษะของลู่หยวนตอกร่างเขาลงไปกับพื้น

รัศมีกระบี่ระเบิดออกมา ก่อนที่ลู่หย่วยจะทันได้ร้องขอชีวิต เขาก็ถูกสังหารกระทั่งวิญญาณก็สลายหมดสิ้น

จักรพรรดิฟ้าโกรธแค้นกับการทรยศของลู่หยวนมาก ดังนั้นเขาจึงไม่ระงับใจ แม้ว่าจะเป็นปัญหาเล็กน้อยสำหรับเขาในการจัดการกับจอมปีศาจทุนเทียน แต่ก็ง่ายเหมือนปอกกล้วยที่จะทำลายล้างจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลาย ดังนั้นลู่หยวนจึงได้แต่รับความตายไปโดยไม่ได้ต่อต้านใดๆ

หลังจากจัดการเรื่องภายในเรียบร้อย จักรพรรดิฟ้าก็เงยหน้าขึ้นมองทุกคน “เรื่องในวันนี้จบลงแล้ว ขอให้ทุกคนกลับไปเถอะ”

เมื่อเขาพูดจบ มิติก็เกิดความผันผวน กลายเป็นอุโมงค์มิติที่ข้างจอมยุทธ์ทั้งหลาย

แต่ละคนแลกเปลี่ยนสายตากัน เหตุผลที่พวกเขาอยู่ที่นี่ก็เพราะวิชาสามพิสุทธิ์ ทว่าเนื่องจากจักรพรรดิฟ้าเอ่ยปากไล่กลายๆ แล้ว พวกเขาจึงได้แต่หันหน้ากลับไป ยิ่งไปกว่านั้นเทพจักรพรรดิอัคคีและเทพจักรพรรดิสงครามก็อยู่ที่นี่เช่นกัน คงยังไม่ถึงตาของพวกเขาสำหรับสมบัติเช่นนี้ ดังนั้นผู้คนได้แต่ถอนหายใจด้วยความเสียดาย จากนั้นก็พากันออกไป

เมื่อผู้คนจากไปแล้ว มิติสุสานจักรพรรดิฟ้าก็กลับมาเงียบสงบดังเดิม

จักรพรรดิฟ้ามองไปที่เซียวเหยียนและหลินต้งด้วยรอยยิ้ม “ไม่รู้ว่าเจ้าสองคนสนใจวิชาสามพิสุทธิ์ของข้าหรือไม่?”

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler ฟรี ได้ที่ novel-fast 


เรื่องย่อ

โดย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler บางส่วนของนิยาย

บทนำ

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป

‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้

แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์

แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว

ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ

เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง?

ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน…

เรื่องย่อ

เมื่อคำพูดของมู่เฉินกระจายออกไป ไม่เพียงแต่จะไม่มีการตอบสนอง แม้แต่ด้านนอกเจดีย์ก็ถูกห่อหุ้มด้วยบรรยากาศราวกับป่าช้า…

ทุกคนตกตะลึงไปกับฉากนี้ พวกเขาจ้องมองจุดที่ลู่สุยหายตัวไป ราวกับว่ายังไม่สามารถฟื้นจากอาการตะลึงงันที่เกิดขึ้นได้

ก่อนหน้าเมื่อลู่สุยออกกระบวนท่าที่น่าสะพรึง ผู้คนส่วนใหญ่ก็คิดว่าผลลัพธ์ของการต่อสู้ได้ถูกกำหนดแล้ว ทว่าพวกเขาไม่คิดเลยว่ามู่เฉินจะพลิกสถานการณ์ได้อีกครั้ง เตะลู่สุยที่เหมือนจะคว้าชัยชนะออกไป

ทุกคนตะลึงไปพักใหญ่ ก่อนที่พวกเขาจะหลุดออกจากอาการได้ สายตาเคร่งเครียดลง การประลองกันครั้งนี้มู่เฉินไม่ได้ใช้ค่ายกล แต่เขาก็สามารถเอาชนะจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดอย่างลู่สุยได้ด้วยความแข็งแกร่งที่อยู่ในขั้นหกเท่านั้น แม้ว่าจะมีผลจากลู่สุยประมาทเองในตอนแรก แต่นั่นก็แสดงให้เห็นว่ามู่เฉินน่ากลัวแค่ไหน

พลังเช่นนี้เขาสามารถเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์อันดับต้นๆ ในเจดีย์ฝึกพลังกายได้เลยทีเดียว

ทางฝั่งกลุ่มกระเรียนฟ้า ใบหน้าของหลิ่วชิงกลายเป็นเขียวสลับขาว นางมองไปที่ร่างสูงโปร่งบนหน้าจอ กลืนน้ำลายเหนียวหนืด ความกลัวปรากฏในดวงตาของนางเป็นครั้งแรก

มาถึงจุดนี้นางคงโง่แน่ถ้ายังคิดปฏิบัติต่อมู่เฉินเหมือนกับจอมยุทธ์ขั้นหกทั่วไป

ด้วยพลังในการต่อสู้ที่เขาแสดงออกมา บวกกับค่ายกลทรงพลัง แม้แต่จงเถิงก็ยากจะได้เปรียบหากพวกเขาต่อสู้กัน

ก่อนหน้านี้นางหัวเราะเยาะและมองจิ่วโยวด้วยความดูถูก แต่ตอนนี้นางอายแทบแทรกแผ่นดินหนี ซึ่งจุดนี้รู้ได้จากสายตาเยาะเย้ยเหล่านั้นที่ปรายมองเข้ามา

“ทำไมมู่เฉินถึงทรงพลังเช่นนี้?” จงฮั้วที่พ่ายแพ้ให้กับมู่เฉินก็มีสีหน้าเคร่งขรึมเช่นกัน ก่อนหน้านี้เขาเคยคิดเช่นกันว่ามู่เฉินพึ่งพาเพียงค่ายกลเพื่อจัดการกับศัตรู แต่ใครจะคิดว่าเมื่อไม่มีการใช้ค่ายกลมู่เฉินก็สามารถเอาชนะลู่สุยแบบดุร้ายยิ่งกว่าอะไร

“ดูเหมือนว่ามีเพียงพี่ใหญ่จงเถิงเท่านั้นที่สามารถจัดการกับเขาได้” จอมยุทธ์อีกคนของเผ่ากระเรียนฟ้าพยักหน้า

หลิ่วชิงพยักหน้าเบาๆ ไม่เพียงแต่พวกเขาจะพิจารณาพลังของมู่เฉินพลาดไปเท่านั้น แม้แต่จงเถิงก็ตัดสินอีกฝ่ายผิดไป ชายคนนั้นเป็นสัตว์ประหลาดอย่างแท้จริง

ฟิ้ว!

ขณะที่นอกเจดีย์ต่างตกตะลึงกับผลลัพธ์ที่มู่เฉินนำมา ทันใดนั้นแสงก็กะพริบบนแท่นนอกเจดีย์ ร่างน่าสังเวชปรากฏขึ้น

เมื่อร่างนั้นออกมาก็รีบถอยกลับไปปรากฏตัวขึ้นในกลุ่มอีกาสายฟ้าทันควัน นี่ก็คือลู่สุยที่มีสีหน้าซีดขาว คลื่นหลิงของเขาถดถอยลงอย่างมาก

สายตาโดยรอบยิงเข้าหาในเวลานี้ทันที

ใบหน้าของลู่สุยเขียวคล้ำ สายตาเกลียดชังมองไปที่มู่เฉินที่อยู่บนหน้าจอ ก่อนที่จะหันหัวสาดสายตาดุร้ายใส่จิ่วโยวและมั่วหลิง ที่ข้างๆ พรรคพวกของเขาก็มีท่าทางไม่ดีเช่นกัน

ทว่าจิ่วโยวไม่กลัวที่จะเผชิญหน้ากับสายตาเหล่านั้น นางเค้นเสียงอย่างเย็นชา “ลูกหมาที่ถูกฟาดยังกล้าที่จะออกมาแยกเขี้ยวอีกเหรอ?”

ตอนนี้ลู่สุยบาดเจ็บสาหัส สูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไปหมด ส่วนคนที่เหลือก็ไม่มีอะไรต้องกลัว หากพวกเขากล้าที่จะคิดบัญชีกับพวกนาง จิ่วโยวก็ไม่คิดปล่อยพวกเขาไว้เป็นภัยคุกคามในอนาคตหรอก

สายตาแสดงความเกลียดชังของลู่สุยจ้องเขม็งอยู่ที่จิ่วโยว แต่สุดท้ายเขาก็ต้องถอนสายตาออกไปอย่างไม่เต็มใจ ก่อนที่จะถอยกลับนั่งลงบนซากปรักหักพังเข้าสมาธิเพื่อฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ

จอมยุทธ์กลุ่มอีกาสายฟ้าก็ปรากฏรอบตัวเขาเพื่อปกป้อง

เมื่อจิ่วโยวเห็นการตอบสนองนั่น นางก็ไม่ได้ใส่ใจกับพวกเขาอีก นางมองไปที่หน้าจออีกครั้งโดยพุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่ร่างเงาอ่อนเยาว์ มือที่กำแน่นผ่อนคลายลง

เห็นได้ชัดว่านี่เป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงสำหรับนางที่มู่เฉินจะเอาชนะได้เด็ดขาดแบบนี้ นั่นเป็นเพราะตามการประเมินของนางแม้ว่ามู่เฉินจะยืนยงอยู่ได้ก็เป็นยากที่จะเอาชนะลู่สุยด้วยขุมพลังจื้อจุนขั้นหกและถ้าการต่อสู้ถูกลากไปจนสุดอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบคาดไม่ถึง

ทว่าผลลัพธ์สุดท้ายที่ได้ก็ทำให้นางทั้งประหลาดใจและดีใจ

เห็นได้ชัดว่ามู่เฉินได้รับประโยชน์มหาศาลจากสามชั้นแรกของเจดีย์ฝึกพลังกาย ไม่เช่นนั้นเขาไม่สามารถแสดงพลังเป็นที่ประจักษ์เช่นนี้ได้

“ว่ากันว่าในชั้นสี่มหัศจรรย์กว่านี้มาก หากใครสามารถเข้าไปได้ พวกเขาจะสามารถได้รับผลประโยชน์เกินกว่าสามชั้นแรกมาก…”

จิ่วโยวยิ้มบาง ดูจากสถานการณ์ปัจจุบันไม่น่ามีปัญหาใดๆ ที่มู่เฉินจะเข้าสู่ชั้นสี่ สำหรับมั่วเฟิงความแข็งแกร่งของเขาเป็นหนึ่งในอันดับต้นของกลุ่มที่เข้าไป ดังนั้นจึงไม่ยากสำหรับเขาที่จะได้หนึ่งในห้าที่นั่งนี้ไปเช่นกัน

ดูเหมือนว่าการเดินทางมาที่เจดีย์ฝึกพลังกายโบราณครั้งนี้เผ่าวิหคโลกันตร์อาจเป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

บนลานเมฆสายฟ้า

ไม่มีใครตอบคำถามของมู่เฉิน ขณะนี้แม้แต่จอมยุทธ์ทรงอำนาจอย่างหานซันและสีคุนก็ยังรู้สึกหวาดระแวงมู่เฉินอยู่บ้าง ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกที่จะไม่ไปปะทะกับมนุษย์ผู้นี้

ดังนั้นคนทั้งหมดที่อยู่ที่นี่จึงเงียบลง ก่อนที่จะถอยออกจากรัศมีโดยรอบมู่เฉินอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณบอกว่าพวกเขาไม่ต้องการต่อสู้กับเขา

เมื่อมู่เฉินเห็นภาพนี้ก็ไม่มีอารมณ์ใดบนใบหน้า แต่ในใจกลับรู้สึกโล่งอก คนอื่นๆ เห็นเพียงฉากการต่อสู้ตระการที่เขาเอาชนะลู่สุยได้ แต่พวกเขาไม่รู้หรอกว่าหมัดที่เขาชกออกไปก่อนหน้านี้คือพลังงานส่วนเกินจากสามชั้นแรก

ร่างกายของมู่เฉินก่อนหน้าเปรียบเสมือนฟองน้ำที่ดูดซับน้ำจนถึงขีดจำกัด หมัดของเขาจึงเท่ากับบีบน้ำออกจนหมด ทำให้ร่างกายที่อัดแน่นกลับสู่สภาพเดิม

ดังนั้นถ้าให้เขาโจมตีแบบนั้นอีกครั้ง พลังก็จะไม่ทรงประสิทธิภาพเหมือนเมื่อครู่แน่นอน

ประสิทธิผลพิเศษชนิดนี้ของการสะสมพลังงานในร่างกายเป็นทักษะที่ได้มาจากกายามังกรหงส์ ด้วยวิธีนี้เขาจะได้รับผลลัพธ์ที่ไม่มีใครคาดคิดไว้ กลายเป็นไพ่ลับอีกใบหนึ่ง

“คัมภีร์หลงเฟิ่งทรงพลังจริงๆ”

แม้แต่มู่เฉินก็ยังชื่นชมในสิ่งนี้ คัมภีร์หลงเฟิ่งสมแล้วที่เป็นทักษะยอดเยี่ยมแท้จริง จากการประเมินของเขาคัมภีร์นี้ต้องอยู่ในระดับเสินทงแน่นอน ซึ่งไม่ธรรมดาแม้จะอยู่ในกลุ่มวิทยายุทธระดับเสินทงด้วย

มู่เฉินชื่นชมก่อนที่จะใจเย็นลง แม้ว่าตอนนี้จะไม่มีใครท้าทายเขา แต่เขาก็ไม่ตั้งใจที่จะท้าทายคนอื่นด้วยเช่นกัน เขายืนนิ่งบนตำแหน่งตนเองรอผลการคัดออก

สำหรับจงเถิง มู่เฉินรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นพวกยุแยงให้ลู่สุยมาปะทะกับเขา แต่เนื่องจากตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ดีในการจัดการ เขาจึงได้แต่ผลักแผนไปก่อน

แต่ถึงกระนั้นสายตาคมกล้าของมู่เฉินก็ยังจ้องเขม็งไปที่จงเถิง รอบตัวเต็มไปด้วยคลื่นหลิงราวกับเสือดาวที่กำลังจะจ้องตะครุบเหยื่ออัดแน่นด้วยภัยคุกคาม

เมื่อเห็นท่าทางของมู่เฉิน จงเถิงที่ประจันหน้ากับมั่วเฟิงก็รู้สึกอึดอัดใจ เขาต้องแยกสมาธิอยู่ตลอดเพื่อจับตามองมู่เฉิน ป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายเคลื่อนไหวมาประสานพลังกับมั่วเฟิง

ด้วยวิธีนี้สมาธิของจงเถิงจึงค่อนข้างฟุ้งซ่าน สุดท้ายเขาได้แต่กัดฟัน ถอนคลื่นหลิงและถอยออกจากบริเวณของมั่วเฟิง

“พี่มั่วยากสำหรับการต่อสู้ของเราที่จะได้ข้อสรุป ทำไมเราไม่ไปจัดการคนอื่นและรับที่นั่งมาล่ะ?” ขณะที่จงเถิงถอยกลับเสียงก็สะท้อนก้องไปด้วย

มั่วเฟิงจ้องมองจงเถิงอย่างไม่แยแสก่อนที่จะพยักหน้า นั่นเป็นเพราะเขารู้ว่าหากพวกเขายังอยู่ในสถานการณ์ยืนจ้องหน้ากันก็จะไม่เกิดผลลัพธ์ใด หากเขาร่วมมือกับมู่เฉิน พวกเขาอาจทำให้จงเถิงบ้าดีเดือดขึ้นมา แม้แต่พวกเขาก็ต้องจ่ายราคามหาศาลจากการตีโต้

ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับพวกเขาคือการได้ที่นั่งเพื่อเข้าสู่ชั้นสี่

เมื่อจงเถิงเห็นคำตอบของมั่วเฟิงก็รู้สึกโล่งใจในใจ เขาถอยกลับอย่างรวดเร็วออกจากจุดที่มู่เฉินและมั่วเฟิงอยู่ เขาครุ่นคิดสั้นๆ ก่อนจะเลือกปะทะกับคนที่อ่อนแอกว่า

พอมู่เฉินเห็นจงเถิงไปแล้วก็ไม่ได้ใส่ใจอีกต่อไป สายตาหันมามองมั่วเฟิงแล้วก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้มแสดงความขอบคุณในการช่วยเหลือครั้งนี้

สายตาของมั่วเฟิงเป็นมิตรมากขึ้น คิดว่าการที่มู่เฉินเอาชนะลู่สุย ทำให้มั่วเฟิงมองมู่เฉินในฐานะจอมยุทธ์ที่อยู่ในระดับเดียวกันกับเขา ดังนั้นจึงไม่ได้มีท่าทางเฉยเมยเหมือนเมื่อก่อน

มั่วเฟิงพยักหน้าให้มู่เฉิน ก่อนที่จะหันหลังกลับและเริ่มเลือกคู่ต่อสู้ของตนเอง

ครืน!

เมื่อทุกคนเลือกคู่ต่อสู้แล้ว ทันใดนั้นคลื่นหลิงก็ระเบิดรุนแรงบนลานเมฆสายฟ้า คลื่นกระแทกกวาดออก ทำให้มิติเกิดการสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นไม่หยุด

บนลานเมฆสายฟ้าพลังงานหลิงกวาดหายนะ มีเพียงตรงมู่เฉินเท่านั้นที่ไม่ถูกรบกวน เนื่องจากไม่มีใครกล้าเหยียบเข้ามาในรัศมีพันจั้ง ยามนี้เขาเหมือนผู้ชมที่ดูการต่อสู้ติดขอบ ในเวลาเดียวกันก็บันทึกกระบวนท่าที่ทรงพลังของบางคนไว้ในสมอง

แม้ว่าในชั้นนี้พวกเขาอาจไม่ได้ประลองกัน แต่ก็ยังมีอีกสองชั้นรอพวกเขาอยู่ ใครจะสามารถรับประกันได้ว่าจะไม่มีการลดจำนวนลงในชั้นต่อไป?

ดังนั้นถ้ามีโอกาสเขาต้องพยายามจดจำข้อมูลผู้อื่นเก็บไว้

ภายใต้การสังเกตของมู่เฉิน การประลองบนลานเมฆสายฟ้าก็คงอยู่ชั่วระยะหนึ่ง ก่อนที่แต่ละคู่จะมาถึงจุดสิ้นสุด ผลลัพธ์ก็เป็นไปตามที่คาดไว้

หลังจากมู่เฉินก็เป็นหานซันที่เอาชนะคู่ต่อสู้ได้ที่นั่งที่สองไป

จากนั้นมั่วเฟิงและจงเถิงก็คว้าชัยชนะตามมา

ที่นั่งสุดท้ายตกเป็นของสีคุนที่ก่อนหน้านี้เคยแพ้หานซันที่ด้านนอกเจดีย์ ชายนี้มีความแข็งแกร่งที่น่าตกใจ แม้แต่หานซันยังต้องใช้ทักษะเต็มที่ถึงจะได้รับชัยชนะมา

เมื่อสีคุนได้รับที่นั่งสุดท้ายลานเมฆสายฟ้าขนาดใหญ่ก็เงียบลงอีกครั้ง ร่างทั้งห้ายืนอยู่ ขณะรัศมีไร้ขอบเขตทั้งห้าสายพุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าชนกันเปรี้ยงปร้าง

ทว่าการชนกันก็ดำเนินไปเพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ ก่อนที่ทั้งห้าจะถอนคลื่นพลังพร้อมกัน พวกเขาเหลือบมองกันและกัน จากนั้นก็ไม่ลังเลทะยานออกไปปรากฏตัวบนเบาะทั้งห้า

สายตาพวกเขาพุ่งตรงไปยังมิติด้านหลังลานเมฆสายฟ้าด้วยความโลภ ตรงนั้นเส้นดาวหางจำนวนมากกวาดผ่านราวกับฝนดาวตก

ในแสงเหล่านั้นแก่นหยดสายฟ้ากำลังกะพริบด้วยความแวววาว


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท