หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – ตอนที่ 1201

ตอนที่ 1201

หนึ่งในใต้หล้า 大主宰
บทที่ 1201 ใครคือประมุข?
โถงใหญ่ตกอยู่ในความเงียบงัน

ใบหน้าประมุขทั้งห้าฉายอาการตื่นตะลึง สิ่งนี้เกินความคาดหมายของพวกเขา เนื่องจากไม่มีใครคาดว่ามู่เฉินจะเป็นผู้นำคนใหม่

พวกเขาไม่คัดค้านถ้ามั่นถัวหลัวเป็นผู้นำ เนื่องจากมั่นใจในพลังของนาง

แต่มู่เฉินมีคุณสมบัติอะไร?

แม้ว่ามู่เฉินจะบรรลุระดับตี้จื้อจุนขั้นต้น แต่พวกเขาทั้งห้าก็ยังรู้สึกเหนือกว่านิดๆ เนื่องจากการความอาวุโสกว่า

สองเดือนก่อนพวกเขามองข้ามมู่เฉินเนื่องจากไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกัน

แม้ว่าพวกเขาจะระงับความคิดนี้เมื่อมู่เฉินบรรลุขุมพลังใหม่ แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะละเลยในทันที ดังนั้นเมื่อพวกเขาเห็นว่ามั่นถัวหลัวต้องการให้มู่เฉินยืนอยู่เหนือพวกเขา ใบหน้าของแต่ละคนก็ดูน่าเกลียดลงหลายส่วน

พวกเขาคงถูกล้อเลียนแน่หากเรื่องนี้กระจายออกไป คนอื่นๆ จะล้อเลียนพวกเขาในฐานะผู้อาวุโสที่กลายเป็นผู้ใต้บัญชาของเด็กวัยกระเตาะ

นี่น่าอายเกินไปแล้ว

ดังนั้นเมื่อสิ้นเสียงมั่นถัวหลัวโถงก็ตกอยู่ในความเงียบ บรรยากาศเริ่มอึดอัด ไม่มีใครกล้าที่จะลบล้างคำพูดของมั่นถัวหลัว แต่เลือกที่จะใช้วิธีนี้ในการคัดค้าน

มู่เฉินก็อึดอัดเช่นกัน เพราะสิ่งนี้ก็ทำให้เขาคาดไม่ถึงเพราะทุกคนรวมถึงเขาด้วยต่างรู้สึกว่ามั่นถัวหลัวเป็นผู้เดียวที่มีคุณสมบัติที่จะเป็นผู้นำ

ดังนั้นมู่เฉินได้แต่มองมั่นถัวหลัวอย่างช่วยไม่ได้ หวังว่านางจะเปลี่ยนใจ

ทว่ามั่นถัวหลัวไม่ได้ตอบสนองต่อเขา นางห่อเสียงไว้คลื่นหลิงส่งมายังมู่เฉิน

“เจ้าต้องรับไว้”

คิ้วของมู่เฉินกระตุกก่อนที่จะตอบไปในลักษณะเดียวกัน “ทำไม?”

สายตามั่นถัวหลัวเป็นประกายวาบ “เจ้าคิดจะไปที่ตระกูลลั่วเสินด้วยตัวคนเดียวเหรอ?”

มู่เฉินเงยหน้าขึ้นอย่างตกตะลึง เขาไม่คิดว่ามั่นถัวหลัวจะรู้เกี่ยวกับความตั้งใจของเขาที่จะมุ่งหน้าไปยังตระกูลลั่วเสิน นอกจากนี้ดูท่านางอาจรู้เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างเขากับลั่วหลีเช่นกัน

มู่เฉินเหลือบมองจิ่วโยว อีกฝ่ายก็พยักหน้ายอมรับฝืดเฝื่อนว่าเป็นคนที่เปิดเผยให้มั่วถัวหลัวรู้

เมื่อทราบถึงสาเหตุเขาก็ยิ้มอย่างขมขื่น แต่ในใจก็ซาบซึ้ง ที่แท้มั่นถัวหลัวทำสิ่งนี้เพื่อเขา

“ข้าได้รับข้อมูลเกี่ยวกับดินแดนซีเทียน รวมถึงสถานการณ์ของคนรักเจ้าในตระกูลลั่วเสิน ข้าจะเล่ารายละเอียดให้ฟังภายหลัง แต่ข้าบอกได้ว่าเป็นไปไม่ได้ที่เจ้าจะเปลี่ยนสถานการณ์ด้วยพลังของตัวเองที่มีเพียงอย่างเดียว แม้ว่าเจ้าจะบรรลุขุมพลังตี้จื้อจุนแล้วก็ตาม”

“คนรักของเจ้ากำลังเผชิญกับชะตากรรมที่เจ้าไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยตัวเอง”

หัวใจของมู่เฉินบีบรัด ประกายบาดลึกกะพริบในดวงตาเขาด้วยความปวดร้าว แม้ว่าเขาจะไม่ได้มีข้อมูลมากนักเกี่ยวกับสถานการณ์ในดินแดนซีเทียน แต่เขาก็เดาได้ว่าตระกูลลั่วเสินจะต้องรับแรงกดดันมหาศาล

นั่นเป็นอะไรที่แม้แต่บุรุษก็ยังต้องเหนื่อยล้า ไม่ต้องพูดถึงลั่วหลีที่เป็นสตรีเลย!

แม้หลายปีที่ผ่านมาตัวเขาจะเผชิญหน้ากับความเป็นตายหลายครั้ง แต่ลั่วหลีก็ไม่ได้มีช่วงเวลาที่ดีในตระกูลลั่วเสิน ดังนั้นเมื่อเขาได้ยินคำพูดของมั่นถัวหลัว เขาก็อยากจะบินไปหาลั่วหลีทันที สังหารทุกคนที่กล้ารังแกนาง!

ไอสังหารผุดขึ้นในดวงตาของมู่เฉินขณะที่กำหมัดลั่นเปรียะ

มั่นถัวหลัวมองไปที่เขาพูดว่า “ดังนั้นหากเจ้าต้องการที่จะช่วยเหลือคนรัก เจ้าไม่สามารถไปตามลำพังได้ เจ้าต้องการพลังภายใต้คำสั่ง”

มู่เฉินตกอยู่ในความเงียบ ไม่ได้คัดค้านอีก แม้เขาจะเป็นจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนแต่ก็ไม่ได้อยู่ยงคงกระพัน ระดับตี้จื้อจุนขั้นต้นถือได้ว่าเป็นยอดยุทธ์ แต่ที่ดินแดนซีเทียนมีตระกูลเทพสี่ตระกูลที่มีรากฐานทรงพลัง เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะช่วยลั่วหลีกับประชากรของนางด้วยตัวคนเดียว

แต่ถ้าเขาทำตามที่มั่นถัวหลัวพูด เขาก็จะมีพลังที่สามารถสั่งการได้ พลังที่เกินกว่าตัวเขาเอง ถ้าใครต้องการเข้าใกล้ลั่วหลี พวกเขาก็ต้องชั่งน้ำหนักตัวเลือกให้ดีก่อน

“ตอนนี้เจ้ายังคิดจะปฏิเสธอยู่ไหม?” มั่นถัวหลัวถาม

มู่เฉินเม้มปากเป็นเวลานานก่อนที่จะพูดว่า “แต่… แต่อาณาเขตกงเวทสวรรค์เป็นสิ่งที่เจ้าก่อตั้งขึ้น พันธมิตรภูมิภาคทางเหนือก็เช่นกัน…”

การจัดตั้งขุมกำลังใหม่จะต้องมีการรวมกลุ่มพันธมิตรภูมิภาคทางเหนือ นอกจากนี้มั่นถัวหลัวก็อยู่ในนี้เช่นกัน ซึ่งตอนแรกทั้งหมดควรเป็นของนาง

แต่นางกลับจะมอบทุกอย่างให้กับมู่เฉิน เขาจะรู้สึกสบายใจที่ได้รับเหรอ?

“เจ้าเป็นผู้สืบทอดของจักรพรรดิฟ้า ถือซะว่าข้าทำสิ่งนี้เพื่อไม่ต้องการให้วังสวรรค์บรรพกาลจบสิ้นลง” มั่นถัวหลัวไม่ได้ใส่ใจเรื่องนี้เลย นางไม่ได้สนใจเป็นผู้นำตั้งแต่ต้น เหตุผลที่นางก่อตั้งอาณาเขตกงเวทสวรรค์ก็เพื่อที่จะมีสถานที่ที่ปลอดภัยในการรักษาอาการบาดเจ็บของตนเองและล้างแค้นลู่หยวนเท่านั้น

ตอนนี้ทั้งลู่หยวนและจักรพรรดิฟ้าจากไปหมดแล้ว นางยิ่งไม่สนใจเรื่องนี้อีกต่อไป ถ้าไม่ได้เป็นเพราะจักรพรรดิฟ้าฝากฝังให้นางดูแลมู่เฉิน นางก็คงละทิ้งทุกอย่างไปแล้ว

ดังนั้นขุมกำลังไม่ได้สำคัญสำหรับนางเลย ทั้งหมดอาจมีความสำคัญต่อนางน้อยกว่าการมีอยู่ของมู่เฉินด้วยซ้ำ เพราะเขาเป็นสหายเพียงคนเดียวที่นางไว้ใจในตลอดหลายปีที่ผ่านมา

มู่เฉินรับรู้ถึงอารมณ์ของมั่นถัวหลัว สีหน้าของเขาก็ซับซ้อนขึ้น หากไม่ใช่ลั่วหลี เขาคงค้านหัวชนฝาเช่นกัน แต่คำพูดของมั่นถัวหลัวตรงประเด็นในใจเขาพอดี ทำให้เขาไม่อาจปฏิเสธสิ่งนี้ได้

“ขอบคุณมาก!”

มู่เฉินหลับตาลงอย่างช้าๆ เอ่ยกับมั่นถัวหลัว เขารู้ว่าตัวเองเป็นหนี้บุญคุณมั่นถัวหลัวมากมายจนยากจะตอบแทน แต่เขาก็อยากจะแสดงความขอบคุณนาง

เมื่อนางเห็นว่ามู่เฉินยอมรับในที่สุด รอยยิ้มก็ปรากฏบนใบหน้าของมั่นถัวหลัว จากนั้นก็พูดกับเขาด้วยเสียงติดเหน็บแนม “ในเมื่อเจ้าเห็นด้วยแล้ว เจ้าก็ต้องรับผิดชอบในการแก้ไขปัญหาที่เหลือเอง”

มู่เฉินอึ้งไป “ปัญหาอะไร?”

มั่นถัวหลัวเท้าคางขณะที่ยิ้มตาหยี “เจ้าคิดว่าคนเหล่านั้นจะยอมรับรึ? หากเจ้าไม่ต้องการให้ขุมกำลังแตกสลายก็จงทำให้พวกเขายอมสวามิภักดิ์ นี่คือสิ่งที่ข้าไม่สามารถช่วยได้และคงสร้างรอยขุ่นเคืองใจถ้าข้าบังคับพวกเขา”

“ดังนั้นเจ้าต้องปราบพวกเขาด้วยตัวเอง”

มู่เฉินลืมตาขึ้นพลางยิ้มแล้วพยักหน้า เขารู้ว่ามั่นถัวหลัวช่วยเขาโดยการดันออกไปสุดพลัง ดังนั้นเขาจะต้องพึ่งพาตัวเองเพื่อข่มขวัญคนเหล่านั้น

ถ้าเป็นสองเดือนก่อนมู่เฉินอาจจะต้องถอย เพราะไม่ว่าเขาจะมีแข็งแกร่งแค่ไหนการเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนแท้จริงไม่ใช่สิ่งที่เขาทำได้

แต่ตอนนี้สถานการณ์แตกต่างไปแล้ว เขาบรรลุระดับตี้จื้อจุนขั้นต้นแท้จริง บางทีเขาอาจเป็นน้องใหม่ในขุมพลังนี้ ทว่าถ้าคนพวกนี้คิดว่าพวกเขาปราบปรามเขาได้ก็ไร้เดียงสาเกินไปแล้ว

ก่อนที่เขาจะบรรลุระดับตี้จื้อจุน เขาก็จัดการผู้อาวุโสจั่วจนหมอบราบคาบแก้วไปแล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงตอนนี้เลย!

คิดถึงจุดนี้ มู่เฉินก็ยืดร่างความลังเลจางหายทั้งหมด ความคมชัดกระจายออกจากหว่างคิ้ว รัศมีที่มองไม่เห็นเริ่มห่อหุ้มโถงทั้งหมดไว้

จอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นต้นห้าคนแล้วไง? ทุกคนอาวุโสกว่าแล้วไง? เขาเองไม่เหมือนกับในอดีตอีกต่อไป ถ้าแพะแก่เหล่านี้คิดว่าพวกเขาสามารถดูถูกเขาได้ พวกเขาก็ตาบอดแล้ว!

ประมุขทั้งห้าตรวจพบการเปลี่ยนแปลงฉับพลันของมู่เฉิน ทันใดนั้นคิ้วของพวกเขาก็ยกขึ้น แต่ละคนแลกเปลี่ยนสายตากัน ดูจากลักษณะแล้วมู่เฉินมีความทะเยอทะยานที่จะเหยียบหัวพวกเขาเรอะ?

“ชักจะไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำซะแล้ว!”

ทั้งห้าคนเค้นเสียงเย็นเยือกในหัวใจ พวกเขายอมจำนนเมื่อเผชิญหน้ากับมั่นถัวหลัว แต่ไม่ใช่กับมู่เฉิน

กึก!

เสียงถ้วยชากระแทกบนโต๊ะดังลั่น เหล่าจอมพลอาณาเขตกงเวทสวรรค์หันมองไปในทิศทางของต้นเสียงก็เห็นหลิ่วเทียนเต้าวางถ้วยชาลงขณะเผยสีหน้าไม่แยแส

ในบรรดาประมุขทั้งห้า หลิ่วเทียนเต้าประมุขตำหนักสุดนภาเคยมีปมบาดหมางกับมู่เฉินมาก่อน แม้ว่าจะจางลงไปบ้าง แต่เขาก็ไม่สามารถยอมรับให้มู่เฉินยืนค้ำคอเขาได้

ดังนั้นหลิ่วเทียนเต้าจึงมองไปที่มั่นถัวหลัวพูดว่า “ข้าเห็นด้วยกับข้อเสนอของผู้นำพันธมิตร ถ้าเจ้าเป็นผู้นำขุมกำลังใหม่ที่จัดตั้งขึ้นข้าก็จะไม่คัดค้านอะไรเลย แต่ถ้าเจ้าต้องการให้เรายอมรับมู่เฉินเป็นประมุข…”

หลิ่วเทียนเต้าเหลือบตาขึ้นมองมู่เฉิน น้ำเสียงเย็นชาลงหลายส่วน

“พูดแบบไม่เกรงใจ เขายังไม่มีคุณสมบัติ!”

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler ฟรี ได้ที่ novel-fast 


เรื่องย่อ

โดย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler บางส่วนของนิยาย

บทนำ

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป

‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้

แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์

แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว

ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ

เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง?

ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน…

เรื่องย่อ

เมื่อคำพูดของมู่เฉินกระจายออกไป ไม่เพียงแต่จะไม่มีการตอบสนอง แม้แต่ด้านนอกเจดีย์ก็ถูกห่อหุ้มด้วยบรรยากาศราวกับป่าช้า…

ทุกคนตกตะลึงไปกับฉากนี้ พวกเขาจ้องมองจุดที่ลู่สุยหายตัวไป ราวกับว่ายังไม่สามารถฟื้นจากอาการตะลึงงันที่เกิดขึ้นได้

ก่อนหน้าเมื่อลู่สุยออกกระบวนท่าที่น่าสะพรึง ผู้คนส่วนใหญ่ก็คิดว่าผลลัพธ์ของการต่อสู้ได้ถูกกำหนดแล้ว ทว่าพวกเขาไม่คิดเลยว่ามู่เฉินจะพลิกสถานการณ์ได้อีกครั้ง เตะลู่สุยที่เหมือนจะคว้าชัยชนะออกไป

ทุกคนตะลึงไปพักใหญ่ ก่อนที่พวกเขาจะหลุดออกจากอาการได้ สายตาเคร่งเครียดลง การประลองกันครั้งนี้มู่เฉินไม่ได้ใช้ค่ายกล แต่เขาก็สามารถเอาชนะจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดอย่างลู่สุยได้ด้วยความแข็งแกร่งที่อยู่ในขั้นหกเท่านั้น แม้ว่าจะมีผลจากลู่สุยประมาทเองในตอนแรก แต่นั่นก็แสดงให้เห็นว่ามู่เฉินน่ากลัวแค่ไหน

พลังเช่นนี้เขาสามารถเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์อันดับต้นๆ ในเจดีย์ฝึกพลังกายได้เลยทีเดียว

ทางฝั่งกลุ่มกระเรียนฟ้า ใบหน้าของหลิ่วชิงกลายเป็นเขียวสลับขาว นางมองไปที่ร่างสูงโปร่งบนหน้าจอ กลืนน้ำลายเหนียวหนืด ความกลัวปรากฏในดวงตาของนางเป็นครั้งแรก

มาถึงจุดนี้นางคงโง่แน่ถ้ายังคิดปฏิบัติต่อมู่เฉินเหมือนกับจอมยุทธ์ขั้นหกทั่วไป

ด้วยพลังในการต่อสู้ที่เขาแสดงออกมา บวกกับค่ายกลทรงพลัง แม้แต่จงเถิงก็ยากจะได้เปรียบหากพวกเขาต่อสู้กัน

ก่อนหน้านี้นางหัวเราะเยาะและมองจิ่วโยวด้วยความดูถูก แต่ตอนนี้นางอายแทบแทรกแผ่นดินหนี ซึ่งจุดนี้รู้ได้จากสายตาเยาะเย้ยเหล่านั้นที่ปรายมองเข้ามา

“ทำไมมู่เฉินถึงทรงพลังเช่นนี้?” จงฮั้วที่พ่ายแพ้ให้กับมู่เฉินก็มีสีหน้าเคร่งขรึมเช่นกัน ก่อนหน้านี้เขาเคยคิดเช่นกันว่ามู่เฉินพึ่งพาเพียงค่ายกลเพื่อจัดการกับศัตรู แต่ใครจะคิดว่าเมื่อไม่มีการใช้ค่ายกลมู่เฉินก็สามารถเอาชนะลู่สุยแบบดุร้ายยิ่งกว่าอะไร

“ดูเหมือนว่ามีเพียงพี่ใหญ่จงเถิงเท่านั้นที่สามารถจัดการกับเขาได้” จอมยุทธ์อีกคนของเผ่ากระเรียนฟ้าพยักหน้า

หลิ่วชิงพยักหน้าเบาๆ ไม่เพียงแต่พวกเขาจะพิจารณาพลังของมู่เฉินพลาดไปเท่านั้น แม้แต่จงเถิงก็ตัดสินอีกฝ่ายผิดไป ชายคนนั้นเป็นสัตว์ประหลาดอย่างแท้จริง

ฟิ้ว!

ขณะที่นอกเจดีย์ต่างตกตะลึงกับผลลัพธ์ที่มู่เฉินนำมา ทันใดนั้นแสงก็กะพริบบนแท่นนอกเจดีย์ ร่างน่าสังเวชปรากฏขึ้น

เมื่อร่างนั้นออกมาก็รีบถอยกลับไปปรากฏตัวขึ้นในกลุ่มอีกาสายฟ้าทันควัน นี่ก็คือลู่สุยที่มีสีหน้าซีดขาว คลื่นหลิงของเขาถดถอยลงอย่างมาก

สายตาโดยรอบยิงเข้าหาในเวลานี้ทันที

ใบหน้าของลู่สุยเขียวคล้ำ สายตาเกลียดชังมองไปที่มู่เฉินที่อยู่บนหน้าจอ ก่อนที่จะหันหัวสาดสายตาดุร้ายใส่จิ่วโยวและมั่วหลิง ที่ข้างๆ พรรคพวกของเขาก็มีท่าทางไม่ดีเช่นกัน

ทว่าจิ่วโยวไม่กลัวที่จะเผชิญหน้ากับสายตาเหล่านั้น นางเค้นเสียงอย่างเย็นชา “ลูกหมาที่ถูกฟาดยังกล้าที่จะออกมาแยกเขี้ยวอีกเหรอ?”

ตอนนี้ลู่สุยบาดเจ็บสาหัส สูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไปหมด ส่วนคนที่เหลือก็ไม่มีอะไรต้องกลัว หากพวกเขากล้าที่จะคิดบัญชีกับพวกนาง จิ่วโยวก็ไม่คิดปล่อยพวกเขาไว้เป็นภัยคุกคามในอนาคตหรอก

สายตาแสดงความเกลียดชังของลู่สุยจ้องเขม็งอยู่ที่จิ่วโยว แต่สุดท้ายเขาก็ต้องถอนสายตาออกไปอย่างไม่เต็มใจ ก่อนที่จะถอยกลับนั่งลงบนซากปรักหักพังเข้าสมาธิเพื่อฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ

จอมยุทธ์กลุ่มอีกาสายฟ้าก็ปรากฏรอบตัวเขาเพื่อปกป้อง

เมื่อจิ่วโยวเห็นการตอบสนองนั่น นางก็ไม่ได้ใส่ใจกับพวกเขาอีก นางมองไปที่หน้าจออีกครั้งโดยพุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่ร่างเงาอ่อนเยาว์ มือที่กำแน่นผ่อนคลายลง

เห็นได้ชัดว่านี่เป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงสำหรับนางที่มู่เฉินจะเอาชนะได้เด็ดขาดแบบนี้ นั่นเป็นเพราะตามการประเมินของนางแม้ว่ามู่เฉินจะยืนยงอยู่ได้ก็เป็นยากที่จะเอาชนะลู่สุยด้วยขุมพลังจื้อจุนขั้นหกและถ้าการต่อสู้ถูกลากไปจนสุดอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบคาดไม่ถึง

ทว่าผลลัพธ์สุดท้ายที่ได้ก็ทำให้นางทั้งประหลาดใจและดีใจ

เห็นได้ชัดว่ามู่เฉินได้รับประโยชน์มหาศาลจากสามชั้นแรกของเจดีย์ฝึกพลังกาย ไม่เช่นนั้นเขาไม่สามารถแสดงพลังเป็นที่ประจักษ์เช่นนี้ได้

“ว่ากันว่าในชั้นสี่มหัศจรรย์กว่านี้มาก หากใครสามารถเข้าไปได้ พวกเขาจะสามารถได้รับผลประโยชน์เกินกว่าสามชั้นแรกมาก…”

จิ่วโยวยิ้มบาง ดูจากสถานการณ์ปัจจุบันไม่น่ามีปัญหาใดๆ ที่มู่เฉินจะเข้าสู่ชั้นสี่ สำหรับมั่วเฟิงความแข็งแกร่งของเขาเป็นหนึ่งในอันดับต้นของกลุ่มที่เข้าไป ดังนั้นจึงไม่ยากสำหรับเขาที่จะได้หนึ่งในห้าที่นั่งนี้ไปเช่นกัน

ดูเหมือนว่าการเดินทางมาที่เจดีย์ฝึกพลังกายโบราณครั้งนี้เผ่าวิหคโลกันตร์อาจเป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

บนลานเมฆสายฟ้า

ไม่มีใครตอบคำถามของมู่เฉิน ขณะนี้แม้แต่จอมยุทธ์ทรงอำนาจอย่างหานซันและสีคุนก็ยังรู้สึกหวาดระแวงมู่เฉินอยู่บ้าง ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกที่จะไม่ไปปะทะกับมนุษย์ผู้นี้

ดังนั้นคนทั้งหมดที่อยู่ที่นี่จึงเงียบลง ก่อนที่จะถอยออกจากรัศมีโดยรอบมู่เฉินอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณบอกว่าพวกเขาไม่ต้องการต่อสู้กับเขา

เมื่อมู่เฉินเห็นภาพนี้ก็ไม่มีอารมณ์ใดบนใบหน้า แต่ในใจกลับรู้สึกโล่งอก คนอื่นๆ เห็นเพียงฉากการต่อสู้ตระการที่เขาเอาชนะลู่สุยได้ แต่พวกเขาไม่รู้หรอกว่าหมัดที่เขาชกออกไปก่อนหน้านี้คือพลังงานส่วนเกินจากสามชั้นแรก

ร่างกายของมู่เฉินก่อนหน้าเปรียบเสมือนฟองน้ำที่ดูดซับน้ำจนถึงขีดจำกัด หมัดของเขาจึงเท่ากับบีบน้ำออกจนหมด ทำให้ร่างกายที่อัดแน่นกลับสู่สภาพเดิม

ดังนั้นถ้าให้เขาโจมตีแบบนั้นอีกครั้ง พลังก็จะไม่ทรงประสิทธิภาพเหมือนเมื่อครู่แน่นอน

ประสิทธิผลพิเศษชนิดนี้ของการสะสมพลังงานในร่างกายเป็นทักษะที่ได้มาจากกายามังกรหงส์ ด้วยวิธีนี้เขาจะได้รับผลลัพธ์ที่ไม่มีใครคาดคิดไว้ กลายเป็นไพ่ลับอีกใบหนึ่ง

“คัมภีร์หลงเฟิ่งทรงพลังจริงๆ”

แม้แต่มู่เฉินก็ยังชื่นชมในสิ่งนี้ คัมภีร์หลงเฟิ่งสมแล้วที่เป็นทักษะยอดเยี่ยมแท้จริง จากการประเมินของเขาคัมภีร์นี้ต้องอยู่ในระดับเสินทงแน่นอน ซึ่งไม่ธรรมดาแม้จะอยู่ในกลุ่มวิทยายุทธระดับเสินทงด้วย

มู่เฉินชื่นชมก่อนที่จะใจเย็นลง แม้ว่าตอนนี้จะไม่มีใครท้าทายเขา แต่เขาก็ไม่ตั้งใจที่จะท้าทายคนอื่นด้วยเช่นกัน เขายืนนิ่งบนตำแหน่งตนเองรอผลการคัดออก

สำหรับจงเถิง มู่เฉินรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นพวกยุแยงให้ลู่สุยมาปะทะกับเขา แต่เนื่องจากตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ดีในการจัดการ เขาจึงได้แต่ผลักแผนไปก่อน

แต่ถึงกระนั้นสายตาคมกล้าของมู่เฉินก็ยังจ้องเขม็งไปที่จงเถิง รอบตัวเต็มไปด้วยคลื่นหลิงราวกับเสือดาวที่กำลังจะจ้องตะครุบเหยื่ออัดแน่นด้วยภัยคุกคาม

เมื่อเห็นท่าทางของมู่เฉิน จงเถิงที่ประจันหน้ากับมั่วเฟิงก็รู้สึกอึดอัดใจ เขาต้องแยกสมาธิอยู่ตลอดเพื่อจับตามองมู่เฉิน ป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายเคลื่อนไหวมาประสานพลังกับมั่วเฟิง

ด้วยวิธีนี้สมาธิของจงเถิงจึงค่อนข้างฟุ้งซ่าน สุดท้ายเขาได้แต่กัดฟัน ถอนคลื่นหลิงและถอยออกจากบริเวณของมั่วเฟิง

“พี่มั่วยากสำหรับการต่อสู้ของเราที่จะได้ข้อสรุป ทำไมเราไม่ไปจัดการคนอื่นและรับที่นั่งมาล่ะ?” ขณะที่จงเถิงถอยกลับเสียงก็สะท้อนก้องไปด้วย

มั่วเฟิงจ้องมองจงเถิงอย่างไม่แยแสก่อนที่จะพยักหน้า นั่นเป็นเพราะเขารู้ว่าหากพวกเขายังอยู่ในสถานการณ์ยืนจ้องหน้ากันก็จะไม่เกิดผลลัพธ์ใด หากเขาร่วมมือกับมู่เฉิน พวกเขาอาจทำให้จงเถิงบ้าดีเดือดขึ้นมา แม้แต่พวกเขาก็ต้องจ่ายราคามหาศาลจากการตีโต้

ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับพวกเขาคือการได้ที่นั่งเพื่อเข้าสู่ชั้นสี่

เมื่อจงเถิงเห็นคำตอบของมั่วเฟิงก็รู้สึกโล่งใจในใจ เขาถอยกลับอย่างรวดเร็วออกจากจุดที่มู่เฉินและมั่วเฟิงอยู่ เขาครุ่นคิดสั้นๆ ก่อนจะเลือกปะทะกับคนที่อ่อนแอกว่า

พอมู่เฉินเห็นจงเถิงไปแล้วก็ไม่ได้ใส่ใจอีกต่อไป สายตาหันมามองมั่วเฟิงแล้วก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้มแสดงความขอบคุณในการช่วยเหลือครั้งนี้

สายตาของมั่วเฟิงเป็นมิตรมากขึ้น คิดว่าการที่มู่เฉินเอาชนะลู่สุย ทำให้มั่วเฟิงมองมู่เฉินในฐานะจอมยุทธ์ที่อยู่ในระดับเดียวกันกับเขา ดังนั้นจึงไม่ได้มีท่าทางเฉยเมยเหมือนเมื่อก่อน

มั่วเฟิงพยักหน้าให้มู่เฉิน ก่อนที่จะหันหลังกลับและเริ่มเลือกคู่ต่อสู้ของตนเอง

ครืน!

เมื่อทุกคนเลือกคู่ต่อสู้แล้ว ทันใดนั้นคลื่นหลิงก็ระเบิดรุนแรงบนลานเมฆสายฟ้า คลื่นกระแทกกวาดออก ทำให้มิติเกิดการสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นไม่หยุด

บนลานเมฆสายฟ้าพลังงานหลิงกวาดหายนะ มีเพียงตรงมู่เฉินเท่านั้นที่ไม่ถูกรบกวน เนื่องจากไม่มีใครกล้าเหยียบเข้ามาในรัศมีพันจั้ง ยามนี้เขาเหมือนผู้ชมที่ดูการต่อสู้ติดขอบ ในเวลาเดียวกันก็บันทึกกระบวนท่าที่ทรงพลังของบางคนไว้ในสมอง

แม้ว่าในชั้นนี้พวกเขาอาจไม่ได้ประลองกัน แต่ก็ยังมีอีกสองชั้นรอพวกเขาอยู่ ใครจะสามารถรับประกันได้ว่าจะไม่มีการลดจำนวนลงในชั้นต่อไป?

ดังนั้นถ้ามีโอกาสเขาต้องพยายามจดจำข้อมูลผู้อื่นเก็บไว้

ภายใต้การสังเกตของมู่เฉิน การประลองบนลานเมฆสายฟ้าก็คงอยู่ชั่วระยะหนึ่ง ก่อนที่แต่ละคู่จะมาถึงจุดสิ้นสุด ผลลัพธ์ก็เป็นไปตามที่คาดไว้

หลังจากมู่เฉินก็เป็นหานซันที่เอาชนะคู่ต่อสู้ได้ที่นั่งที่สองไป

จากนั้นมั่วเฟิงและจงเถิงก็คว้าชัยชนะตามมา

ที่นั่งสุดท้ายตกเป็นของสีคุนที่ก่อนหน้านี้เคยแพ้หานซันที่ด้านนอกเจดีย์ ชายนี้มีความแข็งแกร่งที่น่าตกใจ แม้แต่หานซันยังต้องใช้ทักษะเต็มที่ถึงจะได้รับชัยชนะมา

เมื่อสีคุนได้รับที่นั่งสุดท้ายลานเมฆสายฟ้าขนาดใหญ่ก็เงียบลงอีกครั้ง ร่างทั้งห้ายืนอยู่ ขณะรัศมีไร้ขอบเขตทั้งห้าสายพุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าชนกันเปรี้ยงปร้าง

ทว่าการชนกันก็ดำเนินไปเพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ ก่อนที่ทั้งห้าจะถอนคลื่นพลังพร้อมกัน พวกเขาเหลือบมองกันและกัน จากนั้นก็ไม่ลังเลทะยานออกไปปรากฏตัวบนเบาะทั้งห้า

สายตาพวกเขาพุ่งตรงไปยังมิติด้านหลังลานเมฆสายฟ้าด้วยความโลภ ตรงนั้นเส้นดาวหางจำนวนมากกวาดผ่านราวกับฝนดาวตก

ในแสงเหล่านั้นแก่นหยดสายฟ้ากำลังกะพริบด้วยความแวววาว


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท