หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – ตอนที่ 1203

ตอนที่ 1203

หนึ่งในใต้หล้า 大主宰
บทที่ 1203 อำนาจค่ายกลเก้าเทพมังกรประหาร
ฮึ่ม!

เมื่อมู่เฉินวาดตราประทับวาดขึ้นค่ายกลก็ครางกระหึ่มพร้อมกับผนึกเส้นสายที่มองเห็นด้วยตาเปล่ากระจายออกไปเชื่อมโยงกัน

เมื่อผนึกเชื่อมโยงกัน ทุกคนก็รู้สึกได้ว่าช่องโหว่ของค่ายกลสมบูรณ์ขึ้นอย่างรวดเร็ว ในเวลาเดียวกันความผันผวนที่ทรงพลังก็รวมตัวกันอยู่ภายใน

หลิ่วเทียนเต้ารับรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงนี้ ดวงตาหรี่แคบลงโดยไม่กล้าประมาท เขารวบรวมคลื่นหลิงทรงพลังสร้างเป็นชุดเกราะสวมรอบตัว

สิ่งนี้ถูกสร้างขึ้นด้วยคลื่นหลิงล้วนๆ ซึ่งไม่เพียงแต่ทนทาน ยังสามารถหลอมรวมได้ด้วย การโจมตีใดๆ จะถูกดูดซับคลื่นหลิงบางส่วนจนลดพลังลง ซึ่งมีประโยชน์อย่างมาก

“โฮก!”

ทว่ามู่เฉินไม่ได้ใส่ใจการกระทำของอีกฝ่าย ตราประทับเปลี่ยนเร็วรี่ มังกรในค่ายกลก็คำรามลั่น

คลื่นหลิงควบแน่นอย่างรวดเร็ว มังกรอีกตัวก็ปรากฏขึ้นในค่ายกล

เวลานี้มีมังกรทั้งหมดสี่ตัวในค่ายกล แต่ละตัวจ้องหลิ่วเทียนเต้าเขม็งขณะที่ปล่อยแรงกดดันอันยิ่งใหญ่

หลิ่วเทียนเต้ามองมังกรสี่ตัวด้วยสีหน้าเคร่งขรึม เนื่องจากเขาสัมผัสได้ถึงความรุนแรงของแรงกดดันเมื่อมังกรทั้งสี่ตัวถูกสร้างขึ้น

หากเขามีความมั่นใจในการรับมือก่อนหน้า ตอนนี้ความมั่นใจของเขาลดลงครึ่งหนึ่งเลยทีเดียว

“มู่เฉินมีวิธียอดเยี่ยมจริงๆ”

หลิ่วเทียนเต้าพึมพำในใจ แต่ขณะนี้เขาก็เห็นมู่เฉินยิ้มและสร้างตราประทับด้วยมือข้างเดียวอีกครั้ง ซึ่งฉากนี้ทำให้ม่านตาเขาหดเกร็ง

นี่ยังไม่เสร็จอีกเหรอ?!

โฮก!

ขณะที่ความคิดนี้พล่านในหัวใจ เสียงคำรามสะเทือนเลื่อนลั่นก็สะท้อนออกมาจากค่ายกล คลื่นหลิงควบแน่นมังกรอีกตัวก่อตัวขึ้น

ตอนนี้ในค่ายกลเก้าเทพมังกรประหาร มีมังกรทั้งหมดห้าตัว!

ยามนี้สีหน้าของหลิ่วเทียนเต้าน่าเกลียนจนดูไม่ได้ กระทั่งจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนคนอื่นๆ ก็ยังมีสีหน้าเคร่งขรึมลงหลายส่วนกับฉากนี้

ชัดว่าพวกเขารู้สึกถึงไอคุกคามจากมังกรทั้งห้า!

มุมปากของหลิ่วเทียนเต้ากระตุก ถ้านี่เป็นการต่อสู้มรณะกับมู่เฉินแล้วละก็ เขาคงเคลื่อนไหวไปเพื่อขัดขวางมู่เฉินไม่ให้สร้างค่ายกลได้สำเร็จ

แต่น่าเสียดายที่การเดิมพันของเขากับมู่เฉิน ที่ตั้งกฎไว้ว่าเขาจะต้องทนต้านค่ายกลให้ได้สองชั่วโมง ในเมื่อเป็นแบบนี้ที่เขาทำได้ก็คือเฝ้ามองมู่เฉินสร้างค่ายกลจนเสร็จสมบูรณ์

“นี่น่าจะเป็นขีดจำกัดของเขาแล้วแหละ” หลิ่วเทียนเต้าปลอบตัวเองในใจ จากการคาดเดาของเขาถ้ามู่เฉินเพิ่มมังกรเข้าไปอีก เขาคงติดอยู่ในกับดักนี้ไม่ต้องออกไปไหนแล้ว

เหมือนจะสัมผัสได้ว่าหลิ่วเทียนเต้ากำลังปลอบใจตัวเอง มู่เฉินก็เงยหน้ามองไปด้วยรอยยิ้ม เมื่อรู้สึกถึงรอยยิ้มนั่นหลิ่วเทียนเต้าก็หนาวสั่นไปถึงกระดูกสันหลัง ใบหน้าเขาเปลี่ยนเป็นเขียวคล้ำเมื่อเห็นมู่เฉินวาดตราประทับอีกครั้ง

ฮึ่ม ฮึ่ม!

ลวดลายพลังงานเริ่มเชื่อมโยงเข้าด้วยกันถักทอปิดช่องโหว่แบบช้าๆ

ตู้ม!

คลื่นหลิงทั่วบริเวณนี้เดือดพล่าน ขณะที่มารวมตัวกันในค่ายกลเก้าเทพมังกรประหารราวกับถูกอะไรบางอย่างดึงดูด

ด้วยการรวมตัวของคลื่นหลิงมหาศาลในค่ายกลมากขึ้นก็ทำเอาเปลือกตาของทุกคนกระตุก เมื่อเห็นมังกรอีกตัวขึ้นรูปร่าง

“นั่นตัวที่หกแล้ว”

เหล่าจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนกลืนน้ำลายเอื๊อกใหญ่ขณะแลกเปลี่ยนสายตากัน หยดเหงื่อปกคลุมหน้าผากไปหมด พวกเขารู้สึกชัดเจนถึงความผันผวนที่น่ากลัวจากพลังงานที่เบื้องหน้า

ค่ายกลระดับนี้แม้แต่พวกเขาก็ไม่กล้าเฉียดเข้าใกล้!

ประมุขทั้งสี่เหลือบไปมองใบหน้าหลิ่วเทียนเต้าที่เปลี่ยนเป็นเขียวมืด ความยินดีในใจก็พวยพุ่ง โชคดีที่ตนไม่ได้ออกหน้าทำอะไร มิฉะนั้นพวกเขาคงอยู่ในจุดเดียวกันกับหลิ่วเทียนเต้าแล้ว

“ไม่คิดว่าเจ้าจะประสบความสำเร็จในด้านค่ายกลถึงระดับนี้! น่าประทับใจมาก งั้นขอข้าลิ้มรสหน่อยว่ามันมีพลังแค่ไหนเชียว!”

ดวงตาของหลิ่วเทียนเต้าวูบไหวขณะที่มองดูค่ายกล อึดใจก็คำรามเสียงกร้าว เขาก้าวเท้าออกมาพลางกำหมัดแน่น คลื่นหลิงจำนวนมหาศาลรวมอยู่ในมือก่อร่างเป็นแส้ขนาดใหญ่หมื่นจั้ง เขาตวัดออกไปฉีกขาดมิติพุ่งเข้าใส่มังกรทั้งหกตัว

หลิ่วเทียนเต้าเคลื่อนไหวกะทันหันมาก ทำให้ความโกรธเพิ่มขึ้นในหัวใจของจิ่วโยวและคนอื่นๆ จิ้งจอกเฒ่าคนนี้ฉลาดแกมโกงนัก เมื่อเห็นว่าค่ายกลขอมู่เฉินขยายขึ้นอย่างแข็งแกร่ง เขาก็ไม่คิดที่จะรออะไร ตัดสินใจเคลื่อนไหวจัดการทันที

เมื่อเห็นการกระทำของหลิ่วเทียนเต้า มู่เฉินก็ยิ้มบาง ถ้าจิ้งจอกเฒ่าคนนี้คิดว่าแบบนี้สามารถขัดขวางเขาในการเร้าค่ายกลต่อก็ดูถูกกันเกินไปแล้ว

มู่เฉินดีดนิ้ว ค่ายกลก็ระเบิดแสงหลิงหมื่นจั้งพลางหมุนคว้าง มังกรทั้งหกพ่มลมหายใจมังกรใส่หลิ่วเทียนเต้าสกัดกั้นการโจมตีเอาไว้

ปัง ปัง!

ทั้งสองเผชิญหน้ากัน คลื่นหลิงที่ป่าเถื่อนก็กวาดออกฉีกมิติกระจุยกระจาย ถ้าไม่ใช่เพราะมั่นถัวหลัว ห้องโถงทั้งหมดคงจะกลายเป็นเถ้าถ่านไปแล้วในตอนนี้

ในค่ายกลมหึมา แสงหลิงส่องกระจายอย่างต่อเนื่อง ไม่กี่สิบลมหายใจ หลิ่วเทียนเต้าก็ปะทะกับมังกรหกตัวไปหลายร้อยกระบวนท่าแล้ว แม้ว่าเขาจะพยายามอย่างเต็มที่ในการโจมตี เขาก็ยังไม่สามารถเอาชนะมังกรทั้งหกได้ ทำได้เพียงไม่ตกเป็นฝ่ายแพ้

“ค่ายกลนี้ทรงพลังขนาดนี้เชียว?!”

หัวใจของหลิ่วเทียนเต้าสั่นระรัว เนื่องจากเขาพบว่าต่อให้เร้าพลังออกมาทั้งหมด เขาก็ไม่สามารถหลุดพ้นจากมังกรทั้งหกตัวได้

นั่นหมายความว่าค่ายกลนี้มีพลังอำนาจในการดักจับจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นต้น!

เขารู้ว่าเว้นแต่จะเทหมดหน้าตัก มิฉะนั้นก็เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะหลุดพ้นจากค่ายกลนี้

เมื่อเกิดความคิดนี้ เขาก็ล้มเลิกความตั้งใจที่จะหนีออกไป เปลี่ยนมาเป็นป้องกันเต็มกำลัง เพราะข้อตกลงระหว่างเขากับมู่เฉินคืออยู่ในค่ายกลให้ครบสองชั่วโมง

แม้ว่าหลิ่วเทียนเต้าจะไม่สามารถทำสิ่งใดกับค่ายกลได้ แต่ค่ายกลก็ไม่สามารถทำลายแนวป้องกันของเขาได้ หากสิ่งนี้ยังคงดำเนินต่อไปเขาจะสามารถลากเวลาจนครบสองชั่วโมง

วิธีนี้ดูไม่ดีสักเท่าไร แต่ในเมื่อมู่เฉินมั่นใจเกินตัว เขาก็ต้องให้บทเรียนกับอีกฝ่ายบ้าง

เมื่อเกิดความคิดนี้ หลิ่วเทียนเต้าก็ไม่สนใจอะไรอีก คลื่นหลิงมหาศาลพวยพุ่งขึ้นพร้อมกับแสงหลิงนับไม่ถ้วนก่อตัวเป็นแนวป้องกันที่แข็งแกร่งรอบตัวเขา ปล่อยให้มังกรทั้งหกโจมตีได้ตามที่ต้องการ

“ตาแก่นั้นหน้าด้านไปแล้ว!”

จิ่วโยวและคนอื่นๆ ส่ายหัวขณะที่สบถด่าในใจ

ประมุขคนอื่นๆ เบ้ปาก แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร เพราะถ้าหลิ่วเทียนเต้าชนะ พวกเขาก็ไม่จำเป็นต้องยอมรับมู่เฉินในฐานะผู้นำ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่การปริปากกับการที่หลิ่วเทียนเต้าเป็นคนไร้ยางอาย

ในเวลาเดียวกันพวกเขาก็รู้สึกดีใจในใจ โชคดีที่พวกเขาไม่ได้ทำตัวเด่น ไม่อย่างนั้นคนที่อยู่ในตำแหน่งกระอักกระอ่วนของหลิ่วเทียนเต้าก็จะเป็นพวกเขา

ในห้องโถงทุกคนมีความคิดที่แตกต่างกันไป ส่วนมู่เฉินก็ยิ้มขณะที่มองหลิ่วเทียนเต้า ริ้วเยาะเย้ยโค้งขึ้นมุมปาก

ในเวลาเดียวกันเขาก็ยกมือขึ้น วาดตราประทับโบราณ

ทันใดนั้นค่ายกลก็เปล่งประกายด้วยความมันวาวอีกครั้ง ค่อยๆ ก่อร่างเป็นมังกรอีกตัว

ความปั่นป่วนนี้ดึงดูดความสนใจของทุกคน แต่ละคนมีท่าทางเปลี่ยนไปเนื่องจากไม่มีใครคิดว่ามู่เฉินจะดำเนินการสร้างค่ายกลต่อให้สมบูรณ์ ขณะจัดการกับหลิ่วเทียนเต้าในเวลาเดียวกัน

นอกจากนี้ค่ายกลยังไม่ถึงขีดจำกัดอีกเหรอ? ค่ายกลนี้อยู่ในระดับใดกันแน่?!

ขณะที่ทุกคนตกตะลึง หลิ่วเทียนเต้าก็เห็นมังกรตัวที่เจ็ดกำลังก่อตัว ใบหน้าของเขาน่าเกลียดอย่างรุนแรง เขาสามารถสัมผัสได้คลุมเครือว่าการจัดเรียงน่ากลัวขึ้นเมื่อมังกรตัวที่เจ็ดเผยออกมา

เขามีลางสังหรณ์ว่าถ้ามังกรตัวที่เจ็ดเข้ามาละก็ เขาจะไม่สามารถยืนหยัดอยู่ได้แน่นอน

ตู้ม ตู้ม!

หลิ่วเทียนเต้าไม่คิดหยุด ปลดปล่อยพลังทั้งหมดออกมา ร่างเวทสวรรค์มหึมาถูกสร้างขึ้นที่เบื้องหลัง ขณะที่มันพ่นลมหายใจก็ก่อร่างเป็นมหาสมุทรขนาดใหญ่ ซัดมังกรทั้งหกออกไป

โฮก!

แต่ในเวลาเดียวกันเสียงคำรามมังกรรุนแรงก็ดังกังวาน

ริ้วแสงไม่มีที่สิ้นสุดพุ่งออกมา มังกรตัวที่เจ็ดก็กลายเป็นลำแสงพุ่งออกไป

ฟิ้ว ฟิ้ว!

มังกรหกตัวก่อนหน้าก็กลายเป็นลำแสงพุ่งออกมาหลอมรวมเข้าด้วยกัน มังกรทั้งเจ็ดรวมกันเป็นวงล้อมังกรทะลุผ่านมิติพุ่งเข้าใส่หลิ่วเทียนเต้า ภายใต้สายตาตกตะลึงนับไม่ถ้วน

เมื่อมองการโจมตีทำลายล้างนี้ ใบหน้าของหลิ่วเทียนเต้าก็เปลี่ยนเป็นซีดเผือด ความกลัวปีนขึ้นไปบนใบหน้า

ในที่สุดเขาก็ทนแรงกดดันไม่ไหวต้องฟันกรอดตะเบ็งเสียงออกมา

“ข้ายอมแพ้!”

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler ฟรี ได้ที่ novel-fast 


เรื่องย่อ

โดย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler บางส่วนของนิยาย

บทนำ

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป

‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้

แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์

แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว

ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ

เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง?

ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน…

เรื่องย่อ

เมื่อคำพูดของมู่เฉินกระจายออกไป ไม่เพียงแต่จะไม่มีการตอบสนอง แม้แต่ด้านนอกเจดีย์ก็ถูกห่อหุ้มด้วยบรรยากาศราวกับป่าช้า…

ทุกคนตกตะลึงไปกับฉากนี้ พวกเขาจ้องมองจุดที่ลู่สุยหายตัวไป ราวกับว่ายังไม่สามารถฟื้นจากอาการตะลึงงันที่เกิดขึ้นได้

ก่อนหน้าเมื่อลู่สุยออกกระบวนท่าที่น่าสะพรึง ผู้คนส่วนใหญ่ก็คิดว่าผลลัพธ์ของการต่อสู้ได้ถูกกำหนดแล้ว ทว่าพวกเขาไม่คิดเลยว่ามู่เฉินจะพลิกสถานการณ์ได้อีกครั้ง เตะลู่สุยที่เหมือนจะคว้าชัยชนะออกไป

ทุกคนตะลึงไปพักใหญ่ ก่อนที่พวกเขาจะหลุดออกจากอาการได้ สายตาเคร่งเครียดลง การประลองกันครั้งนี้มู่เฉินไม่ได้ใช้ค่ายกล แต่เขาก็สามารถเอาชนะจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดอย่างลู่สุยได้ด้วยความแข็งแกร่งที่อยู่ในขั้นหกเท่านั้น แม้ว่าจะมีผลจากลู่สุยประมาทเองในตอนแรก แต่นั่นก็แสดงให้เห็นว่ามู่เฉินน่ากลัวแค่ไหน

พลังเช่นนี้เขาสามารถเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์อันดับต้นๆ ในเจดีย์ฝึกพลังกายได้เลยทีเดียว

ทางฝั่งกลุ่มกระเรียนฟ้า ใบหน้าของหลิ่วชิงกลายเป็นเขียวสลับขาว นางมองไปที่ร่างสูงโปร่งบนหน้าจอ กลืนน้ำลายเหนียวหนืด ความกลัวปรากฏในดวงตาของนางเป็นครั้งแรก

มาถึงจุดนี้นางคงโง่แน่ถ้ายังคิดปฏิบัติต่อมู่เฉินเหมือนกับจอมยุทธ์ขั้นหกทั่วไป

ด้วยพลังในการต่อสู้ที่เขาแสดงออกมา บวกกับค่ายกลทรงพลัง แม้แต่จงเถิงก็ยากจะได้เปรียบหากพวกเขาต่อสู้กัน

ก่อนหน้านี้นางหัวเราะเยาะและมองจิ่วโยวด้วยความดูถูก แต่ตอนนี้นางอายแทบแทรกแผ่นดินหนี ซึ่งจุดนี้รู้ได้จากสายตาเยาะเย้ยเหล่านั้นที่ปรายมองเข้ามา

“ทำไมมู่เฉินถึงทรงพลังเช่นนี้?” จงฮั้วที่พ่ายแพ้ให้กับมู่เฉินก็มีสีหน้าเคร่งขรึมเช่นกัน ก่อนหน้านี้เขาเคยคิดเช่นกันว่ามู่เฉินพึ่งพาเพียงค่ายกลเพื่อจัดการกับศัตรู แต่ใครจะคิดว่าเมื่อไม่มีการใช้ค่ายกลมู่เฉินก็สามารถเอาชนะลู่สุยแบบดุร้ายยิ่งกว่าอะไร

“ดูเหมือนว่ามีเพียงพี่ใหญ่จงเถิงเท่านั้นที่สามารถจัดการกับเขาได้” จอมยุทธ์อีกคนของเผ่ากระเรียนฟ้าพยักหน้า

หลิ่วชิงพยักหน้าเบาๆ ไม่เพียงแต่พวกเขาจะพิจารณาพลังของมู่เฉินพลาดไปเท่านั้น แม้แต่จงเถิงก็ตัดสินอีกฝ่ายผิดไป ชายคนนั้นเป็นสัตว์ประหลาดอย่างแท้จริง

ฟิ้ว!

ขณะที่นอกเจดีย์ต่างตกตะลึงกับผลลัพธ์ที่มู่เฉินนำมา ทันใดนั้นแสงก็กะพริบบนแท่นนอกเจดีย์ ร่างน่าสังเวชปรากฏขึ้น

เมื่อร่างนั้นออกมาก็รีบถอยกลับไปปรากฏตัวขึ้นในกลุ่มอีกาสายฟ้าทันควัน นี่ก็คือลู่สุยที่มีสีหน้าซีดขาว คลื่นหลิงของเขาถดถอยลงอย่างมาก

สายตาโดยรอบยิงเข้าหาในเวลานี้ทันที

ใบหน้าของลู่สุยเขียวคล้ำ สายตาเกลียดชังมองไปที่มู่เฉินที่อยู่บนหน้าจอ ก่อนที่จะหันหัวสาดสายตาดุร้ายใส่จิ่วโยวและมั่วหลิง ที่ข้างๆ พรรคพวกของเขาก็มีท่าทางไม่ดีเช่นกัน

ทว่าจิ่วโยวไม่กลัวที่จะเผชิญหน้ากับสายตาเหล่านั้น นางเค้นเสียงอย่างเย็นชา “ลูกหมาที่ถูกฟาดยังกล้าที่จะออกมาแยกเขี้ยวอีกเหรอ?”

ตอนนี้ลู่สุยบาดเจ็บสาหัส สูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไปหมด ส่วนคนที่เหลือก็ไม่มีอะไรต้องกลัว หากพวกเขากล้าที่จะคิดบัญชีกับพวกนาง จิ่วโยวก็ไม่คิดปล่อยพวกเขาไว้เป็นภัยคุกคามในอนาคตหรอก

สายตาแสดงความเกลียดชังของลู่สุยจ้องเขม็งอยู่ที่จิ่วโยว แต่สุดท้ายเขาก็ต้องถอนสายตาออกไปอย่างไม่เต็มใจ ก่อนที่จะถอยกลับนั่งลงบนซากปรักหักพังเข้าสมาธิเพื่อฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ

จอมยุทธ์กลุ่มอีกาสายฟ้าก็ปรากฏรอบตัวเขาเพื่อปกป้อง

เมื่อจิ่วโยวเห็นการตอบสนองนั่น นางก็ไม่ได้ใส่ใจกับพวกเขาอีก นางมองไปที่หน้าจออีกครั้งโดยพุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่ร่างเงาอ่อนเยาว์ มือที่กำแน่นผ่อนคลายลง

เห็นได้ชัดว่านี่เป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงสำหรับนางที่มู่เฉินจะเอาชนะได้เด็ดขาดแบบนี้ นั่นเป็นเพราะตามการประเมินของนางแม้ว่ามู่เฉินจะยืนยงอยู่ได้ก็เป็นยากที่จะเอาชนะลู่สุยด้วยขุมพลังจื้อจุนขั้นหกและถ้าการต่อสู้ถูกลากไปจนสุดอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบคาดไม่ถึง

ทว่าผลลัพธ์สุดท้ายที่ได้ก็ทำให้นางทั้งประหลาดใจและดีใจ

เห็นได้ชัดว่ามู่เฉินได้รับประโยชน์มหาศาลจากสามชั้นแรกของเจดีย์ฝึกพลังกาย ไม่เช่นนั้นเขาไม่สามารถแสดงพลังเป็นที่ประจักษ์เช่นนี้ได้

“ว่ากันว่าในชั้นสี่มหัศจรรย์กว่านี้มาก หากใครสามารถเข้าไปได้ พวกเขาจะสามารถได้รับผลประโยชน์เกินกว่าสามชั้นแรกมาก…”

จิ่วโยวยิ้มบาง ดูจากสถานการณ์ปัจจุบันไม่น่ามีปัญหาใดๆ ที่มู่เฉินจะเข้าสู่ชั้นสี่ สำหรับมั่วเฟิงความแข็งแกร่งของเขาเป็นหนึ่งในอันดับต้นของกลุ่มที่เข้าไป ดังนั้นจึงไม่ยากสำหรับเขาที่จะได้หนึ่งในห้าที่นั่งนี้ไปเช่นกัน

ดูเหมือนว่าการเดินทางมาที่เจดีย์ฝึกพลังกายโบราณครั้งนี้เผ่าวิหคโลกันตร์อาจเป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

บนลานเมฆสายฟ้า

ไม่มีใครตอบคำถามของมู่เฉิน ขณะนี้แม้แต่จอมยุทธ์ทรงอำนาจอย่างหานซันและสีคุนก็ยังรู้สึกหวาดระแวงมู่เฉินอยู่บ้าง ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกที่จะไม่ไปปะทะกับมนุษย์ผู้นี้

ดังนั้นคนทั้งหมดที่อยู่ที่นี่จึงเงียบลง ก่อนที่จะถอยออกจากรัศมีโดยรอบมู่เฉินอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณบอกว่าพวกเขาไม่ต้องการต่อสู้กับเขา

เมื่อมู่เฉินเห็นภาพนี้ก็ไม่มีอารมณ์ใดบนใบหน้า แต่ในใจกลับรู้สึกโล่งอก คนอื่นๆ เห็นเพียงฉากการต่อสู้ตระการที่เขาเอาชนะลู่สุยได้ แต่พวกเขาไม่รู้หรอกว่าหมัดที่เขาชกออกไปก่อนหน้านี้คือพลังงานส่วนเกินจากสามชั้นแรก

ร่างกายของมู่เฉินก่อนหน้าเปรียบเสมือนฟองน้ำที่ดูดซับน้ำจนถึงขีดจำกัด หมัดของเขาจึงเท่ากับบีบน้ำออกจนหมด ทำให้ร่างกายที่อัดแน่นกลับสู่สภาพเดิม

ดังนั้นถ้าให้เขาโจมตีแบบนั้นอีกครั้ง พลังก็จะไม่ทรงประสิทธิภาพเหมือนเมื่อครู่แน่นอน

ประสิทธิผลพิเศษชนิดนี้ของการสะสมพลังงานในร่างกายเป็นทักษะที่ได้มาจากกายามังกรหงส์ ด้วยวิธีนี้เขาจะได้รับผลลัพธ์ที่ไม่มีใครคาดคิดไว้ กลายเป็นไพ่ลับอีกใบหนึ่ง

“คัมภีร์หลงเฟิ่งทรงพลังจริงๆ”

แม้แต่มู่เฉินก็ยังชื่นชมในสิ่งนี้ คัมภีร์หลงเฟิ่งสมแล้วที่เป็นทักษะยอดเยี่ยมแท้จริง จากการประเมินของเขาคัมภีร์นี้ต้องอยู่ในระดับเสินทงแน่นอน ซึ่งไม่ธรรมดาแม้จะอยู่ในกลุ่มวิทยายุทธระดับเสินทงด้วย

มู่เฉินชื่นชมก่อนที่จะใจเย็นลง แม้ว่าตอนนี้จะไม่มีใครท้าทายเขา แต่เขาก็ไม่ตั้งใจที่จะท้าทายคนอื่นด้วยเช่นกัน เขายืนนิ่งบนตำแหน่งตนเองรอผลการคัดออก

สำหรับจงเถิง มู่เฉินรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นพวกยุแยงให้ลู่สุยมาปะทะกับเขา แต่เนื่องจากตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ดีในการจัดการ เขาจึงได้แต่ผลักแผนไปก่อน

แต่ถึงกระนั้นสายตาคมกล้าของมู่เฉินก็ยังจ้องเขม็งไปที่จงเถิง รอบตัวเต็มไปด้วยคลื่นหลิงราวกับเสือดาวที่กำลังจะจ้องตะครุบเหยื่ออัดแน่นด้วยภัยคุกคาม

เมื่อเห็นท่าทางของมู่เฉิน จงเถิงที่ประจันหน้ากับมั่วเฟิงก็รู้สึกอึดอัดใจ เขาต้องแยกสมาธิอยู่ตลอดเพื่อจับตามองมู่เฉิน ป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายเคลื่อนไหวมาประสานพลังกับมั่วเฟิง

ด้วยวิธีนี้สมาธิของจงเถิงจึงค่อนข้างฟุ้งซ่าน สุดท้ายเขาได้แต่กัดฟัน ถอนคลื่นหลิงและถอยออกจากบริเวณของมั่วเฟิง

“พี่มั่วยากสำหรับการต่อสู้ของเราที่จะได้ข้อสรุป ทำไมเราไม่ไปจัดการคนอื่นและรับที่นั่งมาล่ะ?” ขณะที่จงเถิงถอยกลับเสียงก็สะท้อนก้องไปด้วย

มั่วเฟิงจ้องมองจงเถิงอย่างไม่แยแสก่อนที่จะพยักหน้า นั่นเป็นเพราะเขารู้ว่าหากพวกเขายังอยู่ในสถานการณ์ยืนจ้องหน้ากันก็จะไม่เกิดผลลัพธ์ใด หากเขาร่วมมือกับมู่เฉิน พวกเขาอาจทำให้จงเถิงบ้าดีเดือดขึ้นมา แม้แต่พวกเขาก็ต้องจ่ายราคามหาศาลจากการตีโต้

ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับพวกเขาคือการได้ที่นั่งเพื่อเข้าสู่ชั้นสี่

เมื่อจงเถิงเห็นคำตอบของมั่วเฟิงก็รู้สึกโล่งใจในใจ เขาถอยกลับอย่างรวดเร็วออกจากจุดที่มู่เฉินและมั่วเฟิงอยู่ เขาครุ่นคิดสั้นๆ ก่อนจะเลือกปะทะกับคนที่อ่อนแอกว่า

พอมู่เฉินเห็นจงเถิงไปแล้วก็ไม่ได้ใส่ใจอีกต่อไป สายตาหันมามองมั่วเฟิงแล้วก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้มแสดงความขอบคุณในการช่วยเหลือครั้งนี้

สายตาของมั่วเฟิงเป็นมิตรมากขึ้น คิดว่าการที่มู่เฉินเอาชนะลู่สุย ทำให้มั่วเฟิงมองมู่เฉินในฐานะจอมยุทธ์ที่อยู่ในระดับเดียวกันกับเขา ดังนั้นจึงไม่ได้มีท่าทางเฉยเมยเหมือนเมื่อก่อน

มั่วเฟิงพยักหน้าให้มู่เฉิน ก่อนที่จะหันหลังกลับและเริ่มเลือกคู่ต่อสู้ของตนเอง

ครืน!

เมื่อทุกคนเลือกคู่ต่อสู้แล้ว ทันใดนั้นคลื่นหลิงก็ระเบิดรุนแรงบนลานเมฆสายฟ้า คลื่นกระแทกกวาดออก ทำให้มิติเกิดการสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นไม่หยุด

บนลานเมฆสายฟ้าพลังงานหลิงกวาดหายนะ มีเพียงตรงมู่เฉินเท่านั้นที่ไม่ถูกรบกวน เนื่องจากไม่มีใครกล้าเหยียบเข้ามาในรัศมีพันจั้ง ยามนี้เขาเหมือนผู้ชมที่ดูการต่อสู้ติดขอบ ในเวลาเดียวกันก็บันทึกกระบวนท่าที่ทรงพลังของบางคนไว้ในสมอง

แม้ว่าในชั้นนี้พวกเขาอาจไม่ได้ประลองกัน แต่ก็ยังมีอีกสองชั้นรอพวกเขาอยู่ ใครจะสามารถรับประกันได้ว่าจะไม่มีการลดจำนวนลงในชั้นต่อไป?

ดังนั้นถ้ามีโอกาสเขาต้องพยายามจดจำข้อมูลผู้อื่นเก็บไว้

ภายใต้การสังเกตของมู่เฉิน การประลองบนลานเมฆสายฟ้าก็คงอยู่ชั่วระยะหนึ่ง ก่อนที่แต่ละคู่จะมาถึงจุดสิ้นสุด ผลลัพธ์ก็เป็นไปตามที่คาดไว้

หลังจากมู่เฉินก็เป็นหานซันที่เอาชนะคู่ต่อสู้ได้ที่นั่งที่สองไป

จากนั้นมั่วเฟิงและจงเถิงก็คว้าชัยชนะตามมา

ที่นั่งสุดท้ายตกเป็นของสีคุนที่ก่อนหน้านี้เคยแพ้หานซันที่ด้านนอกเจดีย์ ชายนี้มีความแข็งแกร่งที่น่าตกใจ แม้แต่หานซันยังต้องใช้ทักษะเต็มที่ถึงจะได้รับชัยชนะมา

เมื่อสีคุนได้รับที่นั่งสุดท้ายลานเมฆสายฟ้าขนาดใหญ่ก็เงียบลงอีกครั้ง ร่างทั้งห้ายืนอยู่ ขณะรัศมีไร้ขอบเขตทั้งห้าสายพุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าชนกันเปรี้ยงปร้าง

ทว่าการชนกันก็ดำเนินไปเพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ ก่อนที่ทั้งห้าจะถอนคลื่นพลังพร้อมกัน พวกเขาเหลือบมองกันและกัน จากนั้นก็ไม่ลังเลทะยานออกไปปรากฏตัวบนเบาะทั้งห้า

สายตาพวกเขาพุ่งตรงไปยังมิติด้านหลังลานเมฆสายฟ้าด้วยความโลภ ตรงนั้นเส้นดาวหางจำนวนมากกวาดผ่านราวกับฝนดาวตก

ในแสงเหล่านั้นแก่นหยดสายฟ้ากำลังกะพริบด้วยความแวววาว


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท