หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – ตอนที่ 1188

ตอนที่ 1188

หนึ่งในใต้หล้า 大主宰
บทที่ 1188 ดอกบัวเพลิงพุทธะ
“เทพจักรพรรดิอัคคี—เซียวเหยียน”

เมื่อคำพูดนี้ดังขึ้นในสุสานจักรพรรดิฟ้า ทุกคนก็รู้สึกได้ถึงอุณหภูมิเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล ขณะที่มหาสมุทรเปลวเพลิงเริงระบำขานรับคำเจ้านาย

ทุกคนเกิดความรู้สึกที่แปลกประหลาดว่าพวกเขาจะถูกเผาเหลือเพียงเถ้าถ่าน หากคิดมุ่งร้ายต่อเทพจักรพรรดิอัคคีผู้นี้

จอมปีศาจทุนเทียนมองไปที่ฉากนี้ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด เขาจดจ้องเซียวเหยียนที่กำลังเยื้องย่างบนมหาสมุทรเพลิงด้วยความกลัวและตั้งระวังในสายตา

ยามนี้เขาชักจะรู้สึกเสียใจ ถ้าเขาหลบออกไปในช่วงเวลาที่หลุดพ้นก็สามารถซ่อนตัวจากการรับรู้ของจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนในมหาพันโลกได้และย่องกลับไปที่เผ่าปีศาจต่างมิติได้

แต่ตอนนี้ความปั่นป่วนที่เขาสร้างดึงดูดศัตรูที่น่าเกรงขามเข้ามา ซึ่งทำให้สถานการณ์ของเขาไม่เอื้ออำนวย

บางทีเขาอาจจะสามารถต่อสู้ได้ถ้ามีพลังเต็มหน่วย แต่ตอนนี้เห็นอยู่ว่ายังขาดอีกมาก

แต่เขาก็ไม่ใช่นักรบธรรมดาทั่วไปจึงสงบจิตใจได้อย่างรวดเร็ว ในเมื่อเขาสามารถชิงไหวชิงพริบกับจักรพรรดิฟ้าได้ก็พิสูจน์ให้เห็นถึงความเหนือล้ำของตนเองแล้ว

ดังนั้นแม้จะเผชิญกับเทพจักรพรรดิอัคคี เขาก็ไม่ได้ตื่นตระหนก

“ขอข้าลิ้มลองหน่อยว่าจอมยุทธ์ขุมพลังทียนจื้อจุนของมหาพันภพในปัจจุบันดีขึ้นหรือถอยลง?!”

จอมปีศาจทุนเทียนก้าวออกไป คลื่นสีดำก็พวยพุ่งออกจากใต้ฝ่าเท้า

“ฟ้าดินวิบัติ!”

เขาคำราม พื้นดินก็แปรเปลี่ยนเป็นสีดำอย่างรวดเร็วพร้อมกับรัศมีปีศาจลุกฮือ ในเวลาไม่กี่อึดใจพื้นดินที่อยู่ในรัศมีหลายแสนลี้ก็กลายเป็นพื้นดินปีศาจ

ทุกคนสามารถสัมผัสได้ถึงคลื่นหลิงในวงรัศมีที่ไม่บริสุทธิ์ หากพวกเขาซึมซับเข้าไปในร่างกายละก็ คลื่นหลิงก็จะถูกกัดกร่อนจนค่อยๆ กลายเป็นร่างปีศาจ

หากไม่ใช่เพราะมีเทพจักรพรรดิอัคคีอยู่ที่นี้ ทุกคนก็จะถูกรัศมีปีศาจซึมซับเข้าร่างจนกลายเป็นร่างปีศาจและไม่มีทางจะหนี

เซียวเหยียนยิ้มกับภาพนี้ ก่อนที่จะเหยียดนิ้วเคาะลงไป

ฟู่ ฟู่!

เมื่อเขาแตะลงมหาสมุทรเพลิงก็ลุกโชติช่วงด้วยเปลวไฟงดงาม พวกมู่เฉินไม่เคยเห็นเปลวไฟเช่นนี้มาก่อน ทว่ากลับรู้สึกได้ว่าสิ่งนี้น่ากลัวขนาดไหน

ต่อให้เป็นจอมยุท์ขุมพลังเทียนจื้อจุนระดับเดียวกันก็ไม่กล้าสัมผัสเปลวไฟงดงามนั้น

ชี่ ชี่!

เปลวไฟงดงามกวาดออก แผดเผาพื้นดินสีดำได้ยินเสียงกรีดร้อง พื้นดินไหม้เกรียมทันที

ในเวลาเพียงสิบกว่าลมหายใจพื้นดินที่ถูกทำลายโดยจอมปีศาจทุนเทียนส่วนใหญ่ก็เผาผลาญโดยฝีมือของเซียวเหยียน

เมื่อจอมปีศาจทุนเทียนมองเห็นฉากนี้เปลือกตาก็กระตุกไม่หยุด เขาเคยต่อสู้กับจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนหลายครั้งในอดีตที่ควบคุมเปลวเพลิงได้ ทว่าทุกคนก็ด้อยกว่าเทพจักรพรรดิอัคคีที่ยืนอยู่เบื้องหน้านี้

แม้พื้นดินปีศาจจะถูกทำลายไปเกินครึ่ง แต่ถึงกระนั้นจอมปีศาจทุนเทียนก็ไม่ได้ตื่นตระหนก เขาหายใจเข้าลึกๆ กระทืบเท้าอีกครั้ง

“คัมภีร์ปีศาจ หัตถ์เขมือบสวรรค์!”

ตู้ม!

พื้นดินรัศมีแสนลี้ที่ปนเปื้อนสั่นเทิ้มแตกสลาย รัศมีปีศาจนับหมื่นจั้งพวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า ก่อนที่มือใหญ่โตจะยื่นออกมาจากส่วนลึกพื้นดิน

มือเป็นสีดำสนิทเอิบอาบด้วยความชั่วร้ายไม่รู้จบปกคลุมไปทั่วขอบฟ้า ซึ่งใหญ่โตมโหฬาร กระทั่งแคว้นทั้งแคว้นก็ถูกทำลายได้ภายใต้ฝ่ามือนี้

แม้แต่ร่างเทห์สวรรค์ที่สูงหลายหมื่นจั้งก็มีขนาดเล็กมากเมื่อเทียบกับมือนี้ ดังนั้นขนาดจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนยังมีท่าทางเปลี่ยนแปลงรุนแรงเมื่อเห็นมือห่อลงมา

พวกเขามักจะถือตัวว่าเป็นจอมยุทธ์ชั้นสูงในมหาพันภพ แต่ในเวลานี้พวกเขาตระหนักถึงช่องว่างระหว่างตนเองกับระดับเทียนจื้อจุนแล้ว

บริเวณที่มือใหญ่กวาดผ่านมิติแตกกระจาย กลายเป็นแถบมืดมน ทุกคนสังเกตเห็นปากยักษ์อยู่ในฝ่ามือ

ปากนั้นคล้ายกับหลุมดำที่กลืนกินทุกสรรพสิ่ง หากพวกเขาตกอยู่ในนั้นแม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นเต็มก็ยังตายคาที่

ความรู้สึกนั้นราวกับว่ามันสามารถกลืนกินทวีปเทียนหลัวทั้งหมดได้

จอมปีศาจทุนเทียนรู้ว่าตนเองไม่สามารถจัดการกับเทพจักรพรรดิอัคคีได้ด้วยวิธีการปกติ ดังนั้นโดยไม่คิดออมมือ เขาก็ซัดกระบวนท่าที่แข็งแกร่งที่สุดออกมา

ต้องรู้ว่าตอนที่เขาบุกเข้ามาในมหาพันภพเมื่อในอดีต ไม่รู้ว่ามีจอมยุทธ์จำนวนมากเท่าไรที่กลายเป็นเถ้าถ่านภายใต้กระบวนท่านี้

“พลังน่ากลัวอะไรอย่างนี้”

มู่เฉินสูดหายใจลึกๆ ขณะมองมือใหญ่โต เขารู้สึกว่าหนังหัวชาหนึบไปหมด พลังนี้เกินความเข้าใจของเขาจริงๆ

“จอมปีศาจทุนเทียนคนนี้เคี้ยวไม่ง่ายเลย ในอดีตมันจะต้องมีสถานะสูงส่งแม้แต่ในเผ่าปีศาจแน่นอน” มั่นถัวหลัวมาปรากฏตัวอยู่ข้างๆ มู่เฉินขณะที่อธิบายด้วยใบหน้าเคร่งขรึม

“เทพจักรพรรดิอัคคีไหวใช่ไหม?” จิ่วโยวยื่นหน้าเข้ามากระซิบ ตอนนี้เทพจักรพรรดิอัคคีเป็นที่พึ่งของทุกคน ถ้าเขาล้มเหลวทุกคนที่นี่จะต้องตายกันหมด

มั่นถัวหลัวยังคงท่าทางสงบ นางเข้าใจถึงพลังของเทพจักรพรรดิอัคคีลึกซึ้งกว่ามู่เฉินและจิ่วโยว นางจึงส่ายหัว “จอมปีศาจทุนเทียนอาจต่อสู้กับเทพจักรพรรดิอัคคีได้หากอยู่จุดสุดยอดของตน แต่ตอนนี้เขาเทียบเคียงได้กับระดับเทียนจื้อจุนธรรมดาเท่านั้น”

มู่เฉินพยักหน้า จอมปีศาจทุนเทียนจะต้องน่ากลัวอย่างยิ่งยวดในจุดสูงสุด มิฉะนั้นคงไม่สามารถสู้กับจักรพรรดิฟ้าได้ เพราะถึงอย่างไรจักรพรรดิฟ้าก็ครอบครองวิชาสามพิสุทธิ์ ซึ่งสามารถแบ่งออกเป็นสามร่างซึ่งเทียบเท่ากับจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนสามคน แต่กระนั้นก็พ่ายแพ้ให้กับจอมปีศาจทุนเทียน ดังนั้นบอกได้เลยว่าจอมปีศาจทุนเทียนไม่ธรรมดาเลย

ขณะที่พวกเขาคุยกัน เซียวเหยียนก็เงยหน้าขึ้นมองมือใหญ่ การโจมตีที่อาจทำให้เกิดความหวาดกลัวกับกระทั่งจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นเต็มกลับไม่ได้อยู่ในสายตาของเขาเลย

“แม้ว่าแกจะไม่ได้อยู่ในจุดสุดยอดที่มี แต่ความแข็งแกร่งที่แสดงออกมาก็ทำให้ข้าประหลาดใจ ตอนนี้ข้ามองเห็นแล้วว่าแกสามารถเอาชนะจักรพรรดิฟ้าได้อย่างไร” เซียวเหยียนยิ้มขณะยื่นมือออกไปพร้อมกับบัวเพลิงหมุนคว้างอยู่ในฝ่ามือ

ดอกบัวงดงามและประณีตมากคล้ายกับชิ้นงานศิลปะ มีหลากหลายสีสัน ถ้าใครดูอย่างใกล้ชิดก็จะรู้ว่ากลีบแต่ละกลีบมีสีต่างกัน

สีเหล่านั้นไม่ใช่สีธรรมดา เฉพาะผู้ที่ทรงพลังเท่านั้นถึงจะสามารถสัมผัสได้ว่ากลีบแต่ละกลีบก่อจากเปลวไฟที่แตกต่างกัน

เปลวไฟเหล่านี้ล้วนไม่ใช่เปลวไฟธรรมดา พวกมันมีพลังทำลายล้างสูงเป็นพิเศษ แต่เมื่ออยู่ในมือของเซียวเหยียนเพลิงเหล่านั้นก็เชื่องผิดปกติ

เซียวเหยียนสะบัดนิ้ว ดอกบัวงดงามก็เคลื่อนออกมา มันไม่ได้ดูเคลื่อนไหวเร็ว แต่กลับเหมือนสามารถมองข้ามระยะห่าง พริบตาเดียวก็ไปปรากฏตรงหน้ามือปีศาจขนาดใหญ่แล้ว

เมื่อเปรียบเทียบกันแล้วดอกบัวดูเล็กกระจ้อยร่อยนัก

ทว่าดอกบัวนี้กลับทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงรุนแรงบนใบหน้าจอมปีศาจทุนเทียนพร้อมกับความตกตะลึงพล่านในดวงตา หลังจากนั้นเขาก็ถอยกลับไปโดยไม่ลังเลใดๆ รัศมีปีศาจก่อตัวเป็นปราการหลายล้านปราการเบื้องหน้าเขา

ตู้ม!

ดอกบัวปะทะกับมือ ประกายไฟที่ไร้ขอบเขตก็แล่นแปลบปลาบ ทำให้รัศมีปีศาจระเหยเป็นไอขณะที่มิติบิดเบือนในเวลาเดียวกัน ภายใต้การโจมตีที่น่าสะพรึงกลัวของเปลวเพลิงมือปีศาจก็แตกออกเป็นเสี่ยงๆ

ฉากนี้ทำให้ทุกคนตะลึง เซียวเหยียนสลายการโจมตีที่น่าสะพรึงกลัวของจอมปีศาจทุนเทียนได้อย่างง่ายดายขนาดนี้เชียวรึ?

ตู้ม ตู้ม!

มหาสมุทรเพลิงงดงามกวาดออกทำลายปราการจำนวนมากอย่างรวดเร็ว ก่อนจะห่อหุ้มร่างจอมปีศาจทุนเทียนที่กำลังถอยหนีจ้าละหวั่น

ตู้ม!

ทันใดนั้นสวรรค์และโลกก็สั่นสะเทือน มิติที่จอมปีศาจทุนเทียนอยู่แตกละเอียดเป็นนับหมื่นนับแสนชิ้น ลบล้างรัศมีปีศาจเชี่ยวกรากออกไปอย่างสมบูรณ์

เซียวเหยียนมองไปที่มิติแตกสลายก็คลี่ยิ้มบาง “กระบวนท่านี้ของข้าเรียกว่า…ดอกบัวเพลิงพุทธะ”

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler ฟรี ได้ที่ novel-fast 


เรื่องย่อ

โดย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler บางส่วนของนิยาย

บทนำ

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป

‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้

แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์

แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว

ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ

เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง?

ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน…

เรื่องย่อ

เมื่อคำพูดของมู่เฉินกระจายออกไป ไม่เพียงแต่จะไม่มีการตอบสนอง แม้แต่ด้านนอกเจดีย์ก็ถูกห่อหุ้มด้วยบรรยากาศราวกับป่าช้า…

ทุกคนตกตะลึงไปกับฉากนี้ พวกเขาจ้องมองจุดที่ลู่สุยหายตัวไป ราวกับว่ายังไม่สามารถฟื้นจากอาการตะลึงงันที่เกิดขึ้นได้

ก่อนหน้าเมื่อลู่สุยออกกระบวนท่าที่น่าสะพรึง ผู้คนส่วนใหญ่ก็คิดว่าผลลัพธ์ของการต่อสู้ได้ถูกกำหนดแล้ว ทว่าพวกเขาไม่คิดเลยว่ามู่เฉินจะพลิกสถานการณ์ได้อีกครั้ง เตะลู่สุยที่เหมือนจะคว้าชัยชนะออกไป

ทุกคนตะลึงไปพักใหญ่ ก่อนที่พวกเขาจะหลุดออกจากอาการได้ สายตาเคร่งเครียดลง การประลองกันครั้งนี้มู่เฉินไม่ได้ใช้ค่ายกล แต่เขาก็สามารถเอาชนะจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดอย่างลู่สุยได้ด้วยความแข็งแกร่งที่อยู่ในขั้นหกเท่านั้น แม้ว่าจะมีผลจากลู่สุยประมาทเองในตอนแรก แต่นั่นก็แสดงให้เห็นว่ามู่เฉินน่ากลัวแค่ไหน

พลังเช่นนี้เขาสามารถเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์อันดับต้นๆ ในเจดีย์ฝึกพลังกายได้เลยทีเดียว

ทางฝั่งกลุ่มกระเรียนฟ้า ใบหน้าของหลิ่วชิงกลายเป็นเขียวสลับขาว นางมองไปที่ร่างสูงโปร่งบนหน้าจอ กลืนน้ำลายเหนียวหนืด ความกลัวปรากฏในดวงตาของนางเป็นครั้งแรก

มาถึงจุดนี้นางคงโง่แน่ถ้ายังคิดปฏิบัติต่อมู่เฉินเหมือนกับจอมยุทธ์ขั้นหกทั่วไป

ด้วยพลังในการต่อสู้ที่เขาแสดงออกมา บวกกับค่ายกลทรงพลัง แม้แต่จงเถิงก็ยากจะได้เปรียบหากพวกเขาต่อสู้กัน

ก่อนหน้านี้นางหัวเราะเยาะและมองจิ่วโยวด้วยความดูถูก แต่ตอนนี้นางอายแทบแทรกแผ่นดินหนี ซึ่งจุดนี้รู้ได้จากสายตาเยาะเย้ยเหล่านั้นที่ปรายมองเข้ามา

“ทำไมมู่เฉินถึงทรงพลังเช่นนี้?” จงฮั้วที่พ่ายแพ้ให้กับมู่เฉินก็มีสีหน้าเคร่งขรึมเช่นกัน ก่อนหน้านี้เขาเคยคิดเช่นกันว่ามู่เฉินพึ่งพาเพียงค่ายกลเพื่อจัดการกับศัตรู แต่ใครจะคิดว่าเมื่อไม่มีการใช้ค่ายกลมู่เฉินก็สามารถเอาชนะลู่สุยแบบดุร้ายยิ่งกว่าอะไร

“ดูเหมือนว่ามีเพียงพี่ใหญ่จงเถิงเท่านั้นที่สามารถจัดการกับเขาได้” จอมยุทธ์อีกคนของเผ่ากระเรียนฟ้าพยักหน้า

หลิ่วชิงพยักหน้าเบาๆ ไม่เพียงแต่พวกเขาจะพิจารณาพลังของมู่เฉินพลาดไปเท่านั้น แม้แต่จงเถิงก็ตัดสินอีกฝ่ายผิดไป ชายคนนั้นเป็นสัตว์ประหลาดอย่างแท้จริง

ฟิ้ว!

ขณะที่นอกเจดีย์ต่างตกตะลึงกับผลลัพธ์ที่มู่เฉินนำมา ทันใดนั้นแสงก็กะพริบบนแท่นนอกเจดีย์ ร่างน่าสังเวชปรากฏขึ้น

เมื่อร่างนั้นออกมาก็รีบถอยกลับไปปรากฏตัวขึ้นในกลุ่มอีกาสายฟ้าทันควัน นี่ก็คือลู่สุยที่มีสีหน้าซีดขาว คลื่นหลิงของเขาถดถอยลงอย่างมาก

สายตาโดยรอบยิงเข้าหาในเวลานี้ทันที

ใบหน้าของลู่สุยเขียวคล้ำ สายตาเกลียดชังมองไปที่มู่เฉินที่อยู่บนหน้าจอ ก่อนที่จะหันหัวสาดสายตาดุร้ายใส่จิ่วโยวและมั่วหลิง ที่ข้างๆ พรรคพวกของเขาก็มีท่าทางไม่ดีเช่นกัน

ทว่าจิ่วโยวไม่กลัวที่จะเผชิญหน้ากับสายตาเหล่านั้น นางเค้นเสียงอย่างเย็นชา “ลูกหมาที่ถูกฟาดยังกล้าที่จะออกมาแยกเขี้ยวอีกเหรอ?”

ตอนนี้ลู่สุยบาดเจ็บสาหัส สูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไปหมด ส่วนคนที่เหลือก็ไม่มีอะไรต้องกลัว หากพวกเขากล้าที่จะคิดบัญชีกับพวกนาง จิ่วโยวก็ไม่คิดปล่อยพวกเขาไว้เป็นภัยคุกคามในอนาคตหรอก

สายตาแสดงความเกลียดชังของลู่สุยจ้องเขม็งอยู่ที่จิ่วโยว แต่สุดท้ายเขาก็ต้องถอนสายตาออกไปอย่างไม่เต็มใจ ก่อนที่จะถอยกลับนั่งลงบนซากปรักหักพังเข้าสมาธิเพื่อฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ

จอมยุทธ์กลุ่มอีกาสายฟ้าก็ปรากฏรอบตัวเขาเพื่อปกป้อง

เมื่อจิ่วโยวเห็นการตอบสนองนั่น นางก็ไม่ได้ใส่ใจกับพวกเขาอีก นางมองไปที่หน้าจออีกครั้งโดยพุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่ร่างเงาอ่อนเยาว์ มือที่กำแน่นผ่อนคลายลง

เห็นได้ชัดว่านี่เป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงสำหรับนางที่มู่เฉินจะเอาชนะได้เด็ดขาดแบบนี้ นั่นเป็นเพราะตามการประเมินของนางแม้ว่ามู่เฉินจะยืนยงอยู่ได้ก็เป็นยากที่จะเอาชนะลู่สุยด้วยขุมพลังจื้อจุนขั้นหกและถ้าการต่อสู้ถูกลากไปจนสุดอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบคาดไม่ถึง

ทว่าผลลัพธ์สุดท้ายที่ได้ก็ทำให้นางทั้งประหลาดใจและดีใจ

เห็นได้ชัดว่ามู่เฉินได้รับประโยชน์มหาศาลจากสามชั้นแรกของเจดีย์ฝึกพลังกาย ไม่เช่นนั้นเขาไม่สามารถแสดงพลังเป็นที่ประจักษ์เช่นนี้ได้

“ว่ากันว่าในชั้นสี่มหัศจรรย์กว่านี้มาก หากใครสามารถเข้าไปได้ พวกเขาจะสามารถได้รับผลประโยชน์เกินกว่าสามชั้นแรกมาก…”

จิ่วโยวยิ้มบาง ดูจากสถานการณ์ปัจจุบันไม่น่ามีปัญหาใดๆ ที่มู่เฉินจะเข้าสู่ชั้นสี่ สำหรับมั่วเฟิงความแข็งแกร่งของเขาเป็นหนึ่งในอันดับต้นของกลุ่มที่เข้าไป ดังนั้นจึงไม่ยากสำหรับเขาที่จะได้หนึ่งในห้าที่นั่งนี้ไปเช่นกัน

ดูเหมือนว่าการเดินทางมาที่เจดีย์ฝึกพลังกายโบราณครั้งนี้เผ่าวิหคโลกันตร์อาจเป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

บนลานเมฆสายฟ้า

ไม่มีใครตอบคำถามของมู่เฉิน ขณะนี้แม้แต่จอมยุทธ์ทรงอำนาจอย่างหานซันและสีคุนก็ยังรู้สึกหวาดระแวงมู่เฉินอยู่บ้าง ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกที่จะไม่ไปปะทะกับมนุษย์ผู้นี้

ดังนั้นคนทั้งหมดที่อยู่ที่นี่จึงเงียบลง ก่อนที่จะถอยออกจากรัศมีโดยรอบมู่เฉินอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณบอกว่าพวกเขาไม่ต้องการต่อสู้กับเขา

เมื่อมู่เฉินเห็นภาพนี้ก็ไม่มีอารมณ์ใดบนใบหน้า แต่ในใจกลับรู้สึกโล่งอก คนอื่นๆ เห็นเพียงฉากการต่อสู้ตระการที่เขาเอาชนะลู่สุยได้ แต่พวกเขาไม่รู้หรอกว่าหมัดที่เขาชกออกไปก่อนหน้านี้คือพลังงานส่วนเกินจากสามชั้นแรก

ร่างกายของมู่เฉินก่อนหน้าเปรียบเสมือนฟองน้ำที่ดูดซับน้ำจนถึงขีดจำกัด หมัดของเขาจึงเท่ากับบีบน้ำออกจนหมด ทำให้ร่างกายที่อัดแน่นกลับสู่สภาพเดิม

ดังนั้นถ้าให้เขาโจมตีแบบนั้นอีกครั้ง พลังก็จะไม่ทรงประสิทธิภาพเหมือนเมื่อครู่แน่นอน

ประสิทธิผลพิเศษชนิดนี้ของการสะสมพลังงานในร่างกายเป็นทักษะที่ได้มาจากกายามังกรหงส์ ด้วยวิธีนี้เขาจะได้รับผลลัพธ์ที่ไม่มีใครคาดคิดไว้ กลายเป็นไพ่ลับอีกใบหนึ่ง

“คัมภีร์หลงเฟิ่งทรงพลังจริงๆ”

แม้แต่มู่เฉินก็ยังชื่นชมในสิ่งนี้ คัมภีร์หลงเฟิ่งสมแล้วที่เป็นทักษะยอดเยี่ยมแท้จริง จากการประเมินของเขาคัมภีร์นี้ต้องอยู่ในระดับเสินทงแน่นอน ซึ่งไม่ธรรมดาแม้จะอยู่ในกลุ่มวิทยายุทธระดับเสินทงด้วย

มู่เฉินชื่นชมก่อนที่จะใจเย็นลง แม้ว่าตอนนี้จะไม่มีใครท้าทายเขา แต่เขาก็ไม่ตั้งใจที่จะท้าทายคนอื่นด้วยเช่นกัน เขายืนนิ่งบนตำแหน่งตนเองรอผลการคัดออก

สำหรับจงเถิง มู่เฉินรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นพวกยุแยงให้ลู่สุยมาปะทะกับเขา แต่เนื่องจากตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ดีในการจัดการ เขาจึงได้แต่ผลักแผนไปก่อน

แต่ถึงกระนั้นสายตาคมกล้าของมู่เฉินก็ยังจ้องเขม็งไปที่จงเถิง รอบตัวเต็มไปด้วยคลื่นหลิงราวกับเสือดาวที่กำลังจะจ้องตะครุบเหยื่ออัดแน่นด้วยภัยคุกคาม

เมื่อเห็นท่าทางของมู่เฉิน จงเถิงที่ประจันหน้ากับมั่วเฟิงก็รู้สึกอึดอัดใจ เขาต้องแยกสมาธิอยู่ตลอดเพื่อจับตามองมู่เฉิน ป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายเคลื่อนไหวมาประสานพลังกับมั่วเฟิง

ด้วยวิธีนี้สมาธิของจงเถิงจึงค่อนข้างฟุ้งซ่าน สุดท้ายเขาได้แต่กัดฟัน ถอนคลื่นหลิงและถอยออกจากบริเวณของมั่วเฟิง

“พี่มั่วยากสำหรับการต่อสู้ของเราที่จะได้ข้อสรุป ทำไมเราไม่ไปจัดการคนอื่นและรับที่นั่งมาล่ะ?” ขณะที่จงเถิงถอยกลับเสียงก็สะท้อนก้องไปด้วย

มั่วเฟิงจ้องมองจงเถิงอย่างไม่แยแสก่อนที่จะพยักหน้า นั่นเป็นเพราะเขารู้ว่าหากพวกเขายังอยู่ในสถานการณ์ยืนจ้องหน้ากันก็จะไม่เกิดผลลัพธ์ใด หากเขาร่วมมือกับมู่เฉิน พวกเขาอาจทำให้จงเถิงบ้าดีเดือดขึ้นมา แม้แต่พวกเขาก็ต้องจ่ายราคามหาศาลจากการตีโต้

ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับพวกเขาคือการได้ที่นั่งเพื่อเข้าสู่ชั้นสี่

เมื่อจงเถิงเห็นคำตอบของมั่วเฟิงก็รู้สึกโล่งใจในใจ เขาถอยกลับอย่างรวดเร็วออกจากจุดที่มู่เฉินและมั่วเฟิงอยู่ เขาครุ่นคิดสั้นๆ ก่อนจะเลือกปะทะกับคนที่อ่อนแอกว่า

พอมู่เฉินเห็นจงเถิงไปแล้วก็ไม่ได้ใส่ใจอีกต่อไป สายตาหันมามองมั่วเฟิงแล้วก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้มแสดงความขอบคุณในการช่วยเหลือครั้งนี้

สายตาของมั่วเฟิงเป็นมิตรมากขึ้น คิดว่าการที่มู่เฉินเอาชนะลู่สุย ทำให้มั่วเฟิงมองมู่เฉินในฐานะจอมยุทธ์ที่อยู่ในระดับเดียวกันกับเขา ดังนั้นจึงไม่ได้มีท่าทางเฉยเมยเหมือนเมื่อก่อน

มั่วเฟิงพยักหน้าให้มู่เฉิน ก่อนที่จะหันหลังกลับและเริ่มเลือกคู่ต่อสู้ของตนเอง

ครืน!

เมื่อทุกคนเลือกคู่ต่อสู้แล้ว ทันใดนั้นคลื่นหลิงก็ระเบิดรุนแรงบนลานเมฆสายฟ้า คลื่นกระแทกกวาดออก ทำให้มิติเกิดการสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นไม่หยุด

บนลานเมฆสายฟ้าพลังงานหลิงกวาดหายนะ มีเพียงตรงมู่เฉินเท่านั้นที่ไม่ถูกรบกวน เนื่องจากไม่มีใครกล้าเหยียบเข้ามาในรัศมีพันจั้ง ยามนี้เขาเหมือนผู้ชมที่ดูการต่อสู้ติดขอบ ในเวลาเดียวกันก็บันทึกกระบวนท่าที่ทรงพลังของบางคนไว้ในสมอง

แม้ว่าในชั้นนี้พวกเขาอาจไม่ได้ประลองกัน แต่ก็ยังมีอีกสองชั้นรอพวกเขาอยู่ ใครจะสามารถรับประกันได้ว่าจะไม่มีการลดจำนวนลงในชั้นต่อไป?

ดังนั้นถ้ามีโอกาสเขาต้องพยายามจดจำข้อมูลผู้อื่นเก็บไว้

ภายใต้การสังเกตของมู่เฉิน การประลองบนลานเมฆสายฟ้าก็คงอยู่ชั่วระยะหนึ่ง ก่อนที่แต่ละคู่จะมาถึงจุดสิ้นสุด ผลลัพธ์ก็เป็นไปตามที่คาดไว้

หลังจากมู่เฉินก็เป็นหานซันที่เอาชนะคู่ต่อสู้ได้ที่นั่งที่สองไป

จากนั้นมั่วเฟิงและจงเถิงก็คว้าชัยชนะตามมา

ที่นั่งสุดท้ายตกเป็นของสีคุนที่ก่อนหน้านี้เคยแพ้หานซันที่ด้านนอกเจดีย์ ชายนี้มีความแข็งแกร่งที่น่าตกใจ แม้แต่หานซันยังต้องใช้ทักษะเต็มที่ถึงจะได้รับชัยชนะมา

เมื่อสีคุนได้รับที่นั่งสุดท้ายลานเมฆสายฟ้าขนาดใหญ่ก็เงียบลงอีกครั้ง ร่างทั้งห้ายืนอยู่ ขณะรัศมีไร้ขอบเขตทั้งห้าสายพุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าชนกันเปรี้ยงปร้าง

ทว่าการชนกันก็ดำเนินไปเพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ ก่อนที่ทั้งห้าจะถอนคลื่นพลังพร้อมกัน พวกเขาเหลือบมองกันและกัน จากนั้นก็ไม่ลังเลทะยานออกไปปรากฏตัวบนเบาะทั้งห้า

สายตาพวกเขาพุ่งตรงไปยังมิติด้านหลังลานเมฆสายฟ้าด้วยความโลภ ตรงนั้นเส้นดาวหางจำนวนมากกวาดผ่านราวกับฝนดาวตก

ในแสงเหล่านั้นแก่นหยดสายฟ้ากำลังกะพริบด้วยความแวววาว


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท