หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – ตอนที่ 1120

ตอนที่ 1120

หนึ่งในใต้หล้า 大主宰
บทที่ 1200 จัดตั้งขุมกำลังใหม่
เมื่อทุกคนกลับจากวังสวรรค์บรรพกาล

เรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นก็แพร่กระจายไปทั่วทุกหนแห่ง ทำให้เกิดการสั่นสะเทือนเลือนลั่นไปทั่วทวีปเทียนหลัว ทั้งเรื่องการฟื้นคืนของจอมปีศาจทุนเทียนหรือการปรากฏตัวของเทพจักรพรรดิอัคคีและเทพจักรพรรดิสงคราม ข่าวทั้งหมดนี้น่าตกใจอย่างยิ่ง

ไม่มีใครคิดว่าวังสวรรค์บรรพกาลจะเกิดหายนะ หากไม่ได้เป็นเพราะเทพจักรพรรดิอัคคีและเทพจักรพรรดิสงคราม ทวีปเทียนหลัวคงเป็นสถานที่แรกที่ต้องทนทุกข์ทรมานเมื่อจอมปีศาจหนีไปได้

หากการดำรงอยู่นั้นที่เทียบได้กับจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนต้องการเริ่มต้นการสังหารหมู่ ทวีปเทียนหลัวจะกลายเป็นนรกในทันที

แต่โชคดีที่สิ่งนี้ไม่ได้เกิดขึ้น

เทพจักรพรรดิอัคคีและเทพจักรพรรดิสงครามจัดการปีศาจได้สิ้นซาก ทำให้ทวีปเทียนหลัวรอดพ้นจากภัยพิบัติซึ่งทำให้ชื่อเสียงของพวกเขายิ่งสูงส่งขึ้นไปอีก

แน่นอนว่าขณะที่พวกเขารู้สึกขอบคุณต่อเทพจักรพรรดิอัคคีและเทพจักรพรรดิสงคราม สำหรับตำหนักเทพปีศาจกลับกลายเป็นเป้าหมายโดนรุมทึ้ง สมาชิกของที่นี่ต้องซ่อนตัว ไม่มีใครกล้าพูดเกี่ยวกับความสัมพันธ์ที่พวกเขามีต่อสำนักที่เคยยิ่งใหญ่อีกแล้ว

การสมรู้ร่วมคิดกับเผ่าปีศาจต่างมิติเป็นมหันตภัยร้ายที่ทุกคนในมหาพันภพรับไม่ได้ ไม่เพียงแต่ลู่หยวนทรยศ เขายังพยายามที่จะชุบชีวิตจอมปีศาจด้วย

ดังนั้นตำหนักเทพปีศาจถูกลบออกในเวลาไม่กี่วัน ขั้วอำนาจใกล้เคียงทั้งหมดแสดงให้เห็นถึงเขี้ยวเล็บของพวกเขา จากนั้นก็ตัดแบ่งทรัพยากรและดินแดนกันอย่างรวดเร็ว ทำให้สำนักที่อยู่จุดบนสุดเลือนหายไปจากหน้าประวัติศาสตร์

ดังนั้นตอนที่มู่เฉิน มั่นถัวหลัวและจิ่วโยวออกมาจากวัง ตำหนักเทพปีศาจก็ถูกกลืนกินไปอย่างสมบูรณ์ พวกเขารู้สึกเสียดายอยู่บ้าง เนื่องจากหากพวกเขาสามารถกลืนกินรากฐานทั้งหมดของตำหนักเทพปีศาจได้ก็จะเป็นการเก็บเกี่ยวครั้งใหญ่สำหรับพันธมิตรภูมิภาคทางเหนือเลยทีเดียว

ทว่าความคิดนี้ก็คงอยู่ในใจชั่วครู่เท่านั้น เพราะตอนนี้พวกเขาได้รับวังโบราณ ซึ่งเป็นสมบัติแท้จริงที่จะเสริมอำนาจให้กับอาณาเขตกงเวทสวรรค์

เมื่อกลับมาถึง มั่นถัวหลัวก็ไม่ได้ให้มู่เฉินจัดการสิ่งอื่น นางให้เขาไปที่สงบเงียบเพื่อเข้าสมาธิทันที เพราะแม้ว่าครั้งนี้เขาจะบรรลุขุมพลังตี้จื้อจุน แต่เวลายังน้อยไป ทำให้ไม่สามารถควบคุมพลังตี้จื้อจุนได้อย่างแท้จริง เขาจึงต้องคงพลังให้เสถียรก่อนเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาในอนาคต

มู่เฉินไม่ได้คัดค้านอะไร เนื่องจากเขารู้ว่าต่อให้โอกาสครั้งนี้จะยิ่งใหญ่ แต่ก็ทำให้พัฒนาเร็วไป หากไม่ใช่ว่าเขาสร้างรากฐานที่มั่นคงไว้ในอดีต ความก้าวหน้าของเขาอาจเป็นอันตรายในระยะยาวแทน

ดังนั้นสิ่งแรกต้องทำคือสร้างความมั่นคงให้กับพลังและควบคุมให้สมบูรณ์

ในหนึ่งเดือนต่อมา มู่เฉินจึงใช้เวลาทั้งหมดอยู่ในสมาธิ

ทว่านอกจากฝึกสมาธิมู่เฉินยังได้ยืมพลังกระบี่เกล็ดจักรพรรดิเพื่อเข้าสู่วังสวรรค์บรรพกาลหลายครั้ง ยามนี้เขามีตำแหน่งเทียบเท่ากับเจ้าวัง ดังนั้นค่ายกลที่เหลือจึงไม่เป็นอันตรายกับเขาอีกต่อไป เขาสามารถเดินทางไปมาได้ทุกครั้งที่ต้องการ

ในการเดินทางเข้าวังก็ทำให้เขาได้ค้นพบสมบัติที่ไม่คาดคิดหลายอย่าง

อย่างแรกก็คือเขาพบชิ้นส่วนม้วนคัมภีร์ค่ายกล ซึ่งมีชื่อว่าค่ายกลเก้าเทพมังกรประหาร

มู่เฉินเคยฝึกฝนค่ายกลนี้มาแล้ว ทว่าแต่ก่อนเขาได้รับเพียงส่วนหนึ่งของม้วนคัมภีร์ ซึ่งทำให้เขาพอสร้างค่ายกลเก้าเทพมังกรประหารได้ แต่พลังยังจำกัดอยู่เพียงมังกรสามตัว ซึ่งเป็นพลังหนึ่งในสามส่วนของทั้งหมดเท่านั้น

อย่างไรก็ตามนี่ก็เพียงพอที่จะเผชิญหน้ากับจอมยุมธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นต้นได้ เนื่องจากค่ายกลนี้อยู่ในจุดสุดยอดของค่ายกลระดับจงซือ ถ้าเป็นค่ายกลฉบับสมบูรณ์กระทั่งจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลายก็ยังไม่สามารถหนีหากถูกคุมขัง

ช่างเป็นเรื่องยินดีอย่างคาดไม่ถึง เพราะเขาคาดหวังกับภาพค่ายกลเก้าเทพมังกรประหารเต็มรูปแบบมานานแล้ว เพียงแต่ว่ายังไม่สามารถหาภาพที่สมบูรณ์ได้ ดังนั้นเขาจึงได้แต่เสียใจ ค่ายกลระดับดังกล่าวไม่ใช่สิ่งที่สามารถพบได้ตามท้องถนน แม้จะได้รับความช่วยเหลือจากมั่นถัวหลัวก็ตาม

แต่สมบัติดังกล่าวกลับถูกค้นพบโดยมู่เฉิน ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงดีใจ ดังนั้นระหว่างสมาธิเขาก็ได้แบ่งเวลาศึกษาภาพด้วยความหวังว่าจะเข้าใจอย่างเต็มที่

แน่นอนว่าด้วยพลังของเขาในตอนนี้ยังต้องฝึกฝนอีกช่วงหนึ่งก่อนจะสร้างแบบสมบูรณ์ได้ แต่อย่างน้อยเมื่อมีภาพเต็มรูปแบบพลังค่ายกลเก้าเทพมังกรประหารก็มีพลังขึ้นมากกว่าในอดีต

หลังจากชิมรางวัลที่ได้มา มู่เฉินก็ไม่เต็มอิ่ม ดังนั้นเขาจึงสำรวจวังโบราณอย่างถี่ถ้วน ค้นพบกับสิ่งที่คาดไม่ถึงอีก

พูดตรงประเด็นก็คือเขาพบกองทัพชั้นยอด

กองทัพนี้อยู่ภายใต้คำสั่งของจอมพลหนึ่ง กองทัพดับปีศาจที่เหนือยิ่งกว่ากองทัพสังหารวิญญาณ

ว่ากันว่าตอนที่จักรวรรดิปีศาจต่างมิติโจมตีวังสวรรค์บรรพกาลก็ถูกจู่โจมไม่ยั้งจากกองทัพนี้

แน่นอนว่ากองทัพนี้ถูกทำลายจนหมดสิ้น แต่ก็มีนักรบบางส่วนใช้วิธีพิเศษตอนเสียชีวิตทำให้ร่างคนกลายเป็นหุ่นเงา

มู่เฉินพบนักรบเหล่านี้ในมหาสมุทรที่จอมพลหนึ่งอาศัยอยู่ จากนั้นเขาก็นำรูปปั้นสีดำเกือบพันตัวออกมา

โดยทั่วไปจะต้องใช้ป้ายบัญชาการเพื่อควบคุมกองทัพนี้ แต่สิ่งนั้นถูกทำลายไปแล้ว จึงไม่อาจหามาได้

แต่โชคดีที่เขามีบางสิ่งที่ดียิ่งกว่า นั่นก็คือกระบี่เกล็ดจักรพรรดิ

แม้ว่ากองทัพดับปีศาจจะอยู่ภายใต้คำสั่งของจอมพลหนึ่ง แต่จักรพรรดิฟ้าเป็นผู้นำสูงสุด ดังนั้นเมื่อมู่เฉินหยิบกระบี่ออกมา แรงต้านทานของกองทัพดับปีศาจก็หายวับไป ถูกเขาเก็บไปโดยดี

ในการเก็บกวาดครั้งนี้ไม่เพียงแต่เขาจะพบภาพที่สมบูรณ์ของค่ายกลเก้าเทพมังกรประหาร เขายังได้รับกองทัพดับปีศาจซึ่งแข็งแกร่งยิ่งกว่ากองทัพสังหารวิญญาณ ดังนั้นแม้แต่คนอย่างมู่เฉินก็รู้สึกวิงเวียนด้วยความสุข

ทว่าในไม่ช้าเขาก็ตระหนักว่านี่เป็นเรื่องบังเอิญมากเกินไปที่เขาหาพบ แต่ละอย่างถูกปกปิดไว้ลึกลับ ดังนั้นไม่น่าจะง่ายสำหรับเขาที่จะค้นพบ ราวกับว่ามีบางสิ่งจัดการการค้นพบเหล่านี้

ตอนนี้ไม่มีใครในวังสวรรค์บรรพกาลนอกเหนือจากมู่เฉิน แต่ยังมีผู้มองเหตุการณ์อยู่

นั่นก็คือหอคัมภีร์เทพซ่อน!

หอคัมภีร์เทพซ่อนมีความลึกซึ้งจนน่าเหลือเชื่อ ต่อให้มู่เฉินบรรลุขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นต้นแล้วก็ไม่สามารถค้นพบร่องรอยของมันได้ เห็นได้ชัดว่ามันมีสติปัญญาสูง บางทีการกระทำนี้อาจแสดงถึงความปรารถนาดีสำหรับเจ้าวังคนใหม่ก็ได้

แต่ไม่ว่าอย่างไรมู่เฉินก็ยังคำนับไปบนท้องฟ้า ถือเป็นการขอบคุณหอคัมภีร์เทพซ่อน

ทว่าขณะที่มู่เฉินมัวเมาอยู่กับความสุข เขาก็ได้รับข่าวหนึ่งจากมั่นถัวหลัว ซึ่งบอกให้เขาออกจากสมาธิมุ่งหน้ามายังเขตต้าหลัวเทียน

เขตต้าหลัวเทียน

ตอนที่มู่เฉินมาถึง เขาก็ตระหนักว่าแม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นต้นทั้งห้าของภูมิภาคทางเหนือก็อยู่ที่นี่

ทั้งห้าคนพยักหน้าให้มู่เฉิน ซึ่งถือเป็นการทักทายที่ดีของพวกเขาแล้ว ถ้าเป็นมู่เฉินในอดีตพวกเขาคงไม่แม้แต่ชายตามอง แต่หลังจากออกจากวังสวรรค์บรรพกาล เขาก็บรรลุระดับตี้จื้อจุน ซึ่งกลายเป็นจอมยุทธ์ในระดับกับพวกเขา

ตอนนี้มู่เฉินมีคุณสมบัติในระดับเดียวกัน ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมพวกเขาไม่กล้าแสดงอาการเย่อหยิ่ง

มู่เฉินพยักหน้าตอบก่อนที่จะนั่งลงถัดจากมั่นถัวหลัว ถัดจากเขาเป็นเหล่าจอมพลทั้งสามซึ่งตอนนี้ได้แต่อยู่หลังมู่เฉิน

เมื่อมู่เฉินมาถึงมั่นถัวหลัวก็พยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นก็มองแขกทั้งห้าคน “ข้าเชื่อว่าพวกเจ้าทุกคนรู้เหตุผลที่ข้าเชิญมาพบ ยามนี้ข้าควบคุมวังสวรรค์บรรพกาลได้แล้วและจะเชื่อมต่อในอนาคตเพื่อเป็นรากฐาน”

ชัดว่าประมุขทั้งห้าได้รู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ขณะที่มู่เฉินเข้าสมาธิ ดังนั้นแม้จะยังตกใจเล็กน้อย แต่ท่าทางก็สงบนิ่งอยู่ แน่นอนว่าต้องมีความสุขพลุ่งพล่านภายในใจ เพราะพวกเขารู้ว่าวังโบราณเป็นขุมทรัพย์ที่ยิ่งใหญ่เพียงใด ถ้าสามารถเชื่อมโยงได้ ความเร็วในการฝึกฝนของพวกเขาจะเพิ่มขึ้นแน่นอน

“แม้ว่าเราจะมีกลุ่มพันธมิตรภูมิภาคทางเหนือ แต่ระบบก็หละหลวมเกินไป ทุกคนต่างปกครองตัวเอง ดังนั้นข้าคิดจะจัดตั้งขุมกำลังใหม่ หากพวกเจ้าต้องการเข้าร่วมก็ให้ปลดปล่อยกองกำลังของตนเอง รวมสมาชิกเข้าเป็นหนึ่งเดียว” มั่นถัวหลัวมองไปรอบๆ ขณะที่พูดช้าๆ

เมื่อประมุขทั้งห้าได้ยินคำพูดนั่นใบหน้าของพวกเขาก็เปลี่ยนไปด้วยความลังเล สิ่งที่มั่นถัวหลัวหมายถึงก็คือนางต้องการรวบภูมิภาคทางเหนือทั้งหมด พวกเขาจะไม่เป็นประมุขอีกต่อไป หากพวกเขาเข้าร่วมก็จะมีคนที่ยืนอยู่เหนือพวกเขา

ดังนั้นพวกเขารู้สึกไม่สบายใจ เพราะในอดีตพวกเขาต่างเป็นผู้นำ เมื่อต้องการมีใครอยู่เหนือ พวกเขาก็ไม่ค่อยชินเท่าไร

ถ้าเป็นในอดีตพวกเขาคงจะคัดค้านคำพูดของมั่นถัวหลัวหัวชนฝา แต่นางในตอนนี้เป็นจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นเต็ม ความแข็งแกร่งเหนือกว่ามาก ยิ่งไปกว่านั้นอาณาเขตกงเวทสวรรค์ยังมีมู่เฉินที่เพิ่งบรรลุระดับตี้จื้อจุนขั้นต้นเข้ามาเสริม

พวกเขาต้องยอมรับว่าแม้จะรวมพลังกัน พวกเขาก็จะไม่สามารถเผชิญหน้ากับอาณาเขตกงเวทสวรรค์ได้

“ถ้าไม่เต็มใจก็ถอนตัวจากภูมิภาคทางเหนือซะ”

มั่นถัวหลัวพูดด้วยน้ำเสียงสงบแต่แฝงความเผด็จการ ทว่าทั้งห้าไม่ได้โกรธต่อคำพูดของนางเลย เพราะพวกเขารู้ว่านางมีคุณสมบัติที่จะพูดคำดังกล่าว

ดังนั้นหลังจากพวกเขาครุ่นคิดสั้นๆ ก็ต่างพยักหน้าตอบรับ “พวกเรายินดีที่จะเข้าร่วม!”

ตอนนี้มั่นถัวหลัวเป็นจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นเต็ม เป็นหนึ่งในยอดยุทธ์ไม่กี่คนในทวีปเทียนหลัว ด้วยการปกป้องของนางพวกเขาจะมีที่พักพิงและสถานะของพวกเขาในทวีปก็จะเพิ่มขึ้นตาม พวกเขาจะไม่ใช่ผู้นำขั้วอำนาจเล็กๆ ในภูมิภาคทางเหนืออีกต่อไป

ยิ่งไปกว่านั้นมั่นถัวหลัวยังครอบครองวังสวรรค์บรรพกาล ดังนั้นอนาคตเป็นสิ่งที่ไม่สามารถจินตนาการได้เลย บางทีไม่ไกลจากนี้พวกเขาอาจจะก้าวขึ้นเป็นหนึ่งในขั้วอำนาจสูงสุดในมหาพันภพก็ได้

ในเวลานั้นพวกเขาก็จะมีฐานะผู้อาวุโส ซึ่งนั่นเป็นสถานะที่ตอนนี้ไม่อาจเทียบได้

ดังนั้นทั้งห้าคนจึงชั่งน้ำหนักแบบรวบรัดและเลือกที่จะเข้าร่วม

มั่นถัวหลัวยังคงสงบราวกับว่าคาดหวังทุกอย่างไว้แล้ว แต่นั่นไม่ใช่เรื่องเดียวที่นางต้องการทำในวันนี้ นางยิ้มบาง “ในเมื่อไม่มีใครคัดค้าน ข้าก็ขอประกาศอีกเรื่อง ขุมกำลังใหม่นี้จะอยู่ภายใต้การควบคุมของมู่เฉิน”

ฉับพลันโถงทั้งหมดก็เงียบกริบ

แม้แต่มู่เฉินก็เบิกตาเมื่อมองไปที่มั่นถัวหลัวอย่างตกตะลึง

นี่เล่นละครฉากไหนกันเนี่ย?

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler ฟรี ได้ที่ novel-fast 


เรื่องย่อ

โดย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler บางส่วนของนิยาย

บทนำ

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป

‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้

แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์

แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว

ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ

เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง?

ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน…

เรื่องย่อ

เมื่อคำพูดของมู่เฉินกระจายออกไป ไม่เพียงแต่จะไม่มีการตอบสนอง แม้แต่ด้านนอกเจดีย์ก็ถูกห่อหุ้มด้วยบรรยากาศราวกับป่าช้า…

ทุกคนตกตะลึงไปกับฉากนี้ พวกเขาจ้องมองจุดที่ลู่สุยหายตัวไป ราวกับว่ายังไม่สามารถฟื้นจากอาการตะลึงงันที่เกิดขึ้นได้

ก่อนหน้าเมื่อลู่สุยออกกระบวนท่าที่น่าสะพรึง ผู้คนส่วนใหญ่ก็คิดว่าผลลัพธ์ของการต่อสู้ได้ถูกกำหนดแล้ว ทว่าพวกเขาไม่คิดเลยว่ามู่เฉินจะพลิกสถานการณ์ได้อีกครั้ง เตะลู่สุยที่เหมือนจะคว้าชัยชนะออกไป

ทุกคนตะลึงไปพักใหญ่ ก่อนที่พวกเขาจะหลุดออกจากอาการได้ สายตาเคร่งเครียดลง การประลองกันครั้งนี้มู่เฉินไม่ได้ใช้ค่ายกล แต่เขาก็สามารถเอาชนะจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดอย่างลู่สุยได้ด้วยความแข็งแกร่งที่อยู่ในขั้นหกเท่านั้น แม้ว่าจะมีผลจากลู่สุยประมาทเองในตอนแรก แต่นั่นก็แสดงให้เห็นว่ามู่เฉินน่ากลัวแค่ไหน

พลังเช่นนี้เขาสามารถเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์อันดับต้นๆ ในเจดีย์ฝึกพลังกายได้เลยทีเดียว

ทางฝั่งกลุ่มกระเรียนฟ้า ใบหน้าของหลิ่วชิงกลายเป็นเขียวสลับขาว นางมองไปที่ร่างสูงโปร่งบนหน้าจอ กลืนน้ำลายเหนียวหนืด ความกลัวปรากฏในดวงตาของนางเป็นครั้งแรก

มาถึงจุดนี้นางคงโง่แน่ถ้ายังคิดปฏิบัติต่อมู่เฉินเหมือนกับจอมยุทธ์ขั้นหกทั่วไป

ด้วยพลังในการต่อสู้ที่เขาแสดงออกมา บวกกับค่ายกลทรงพลัง แม้แต่จงเถิงก็ยากจะได้เปรียบหากพวกเขาต่อสู้กัน

ก่อนหน้านี้นางหัวเราะเยาะและมองจิ่วโยวด้วยความดูถูก แต่ตอนนี้นางอายแทบแทรกแผ่นดินหนี ซึ่งจุดนี้รู้ได้จากสายตาเยาะเย้ยเหล่านั้นที่ปรายมองเข้ามา

“ทำไมมู่เฉินถึงทรงพลังเช่นนี้?” จงฮั้วที่พ่ายแพ้ให้กับมู่เฉินก็มีสีหน้าเคร่งขรึมเช่นกัน ก่อนหน้านี้เขาเคยคิดเช่นกันว่ามู่เฉินพึ่งพาเพียงค่ายกลเพื่อจัดการกับศัตรู แต่ใครจะคิดว่าเมื่อไม่มีการใช้ค่ายกลมู่เฉินก็สามารถเอาชนะลู่สุยแบบดุร้ายยิ่งกว่าอะไร

“ดูเหมือนว่ามีเพียงพี่ใหญ่จงเถิงเท่านั้นที่สามารถจัดการกับเขาได้” จอมยุทธ์อีกคนของเผ่ากระเรียนฟ้าพยักหน้า

หลิ่วชิงพยักหน้าเบาๆ ไม่เพียงแต่พวกเขาจะพิจารณาพลังของมู่เฉินพลาดไปเท่านั้น แม้แต่จงเถิงก็ตัดสินอีกฝ่ายผิดไป ชายคนนั้นเป็นสัตว์ประหลาดอย่างแท้จริง

ฟิ้ว!

ขณะที่นอกเจดีย์ต่างตกตะลึงกับผลลัพธ์ที่มู่เฉินนำมา ทันใดนั้นแสงก็กะพริบบนแท่นนอกเจดีย์ ร่างน่าสังเวชปรากฏขึ้น

เมื่อร่างนั้นออกมาก็รีบถอยกลับไปปรากฏตัวขึ้นในกลุ่มอีกาสายฟ้าทันควัน นี่ก็คือลู่สุยที่มีสีหน้าซีดขาว คลื่นหลิงของเขาถดถอยลงอย่างมาก

สายตาโดยรอบยิงเข้าหาในเวลานี้ทันที

ใบหน้าของลู่สุยเขียวคล้ำ สายตาเกลียดชังมองไปที่มู่เฉินที่อยู่บนหน้าจอ ก่อนที่จะหันหัวสาดสายตาดุร้ายใส่จิ่วโยวและมั่วหลิง ที่ข้างๆ พรรคพวกของเขาก็มีท่าทางไม่ดีเช่นกัน

ทว่าจิ่วโยวไม่กลัวที่จะเผชิญหน้ากับสายตาเหล่านั้น นางเค้นเสียงอย่างเย็นชา “ลูกหมาที่ถูกฟาดยังกล้าที่จะออกมาแยกเขี้ยวอีกเหรอ?”

ตอนนี้ลู่สุยบาดเจ็บสาหัส สูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไปหมด ส่วนคนที่เหลือก็ไม่มีอะไรต้องกลัว หากพวกเขากล้าที่จะคิดบัญชีกับพวกนาง จิ่วโยวก็ไม่คิดปล่อยพวกเขาไว้เป็นภัยคุกคามในอนาคตหรอก

สายตาแสดงความเกลียดชังของลู่สุยจ้องเขม็งอยู่ที่จิ่วโยว แต่สุดท้ายเขาก็ต้องถอนสายตาออกไปอย่างไม่เต็มใจ ก่อนที่จะถอยกลับนั่งลงบนซากปรักหักพังเข้าสมาธิเพื่อฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ

จอมยุทธ์กลุ่มอีกาสายฟ้าก็ปรากฏรอบตัวเขาเพื่อปกป้อง

เมื่อจิ่วโยวเห็นการตอบสนองนั่น นางก็ไม่ได้ใส่ใจกับพวกเขาอีก นางมองไปที่หน้าจออีกครั้งโดยพุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่ร่างเงาอ่อนเยาว์ มือที่กำแน่นผ่อนคลายลง

เห็นได้ชัดว่านี่เป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงสำหรับนางที่มู่เฉินจะเอาชนะได้เด็ดขาดแบบนี้ นั่นเป็นเพราะตามการประเมินของนางแม้ว่ามู่เฉินจะยืนยงอยู่ได้ก็เป็นยากที่จะเอาชนะลู่สุยด้วยขุมพลังจื้อจุนขั้นหกและถ้าการต่อสู้ถูกลากไปจนสุดอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบคาดไม่ถึง

ทว่าผลลัพธ์สุดท้ายที่ได้ก็ทำให้นางทั้งประหลาดใจและดีใจ

เห็นได้ชัดว่ามู่เฉินได้รับประโยชน์มหาศาลจากสามชั้นแรกของเจดีย์ฝึกพลังกาย ไม่เช่นนั้นเขาไม่สามารถแสดงพลังเป็นที่ประจักษ์เช่นนี้ได้

“ว่ากันว่าในชั้นสี่มหัศจรรย์กว่านี้มาก หากใครสามารถเข้าไปได้ พวกเขาจะสามารถได้รับผลประโยชน์เกินกว่าสามชั้นแรกมาก…”

จิ่วโยวยิ้มบาง ดูจากสถานการณ์ปัจจุบันไม่น่ามีปัญหาใดๆ ที่มู่เฉินจะเข้าสู่ชั้นสี่ สำหรับมั่วเฟิงความแข็งแกร่งของเขาเป็นหนึ่งในอันดับต้นของกลุ่มที่เข้าไป ดังนั้นจึงไม่ยากสำหรับเขาที่จะได้หนึ่งในห้าที่นั่งนี้ไปเช่นกัน

ดูเหมือนว่าการเดินทางมาที่เจดีย์ฝึกพลังกายโบราณครั้งนี้เผ่าวิหคโลกันตร์อาจเป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

บนลานเมฆสายฟ้า

ไม่มีใครตอบคำถามของมู่เฉิน ขณะนี้แม้แต่จอมยุทธ์ทรงอำนาจอย่างหานซันและสีคุนก็ยังรู้สึกหวาดระแวงมู่เฉินอยู่บ้าง ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกที่จะไม่ไปปะทะกับมนุษย์ผู้นี้

ดังนั้นคนทั้งหมดที่อยู่ที่นี่จึงเงียบลง ก่อนที่จะถอยออกจากรัศมีโดยรอบมู่เฉินอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณบอกว่าพวกเขาไม่ต้องการต่อสู้กับเขา

เมื่อมู่เฉินเห็นภาพนี้ก็ไม่มีอารมณ์ใดบนใบหน้า แต่ในใจกลับรู้สึกโล่งอก คนอื่นๆ เห็นเพียงฉากการต่อสู้ตระการที่เขาเอาชนะลู่สุยได้ แต่พวกเขาไม่รู้หรอกว่าหมัดที่เขาชกออกไปก่อนหน้านี้คือพลังงานส่วนเกินจากสามชั้นแรก

ร่างกายของมู่เฉินก่อนหน้าเปรียบเสมือนฟองน้ำที่ดูดซับน้ำจนถึงขีดจำกัด หมัดของเขาจึงเท่ากับบีบน้ำออกจนหมด ทำให้ร่างกายที่อัดแน่นกลับสู่สภาพเดิม

ดังนั้นถ้าให้เขาโจมตีแบบนั้นอีกครั้ง พลังก็จะไม่ทรงประสิทธิภาพเหมือนเมื่อครู่แน่นอน

ประสิทธิผลพิเศษชนิดนี้ของการสะสมพลังงานในร่างกายเป็นทักษะที่ได้มาจากกายามังกรหงส์ ด้วยวิธีนี้เขาจะได้รับผลลัพธ์ที่ไม่มีใครคาดคิดไว้ กลายเป็นไพ่ลับอีกใบหนึ่ง

“คัมภีร์หลงเฟิ่งทรงพลังจริงๆ”

แม้แต่มู่เฉินก็ยังชื่นชมในสิ่งนี้ คัมภีร์หลงเฟิ่งสมแล้วที่เป็นทักษะยอดเยี่ยมแท้จริง จากการประเมินของเขาคัมภีร์นี้ต้องอยู่ในระดับเสินทงแน่นอน ซึ่งไม่ธรรมดาแม้จะอยู่ในกลุ่มวิทยายุทธระดับเสินทงด้วย

มู่เฉินชื่นชมก่อนที่จะใจเย็นลง แม้ว่าตอนนี้จะไม่มีใครท้าทายเขา แต่เขาก็ไม่ตั้งใจที่จะท้าทายคนอื่นด้วยเช่นกัน เขายืนนิ่งบนตำแหน่งตนเองรอผลการคัดออก

สำหรับจงเถิง มู่เฉินรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นพวกยุแยงให้ลู่สุยมาปะทะกับเขา แต่เนื่องจากตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ดีในการจัดการ เขาจึงได้แต่ผลักแผนไปก่อน

แต่ถึงกระนั้นสายตาคมกล้าของมู่เฉินก็ยังจ้องเขม็งไปที่จงเถิง รอบตัวเต็มไปด้วยคลื่นหลิงราวกับเสือดาวที่กำลังจะจ้องตะครุบเหยื่ออัดแน่นด้วยภัยคุกคาม

เมื่อเห็นท่าทางของมู่เฉิน จงเถิงที่ประจันหน้ากับมั่วเฟิงก็รู้สึกอึดอัดใจ เขาต้องแยกสมาธิอยู่ตลอดเพื่อจับตามองมู่เฉิน ป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายเคลื่อนไหวมาประสานพลังกับมั่วเฟิง

ด้วยวิธีนี้สมาธิของจงเถิงจึงค่อนข้างฟุ้งซ่าน สุดท้ายเขาได้แต่กัดฟัน ถอนคลื่นหลิงและถอยออกจากบริเวณของมั่วเฟิง

“พี่มั่วยากสำหรับการต่อสู้ของเราที่จะได้ข้อสรุป ทำไมเราไม่ไปจัดการคนอื่นและรับที่นั่งมาล่ะ?” ขณะที่จงเถิงถอยกลับเสียงก็สะท้อนก้องไปด้วย

มั่วเฟิงจ้องมองจงเถิงอย่างไม่แยแสก่อนที่จะพยักหน้า นั่นเป็นเพราะเขารู้ว่าหากพวกเขายังอยู่ในสถานการณ์ยืนจ้องหน้ากันก็จะไม่เกิดผลลัพธ์ใด หากเขาร่วมมือกับมู่เฉิน พวกเขาอาจทำให้จงเถิงบ้าดีเดือดขึ้นมา แม้แต่พวกเขาก็ต้องจ่ายราคามหาศาลจากการตีโต้

ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับพวกเขาคือการได้ที่นั่งเพื่อเข้าสู่ชั้นสี่

เมื่อจงเถิงเห็นคำตอบของมั่วเฟิงก็รู้สึกโล่งใจในใจ เขาถอยกลับอย่างรวดเร็วออกจากจุดที่มู่เฉินและมั่วเฟิงอยู่ เขาครุ่นคิดสั้นๆ ก่อนจะเลือกปะทะกับคนที่อ่อนแอกว่า

พอมู่เฉินเห็นจงเถิงไปแล้วก็ไม่ได้ใส่ใจอีกต่อไป สายตาหันมามองมั่วเฟิงแล้วก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้มแสดงความขอบคุณในการช่วยเหลือครั้งนี้

สายตาของมั่วเฟิงเป็นมิตรมากขึ้น คิดว่าการที่มู่เฉินเอาชนะลู่สุย ทำให้มั่วเฟิงมองมู่เฉินในฐานะจอมยุทธ์ที่อยู่ในระดับเดียวกันกับเขา ดังนั้นจึงไม่ได้มีท่าทางเฉยเมยเหมือนเมื่อก่อน

มั่วเฟิงพยักหน้าให้มู่เฉิน ก่อนที่จะหันหลังกลับและเริ่มเลือกคู่ต่อสู้ของตนเอง

ครืน!

เมื่อทุกคนเลือกคู่ต่อสู้แล้ว ทันใดนั้นคลื่นหลิงก็ระเบิดรุนแรงบนลานเมฆสายฟ้า คลื่นกระแทกกวาดออก ทำให้มิติเกิดการสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นไม่หยุด

บนลานเมฆสายฟ้าพลังงานหลิงกวาดหายนะ มีเพียงตรงมู่เฉินเท่านั้นที่ไม่ถูกรบกวน เนื่องจากไม่มีใครกล้าเหยียบเข้ามาในรัศมีพันจั้ง ยามนี้เขาเหมือนผู้ชมที่ดูการต่อสู้ติดขอบ ในเวลาเดียวกันก็บันทึกกระบวนท่าที่ทรงพลังของบางคนไว้ในสมอง

แม้ว่าในชั้นนี้พวกเขาอาจไม่ได้ประลองกัน แต่ก็ยังมีอีกสองชั้นรอพวกเขาอยู่ ใครจะสามารถรับประกันได้ว่าจะไม่มีการลดจำนวนลงในชั้นต่อไป?

ดังนั้นถ้ามีโอกาสเขาต้องพยายามจดจำข้อมูลผู้อื่นเก็บไว้

ภายใต้การสังเกตของมู่เฉิน การประลองบนลานเมฆสายฟ้าก็คงอยู่ชั่วระยะหนึ่ง ก่อนที่แต่ละคู่จะมาถึงจุดสิ้นสุด ผลลัพธ์ก็เป็นไปตามที่คาดไว้

หลังจากมู่เฉินก็เป็นหานซันที่เอาชนะคู่ต่อสู้ได้ที่นั่งที่สองไป

จากนั้นมั่วเฟิงและจงเถิงก็คว้าชัยชนะตามมา

ที่นั่งสุดท้ายตกเป็นของสีคุนที่ก่อนหน้านี้เคยแพ้หานซันที่ด้านนอกเจดีย์ ชายนี้มีความแข็งแกร่งที่น่าตกใจ แม้แต่หานซันยังต้องใช้ทักษะเต็มที่ถึงจะได้รับชัยชนะมา

เมื่อสีคุนได้รับที่นั่งสุดท้ายลานเมฆสายฟ้าขนาดใหญ่ก็เงียบลงอีกครั้ง ร่างทั้งห้ายืนอยู่ ขณะรัศมีไร้ขอบเขตทั้งห้าสายพุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าชนกันเปรี้ยงปร้าง

ทว่าการชนกันก็ดำเนินไปเพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ ก่อนที่ทั้งห้าจะถอนคลื่นพลังพร้อมกัน พวกเขาเหลือบมองกันและกัน จากนั้นก็ไม่ลังเลทะยานออกไปปรากฏตัวบนเบาะทั้งห้า

สายตาพวกเขาพุ่งตรงไปยังมิติด้านหลังลานเมฆสายฟ้าด้วยความโลภ ตรงนั้นเส้นดาวหางจำนวนมากกวาดผ่านราวกับฝนดาวตก

ในแสงเหล่านั้นแก่นหยดสายฟ้ากำลังกะพริบด้วยความแวววาว


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท