หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – ตอนที่ 1225

ตอนที่ 1225

หนึ่งในใต้หล้า 大主宰
บทที่ 1225 เทพจักรพรรดิอัคคีปะทะจักรพรรดิสัประยุทธ์
เมื่อเสียงของจักรพรรดิสัประยุทธ์ดังก้อง

หลายคนก็รู้สึกว่าแผ่นหลังชุ่มโชกไปด้วยเหงื่อ หนังหัวก็ชาหนึบไปหมด แต่ละคนตั้งท่าพร้อมที่จะหนีตลอดเวลา

จักรพรรดิสัประยุทธ์คือยอดยุทธ์แห่งมหาพันภพ ส่วนเทพจักรพรรดิอัคคีเป็นยอดยุทธ์ในตำนาน พวกเขาทั้งสองคนอยู่ในระดับเทียนจื้อจุน ดังนั้นการต่อสู้คงเรียกว่าสะเทือนฟ้าสะท้านปฐพีแท้จริง เวลานั้นดินแดนซีเทียนเล็กได้รับผลกระทบกันถ้วนทั่วแน่นอน

การปะทะในระดับนั้นมาพร้อมพลังทำลายล้างอยู่แล้ว

เมื่อเซียวเหยียนได้ยินคำตอบของอีกฝ่ายก็ยิ้มด้วยดวงตาหรี่ลง “บางครั้งเรื่องแบบนี้ไม่ให้ก็ต้องให้”

แม้ว่าเทพจักรพรรดิอัคคีจะให้ความรู้สึกอ่อนโยนและเป็นอิสระ แต่ช่วงเวลาที่เขาปลดปล่อยอำนาจก็สามารถปราบปรามจักรพรรดิสัประยุทธ์ได้

“โอ้?”

คิ้วของจักรพรรดิสัประยุทธ์เลิกขึ้น ขณะที่แววตาคมชัดจดจ้องที่เซียวเหยียน “ข้าได้ยินมานานแล้วว่าเทพจักรพรรดิอัคคีได้รวบรวมเปลวไปนานาชนิดในใต้หล้าสร้างเพลิงจักรพรรดิ ซึ่งครอบงำอย่างยิ่ง วันนี้อยากจะขอคำชี้แนะซะหน่อย”

ทำไมเขาจะไม่รู้ชื่อเสียงของเทพจักรพรรดิอัคคีได้? บางทีในสายตาของคนอื่นตัวเขาด้อยกว่าเทพจักรพรรดิอัคคี ซึ่งนี่ทำให้เขาไม่สุขใจ เขามีความมั่นใจในตัวเอง ดังนั้นเขาไม่คิดว่าตนเองจะอ่อนแอกว่าอีกฝ่าย

ถ้าเป็นจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนคนอื่น บางทีจักรพรรดิสัประยุทธ์คงยอมลงให้บ้าง แต่เนื่องจากนี่เป็นเทพจักรพรรดิอัคคี ดังนั้นเรื่องนี้จึงไม่สามารถปล่อยเรื่องนี้ไปง่ายๆ

มิฉะนั้นคนอื่นจะบอกว่าเขากลัวชายคนนี้ ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาทนไม่ได้

“ข้าก็ได้ยินมานานเกี่ยวกับความสำเร็จของจักรพรรดิสัประยุทธ์ในมหาพันภพ คลื่นหลิงที่สามารถหลอมรวมกับรัศมีจั้นยี่ ไหนๆ วันนี้ก็ได้พบกันแล้ว ข้าขอคำชี้แนะด้วยละกัน” เผชิญหน้ากับคำพูดจักรพรรดิสัประยุทธ์ที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นในการต่อสู้และการท้าทาย เซียวเหยียนก็ยิ้มบาง เขาไม่ได้ปฏิเสธ ตรงกันข้ามกลับยอมรับคำท้าทาย

นั่นเป็นเพราะเขารู้ว่าจากนิสัยของอีกฝ่ายเป็นไปไม่ได้ที่จัดการเรื่องนี้ด้วยวาจา

เมื่อเสียงสิ้นสุดลง เซียวเหยียนก็ยกมือขึ้น เปลวเพลิงงดงามพวยพุ่งออกมาก่อนที่จะรวมตัวบนฝ่ามือ

นี่เป็นเปลวเพลิงที่บรรจุสีสันหลายพันสีที่มีคลื่นพลังน่ากลัว

ทุกคนตกใจเมื่อเห็นเปลวไฟงดงามนี้ พวกเขารู้สึกได้ว่าหากเปลวไฟเหล่านี้ตกใส่ รัศมีหลายแสนลี้จะกลายเป็นมหาสมุทรเพลิง สิ่งมีชีวิตทุกอย่างจะถูกทำลายจนราพณาสูร

เปลวไฟพลุ่งพล่านขึ้น มิติก็พังทลายทีละชิ้น…ละชั้น

เปลวไฟย่อขนาดลงอย่างรวดเร็ว ก่อร่างเป็นดอกบัวอยู่ในมือ

ดอกบัวพร่างพราวมากจนทุกคนที่จ้องมองก็รู้สึกว่าไม่สามารถดึงสายตาออกมาได้

“อย่ามองมาก มิฉะนั้นคลื่นหลิงของพวกเจ้าจะถูกเผาได้” ทันใดนั้นเสียงหัวเราะของเซียวเหยียนก็ดังกึกก้อง ปลุกทุกคนให้ตื่นจากการถูกไฟครอบงำ

เมื่อผู้ชมตื่นขึ้นก็รู้สึกถึงคลื่นความร้อนภายในร่างกาย ใบหน้าแต่ละคนเปลี่ยนไปทันที พลังงานหลิงเดือดปุดแสดงสัญญาณถูกเผาไหม้เป็นไอ

ทุกคนหวาดผวาไม่กล้าที่จะจ้องมองที่ดอกบัวนั่นอีกต่อไป พวกเขาเบนสายตาทันควัน คลื่นหลิงในร่างกายก็เริ่มสงบลง

ทุกคนสูดหายใจเย็นเข้าลึกสุดปอดกับฉากนี้ เทพจักรพรรดิอัคคีทรงพลังแท้จริง แค่เพียงมองพลังงานของเขาก็เกือบจะทำให้คลื่นหลิงของทุกคนถูกแผดเผาไปแล้ว หากไม่ใช่การเตือนของเขา ร่างพวกเขาคงจะลุกเป็นมนุษย์เพลิงไปแล้ว

เซียวเหยียนยิ้มให้จักรพรรดิสัประยุทธ์ จากนั้นก็สะบัดนิ้ว ดอกบัวลอยขึ้นบินไปหาอีกฝ่าย

การเคลื่อนที่ของดอกบัวเอื่อยเฉื่อยมาก แต่ก็ทำให้คนอื่นรู้สึกว่าไม่สามารถหนีพ้นไปได้ ราวกับว่าเพลิงนี้จะติดตามพวกเขาไป ไม่ว่าจะวิ่งไปที่ใดหรือจะเคลื่อนทะลุผ่านมิติก็ตาม

เมื่อมองไปที่ดอกบัว ใบหน้าของจักรพรรดิสัประยุทธ์ก็ฉายแววความเคร่งขรึม เขารู้สึกถึงการคุกคามจากเปลวไฟ

“ชื่อเสียงของเทพจักรพรรดิอัคคีสมฐานะอย่างแท้จริง!”

จักรพรรดิสัประยุทธ์พึมพำ จากนั้นก็ไม่รอช้ามือประสานกันสร้างตราประทับ แสงสีทองแวววาวก่อร่างเป็นดวงอาทิตย์สีทองลุกโชน ท่ามกลางดวงอาทิตย์เหมือนจะมีร่างเงาคนอยู่

ฮึ่ม!

ดวงอาทิตย์สีทองผันผวนด้วยคลื่นพลังงานหลิงขนาดใหญ่ ทำให้ชั้นฟ้าและชั้นดินสั่นสะเทือนเลื่อนลั่น

มู่เฉินจ้องมองดวงอาทิตย์สีทอง สีหน้าก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย เขาสามารถสัมผัสได้ถึงความแปรปรวนของรัศมีจั้นยี่จากคลื่นหลิงสีทองนั่น

จักรพรรดิสัประยุทธ์สามารถหลอมรวมคลื่นหลิงเข้ากับรัศมีจั้นยี่!

นี่เป็นความสำเร็จที่ไม่น่าเชื่อจริงๆ เนื่องจากรัศมีจั้นยี่มีต้นกำเนิดจากเจตจำนงทรงพลังแตกต่างจากคลื่นหลิงโดยพื้นฐาน แม้ว่ามู่เฉินจะเป็นจั้นเจิ้นซือ แต่เขาก็ไม่สามารถหลอมรวมคลื่นหลิงและรัศมีจั้นยี่เข้าด้วยกันได้อย่างสมบูรณ์แบบเช่นนี้

นั่นเป็นเพราะไม่ว่ารัศมีจั้นยี่จะทรงพลังแค่ไหน แต่ก็ไม่ใช่พลังของเขา

แต่ในตอนนี้จักรพรรดิสัประยุทธ์กลับทำสำเร็จ ดังนั้นมู่เฉินจะไม่ตกใจได้อย่างไร?

ขณะที่มู่เฉินตกตะลึง ดวงอาทิตย์สีทองก็ถักทอเป็นหม้อกลั่นขนาดใหญ่ เงาจำนวนนับไม่ถ้วนสลักอยู่บนนั้น ราวกับว่าเป็นกองทัพหนึ่งเลยทีเดียว

“หม้อกลั่นสงครามไร้พ่าย!”

จักรพรรดิสัประยุทธ์แผดเสียง หม้อสีทองก็พุ่งลงมากลืนกินดอกบัวเพลิงงดงาม

หม้อกลั่นลอยอยู่บนท้องฟ้าพร้อมกับเสียงคำรามนับไม่ถ้วนดังก้องออกมา

“หม้อกลั่นของข้ามีกองทหารนับล้าน ยิ่งเมื่อรวมเข้ากับพลังงานหลิง แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนก็จะติดอยู่ข้างใน” เสียงของจักรพรรดิสัประยุทธ์ดังขึ้นอย่างภาคภูมิ

“ไม่ธรรมดาจริงๆ” เซียวเหยียนพยักหน้าเห็นด้วยก่อนจะยิ้ม “แต่แม้ว่าหม้อใหญ่นั่นจะทรงพลัง แต่ก็ไม่สามารถทนความร้อนจากเพลิงได้…”

ทันใดนั้นทุกคนก็แหงนมองเงาบนหม้อกลั่นที่เริ่มหายไปด้วยเพลิงที่คืบคลานเข้าไปอย่างรวดเร็ว แสงสีทองไร้ขอบเขตราวกับหิมะที่ถูกไฟละลาย

จักรพรรดิสัประยุทธ์หดตาแคบลงกับภาพนี้

ฟู่ ฟู่!

เพลิงพวยพุ่งอย่างต่อเนื่อง อึดใจถัดมาของเหลวสีทองในหม้อกลั่นก็รั่วไหล

โห่

ความโกลาหลแผ่กระจายขณะที่ทุกคนตกใจ ไม่มีใครคิดว่าการต่อสู้ระหว่างจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนสองคนจะแสดงผลลัพธ์รวดเร็วขนาดนี้

ยามนี้กระทั่งพวกเขาก็บอกได้ว่าเพลิงจักรพรรดิของเทพจักรพรรดิอัคคีครอบงำมากกว่า

จักรพรรดิสัประยุทธ์อึ้งไปชั่วครู่ก่อนที่จะมองเทพจักรพรรดิอัคคีด้วยสายตาที่ซับซ้อน “ที่แท้เจ้าไปถึงระดับนั้นแล้ว…”

การปะทะระหว่างทั้งสองไม่มีฉากทำลายล้างเหมือนที่ทุกคนคิด แต่ทันทีที่ผลการต่อสู้เผยออกมา จักรพรรดิสัประยุทธ์ก็รู้ว่าตนเองไม่สามารถเอาชนะเทพจักรพรรดิอัคคีได้

“ทรงพลังอย่างแท้จริง…ไม่น่าแปลกใจแม้แต่หมัวเฮอเทียนเผ่าหมัวเฮอก็ไม่สามารถทำอะไรเจ้าได้”

“ก็แค่ชนะแบบเส้นยาแดงผ่าแปดน่ะ” เซียวเหยียนไม่แสดงอาการเย่อหยิ่งขณะที่ยิ้มบาง

จักรพรรดิสัประยุทธ์โบกแขนเสื้อ “แพ้ก็คือแพ้ ข้าจะไม่เอาเรื่องกับตระกูลลั่วเสินอีก”

เซียวเหยียนมองไปที่จักรพรรดิสัประยุทธ์พลางยิ้มให้ “เจ้าลืมมู่เฉินไปรึเปล่า”

เซียวเหยียนเป็นใคร จะไม่รู้ความหมายเบื้องหลังคำพูดจักรพรรดิสัประยุทธ์ได้อย่างไร เขาพูดเพียงว่าไม่เอาเรื่องกับตระกูลลั่วเสิน แต่เขาไม่ได้รวมกลุ่มมู่เฉินไปด้วย

จักรพรรดิสัประยุทธ์ขมวดคิ้ว “เจ้าหนุ่มนั่นพาสมาชิกตำหนักมู่เข้ามายุ่งเกี่ยวเรื่องของทวีปซีเทียน ไม่เคารพต่อตำหนักซีเทียน ข้าจะไม่ลงโทษเขาได้ยังไง?”

เซียวเหยียนไม่โกรธกลับยิ้ม “หยุดทำเรื่องยุ่งยากซะ มู่เฉินไว้หน้าเจ้าโดยการแค่เชิญข้ามา”

ตอนที่เขาพูด ไม่เพียงแต่จักรพรรดิสัประยุทธ์จะขมวดคิ้ว แม้แต่คนอื่นก็งงไปตามกัน

“ฮ่าๆ เป็นเกียรติที่เทพจักรพรรดิอัคคีมาที่ทวีปซีเทียนของข้า” จักรพรรดิสัประยุทธ์เค้นเสียงเย็น เห็นชัดว่าคิดว่าเซียวเหยียนกำลังโอ้อวดตนเอง

เซียวเหยียนส่ายหัวด้วยรอยยิ้มก่อนที่จะชี้ไปที่มู่เฉิน “มู่เฉินมีวัตถุอีกชิ้นที่สามารถเชิญผู้ช่วยคนอื่นได้ คนที่มีแค้นฝังลึกกับเจ้า ข้าเชื่อว่าเจ้าคงไม่ต้องการเห็นคนคนนั้น”

“โอ้?” จักรพรรดิสัประยุทธ์ยิ้มด้วยดวงตาหรี่ลง “งั้นข้าคนนี้ขอทราบหน่อยว่าใครในมหาพันภพที่ข้าไม่อยากเห็นหน้า?”

เซียวเหยียนจ้องไปที่จักรพรรดิสัประยุทธ์ด้วยรอยยิ้มที่ลึกล้ำตอบอย่างช้าๆ ว่า “เทพจักรพรรดิสงคราม—หลินต้ง”

เมื่อเขาพูดจบทุกคนก็เห็นใบหน้าของจักรพรรดิสัประยุทธ์มืดครึ้มลงทันที

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler ฟรี ได้ที่ novel-fast 


เรื่องย่อ

โดย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler บางส่วนของนิยาย

บทนำ

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป

‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้

แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์

แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว

ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ

เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง?

ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน…

เรื่องย่อ

เมื่อคำพูดของมู่เฉินกระจายออกไป ไม่เพียงแต่จะไม่มีการตอบสนอง แม้แต่ด้านนอกเจดีย์ก็ถูกห่อหุ้มด้วยบรรยากาศราวกับป่าช้า…

ทุกคนตกตะลึงไปกับฉากนี้ พวกเขาจ้องมองจุดที่ลู่สุยหายตัวไป ราวกับว่ายังไม่สามารถฟื้นจากอาการตะลึงงันที่เกิดขึ้นได้

ก่อนหน้าเมื่อลู่สุยออกกระบวนท่าที่น่าสะพรึง ผู้คนส่วนใหญ่ก็คิดว่าผลลัพธ์ของการต่อสู้ได้ถูกกำหนดแล้ว ทว่าพวกเขาไม่คิดเลยว่ามู่เฉินจะพลิกสถานการณ์ได้อีกครั้ง เตะลู่สุยที่เหมือนจะคว้าชัยชนะออกไป

ทุกคนตะลึงไปพักใหญ่ ก่อนที่พวกเขาจะหลุดออกจากอาการได้ สายตาเคร่งเครียดลง การประลองกันครั้งนี้มู่เฉินไม่ได้ใช้ค่ายกล แต่เขาก็สามารถเอาชนะจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดอย่างลู่สุยได้ด้วยความแข็งแกร่งที่อยู่ในขั้นหกเท่านั้น แม้ว่าจะมีผลจากลู่สุยประมาทเองในตอนแรก แต่นั่นก็แสดงให้เห็นว่ามู่เฉินน่ากลัวแค่ไหน

พลังเช่นนี้เขาสามารถเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์อันดับต้นๆ ในเจดีย์ฝึกพลังกายได้เลยทีเดียว

ทางฝั่งกลุ่มกระเรียนฟ้า ใบหน้าของหลิ่วชิงกลายเป็นเขียวสลับขาว นางมองไปที่ร่างสูงโปร่งบนหน้าจอ กลืนน้ำลายเหนียวหนืด ความกลัวปรากฏในดวงตาของนางเป็นครั้งแรก

มาถึงจุดนี้นางคงโง่แน่ถ้ายังคิดปฏิบัติต่อมู่เฉินเหมือนกับจอมยุทธ์ขั้นหกทั่วไป

ด้วยพลังในการต่อสู้ที่เขาแสดงออกมา บวกกับค่ายกลทรงพลัง แม้แต่จงเถิงก็ยากจะได้เปรียบหากพวกเขาต่อสู้กัน

ก่อนหน้านี้นางหัวเราะเยาะและมองจิ่วโยวด้วยความดูถูก แต่ตอนนี้นางอายแทบแทรกแผ่นดินหนี ซึ่งจุดนี้รู้ได้จากสายตาเยาะเย้ยเหล่านั้นที่ปรายมองเข้ามา

“ทำไมมู่เฉินถึงทรงพลังเช่นนี้?” จงฮั้วที่พ่ายแพ้ให้กับมู่เฉินก็มีสีหน้าเคร่งขรึมเช่นกัน ก่อนหน้านี้เขาเคยคิดเช่นกันว่ามู่เฉินพึ่งพาเพียงค่ายกลเพื่อจัดการกับศัตรู แต่ใครจะคิดว่าเมื่อไม่มีการใช้ค่ายกลมู่เฉินก็สามารถเอาชนะลู่สุยแบบดุร้ายยิ่งกว่าอะไร

“ดูเหมือนว่ามีเพียงพี่ใหญ่จงเถิงเท่านั้นที่สามารถจัดการกับเขาได้” จอมยุทธ์อีกคนของเผ่ากระเรียนฟ้าพยักหน้า

หลิ่วชิงพยักหน้าเบาๆ ไม่เพียงแต่พวกเขาจะพิจารณาพลังของมู่เฉินพลาดไปเท่านั้น แม้แต่จงเถิงก็ตัดสินอีกฝ่ายผิดไป ชายคนนั้นเป็นสัตว์ประหลาดอย่างแท้จริง

ฟิ้ว!

ขณะที่นอกเจดีย์ต่างตกตะลึงกับผลลัพธ์ที่มู่เฉินนำมา ทันใดนั้นแสงก็กะพริบบนแท่นนอกเจดีย์ ร่างน่าสังเวชปรากฏขึ้น

เมื่อร่างนั้นออกมาก็รีบถอยกลับไปปรากฏตัวขึ้นในกลุ่มอีกาสายฟ้าทันควัน นี่ก็คือลู่สุยที่มีสีหน้าซีดขาว คลื่นหลิงของเขาถดถอยลงอย่างมาก

สายตาโดยรอบยิงเข้าหาในเวลานี้ทันที

ใบหน้าของลู่สุยเขียวคล้ำ สายตาเกลียดชังมองไปที่มู่เฉินที่อยู่บนหน้าจอ ก่อนที่จะหันหัวสาดสายตาดุร้ายใส่จิ่วโยวและมั่วหลิง ที่ข้างๆ พรรคพวกของเขาก็มีท่าทางไม่ดีเช่นกัน

ทว่าจิ่วโยวไม่กลัวที่จะเผชิญหน้ากับสายตาเหล่านั้น นางเค้นเสียงอย่างเย็นชา “ลูกหมาที่ถูกฟาดยังกล้าที่จะออกมาแยกเขี้ยวอีกเหรอ?”

ตอนนี้ลู่สุยบาดเจ็บสาหัส สูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไปหมด ส่วนคนที่เหลือก็ไม่มีอะไรต้องกลัว หากพวกเขากล้าที่จะคิดบัญชีกับพวกนาง จิ่วโยวก็ไม่คิดปล่อยพวกเขาไว้เป็นภัยคุกคามในอนาคตหรอก

สายตาแสดงความเกลียดชังของลู่สุยจ้องเขม็งอยู่ที่จิ่วโยว แต่สุดท้ายเขาก็ต้องถอนสายตาออกไปอย่างไม่เต็มใจ ก่อนที่จะถอยกลับนั่งลงบนซากปรักหักพังเข้าสมาธิเพื่อฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ

จอมยุทธ์กลุ่มอีกาสายฟ้าก็ปรากฏรอบตัวเขาเพื่อปกป้อง

เมื่อจิ่วโยวเห็นการตอบสนองนั่น นางก็ไม่ได้ใส่ใจกับพวกเขาอีก นางมองไปที่หน้าจออีกครั้งโดยพุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่ร่างเงาอ่อนเยาว์ มือที่กำแน่นผ่อนคลายลง

เห็นได้ชัดว่านี่เป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงสำหรับนางที่มู่เฉินจะเอาชนะได้เด็ดขาดแบบนี้ นั่นเป็นเพราะตามการประเมินของนางแม้ว่ามู่เฉินจะยืนยงอยู่ได้ก็เป็นยากที่จะเอาชนะลู่สุยด้วยขุมพลังจื้อจุนขั้นหกและถ้าการต่อสู้ถูกลากไปจนสุดอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบคาดไม่ถึง

ทว่าผลลัพธ์สุดท้ายที่ได้ก็ทำให้นางทั้งประหลาดใจและดีใจ

เห็นได้ชัดว่ามู่เฉินได้รับประโยชน์มหาศาลจากสามชั้นแรกของเจดีย์ฝึกพลังกาย ไม่เช่นนั้นเขาไม่สามารถแสดงพลังเป็นที่ประจักษ์เช่นนี้ได้

“ว่ากันว่าในชั้นสี่มหัศจรรย์กว่านี้มาก หากใครสามารถเข้าไปได้ พวกเขาจะสามารถได้รับผลประโยชน์เกินกว่าสามชั้นแรกมาก…”

จิ่วโยวยิ้มบาง ดูจากสถานการณ์ปัจจุบันไม่น่ามีปัญหาใดๆ ที่มู่เฉินจะเข้าสู่ชั้นสี่ สำหรับมั่วเฟิงความแข็งแกร่งของเขาเป็นหนึ่งในอันดับต้นของกลุ่มที่เข้าไป ดังนั้นจึงไม่ยากสำหรับเขาที่จะได้หนึ่งในห้าที่นั่งนี้ไปเช่นกัน

ดูเหมือนว่าการเดินทางมาที่เจดีย์ฝึกพลังกายโบราณครั้งนี้เผ่าวิหคโลกันตร์อาจเป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

บนลานเมฆสายฟ้า

ไม่มีใครตอบคำถามของมู่เฉิน ขณะนี้แม้แต่จอมยุทธ์ทรงอำนาจอย่างหานซันและสีคุนก็ยังรู้สึกหวาดระแวงมู่เฉินอยู่บ้าง ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกที่จะไม่ไปปะทะกับมนุษย์ผู้นี้

ดังนั้นคนทั้งหมดที่อยู่ที่นี่จึงเงียบลง ก่อนที่จะถอยออกจากรัศมีโดยรอบมู่เฉินอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณบอกว่าพวกเขาไม่ต้องการต่อสู้กับเขา

เมื่อมู่เฉินเห็นภาพนี้ก็ไม่มีอารมณ์ใดบนใบหน้า แต่ในใจกลับรู้สึกโล่งอก คนอื่นๆ เห็นเพียงฉากการต่อสู้ตระการที่เขาเอาชนะลู่สุยได้ แต่พวกเขาไม่รู้หรอกว่าหมัดที่เขาชกออกไปก่อนหน้านี้คือพลังงานส่วนเกินจากสามชั้นแรก

ร่างกายของมู่เฉินก่อนหน้าเปรียบเสมือนฟองน้ำที่ดูดซับน้ำจนถึงขีดจำกัด หมัดของเขาจึงเท่ากับบีบน้ำออกจนหมด ทำให้ร่างกายที่อัดแน่นกลับสู่สภาพเดิม

ดังนั้นถ้าให้เขาโจมตีแบบนั้นอีกครั้ง พลังก็จะไม่ทรงประสิทธิภาพเหมือนเมื่อครู่แน่นอน

ประสิทธิผลพิเศษชนิดนี้ของการสะสมพลังงานในร่างกายเป็นทักษะที่ได้มาจากกายามังกรหงส์ ด้วยวิธีนี้เขาจะได้รับผลลัพธ์ที่ไม่มีใครคาดคิดไว้ กลายเป็นไพ่ลับอีกใบหนึ่ง

“คัมภีร์หลงเฟิ่งทรงพลังจริงๆ”

แม้แต่มู่เฉินก็ยังชื่นชมในสิ่งนี้ คัมภีร์หลงเฟิ่งสมแล้วที่เป็นทักษะยอดเยี่ยมแท้จริง จากการประเมินของเขาคัมภีร์นี้ต้องอยู่ในระดับเสินทงแน่นอน ซึ่งไม่ธรรมดาแม้จะอยู่ในกลุ่มวิทยายุทธระดับเสินทงด้วย

มู่เฉินชื่นชมก่อนที่จะใจเย็นลง แม้ว่าตอนนี้จะไม่มีใครท้าทายเขา แต่เขาก็ไม่ตั้งใจที่จะท้าทายคนอื่นด้วยเช่นกัน เขายืนนิ่งบนตำแหน่งตนเองรอผลการคัดออก

สำหรับจงเถิง มู่เฉินรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นพวกยุแยงให้ลู่สุยมาปะทะกับเขา แต่เนื่องจากตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ดีในการจัดการ เขาจึงได้แต่ผลักแผนไปก่อน

แต่ถึงกระนั้นสายตาคมกล้าของมู่เฉินก็ยังจ้องเขม็งไปที่จงเถิง รอบตัวเต็มไปด้วยคลื่นหลิงราวกับเสือดาวที่กำลังจะจ้องตะครุบเหยื่ออัดแน่นด้วยภัยคุกคาม

เมื่อเห็นท่าทางของมู่เฉิน จงเถิงที่ประจันหน้ากับมั่วเฟิงก็รู้สึกอึดอัดใจ เขาต้องแยกสมาธิอยู่ตลอดเพื่อจับตามองมู่เฉิน ป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายเคลื่อนไหวมาประสานพลังกับมั่วเฟิง

ด้วยวิธีนี้สมาธิของจงเถิงจึงค่อนข้างฟุ้งซ่าน สุดท้ายเขาได้แต่กัดฟัน ถอนคลื่นหลิงและถอยออกจากบริเวณของมั่วเฟิง

“พี่มั่วยากสำหรับการต่อสู้ของเราที่จะได้ข้อสรุป ทำไมเราไม่ไปจัดการคนอื่นและรับที่นั่งมาล่ะ?” ขณะที่จงเถิงถอยกลับเสียงก็สะท้อนก้องไปด้วย

มั่วเฟิงจ้องมองจงเถิงอย่างไม่แยแสก่อนที่จะพยักหน้า นั่นเป็นเพราะเขารู้ว่าหากพวกเขายังอยู่ในสถานการณ์ยืนจ้องหน้ากันก็จะไม่เกิดผลลัพธ์ใด หากเขาร่วมมือกับมู่เฉิน พวกเขาอาจทำให้จงเถิงบ้าดีเดือดขึ้นมา แม้แต่พวกเขาก็ต้องจ่ายราคามหาศาลจากการตีโต้

ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับพวกเขาคือการได้ที่นั่งเพื่อเข้าสู่ชั้นสี่

เมื่อจงเถิงเห็นคำตอบของมั่วเฟิงก็รู้สึกโล่งใจในใจ เขาถอยกลับอย่างรวดเร็วออกจากจุดที่มู่เฉินและมั่วเฟิงอยู่ เขาครุ่นคิดสั้นๆ ก่อนจะเลือกปะทะกับคนที่อ่อนแอกว่า

พอมู่เฉินเห็นจงเถิงไปแล้วก็ไม่ได้ใส่ใจอีกต่อไป สายตาหันมามองมั่วเฟิงแล้วก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้มแสดงความขอบคุณในการช่วยเหลือครั้งนี้

สายตาของมั่วเฟิงเป็นมิตรมากขึ้น คิดว่าการที่มู่เฉินเอาชนะลู่สุย ทำให้มั่วเฟิงมองมู่เฉินในฐานะจอมยุทธ์ที่อยู่ในระดับเดียวกันกับเขา ดังนั้นจึงไม่ได้มีท่าทางเฉยเมยเหมือนเมื่อก่อน

มั่วเฟิงพยักหน้าให้มู่เฉิน ก่อนที่จะหันหลังกลับและเริ่มเลือกคู่ต่อสู้ของตนเอง

ครืน!

เมื่อทุกคนเลือกคู่ต่อสู้แล้ว ทันใดนั้นคลื่นหลิงก็ระเบิดรุนแรงบนลานเมฆสายฟ้า คลื่นกระแทกกวาดออก ทำให้มิติเกิดการสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นไม่หยุด

บนลานเมฆสายฟ้าพลังงานหลิงกวาดหายนะ มีเพียงตรงมู่เฉินเท่านั้นที่ไม่ถูกรบกวน เนื่องจากไม่มีใครกล้าเหยียบเข้ามาในรัศมีพันจั้ง ยามนี้เขาเหมือนผู้ชมที่ดูการต่อสู้ติดขอบ ในเวลาเดียวกันก็บันทึกกระบวนท่าที่ทรงพลังของบางคนไว้ในสมอง

แม้ว่าในชั้นนี้พวกเขาอาจไม่ได้ประลองกัน แต่ก็ยังมีอีกสองชั้นรอพวกเขาอยู่ ใครจะสามารถรับประกันได้ว่าจะไม่มีการลดจำนวนลงในชั้นต่อไป?

ดังนั้นถ้ามีโอกาสเขาต้องพยายามจดจำข้อมูลผู้อื่นเก็บไว้

ภายใต้การสังเกตของมู่เฉิน การประลองบนลานเมฆสายฟ้าก็คงอยู่ชั่วระยะหนึ่ง ก่อนที่แต่ละคู่จะมาถึงจุดสิ้นสุด ผลลัพธ์ก็เป็นไปตามที่คาดไว้

หลังจากมู่เฉินก็เป็นหานซันที่เอาชนะคู่ต่อสู้ได้ที่นั่งที่สองไป

จากนั้นมั่วเฟิงและจงเถิงก็คว้าชัยชนะตามมา

ที่นั่งสุดท้ายตกเป็นของสีคุนที่ก่อนหน้านี้เคยแพ้หานซันที่ด้านนอกเจดีย์ ชายนี้มีความแข็งแกร่งที่น่าตกใจ แม้แต่หานซันยังต้องใช้ทักษะเต็มที่ถึงจะได้รับชัยชนะมา

เมื่อสีคุนได้รับที่นั่งสุดท้ายลานเมฆสายฟ้าขนาดใหญ่ก็เงียบลงอีกครั้ง ร่างทั้งห้ายืนอยู่ ขณะรัศมีไร้ขอบเขตทั้งห้าสายพุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าชนกันเปรี้ยงปร้าง

ทว่าการชนกันก็ดำเนินไปเพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ ก่อนที่ทั้งห้าจะถอนคลื่นพลังพร้อมกัน พวกเขาเหลือบมองกันและกัน จากนั้นก็ไม่ลังเลทะยานออกไปปรากฏตัวบนเบาะทั้งห้า

สายตาพวกเขาพุ่งตรงไปยังมิติด้านหลังลานเมฆสายฟ้าด้วยความโลภ ตรงนั้นเส้นดาวหางจำนวนมากกวาดผ่านราวกับฝนดาวตก

ในแสงเหล่านั้นแก่นหยดสายฟ้ากำลังกะพริบด้วยความแวววาว


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท