บทที่ 1227 นักรบทวีป
“ตำแหน่งสำหรับนักรบทวีป?”
คิ้วจักรพรรดิสัประยุทธ์ถึงกับขมวดแน่นขณะที่ตอบโดยไม่ลังเล “เป็นไปไม่ได้! เจ้าก็รู้ดีว่าตำแหน่งนักรบทวีปทรงคุณค่าเพียงใด นั่นอาจถือเป็นจอมยุทธ์ระดับเทียนจื้อจุนเลยทีเดียว ด้วยขนาดปัจจุบันของทวีปซีเทียน แม้ว่าทวีปนี้จะนิ่งมาหลายร้อยปี ก็สามารถสร้างนักรบทวีปได้เพียงสามคนเท่านั้น!”
จักรพรรดิสัประยุทธ์ปฏิเสธเด็ดขาดเพราะทรัพยากรเหล่านี้มีค่ามากเกินไป
มีเพียงจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนเท่านั้นที่สามารถควบคุมพลังทวีปได้ ดังนั้นสิ่งนี้จึงเป็นสิ่งที่ตำหนักซีเทียนเอาไว้ล่อจอมยุทธ์หลากหลายให้เข้าสวามิภักดิ์
ยิ่งกว่านั้นตามกฎของตำหนักซีเทียนมีเพียงขั้วอำนาจและจอมยุทธ์ที่เข้าร่วมเป็นเวลาสิบปีแล้ว ถึงจะมีคุณสมบัติในการแข่งขันเพื่อชิงตำแหน่งนักรบทวีปนี้
นี่เป็นสิ่งที่แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นเต็มยังถูกดึงดูด
ดังนั้นเมื่อเขาได้ยินเกี่ยวกับความตั้งใจของเทพจักรพรรดิอัคคีจึงเผยการแสดงออกเช่นนี้
ท้ายที่สุดแล้วนักรบทวีปทุกคนล้วนมีศักยภาพที่จะก้าวเข้าสู่ระดับเทียนจื้อจุน อย่างน้อยโอกาสประสบความสำเร็จจะสูงเมื่อเทียบกับคนอื่น
“นักรบทวีปคืออะไร?” มู่เฉินรู้สึกงงขณะที่ถามลั่วหลี
ลั่วหลีมีความรู้ในเรื่องนี้โดยธรรมชาติ ดังนั้นนางจึงอธิบายให้มู่เฉินฟังโดยละเอียด นี่ทำให้เขาตะลึงไป
เขาไม่เคยคิดเลยว่าเทพจักรพรรดิอัคคีจะยื้อยุดโอกาสเช่นนี้สำหรับเขา
“เทพจักรพรรดิอัคคีแคว้นหวู่จิ้งฮั่วกว้างใหญ่และมีจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนมากกว่าหนึ่งคน เจ้าสามารถสร้างนักรบทวีปได้มากกว่าทวีปซีเทียน ทำไมเจ้าถึงวางความตั้งใจไว้ที่ข้า” จักรพรรดิสัประยุทธ์กล่าวน้ำเสียงแข็งกร้าว
เซียวเหยียนยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ “แคว้นหวู่จิ้งฮั่วเพิ่งเป็นเจ้าภาพไปเมื่อร้อยปีก่อน พลังงานทวีปหมดลงแล้ว คงต้องใช้เวลาอีกร้อยปีในการฟื้นฟู”
“แต่อย่าเพิ่งด่วนปฏิเสธ ข้าแค่ต้องการสิทธิ์ที่จะต่อสู้เพื่อตำแหน่งนี้ ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับความสามารถของมู่เฉินเองว่าจะได้รับไหม ถ้าเขาแพ้ก็เป็นปัญหาของเขาเอง”
เมื่อพูดถึงจุดนี้ เซียวเหยียนก็ล้อเลียน “หรือว่าจักรพรรดิสัประยุทธ์คิดว่าจอมยุทธ์ในทวีปเจ้าอ่อนแอกว่ามู่เฉิน?”
จักรพรรดิสัประยุทธ์เค้นเสียงเย็นเงียบๆ พลางเหลือบมองมู่เฉิน “ก็แค่จอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นต้น เขาไม่สามารถทำสร้างแรงกระเพื่อมใดๆ ในทวีปซีเทียนได้ ไม่ต้องพูดถึงการแย่งชิงตำแหน่งนักรบทวีปเลย”
“งั้นเจ้าเป็นห่วงอะไร?” เซียวเหยียนยิ้มตาหยี
จักรพรรดิสัประยุทธ์เอ่ยเสียงขึ้นจมูก “ทุกเรื่องไม่มีความแน่นอน ไอ้เด็กนี่มีกลยุทธ์หลายอย่าง ถ้าเกิดมันสำเร็จขึ้นมาจะทำอย่างไร? ข้าไม่สูญเสียครั้งใหญ่เลยเรอะ?”
“นอกจากนี้กลุ่มต่างๆ และจอมยุทธ์ภายใต้ตำหนักซีเทียนจ่ายความภักดีของพวกเขาเพื่อการแข่งขันชิงตำแหน่งนักรบทวีป พวกเขาทำหลายสิ่งเพื่อทวีปซีเทียนของข้า ถ้าข้าให้ไอ้เด็กนี่เข้าร่วมการแข่งขันจะไปอธิบายกับพวกเขาอย่างไร?”
“ดังนั้นเจ้าไม่ต้องสุมไฟซะให้ยาก ข้าไม่ให้สิทธิ์เขาหรอก”
เมื่อมู่เฉินเห็นสิ่งนี้ เขาก็กดเสียงต่ำลงพูดกับเซียวเหยียนว่า “ข้าซาบซึ้งกับความตั้งใจของผู้อาวุโส ในเมื่อจักรพรรดิสัประยุทธ์ไม่เต็มใจ ก็อย่าสามารถบังคับเขาเลย”
แม้ว่านักรบทวีปจะดึงดูด แต่เขาไม่ต้องการให้เทพจักรพรรดิอัคคีขอร้องให้ มิฉะนั้นเขาจะติดหนี้บุญคุณยิ่งใหญ่เกินไป
เซียวเหยียนยิ้มบาง “ข้าช่วยให้เจ้าได้รับโอกาสนี้ไม่ใช่เพราะเรื่องส่วนตัวอะไร ข้าหวังว่าจะมีจอมยุทธ์ระดับข้าปรากฏในมหาพันภพขึ้นอีกคน และเจ้ามู่เฉินมีคุณสมบัตินี้”
“แม้ว่ามหาพันภพจะสงบสุข แต่เผ่าปีศาจต่างมิติก็รอคอยโอกาสเสมอ พลังของพวกมันเป็นสิ่งที่เจ้าไม่สามารถจินตนาการได้ มากจนข้ารู้สึกไม่สบายใจ ดังนั้นเราต้องการจอมยุทธ์ทรงพลังในมหาพันภพมากขึ้นเพื่อป้องกันไม่ให้สถานการณ์นั้นเกิดขึ้น…”
“ตอนนี้ในบรรดาทวีปที่มีจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนก็มีเพียงทวีปซีเทียนเท่านั้นที่จะมีการชิงตำแหน่งนักรบทวีป ดังนั้นเราไม่สามารถปล่อยให้โอกาสนี้ผ่านไปได้”
มู่เฉินอึ้งไป อย่างแรกเนื่องจากเขาไม่คิดเลยว่าเซียวเหยียนจะมองเขายิ่งใหญ่และรู้สึกว่าเขามีคุณสมบัติที่จะไปถึงยอดพีระมิด อย่างที่สองเขารู้สึกชื่นชมเซียวเหยียนมาก เพราะชายผู้นี้ช่วยเขาขนาดนี้เพื่อการอยู่รอดของมหาพันภพ
เซียวเหยียนโบกมือก่อนที่จะมองจักรพรรดิสัประยุทธ์ “ข้าไม่ได้ขอสิทธิ์ของจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นต้นสำหรับมู่เฉิน แต่เป็นสิทธิ์ของจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลาย”
ใบหน้าของจักรพรรดิสัประยุทธ์เปลี่ยนไปจากคำพูดเหล่านี้ ก่อนที่เขาจะมองมู่เฉินเอ่ยล้อเลียนว่า “เทพจักรพรรดิอัคคี เจ้ามองเด็กนั่นสูงเกินไป”
มีสนามรบสามแห่งสำหรับนักรบทวีป ซึ่งแบ่งออกเป็นระดับตี้จื้อจุนขั้นต้น-ปลาย-เต็ม
หมายความว่าผู้เข้าร่วมการแข่งขันจะได้รับสิทธิ์ตามขุมพลังที่มี
ทุกสนามรบจะมีตำแหน่งนักรบทวีปหนึ่งที่ ในเวลาเดียวกันก็เป็นตัวแทนของสามขั้นในระดับตี้จื้อจุน เพราะถ้าสู้รวมกันตำแหน่งทั้งสามคงถูกครองโดยจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นเต็ม ซึ่งส่วนมากต่างผ่านช่วงเวลาที่มุ่งมั่นไปแล้ว ทำให้โอกาสในการบรรลุขุมพลังเทียนจื้อจุนต่ำกว่าจอมยุทธ์ตี้จื้อจุนขั้นต้น ขั้นปลายเสียอีก ดังนั้นการชิงตำแหน่งนักรบทวีปจึงมีกฎเช่นนี้ขึ้น
ขุมพลังของมู่เฉินอยู่ในระดับตี้จื้อจุนขั้นต้น ดังนั้นก็ควรเข้าสู่สนามรบสำหรับขั้นนี้ ทว่าเซียวเหยียนกลับกล่าวว่าจะขอสิทธิ์เข้าร่วมของระดับตี้จื้อจุนขั้นปลาย ซึ่งเป็นเรื่องตลกในสายตาของจักรพรรดิสัประยุทธ์
ท้ายที่สุดแม้ว่าทักษะของมู่เฉินจะทำให้ตัวเขาไปอยู่ในอันดับต้นๆ ของระดับตี้จื้อจุนขั้นต้น แต่เขาก็ยังขาดไปเมื่อเทียบกับระดับตี้จื้อจุนขั้นปลาย
ดังนั้นเสี่ยหลิงจื่อและจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนส่วนใหญ่จึงมองไปที่มู่เฉินด้วยความประหลาดใจ ทั้งหมดมีความคิดเดียวกัน เทพจักรพรรดิอัคคีประเมินความสามารถของมู่เฉินสูงเกินไป
“หึ เทพจักรพรรดิอัคคีมองมู่เฉินสูงเกินไป ไม่กลัวเขาจะร่วงลงมาตายเรอะ ตราบใดที่ไอ้เวรนี่เข้าสู่สนามรบระดับตี้จื้อจุนขั้นปลาย ก็คงไม่เหลือแม้แต่ซาก!” เสี่ยหลิงจื่อหัวเราะเยาะเย้ยในหัวใจ แต่ลึกๆ ในใจเขาภาวนาให้มู่เฉินได้รับอนุญาตเข้าสู่สนามรบระดับนี้ เพราะตัวเขาก็จะเข้าร่วมด้วย เมื่อถึงเวลานั้นถ้าเขาพบมู่เฉิน เขาก็สามารถฆ่ามู่เฉินทิ้งซะ เพราะหากมู่เฉินถูกฆ่าตายในสนามรบ ก็ได้แต่ตำหนิตัวเองที่ไร้ความสามารถเกินไป
“จักรพรรดิสัปะระยุทธ์คงรู้สึกสบายใจขึ้นที่ให้มู่เฉินไปอยู่ในสนามรบระดับตี้จื้อจุนขั้นปลายนะ? ถ้ามู่เฉินยังได้ตำแหน่งนี้… ข้าเชื่อว่าก็เป็นสิ่งที่เขาสมควรได้รับ” เซียวเหยียนยิ้ม
สายตาของจักรพรรดิสัประยุทธ์วูบไหว การปฏิเสธในใจแผ่วเบาลง ด้วยพลังในปัจจุบันของมู่เฉิน อาจมีโอกาสสูงที่จะได้รับตำแหน่งหากเข้าสู่สนามรบระดับตี้จื้อจุนขั้นต้น แต่ถ้าเขาถูกโยนเข้าไปในระดับตี้จื้อจุนขั้นปลายละก็ แม้แต่จักรพรรดิสัประยุทธ์ก็ไม่เชื่อว่ามู่เฉินจะทำอะไรได้
จอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลายคนไหนที่ไม่ฉลาดแกมโกงและทรงพลังบ้าง? การขว้างจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นต้นอย่างมู่เฉินเข้าไป ก็เหมือนกับการโยนกระต่ายไปในถ้ำของหมาป่า
กลับกันนี่เป็นสิ่งที่จักรพรรดิสัประยุทธ์ปรารถนาที่จะเกิดขึ้น แม้ว่าครั้งนี้เทพจักรพรรดิอัคคีจะทำให้สิ่งต่างๆ ผ่อนคลายลง เขาก็ยังคงโกรธแค้นต่อมู่เฉิน
แต่ด้วยเทพจักรพรรดิอัคคียื่นมือปกป้องมู่เฉินก็ไม่มีอะไรที่ทำได้ในตอนนี้ แต่ถ้ามู่เฉินเข้าสู่สนามรบระดับตี้จื้อจุนขั้นปลาย เขาก็เผยความตั้งใจในการจัดการ มู่เฉินก็ต้องยอมแพ้และถอยออกมาในสภาพน่าสมเพช
เมื่อคิดถึงฉากนั้น จักรพรรดิสัประยุทธ์ก็รู้สึกมีความสุขมากขึ้นในหัวใจ
แม้ว่าเขาจะคลายความตั้งใจ แต่เขาก็ไม่ใช่คนที่คุยกันได้ง่ายๆ เขาครุ่นคิดสั้นๆ พลางส่ายหัว “ข้าอยากให้หน้ากับเทพจักรพรรดิอัคคี แต่สิทธิ์มีค่ามากเกิน…”
เซียวเหยียนยิ้มแล้วสะบัดนิ้ว ลำแสงสายหนึ่งบินจากแขนเสื้อลอยไปที่เบื้องหน้าจักรพรรดิสัประยุทธ์ นี่เป็นเม็ดยาขนาดผลลำไย
เม็ดยาดูโปร่งใส รัศมีไหลเวียนอยู่รอบๆ เผยภาพมังกรและหงส์ฟ้า กลิ่นหอมอ่อนกำจายออกมา ทำให้ทุกคนรู้สึกถึงคลื่นหลิงในร่างกายที่เข้มข้นขึ้น
“นี่คือ…” จักรพรรดิสัประยุทธ์มองเม็ดยานี้ด้วยหัวใจที่เต้นไม่เป็นส่ำ เขาอดอุทานด้วยความประหลาดใจไม่ได้ “ยาเทวะมังกรหงส์?!”
นี่เป็นเม็ดยาเทพที่หายาก ซึ่งมีผลอย่างมากแม้กระทั่งจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุน เม็ดยาดังกล่าวมีความต้องการสูงในตลาดแต่ก็ไม่มีที่ซื้อขาย เวลาที่ปรากฏก็จะเกิดการแย่งชิงเลือดตาแทบกระเด็นจากจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนนับไม่ถ้วน
ทุกคนที่นี่มองเม็ดยาด้วยดวงตาแดงก่ำ ในมหาพันภพใครก็รู้ว่าไม่ใช่พลังของเทพจักรพรรดิอัคคีที่ทำให้คนอื่นอิจฉา แต่เป็นทักษะการเล่นแร่แปรธาตุที่หาใดเปรียบของเขา
ทุกสิ่งที่ผลิตโดยเทพจักรพรรดิอัคคีมีคุณภาพยอดเยี่ยม!
หลายคนแสวงหาเม็ดยาที่กลั่นโดยเทพจักรพรรดิอัคคี ดังนั้นนี่จึงทำให้แม้แต่ดวงตาของจักรพรรดิสัประยุทธ์ยังยิ้มแย้มแจ่มใสเมื่อเม็ดยาปรากฏที่เบื้องหน้า
“ด้วยยาเม็ดนี้ ข้าว่าเจ้าคงไม่ปฏิเสธใช่ไหม?” เซียเหยียนหัวเราะเบาๆ
จักรพรรดิสัประยุทธ์เบ้ปากคว้าเม็ดยาเทวะมังกรหงส์ ยาเม็ดนี้ช่างล่อลวงนัก แต่ปัจจัยสำคัญก็คือเทพจักรพรรดิอัคคียอมถอยให้บ้าง ดังนั้นหากเขายืนกรานปฏิเสธก็อาจทำให้อีกฝ่ายขุ่นเคืองใจ ตัวเขาไม่ได้มีความสัมพันธ์ที่ดีกับเทพจักรพรรดิสงคราม ถ้าเขาทำสิ่งที่เลวร้ายยิ่งขึ้นกับเทพจักรพรรดิอัคคีอีกคนละก็ งานนี้คงมีแต่จบเห่เท่านั้น
ดังนั้นเขาจึงเก็บเม็ดยาไว้ สายตาไม่แยแสมองไปที่มู่เฉินก่อนจะพยักหน้าเบาๆ ให้เทพจักรพรรดิอัคคี
“ข้าอนุญาตให้ไอ้หนูนี่มีส่วนร่วมในการแข่งขันสำหรับนักรบทวีปตามคำขอของเจ้า แต่สนามรบเต็มไปด้วยอันตราย หากเขาโชคร้ายตายที่นั่นก็เป็นความซวยของเขา โทษใครไม่ได้…”