หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – ตอนที่ 1231

ตอนที่ 1231

หนึ่งในใต้หล้า 大主宰
บทที่ 1231 ดินแดนโบราณ
บนยอดเขาด้านหลังวังลั่วเสิน

มู่เฉินนั่งอยู่บนก้อนหินสีเขียวต้อนรับสายลมพลิ้วไหวที่พัดผ่านเสื้อผ้าไป

ดวงตาทั้งสองข้างปิดสทิท ฝ่ามือวาดตราประทับ คลื่นหลิงไร้ขอบเขตส่งเสียงหวีดหวิวโดยรอบ ดูราวกับสายธารที่ถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกายของมู่เฉินที่เหมือนกับเป็นหลุมลึก

เมื่อเข้าสู่ขุมพลังตี้จื้อจุน ปริมาณคลื่นหลิงที่มู่เฉินสามารถกักเก็บได้นั้นเกินคณนา ก่อนขุมพลังตี้จื้อจุนทุกคนสามารถกักเก็บคลื่นพลังไว้ในจุดจื้อจุนไห่เท่านั้น แต่พอหลังจากบรรลุจุดจื้อจุนไห่ก็รวมเข้ากับร่างกาย ทุกส่วนของร่างกายจึงคล้ายกับทะเลพลัง ดังนั้นความสามารถในการบรรจุจึงเพิ่มขึ้นตามธรรมชาติ

หลังจากเข้าสมาธิสองชั่วโมงความปั่นป่วนทั้งหมดก็ค่อยๆ สงบลง มู่เฉินลืมตาขึ้น แสงหลิงในดวงตาจางหายไป

สัมผัสได้ถึงคลื่นหลิงที่ไร้ขอบเขตซึ่งไหลเวียนอยู่ภายในร่างกาย มู่เฉินก็หายใจออกเบาๆ แต่สายตาก็ต้องเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมเมื่อย้อนนึกถึงข้อมูลที่ลั่วหลีกล่าวไว้

“เทพจอมยุทธ์สี่คนของตำหนักซีเทียน”

มู่เฉินพึมพำกับตัวเอง ตามรายงานของลั่วหลี เทพจอมยุทธ์สามคนแรกเคยสังหารจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลายมาแล้ว ดังนั้นจึงไม่อาจประมาทได้

เขารู้ถึงความแตกต่างอย่างมากระหว่างการเอาชนะและสังหาร เนื่องจากจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนทุกคนมีพลังชีวิตที่สุดยอด ต่อให้ครึ่งหนึ่งของร่างกายจะถูกทำลายก็ยังสามารถฟื้นตัวกลับมาได้

การสังหารหมายถึงจะต้องทำลายพลังชีวิตทุกอณูให้สิ้นซาก เช่นเดียวกับที่มู่เฉินได้สังหารจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นต้นของตระกูลเสี่ยเสินไป

แต่การทำเช่นนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะสำเร็จ เพราะจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลาย ต่อให้สู้ไม่ได้ก็สามารถหนีไปได้ เว้นแต่อีกฝ่ายจะมีความแข็งแกร่งท่วมท้น

ในเมื่อเทพจอมยุทธ์ทั้งสามของตำหนักซีเทียนสามารถสังหารได้ นั่นหมายความว่าพลังของพวกเขาไม่อยู่ในขอบเขตธรรมดา

ครั้งนี้ทั้งสามจะเป็นอุปสรรคใหญ่ในการแข่งขันชิงตำแหน่งนักรบทวีปแน่นอน

ที่สำคัญที่สุดคือเขาสร้างความขุ่นเคืองให้กับจักรพรรดิสัประยุทธ์ แม้ว่าอีกฝ่ายจะลงมือเองไม่ได้เพราะมีเทพจักรพรรดิอัคคีกันไว้อยู่ แต่เทพจอมยุทธ์ทั้งสามคนจะต้องเปิดการปะทะกับเขาแน่ หากพวกเขาเผชิญหน้ากันในสนามรบ

ดังนั้นจึงไม่มีการประนีประนอมระหว่างมู่เฉินกับเทพจอมยุทธ์ทั้งสาม

เมื่อเทียบกับพวกเขา หลิ่วซิงเฉิน ซูมู่และฉู่เหมินยังด้อยกว่าไปเลย ถึงแม้ว่าพวกเขาจะมีประวัติของการเอาชนะที่คล้ายคลึงกัน

แต่ผลสำเร็จนี่ก็ยังไม่อาจเทียบได้กับเทพจอมยุทธ์ทั้งสาม

“ทวีปซีเทียนเป็นแหล่งมังกรซ่อนพยัคฆ์หมอบแท้จริง” มู่เฉินถอนหายใจ แม้ว่าทวีปซีเทียนจะไม่ได้เป็นมหาทวีป แต่ก็ยังคงแข็งแกร่งกว่าทวีปเทียนหลัวด้วยการดำรงอยู่ของจักรพรรดิสัประยุทธ์

ดังนั้นหากเขาต้องการรับหนึ่งในตำแหน่งนักรบทวีป การต่อสู้ดุเดือดเป็นสิ่งไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้

เป็นเพราะข้อมูลดังกล่าวทำให้มู่เฉินรู้สึกว่าถูกคุกคามเล็กน้อยในใจ ทว่าความมุ่งมั่นที่มีก็ไม่ทำให้หวั่นไหวเนื่องจากโอกาสนี้เป็นสิ่งที่เทพจักรพรรดิอัคคีช่วยต่อรองเพื่อเขา ดังนั้นเขาไม่สามารถยอมแพ้ได้

ฮา

มู่เฉินสูดลมหายใจลึกสุดปอด ดวงตาหลุบลงก่อนที่มือทั้งสองจะประสานกัน ระลอกความผันผวนปลดปล่อยออกจากร่างกาย เขาสามารถสัมผัสได้ถึงร่างรองทั้งสองในทะเลสาบสวรรค์

เมื่อสัมผัสได้ถึงการเชื่อมโยงที่น่าอัศจรรย์ มู่เฉินก็รู้สึกสบายใจขึ้น แม้ว่าเทพจอมยุทธ์ทั้งสามจะทรงพลัง แต่เขาก็ไม่ได้อ่อนแอ

วิชาสามพิสุทธิ์เป็นหนึ่งในไพ่ตายของเขาที่จะใช้จัดการกับจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลาย

เขาไม่เคยใช้วิชาสามพิสุทธิ์ตั้งแต่เริ่มฝึกฝน แต่เขามีลางสังหรณ์ว่าจะไม่ผิดหวังแน่นอน

ทว่าแม้เขาจะมีวิชาเทพที่ไม่มีใครเทียบได้ แต่มู่เฉินก็ยังไม่ได้นิ่งนอนใจ เพื่อความปลอดภัยเขาต้องมีทักษะมากขึ้นเพื่อเพิ่มอัตราความสำเร็จ

“ทักษะที่มากขึ้น”

มู่เฉินหลับตาไตร่ตรองอยู่นาน ก่อนที่จะลืมตาโพลงพร้อมกับความลังเลวูบไหวในนัยน์ตา นั่นเป็นเพราะเขานึกถึงทักษะที่เขาเก็บซ่อนเอาไว้นาน

วิชามหาเจดีย์ที่มารดาของเขาทิ้งเอาไว้ให้

นี่เป็นวิชาวางรากฐานของเผ่าฝูถู ซึ่งลึกซึ้งอย่างไม่น่าเชื่อ มู่เฉินฝึกฝนช่วงสั้นๆ เมื่อในอดีต แต่เนื่องจากเขากลัวที่จะเปิดเผยตัวตน ดังนั้นจึงเก็บซ่อนเอาไว้ แต่ตอนนี้เขาบรรลุระดับตี้จื้อจุนแล้ว ถือว่ามีความสามารถในปกป้องตัวเอง บางทีอาจถึงเวลาที่เขาจะต้องเริ่มฝึกอีกครั้ง

เผ่าฝูถูเป็นหนึ่งในเผ่าโบราณของมหาพันภพที่มีรากฐานที่น่ากลัว พวกเขาเป็นยักษ์ใหญ่ของแท้ ดังนั้นวิชามหาเจดีย์จะต้องไม่ธรรมดาเช่นกัน เพียงแต่ว่าในอดีตพลังของเขาไม่เพียงพอดังนั้นจึงไม่สามารถตีความได้อย่างลึกซึ้ง

แต่ในขณะนี้มู่เฉินเชื่อว่าการตีความจะแตกต่างไปอย่างสิ้นเชิง

ด้วยความคิดนี้ มู่เฉินก็ไม่ลังเลอีกต่อไปมือประสานเข้าด้วยกันทันที เสียงบทสวดคัมภีร์ต้าฝูถูดังกึกก้องอยู่ในใจ คลื่นหลิงไร้ขอบเขตในร่างกายเคลื่อนผ่านเส้นสายภายในวิชามหาเจดีย์

ฮึ่ม ฮึ่ม!

ยามนี้มู่เฉินหมุนวนวิชามหาเจดีย์ คลื่นหลิงไร้ขอบเขตก็ระเบิดออกมาจากภายใน เมื่อพลังงานรวมตัวกันเจดีย์สีดำน่าเกรงขามก็ค่อยๆ ก่อตัวขึ้นในร่าง

จิตใจมู่เฉินก็ค่อยๆ ดำดิ่งภายในบทสวดโบราณ

ลางสังหรณ์นี้ไม่ได้ทำให้มู่เฉินผิดหวัง ตั้งแต่เขาก้าวเข้าสู่ระดับตี้จื้อจุน ส่วนของข้อมูลที่เขาไม่สามารถเข้าใจได้ในอดีตก็ถูกลบล้างออกไปทันที ให้ความรู้สึกน่าอัศจรรย์ใจ

ความรู้สึกนี้ราวกับว่าเปิดม่านทักษะที่ลึกซึ้งนี้ออก เริ่มเข้าใจอย่างลึกซึ้งมากขึ้น

เวลาเคลื่อนผ่านไปโดยที่มู่เฉินดำดิ่งอยู่ข้างใน

หลายวันผ่านไปโดยที่เขาไม่รับรู้ ส่วนร่างเขาก็ไม่ขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวราวกับเป็นก้อนหิน

เมื่อลั่วหลีที่มาถึงเห็นมู่เฉินอยู่ในการฝึกฝนก็ไม่ได้รบกวน นางนั่งลงข้างกายอยู่นานก่อนที่จะผละไป

เวลาสิบวันผ่านไปในพริบตา

ในวันที่สิบร่างกายของมู่เฉินก็สั่นสะท้าน บทสวดของวิชามหาเจดีย์ที่ไหลเวียนอยู่ในห้วงแห่งจิตก็แยกออกจากกัน จากนั้นเนื้อหาคำพูดฝึกยุทธ์ที่ไม่คุ้นเคยก็ผุดขึ้นในใจ

“จงทำลายและใช้หัวใจนำทาง กลั่นรัศมีตกทอดเพื่อเจดีย์อันเป็นนิรันดร์”

มู่เฉินท่องในใจซ้ำๆ ก่อนที่จะเข้าใจ

“ที่แท้เป็นอย่างนี้รึ”

มู่เฉินพึมพำ เจดีย์สีดำก็เริ่มปรากฏรอยแตกร้าว ลำแสงพุ่งผ่านรอยแตกออกมา

เขาทำลายเจดีย์แล้ว!

รอยแตกพล่านปกคลุมไปทั่วเจดีย์ ในที่สุดก็ระเบิดออก แสงสีดำกวาดออกมาสาดส่องทั่วสรรพางค์กายของมู่เฉิน

“ใช้หัวใจนำทาง…”

บทสวดดังกึกก้องในใจ มู่เฉินปล่อยให้แสงส่องเข้าห้วงแห่งจิตจนเริ่มพร่าเลือน ทว่าภายใต้สภาวะสมาธิลึกนี้ ทันใดนั้นกระแสน้ำวนก็ก่อตัวขึ้นจากตรงตำแหน่งแตกของเจดีย์

มู่เฉินมองไปที่กระแสน้ำวนเกิดความลังเลใจ แต่ไม่นานก็โยนความลังเลใจทิ้งแล้วให้ร่างดวงจิตก้าวเข้าไป

ความมืดอยู่ตรงหน้าเพียงชั่วครู่ ทว่าชั่วครู่นั้นกลับทำให้มู่เฉินรู้สึกเกิดความผิดเพี้ยนของเวลาและสถานที่ ราวกับว่าร่างดวงจิตของเขาถูกส่งผ่านไปยังสถานที่ไกลแสนไกลจนไม่อาจบรรยายได้

ความมืดหายไปอย่างรวดเร็ว เมื่อมู่เฉินลืมตาขึ้น ดวงตาก็อดกระเพื่อมรุนแรงไม่ได้พร้อมกับพึมพำด้วยความตกตะลึงดังขึ้นภายในใจ

“นี่มันที่ไหน?”

ร่างดวงจิตลอยอยู่ในอากาศ ดินแดนโบราณปรากฏเบื้องหน้าสายตา มีร่องรอยกาลเวลาถูกทิ้งไว้ในฟ้าดิน ทว่าสิ่งที่ทำให้หัวใจของมู่เฉินสั่นไหวที่สุดไม่ใช่ดินแดนโบราณแห่งนี้ แต่เป็นเจดีย์ขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่เงียบๆ ตรงกลาง

เจดีย์ดูเก่าแก่และลวดลายบนพื้นผิวก็ลึกซึ้งอย่างไม่น่าเชื่อ นอกจากนี้ดูเหมือนจะก้าวข้ามกาลเวลาและมิติ ซึ่งดำรงความเป็นนิรันดร์

ร่างดวงจิตของมู่เฉินจ้องมองไปที่เจดีย์โบราณ เขาสามารถสัมผัสถึงรัศมีที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าระดับเทียนจื้อจุนแผ่ซ่านมาจากมัน

“ที่นี่ที่ไหนกันแน่?”

หัวใจของมู่เฉินสั่นไหว เขาไม่รู้ว่าทำไมทางเชื่อมนี้จึงเกิดขึ้น เมื่อเขาทำลายเจดีย์

ทว่าขณะที่ร่างดวงจิตของมู่เฉินหลุดเข้าไปในดินแดนโบราณ ในเผ่าฝูถูที่ห่างออกไป ร่างที่นั่งนิ่งสงบอยู่ในเจดีย์สีดำก็เปิดดวงตาขึ้นมาทันที

ดวงตานางที่มักไม่มีระลอกคลื่นคลอคลองด้วยหยาดน้ำตาในเวลานี้ นางเงยหน้าขึ้นมองไกลออกไปด้วยความรู้สึกปลื้มใจและคิดถึง

“มู่เฉิน…ลูกรัก เจ้าถึงขั้นที่สามารถเข้าสู่ดินแดนโบราณแล้วหรือ?”

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler ฟรี ได้ที่ novel-fast 


เรื่องย่อ

โดย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler บางส่วนของนิยาย

บทนำ

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป

‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้

แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์

แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว

ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ

เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง?

ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน…

เรื่องย่อ

เมื่อคำพูดของมู่เฉินกระจายออกไป ไม่เพียงแต่จะไม่มีการตอบสนอง แม้แต่ด้านนอกเจดีย์ก็ถูกห่อหุ้มด้วยบรรยากาศราวกับป่าช้า…

ทุกคนตกตะลึงไปกับฉากนี้ พวกเขาจ้องมองจุดที่ลู่สุยหายตัวไป ราวกับว่ายังไม่สามารถฟื้นจากอาการตะลึงงันที่เกิดขึ้นได้

ก่อนหน้าเมื่อลู่สุยออกกระบวนท่าที่น่าสะพรึง ผู้คนส่วนใหญ่ก็คิดว่าผลลัพธ์ของการต่อสู้ได้ถูกกำหนดแล้ว ทว่าพวกเขาไม่คิดเลยว่ามู่เฉินจะพลิกสถานการณ์ได้อีกครั้ง เตะลู่สุยที่เหมือนจะคว้าชัยชนะออกไป

ทุกคนตะลึงไปพักใหญ่ ก่อนที่พวกเขาจะหลุดออกจากอาการได้ สายตาเคร่งเครียดลง การประลองกันครั้งนี้มู่เฉินไม่ได้ใช้ค่ายกล แต่เขาก็สามารถเอาชนะจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดอย่างลู่สุยได้ด้วยความแข็งแกร่งที่อยู่ในขั้นหกเท่านั้น แม้ว่าจะมีผลจากลู่สุยประมาทเองในตอนแรก แต่นั่นก็แสดงให้เห็นว่ามู่เฉินน่ากลัวแค่ไหน

พลังเช่นนี้เขาสามารถเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์อันดับต้นๆ ในเจดีย์ฝึกพลังกายได้เลยทีเดียว

ทางฝั่งกลุ่มกระเรียนฟ้า ใบหน้าของหลิ่วชิงกลายเป็นเขียวสลับขาว นางมองไปที่ร่างสูงโปร่งบนหน้าจอ กลืนน้ำลายเหนียวหนืด ความกลัวปรากฏในดวงตาของนางเป็นครั้งแรก

มาถึงจุดนี้นางคงโง่แน่ถ้ายังคิดปฏิบัติต่อมู่เฉินเหมือนกับจอมยุทธ์ขั้นหกทั่วไป

ด้วยพลังในการต่อสู้ที่เขาแสดงออกมา บวกกับค่ายกลทรงพลัง แม้แต่จงเถิงก็ยากจะได้เปรียบหากพวกเขาต่อสู้กัน

ก่อนหน้านี้นางหัวเราะเยาะและมองจิ่วโยวด้วยความดูถูก แต่ตอนนี้นางอายแทบแทรกแผ่นดินหนี ซึ่งจุดนี้รู้ได้จากสายตาเยาะเย้ยเหล่านั้นที่ปรายมองเข้ามา

“ทำไมมู่เฉินถึงทรงพลังเช่นนี้?” จงฮั้วที่พ่ายแพ้ให้กับมู่เฉินก็มีสีหน้าเคร่งขรึมเช่นกัน ก่อนหน้านี้เขาเคยคิดเช่นกันว่ามู่เฉินพึ่งพาเพียงค่ายกลเพื่อจัดการกับศัตรู แต่ใครจะคิดว่าเมื่อไม่มีการใช้ค่ายกลมู่เฉินก็สามารถเอาชนะลู่สุยแบบดุร้ายยิ่งกว่าอะไร

“ดูเหมือนว่ามีเพียงพี่ใหญ่จงเถิงเท่านั้นที่สามารถจัดการกับเขาได้” จอมยุทธ์อีกคนของเผ่ากระเรียนฟ้าพยักหน้า

หลิ่วชิงพยักหน้าเบาๆ ไม่เพียงแต่พวกเขาจะพิจารณาพลังของมู่เฉินพลาดไปเท่านั้น แม้แต่จงเถิงก็ตัดสินอีกฝ่ายผิดไป ชายคนนั้นเป็นสัตว์ประหลาดอย่างแท้จริง

ฟิ้ว!

ขณะที่นอกเจดีย์ต่างตกตะลึงกับผลลัพธ์ที่มู่เฉินนำมา ทันใดนั้นแสงก็กะพริบบนแท่นนอกเจดีย์ ร่างน่าสังเวชปรากฏขึ้น

เมื่อร่างนั้นออกมาก็รีบถอยกลับไปปรากฏตัวขึ้นในกลุ่มอีกาสายฟ้าทันควัน นี่ก็คือลู่สุยที่มีสีหน้าซีดขาว คลื่นหลิงของเขาถดถอยลงอย่างมาก

สายตาโดยรอบยิงเข้าหาในเวลานี้ทันที

ใบหน้าของลู่สุยเขียวคล้ำ สายตาเกลียดชังมองไปที่มู่เฉินที่อยู่บนหน้าจอ ก่อนที่จะหันหัวสาดสายตาดุร้ายใส่จิ่วโยวและมั่วหลิง ที่ข้างๆ พรรคพวกของเขาก็มีท่าทางไม่ดีเช่นกัน

ทว่าจิ่วโยวไม่กลัวที่จะเผชิญหน้ากับสายตาเหล่านั้น นางเค้นเสียงอย่างเย็นชา “ลูกหมาที่ถูกฟาดยังกล้าที่จะออกมาแยกเขี้ยวอีกเหรอ?”

ตอนนี้ลู่สุยบาดเจ็บสาหัส สูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไปหมด ส่วนคนที่เหลือก็ไม่มีอะไรต้องกลัว หากพวกเขากล้าที่จะคิดบัญชีกับพวกนาง จิ่วโยวก็ไม่คิดปล่อยพวกเขาไว้เป็นภัยคุกคามในอนาคตหรอก

สายตาแสดงความเกลียดชังของลู่สุยจ้องเขม็งอยู่ที่จิ่วโยว แต่สุดท้ายเขาก็ต้องถอนสายตาออกไปอย่างไม่เต็มใจ ก่อนที่จะถอยกลับนั่งลงบนซากปรักหักพังเข้าสมาธิเพื่อฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ

จอมยุทธ์กลุ่มอีกาสายฟ้าก็ปรากฏรอบตัวเขาเพื่อปกป้อง

เมื่อจิ่วโยวเห็นการตอบสนองนั่น นางก็ไม่ได้ใส่ใจกับพวกเขาอีก นางมองไปที่หน้าจออีกครั้งโดยพุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่ร่างเงาอ่อนเยาว์ มือที่กำแน่นผ่อนคลายลง

เห็นได้ชัดว่านี่เป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงสำหรับนางที่มู่เฉินจะเอาชนะได้เด็ดขาดแบบนี้ นั่นเป็นเพราะตามการประเมินของนางแม้ว่ามู่เฉินจะยืนยงอยู่ได้ก็เป็นยากที่จะเอาชนะลู่สุยด้วยขุมพลังจื้อจุนขั้นหกและถ้าการต่อสู้ถูกลากไปจนสุดอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบคาดไม่ถึง

ทว่าผลลัพธ์สุดท้ายที่ได้ก็ทำให้นางทั้งประหลาดใจและดีใจ

เห็นได้ชัดว่ามู่เฉินได้รับประโยชน์มหาศาลจากสามชั้นแรกของเจดีย์ฝึกพลังกาย ไม่เช่นนั้นเขาไม่สามารถแสดงพลังเป็นที่ประจักษ์เช่นนี้ได้

“ว่ากันว่าในชั้นสี่มหัศจรรย์กว่านี้มาก หากใครสามารถเข้าไปได้ พวกเขาจะสามารถได้รับผลประโยชน์เกินกว่าสามชั้นแรกมาก…”

จิ่วโยวยิ้มบาง ดูจากสถานการณ์ปัจจุบันไม่น่ามีปัญหาใดๆ ที่มู่เฉินจะเข้าสู่ชั้นสี่ สำหรับมั่วเฟิงความแข็งแกร่งของเขาเป็นหนึ่งในอันดับต้นของกลุ่มที่เข้าไป ดังนั้นจึงไม่ยากสำหรับเขาที่จะได้หนึ่งในห้าที่นั่งนี้ไปเช่นกัน

ดูเหมือนว่าการเดินทางมาที่เจดีย์ฝึกพลังกายโบราณครั้งนี้เผ่าวิหคโลกันตร์อาจเป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

บนลานเมฆสายฟ้า

ไม่มีใครตอบคำถามของมู่เฉิน ขณะนี้แม้แต่จอมยุทธ์ทรงอำนาจอย่างหานซันและสีคุนก็ยังรู้สึกหวาดระแวงมู่เฉินอยู่บ้าง ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกที่จะไม่ไปปะทะกับมนุษย์ผู้นี้

ดังนั้นคนทั้งหมดที่อยู่ที่นี่จึงเงียบลง ก่อนที่จะถอยออกจากรัศมีโดยรอบมู่เฉินอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณบอกว่าพวกเขาไม่ต้องการต่อสู้กับเขา

เมื่อมู่เฉินเห็นภาพนี้ก็ไม่มีอารมณ์ใดบนใบหน้า แต่ในใจกลับรู้สึกโล่งอก คนอื่นๆ เห็นเพียงฉากการต่อสู้ตระการที่เขาเอาชนะลู่สุยได้ แต่พวกเขาไม่รู้หรอกว่าหมัดที่เขาชกออกไปก่อนหน้านี้คือพลังงานส่วนเกินจากสามชั้นแรก

ร่างกายของมู่เฉินก่อนหน้าเปรียบเสมือนฟองน้ำที่ดูดซับน้ำจนถึงขีดจำกัด หมัดของเขาจึงเท่ากับบีบน้ำออกจนหมด ทำให้ร่างกายที่อัดแน่นกลับสู่สภาพเดิม

ดังนั้นถ้าให้เขาโจมตีแบบนั้นอีกครั้ง พลังก็จะไม่ทรงประสิทธิภาพเหมือนเมื่อครู่แน่นอน

ประสิทธิผลพิเศษชนิดนี้ของการสะสมพลังงานในร่างกายเป็นทักษะที่ได้มาจากกายามังกรหงส์ ด้วยวิธีนี้เขาจะได้รับผลลัพธ์ที่ไม่มีใครคาดคิดไว้ กลายเป็นไพ่ลับอีกใบหนึ่ง

“คัมภีร์หลงเฟิ่งทรงพลังจริงๆ”

แม้แต่มู่เฉินก็ยังชื่นชมในสิ่งนี้ คัมภีร์หลงเฟิ่งสมแล้วที่เป็นทักษะยอดเยี่ยมแท้จริง จากการประเมินของเขาคัมภีร์นี้ต้องอยู่ในระดับเสินทงแน่นอน ซึ่งไม่ธรรมดาแม้จะอยู่ในกลุ่มวิทยายุทธระดับเสินทงด้วย

มู่เฉินชื่นชมก่อนที่จะใจเย็นลง แม้ว่าตอนนี้จะไม่มีใครท้าทายเขา แต่เขาก็ไม่ตั้งใจที่จะท้าทายคนอื่นด้วยเช่นกัน เขายืนนิ่งบนตำแหน่งตนเองรอผลการคัดออก

สำหรับจงเถิง มู่เฉินรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นพวกยุแยงให้ลู่สุยมาปะทะกับเขา แต่เนื่องจากตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ดีในการจัดการ เขาจึงได้แต่ผลักแผนไปก่อน

แต่ถึงกระนั้นสายตาคมกล้าของมู่เฉินก็ยังจ้องเขม็งไปที่จงเถิง รอบตัวเต็มไปด้วยคลื่นหลิงราวกับเสือดาวที่กำลังจะจ้องตะครุบเหยื่ออัดแน่นด้วยภัยคุกคาม

เมื่อเห็นท่าทางของมู่เฉิน จงเถิงที่ประจันหน้ากับมั่วเฟิงก็รู้สึกอึดอัดใจ เขาต้องแยกสมาธิอยู่ตลอดเพื่อจับตามองมู่เฉิน ป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายเคลื่อนไหวมาประสานพลังกับมั่วเฟิง

ด้วยวิธีนี้สมาธิของจงเถิงจึงค่อนข้างฟุ้งซ่าน สุดท้ายเขาได้แต่กัดฟัน ถอนคลื่นหลิงและถอยออกจากบริเวณของมั่วเฟิง

“พี่มั่วยากสำหรับการต่อสู้ของเราที่จะได้ข้อสรุป ทำไมเราไม่ไปจัดการคนอื่นและรับที่นั่งมาล่ะ?” ขณะที่จงเถิงถอยกลับเสียงก็สะท้อนก้องไปด้วย

มั่วเฟิงจ้องมองจงเถิงอย่างไม่แยแสก่อนที่จะพยักหน้า นั่นเป็นเพราะเขารู้ว่าหากพวกเขายังอยู่ในสถานการณ์ยืนจ้องหน้ากันก็จะไม่เกิดผลลัพธ์ใด หากเขาร่วมมือกับมู่เฉิน พวกเขาอาจทำให้จงเถิงบ้าดีเดือดขึ้นมา แม้แต่พวกเขาก็ต้องจ่ายราคามหาศาลจากการตีโต้

ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับพวกเขาคือการได้ที่นั่งเพื่อเข้าสู่ชั้นสี่

เมื่อจงเถิงเห็นคำตอบของมั่วเฟิงก็รู้สึกโล่งใจในใจ เขาถอยกลับอย่างรวดเร็วออกจากจุดที่มู่เฉินและมั่วเฟิงอยู่ เขาครุ่นคิดสั้นๆ ก่อนจะเลือกปะทะกับคนที่อ่อนแอกว่า

พอมู่เฉินเห็นจงเถิงไปแล้วก็ไม่ได้ใส่ใจอีกต่อไป สายตาหันมามองมั่วเฟิงแล้วก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้มแสดงความขอบคุณในการช่วยเหลือครั้งนี้

สายตาของมั่วเฟิงเป็นมิตรมากขึ้น คิดว่าการที่มู่เฉินเอาชนะลู่สุย ทำให้มั่วเฟิงมองมู่เฉินในฐานะจอมยุทธ์ที่อยู่ในระดับเดียวกันกับเขา ดังนั้นจึงไม่ได้มีท่าทางเฉยเมยเหมือนเมื่อก่อน

มั่วเฟิงพยักหน้าให้มู่เฉิน ก่อนที่จะหันหลังกลับและเริ่มเลือกคู่ต่อสู้ของตนเอง

ครืน!

เมื่อทุกคนเลือกคู่ต่อสู้แล้ว ทันใดนั้นคลื่นหลิงก็ระเบิดรุนแรงบนลานเมฆสายฟ้า คลื่นกระแทกกวาดออก ทำให้มิติเกิดการสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นไม่หยุด

บนลานเมฆสายฟ้าพลังงานหลิงกวาดหายนะ มีเพียงตรงมู่เฉินเท่านั้นที่ไม่ถูกรบกวน เนื่องจากไม่มีใครกล้าเหยียบเข้ามาในรัศมีพันจั้ง ยามนี้เขาเหมือนผู้ชมที่ดูการต่อสู้ติดขอบ ในเวลาเดียวกันก็บันทึกกระบวนท่าที่ทรงพลังของบางคนไว้ในสมอง

แม้ว่าในชั้นนี้พวกเขาอาจไม่ได้ประลองกัน แต่ก็ยังมีอีกสองชั้นรอพวกเขาอยู่ ใครจะสามารถรับประกันได้ว่าจะไม่มีการลดจำนวนลงในชั้นต่อไป?

ดังนั้นถ้ามีโอกาสเขาต้องพยายามจดจำข้อมูลผู้อื่นเก็บไว้

ภายใต้การสังเกตของมู่เฉิน การประลองบนลานเมฆสายฟ้าก็คงอยู่ชั่วระยะหนึ่ง ก่อนที่แต่ละคู่จะมาถึงจุดสิ้นสุด ผลลัพธ์ก็เป็นไปตามที่คาดไว้

หลังจากมู่เฉินก็เป็นหานซันที่เอาชนะคู่ต่อสู้ได้ที่นั่งที่สองไป

จากนั้นมั่วเฟิงและจงเถิงก็คว้าชัยชนะตามมา

ที่นั่งสุดท้ายตกเป็นของสีคุนที่ก่อนหน้านี้เคยแพ้หานซันที่ด้านนอกเจดีย์ ชายนี้มีความแข็งแกร่งที่น่าตกใจ แม้แต่หานซันยังต้องใช้ทักษะเต็มที่ถึงจะได้รับชัยชนะมา

เมื่อสีคุนได้รับที่นั่งสุดท้ายลานเมฆสายฟ้าขนาดใหญ่ก็เงียบลงอีกครั้ง ร่างทั้งห้ายืนอยู่ ขณะรัศมีไร้ขอบเขตทั้งห้าสายพุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าชนกันเปรี้ยงปร้าง

ทว่าการชนกันก็ดำเนินไปเพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ ก่อนที่ทั้งห้าจะถอนคลื่นพลังพร้อมกัน พวกเขาเหลือบมองกันและกัน จากนั้นก็ไม่ลังเลทะยานออกไปปรากฏตัวบนเบาะทั้งห้า

สายตาพวกเขาพุ่งตรงไปยังมิติด้านหลังลานเมฆสายฟ้าด้วยความโลภ ตรงนั้นเส้นดาวหางจำนวนมากกวาดผ่านราวกับฝนดาวตก

ในแสงเหล่านั้นแก่นหยดสายฟ้ากำลังกะพริบด้วยความแวววาว


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท