หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – ตอนที่ 1230

ตอนที่ 1230

บทที่ 1230 เทพจอมยุทธ์ทั้งสี่
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในตระกูลลั่วเสินค่อยๆ สงบลง

ทว่าข่าวข้อมูลในวันนี้ก็แพร่กระจายไปทั่วทวีปซีเทียนในเวลาไม่กี่วัน ทำให้เกิดแรงสั่นสะเทือนอย่างมาก

เพราะไม่ว่าจะเป็นเทพจักรพรรดิอัคคีและจักรพรรดิสัประยุทธ์ที่ปรากฏตัวก็เพียงพอที่จะทำให้ผู้คนตกใจ

ดินแดนซีเทียนเล็กเป็นเพียงมุมหนึ่งของทวีปซีเทียน แม้ว่าสี่ตระกูลเทพที่อาศัยอยู่ในดินแดนนี้จะไม่อ่อนแอ แต่พวกเขาก็นับว่าธรรมดาเมื่อเทียบกับทวีปซีเทียนทั้งหมด

ทว่าใครจะคิดว่าเหตุการณ์เล็กๆ ในสายตาของผู้คนจะทำให้เทพจักรพรรดิอัคคีและจักรพรรดิสัประยุทธ์ปรากฏตัว…

เป็นเพราะเหตุผลนี้ขั้วอำนาจอื่นๆ จึงให้ความสนใจในเรื่องนี้มากและสืบหาข้อมูลเพิ่มเติม

ผลการสืบสวนทำให้พวกเขารู้สึกไม่อยากจะเชื่อ เนื่องจากเรื่องราวทั้งหมดเกิดจากจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นต้น

ทว่าถึงแม้มู่เฉินจะเป็นเพียงจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นต้น แต่ตำหนักมู่ของเขาไม่เพียงแต่มีจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นต้นหลายคน ซ้ำยังมีจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นเต็มอีกด้วย!

ระดับตี้จื้อจุนขั้นเต็ม!

แม้แต่ในทวีปซีเทียน การดำรงอยู่ของจอมยุทธ์ระดับนี้ก็ด้อยกว่าจักรพรรดิสัประยุทธ์แห่งตำหนักซีเทียนเสี้ยวเดียวเท่านั้น ณ ทวีปแห่งนี้พวกเขาสามารถขึ้นเป็นผู้นำของขั้วอำนาจทรงพลังและได้รับความเคารพจากคนมากมาย ทว่าจอมยุทธ์ระดับนี้กลับยอมอยู่ใต้บังคับบัญชาของมู่เฉินและยอมเข้าร่วมตำหนักมู่!

นี่ทำให้ผู้คนในทวีปซีเทียนสับสน ในเวลาเดียวกันก็ทำให้มู่เฉินดูลึกลับซับซ้อนยิ่งขึ้น ต้องมีบางสิ่งที่พิเศษกับมู่เฉิน ในเมื่อเขาสามารถบัญชาการจอมยุทธ์สูงล้ำกว่าตนเองได้

ขณะที่ทุกคนอยากรู้เกี่ยวกับตัวตนของมู่เฉิน ตำหนักซีเทียนก็ประกาศข่าวที่เพิ่มแรงสั่นสะเทือนไปทั่วทวีปมากยิ่งขึ้น

จักรพรรดิสัประยุทธ์ประกาศด้วยตัวเองว่ามู่เฉินจะเข้าร่วมในการแข่งขันเพื่อตำแหน่งนักรบทวีปและจะเข้าร่วมในสนามรบระดับตี้จื้อจุนขั้นปลาย!

ช่วงเวลาที่ข่าวแพร่สะพัดออกไปทั่วทั้งทวีปก็ร้อนระอุ หลายคนไม่ค่อยพอใจจากเรื่องที่ว่ามู่เฉินเข้ามาเบียดตำแหน่งนักรบทวีปทำให้พวกเขาเกิดอาการกรุ่นโกรธเข้าไปใหญ่

ในฐานะบุคคลภายนอก มู่เฉินไม่เพียงแต่เข้ามามีส่วนร่วมเท่านั้น เขายังเข้าร่วมสนามรบระดับตี้จื้อจุนขั้นปลาย ทั้งที่เป็นจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นต้นเท่านั้น

มู่เฉินคิดว่าตัวเองอยู่ยงคงกระพัน ดูถูกจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลายของทวีปซีเทียนรึ?

จอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลายจำนวนมากถึงกับหัวร้อนในเรื่องนี้ แม้ว่ามู่เฉินจะแสดงความแข็งแกร่งไม่ธรรมดาเป็นที่ประจักษ์ในตระกูลลั่วเสินซึ่งสามารถจัดอยู่ในอันดับต้นๆ ในหมู่จอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นต้นได้ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเขาจะสามารถข้ามขั้นไปต่อสู้ได้

ระดับตี้จื้อจุนแต่ละขั้นห่างไกลกันเป็นโยชน์ ก็เหมือนกับภูมิภาคทางเหนือ เมื่อมั่นถัวหลัวก้าวเข้าสู่ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลาย ไม่เพียงแต่นางสามารถทำลายหมู่ตึกเทวะได้ นางยังบีบให้ขั้วอำนาจสูงสุดอื่นๆ ก่อตั้งพันธมิตรกับนาง ทั้งหมดนี่ทำได้ด้วยพลังของนาง

จากเรื่องนี้ทำให้เห็นได้ว่าจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลายทรงพลังเพียงใด

แต่ตอนนี้มู่เฉินจะเข้าไปเดินในสนามรบระดับตี้จื้อจุนขั้นปลายของทวีปซีเทียน ในสายตาของคนอื่นๆ มู่เฉินดูถูกต่อจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลายในทวีปแห่งนี้อยู่

ด้วยเหตุนี้จึงส่งผลให้เกิดความเกรี้ยวกราดของจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลายหลายคน พวกเขาเตรียมทำให้มู่เฉินเสียใจที่ดันมาแหยมทวีปซีเทียนโดยใช้การแข่งขันนี้ในการสั่งสอน

ในวังลั่วเสิน

“ไม่รู้ว่ามีจอมยุทธ์จำนวนมากเท่าไรคิดเก็บเจ้าหลังฟังข่าวนี้…” ลั่วหลีมองมู่เฉินด้วยสายตาเป็นกังวลเมื่อรับรายงานข้อมูลนี้

ทว่ามู่เฉินก็ไม่เก็บมาใส่ใจกลับยิ้มกว้างมากขึ้น นักรบทวีปเป็นตำแหน่งที่เข้าถึงยาก ดังนั้นจึงเป็นเรื่องหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่คนจะเกลียดเขา เมื่อเขาได้เข้าร่วม

แต่เขากลับให้ความสนใจกับความไม่พอใจที่จักรพรรดิสัประยุทธ์แอบแฝงอยู่เมื่อประกาศเรื่องนี้ ดังนั้นจะต้องมีผู้ที่พยายามสร้างความดีความชอบแก่จักรพรรดิสัประยุทธ์และตั้งเป้าหมายมาที่เขาไว้

ซึ่งนี่เป็นความตั้งใจของจักรพรรดิสัประยุทธ์แน่นอน เพราะด้วยสถานะเขาไม่สามารถจัดการกับมู่เฉินได้ตรงๆ แต่เมื่อแสดงเจตนารมณ์ตนเองเพียงเล็กน้อย ก็จะมีผู้คนจำนวนมากเต็มใจที่จะเคลื่อนไหวเพื่อเขาแทน

ดังนั้นการแข่งขันนักรบทวีปครั้งนี้เป็นสิ่งที่ท้าทายอย่างแน่นอน

“จักรพรรดิสัประยุทธ์หน้าไหว้หลังหลอกนัก” ลั่วเทียนหลงอดที่จะพูดออกมาไม่ได้ เขาเกิดความพอใจอย่างยิ่งกับมู่เฉินตลอดเวลาที่ได้สนทนากัน นอกจากนี้ด้วยความสัมพันธ์ของมู่เฉินกับลั่วหลีก็เป็นธรรมดาที่เขาจะเข้าข้างมู่เฉิน

ขณะที่พูดเขาก็มองไปที่มู่เฉิน “ข้ากลัวว่าสิ่งนี้อาจเป็นไปไม่ได้ เจ้ายอมแพ้ดีกว่าไหม?”

เขาไม่ได้ดูถูกมู่เฉิน หากมู่เฉินเข้าร่วมในสนามรบระดับตี้จื้อจุนขั้นต้น เขาเชื่อว่าชายหนุ่มสมควรได้รับตำแหน่ง ทว่าที่จะเข้าร่วมคือสนามรบระดับตี้จื้อจุนขั้นปลาย…

ดูเป็นไปไม่ได้ที่คิดจะคว้าตำแหน่งนี้จากมือจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลายจำนวนมาก

มู่เฉินส่ายหน้าด้วยรอยยิ้ม เทพจักรพรรดิอัคคีอุตส่าห์ช่วยเหลือ ดังนั้นเขาไม่สามารถยอมแพ้ได้อย่างง่ายดาย

“เจ้าเด็กดื้อ!” ลั่วเทียนหลงถลึงตา จากนั้นก็มองไปที่ลั่วหลี “ทำไมเจ้าไม่กล่อมเขาซะ ตอนนี้จอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลายทั้งหมดในทวีปซีเทียนคงรอมารุมสอนบทเรียนให้เขา”

ลั่วหลีเม้มปากยิ้ม ม้วนหยกปรากฏขึ้นในมือนาง จากนั้นก็ส่งไปให้มู่เฉิน “นี่เป็นข้อมูลเกี่ยวกับจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลายทั้งหมดในทวีปซีเทียน หากเจ้าจะเข้าร่วมก็ควรรู้ข้อมูลให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้”

มู่เฉินดีใจ แม้ว่าเขาจะไม่กลัวคนเหล่านี้ แต่เขาก็ไม่ได้โอหัง ดังนั้นข้อมูลจึงจำเป็นมาก

ลั่วเทียนหลงเค้นเสียงขึ้นจมูกอย่างหงุดหหงิด เมื่อเห็นว่าลั่วหลีไม่กล่อมมู่เฉินยังไปรวบรวมข้อมูลเพื่อสนับสนุนอีกด้วย

ลั่วเทียนเสินได้แต่ยิ้มพลางส่ายหัว “เรื่องของเด็กก็ให้พวกเขาจัดการกันเอง”

เขาค่อนข้างมองในแง่ดี เนื่องจากเขารู้ว่ามู่เฉินไม่ได้มีนิสัยประมาท ในเมื่อมู่เฉินตัดสินใจเข้าร่วมในการแข่งขันก็ต้องมีความมั่นใจในระดับหนึ่งแล้ว

แม้ว่าเขาจะรู้สึกว่าไม่น่าเชื่อและยากเกินไปสำหรับจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นต้นที่จะเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลาย เขาก็ยังคงเชื่อมั่นในตัวมู่เฉินเนื่องจากเหตุการณ์ที่เกิดก่อนหน้านี้

เมื่อได้ยินที่ผู้ใหญ่ทั้งสองคุยกัน ลั่วหลีก็หัวเราะเสียงพลิ้วให้มู่เฉิน ความงดงามช่างสั่นสะท้านหัวใจ ดวงตาของเขาจับจ้องดวงหน้านาง ซึ่งทำให้นางมองมาอย่างเขินอายก่อนจะพูดว่า “มีจอมยุทธ์มากมายที่สวามิภักดิ์ต่อตำหนักซีเทียน แต่มีสามคนในหมู่พวกเขาที่เจ้าควรระวัง”

“โอ้?” เมื่อพูดถึงเรื่องเป็นทางการ มู่เฉินก็สำรวมลงขณะที่ตอบอย่างหนักแน่นว่า “สามคนใครบ้าง?”

“เจ้าตำหนักแสงดาว—หลิ่วซิงเฉิน”

“กระบี่เทพหมาป่า—ซูมู่”

”ดาบทรราช—ฉู่เหมิน”

เมื่อได้ยินชื่อทั้งสามคนใบหน้าของลั่วเทียนเสินก็เปลี่ยนเป็นจริงจังพลางพยักหน้า “ทั้งสามคนนั้นมีชื่อเสียงอย่างมากในทวีปซีเทียน ซึ่งมีข้อเหมือนกันอย่างหนึ่งก็คือต่างเคยเอาชนะจอมยุทธ์ในระดับขุมพลังเดียวกัน”

“แม้ว่าข้าจะหายดีแล้ว แต่เมื่อเผชิญหน้ากับทั้งสามคนก็คงได้แค่ป้องกันตัวเอง ดังนั้นพวกเขาจึงเป็นจอมยุทธ์ที่มีชื่อเสียงในสนามรบระดับตี้จื้อจุนขั้นปลาย”

“หลิ่วซิงเฉิน… ซูมู่… ฉู่เหมิน …” มู่เฉินพึมพำ สายตาเปลี่ยนไป แม้แต่ลั่วเทียนเสินยังยอมรับความแข็งแกร่งของทั้งสาม พวกเขาก็จะต้องมีความสามารถอย่างแท้จริง

“แต่พวกเขาก็ยังไม่ใช่ที่สุด คนที่มีหวังจะได้คว้าตำแหน่งมากที่สุดไม่ใช่พวกเขา” เสียงของลั่วหลีดังขึ้นกะทันหัน ทำให้ดวงตาของมู่เฉินหดลง ทั้งสามคนทรงพลังมากแล้วก็ยังไม่ถือว่าเป็นที่สุดเรอะ?

ลั่วเทียนเสินถอนหายใจ “แม้ว่าทั้งสามคนนั้นจะทรงพลัง แต่พวกเขาก็ยังอ่อนแอกว่าเหล่าจอมยุทธ์ที่ฟ้าประทาน”

“จอมยุทธ์ฟ้าประทาน?” มู่เฉินอึ้งไปก่อนที่จะพูดคำนี้ออกมา

ลั่วหลีพยักหน้า “มีเทพจอมยุทธ์สี่คนในตำหนักซีเทียนได้แก่ พี่ใหญ่—หลิงจั้นจื่อ พี่รอง—หลิงเจี้ยนจื่อ พี่สาม—หลิงหลงจื่อและน้องสี่—หลิงเฟยจื่อ”

“สามคนแรกจะเข้าร่วมในสนามรบระดับตี้จื้อจุนขั้นปลาย พวกเขาได้รับการเลี้ยงดูอย่างดีจากตำหนักซีเทียนเพื่อการเป็นนักรบทวีปนี้!”

“พวกเขามีชื่อเสียงอย่างมากในทวีปซีเทียน ซึ่งก็มีจุดเหมือนอย่างหนึ่ง…” ม่านตาของลั่วหลีสั่นไหวอย่างไม่สามารถควบคุมได้ ใบหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย

สัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงของลั่วหลี ดวงตามู่เฉินก็แคบลงอีกพลางถามว่า “เหมือนกันในเรื่องอะไร?”

ลั่วหลีและลั่วเทียนเสินแลกเปลี่ยนสายตากันก่อนที่หญิงสาวจะพูดว่า “พวกเขาเคยสังหารจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลายมาก่อน…”

“สังหารจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลาย!”

แม้แต่มู่เฉินก็อดไม่ได้ที่จะตกใจกับข่าวนี้ ใบหน้าของเขาเคร่งเครียดลงหลายส่วน ตอนนี้ในที่สุดเขาก็เข้าใจแล้วว่ายากเพียงใดที่เขาจะได้เป็นนักรบทวีป…

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler ฟรี ได้ที่ novel-fast 


เรื่องย่อ

โดย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler บางส่วนของนิยาย

บทนำ

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป

‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้

แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์

แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว

ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ

เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง?

ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน…

เรื่องย่อ

เมื่อคำพูดของมู่เฉินกระจายออกไป ไม่เพียงแต่จะไม่มีการตอบสนอง แม้แต่ด้านนอกเจดีย์ก็ถูกห่อหุ้มด้วยบรรยากาศราวกับป่าช้า…

ทุกคนตกตะลึงไปกับฉากนี้ พวกเขาจ้องมองจุดที่ลู่สุยหายตัวไป ราวกับว่ายังไม่สามารถฟื้นจากอาการตะลึงงันที่เกิดขึ้นได้

ก่อนหน้าเมื่อลู่สุยออกกระบวนท่าที่น่าสะพรึง ผู้คนส่วนใหญ่ก็คิดว่าผลลัพธ์ของการต่อสู้ได้ถูกกำหนดแล้ว ทว่าพวกเขาไม่คิดเลยว่ามู่เฉินจะพลิกสถานการณ์ได้อีกครั้ง เตะลู่สุยที่เหมือนจะคว้าชัยชนะออกไป

ทุกคนตะลึงไปพักใหญ่ ก่อนที่พวกเขาจะหลุดออกจากอาการได้ สายตาเคร่งเครียดลง การประลองกันครั้งนี้มู่เฉินไม่ได้ใช้ค่ายกล แต่เขาก็สามารถเอาชนะจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดอย่างลู่สุยได้ด้วยความแข็งแกร่งที่อยู่ในขั้นหกเท่านั้น แม้ว่าจะมีผลจากลู่สุยประมาทเองในตอนแรก แต่นั่นก็แสดงให้เห็นว่ามู่เฉินน่ากลัวแค่ไหน

พลังเช่นนี้เขาสามารถเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์อันดับต้นๆ ในเจดีย์ฝึกพลังกายได้เลยทีเดียว

ทางฝั่งกลุ่มกระเรียนฟ้า ใบหน้าของหลิ่วชิงกลายเป็นเขียวสลับขาว นางมองไปที่ร่างสูงโปร่งบนหน้าจอ กลืนน้ำลายเหนียวหนืด ความกลัวปรากฏในดวงตาของนางเป็นครั้งแรก

มาถึงจุดนี้นางคงโง่แน่ถ้ายังคิดปฏิบัติต่อมู่เฉินเหมือนกับจอมยุทธ์ขั้นหกทั่วไป

ด้วยพลังในการต่อสู้ที่เขาแสดงออกมา บวกกับค่ายกลทรงพลัง แม้แต่จงเถิงก็ยากจะได้เปรียบหากพวกเขาต่อสู้กัน

ก่อนหน้านี้นางหัวเราะเยาะและมองจิ่วโยวด้วยความดูถูก แต่ตอนนี้นางอายแทบแทรกแผ่นดินหนี ซึ่งจุดนี้รู้ได้จากสายตาเยาะเย้ยเหล่านั้นที่ปรายมองเข้ามา

“ทำไมมู่เฉินถึงทรงพลังเช่นนี้?” จงฮั้วที่พ่ายแพ้ให้กับมู่เฉินก็มีสีหน้าเคร่งขรึมเช่นกัน ก่อนหน้านี้เขาเคยคิดเช่นกันว่ามู่เฉินพึ่งพาเพียงค่ายกลเพื่อจัดการกับศัตรู แต่ใครจะคิดว่าเมื่อไม่มีการใช้ค่ายกลมู่เฉินก็สามารถเอาชนะลู่สุยแบบดุร้ายยิ่งกว่าอะไร

“ดูเหมือนว่ามีเพียงพี่ใหญ่จงเถิงเท่านั้นที่สามารถจัดการกับเขาได้” จอมยุทธ์อีกคนของเผ่ากระเรียนฟ้าพยักหน้า

หลิ่วชิงพยักหน้าเบาๆ ไม่เพียงแต่พวกเขาจะพิจารณาพลังของมู่เฉินพลาดไปเท่านั้น แม้แต่จงเถิงก็ตัดสินอีกฝ่ายผิดไป ชายคนนั้นเป็นสัตว์ประหลาดอย่างแท้จริง

ฟิ้ว!

ขณะที่นอกเจดีย์ต่างตกตะลึงกับผลลัพธ์ที่มู่เฉินนำมา ทันใดนั้นแสงก็กะพริบบนแท่นนอกเจดีย์ ร่างน่าสังเวชปรากฏขึ้น

เมื่อร่างนั้นออกมาก็รีบถอยกลับไปปรากฏตัวขึ้นในกลุ่มอีกาสายฟ้าทันควัน นี่ก็คือลู่สุยที่มีสีหน้าซีดขาว คลื่นหลิงของเขาถดถอยลงอย่างมาก

สายตาโดยรอบยิงเข้าหาในเวลานี้ทันที

ใบหน้าของลู่สุยเขียวคล้ำ สายตาเกลียดชังมองไปที่มู่เฉินที่อยู่บนหน้าจอ ก่อนที่จะหันหัวสาดสายตาดุร้ายใส่จิ่วโยวและมั่วหลิง ที่ข้างๆ พรรคพวกของเขาก็มีท่าทางไม่ดีเช่นกัน

ทว่าจิ่วโยวไม่กลัวที่จะเผชิญหน้ากับสายตาเหล่านั้น นางเค้นเสียงอย่างเย็นชา “ลูกหมาที่ถูกฟาดยังกล้าที่จะออกมาแยกเขี้ยวอีกเหรอ?”

ตอนนี้ลู่สุยบาดเจ็บสาหัส สูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไปหมด ส่วนคนที่เหลือก็ไม่มีอะไรต้องกลัว หากพวกเขากล้าที่จะคิดบัญชีกับพวกนาง จิ่วโยวก็ไม่คิดปล่อยพวกเขาไว้เป็นภัยคุกคามในอนาคตหรอก

สายตาแสดงความเกลียดชังของลู่สุยจ้องเขม็งอยู่ที่จิ่วโยว แต่สุดท้ายเขาก็ต้องถอนสายตาออกไปอย่างไม่เต็มใจ ก่อนที่จะถอยกลับนั่งลงบนซากปรักหักพังเข้าสมาธิเพื่อฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ

จอมยุทธ์กลุ่มอีกาสายฟ้าก็ปรากฏรอบตัวเขาเพื่อปกป้อง

เมื่อจิ่วโยวเห็นการตอบสนองนั่น นางก็ไม่ได้ใส่ใจกับพวกเขาอีก นางมองไปที่หน้าจออีกครั้งโดยพุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่ร่างเงาอ่อนเยาว์ มือที่กำแน่นผ่อนคลายลง

เห็นได้ชัดว่านี่เป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงสำหรับนางที่มู่เฉินจะเอาชนะได้เด็ดขาดแบบนี้ นั่นเป็นเพราะตามการประเมินของนางแม้ว่ามู่เฉินจะยืนยงอยู่ได้ก็เป็นยากที่จะเอาชนะลู่สุยด้วยขุมพลังจื้อจุนขั้นหกและถ้าการต่อสู้ถูกลากไปจนสุดอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบคาดไม่ถึง

ทว่าผลลัพธ์สุดท้ายที่ได้ก็ทำให้นางทั้งประหลาดใจและดีใจ

เห็นได้ชัดว่ามู่เฉินได้รับประโยชน์มหาศาลจากสามชั้นแรกของเจดีย์ฝึกพลังกาย ไม่เช่นนั้นเขาไม่สามารถแสดงพลังเป็นที่ประจักษ์เช่นนี้ได้

“ว่ากันว่าในชั้นสี่มหัศจรรย์กว่านี้มาก หากใครสามารถเข้าไปได้ พวกเขาจะสามารถได้รับผลประโยชน์เกินกว่าสามชั้นแรกมาก…”

จิ่วโยวยิ้มบาง ดูจากสถานการณ์ปัจจุบันไม่น่ามีปัญหาใดๆ ที่มู่เฉินจะเข้าสู่ชั้นสี่ สำหรับมั่วเฟิงความแข็งแกร่งของเขาเป็นหนึ่งในอันดับต้นของกลุ่มที่เข้าไป ดังนั้นจึงไม่ยากสำหรับเขาที่จะได้หนึ่งในห้าที่นั่งนี้ไปเช่นกัน

ดูเหมือนว่าการเดินทางมาที่เจดีย์ฝึกพลังกายโบราณครั้งนี้เผ่าวิหคโลกันตร์อาจเป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

บนลานเมฆสายฟ้า

ไม่มีใครตอบคำถามของมู่เฉิน ขณะนี้แม้แต่จอมยุทธ์ทรงอำนาจอย่างหานซันและสีคุนก็ยังรู้สึกหวาดระแวงมู่เฉินอยู่บ้าง ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกที่จะไม่ไปปะทะกับมนุษย์ผู้นี้

ดังนั้นคนทั้งหมดที่อยู่ที่นี่จึงเงียบลง ก่อนที่จะถอยออกจากรัศมีโดยรอบมู่เฉินอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณบอกว่าพวกเขาไม่ต้องการต่อสู้กับเขา

เมื่อมู่เฉินเห็นภาพนี้ก็ไม่มีอารมณ์ใดบนใบหน้า แต่ในใจกลับรู้สึกโล่งอก คนอื่นๆ เห็นเพียงฉากการต่อสู้ตระการที่เขาเอาชนะลู่สุยได้ แต่พวกเขาไม่รู้หรอกว่าหมัดที่เขาชกออกไปก่อนหน้านี้คือพลังงานส่วนเกินจากสามชั้นแรก

ร่างกายของมู่เฉินก่อนหน้าเปรียบเสมือนฟองน้ำที่ดูดซับน้ำจนถึงขีดจำกัด หมัดของเขาจึงเท่ากับบีบน้ำออกจนหมด ทำให้ร่างกายที่อัดแน่นกลับสู่สภาพเดิม

ดังนั้นถ้าให้เขาโจมตีแบบนั้นอีกครั้ง พลังก็จะไม่ทรงประสิทธิภาพเหมือนเมื่อครู่แน่นอน

ประสิทธิผลพิเศษชนิดนี้ของการสะสมพลังงานในร่างกายเป็นทักษะที่ได้มาจากกายามังกรหงส์ ด้วยวิธีนี้เขาจะได้รับผลลัพธ์ที่ไม่มีใครคาดคิดไว้ กลายเป็นไพ่ลับอีกใบหนึ่ง

“คัมภีร์หลงเฟิ่งทรงพลังจริงๆ”

แม้แต่มู่เฉินก็ยังชื่นชมในสิ่งนี้ คัมภีร์หลงเฟิ่งสมแล้วที่เป็นทักษะยอดเยี่ยมแท้จริง จากการประเมินของเขาคัมภีร์นี้ต้องอยู่ในระดับเสินทงแน่นอน ซึ่งไม่ธรรมดาแม้จะอยู่ในกลุ่มวิทยายุทธระดับเสินทงด้วย

มู่เฉินชื่นชมก่อนที่จะใจเย็นลง แม้ว่าตอนนี้จะไม่มีใครท้าทายเขา แต่เขาก็ไม่ตั้งใจที่จะท้าทายคนอื่นด้วยเช่นกัน เขายืนนิ่งบนตำแหน่งตนเองรอผลการคัดออก

สำหรับจงเถิง มู่เฉินรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นพวกยุแยงให้ลู่สุยมาปะทะกับเขา แต่เนื่องจากตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ดีในการจัดการ เขาจึงได้แต่ผลักแผนไปก่อน

แต่ถึงกระนั้นสายตาคมกล้าของมู่เฉินก็ยังจ้องเขม็งไปที่จงเถิง รอบตัวเต็มไปด้วยคลื่นหลิงราวกับเสือดาวที่กำลังจะจ้องตะครุบเหยื่ออัดแน่นด้วยภัยคุกคาม

เมื่อเห็นท่าทางของมู่เฉิน จงเถิงที่ประจันหน้ากับมั่วเฟิงก็รู้สึกอึดอัดใจ เขาต้องแยกสมาธิอยู่ตลอดเพื่อจับตามองมู่เฉิน ป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายเคลื่อนไหวมาประสานพลังกับมั่วเฟิง

ด้วยวิธีนี้สมาธิของจงเถิงจึงค่อนข้างฟุ้งซ่าน สุดท้ายเขาได้แต่กัดฟัน ถอนคลื่นหลิงและถอยออกจากบริเวณของมั่วเฟิง

“พี่มั่วยากสำหรับการต่อสู้ของเราที่จะได้ข้อสรุป ทำไมเราไม่ไปจัดการคนอื่นและรับที่นั่งมาล่ะ?” ขณะที่จงเถิงถอยกลับเสียงก็สะท้อนก้องไปด้วย

มั่วเฟิงจ้องมองจงเถิงอย่างไม่แยแสก่อนที่จะพยักหน้า นั่นเป็นเพราะเขารู้ว่าหากพวกเขายังอยู่ในสถานการณ์ยืนจ้องหน้ากันก็จะไม่เกิดผลลัพธ์ใด หากเขาร่วมมือกับมู่เฉิน พวกเขาอาจทำให้จงเถิงบ้าดีเดือดขึ้นมา แม้แต่พวกเขาก็ต้องจ่ายราคามหาศาลจากการตีโต้

ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับพวกเขาคือการได้ที่นั่งเพื่อเข้าสู่ชั้นสี่

เมื่อจงเถิงเห็นคำตอบของมั่วเฟิงก็รู้สึกโล่งใจในใจ เขาถอยกลับอย่างรวดเร็วออกจากจุดที่มู่เฉินและมั่วเฟิงอยู่ เขาครุ่นคิดสั้นๆ ก่อนจะเลือกปะทะกับคนที่อ่อนแอกว่า

พอมู่เฉินเห็นจงเถิงไปแล้วก็ไม่ได้ใส่ใจอีกต่อไป สายตาหันมามองมั่วเฟิงแล้วก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้มแสดงความขอบคุณในการช่วยเหลือครั้งนี้

สายตาของมั่วเฟิงเป็นมิตรมากขึ้น คิดว่าการที่มู่เฉินเอาชนะลู่สุย ทำให้มั่วเฟิงมองมู่เฉินในฐานะจอมยุทธ์ที่อยู่ในระดับเดียวกันกับเขา ดังนั้นจึงไม่ได้มีท่าทางเฉยเมยเหมือนเมื่อก่อน

มั่วเฟิงพยักหน้าให้มู่เฉิน ก่อนที่จะหันหลังกลับและเริ่มเลือกคู่ต่อสู้ของตนเอง

ครืน!

เมื่อทุกคนเลือกคู่ต่อสู้แล้ว ทันใดนั้นคลื่นหลิงก็ระเบิดรุนแรงบนลานเมฆสายฟ้า คลื่นกระแทกกวาดออก ทำให้มิติเกิดการสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นไม่หยุด

บนลานเมฆสายฟ้าพลังงานหลิงกวาดหายนะ มีเพียงตรงมู่เฉินเท่านั้นที่ไม่ถูกรบกวน เนื่องจากไม่มีใครกล้าเหยียบเข้ามาในรัศมีพันจั้ง ยามนี้เขาเหมือนผู้ชมที่ดูการต่อสู้ติดขอบ ในเวลาเดียวกันก็บันทึกกระบวนท่าที่ทรงพลังของบางคนไว้ในสมอง

แม้ว่าในชั้นนี้พวกเขาอาจไม่ได้ประลองกัน แต่ก็ยังมีอีกสองชั้นรอพวกเขาอยู่ ใครจะสามารถรับประกันได้ว่าจะไม่มีการลดจำนวนลงในชั้นต่อไป?

ดังนั้นถ้ามีโอกาสเขาต้องพยายามจดจำข้อมูลผู้อื่นเก็บไว้

ภายใต้การสังเกตของมู่เฉิน การประลองบนลานเมฆสายฟ้าก็คงอยู่ชั่วระยะหนึ่ง ก่อนที่แต่ละคู่จะมาถึงจุดสิ้นสุด ผลลัพธ์ก็เป็นไปตามที่คาดไว้

หลังจากมู่เฉินก็เป็นหานซันที่เอาชนะคู่ต่อสู้ได้ที่นั่งที่สองไป

จากนั้นมั่วเฟิงและจงเถิงก็คว้าชัยชนะตามมา

ที่นั่งสุดท้ายตกเป็นของสีคุนที่ก่อนหน้านี้เคยแพ้หานซันที่ด้านนอกเจดีย์ ชายนี้มีความแข็งแกร่งที่น่าตกใจ แม้แต่หานซันยังต้องใช้ทักษะเต็มที่ถึงจะได้รับชัยชนะมา

เมื่อสีคุนได้รับที่นั่งสุดท้ายลานเมฆสายฟ้าขนาดใหญ่ก็เงียบลงอีกครั้ง ร่างทั้งห้ายืนอยู่ ขณะรัศมีไร้ขอบเขตทั้งห้าสายพุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าชนกันเปรี้ยงปร้าง

ทว่าการชนกันก็ดำเนินไปเพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ ก่อนที่ทั้งห้าจะถอนคลื่นพลังพร้อมกัน พวกเขาเหลือบมองกันและกัน จากนั้นก็ไม่ลังเลทะยานออกไปปรากฏตัวบนเบาะทั้งห้า

สายตาพวกเขาพุ่งตรงไปยังมิติด้านหลังลานเมฆสายฟ้าด้วยความโลภ ตรงนั้นเส้นดาวหางจำนวนมากกวาดผ่านราวกับฝนดาวตก

ในแสงเหล่านั้นแก่นหยดสายฟ้ากำลังกะพริบด้วยความแวววาว


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท