หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – ตอนที่ 1236

ตอนที่ 1236

บทที่ 1236 ผู้ที่มีโอกาสชนะสูงสุด
เมื่อมู่เฉินและลั่วหลีไปถึงเมืองซีเทียนจั้น

ที่นี่ก็เต็มไปด้วยผู้คน สิ่งที่ทำให้พวกเขาตกตะลึงที่สุดก็คือความผันผวนของคลื่นหลิงที่ไร้ขอบเขตพวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า ระลอกคลื่นทุกเส้นสายอยู่ในระดับตี้จื้อจุน

“แหล่งรวมยอดยุทธ์จริงๆ”

มู่เฉินอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ ฉากนี้อลังการยิ่งกว่าการเปิดวังสวรรค์บรรพกาลเสียอีก

“นี่คือการแข่งขันชิงตำแหน่งนักรบทวีป ในมหาพันภพตำแหน่งนักรบทวีปเทียบเท่ากับตั๋วเข้าสู่ระดับเทียนจื้อจุน ไม่มีจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนคนใดที่สามารถต้านทานสิ่งล่อใจนี้ได้ ถ้าไม่ใช่ว่าทุกขั้วอำนาจถูกจำกัดไว้เพียงหนึ่งสิทธิ์ ข้าเองก็อยากเข้าไปลองขอทดสอบโชคชะตามั่ง” ลั่วเทียนเสินกล่าวด้วยยิ้ม

แม้ว่าตระกูลลั่วเสินเพิ่งจะตั้งหลักได้ แต่ลั่วเทียนเสินก็ยังเป็นคนพามู่เฉินและลั่วหลีมายังเมืองซีเทียนจั้นด้วยตนเอง เนื่องจากราชโองการของจักรพรรดิสัประยุทธ์ทำให้ผู้คนคุกคามมู่เฉิน ดังนั้นเขาจึงติดตามมาด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัยในกรณีที่มีอะไรเกิดขึ้น

“ด้วยกำลังของท่านปู่ ถึงแม้ว่าจะเข้าร่วมในสนามรบระดับตี้จื้อจุนขั้นปลายก็ไม่สามารถเอาชนะได้หรอกนะ” ลั่วหลีกล่าวยิ้มๆ

วันนี้ลั่วหลีสวมชุดสีดำพอดีกับรูปร่างที่บอบบางของนางซึ่งช่วยขับเน้นรูปร่าง ทว่านางกลับสวมผ้าคลุมหน้า ตั้งแต่นางได้รับมรดกร่างเทพวารี รูปลักษณ์ของนางก็ยิ่งสวยสะดุดตามากยิ่งขึ้น มากจนกระทั่งมู่เฉินก็ยังลุ่มหลงเมื่อจ้องมองนาง ดังนั้นเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาที่จะเกิดขึ้นนางจึงเลือกสวมผ้าคลุมหน้าไว้

แต่นางไม่รู้ว่ารูปลักษณ์ที่คลุมเครือกลับยิ่งดึงดูดผู้คนขึ้นมาก

เมื่อลั่วเทียนเสินได้ยินคำพูดขวานผ่าซากของหลานสาว เขาก็ฮึดฮัดขึ้น “ไอ้หนูมู่เฉินก็เข้าร่วมสนามระดับตี้จื้อจุนขั้นปลายด้วยพลังแค่นี้ ทำไมเจ้าไม่ว่ากระทบเขามั่ง?”

“แม้แต่เทพจักรพรรดิอัคคียังรู้สึกว่าเขาจะชนะ สายตาของข้าจะไปเปรียบเทียบกับผู้อาวุโสเซียวเหยียนได้อย่างไร?” ลั่วหลีหัวเราะเบาๆ

“ชิ ลิ้นชักคมใหญ่แล้วนะยัยหนู!”

ลั่วเทียนเสินกลอกตา ก่อนจะจ้องมองไปที่มู่เฉินด้วยความหมั่นไส้ จากนั้นก็พุ่งไปยังเมื่อซีเทียนจั้นแบบงอนๆ

มู่เฉินยักไหล่ขณะที่ลั่วหลีขยิบตา อากัปกิริยานี้ทำให้หัวใจของเขาพองโต ก่อนที่เขาจะเอื้อมมือจับมือนุ่มของนาง

ลั่วหลีขัดขืนเล็กน้อย แต่สุดท้ายก็ยอมแพ้ปล่อยให้เขาจับมือพร้อมกับใบหน้าเห่อแดง ภายใต้สายตาอิจฉามากมาย ทั้งสองก็ทะยานตามหลังลั่วเทียนเสินไป

ทั้งสามเข้าสู่เมืองมุ่งหน้าไปยังอาคารทางตะวันตกเฉียงใต้ นี่เป็นจุดรวมตัวของผู้เข้าร่วมศึกนักรบทวีป

ทั้งสามคนใช้เวลาระยะหนึ่งก่อนที่จะมาถึงอาคารพร้อมกับความตกตะลึง นั่นเพราะพวกเขาสามารถรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าในอาคารแห่งนี้มีความผันผวนของคลื่นหลิงหลายร้อยสายมาบรรจบและปะทะกัน

นั่นก็หมายความว่ามีจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนไม่ต่ำกว่าร้อยคนในอาคารนี้ ดูเหมือนว่าจอมยุทธ์ตี้จื้อจุนส่วนใหญ่ของทวีปนี้จะมารวมตัวกันที่นี่

ขณะเดียวกันกับที่เกิดความตกใจพวกเขาก็เข้าไปด้านใน พื้นที่ภายในดูกว้างขวางมากพร้อมเสียงดังก้องตลอดเวลา

ทั้งสามกวาดสายตาหยุดที่บนแผ่นศิลาตรงกลางโถงที่วูบไหวด้วยแสงไฟซึ่งถูกล้อมรอบด้วยผู้คน

“นั่นอะไร?” ลั่วหลีถามอย่างสงสัย

“ตารางยอดนิยมของผู้มีโอกาสชนะศึกนักรบทวีป” ลั่วเทียนเสินมองไป ก่อนจะหันมาหยอกล้อมู่เฉิน

เมื่อมู่เฉินได้ยินคำพูดของเขาก็รู้สึกสนใจ ทั้งสามเดินเข้าไปกวาดสายตามอง เมื่อพวกเขาเห็นชื่อแรกบนตารางของสนามรบระดับตี้จื้อจุนขั้นต้น มู่เฉินก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ

เนื่องจากอันดับแรกเป็นชื่อของลั่วหลี

มีตัวเลขกะพริบอยู่ข้างหลังชื่อของนาง ซึ่งเหมือนจะเป็นสองร้อยสามสิบล้าน ซึ่งมีหน่วยเป็นของเหลวจื้อจุน

“นั่นหมายความว่ามีของเหลวจื้อจุนรวมสองร้อยสามสิบล้านหยดวางเดิมพันข้างลั่วหลีในฐานะผู้ชนะของสนามรบระดับตี้จื้อจุนขั้นต้น” ลั่วเทียนเสินยิ้มตาหยี

มู่เฉินพยักหน้าก่อนจะเลื่อนสายตาลงไป ที่สองก็มองข้ามไม่ได้ โดยมีของเหลวจื้อจุนสองร้อยล้านหยดตามชื่อของหลิงเฟยจื่อ

“หลิงเฟยจื่อหนึ่งในสี่เทพจอมยุทธ์น่ะรึ?” มู่เฉินพยักหน้าหงึกหงัก ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมนางถึงเป็นรองจากลั่วหลี

ไม่ช้าสายตาของเขาก็ย้ายไปที่ตารางยอดนิยมของระดับตี้จื้อจุนขั้นปลาย จิตสังหารรุนแรงกวาดเข้าใส่ การแข่งขันสมรภูมินี้ดุเดือดยิ่งกว่าขั้นต้นหลายเท่า

พี่ใหญ่เทพจอมยุทธ์หลิงจั้นจื่อยืนหนึ่งด้วยจำนวนของเหลวจื้อจุนจำนวนสี่ร้อยล้านหยด ทำให้มู่เฉินแอบเดาะลิ้นเลยทีเดียว ย้อนกลับไปที่ทวีปเทียนหลัวองค์ชายใหญ่แห่งราชวงศ์เซี่ยก็ถึงกับใบหน้าดำคล้ำเมื่อถูกกรรโชกทรัพย์เป็นของเหลวจื้อจุนร้อยล้านหยดจากหลินจิ้ง จำนวนสี่ร้อยล้านหยดเป็นสิ่งที่แม้ว่าขั้วอำนาจระดับสูงจะจ่ายออกมาทั้งหมดก็ไม่อาจรวบรวมถึง

ถัดลงมาก็เป็นเทพจอมยุทธ์อีกสองคนคือหลิงเจี้ยนจื่อและหลิงหลงจื่อที่มีของเหลวจื้อจุนรวมกันถึงห้าร้อยล้านหยดเลยทีเดียว

“เทพจอมยุทธ์ทั้งสี่มีชื่อเสียงแท้จริง” เมื่อเห็นสามอันดับสูงสุดที่เทพจอมยุทธ์ครอบครอง มู่เฉินก็อดถอนหายใจไม่ได้

จากนั้นชื่อคุ้นหูอีกส่วนก็ไล่ตามมา หลิ่วซิงเฉิน ซูมู่และฉู่เหมินที่ลั่วหลีบอกเอาไว้ก่อนหน้า

ยอดรวมของการเดิมพันของพวกเขาไม่ได้ด้อยกว่าหลิงเจี้ยนจื่อและหลิงหลงจื่อรวมกัน เห็นได้ชัดว่าหลายคนรู้สึกว่าพวกเขาสามารถแข่งขันกับเทพจอมยุทธ์ทั้งสามแห่งตำหนักซีเทียนได้

การวางเดิมพันลดลงอย่างมากหลังจากนั้น เนื่องจากส่วนใหญ่ถูกรวบรวมในหกอันดับแรก

“เฮ้ เจ้าเห็นชื่อตัวเองยัง?” ขณะที่มู่เฉินถอนหายใจกับการวางเดิมพัน ลั่วเทียนเสินก็หัวเราะเบาๆ ด้วยความประสงค์ร้าย

มู่เฉินไล่สายตาลงไปจากนั้นมุมปากก็กระตุก นั่นเป็นเพราะเขาเห็นว่าชื่อตนเองเป็นชื่อสุดท้ายบนตารางโดยมีของเหลวจื้อจุนห้าแสนหยดเป็นเดิมพัน

เมื่อเปรียบเทียบกับการเดิมพันคนอื่นๆ แล้วดูเขาน่าสงสารเหลือเกิน

ลั่วหลีอดไม่ได้ที่จะยิ้ม จากนั้นก็เปล่งเสียงปลอบโยน “คนเหล่านี้ตาบอดจริงๆ…”

มู่เฉินถูจมูก ไม่ได้สนใจมากนั้น “ข้าคิดว่าคงไม่มีใครโง่พอที่จะเดิมพันกับจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นต้นที่ลงแข่งขันในสนามรบระดับตี้จื้อจุนขั้นปลายแล้วจะเป็นผู้ชนะหรอก”

“เฮ้ ดูเหมือนเจ้ารู้จักตัวเองดีนี่”

ทว่าทันใดนั้นเสียงมากวัยก็ดังขึ้นหลังจากมู่เฉินเอ่ยเยาะตัวเอง

มู่เฉิน ลั่วหลีและลั่วเทียนเสินขมวดคิ้วเมื่อเห็นเสี่ยหลิงจื่อจ้องมาทางพวกเขาด้วยสายตากินเลือดกินเนื้อ

“ก็ว่าเป็นใคร หมาจนตรอกนี่เอง” สีหน้าของลั่วเทียนเสินเย็นชาลง สาเหตุที่เขาว่ากระทบมู่เฉินก็เพราะพวกเขาหยอกล้อกันเล่นแบบปู่หลาน ตอนนี้พอเสี่ยหลิงจื่อโผล่มากัดมู่เฉินไม่ปล่อยก็ทำให้เขาทนไม่ได้

ใบหน้าของเสี่ยหลิงจื่อดิ่งลงก่อนที่จะเค้นเสียงเย็น หันกลับไปพูดกับคนด้านหลัง “ฮ่าๆ พี่สงป้า เจ้าสนใจมู่เฉินคนนี้ไม่ใช่เหรอ? เขานี่แหละ”

“เด็กเหลือขอที่ไม่ประมาณตนเอง อาศัยเทพจักรพรรดิอัคคีมองข้ามหัวจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลายในทวีปของข้า วันนี้เขาจะได้เข้าร่วมสนามรบระดับตี้จื้อจุนขั้นปลายด้วยขุมพลังกระจ้อยร่อย ช่างน่าตลกนัก”

เสี่ยหลิงจื่อไม่ออมเสียง ไม่ช้าก็ดังสะท้อนไปทั่วอาคาร ทำให้เกิดความปั่นป่วน ทุกคนกวาดสายตามาที่มู่เฉิน

“เขาคือมู่เฉินเหรอ?”

“เขาดูเด็กมาก…โดดเด่นแท้จริง แต่ก็หยิ่งยโสนัก สนามรบระดับตี้จื้อจุนขั้นปลายไม่ใช่ที่ที่เขาสามารถเข้าร่วมได้ในตอนนี้”

“ฮ่าๆ การมีกองหนุนทรงพลังเป็นสิ่งที่ดี ได้กระทั่งสิทธิ์เข้าร่วมการแข่งขันนักรบทวีป”

“…”

เสียงนินทาดังกึกก้อง พวกเขาส่วนใหญ่ไม่พอใจที่มู่เฉินเข้ามาแทรกในการแข่งขันศึกนักรบทวีปของทวีปซีเทียนนัก

ชายร่างกำยำที่ด้านหลังเสี่ยหลิงจื่อก็สาดสายตาดุร้ายไปที่มู่เฉินพลางตะคอกเสียงเย็นชา “เป็นเด็กเหลือขอที่ใช้สิทธิ์เปล่าประโยชน์สิ้นเชิง!”

เสียงของเขาอัดแน่นด้วยความขุ่นเคือง เขาเป็นจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลายที่เพิ่งจะสวามิภักดิ์ต่อตำหนักซีเทียน ดังนั้นเขาจึงไม่มีสิทธิ์เข้าร่วมได้ ทว่ามู่เฉินที่เป็นคนนอกที่ไม่มีฐานอะไรในตำหนักซีเทียน กลับได้รับสิทธิ์ให้เข้าร่วม ดังนั้นเขาจึงรู้สึกว่าช่างไม่ยุติธรรม

“ไอ้หนู แกกล้าที่จะสู้กับข้าไหม? หากแกแพ้ก็ยกสิทธิ์ให้ข้า จะได้ไม่ต้องเอาชีวิตไปทิ้งในสนามรบ” สงป้ามองมู่เฉินด้วยสายตาที่ดุร้าย

ทว่ามู่เฉินเพียงยกคิ้วเมื่อเผชิญกับการยั่วยุของสงป้า สีหน้าดูนิ่งสงบแต่แล้วคำพูดของเขากลับทำให้อาคารทั้งหลังเงียบกริบลง

“แกเป็นใครมีสิทธิ์อะไรที่จะมาขอที่ข้า?”

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler ฟรี ได้ที่ novel-fast 


เรื่องย่อ

โดย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler บางส่วนของนิยาย

บทนำ

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป

‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้

แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์

แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว

ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ

เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง?

ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน…

เรื่องย่อ

เมื่อคำพูดของมู่เฉินกระจายออกไป ไม่เพียงแต่จะไม่มีการตอบสนอง แม้แต่ด้านนอกเจดีย์ก็ถูกห่อหุ้มด้วยบรรยากาศราวกับป่าช้า…

ทุกคนตกตะลึงไปกับฉากนี้ พวกเขาจ้องมองจุดที่ลู่สุยหายตัวไป ราวกับว่ายังไม่สามารถฟื้นจากอาการตะลึงงันที่เกิดขึ้นได้

ก่อนหน้าเมื่อลู่สุยออกกระบวนท่าที่น่าสะพรึง ผู้คนส่วนใหญ่ก็คิดว่าผลลัพธ์ของการต่อสู้ได้ถูกกำหนดแล้ว ทว่าพวกเขาไม่คิดเลยว่ามู่เฉินจะพลิกสถานการณ์ได้อีกครั้ง เตะลู่สุยที่เหมือนจะคว้าชัยชนะออกไป

ทุกคนตะลึงไปพักใหญ่ ก่อนที่พวกเขาจะหลุดออกจากอาการได้ สายตาเคร่งเครียดลง การประลองกันครั้งนี้มู่เฉินไม่ได้ใช้ค่ายกล แต่เขาก็สามารถเอาชนะจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดอย่างลู่สุยได้ด้วยความแข็งแกร่งที่อยู่ในขั้นหกเท่านั้น แม้ว่าจะมีผลจากลู่สุยประมาทเองในตอนแรก แต่นั่นก็แสดงให้เห็นว่ามู่เฉินน่ากลัวแค่ไหน

พลังเช่นนี้เขาสามารถเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์อันดับต้นๆ ในเจดีย์ฝึกพลังกายได้เลยทีเดียว

ทางฝั่งกลุ่มกระเรียนฟ้า ใบหน้าของหลิ่วชิงกลายเป็นเขียวสลับขาว นางมองไปที่ร่างสูงโปร่งบนหน้าจอ กลืนน้ำลายเหนียวหนืด ความกลัวปรากฏในดวงตาของนางเป็นครั้งแรก

มาถึงจุดนี้นางคงโง่แน่ถ้ายังคิดปฏิบัติต่อมู่เฉินเหมือนกับจอมยุทธ์ขั้นหกทั่วไป

ด้วยพลังในการต่อสู้ที่เขาแสดงออกมา บวกกับค่ายกลทรงพลัง แม้แต่จงเถิงก็ยากจะได้เปรียบหากพวกเขาต่อสู้กัน

ก่อนหน้านี้นางหัวเราะเยาะและมองจิ่วโยวด้วยความดูถูก แต่ตอนนี้นางอายแทบแทรกแผ่นดินหนี ซึ่งจุดนี้รู้ได้จากสายตาเยาะเย้ยเหล่านั้นที่ปรายมองเข้ามา

“ทำไมมู่เฉินถึงทรงพลังเช่นนี้?” จงฮั้วที่พ่ายแพ้ให้กับมู่เฉินก็มีสีหน้าเคร่งขรึมเช่นกัน ก่อนหน้านี้เขาเคยคิดเช่นกันว่ามู่เฉินพึ่งพาเพียงค่ายกลเพื่อจัดการกับศัตรู แต่ใครจะคิดว่าเมื่อไม่มีการใช้ค่ายกลมู่เฉินก็สามารถเอาชนะลู่สุยแบบดุร้ายยิ่งกว่าอะไร

“ดูเหมือนว่ามีเพียงพี่ใหญ่จงเถิงเท่านั้นที่สามารถจัดการกับเขาได้” จอมยุทธ์อีกคนของเผ่ากระเรียนฟ้าพยักหน้า

หลิ่วชิงพยักหน้าเบาๆ ไม่เพียงแต่พวกเขาจะพิจารณาพลังของมู่เฉินพลาดไปเท่านั้น แม้แต่จงเถิงก็ตัดสินอีกฝ่ายผิดไป ชายคนนั้นเป็นสัตว์ประหลาดอย่างแท้จริง

ฟิ้ว!

ขณะที่นอกเจดีย์ต่างตกตะลึงกับผลลัพธ์ที่มู่เฉินนำมา ทันใดนั้นแสงก็กะพริบบนแท่นนอกเจดีย์ ร่างน่าสังเวชปรากฏขึ้น

เมื่อร่างนั้นออกมาก็รีบถอยกลับไปปรากฏตัวขึ้นในกลุ่มอีกาสายฟ้าทันควัน นี่ก็คือลู่สุยที่มีสีหน้าซีดขาว คลื่นหลิงของเขาถดถอยลงอย่างมาก

สายตาโดยรอบยิงเข้าหาในเวลานี้ทันที

ใบหน้าของลู่สุยเขียวคล้ำ สายตาเกลียดชังมองไปที่มู่เฉินที่อยู่บนหน้าจอ ก่อนที่จะหันหัวสาดสายตาดุร้ายใส่จิ่วโยวและมั่วหลิง ที่ข้างๆ พรรคพวกของเขาก็มีท่าทางไม่ดีเช่นกัน

ทว่าจิ่วโยวไม่กลัวที่จะเผชิญหน้ากับสายตาเหล่านั้น นางเค้นเสียงอย่างเย็นชา “ลูกหมาที่ถูกฟาดยังกล้าที่จะออกมาแยกเขี้ยวอีกเหรอ?”

ตอนนี้ลู่สุยบาดเจ็บสาหัส สูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไปหมด ส่วนคนที่เหลือก็ไม่มีอะไรต้องกลัว หากพวกเขากล้าที่จะคิดบัญชีกับพวกนาง จิ่วโยวก็ไม่คิดปล่อยพวกเขาไว้เป็นภัยคุกคามในอนาคตหรอก

สายตาแสดงความเกลียดชังของลู่สุยจ้องเขม็งอยู่ที่จิ่วโยว แต่สุดท้ายเขาก็ต้องถอนสายตาออกไปอย่างไม่เต็มใจ ก่อนที่จะถอยกลับนั่งลงบนซากปรักหักพังเข้าสมาธิเพื่อฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ

จอมยุทธ์กลุ่มอีกาสายฟ้าก็ปรากฏรอบตัวเขาเพื่อปกป้อง

เมื่อจิ่วโยวเห็นการตอบสนองนั่น นางก็ไม่ได้ใส่ใจกับพวกเขาอีก นางมองไปที่หน้าจออีกครั้งโดยพุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่ร่างเงาอ่อนเยาว์ มือที่กำแน่นผ่อนคลายลง

เห็นได้ชัดว่านี่เป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงสำหรับนางที่มู่เฉินจะเอาชนะได้เด็ดขาดแบบนี้ นั่นเป็นเพราะตามการประเมินของนางแม้ว่ามู่เฉินจะยืนยงอยู่ได้ก็เป็นยากที่จะเอาชนะลู่สุยด้วยขุมพลังจื้อจุนขั้นหกและถ้าการต่อสู้ถูกลากไปจนสุดอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบคาดไม่ถึง

ทว่าผลลัพธ์สุดท้ายที่ได้ก็ทำให้นางทั้งประหลาดใจและดีใจ

เห็นได้ชัดว่ามู่เฉินได้รับประโยชน์มหาศาลจากสามชั้นแรกของเจดีย์ฝึกพลังกาย ไม่เช่นนั้นเขาไม่สามารถแสดงพลังเป็นที่ประจักษ์เช่นนี้ได้

“ว่ากันว่าในชั้นสี่มหัศจรรย์กว่านี้มาก หากใครสามารถเข้าไปได้ พวกเขาจะสามารถได้รับผลประโยชน์เกินกว่าสามชั้นแรกมาก…”

จิ่วโยวยิ้มบาง ดูจากสถานการณ์ปัจจุบันไม่น่ามีปัญหาใดๆ ที่มู่เฉินจะเข้าสู่ชั้นสี่ สำหรับมั่วเฟิงความแข็งแกร่งของเขาเป็นหนึ่งในอันดับต้นของกลุ่มที่เข้าไป ดังนั้นจึงไม่ยากสำหรับเขาที่จะได้หนึ่งในห้าที่นั่งนี้ไปเช่นกัน

ดูเหมือนว่าการเดินทางมาที่เจดีย์ฝึกพลังกายโบราณครั้งนี้เผ่าวิหคโลกันตร์อาจเป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

บนลานเมฆสายฟ้า

ไม่มีใครตอบคำถามของมู่เฉิน ขณะนี้แม้แต่จอมยุทธ์ทรงอำนาจอย่างหานซันและสีคุนก็ยังรู้สึกหวาดระแวงมู่เฉินอยู่บ้าง ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกที่จะไม่ไปปะทะกับมนุษย์ผู้นี้

ดังนั้นคนทั้งหมดที่อยู่ที่นี่จึงเงียบลง ก่อนที่จะถอยออกจากรัศมีโดยรอบมู่เฉินอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณบอกว่าพวกเขาไม่ต้องการต่อสู้กับเขา

เมื่อมู่เฉินเห็นภาพนี้ก็ไม่มีอารมณ์ใดบนใบหน้า แต่ในใจกลับรู้สึกโล่งอก คนอื่นๆ เห็นเพียงฉากการต่อสู้ตระการที่เขาเอาชนะลู่สุยได้ แต่พวกเขาไม่รู้หรอกว่าหมัดที่เขาชกออกไปก่อนหน้านี้คือพลังงานส่วนเกินจากสามชั้นแรก

ร่างกายของมู่เฉินก่อนหน้าเปรียบเสมือนฟองน้ำที่ดูดซับน้ำจนถึงขีดจำกัด หมัดของเขาจึงเท่ากับบีบน้ำออกจนหมด ทำให้ร่างกายที่อัดแน่นกลับสู่สภาพเดิม

ดังนั้นถ้าให้เขาโจมตีแบบนั้นอีกครั้ง พลังก็จะไม่ทรงประสิทธิภาพเหมือนเมื่อครู่แน่นอน

ประสิทธิผลพิเศษชนิดนี้ของการสะสมพลังงานในร่างกายเป็นทักษะที่ได้มาจากกายามังกรหงส์ ด้วยวิธีนี้เขาจะได้รับผลลัพธ์ที่ไม่มีใครคาดคิดไว้ กลายเป็นไพ่ลับอีกใบหนึ่ง

“คัมภีร์หลงเฟิ่งทรงพลังจริงๆ”

แม้แต่มู่เฉินก็ยังชื่นชมในสิ่งนี้ คัมภีร์หลงเฟิ่งสมแล้วที่เป็นทักษะยอดเยี่ยมแท้จริง จากการประเมินของเขาคัมภีร์นี้ต้องอยู่ในระดับเสินทงแน่นอน ซึ่งไม่ธรรมดาแม้จะอยู่ในกลุ่มวิทยายุทธระดับเสินทงด้วย

มู่เฉินชื่นชมก่อนที่จะใจเย็นลง แม้ว่าตอนนี้จะไม่มีใครท้าทายเขา แต่เขาก็ไม่ตั้งใจที่จะท้าทายคนอื่นด้วยเช่นกัน เขายืนนิ่งบนตำแหน่งตนเองรอผลการคัดออก

สำหรับจงเถิง มู่เฉินรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นพวกยุแยงให้ลู่สุยมาปะทะกับเขา แต่เนื่องจากตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ดีในการจัดการ เขาจึงได้แต่ผลักแผนไปก่อน

แต่ถึงกระนั้นสายตาคมกล้าของมู่เฉินก็ยังจ้องเขม็งไปที่จงเถิง รอบตัวเต็มไปด้วยคลื่นหลิงราวกับเสือดาวที่กำลังจะจ้องตะครุบเหยื่ออัดแน่นด้วยภัยคุกคาม

เมื่อเห็นท่าทางของมู่เฉิน จงเถิงที่ประจันหน้ากับมั่วเฟิงก็รู้สึกอึดอัดใจ เขาต้องแยกสมาธิอยู่ตลอดเพื่อจับตามองมู่เฉิน ป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายเคลื่อนไหวมาประสานพลังกับมั่วเฟิง

ด้วยวิธีนี้สมาธิของจงเถิงจึงค่อนข้างฟุ้งซ่าน สุดท้ายเขาได้แต่กัดฟัน ถอนคลื่นหลิงและถอยออกจากบริเวณของมั่วเฟิง

“พี่มั่วยากสำหรับการต่อสู้ของเราที่จะได้ข้อสรุป ทำไมเราไม่ไปจัดการคนอื่นและรับที่นั่งมาล่ะ?” ขณะที่จงเถิงถอยกลับเสียงก็สะท้อนก้องไปด้วย

มั่วเฟิงจ้องมองจงเถิงอย่างไม่แยแสก่อนที่จะพยักหน้า นั่นเป็นเพราะเขารู้ว่าหากพวกเขายังอยู่ในสถานการณ์ยืนจ้องหน้ากันก็จะไม่เกิดผลลัพธ์ใด หากเขาร่วมมือกับมู่เฉิน พวกเขาอาจทำให้จงเถิงบ้าดีเดือดขึ้นมา แม้แต่พวกเขาก็ต้องจ่ายราคามหาศาลจากการตีโต้

ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับพวกเขาคือการได้ที่นั่งเพื่อเข้าสู่ชั้นสี่

เมื่อจงเถิงเห็นคำตอบของมั่วเฟิงก็รู้สึกโล่งใจในใจ เขาถอยกลับอย่างรวดเร็วออกจากจุดที่มู่เฉินและมั่วเฟิงอยู่ เขาครุ่นคิดสั้นๆ ก่อนจะเลือกปะทะกับคนที่อ่อนแอกว่า

พอมู่เฉินเห็นจงเถิงไปแล้วก็ไม่ได้ใส่ใจอีกต่อไป สายตาหันมามองมั่วเฟิงแล้วก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้มแสดงความขอบคุณในการช่วยเหลือครั้งนี้

สายตาของมั่วเฟิงเป็นมิตรมากขึ้น คิดว่าการที่มู่เฉินเอาชนะลู่สุย ทำให้มั่วเฟิงมองมู่เฉินในฐานะจอมยุทธ์ที่อยู่ในระดับเดียวกันกับเขา ดังนั้นจึงไม่ได้มีท่าทางเฉยเมยเหมือนเมื่อก่อน

มั่วเฟิงพยักหน้าให้มู่เฉิน ก่อนที่จะหันหลังกลับและเริ่มเลือกคู่ต่อสู้ของตนเอง

ครืน!

เมื่อทุกคนเลือกคู่ต่อสู้แล้ว ทันใดนั้นคลื่นหลิงก็ระเบิดรุนแรงบนลานเมฆสายฟ้า คลื่นกระแทกกวาดออก ทำให้มิติเกิดการสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นไม่หยุด

บนลานเมฆสายฟ้าพลังงานหลิงกวาดหายนะ มีเพียงตรงมู่เฉินเท่านั้นที่ไม่ถูกรบกวน เนื่องจากไม่มีใครกล้าเหยียบเข้ามาในรัศมีพันจั้ง ยามนี้เขาเหมือนผู้ชมที่ดูการต่อสู้ติดขอบ ในเวลาเดียวกันก็บันทึกกระบวนท่าที่ทรงพลังของบางคนไว้ในสมอง

แม้ว่าในชั้นนี้พวกเขาอาจไม่ได้ประลองกัน แต่ก็ยังมีอีกสองชั้นรอพวกเขาอยู่ ใครจะสามารถรับประกันได้ว่าจะไม่มีการลดจำนวนลงในชั้นต่อไป?

ดังนั้นถ้ามีโอกาสเขาต้องพยายามจดจำข้อมูลผู้อื่นเก็บไว้

ภายใต้การสังเกตของมู่เฉิน การประลองบนลานเมฆสายฟ้าก็คงอยู่ชั่วระยะหนึ่ง ก่อนที่แต่ละคู่จะมาถึงจุดสิ้นสุด ผลลัพธ์ก็เป็นไปตามที่คาดไว้

หลังจากมู่เฉินก็เป็นหานซันที่เอาชนะคู่ต่อสู้ได้ที่นั่งที่สองไป

จากนั้นมั่วเฟิงและจงเถิงก็คว้าชัยชนะตามมา

ที่นั่งสุดท้ายตกเป็นของสีคุนที่ก่อนหน้านี้เคยแพ้หานซันที่ด้านนอกเจดีย์ ชายนี้มีความแข็งแกร่งที่น่าตกใจ แม้แต่หานซันยังต้องใช้ทักษะเต็มที่ถึงจะได้รับชัยชนะมา

เมื่อสีคุนได้รับที่นั่งสุดท้ายลานเมฆสายฟ้าขนาดใหญ่ก็เงียบลงอีกครั้ง ร่างทั้งห้ายืนอยู่ ขณะรัศมีไร้ขอบเขตทั้งห้าสายพุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าชนกันเปรี้ยงปร้าง

ทว่าการชนกันก็ดำเนินไปเพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ ก่อนที่ทั้งห้าจะถอนคลื่นพลังพร้อมกัน พวกเขาเหลือบมองกันและกัน จากนั้นก็ไม่ลังเลทะยานออกไปปรากฏตัวบนเบาะทั้งห้า

สายตาพวกเขาพุ่งตรงไปยังมิติด้านหลังลานเมฆสายฟ้าด้วยความโลภ ตรงนั้นเส้นดาวหางจำนวนมากกวาดผ่านราวกับฝนดาวตก

ในแสงเหล่านั้นแก่นหยดสายฟ้ากำลังกะพริบด้วยความแวววาว


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท