หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – ตอนที่ 1239

ตอนที่ 1239

บทที่ 1239 เดิมพัน
ในอาคาร

ร่องลึกลากยาวจากโถงไปถึงประตู ทุกคนสาดสีหน้ามืดเคร่งครึ้มลง

ภาพจากเมื่อครู่ผิดปกติมากเกินไป พวกเขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นเลย

กำปั้นของสงป้าเป็นสิ่งที่แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขขั้นปลายยังต้องเผชิญหน้าด้วยความแข็งแกร่งเต็มที่ ทว่ามู่เฉินเพียงยกมือขึ้นปิดกั้นเท่านั้น ผลลัพธ์ทำเอาคลื่นหลิงของสงป้าอันตรธานหายไปกะทันหันและถูกชกจนกระอักเป็นเลือด

ช่างเป็นฉากที่ผิดปกติไม่ว่าจะมองอย่างไร

ดังนั้นแต่ละคนจึงจ้องมองด้วยความประหลาดใจไปที่มู่เฉินที่มีท่าทางสงบ พวกเขาไม่คิดว่าสงป้าจะแกล้งทำ จึงมีเพียงข้อสรุปเดียว มู่เฉินใช้วิธีที่พวกเขาไม่สามารถตรวจจับได้เอาชนะสงป้า

แต่ไม่ว่าจะอะไรก็ตาม… พวกเขาก็เข้าใจจากฉากสูญเสียของสงป้าแล้ว ถึงแม้ว่ามู่เฉินจะเป็นจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นต้น แต่เขามีความสามารถพิเศษและมีคุณสมบัติในการเข้าร่วมสนามรบระดับตี้จื้อจุนขั้นปลาย

บางคนที่ไม่พอใจมู่เฉินก่อนหน้าก็นิ่งลงจดจำชื่อเขาไว้ นั่นเป็นเพราะพวกเขาเริ่มรู้สึกถูกคุกคามจากมู่เฉินแล้ว

หากพวกเขายังไม่ระวังเมื่ออยู่ในสนามรบ ผลลัพธ์ของสงป้าก็จะเป็นตัวอย่างของพวกเขา…

ขณะที่ทุกคนมีความคิดวนเวียนในใจ สงป้าก็ตะเกียกตะกายยืนขึ้น ดวงตาเปลี่ยนเป็นสีแดง คลื่นหลิงรุนแรงที่ก่อนหน้าหายไปก็พวยพุ่งออกมาอีกครั้ง

หน้าอกของเขาหายดีขึ้นทันตา เนื่องจากมู่เฉินไม่ได้มีเจตนาจะฆ่ากัน ดังนั้นจึงทำให้คลื่นเขายุ่งเหยิงไปเท่านั้น แต่ก็ไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อชีวิต

ทว่า…ตัวเขาอายแทบแทรกแผ่นดินหนี แม้ว่าจะไม่ได้รับบาดเจ็บมากก็ตาม

สงป้าแผดเสียงขณะที่มองมู่เฉินด้วยดวงตาแดงก่ำ “ไอ้เวร แกใช้อุบายอะไร?!”

ความหดหู่ในหัวใจสงป้าสะสมจนถึงจุดสุด เขาไม่เคยคิดว่าจะสูญเสียการควบคุมพลังงานในร่างกายที่มี ซึ่งนี่เป็นวิธีการของมู่เฉินอย่างแน่นอน

เผชิญหน้ากับเสียงคำราม มู่เฉินก็ไม่สนใจมือคว้าขวดหยกเอาไว้ “ทักษะเจ้าด้อยกว่าข้าเอง”

“ข้าไม่ยอม!”

สงป้าตะเบ็งเสียงขณะที่กระทืบเท้าส่งแรงพุ่งออกไป

ทว่าเมื่อเผชิญหน้ากับการเคลื่อนไหวนี้ มู่เฉินก็ยกเปลือกตาขึ้นพูดอย่างเฉยเมยว่า “อีกหมัดเหรอ? งั้นก็เอาของเหลวจื้อจุนอีกแปดสิบล้านหยดมาจ่ายก่อน”

วาบ!

สงป้าชะงักท่าอยู่กลางอากาศ จ้องมองมู่เฉินแบบจะกินเลือดกินเนื้อคำรามลั่น “จะเอาอีกเรอะ? ฝันไปเถอะ!”

มู่เฉินยิ้ม “ไม่เป็นไร เดี๋ยวข้าจะให้ผู้อาวุโสขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นเต็มของตำหนักมู่ตามมาเก็บหนี้กับเจ้า ข้าเชื่อว่าเหตุผลแบบนี้จักรพรรดิสัประยุทธ์ก็คงแทรกแซงไม่ได้หรอก”

ใบหน้าสงป้าเขียวคล้ำ กำปั้นสั่นเทิ้ม ความโกรธในใจเขาเกือบทำให้อดใจฆ่ามู่เฉินไม่ได้ แต่เขาก็ระงับความโกรธลง เนื่องจากชายหนุ่มที่อยู่เบื้องหน้าไม่ใช่ธรรมดา เขามีพลังและความสัมพันธ์กับยอดยุทธ์ที่ไม่สามารถมองข้ามได้

“จำไว้เลย!”

ใบหน้าของสงป้าเปลี่ยนไปรุนแรง ก่อนที่จะพูดทิ้งไว้ภายใต้สายตาเย้ยหยันของทุกคน

เมื่อเสี่ยหลิงจื่อเห็นว่าสงป้าเผ่นหนีไป ใบหน้าเขาก็ดูน่าเกลียดขึ้นก่อนที่จะจ้องมองมู่เฉิน เขาไม่คิดว่าแม้แต่สงป้าก็ไม่สามารถทำอะไรอีกฝ่ายได้

“ไอ้เด็กเหลือขอนี่แกร่งขึ้นอีกแล้ว!”

เสี่ยหลิงจื่อกัดฟันกรอด ถึงเดือนที่แล้วมู่เฉินจะแสดงศักยภาพที่ไม่ธรรมดา แต่เสี่ยหลิงจื่อก็มั่นใจว่าตอนนั้นมู่เฉินยังไม่สามารถต่อกรการโจมตีของจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลายได้อย่างง่ายดายขนาดนี้

แต่ภายในหนึ่งเดือนกำลังของมู่เฉินก็เติบโตขึ้นอย่างมาก

“ครั้งหน้าถ้าอยากสู้ก็อย่าใช้ประโยชน์จากคนอื่น” มู่เฉินมองเสี่ยหลิงจื่ออย่างเย็นชา

เขารู้ได้โดยธรรมชาติว่าสงป้าถูกยุแยงโดยเสี่ยหลิงจื่อเพื่อสร้างปัญหาให้เขา

เสี่ยหลิงจื่อเค้นเสียงเย็นตอกกลับว่า “แม้ว่าข้าจะไม่รู้ว่าแกเล่นกลอะไร แต่หลายคนที่นี่จะหาทางป้องกันวิธีการของแกเมื่อเข้าสู่สนามรบ ในเวลานั้นแกจะไม่มีช่วงเวลาที่ดี”

แม้ว่าเสี่ยหลิงจื่อจะร้ายกาจและเจ้าเล่ห์ แต่เขาไม่ได้ตาถั่ว เขาบอกได้ว่าสงป้าแพ้เพราะคลื่นหลิงเข้าไปสัมผัสกับมู่เฉิน ถ้าป้องกันในจุดนี้ในอนาคตไพ่ตายของมู่เฉินจะมีประสิทธิภาพน้อยลงแน่

“ไอ้ตัวน่ารังเกียจ!”

ลั่วเทียนเสินกัดฟันแน่น เขาโกรธเสี่ยหลิงจื่อถึงขีดสุด

มู่เฉินสงบนิ่งขณะที่มองเสี่ยหลิงจื่อด้วยรอยยิ้ม “ถ้าเราได้เจอกันอีก ข้าจะบอกให้รู้ว่ายังมีไพ่ตายอื่นๆ อยู่ในสำรับอีกเยอะ…”

หัวใจของเสี่ยหลิงจื่อสั่นไหวเมื่อเห็นท่าทางของมู่เฉินจากนั้นก็เค้นเสียงในลำคอ “เหรอ? ข้าจะรอดู แต่แกก็ระวังเถอะ ถ้าถูกข้าฆ่าในสมรภูมิ แม้แต่เทพจักรพรรดิอัคคีก็แก้แค้นให้แกไม่ได้”

มู่เฉินหัวเราะ “ลมเน่าๆ อย่างแกมีความสามารถแบบนั้นซะที่ไหน”

เส้นเลือดบนหน้าผากของเสี่ยหลิงจื่อถึงกับกระตุกจากการดูถูกของมู่เฉิน ทว่าเขาก็กล้ำกลืนจ้องมองไปที่มู่เฉินอย่างน่าขนลุก ก่อนที่จะสะบัดแขนเดินออกไป

หลังจากเสี่ยหลิงจื่อและสงป้าไปแล้ว บรรยากาศในอาคารก็ค่อยๆ คืนกลับมา แต่หลังจากการต่อสู้นี้ทุกคนที่มองไปที่มู่เฉินก็เกิดความกลัวมากขึ้นและดูถูกน้อยลง

ดูเหมือนว่ามู่เฉินบรรลุเจตนารมณ์กับสงป้าเรียบร้อย อย่างน้อยก็ไม่มีใครมายุ่งกับเขา

หากแม้ต้องการก็ต้องคิดก่อนว่าพวกเขาสามารถจ่ายได้ไหม…

เมื่อหลิงเฟยจื่อก้มมองสงป้าที่จากไปจากชั้นสาม ใบหน้านางก็เขียวคล้ำเปล่งเสียงเกรี้ยวกราด “สวะ!”

นางจ่ายของเหลวจื้อจุนแปดสิบล้านหยดเพราะต้องการเห็นสงป้าบดขยี้ความมั่นใจของมู่เฉิน เพื่อจะได้ใช้โอกาสนี้กระทบกระเทียบลั่วหลี ทว่านางไม่คิดว่าสงป้าจะไร้ประโยชน์เช่นนั้น ไม่เพียงแต่จะไม่สามารถทำอะไรกับมู่เฉินได้ แต่ยังส่งของเหลวจื้อจุนถึงมือมู่เฉินด้วย

แม้ในฐานะที่เป็นเทพจอมยุทธ์แห่งตำหนักซีเทียน นี่ก็ยังเป็นจำนวนเงินที่มากสำหรับนาง

“แม่นางหลิงเฟยจื่อ ถ้าเจ้าเบื่อจริงๆ ทำไมไม่ไปเตรียมตัวอะไรเพิ่ม เมื่อเราอยู่ในสนามรบข้าจะเล่นกับเจ้าถึงใจเลยทีเดียว”

ขณะที่หลิงเฟ่ยซี่กำลังคั่งแค้น ลั่วหลีก็เงยหน้าขึ้นมองไปที่อีกฝ่ายอย่างเย็นชา ก่อนที่เสียงจะดังก้อง

เสียงลั่วหลีสะท้อนออกไป ทุกคนก็หันเหความสนใจมาที่นาง ดูเหมือนว่าเรื่องที่หลิงเฟยจื่อพยายามใช้สงป้าจัดการกับมู่เฉิน ทำให้จักรพรรดินีตระกูลลั่วเสินโกรธเคืองใจแล้ว

ในตอนนี้ลั่วหลีโกรธมากแล้ว นางจะมองไม่ออกได้อย่างไรว่าหลิงเฟยจื่อไม่เป็นมิตรกับนางอย่างมาก นางสามารถเพิกเฉยกับสิ่งนี้ได้ แต่นางไม่ยอมต่อความจริงที่หลิงเฟยจื่อพยายามสร้างปัญหากับมู่เฉิน

ดังนั้นนี่คือเหตุผลว่าทำไมนางถึงตอกกลับหลิงเฟยจื่อทันควัน

บนชั้นสามหลิงเฟยจื่อไม่คิดว่าลั่วหลีจะฟาดตรงๆ นางอึ้งไปวูบหนึ่งก่อนที่เค้นเสียงด้วยความโกรธ “เอาเลย ข้าจะไล่ล่าเจ้าจนจบ มาดูกันว่าใครจะชนะ!”

เมื่อจบคำพูดนางก็ไม่คิดอยู่ต่อ สะบัดแขนเสื้อจากไป

“เจ้าต้องระวังผู้หญิงคนนั้น” มองไปที่เงาของหลิงเฟยจื่อ มู่เฉินก็เอ่ยเตือนลั่วหลี บางครั้งการประลองระหว่างผู้หญิงก็โหดยิ่งกว่าผู้ชายเสียอีก

หลิงเฟยจื่อเห็นได้ชัดว่าไม่ใช่จอมยุทธ์ธรรมดา

ลั่วหลียิ้มบางกับคำเตือนของคนรัก “ข้ารู้ แต่ข้าก็ไม่ได้อยู่เฉยตลอดหลายปีเช่นกัน…”

มู่เฉินยิ้มพลางพยักหน้า ในเมื่อลั่วหลีสามารถนำพาตระกูลลั่วเสินฝ่าคลื่นลมมาได้ทั้งหมดด้วยตนเอง นางก็ต้องไม่ธรรมดาแน่นอน บางทีถึงหลิงเฟยจื่ออาจไม่ใช่ธรรมดา แต่มู่เฉินไม่รู้สึกว่านางจะเหนือกว่าเมื่อเผชิญหน้ากับลั่วหลี

“ไปกันเถอะ”

ลั่วเทียนเสินเอ่ย เตรียมพาทั้งสองคนไปพัก

“ช้าก่อน”

จู่ๆ มู่เฉินก็ยิ้มมองตารางยอดนิยม จากนั้นก็ส่งขวดของเหลวจื่อจุนแปดสิบล้านหยดให้กับผู้ดูแลด้วยรอยยิ้ม “ข้าจะขอเดิมพันของเหลวจื้อจุนทั้งหมดนี่”

“ไม่ทราบว่าต้องการเดิมพันใคร?” ผู้ดูแลอึ้งไปในเวลาสั้นๆ

มู่เฉินยิ้มกริ่ม ในเมื่อทุกคนในทวีปซีเทียนไม่พอใจเขา ดังนั้นก็ไม่จำเป็นต้องซ่อนตัว

เขาจึงยิ้มเอ่ยอีกครั้ง “ข้าเดิมพันว่าตัวเองชนะ”

ทันใดนั้นหัวใจของทุกคนก็สั่นไหว ความตกตะลึงวูบไหวในดวงตา มู่เฉินเดิมพันตัวเองชนะในสนามรบระดับตี้จื้อจุนขั้นปลายเรอะ?

ชายหนุ่มคนนี้…กล้าหาญอย่างแท้จริง

หรือว่างานนี้จะมีม้ามืดในสนามรบระดับตี้จื้อจุนขั้นปลายที่ไม่มีใครคาดคิด?

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler ฟรี ได้ที่ novel-fast 


เรื่องย่อ

โดย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler บางส่วนของนิยาย

บทนำ

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป

‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้

แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์

แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว

ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ

เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง?

ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน…

เรื่องย่อ

เมื่อคำพูดของมู่เฉินกระจายออกไป ไม่เพียงแต่จะไม่มีการตอบสนอง แม้แต่ด้านนอกเจดีย์ก็ถูกห่อหุ้มด้วยบรรยากาศราวกับป่าช้า…

ทุกคนตกตะลึงไปกับฉากนี้ พวกเขาจ้องมองจุดที่ลู่สุยหายตัวไป ราวกับว่ายังไม่สามารถฟื้นจากอาการตะลึงงันที่เกิดขึ้นได้

ก่อนหน้าเมื่อลู่สุยออกกระบวนท่าที่น่าสะพรึง ผู้คนส่วนใหญ่ก็คิดว่าผลลัพธ์ของการต่อสู้ได้ถูกกำหนดแล้ว ทว่าพวกเขาไม่คิดเลยว่ามู่เฉินจะพลิกสถานการณ์ได้อีกครั้ง เตะลู่สุยที่เหมือนจะคว้าชัยชนะออกไป

ทุกคนตะลึงไปพักใหญ่ ก่อนที่พวกเขาจะหลุดออกจากอาการได้ สายตาเคร่งเครียดลง การประลองกันครั้งนี้มู่เฉินไม่ได้ใช้ค่ายกล แต่เขาก็สามารถเอาชนะจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดอย่างลู่สุยได้ด้วยความแข็งแกร่งที่อยู่ในขั้นหกเท่านั้น แม้ว่าจะมีผลจากลู่สุยประมาทเองในตอนแรก แต่นั่นก็แสดงให้เห็นว่ามู่เฉินน่ากลัวแค่ไหน

พลังเช่นนี้เขาสามารถเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์อันดับต้นๆ ในเจดีย์ฝึกพลังกายได้เลยทีเดียว

ทางฝั่งกลุ่มกระเรียนฟ้า ใบหน้าของหลิ่วชิงกลายเป็นเขียวสลับขาว นางมองไปที่ร่างสูงโปร่งบนหน้าจอ กลืนน้ำลายเหนียวหนืด ความกลัวปรากฏในดวงตาของนางเป็นครั้งแรก

มาถึงจุดนี้นางคงโง่แน่ถ้ายังคิดปฏิบัติต่อมู่เฉินเหมือนกับจอมยุทธ์ขั้นหกทั่วไป

ด้วยพลังในการต่อสู้ที่เขาแสดงออกมา บวกกับค่ายกลทรงพลัง แม้แต่จงเถิงก็ยากจะได้เปรียบหากพวกเขาต่อสู้กัน

ก่อนหน้านี้นางหัวเราะเยาะและมองจิ่วโยวด้วยความดูถูก แต่ตอนนี้นางอายแทบแทรกแผ่นดินหนี ซึ่งจุดนี้รู้ได้จากสายตาเยาะเย้ยเหล่านั้นที่ปรายมองเข้ามา

“ทำไมมู่เฉินถึงทรงพลังเช่นนี้?” จงฮั้วที่พ่ายแพ้ให้กับมู่เฉินก็มีสีหน้าเคร่งขรึมเช่นกัน ก่อนหน้านี้เขาเคยคิดเช่นกันว่ามู่เฉินพึ่งพาเพียงค่ายกลเพื่อจัดการกับศัตรู แต่ใครจะคิดว่าเมื่อไม่มีการใช้ค่ายกลมู่เฉินก็สามารถเอาชนะลู่สุยแบบดุร้ายยิ่งกว่าอะไร

“ดูเหมือนว่ามีเพียงพี่ใหญ่จงเถิงเท่านั้นที่สามารถจัดการกับเขาได้” จอมยุทธ์อีกคนของเผ่ากระเรียนฟ้าพยักหน้า

หลิ่วชิงพยักหน้าเบาๆ ไม่เพียงแต่พวกเขาจะพิจารณาพลังของมู่เฉินพลาดไปเท่านั้น แม้แต่จงเถิงก็ตัดสินอีกฝ่ายผิดไป ชายคนนั้นเป็นสัตว์ประหลาดอย่างแท้จริง

ฟิ้ว!

ขณะที่นอกเจดีย์ต่างตกตะลึงกับผลลัพธ์ที่มู่เฉินนำมา ทันใดนั้นแสงก็กะพริบบนแท่นนอกเจดีย์ ร่างน่าสังเวชปรากฏขึ้น

เมื่อร่างนั้นออกมาก็รีบถอยกลับไปปรากฏตัวขึ้นในกลุ่มอีกาสายฟ้าทันควัน นี่ก็คือลู่สุยที่มีสีหน้าซีดขาว คลื่นหลิงของเขาถดถอยลงอย่างมาก

สายตาโดยรอบยิงเข้าหาในเวลานี้ทันที

ใบหน้าของลู่สุยเขียวคล้ำ สายตาเกลียดชังมองไปที่มู่เฉินที่อยู่บนหน้าจอ ก่อนที่จะหันหัวสาดสายตาดุร้ายใส่จิ่วโยวและมั่วหลิง ที่ข้างๆ พรรคพวกของเขาก็มีท่าทางไม่ดีเช่นกัน

ทว่าจิ่วโยวไม่กลัวที่จะเผชิญหน้ากับสายตาเหล่านั้น นางเค้นเสียงอย่างเย็นชา “ลูกหมาที่ถูกฟาดยังกล้าที่จะออกมาแยกเขี้ยวอีกเหรอ?”

ตอนนี้ลู่สุยบาดเจ็บสาหัส สูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไปหมด ส่วนคนที่เหลือก็ไม่มีอะไรต้องกลัว หากพวกเขากล้าที่จะคิดบัญชีกับพวกนาง จิ่วโยวก็ไม่คิดปล่อยพวกเขาไว้เป็นภัยคุกคามในอนาคตหรอก

สายตาแสดงความเกลียดชังของลู่สุยจ้องเขม็งอยู่ที่จิ่วโยว แต่สุดท้ายเขาก็ต้องถอนสายตาออกไปอย่างไม่เต็มใจ ก่อนที่จะถอยกลับนั่งลงบนซากปรักหักพังเข้าสมาธิเพื่อฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ

จอมยุทธ์กลุ่มอีกาสายฟ้าก็ปรากฏรอบตัวเขาเพื่อปกป้อง

เมื่อจิ่วโยวเห็นการตอบสนองนั่น นางก็ไม่ได้ใส่ใจกับพวกเขาอีก นางมองไปที่หน้าจออีกครั้งโดยพุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่ร่างเงาอ่อนเยาว์ มือที่กำแน่นผ่อนคลายลง

เห็นได้ชัดว่านี่เป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงสำหรับนางที่มู่เฉินจะเอาชนะได้เด็ดขาดแบบนี้ นั่นเป็นเพราะตามการประเมินของนางแม้ว่ามู่เฉินจะยืนยงอยู่ได้ก็เป็นยากที่จะเอาชนะลู่สุยด้วยขุมพลังจื้อจุนขั้นหกและถ้าการต่อสู้ถูกลากไปจนสุดอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบคาดไม่ถึง

ทว่าผลลัพธ์สุดท้ายที่ได้ก็ทำให้นางทั้งประหลาดใจและดีใจ

เห็นได้ชัดว่ามู่เฉินได้รับประโยชน์มหาศาลจากสามชั้นแรกของเจดีย์ฝึกพลังกาย ไม่เช่นนั้นเขาไม่สามารถแสดงพลังเป็นที่ประจักษ์เช่นนี้ได้

“ว่ากันว่าในชั้นสี่มหัศจรรย์กว่านี้มาก หากใครสามารถเข้าไปได้ พวกเขาจะสามารถได้รับผลประโยชน์เกินกว่าสามชั้นแรกมาก…”

จิ่วโยวยิ้มบาง ดูจากสถานการณ์ปัจจุบันไม่น่ามีปัญหาใดๆ ที่มู่เฉินจะเข้าสู่ชั้นสี่ สำหรับมั่วเฟิงความแข็งแกร่งของเขาเป็นหนึ่งในอันดับต้นของกลุ่มที่เข้าไป ดังนั้นจึงไม่ยากสำหรับเขาที่จะได้หนึ่งในห้าที่นั่งนี้ไปเช่นกัน

ดูเหมือนว่าการเดินทางมาที่เจดีย์ฝึกพลังกายโบราณครั้งนี้เผ่าวิหคโลกันตร์อาจเป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

บนลานเมฆสายฟ้า

ไม่มีใครตอบคำถามของมู่เฉิน ขณะนี้แม้แต่จอมยุทธ์ทรงอำนาจอย่างหานซันและสีคุนก็ยังรู้สึกหวาดระแวงมู่เฉินอยู่บ้าง ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกที่จะไม่ไปปะทะกับมนุษย์ผู้นี้

ดังนั้นคนทั้งหมดที่อยู่ที่นี่จึงเงียบลง ก่อนที่จะถอยออกจากรัศมีโดยรอบมู่เฉินอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณบอกว่าพวกเขาไม่ต้องการต่อสู้กับเขา

เมื่อมู่เฉินเห็นภาพนี้ก็ไม่มีอารมณ์ใดบนใบหน้า แต่ในใจกลับรู้สึกโล่งอก คนอื่นๆ เห็นเพียงฉากการต่อสู้ตระการที่เขาเอาชนะลู่สุยได้ แต่พวกเขาไม่รู้หรอกว่าหมัดที่เขาชกออกไปก่อนหน้านี้คือพลังงานส่วนเกินจากสามชั้นแรก

ร่างกายของมู่เฉินก่อนหน้าเปรียบเสมือนฟองน้ำที่ดูดซับน้ำจนถึงขีดจำกัด หมัดของเขาจึงเท่ากับบีบน้ำออกจนหมด ทำให้ร่างกายที่อัดแน่นกลับสู่สภาพเดิม

ดังนั้นถ้าให้เขาโจมตีแบบนั้นอีกครั้ง พลังก็จะไม่ทรงประสิทธิภาพเหมือนเมื่อครู่แน่นอน

ประสิทธิผลพิเศษชนิดนี้ของการสะสมพลังงานในร่างกายเป็นทักษะที่ได้มาจากกายามังกรหงส์ ด้วยวิธีนี้เขาจะได้รับผลลัพธ์ที่ไม่มีใครคาดคิดไว้ กลายเป็นไพ่ลับอีกใบหนึ่ง

“คัมภีร์หลงเฟิ่งทรงพลังจริงๆ”

แม้แต่มู่เฉินก็ยังชื่นชมในสิ่งนี้ คัมภีร์หลงเฟิ่งสมแล้วที่เป็นทักษะยอดเยี่ยมแท้จริง จากการประเมินของเขาคัมภีร์นี้ต้องอยู่ในระดับเสินทงแน่นอน ซึ่งไม่ธรรมดาแม้จะอยู่ในกลุ่มวิทยายุทธระดับเสินทงด้วย

มู่เฉินชื่นชมก่อนที่จะใจเย็นลง แม้ว่าตอนนี้จะไม่มีใครท้าทายเขา แต่เขาก็ไม่ตั้งใจที่จะท้าทายคนอื่นด้วยเช่นกัน เขายืนนิ่งบนตำแหน่งตนเองรอผลการคัดออก

สำหรับจงเถิง มู่เฉินรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นพวกยุแยงให้ลู่สุยมาปะทะกับเขา แต่เนื่องจากตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ดีในการจัดการ เขาจึงได้แต่ผลักแผนไปก่อน

แต่ถึงกระนั้นสายตาคมกล้าของมู่เฉินก็ยังจ้องเขม็งไปที่จงเถิง รอบตัวเต็มไปด้วยคลื่นหลิงราวกับเสือดาวที่กำลังจะจ้องตะครุบเหยื่ออัดแน่นด้วยภัยคุกคาม

เมื่อเห็นท่าทางของมู่เฉิน จงเถิงที่ประจันหน้ากับมั่วเฟิงก็รู้สึกอึดอัดใจ เขาต้องแยกสมาธิอยู่ตลอดเพื่อจับตามองมู่เฉิน ป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายเคลื่อนไหวมาประสานพลังกับมั่วเฟิง

ด้วยวิธีนี้สมาธิของจงเถิงจึงค่อนข้างฟุ้งซ่าน สุดท้ายเขาได้แต่กัดฟัน ถอนคลื่นหลิงและถอยออกจากบริเวณของมั่วเฟิง

“พี่มั่วยากสำหรับการต่อสู้ของเราที่จะได้ข้อสรุป ทำไมเราไม่ไปจัดการคนอื่นและรับที่นั่งมาล่ะ?” ขณะที่จงเถิงถอยกลับเสียงก็สะท้อนก้องไปด้วย

มั่วเฟิงจ้องมองจงเถิงอย่างไม่แยแสก่อนที่จะพยักหน้า นั่นเป็นเพราะเขารู้ว่าหากพวกเขายังอยู่ในสถานการณ์ยืนจ้องหน้ากันก็จะไม่เกิดผลลัพธ์ใด หากเขาร่วมมือกับมู่เฉิน พวกเขาอาจทำให้จงเถิงบ้าดีเดือดขึ้นมา แม้แต่พวกเขาก็ต้องจ่ายราคามหาศาลจากการตีโต้

ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับพวกเขาคือการได้ที่นั่งเพื่อเข้าสู่ชั้นสี่

เมื่อจงเถิงเห็นคำตอบของมั่วเฟิงก็รู้สึกโล่งใจในใจ เขาถอยกลับอย่างรวดเร็วออกจากจุดที่มู่เฉินและมั่วเฟิงอยู่ เขาครุ่นคิดสั้นๆ ก่อนจะเลือกปะทะกับคนที่อ่อนแอกว่า

พอมู่เฉินเห็นจงเถิงไปแล้วก็ไม่ได้ใส่ใจอีกต่อไป สายตาหันมามองมั่วเฟิงแล้วก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้มแสดงความขอบคุณในการช่วยเหลือครั้งนี้

สายตาของมั่วเฟิงเป็นมิตรมากขึ้น คิดว่าการที่มู่เฉินเอาชนะลู่สุย ทำให้มั่วเฟิงมองมู่เฉินในฐานะจอมยุทธ์ที่อยู่ในระดับเดียวกันกับเขา ดังนั้นจึงไม่ได้มีท่าทางเฉยเมยเหมือนเมื่อก่อน

มั่วเฟิงพยักหน้าให้มู่เฉิน ก่อนที่จะหันหลังกลับและเริ่มเลือกคู่ต่อสู้ของตนเอง

ครืน!

เมื่อทุกคนเลือกคู่ต่อสู้แล้ว ทันใดนั้นคลื่นหลิงก็ระเบิดรุนแรงบนลานเมฆสายฟ้า คลื่นกระแทกกวาดออก ทำให้มิติเกิดการสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นไม่หยุด

บนลานเมฆสายฟ้าพลังงานหลิงกวาดหายนะ มีเพียงตรงมู่เฉินเท่านั้นที่ไม่ถูกรบกวน เนื่องจากไม่มีใครกล้าเหยียบเข้ามาในรัศมีพันจั้ง ยามนี้เขาเหมือนผู้ชมที่ดูการต่อสู้ติดขอบ ในเวลาเดียวกันก็บันทึกกระบวนท่าที่ทรงพลังของบางคนไว้ในสมอง

แม้ว่าในชั้นนี้พวกเขาอาจไม่ได้ประลองกัน แต่ก็ยังมีอีกสองชั้นรอพวกเขาอยู่ ใครจะสามารถรับประกันได้ว่าจะไม่มีการลดจำนวนลงในชั้นต่อไป?

ดังนั้นถ้ามีโอกาสเขาต้องพยายามจดจำข้อมูลผู้อื่นเก็บไว้

ภายใต้การสังเกตของมู่เฉิน การประลองบนลานเมฆสายฟ้าก็คงอยู่ชั่วระยะหนึ่ง ก่อนที่แต่ละคู่จะมาถึงจุดสิ้นสุด ผลลัพธ์ก็เป็นไปตามที่คาดไว้

หลังจากมู่เฉินก็เป็นหานซันที่เอาชนะคู่ต่อสู้ได้ที่นั่งที่สองไป

จากนั้นมั่วเฟิงและจงเถิงก็คว้าชัยชนะตามมา

ที่นั่งสุดท้ายตกเป็นของสีคุนที่ก่อนหน้านี้เคยแพ้หานซันที่ด้านนอกเจดีย์ ชายนี้มีความแข็งแกร่งที่น่าตกใจ แม้แต่หานซันยังต้องใช้ทักษะเต็มที่ถึงจะได้รับชัยชนะมา

เมื่อสีคุนได้รับที่นั่งสุดท้ายลานเมฆสายฟ้าขนาดใหญ่ก็เงียบลงอีกครั้ง ร่างทั้งห้ายืนอยู่ ขณะรัศมีไร้ขอบเขตทั้งห้าสายพุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าชนกันเปรี้ยงปร้าง

ทว่าการชนกันก็ดำเนินไปเพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ ก่อนที่ทั้งห้าจะถอนคลื่นพลังพร้อมกัน พวกเขาเหลือบมองกันและกัน จากนั้นก็ไม่ลังเลทะยานออกไปปรากฏตัวบนเบาะทั้งห้า

สายตาพวกเขาพุ่งตรงไปยังมิติด้านหลังลานเมฆสายฟ้าด้วยความโลภ ตรงนั้นเส้นดาวหางจำนวนมากกวาดผ่านราวกับฝนดาวตก

ในแสงเหล่านั้นแก่นหยดสายฟ้ากำลังกะพริบด้วยความแวววาว


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท