หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – ตอนที่ 1234

ตอนที่ 1234

หนึ่งในใต้หล้า 大主宰
บทที่ 1234 เจดีย์ผลึกใสทรงพลัง
บนภูเขาด้านหลังของวังลั่วเสิน

มู่เฉินที่นั่งอยู่บนยอดเขาสูงสุดก็ลืมตาขึ้นหลังจากเข้าสมาธิมาสิบวัน แต่ขณะนี้ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความกลัวที่กวนตัว

“เส้นยาแดงผ่าแปด…”

มู่เฉินปาดเหงื่อบนหน้าผากออก สถานการณ์เมื่อครู่อันตรายมาก แม้ว่าจะเป็นเสี้ยวหนึ่งของเขาที่แอบเข้าไปในดินแดนโบราณของเผ่าฝูถู แต่ถ้าถูกจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนจับได้ก็จะสามารถสัมผัสตำแหน่งของเขา เวลานั้นเขาจะไม่มีทางหนีรอดไปได้เลย

แต่โชคดีที่มารดาออกมาช่วยในช่วงเวลาสำคัญ มิฉะนั้นเขาคงตกอยู่ในสถานการณ์อันตราย

“ท่านแม่”

หวนคิดถึงการเปลี่ยนแปลงในค่ายกลที่ปกป้องเขา ความรู้สึกอบอุ่นก็ไหลเวียนอยู่ในใจ แม้ว่าครั้งนี้เราแม่ลูกจะไม่ได้พบกัน แต่มู่เฉินก็รู้สึกได้ถึงความผูกพันทางสายเลือด

บางทีมารดาคงคาดว่าจะเกิดสถานการณ์เช่นนี้ตั้งแต่นางมอบคัมภีร์ต้าฝูถูไว้ให้ ดังนั้นจึงได้สร้างช่องโหว่ในค่ายกลเอาไว้ ซึ่งเป็นบางสิ่งที่สามารถให้ความคุ้มครองมู่เฉิน เมื่อสัมผัสถึงรัศมีของเขา

เห็นได้ชัดว่าชิงเหยี่ยนจิ้งไตร่ตรองไว้อย่างรัดกุม

“ท่านแม่วางใจเถอะ ข้าไม่ใช่เด็กอ่อนแอเหมือนแต่ก่อนแล้ว” มู่เฉินพึมพำพร้อมกับมือกำแน่น ในเวลานี้ไม่เพียงแต่เขาบรรลุขุมพลังตี้จื้อจุน เขายังสร้างขั้วอำนาจของตนเองและมีความเชื่อมโยงที่ทรงพลังเช่นกัน

มิหนำซ้ำยังมีหินสลักจากเทพจักรพรรดิสงคราม ดังนั้นต่อให้จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนเผ่าฝูถูมาตามจับเขา เขาก็ไม่ได้หมดหนทางแท้จริง

นอกจากนี้เขายังพยายามเต็มที่ที่จะเสริมพัฒนาการ เขาเชื่อว่าต้องมีสักวันที่เผ่าฝูถูไม่สามารถทำอะไรเขาได้ ต่อให้เขาจะไม่พึ่งความช่วยเหลือจากภายนอก

หลังจากความคิดเดือดพล่านในใจครู่หนึ่ง มู่เฉินก็ค่อยๆ สงบลงและเริ่มมองย้อนกลับไปถึงการเก็บเกี่ยวครั้งนี้จากดินแดนโบราณของเผ่าฝูถู

เขาสามารถสัมผัสเจดีย์ผลึกใสที่ลอยอยู่ในร่างกาย

เมื่อเปรียบเทียบกับเจดีย์ก่อนหน้าก็งดงามยิ่งกว่าเดิม ซ้ำยังเปล่งแสงศักดิ์สิทธิ์และลึกลับออกมาอีกด้วย

มู่เฉินไตร่ตรองไปครู่หนึ่ง ก่อนที่จะเร้าเจดีย์ผลึกใส จากนั้นเขาก็เห็นร่องรอยของเพลิงที่ปรากฏภายในเริ่มลุกโชน

ช่างเป็นเพลิงผลึกงดงามอย่างไม่น่าเชื่อ ทว่ามู่เฉินก็สัมผัสได้ถึงความผันผวนอันตรายอย่างยิ่งที่มาจากมัน

ในอดีตแม้ว่าเจดีย์ของเขาจะสร้างเพลิงพุทธะที่ทำลายร่างเทห์สวรรค์ของศัตรูได้ ทว่าเพลิงผลึกนี้ก็มีผลเช่นเดียวกัน มิหนำซ้ำยังทรงพลังมากกว่า

มู่เฉินสัมผัสได้ถึงพลังของเพลิงผลึกก็พยักหน้าอย่างพึงพอใจ เขาวาดตราประทับด้วยมือข้างเดียว กระแสคลื่นหลิงในร่างกายกวาดออกมาเทลงไปในเจดีย์ผลึกใส

วูบ วูบ

คลื่นหลิงจำนวนมหาศาลหลั่งไหลเข้ามาในเจดีย์ มู่เฉินก็สัมผัสได้ว่าคลื่นหลิงกำลังเปลี่ยนเป็นเหมือนแก้วใส

ในอดีตคลื่นหลิงของมู่เฉินมีสีม่วงเนื่องจากการหลอมรวมกับเพลิงอมตะ แต่เมื่อผ่านเจดีย์ผลึกใสก็ราวกับเปลี่ยนเป็นคลื่นหลิงลึกซึ้งอีกชนิด

เมื่อสัมผัสคลื่นหลิงที่เปลี่ยนเป็นแก้วใส มู่เฉินก็ลังเลครู่หนึ่งแล้วหมุนเวียนพลังทั้งหมดภายในร่างกายเข้าสู่เจดีย์

ในเวลาเพียงสิบกว่าลมหายใจร่างของมู่เฉินก็เต็มไปด้วยคลื่นหลิงสีแก้วใส

มู่เฉินลุกขึ้นยืน ร่างของเขาเปล่งความแวววาวออกมา เมื่อยกมือขึ้นคลื่นหลิงที่ราวกับแก้วใสก็รวมตัวกันไหลเวียนอย่างช้าๆ

“คลื่นหลิงแข็งแกร่งขึ้นแล้ว!”

รู้สึกถึงพลังที่ไม่อาจหยั่งรู้ได้ในร่างกาย แม้แต่มู่เฉินที่ใจเย็นก็อดไม่ได้ที่จะตกตะลึง นั่นเป็นเพราะจากการคาดการณ์คลื่นหลิงในร่างกายของเขาได้รับการเสริมสร้างขึ้นหลายเท่าเลยทีเดียว

ตัดสินจากคลื่นหลิงที่ไร้ขอบเขต เขาเทียบเท่าระดับตี้จื้อจุนขั้นต้นระยะปลายสุดเลยทีเดียว!

“เจดีย์ผลึกใสมีความสามารถที่ทรงพลังสองอย่างคือการแปลงและเสริมความแข็งแกร่ง” มู่เฉินตะลึงไม่หยุด ไม่ต้องพูดถึงจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุน แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนก็ถูกล่อลวงจากความสามารถทั้งสองนี้

ทว่าตอนนี้มู่เฉินกลับรู้สึกไม่คุ้นเคยกับคลื่นหลิงแก้วใส ถ้าคลื่นหลิงที่หลอมรวมกับเพลิงอมตะในอดีต สามารถเผาผลาญไม่รู้จบ งั้นคลื่นหลิงนี้ก็เพิ่มรัศมีศักดิ์สิทธิ์และลึกลับเข้ามา

ฟิ้ว!

ขณะที่มู่เฉินเพ่งสมาธิไปที่คลื่นหลิงแก้วใสที่ไม่คุ้นเคย เสียงลมอัดอากาศหวีดหวิวก็ดังขึ้นที่เบื้องหน้า ก่อนที่ลั่วหลี ลั่วเทียนเสินและลั่วเทียนหลงจะพุ่งตัวมาปรากฏขึ้น

พวกเขาอึ้งไปเมื่อมองมู่เฉิน พวกเขารู้สึกว่าคลื่นหลิงของชายหนุ่มไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป

“เจ้า…ทำไมคลื่นหลิงถึงทรงพลังมากขึ้นขนาดนี้!” ลั่วเทียนเสินพูดขึ้นเป็นคนแรกขณะที่มองมู่เฉินด้วยความตกตะลึง เขารู้สึกได้ว่าความแข็งแกร่งคลื่นหลิงของมู่เฉินทรงพลังมากกว่าเมื่อสิบวันก่อนหลายเท่า

ความเร็วในการเสริมความแข็งแกร่งนี้ช่างน่ากลัวจริงๆ!

ลั่วเทียนหลงก็มองมู่เฉินด้วยความประหลาดใจ ส่วนลั่วหลีกลับมองด้วยความสนใจ ชัดว่านางไม่แปลกใจอะไรกับสิ่งใดที่เกิดขึ้นกับมู่เฉิน

“ทำไมคลื่นหลิงของเจ้าถึงเปลี่ยนไป?” ลั่วเทียนเสินมองมู่เฉินด้วยความไม่เชื่อ เนื่องจากเขาตระหนักได้ว่าคลื่นหลิงภายในร่างกายชายหนุ่มแตกต่างไปจากเมื่อก่อนโดยสิ้นเชิง ต้องรู้ว่ายากแค่ไหนที่จะปลูกฝังใหม่ ทว่ามู่เฉินแค่เข้าสมาธิไปสิบวัน ทำไมคลื่นหลิงถึงเปลี่ยนไปหมด?

ด้วยการรับรู้ของลั่วเทียนเสินในฐานะจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลาย เขาสามารถบอกได้อย่างชัดเจนว่าคุณลักษณะคลื่นหลิงของมู่เฉินในตอนนี้แตกต่างจากที่เคยเป็นมาก่อน

มู่เฉินเงยหน้าขึ้นส่งยิ้มให้ทั้งสาม ก่อนที่จะหันไปหาลั่วเทียนหลง “ท่านลุงเทียนหลงช่วยข้าทดสอบคลื่นหลิงใหม่หน่อยได้ไหมขอรับ”

ลั่วเทียนหลงรู้ว่ามู่เฉินกำลังขอใช้เขาเป็นผู้ทดสอบ ทว่าเขาก็เดินหน้าขึ้นมาอย่างไม่ใส่ใจพลางพูดเสียงดังว่า “ไหนขอข้าดูหน่อยว่าคลื่นหลิงของเจ้าพิเศษเพียงใด”

มู่เฉินยิ้มพลางเหยียดมือจับข้อมือของลั่วเทียนหลง จากนั้นก็เทคลื่นหลิงแก้วใสของตนเองใส่ร่างกายของอีกฝ่าย

ลั่วเทียนหลงปล่อยให้คลื่นหลิงของมู่เฉินเข้าสู่ร่างกาย จากนั้นก็ตั้งท่าจะขับไล่ ทว่าทันใดนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่าคลื่นหลิงตนเองแข็งค้างเมื่อสัมผัสกับคลื่นหลิงของมู่เฉิน แม้ว่าเขาจะพยายามหมุนเวียนก็ไร้ประโยชน์นัก

ในเวลาสิบกว่าลมหายใจคลื่นหลิงทรงพลังภายในร่างกายเขาก็หยุดชะงักลง ไม่มีความผันผวนใดๆ เกิดขึ้นเลย ราวกับว่าเขาเป็นคนธรรมดาที่ไม่เคยฝึกฝนมาก่อน

ลั่วเทียนหลงที่สูญเสียการควบคุมพลังงานของตนเองก็รู้สึกตะลึงขณะมองมู่เฉินด้วยความอึ้งทึ่ง

ลั่วเทียนเสินสังเกตเห็นเช่นกัน ดังนั้นเขาจึงเหยียดมือวางไหล่ของลั่วเทียนหลงสีหน้าแปรเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียด ครู่หนึ่งเมื่อสัมผัสถึงได้เขาก็อุทานลั่น “พลังงานของเจ้าถูกผนึก!”

“ผนึก?” คราวนี้แม้แต่มู่เฉินก็ออกเสียงอย่างประหลาดใจ

ลั่วเทียนเสินพยักหน้าเคร่งเครียด ก่อนที่คลื่นหลิงทรงพลังของเขาจะพุ่งเข้าสู่ร่างกายของลั่วเทียนหลงเพื่อช่วยละลายคลื่นหลิงแก้วใสออกไป ไม่นานคลื่นหลิงที่ทรงประสิทธิภาพของลั่วเทียนหลงก็ปรากฏขึ้นอีกครั้ง

ทว่าแม้จะได้รับการแก้ไขแต่ลั่วเทียนหลงก็ยังคงมองมู่เฉินอย่างตกตะลึงพร้อมกับใบหน้าซีดลง เขารู้สึกผวาหน่อยๆ จากความรู้สึกที่เหมือนกลายเป็นคนพิการ

“ไม่เพียงแต่เจดีย์ผลึกใสจะปรับเปลี่ยนและเสริมสร้างคลื่นหลิงของข้าเท่านั้น แต่ยังมอบพลังผนึกให้อีกด้วย”

มู่เฉินตกตะลึงไป เขาไม่คิดเลยว่าเจดีย์จะมีประโยชน์มากมายขนาดนี้ ไม่ต้องพูดถึงการเปลี่ยนแปลงและการยกระดับ แม้จะเป็นเพียงตัวช่วยเสริม แต่ก็มีประโยชน์อย่างยิ่ง ส่วนความสามารถในการผนึกนั้นน่ากลัวยิ่งกว่าอีก เพราะแม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนยังถูกผนึกคลื่นหลิงไว้ถ้าโดนคลื่นหลิงเขาบุกเข้าไปในร่าง เวลานั้นพวกเขาจะกลายเป็นลูกแกะให้เขาสังหารโดยง่าย

“มีคลื่นหลิงประเภทที่มีความสามารถในการผนึกในมหาพันภพด้วยหรือ?” ลั่วเทียนหลงพูดด้วยความไม่เชื่อ

ลั่วเทียนเสินครุ่นคิดสั้นๆ ก่อนที่จะมองมู่เฉินด้วยสายตาผิดแผก “จากที่ข้ารู้… มีข่าวลือว่าเผ่าฝูถูโบราณเก่งกาจในการผนึก… คลื่นหลิงของพวกเขามีผลต่อการผนึก ทำให้ยากที่จะจัดการ”

เมื่อได้ยินคำพูดนั่น ลั่วเทียนหลงก็ตกตะลึงพลางมองมู่เฉิน หรือว่าชายหนุ่มจะมีความสัมพันธ์กับเผ่าฝูถูโบราณ?

ดวงตามู่เฉินกะพริบวูบไหว เขาไม่คิดว่าลั่วเทียนเสินจะมีความรู้มาก ขนาดสามารถคาดเดาถึงเผ่าโบราณได้อย่างรวดเร็ว… แต่เมื่อเผชิญหน้ากับครอบครัวของลั่วหลี เขาก็ไม่อยากโกหกอะไร ดังนั้นเขาจึงตกอยู่ในภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก

“ดีล่ะ ในเมื่อมู่เฉินมีทักษะเพิ่มขึ้น ก็มีโอกาสในการแข่งขันนักรบทวีปมากขึ้น” ลั่วหลียิ้มบางเปลี่ยนหัวข้อสนทนา

มู่เฉินจ้องมองคนรักอย่างขอบคุณก่อนที่จะดึงคลื่นพลังกลับออกมา จากนั้นเขาก็สัมผัสได้ว่าเมื่อคลื่นหลิงออกจากเจดีย์ผลึกใสก็เปลี่ยนกลับสู่คลื่นหลิงชนิดเดิมของเขา

เมื่อรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงที่สมบูรณ์ มู่เฉินก็อดไม่ได้ที่จะอุทานชื่นชม มิน่าล่ะเผ่าฝูถูที่ถึงเป็นหนึ่งในเผ่าโบราณแห่งมหาพันภพได้ วิธีการลึกซึ้งเช่นนี้น่าอัศจรรย์อย่างแท้จริง

“อีกสิบวันก็จะถึงการเข้าร่วมการประลอง อีกสองสามวันเราก็จะเดินทางไปยังตำหนักซีเทียน” ลั่วหลียิ้มให้กับมู่เฉิน

เมื่อได้ยินคำพูดของนางหัวใจของมู่เฉินก็สั่นไหว “เจ้าจะเข้าร่วมด้วยเหรอ?”

ลั่วหลีหัวเราะเบาๆ “ตระกูลลั่วเสินอยู่ในทวีปซีเทียนนานยิ่งกว่าตำหนักซีเทียนอีกนะ ดังนั้นจึงมีคุณสมบัติเข้าร่วมเป็นธรรมดา แต่ว่าข้าไม่ใช่คนโหดอะไรเหมือนเจ้า ดังนั้นข้าเข้าร่วมในสนามรบตี้จื้อจุนขั้นต้นเท่านั้น”

มู่เฉินพยักหน้าเบาๆ แม้ว่าลั่วหลีเพิ่งบรรลุระดับตี้จื้อจุนขั้นต้น แต่นางมีร่างเทพวารีที่ไม่สามารถมองข้ามได้ นางต้องเป็นคู่แข่งที่ทรงพลังสำหรับผู้ที่อยู่ในสนามรบเดียวกันแน่นอน

“ในเมื่อเป็นแบบนี้…”

มู่เฉินยิ้มให้ลั่วหลี “เราสองคนก็รับสิทธิ์นักรบทวีปทั้งสองตำแหน่งไปเลย ในเมื่อจักรพรรดิสัประยุทธ์ทำให้เราไม่มีความสุข เราก็จะทำแบบเดียวนี้กับเขาด้วย!”

“ต้องทำแบบนั้นอยู่แล้ว” ลั่วหลีพยักหน้าขณะหัวเราะ

ลั่วเทียนเสินและลั่วเทียนหลงมองคู่รักที่มีความมั่นใจก็แลกเปลี่ยนสายตาพลางส่ายหน้ายิ้มอย่างขมขื่น ดูเหมือนว่าทั้งสองจะไปสร้างความโกลาหลในศึกนักรบทวีปของทวีปซีเทียนครั้งนี้แล้ว

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler ฟรี ได้ที่ novel-fast 


เรื่องย่อ

โดย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler บางส่วนของนิยาย

บทนำ

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป

‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้

แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์

แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว

ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ

เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง?

ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน…

เรื่องย่อ

เมื่อคำพูดของมู่เฉินกระจายออกไป ไม่เพียงแต่จะไม่มีการตอบสนอง แม้แต่ด้านนอกเจดีย์ก็ถูกห่อหุ้มด้วยบรรยากาศราวกับป่าช้า…

ทุกคนตกตะลึงไปกับฉากนี้ พวกเขาจ้องมองจุดที่ลู่สุยหายตัวไป ราวกับว่ายังไม่สามารถฟื้นจากอาการตะลึงงันที่เกิดขึ้นได้

ก่อนหน้าเมื่อลู่สุยออกกระบวนท่าที่น่าสะพรึง ผู้คนส่วนใหญ่ก็คิดว่าผลลัพธ์ของการต่อสู้ได้ถูกกำหนดแล้ว ทว่าพวกเขาไม่คิดเลยว่ามู่เฉินจะพลิกสถานการณ์ได้อีกครั้ง เตะลู่สุยที่เหมือนจะคว้าชัยชนะออกไป

ทุกคนตะลึงไปพักใหญ่ ก่อนที่พวกเขาจะหลุดออกจากอาการได้ สายตาเคร่งเครียดลง การประลองกันครั้งนี้มู่เฉินไม่ได้ใช้ค่ายกล แต่เขาก็สามารถเอาชนะจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดอย่างลู่สุยได้ด้วยความแข็งแกร่งที่อยู่ในขั้นหกเท่านั้น แม้ว่าจะมีผลจากลู่สุยประมาทเองในตอนแรก แต่นั่นก็แสดงให้เห็นว่ามู่เฉินน่ากลัวแค่ไหน

พลังเช่นนี้เขาสามารถเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์อันดับต้นๆ ในเจดีย์ฝึกพลังกายได้เลยทีเดียว

ทางฝั่งกลุ่มกระเรียนฟ้า ใบหน้าของหลิ่วชิงกลายเป็นเขียวสลับขาว นางมองไปที่ร่างสูงโปร่งบนหน้าจอ กลืนน้ำลายเหนียวหนืด ความกลัวปรากฏในดวงตาของนางเป็นครั้งแรก

มาถึงจุดนี้นางคงโง่แน่ถ้ายังคิดปฏิบัติต่อมู่เฉินเหมือนกับจอมยุทธ์ขั้นหกทั่วไป

ด้วยพลังในการต่อสู้ที่เขาแสดงออกมา บวกกับค่ายกลทรงพลัง แม้แต่จงเถิงก็ยากจะได้เปรียบหากพวกเขาต่อสู้กัน

ก่อนหน้านี้นางหัวเราะเยาะและมองจิ่วโยวด้วยความดูถูก แต่ตอนนี้นางอายแทบแทรกแผ่นดินหนี ซึ่งจุดนี้รู้ได้จากสายตาเยาะเย้ยเหล่านั้นที่ปรายมองเข้ามา

“ทำไมมู่เฉินถึงทรงพลังเช่นนี้?” จงฮั้วที่พ่ายแพ้ให้กับมู่เฉินก็มีสีหน้าเคร่งขรึมเช่นกัน ก่อนหน้านี้เขาเคยคิดเช่นกันว่ามู่เฉินพึ่งพาเพียงค่ายกลเพื่อจัดการกับศัตรู แต่ใครจะคิดว่าเมื่อไม่มีการใช้ค่ายกลมู่เฉินก็สามารถเอาชนะลู่สุยแบบดุร้ายยิ่งกว่าอะไร

“ดูเหมือนว่ามีเพียงพี่ใหญ่จงเถิงเท่านั้นที่สามารถจัดการกับเขาได้” จอมยุทธ์อีกคนของเผ่ากระเรียนฟ้าพยักหน้า

หลิ่วชิงพยักหน้าเบาๆ ไม่เพียงแต่พวกเขาจะพิจารณาพลังของมู่เฉินพลาดไปเท่านั้น แม้แต่จงเถิงก็ตัดสินอีกฝ่ายผิดไป ชายคนนั้นเป็นสัตว์ประหลาดอย่างแท้จริง

ฟิ้ว!

ขณะที่นอกเจดีย์ต่างตกตะลึงกับผลลัพธ์ที่มู่เฉินนำมา ทันใดนั้นแสงก็กะพริบบนแท่นนอกเจดีย์ ร่างน่าสังเวชปรากฏขึ้น

เมื่อร่างนั้นออกมาก็รีบถอยกลับไปปรากฏตัวขึ้นในกลุ่มอีกาสายฟ้าทันควัน นี่ก็คือลู่สุยที่มีสีหน้าซีดขาว คลื่นหลิงของเขาถดถอยลงอย่างมาก

สายตาโดยรอบยิงเข้าหาในเวลานี้ทันที

ใบหน้าของลู่สุยเขียวคล้ำ สายตาเกลียดชังมองไปที่มู่เฉินที่อยู่บนหน้าจอ ก่อนที่จะหันหัวสาดสายตาดุร้ายใส่จิ่วโยวและมั่วหลิง ที่ข้างๆ พรรคพวกของเขาก็มีท่าทางไม่ดีเช่นกัน

ทว่าจิ่วโยวไม่กลัวที่จะเผชิญหน้ากับสายตาเหล่านั้น นางเค้นเสียงอย่างเย็นชา “ลูกหมาที่ถูกฟาดยังกล้าที่จะออกมาแยกเขี้ยวอีกเหรอ?”

ตอนนี้ลู่สุยบาดเจ็บสาหัส สูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไปหมด ส่วนคนที่เหลือก็ไม่มีอะไรต้องกลัว หากพวกเขากล้าที่จะคิดบัญชีกับพวกนาง จิ่วโยวก็ไม่คิดปล่อยพวกเขาไว้เป็นภัยคุกคามในอนาคตหรอก

สายตาแสดงความเกลียดชังของลู่สุยจ้องเขม็งอยู่ที่จิ่วโยว แต่สุดท้ายเขาก็ต้องถอนสายตาออกไปอย่างไม่เต็มใจ ก่อนที่จะถอยกลับนั่งลงบนซากปรักหักพังเข้าสมาธิเพื่อฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ

จอมยุทธ์กลุ่มอีกาสายฟ้าก็ปรากฏรอบตัวเขาเพื่อปกป้อง

เมื่อจิ่วโยวเห็นการตอบสนองนั่น นางก็ไม่ได้ใส่ใจกับพวกเขาอีก นางมองไปที่หน้าจออีกครั้งโดยพุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่ร่างเงาอ่อนเยาว์ มือที่กำแน่นผ่อนคลายลง

เห็นได้ชัดว่านี่เป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงสำหรับนางที่มู่เฉินจะเอาชนะได้เด็ดขาดแบบนี้ นั่นเป็นเพราะตามการประเมินของนางแม้ว่ามู่เฉินจะยืนยงอยู่ได้ก็เป็นยากที่จะเอาชนะลู่สุยด้วยขุมพลังจื้อจุนขั้นหกและถ้าการต่อสู้ถูกลากไปจนสุดอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบคาดไม่ถึง

ทว่าผลลัพธ์สุดท้ายที่ได้ก็ทำให้นางทั้งประหลาดใจและดีใจ

เห็นได้ชัดว่ามู่เฉินได้รับประโยชน์มหาศาลจากสามชั้นแรกของเจดีย์ฝึกพลังกาย ไม่เช่นนั้นเขาไม่สามารถแสดงพลังเป็นที่ประจักษ์เช่นนี้ได้

“ว่ากันว่าในชั้นสี่มหัศจรรย์กว่านี้มาก หากใครสามารถเข้าไปได้ พวกเขาจะสามารถได้รับผลประโยชน์เกินกว่าสามชั้นแรกมาก…”

จิ่วโยวยิ้มบาง ดูจากสถานการณ์ปัจจุบันไม่น่ามีปัญหาใดๆ ที่มู่เฉินจะเข้าสู่ชั้นสี่ สำหรับมั่วเฟิงความแข็งแกร่งของเขาเป็นหนึ่งในอันดับต้นของกลุ่มที่เข้าไป ดังนั้นจึงไม่ยากสำหรับเขาที่จะได้หนึ่งในห้าที่นั่งนี้ไปเช่นกัน

ดูเหมือนว่าการเดินทางมาที่เจดีย์ฝึกพลังกายโบราณครั้งนี้เผ่าวิหคโลกันตร์อาจเป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

บนลานเมฆสายฟ้า

ไม่มีใครตอบคำถามของมู่เฉิน ขณะนี้แม้แต่จอมยุทธ์ทรงอำนาจอย่างหานซันและสีคุนก็ยังรู้สึกหวาดระแวงมู่เฉินอยู่บ้าง ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกที่จะไม่ไปปะทะกับมนุษย์ผู้นี้

ดังนั้นคนทั้งหมดที่อยู่ที่นี่จึงเงียบลง ก่อนที่จะถอยออกจากรัศมีโดยรอบมู่เฉินอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณบอกว่าพวกเขาไม่ต้องการต่อสู้กับเขา

เมื่อมู่เฉินเห็นภาพนี้ก็ไม่มีอารมณ์ใดบนใบหน้า แต่ในใจกลับรู้สึกโล่งอก คนอื่นๆ เห็นเพียงฉากการต่อสู้ตระการที่เขาเอาชนะลู่สุยได้ แต่พวกเขาไม่รู้หรอกว่าหมัดที่เขาชกออกไปก่อนหน้านี้คือพลังงานส่วนเกินจากสามชั้นแรก

ร่างกายของมู่เฉินก่อนหน้าเปรียบเสมือนฟองน้ำที่ดูดซับน้ำจนถึงขีดจำกัด หมัดของเขาจึงเท่ากับบีบน้ำออกจนหมด ทำให้ร่างกายที่อัดแน่นกลับสู่สภาพเดิม

ดังนั้นถ้าให้เขาโจมตีแบบนั้นอีกครั้ง พลังก็จะไม่ทรงประสิทธิภาพเหมือนเมื่อครู่แน่นอน

ประสิทธิผลพิเศษชนิดนี้ของการสะสมพลังงานในร่างกายเป็นทักษะที่ได้มาจากกายามังกรหงส์ ด้วยวิธีนี้เขาจะได้รับผลลัพธ์ที่ไม่มีใครคาดคิดไว้ กลายเป็นไพ่ลับอีกใบหนึ่ง

“คัมภีร์หลงเฟิ่งทรงพลังจริงๆ”

แม้แต่มู่เฉินก็ยังชื่นชมในสิ่งนี้ คัมภีร์หลงเฟิ่งสมแล้วที่เป็นทักษะยอดเยี่ยมแท้จริง จากการประเมินของเขาคัมภีร์นี้ต้องอยู่ในระดับเสินทงแน่นอน ซึ่งไม่ธรรมดาแม้จะอยู่ในกลุ่มวิทยายุทธระดับเสินทงด้วย

มู่เฉินชื่นชมก่อนที่จะใจเย็นลง แม้ว่าตอนนี้จะไม่มีใครท้าทายเขา แต่เขาก็ไม่ตั้งใจที่จะท้าทายคนอื่นด้วยเช่นกัน เขายืนนิ่งบนตำแหน่งตนเองรอผลการคัดออก

สำหรับจงเถิง มู่เฉินรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นพวกยุแยงให้ลู่สุยมาปะทะกับเขา แต่เนื่องจากตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ดีในการจัดการ เขาจึงได้แต่ผลักแผนไปก่อน

แต่ถึงกระนั้นสายตาคมกล้าของมู่เฉินก็ยังจ้องเขม็งไปที่จงเถิง รอบตัวเต็มไปด้วยคลื่นหลิงราวกับเสือดาวที่กำลังจะจ้องตะครุบเหยื่ออัดแน่นด้วยภัยคุกคาม

เมื่อเห็นท่าทางของมู่เฉิน จงเถิงที่ประจันหน้ากับมั่วเฟิงก็รู้สึกอึดอัดใจ เขาต้องแยกสมาธิอยู่ตลอดเพื่อจับตามองมู่เฉิน ป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายเคลื่อนไหวมาประสานพลังกับมั่วเฟิง

ด้วยวิธีนี้สมาธิของจงเถิงจึงค่อนข้างฟุ้งซ่าน สุดท้ายเขาได้แต่กัดฟัน ถอนคลื่นหลิงและถอยออกจากบริเวณของมั่วเฟิง

“พี่มั่วยากสำหรับการต่อสู้ของเราที่จะได้ข้อสรุป ทำไมเราไม่ไปจัดการคนอื่นและรับที่นั่งมาล่ะ?” ขณะที่จงเถิงถอยกลับเสียงก็สะท้อนก้องไปด้วย

มั่วเฟิงจ้องมองจงเถิงอย่างไม่แยแสก่อนที่จะพยักหน้า นั่นเป็นเพราะเขารู้ว่าหากพวกเขายังอยู่ในสถานการณ์ยืนจ้องหน้ากันก็จะไม่เกิดผลลัพธ์ใด หากเขาร่วมมือกับมู่เฉิน พวกเขาอาจทำให้จงเถิงบ้าดีเดือดขึ้นมา แม้แต่พวกเขาก็ต้องจ่ายราคามหาศาลจากการตีโต้

ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับพวกเขาคือการได้ที่นั่งเพื่อเข้าสู่ชั้นสี่

เมื่อจงเถิงเห็นคำตอบของมั่วเฟิงก็รู้สึกโล่งใจในใจ เขาถอยกลับอย่างรวดเร็วออกจากจุดที่มู่เฉินและมั่วเฟิงอยู่ เขาครุ่นคิดสั้นๆ ก่อนจะเลือกปะทะกับคนที่อ่อนแอกว่า

พอมู่เฉินเห็นจงเถิงไปแล้วก็ไม่ได้ใส่ใจอีกต่อไป สายตาหันมามองมั่วเฟิงแล้วก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้มแสดงความขอบคุณในการช่วยเหลือครั้งนี้

สายตาของมั่วเฟิงเป็นมิตรมากขึ้น คิดว่าการที่มู่เฉินเอาชนะลู่สุย ทำให้มั่วเฟิงมองมู่เฉินในฐานะจอมยุทธ์ที่อยู่ในระดับเดียวกันกับเขา ดังนั้นจึงไม่ได้มีท่าทางเฉยเมยเหมือนเมื่อก่อน

มั่วเฟิงพยักหน้าให้มู่เฉิน ก่อนที่จะหันหลังกลับและเริ่มเลือกคู่ต่อสู้ของตนเอง

ครืน!

เมื่อทุกคนเลือกคู่ต่อสู้แล้ว ทันใดนั้นคลื่นหลิงก็ระเบิดรุนแรงบนลานเมฆสายฟ้า คลื่นกระแทกกวาดออก ทำให้มิติเกิดการสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นไม่หยุด

บนลานเมฆสายฟ้าพลังงานหลิงกวาดหายนะ มีเพียงตรงมู่เฉินเท่านั้นที่ไม่ถูกรบกวน เนื่องจากไม่มีใครกล้าเหยียบเข้ามาในรัศมีพันจั้ง ยามนี้เขาเหมือนผู้ชมที่ดูการต่อสู้ติดขอบ ในเวลาเดียวกันก็บันทึกกระบวนท่าที่ทรงพลังของบางคนไว้ในสมอง

แม้ว่าในชั้นนี้พวกเขาอาจไม่ได้ประลองกัน แต่ก็ยังมีอีกสองชั้นรอพวกเขาอยู่ ใครจะสามารถรับประกันได้ว่าจะไม่มีการลดจำนวนลงในชั้นต่อไป?

ดังนั้นถ้ามีโอกาสเขาต้องพยายามจดจำข้อมูลผู้อื่นเก็บไว้

ภายใต้การสังเกตของมู่เฉิน การประลองบนลานเมฆสายฟ้าก็คงอยู่ชั่วระยะหนึ่ง ก่อนที่แต่ละคู่จะมาถึงจุดสิ้นสุด ผลลัพธ์ก็เป็นไปตามที่คาดไว้

หลังจากมู่เฉินก็เป็นหานซันที่เอาชนะคู่ต่อสู้ได้ที่นั่งที่สองไป

จากนั้นมั่วเฟิงและจงเถิงก็คว้าชัยชนะตามมา

ที่นั่งสุดท้ายตกเป็นของสีคุนที่ก่อนหน้านี้เคยแพ้หานซันที่ด้านนอกเจดีย์ ชายนี้มีความแข็งแกร่งที่น่าตกใจ แม้แต่หานซันยังต้องใช้ทักษะเต็มที่ถึงจะได้รับชัยชนะมา

เมื่อสีคุนได้รับที่นั่งสุดท้ายลานเมฆสายฟ้าขนาดใหญ่ก็เงียบลงอีกครั้ง ร่างทั้งห้ายืนอยู่ ขณะรัศมีไร้ขอบเขตทั้งห้าสายพุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าชนกันเปรี้ยงปร้าง

ทว่าการชนกันก็ดำเนินไปเพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ ก่อนที่ทั้งห้าจะถอนคลื่นพลังพร้อมกัน พวกเขาเหลือบมองกันและกัน จากนั้นก็ไม่ลังเลทะยานออกไปปรากฏตัวบนเบาะทั้งห้า

สายตาพวกเขาพุ่งตรงไปยังมิติด้านหลังลานเมฆสายฟ้าด้วยความโลภ ตรงนั้นเส้นดาวหางจำนวนมากกวาดผ่านราวกับฝนดาวตก

ในแสงเหล่านั้นแก่นหยดสายฟ้ากำลังกะพริบด้วยความแวววาว


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท