หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – ตอนที่ 1240

ตอนที่ 1240

บทที่ 1240 ศึกมาถึงแล้ว
ไม่กี่วันบรรยากาศในเมืองซีเทียนจั้นก็เดือดพล่าน

เนื่องจากศึกที่กำลังจะเกิดขึ้น ดังนั้นทั้งเมืองจึงร้อนระอุด้วยความคาดหมาย

นอกจากนี้ยังมีข่าวมากมายแพร่สะพัดไปทั่ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งตารางความนิยมซึ่งกลายเป็นจุดสนใจของคนทั้งเมือง

แต่ภายใต้บรรยากาศนี้ก็มีจอมยุทธ์ที่ไม่ค่อยมีชื่อเสียงเริ่มเผยให้เห็นความสามารถ พวกเขาปิดบังตัวตนไว้เพื่อศึกนักรบทวีป ด้วยความตั้งใจที่จะทะยานขึ้นบนท้องฟ้าด้วยความสำเร็จครั้งเดียว

ภายใต้บรรยากาศนี้ข่าวที่มู่เฉินซัดสงป้ากระเด็นออกไปด้วยหมัดเดียวก็แพร่กระจายออกไป ดึงดูดความสนใจไว้ได้อย่างรวดเร็ว

เป็นเพราะเหตุนี้จำนวนเงินเดิมพันของมู่เฉินก็พุ่งขึ้นเป็นของเหลวจื้อจุนหนึ่งร้อยล้านหยด เข้าสู่สิบอันดับแรกของตาราง ทว่า…

แปดสิบล้านหยดเป็นการลงทุนของเขาเอง

แต่ไม่ว่าอย่างไรการต่อสู้กับสงป้าได้ผลลัพธ์ที่ดีเยี่ยม อย่างน้อยก็ไม่มีใครกล้ามาท้าทายเขาให้ต้องปวดหัว

ส่วนใหญ่เป็นเพราะราคาหนึ่งหมัดของมู่เฉินเท่ากับแปดสิบล้านหยดของเหลวจื้อจุนนั่นเอง… นี่เป็นราคาที่แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลายก็ไม่เต็มใจที่จะจ่าย ที่สำคัญยิ่งกว่านั้นพวกเขาไม่มั่นใจว่าจะสามารถบรรลุผลตามที่ต้องการหลังจากจ่ายไปแล้วไหม

เนื่องจากมีสงป้าเป็นตัวอย่างไปก่อนหน้า กำปั้นของมู่เฉินแปลกประหลาดเกินไป ขนาดสงป้ายังไม่มีหน้าที่จะอยู่ในเมืองต่อไป ดังนั้นหลายคนไม่รู้ว่ามีความลับอะไรอยู่เบื้องหลังกำปั้นของมู่เฉินที่ทำให้เกิดความทุกข์ยากยิ่งขึ้นสำหรับจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลาย

ธรรมชาติของมนุษย์มักกลัวสิ่งที่ไม่รู้จัก

ดังนั้นจึงไม่มีใครกล้าหาเรื่องมู่เฉิน ทำให้เกิดความสงบสุขไปอีกหลายวัน

เวลาผ่านไปในพริบตา ท่ามกลางการอคอยของผู้คนศึกนักรบทวีปก็มาถึง

เมื่อวันเปิดศึกมาถึงเมืองซีเทียนจั้นก็อึกทึกด้วยเสียงกลองที่ดังก้องไปทั่วสวรรค์และโลก กลองเหล่านั้นอัดแน่นด้วยรัศมีจั้นยี่ที่ไร้ขอบเขตที่ทำให้ไฟแห่งการต่อสู้ลุกโชนขึ้น

เมื่อเสียงกลองสะท้อนก้อง เสียงแหวกอากาศก็ปกคลุมไปทั่ว เหล่าจอมยุทธ์โผทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า

ทุกความผันผวนช่างทรงพลังมาจากทั่วสารทิศ ถ้าเป็นที่อื่นพวกเขาจะเป็นจุดรวมความสนใจแน่นอน แต่วันนี้พวกเขาเป็นเพียงหยดน้ำในมหาสมุทรเท่านั้น

ด้วยเหตุนี้สามารถบอกได้ว่ามีจอมยุทธ์มากเพียงใดที่รวมตัวกันเพื่อศึกนักรบทวีปครั้งนี้

ตำหนักซีเทียนตั้งอยู่ใจกลางเมืองมีจัตุรัสที่ทำจากหยกขาว ขณะนี้ทั่วจัตุรัสแห่งนี้เต็มไปด้วยผู้คนมากมาย

กลองในจัตุรัสดังก้องอยู่ตลอดเวลา เสียงกลองที่ดังไปทั่วเมืองก็มาจากที่นี่

วาบ วาบ!

ยามนี้ร่างแสงพุ่งเข้ามาในท้องฟ้าอย่างต่อเนื่อง เหล่าจอมยุทธ์ก็พลิ้วตัวลงมาบนจัตุรัสด้วยมือไพล่ไว้ด้านหลัง แต่ละคนฉายท่าท่างเคร่งเครียดน่ากลัว ไม่แสดงให้เห็นถึงความภาคภูมิที่มีอีกต่อไป

ที่แห่งนี้อยู่ใกล้กับตำหนักซีเทียนและยอดยุทธ์ที่อยู่ข้างในก็ปลดปล่อยรัศมีออกมาเลือนราง เบื้องหน้าจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนพวกเขาไม่กล้าทำตัวยโสแม้แต่น้อย

มู่เฉินกับลั่วหลีก็พลิ้วลงมาเคียงข้างกัน

เมื่อทั้งสองมาถึงสายตาหลายคู่ก็พุ่งเป้ามา ทว่าส่วนใหญ่มุ่งไปที่ลั่วหลีที่ยืนอยู่ข้างๆ มู่เฉิน

วันนี้ลั่วหลีสวมชุดยาวเผยรูปร่างยั่วยวน ทำให้เกิดบรรยากาศสง่างามรอบตัวนาง ผมยาวสีเงินยวงปล่อยระบั้นเอว แม้ว่าใบหน้าจะคลุมไว้ด้วยผ้าคลุม ดวงตาที่ถูกเปิดเผยก็ตรึงตาทุกคนที่จ้องมองมา

“สมกับเป็นทายาทเทพธิดาลั่วเสินแห่งมหาพันภพ…”

หลายคนถอนหายใจ ลั่วหลีขัดเกลาความนุ่มนวลลงโดยสิ้นเชิง ดูแล้วทรงเสน่ห์อย่างมากในขณะนี้

ไม่เพียงแต่นางจะกลายเป็นจุดสนใจของผู้คนรอบนอก แม้แต่ผู้เข้าร่วมการแข่งขันก็เบนสายตามองไป ตอนนี้ทุกคนรู้สึกรำคาญมู่เฉินที่ยืนอยู่ข้างกายนาง

“ไอ้บ้าพวกนี้”

มู่เฉินสบถด้วยรอยยิ้มเมื่อสัมผัสได้ถึงสายตาที่มองมา ทว่าลั่วหลีก็คุ้นเคยกับสิ่งนี้อยู่แล้ว ดังนั้นนางจึงยิ้มตาหยีหันไปหามู่เฉิน อากัปกิริยานี้ทำให้หลายคนตกตะลึงพรึงเพริด

วาบ วาบ!

ทันใดนั้นเสียงแหวกอากาศสามสายก็ดังขึ้น ก่อนที่เงาร่างสามร่างจะเผยตัวบนจัตุรัสดึงดูดสายตาจำนวนมากไป

มู่เฉินเพ่งสายตามอง เขารู้สึกถึงไออันตรายที่มาจากทั้งสามคน

มู่เฉินกวาดสายตามองไปก็เห็นในร่างทั้งสาม มีชายคนหนึ่งสวมเสื้อคลุมสีดำ ลวดลายดวงดาวปักบนเสื้อคลุม เขาดูเหมือนอยู่ในช่วงกลางคน แต่ผมกลับเป็นสีขาว ทำให้ดูอ่อนโยนราวกับเป็นบัณฑิตทรงภูมิ

คนที่สองสวมเสื้อคลุมสีฟ้าอมเขียว กระบี่โลหะคร่ำเครอะพาดอยู่ข้างหลัง ร่างกระจายรัศมีคมชัดทิ้งรอยไว้บนพื้นอย่างต่อเนื่องจากรัศมีกระบี่

คนที่สามมีโครงสร้างแข็งแรง เส้นผมยุ่งเหยิง เขาดูดิบเถื่อนเมื่อยืนอยู่ เปล่งแสงรัศมีครอบงำไม่สามารถอธิบายได้ออกมา

มู่เฉินมองดูทั้งสามคนก็ครุ่นคิด หากการเดาถูกต้องทั้งสามคนคงจะเป็นจอมยุทธ์ที่มีชื่อเสียงในทวีปซีเทียนที่ลั่วหลีเคยพูดถึง

เจ้าตำหนักแสงดาว—หลิ่วซิงเฉิน

กระบี่เทพหมาป่า—ซูมู่

ดาบทรราช—ฉู่เหมิน

“พวกเขาไม่ธรรมดาอย่างแท้จริง” สายตาของมู่เฉินกะพริบวูบไหว เขาสามารถสัมผัสได้ถึงดวงตาของผู้คนจำนวนมากที่เปลี่ยนเป็นเคร่งเครียดด้วยความกลัวที่มีต่อทั้งสามคน

สำหรับทั้งสามก็ยังคงความสงบหลังจากปรากฏตัว ไม่ได้แสดงท่าทางกดดันเหมือนคนอื่นๆ ชัดว่าไม่ธรรมดา

ตึง!

เมื่อผู้คนจำนวนมากมารวมตัวกันที่จัตุรัส จู่ๆ เสียงกลองก็ดังก้อง ทุกคนเงยหน้าขึ้นก็เห็นบัลลังก์สีทองสองตัวปรากฏขึ้นบนตำหนักใหญ่ มีร่างสง่างามสวมเสื้อคลุมสีทองนั่งอยู่บนบัลลังก์ตัวหนึ่ง

เมื่อเขาปรากฏตัวทั่วบริเวณก็ถูกห่อหุ้มด้วยแรงกดไม่มีรูป เสียงเงียบลงทันควัน สายตาเคารพนับถือก็จ้องมองไปที่ร่างเงานั้น

“คารวะจักรพรรดิสัประยุทธ์!”

เสียงที่เต็มไปด้วยความเคารพนับถือดังก้อง ทุกคนประสานมือโค้งคำนับ

นั่นเป็นเพราะชายผู้นี้คือผู้ปกครองทวีปซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์แห่งตำหนักซีเทียน!

เฝ้ามองทุกคน จักรพรรดิสัประยุทธ์ก็พยักหน้าเบาๆ ก่อนที่จะมองไปในอากาศแล้วยิ้ม “น่ายินดีอย่างยิ่งที่เทพจักรพรรดิอัคคีมาเยี่ยมเยือนตำหนักซีเทียนของข้า”

“ในเมื่อเจ้าเชิญมา ข้าจะปฏิเสธได้อย่างไร?”

มิติบิดเบี้ยวเปลวไฟพวยพุ่งแล้วกวาดออก ก่อนจะก่อตัวเป็นร่างสูงบนท้องฟ้า

ร่างนั้นลุกโชติช่วงด้วยเปลวไฟ ทุกคนรู้สึกได้ว่าความกดดันที่มาจากจักรพรรดิสัประยุทธ์หายไปอย่างรวดเร็ว

“นั่นคือ…เทพจักรพรรดิอัคคีแห่งแคว้นหวู่จิ้งฮั่ว?!”

หลายคนเงยหน้าขึ้นทันควัน จ้องมองร่างเงานั้นด้วยความตกใจและเทิดทูนในดวงตา เพราะชื่อเสียงของเทพจักรพรรดิอัคคียิ่งใหญ่นักในมหาพันภพ

แม้ว่าจักรพรรดิสัประยุทธ์จะเป็นยอดยุทธ์ในมหาพันภพ แต่ก็ยังด้อยกว่าคนอย่างเทพจักรพรรดิอัคคี

บางทีแม้แต่ตัวจักรพรรดิสัประยุทธ์เองก็ยังต้องยอมรับความจริงข้อนี้

แต่โดยปกติแล้วจอมยุทธ์แบบนี้ยากที่จะพบเจอ ต่อให้ตอนนี้เขาจะเป็นเพียงร่างสำเนาเท่านั้น แต่ทำไมเขาถึงมาดูศึกนักรบทวีปแห่งนี้?

บางคนเหลือบมองไปในทิศทางของมู่เฉิน เนื่องจากเป็นมู่เฉินเคยเชื้อเชิญเทพจักรพรรดิอัคคีมาตอนที่ตระกูลลั่วเสินตกอยู่ในอันตรายทำให้จักรพรรดิสัประยุทธ์ต้องกลับไปมือเปล่า…

ยิ่งกว่านั้นมีลือกันว่าเทพจักรพรรดิอัคคีเป็นคนต่อรองให้จักรพรรดิสัประยุทธ์มอบสิทธิ์เข้าร่วมศึกนักรบทวีปนี้ให้…

ชัดว่างานนี้เทพจักรพรรดิอัคคีมาที่นี่เพราะมู่เฉิน

“ไอ้เด็กเหลือขอนั่นมีภูมิหลังแบบนั้นเชียวเหรอ? ไม่น่าแปลกที่เขาไม่กลัวตำหนักซีเทียน…” หลายคนถอนหายใจด้วยความอิจฉาในใจ เพราะเป็นเรื่องยากมากที่จะมีความสัมพันธ์ใดกับเทพจักรพรรดิอัคคีแห่งมหาพันภพคนนี้

ท่ามกลางสายตาเคารพนับถือเกินคณนา ร่างสำเนาของเซียวเหยียนก็นั่งลงไปบนบัลลังก์สีทองข้างจักรพรรดิสัประยุทธ์

เมื่อนั่งลง เซียวเหยียนก็กวาดสายตายิ้มให้มู่เฉิน

เมื่อเห็นสายตานั่น มู่เฉินก็ยิ้มพลางโค้งคำนับ

“หืม?”

สายตาของเซียวเหยียนหยุดชะงักเมื่อมองที่มู่เฉิน เสียงอุทานแผ่วเบาดังขึ้นในใจ

ขณะที่เซียวเหยียนอุทานในใจ มู่เฉินก็รู้สึกถึงเจดีย์ผลึกแก้วใสในร่างกายสั่นไหว เขารู้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น ซึ่งทำให้รู้สึกตกใจในใจไม่น้อย

“มองปราดเดียว… ก็สามารถตรวจพบเจดีย์ผลึกแก้วในร่างข้าได้เหรอ?”

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler ฟรี ได้ที่ novel-fast 


เรื่องย่อ

โดย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler บางส่วนของนิยาย

บทนำ

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป

‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้

แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์

แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว

ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ

เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง?

ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน…

เรื่องย่อ

เมื่อคำพูดของมู่เฉินกระจายออกไป ไม่เพียงแต่จะไม่มีการตอบสนอง แม้แต่ด้านนอกเจดีย์ก็ถูกห่อหุ้มด้วยบรรยากาศราวกับป่าช้า…

ทุกคนตกตะลึงไปกับฉากนี้ พวกเขาจ้องมองจุดที่ลู่สุยหายตัวไป ราวกับว่ายังไม่สามารถฟื้นจากอาการตะลึงงันที่เกิดขึ้นได้

ก่อนหน้าเมื่อลู่สุยออกกระบวนท่าที่น่าสะพรึง ผู้คนส่วนใหญ่ก็คิดว่าผลลัพธ์ของการต่อสู้ได้ถูกกำหนดแล้ว ทว่าพวกเขาไม่คิดเลยว่ามู่เฉินจะพลิกสถานการณ์ได้อีกครั้ง เตะลู่สุยที่เหมือนจะคว้าชัยชนะออกไป

ทุกคนตะลึงไปพักใหญ่ ก่อนที่พวกเขาจะหลุดออกจากอาการได้ สายตาเคร่งเครียดลง การประลองกันครั้งนี้มู่เฉินไม่ได้ใช้ค่ายกล แต่เขาก็สามารถเอาชนะจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดอย่างลู่สุยได้ด้วยความแข็งแกร่งที่อยู่ในขั้นหกเท่านั้น แม้ว่าจะมีผลจากลู่สุยประมาทเองในตอนแรก แต่นั่นก็แสดงให้เห็นว่ามู่เฉินน่ากลัวแค่ไหน

พลังเช่นนี้เขาสามารถเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์อันดับต้นๆ ในเจดีย์ฝึกพลังกายได้เลยทีเดียว

ทางฝั่งกลุ่มกระเรียนฟ้า ใบหน้าของหลิ่วชิงกลายเป็นเขียวสลับขาว นางมองไปที่ร่างสูงโปร่งบนหน้าจอ กลืนน้ำลายเหนียวหนืด ความกลัวปรากฏในดวงตาของนางเป็นครั้งแรก

มาถึงจุดนี้นางคงโง่แน่ถ้ายังคิดปฏิบัติต่อมู่เฉินเหมือนกับจอมยุทธ์ขั้นหกทั่วไป

ด้วยพลังในการต่อสู้ที่เขาแสดงออกมา บวกกับค่ายกลทรงพลัง แม้แต่จงเถิงก็ยากจะได้เปรียบหากพวกเขาต่อสู้กัน

ก่อนหน้านี้นางหัวเราะเยาะและมองจิ่วโยวด้วยความดูถูก แต่ตอนนี้นางอายแทบแทรกแผ่นดินหนี ซึ่งจุดนี้รู้ได้จากสายตาเยาะเย้ยเหล่านั้นที่ปรายมองเข้ามา

“ทำไมมู่เฉินถึงทรงพลังเช่นนี้?” จงฮั้วที่พ่ายแพ้ให้กับมู่เฉินก็มีสีหน้าเคร่งขรึมเช่นกัน ก่อนหน้านี้เขาเคยคิดเช่นกันว่ามู่เฉินพึ่งพาเพียงค่ายกลเพื่อจัดการกับศัตรู แต่ใครจะคิดว่าเมื่อไม่มีการใช้ค่ายกลมู่เฉินก็สามารถเอาชนะลู่สุยแบบดุร้ายยิ่งกว่าอะไร

“ดูเหมือนว่ามีเพียงพี่ใหญ่จงเถิงเท่านั้นที่สามารถจัดการกับเขาได้” จอมยุทธ์อีกคนของเผ่ากระเรียนฟ้าพยักหน้า

หลิ่วชิงพยักหน้าเบาๆ ไม่เพียงแต่พวกเขาจะพิจารณาพลังของมู่เฉินพลาดไปเท่านั้น แม้แต่จงเถิงก็ตัดสินอีกฝ่ายผิดไป ชายคนนั้นเป็นสัตว์ประหลาดอย่างแท้จริง

ฟิ้ว!

ขณะที่นอกเจดีย์ต่างตกตะลึงกับผลลัพธ์ที่มู่เฉินนำมา ทันใดนั้นแสงก็กะพริบบนแท่นนอกเจดีย์ ร่างน่าสังเวชปรากฏขึ้น

เมื่อร่างนั้นออกมาก็รีบถอยกลับไปปรากฏตัวขึ้นในกลุ่มอีกาสายฟ้าทันควัน นี่ก็คือลู่สุยที่มีสีหน้าซีดขาว คลื่นหลิงของเขาถดถอยลงอย่างมาก

สายตาโดยรอบยิงเข้าหาในเวลานี้ทันที

ใบหน้าของลู่สุยเขียวคล้ำ สายตาเกลียดชังมองไปที่มู่เฉินที่อยู่บนหน้าจอ ก่อนที่จะหันหัวสาดสายตาดุร้ายใส่จิ่วโยวและมั่วหลิง ที่ข้างๆ พรรคพวกของเขาก็มีท่าทางไม่ดีเช่นกัน

ทว่าจิ่วโยวไม่กลัวที่จะเผชิญหน้ากับสายตาเหล่านั้น นางเค้นเสียงอย่างเย็นชา “ลูกหมาที่ถูกฟาดยังกล้าที่จะออกมาแยกเขี้ยวอีกเหรอ?”

ตอนนี้ลู่สุยบาดเจ็บสาหัส สูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไปหมด ส่วนคนที่เหลือก็ไม่มีอะไรต้องกลัว หากพวกเขากล้าที่จะคิดบัญชีกับพวกนาง จิ่วโยวก็ไม่คิดปล่อยพวกเขาไว้เป็นภัยคุกคามในอนาคตหรอก

สายตาแสดงความเกลียดชังของลู่สุยจ้องเขม็งอยู่ที่จิ่วโยว แต่สุดท้ายเขาก็ต้องถอนสายตาออกไปอย่างไม่เต็มใจ ก่อนที่จะถอยกลับนั่งลงบนซากปรักหักพังเข้าสมาธิเพื่อฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ

จอมยุทธ์กลุ่มอีกาสายฟ้าก็ปรากฏรอบตัวเขาเพื่อปกป้อง

เมื่อจิ่วโยวเห็นการตอบสนองนั่น นางก็ไม่ได้ใส่ใจกับพวกเขาอีก นางมองไปที่หน้าจออีกครั้งโดยพุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่ร่างเงาอ่อนเยาว์ มือที่กำแน่นผ่อนคลายลง

เห็นได้ชัดว่านี่เป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงสำหรับนางที่มู่เฉินจะเอาชนะได้เด็ดขาดแบบนี้ นั่นเป็นเพราะตามการประเมินของนางแม้ว่ามู่เฉินจะยืนยงอยู่ได้ก็เป็นยากที่จะเอาชนะลู่สุยด้วยขุมพลังจื้อจุนขั้นหกและถ้าการต่อสู้ถูกลากไปจนสุดอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบคาดไม่ถึง

ทว่าผลลัพธ์สุดท้ายที่ได้ก็ทำให้นางทั้งประหลาดใจและดีใจ

เห็นได้ชัดว่ามู่เฉินได้รับประโยชน์มหาศาลจากสามชั้นแรกของเจดีย์ฝึกพลังกาย ไม่เช่นนั้นเขาไม่สามารถแสดงพลังเป็นที่ประจักษ์เช่นนี้ได้

“ว่ากันว่าในชั้นสี่มหัศจรรย์กว่านี้มาก หากใครสามารถเข้าไปได้ พวกเขาจะสามารถได้รับผลประโยชน์เกินกว่าสามชั้นแรกมาก…”

จิ่วโยวยิ้มบาง ดูจากสถานการณ์ปัจจุบันไม่น่ามีปัญหาใดๆ ที่มู่เฉินจะเข้าสู่ชั้นสี่ สำหรับมั่วเฟิงความแข็งแกร่งของเขาเป็นหนึ่งในอันดับต้นของกลุ่มที่เข้าไป ดังนั้นจึงไม่ยากสำหรับเขาที่จะได้หนึ่งในห้าที่นั่งนี้ไปเช่นกัน

ดูเหมือนว่าการเดินทางมาที่เจดีย์ฝึกพลังกายโบราณครั้งนี้เผ่าวิหคโลกันตร์อาจเป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

บนลานเมฆสายฟ้า

ไม่มีใครตอบคำถามของมู่เฉิน ขณะนี้แม้แต่จอมยุทธ์ทรงอำนาจอย่างหานซันและสีคุนก็ยังรู้สึกหวาดระแวงมู่เฉินอยู่บ้าง ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกที่จะไม่ไปปะทะกับมนุษย์ผู้นี้

ดังนั้นคนทั้งหมดที่อยู่ที่นี่จึงเงียบลง ก่อนที่จะถอยออกจากรัศมีโดยรอบมู่เฉินอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณบอกว่าพวกเขาไม่ต้องการต่อสู้กับเขา

เมื่อมู่เฉินเห็นภาพนี้ก็ไม่มีอารมณ์ใดบนใบหน้า แต่ในใจกลับรู้สึกโล่งอก คนอื่นๆ เห็นเพียงฉากการต่อสู้ตระการที่เขาเอาชนะลู่สุยได้ แต่พวกเขาไม่รู้หรอกว่าหมัดที่เขาชกออกไปก่อนหน้านี้คือพลังงานส่วนเกินจากสามชั้นแรก

ร่างกายของมู่เฉินก่อนหน้าเปรียบเสมือนฟองน้ำที่ดูดซับน้ำจนถึงขีดจำกัด หมัดของเขาจึงเท่ากับบีบน้ำออกจนหมด ทำให้ร่างกายที่อัดแน่นกลับสู่สภาพเดิม

ดังนั้นถ้าให้เขาโจมตีแบบนั้นอีกครั้ง พลังก็จะไม่ทรงประสิทธิภาพเหมือนเมื่อครู่แน่นอน

ประสิทธิผลพิเศษชนิดนี้ของการสะสมพลังงานในร่างกายเป็นทักษะที่ได้มาจากกายามังกรหงส์ ด้วยวิธีนี้เขาจะได้รับผลลัพธ์ที่ไม่มีใครคาดคิดไว้ กลายเป็นไพ่ลับอีกใบหนึ่ง

“คัมภีร์หลงเฟิ่งทรงพลังจริงๆ”

แม้แต่มู่เฉินก็ยังชื่นชมในสิ่งนี้ คัมภีร์หลงเฟิ่งสมแล้วที่เป็นทักษะยอดเยี่ยมแท้จริง จากการประเมินของเขาคัมภีร์นี้ต้องอยู่ในระดับเสินทงแน่นอน ซึ่งไม่ธรรมดาแม้จะอยู่ในกลุ่มวิทยายุทธระดับเสินทงด้วย

มู่เฉินชื่นชมก่อนที่จะใจเย็นลง แม้ว่าตอนนี้จะไม่มีใครท้าทายเขา แต่เขาก็ไม่ตั้งใจที่จะท้าทายคนอื่นด้วยเช่นกัน เขายืนนิ่งบนตำแหน่งตนเองรอผลการคัดออก

สำหรับจงเถิง มู่เฉินรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นพวกยุแยงให้ลู่สุยมาปะทะกับเขา แต่เนื่องจากตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ดีในการจัดการ เขาจึงได้แต่ผลักแผนไปก่อน

แต่ถึงกระนั้นสายตาคมกล้าของมู่เฉินก็ยังจ้องเขม็งไปที่จงเถิง รอบตัวเต็มไปด้วยคลื่นหลิงราวกับเสือดาวที่กำลังจะจ้องตะครุบเหยื่ออัดแน่นด้วยภัยคุกคาม

เมื่อเห็นท่าทางของมู่เฉิน จงเถิงที่ประจันหน้ากับมั่วเฟิงก็รู้สึกอึดอัดใจ เขาต้องแยกสมาธิอยู่ตลอดเพื่อจับตามองมู่เฉิน ป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายเคลื่อนไหวมาประสานพลังกับมั่วเฟิง

ด้วยวิธีนี้สมาธิของจงเถิงจึงค่อนข้างฟุ้งซ่าน สุดท้ายเขาได้แต่กัดฟัน ถอนคลื่นหลิงและถอยออกจากบริเวณของมั่วเฟิง

“พี่มั่วยากสำหรับการต่อสู้ของเราที่จะได้ข้อสรุป ทำไมเราไม่ไปจัดการคนอื่นและรับที่นั่งมาล่ะ?” ขณะที่จงเถิงถอยกลับเสียงก็สะท้อนก้องไปด้วย

มั่วเฟิงจ้องมองจงเถิงอย่างไม่แยแสก่อนที่จะพยักหน้า นั่นเป็นเพราะเขารู้ว่าหากพวกเขายังอยู่ในสถานการณ์ยืนจ้องหน้ากันก็จะไม่เกิดผลลัพธ์ใด หากเขาร่วมมือกับมู่เฉิน พวกเขาอาจทำให้จงเถิงบ้าดีเดือดขึ้นมา แม้แต่พวกเขาก็ต้องจ่ายราคามหาศาลจากการตีโต้

ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับพวกเขาคือการได้ที่นั่งเพื่อเข้าสู่ชั้นสี่

เมื่อจงเถิงเห็นคำตอบของมั่วเฟิงก็รู้สึกโล่งใจในใจ เขาถอยกลับอย่างรวดเร็วออกจากจุดที่มู่เฉินและมั่วเฟิงอยู่ เขาครุ่นคิดสั้นๆ ก่อนจะเลือกปะทะกับคนที่อ่อนแอกว่า

พอมู่เฉินเห็นจงเถิงไปแล้วก็ไม่ได้ใส่ใจอีกต่อไป สายตาหันมามองมั่วเฟิงแล้วก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้มแสดงความขอบคุณในการช่วยเหลือครั้งนี้

สายตาของมั่วเฟิงเป็นมิตรมากขึ้น คิดว่าการที่มู่เฉินเอาชนะลู่สุย ทำให้มั่วเฟิงมองมู่เฉินในฐานะจอมยุทธ์ที่อยู่ในระดับเดียวกันกับเขา ดังนั้นจึงไม่ได้มีท่าทางเฉยเมยเหมือนเมื่อก่อน

มั่วเฟิงพยักหน้าให้มู่เฉิน ก่อนที่จะหันหลังกลับและเริ่มเลือกคู่ต่อสู้ของตนเอง

ครืน!

เมื่อทุกคนเลือกคู่ต่อสู้แล้ว ทันใดนั้นคลื่นหลิงก็ระเบิดรุนแรงบนลานเมฆสายฟ้า คลื่นกระแทกกวาดออก ทำให้มิติเกิดการสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นไม่หยุด

บนลานเมฆสายฟ้าพลังงานหลิงกวาดหายนะ มีเพียงตรงมู่เฉินเท่านั้นที่ไม่ถูกรบกวน เนื่องจากไม่มีใครกล้าเหยียบเข้ามาในรัศมีพันจั้ง ยามนี้เขาเหมือนผู้ชมที่ดูการต่อสู้ติดขอบ ในเวลาเดียวกันก็บันทึกกระบวนท่าที่ทรงพลังของบางคนไว้ในสมอง

แม้ว่าในชั้นนี้พวกเขาอาจไม่ได้ประลองกัน แต่ก็ยังมีอีกสองชั้นรอพวกเขาอยู่ ใครจะสามารถรับประกันได้ว่าจะไม่มีการลดจำนวนลงในชั้นต่อไป?

ดังนั้นถ้ามีโอกาสเขาต้องพยายามจดจำข้อมูลผู้อื่นเก็บไว้

ภายใต้การสังเกตของมู่เฉิน การประลองบนลานเมฆสายฟ้าก็คงอยู่ชั่วระยะหนึ่ง ก่อนที่แต่ละคู่จะมาถึงจุดสิ้นสุด ผลลัพธ์ก็เป็นไปตามที่คาดไว้

หลังจากมู่เฉินก็เป็นหานซันที่เอาชนะคู่ต่อสู้ได้ที่นั่งที่สองไป

จากนั้นมั่วเฟิงและจงเถิงก็คว้าชัยชนะตามมา

ที่นั่งสุดท้ายตกเป็นของสีคุนที่ก่อนหน้านี้เคยแพ้หานซันที่ด้านนอกเจดีย์ ชายนี้มีความแข็งแกร่งที่น่าตกใจ แม้แต่หานซันยังต้องใช้ทักษะเต็มที่ถึงจะได้รับชัยชนะมา

เมื่อสีคุนได้รับที่นั่งสุดท้ายลานเมฆสายฟ้าขนาดใหญ่ก็เงียบลงอีกครั้ง ร่างทั้งห้ายืนอยู่ ขณะรัศมีไร้ขอบเขตทั้งห้าสายพุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าชนกันเปรี้ยงปร้าง

ทว่าการชนกันก็ดำเนินไปเพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ ก่อนที่ทั้งห้าจะถอนคลื่นพลังพร้อมกัน พวกเขาเหลือบมองกันและกัน จากนั้นก็ไม่ลังเลทะยานออกไปปรากฏตัวบนเบาะทั้งห้า

สายตาพวกเขาพุ่งตรงไปยังมิติด้านหลังลานเมฆสายฟ้าด้วยความโลภ ตรงนั้นเส้นดาวหางจำนวนมากกวาดผ่านราวกับฝนดาวตก

ในแสงเหล่านั้นแก่นหยดสายฟ้ากำลังกะพริบด้วยความแวววาว


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท