หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – ตอนที่ 1242

ตอนที่ 1242

หนึ่งในใต้หล้า 大主宰
บทที่ 1242 ค่ายกลรบสามกำลัง
ผ่านวังวนเข้ามา

มู่เฉินก็ลืมตาขึ้น ภาพทิวทัศน์เบื้องหน้าถูกย้อมด้วยสีเหลืองคล้ำ พระอาทิตย์ตกเหมือนเป็นสีเลือด ทั้งมิติราวกับตกอยู่ในความรกร้าง

“นี่คือสนามรบครั้งนี้เหรอ?” มู่เฉินมองความขมุกขมัวก็ตกอยู่ในภวังค์ความคิด

เห็นได้ชัดว่านี่เป็นมิติขนาดเล็กที่จักรพรรดิสัประยุทธ์สร้างขึ้น ตอนนี้จอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลาย ทั้งหมดได้เข้ามาอยู่ในมิตินี้ การต่อสู้ดุเดือดกำลังจะเกิดขึ้นในไม่ช้า

เป็นการต่อสู้ที่ไม่มีใครหน้าไหนได้รับการยกเว้น

ทว่ามู่เฉินก็ไม่ได้ตื่นเต้น เขาครุ่นคิดสั้นๆ ไม่คิดรีบจะเดินทาง เขากำมือแล้วแบออกป้ายสัประยุทธ์ก็ปรากฏขึ้นในมือของเขา

ป้ายนี้มีความสำคัญสำหรับทุกคนที่เข้าร่วมการศึกนักรบทวีป เพราะถ้าสูญเสียป้ายก็จะหมายถึงความล้มเหลว พวกเขาจะถูกลบออกจากมิตินี้ทันที

นอกจากนี้ป้ายสัประยุทธ์ยังเชื่อมโยงกับคลังสัประยุทธ์ ซึ่งเป็นคลังสมบัติของจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุน ดังนั้นสมบัติทุกชั้นในนั้นจึงมีค่ามหาศาลแบบไม่ต้องสงสัยแน่นอน

มู่เฉินจับป้ายแล้วเทคลื่นหลิงเข้าไป ก่อนที่หน้าจอแสงจะยิงออกจากป้ายเพื่อแสดงรายการสมบัติล้ำค่าทุกประเภท แม้จะไม่ได้เป็นภาพจริง แต่เขาก็ยังรู้สึกถึงรัศมีสมบัติที่ถูกปลดปล่อยออกมา

“คัมภีร์ระดับเสินทงขั้นเต็ม ทักษะดาวประกายพรึก… สิบป้ายสัประยุทธ์”

“อาวุธมหสวรรค์ขั้นต่ำ พลองร้อยมังกร… สี่ป้ายสัประยุทธ์”

“อาวุธมหสวรรค์ขั้นกลาง ป้ายหินโกฏิวิญญาณ…สิบสามป้ายสัประยุทธ์”

“ลำดับเจ็ดสิบเก้าของคัมภีร์ร่างเทห์สรรค์เก้าสิบเก้าร่าง ร่างพระวิญญาณ…เก้าป้ายสัประยุทธ์”

“…”

เมื่อมองรายการสมบัติ มู่เฉินก็อดกลืนน้ำลายไม่ได้ ในดวงตาอัดแน่นได้ด้วยความโหยหา คลังสมบัติของจักรพรรดิสัประยุทธ์สมกับเป็นการสะสมของจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนแท้จริง ทุกชิ้นมีค่ามหาศาลในมหาพันภพเลยทีเดียว

ทว่าวันนี้จักรพรรดิสัปะระยุทธ์กลับยอมปล่อยพวกมันเพื่อผลประโยชน์ ผู้คนต้องถอนหายใจกับฐานะที่ร่ำรวยของเขาจริงๆ

“ป้ายหินโกฏิวิญญาณอาวุธมหสวรรค์ขั้นกลาง…”

มู่เฉินมองไปที่สมบัติที่เรียกน้ำลายเกือบสอ ต้องรู้ว่าพีระมิดแสงดาวปราบปีศาจที่อยู่ในมือมั่นถัวหลัวก็แค่ขั้นกลางเช่นกัน

ส่วนตัวเขาก็ได้ครอบครองแค่พัดสายลมและป้ายขวางสมุทรซึ่งอยู่ในขั้นต่ำทั้งคู่

“แต่สิ่งแลกเปลี่ยนก็คือสิบสามป้ายสัประยุทธ์…นั่นหมายความว่าต้องได้ป้ายจากจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลายสิบสามคน” ทว่าแม้เขาจะถูกล่อลวง แต่ก็ต้องถอนหายใจจนใจจากเงื่อนไข เพราะไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะทำสำเร็จ

“แพงเกินไป…”

มู่เฉินมองรายการอยู่นานก่อนที่จะถอนหายใจ มีสมบัติมากมายที่เขาสนใจ แต่เงื่อนไขช่างสูงลิบลับ

ตามสถานการณ์ปกติจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลายทั่วไปที่มีความสามารถและโชคช่วยก็น่าจะได้รับป้ายหกเจ็ดป้าย ซึ่งยังไม่เพียงพอสำหรับอาวุธมหสวรรค์ขั้นกลางเลย…

นอกจากนี้หากเป็นไปตามที่เขาคาดไว้ การแลกเปลี่ยนสมบัติก็หมายความว่าเขาจะสูญเสียโอกาสที่จะได้อันดับหนึ่ง

เนื่องจากนักรบทวีปจะต้องเป็นของผู้ที่มีป้ายสัประยุทธ์มากที่สุด…

เมื่อเป็นเช่นนี้คนที่มีความทะเยอทะยานที่จะได้รับตำแหน่งนี้ก็คงไม่เต็มใจที่จะแลกเปลี่ยนสมบัติจากคลัง แม้ว่าพวกเขาจะถูกล่อลวงก็ตาม

นั่นหมายความว่าคลังสัประยุทธ์คล้ายกับรางวัลปลอบใจสำหรับคนที่ไม่สามารถชิงตำแหน่งได้

“ไม่มีของดีราคาถูกมั่งเลยเหรอ?” มู่เฉินเบ้ปาก นิ้วเลื่อนหน้าจอพลางส่ายหัว จากนั้นก็เตรียมปิด

“หืม?”

ทว่าขณะที่เขาคิดจะปิด ทันใดนั้นเขาก็เห็นของสิ่งหนึ่ง มือของเขาหยุดชะงักชั่วคราว

“ค่ายกลรบสามกำลัง… “

สายตาของมู่เฉินจ้องเขม็งตรงภาพกระบวนทัพสงครามที่หายาก ที่สำคัญยังใช้จำนวนคนเพียงสามคนเท่านั้น

นี่เป็นสิ่งที่แปลกประหลาดเนื่องจากค่ายกลสงครามเป็นของจั้นเจิ้นซือ ซึ่งกองทัพที่พวกเขาควบคุมต้องมีอย่างน้อยในหลักพันถึงหลายหมื่น คนที่โดดเด่นกว่านั้นจะมีเป็นหลักแสนหรือล้านเลยทีเดียว

แล้วค่ายกลสงครามรูปแบบสามคนนี้คืออะไรกัน?

ความประหลาดใจแวบเข้ามาในดวงตา ก่อนที่เขาจะแตะเบาๆ ทันใดนั้นก็มีข้อมูลมหาศาลไหลเข้ามาในสมอง ความแปลกประหลาดก็วาบบนใบหน้าเมื่อรับข้อมูล

ที่แท้ค่ายกลรบสามกำลังถูกสร้างขึ้นโดยจั้นเจิ้นซือสมัยโบราณที่สามารถสร้างลวดลายจั้นเหวินได้ห้าล้านลวดลาย บุคคลเช่นนี้ถือได้ว่าโดดเด่นแม้จะอยู่ในหมู่จอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลายก็ตาม

ทว่าจั้นเจิ้นซือผู้นี้แปลกมาก กองทัพของเขาไม่ได้มีจำนวนหลักพันหรือหลักหมื่น แต่มีเพียง…จอมยุทธ์สองคน

พูดให้ชัดเจนก็คือเป็นแฝดสองคนของเขา

ทว่าทั้งสองคนเป็นจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลาย

โดยทั่วไปแล้วเป็นไปไม่ได้ที่ไป่วั่นเหวินจั้นเจิ้นซือจะใช้จอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลายสองคนเป็นแหล่งกำเนิดของรัศมีจั้นยี่ เนื่องจากแต่ละคนทรงพลังเกินไป คลื่นรัศมีจั้นยี่ของพวกเขาจะเต็มไปด้วยความระแวดระวัง ถ้าไป่วั่นเหวินจั้นเจิ้นซือพยายามควบคุมก็จะได้รับผลกระทบจากการตอบโต้ของรัศมีจั้นยี่

แต่แตกต่างกันสำหรับพวกเขา เพราะพวกเขาเป็นแฝดสาม ดังนั้นหัวใจของพวกเขาจึงเชื่อมโยงกันและยอมรับรัศมีจั้นยี่ของกันและกันได้ ดังนั้นพี่น้องทั้งสองจึงเปรียบได้กับทหารนับล้านหรือแม้กระทั่งหลายสิบล้านคน

ด้วยการเชื่อมโยงที่อัศจรรย์ใจนี้ บวกกับความลึกซึ้งของการสร้างค่ายกลรบสามกำลัง ไป่วั่นเหวินจั้นเจินซือผู้นี้สามารถท้าทายจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นเต็มและสังหารลงได้!

โดยทั่วไปแม้ว่าจะเป็นการผนึกกำลังของจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลายสามคน ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นเต็ม ทว่าไป่วั่นเหวินจั้นเจิ้นซือคนนี้กลับสามารถสังหารจอมยุทธ์ระดับนี้ร่วมกับพี่น้องทั้งสอง ด้วยค่ายกลรบสามกำลังผลลัพธ์นี้ก่อให้เกิดความตกใจกับผู้คนนับไม่ถ้วน

“ไม่คิดว่าจะมีเรื่องแปลกประหลาดเช่นนี้ในโลก”

ใบหน้าของมู่เฉินเต็มไปด้วยริ้วความตะลึงจากข้อมูล เนื่องจากนี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้ยินมาว่าจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลายสองคนสามารถเป็นกำลังให้ไป่วั่นเหวินจั้นเจิ้นซือได้

แต่ก็เป็นไปไม่ได้แน่นอนที่ผู้อื่นจะทำเลียนแบบ เนื่องจากพวกเขาเป็นพี่น้องฝาแฝดที่มีหัวใจเชื่อมโยงกัน จึงสามารถควบคุมพลังอำนาจยิ่งใหญ่ของรัศมีจั้นยี่ที่รวมกันโดยไม่ตอบโต้กัน

แน่นอนว่าเหตุผลสำคัญที่พวกเขาสามารถฆ่าจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นเต็มได้ก็เพราะค่ายกลรบสามกำลัง

ความลึกซึ้งของค่ายกลสงครามนี้ได้รวมพวกเขาเป็นหนึ่งเดียวอย่างแท้จริง มิหนำซ้ำยังขยายพลัง ทำให้พวกเขาบรรลุความสำเร็จที่น่าตื่นตาได้ในที่สุด

ทว่า…

สิ่งที่คนอื่นไม่สามารถบรรลุได้ ไม่ได้หมายความว่ามู่เฉินทำไม่ได้…

มู่เฉินมองค่ายกลรบสามกำลังด้วยดวงตาลุกโชน

แม้เขาจะไม่มีพี่น้องแฝด แต่เขามีวิชาสามพิสุทธิ์!

อีกสองคนเป็นร่างรองของเขา ดังนั้นความเชื่อมโยงระหว่างพวกเขาจึงแข็งแกร่งกว่าพี่น้องฝาแฝด เมื่อพูดในระดับหนึ่งความเข้ากันได้ที่เขามีกับค่ายกลรบสามกำลังสามารถชนะแม้กระทั่งพี่น้องแฝดสามได้!

ค่ายกลรบสามกำลังสร้างขึ้นมาสำหรับเขาจริงๆ!

มู่เฉินเลียริมฝีปากด้วยความปรารถนาวูบไหวตา แม้ว่านี่จะเป็นเพียงการคาดเดาตอนนี้ แต่เขาจะต้องได้รับค่ายกลรบสามกำลังนี้!

ด้วยการเสริมพลังของค่ายกลนี้ พลังของวิชาสามพิสุทธิ์จะยิ่งเพิ่มขึ้นทบทวี!

ดังนั้นมู่เฉินเลื่อนสายตาไปด้านหลัง ซึ่งได้แสดงราคาเอาไว้

ค่ายกลรบสามกำลัง สี่ป้ายสัประยุทธ์

มู่เฉินรู้สึกโล่งใจกับราคานี้ ถึงแม้ว่าค่ายกลรบสามกำลังจะลึกซึ้ง แต่เงื่อนไขเข้มงวดเกินไป ในโลกนี้ไม่มีแฝดสามมากมาย ซ้ำหนึ่งในนั้นต้องเป็นจั้นเจิ้นซืออีกด้วย

ดังนั้นราคาของค่ายกลรบสามกำลังจึงเปรียบได้กับอาวุธมหสวรรค์ขั้นต่ำเท่านั้น

ทว่าสำหรับมู่เฉินแล้ว มูลค่าค่ายกลนี้สูงยิ่งกว่าคัมภีร์ระดับเสินทงขั้นเต็มเสียอีก

มู่เฉินแตะเบาๆ บนหน้าจอ จากนั้นก็กำกำปั้นเก็บป้ายไป เขาเงยหน้าขึ้นมองขอบฟ้าด้วยรอยยิ้ม

ดูเหมือนว่าเขาจะต้องหาป้ายสัประยุทธ์สี่ป้ายอย่างรวดเร็ว ไม่งั้นจะเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่สำหรับเขาถ้ามีคนอื่นมาแลกไป

“ในเมื่อเป็นแบบนี้…”

มู่เฉินกำมือด้วยรอยยิ้มพลางพึมพำ “ต่อไปถึงเวลาการออกล่าของข้าแล้ว…”

พูดจบเขาก็ยิ้มเสียงเบา ไม่มีอาการลังเลอีกต่อไปก่อนจะสะบัดแขนเสื้อ เปลี่ยนเป็นร่างแสงพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าแล้วมุ่งหน้าเข้าไปในสนามรบ

เป้าหมายแรกของเขาคือได้ป้ายสัประยุทธ์ทั้งสี่ป้ายโดยไม่คำนึงถึงวิธีการใด!

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler ฟรี ได้ที่ novel-fast 


เรื่องย่อ

โดย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler บางส่วนของนิยาย

บทนำ

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป

‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้

แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์

แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว

ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ

เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง?

ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน…

เรื่องย่อ

เมื่อคำพูดของมู่เฉินกระจายออกไป ไม่เพียงแต่จะไม่มีการตอบสนอง แม้แต่ด้านนอกเจดีย์ก็ถูกห่อหุ้มด้วยบรรยากาศราวกับป่าช้า…

ทุกคนตกตะลึงไปกับฉากนี้ พวกเขาจ้องมองจุดที่ลู่สุยหายตัวไป ราวกับว่ายังไม่สามารถฟื้นจากอาการตะลึงงันที่เกิดขึ้นได้

ก่อนหน้าเมื่อลู่สุยออกกระบวนท่าที่น่าสะพรึง ผู้คนส่วนใหญ่ก็คิดว่าผลลัพธ์ของการต่อสู้ได้ถูกกำหนดแล้ว ทว่าพวกเขาไม่คิดเลยว่ามู่เฉินจะพลิกสถานการณ์ได้อีกครั้ง เตะลู่สุยที่เหมือนจะคว้าชัยชนะออกไป

ทุกคนตะลึงไปพักใหญ่ ก่อนที่พวกเขาจะหลุดออกจากอาการได้ สายตาเคร่งเครียดลง การประลองกันครั้งนี้มู่เฉินไม่ได้ใช้ค่ายกล แต่เขาก็สามารถเอาชนะจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดอย่างลู่สุยได้ด้วยความแข็งแกร่งที่อยู่ในขั้นหกเท่านั้น แม้ว่าจะมีผลจากลู่สุยประมาทเองในตอนแรก แต่นั่นก็แสดงให้เห็นว่ามู่เฉินน่ากลัวแค่ไหน

พลังเช่นนี้เขาสามารถเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์อันดับต้นๆ ในเจดีย์ฝึกพลังกายได้เลยทีเดียว

ทางฝั่งกลุ่มกระเรียนฟ้า ใบหน้าของหลิ่วชิงกลายเป็นเขียวสลับขาว นางมองไปที่ร่างสูงโปร่งบนหน้าจอ กลืนน้ำลายเหนียวหนืด ความกลัวปรากฏในดวงตาของนางเป็นครั้งแรก

มาถึงจุดนี้นางคงโง่แน่ถ้ายังคิดปฏิบัติต่อมู่เฉินเหมือนกับจอมยุทธ์ขั้นหกทั่วไป

ด้วยพลังในการต่อสู้ที่เขาแสดงออกมา บวกกับค่ายกลทรงพลัง แม้แต่จงเถิงก็ยากจะได้เปรียบหากพวกเขาต่อสู้กัน

ก่อนหน้านี้นางหัวเราะเยาะและมองจิ่วโยวด้วยความดูถูก แต่ตอนนี้นางอายแทบแทรกแผ่นดินหนี ซึ่งจุดนี้รู้ได้จากสายตาเยาะเย้ยเหล่านั้นที่ปรายมองเข้ามา

“ทำไมมู่เฉินถึงทรงพลังเช่นนี้?” จงฮั้วที่พ่ายแพ้ให้กับมู่เฉินก็มีสีหน้าเคร่งขรึมเช่นกัน ก่อนหน้านี้เขาเคยคิดเช่นกันว่ามู่เฉินพึ่งพาเพียงค่ายกลเพื่อจัดการกับศัตรู แต่ใครจะคิดว่าเมื่อไม่มีการใช้ค่ายกลมู่เฉินก็สามารถเอาชนะลู่สุยแบบดุร้ายยิ่งกว่าอะไร

“ดูเหมือนว่ามีเพียงพี่ใหญ่จงเถิงเท่านั้นที่สามารถจัดการกับเขาได้” จอมยุทธ์อีกคนของเผ่ากระเรียนฟ้าพยักหน้า

หลิ่วชิงพยักหน้าเบาๆ ไม่เพียงแต่พวกเขาจะพิจารณาพลังของมู่เฉินพลาดไปเท่านั้น แม้แต่จงเถิงก็ตัดสินอีกฝ่ายผิดไป ชายคนนั้นเป็นสัตว์ประหลาดอย่างแท้จริง

ฟิ้ว!

ขณะที่นอกเจดีย์ต่างตกตะลึงกับผลลัพธ์ที่มู่เฉินนำมา ทันใดนั้นแสงก็กะพริบบนแท่นนอกเจดีย์ ร่างน่าสังเวชปรากฏขึ้น

เมื่อร่างนั้นออกมาก็รีบถอยกลับไปปรากฏตัวขึ้นในกลุ่มอีกาสายฟ้าทันควัน นี่ก็คือลู่สุยที่มีสีหน้าซีดขาว คลื่นหลิงของเขาถดถอยลงอย่างมาก

สายตาโดยรอบยิงเข้าหาในเวลานี้ทันที

ใบหน้าของลู่สุยเขียวคล้ำ สายตาเกลียดชังมองไปที่มู่เฉินที่อยู่บนหน้าจอ ก่อนที่จะหันหัวสาดสายตาดุร้ายใส่จิ่วโยวและมั่วหลิง ที่ข้างๆ พรรคพวกของเขาก็มีท่าทางไม่ดีเช่นกัน

ทว่าจิ่วโยวไม่กลัวที่จะเผชิญหน้ากับสายตาเหล่านั้น นางเค้นเสียงอย่างเย็นชา “ลูกหมาที่ถูกฟาดยังกล้าที่จะออกมาแยกเขี้ยวอีกเหรอ?”

ตอนนี้ลู่สุยบาดเจ็บสาหัส สูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไปหมด ส่วนคนที่เหลือก็ไม่มีอะไรต้องกลัว หากพวกเขากล้าที่จะคิดบัญชีกับพวกนาง จิ่วโยวก็ไม่คิดปล่อยพวกเขาไว้เป็นภัยคุกคามในอนาคตหรอก

สายตาแสดงความเกลียดชังของลู่สุยจ้องเขม็งอยู่ที่จิ่วโยว แต่สุดท้ายเขาก็ต้องถอนสายตาออกไปอย่างไม่เต็มใจ ก่อนที่จะถอยกลับนั่งลงบนซากปรักหักพังเข้าสมาธิเพื่อฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ

จอมยุทธ์กลุ่มอีกาสายฟ้าก็ปรากฏรอบตัวเขาเพื่อปกป้อง

เมื่อจิ่วโยวเห็นการตอบสนองนั่น นางก็ไม่ได้ใส่ใจกับพวกเขาอีก นางมองไปที่หน้าจออีกครั้งโดยพุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่ร่างเงาอ่อนเยาว์ มือที่กำแน่นผ่อนคลายลง

เห็นได้ชัดว่านี่เป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงสำหรับนางที่มู่เฉินจะเอาชนะได้เด็ดขาดแบบนี้ นั่นเป็นเพราะตามการประเมินของนางแม้ว่ามู่เฉินจะยืนยงอยู่ได้ก็เป็นยากที่จะเอาชนะลู่สุยด้วยขุมพลังจื้อจุนขั้นหกและถ้าการต่อสู้ถูกลากไปจนสุดอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบคาดไม่ถึง

ทว่าผลลัพธ์สุดท้ายที่ได้ก็ทำให้นางทั้งประหลาดใจและดีใจ

เห็นได้ชัดว่ามู่เฉินได้รับประโยชน์มหาศาลจากสามชั้นแรกของเจดีย์ฝึกพลังกาย ไม่เช่นนั้นเขาไม่สามารถแสดงพลังเป็นที่ประจักษ์เช่นนี้ได้

“ว่ากันว่าในชั้นสี่มหัศจรรย์กว่านี้มาก หากใครสามารถเข้าไปได้ พวกเขาจะสามารถได้รับผลประโยชน์เกินกว่าสามชั้นแรกมาก…”

จิ่วโยวยิ้มบาง ดูจากสถานการณ์ปัจจุบันไม่น่ามีปัญหาใดๆ ที่มู่เฉินจะเข้าสู่ชั้นสี่ สำหรับมั่วเฟิงความแข็งแกร่งของเขาเป็นหนึ่งในอันดับต้นของกลุ่มที่เข้าไป ดังนั้นจึงไม่ยากสำหรับเขาที่จะได้หนึ่งในห้าที่นั่งนี้ไปเช่นกัน

ดูเหมือนว่าการเดินทางมาที่เจดีย์ฝึกพลังกายโบราณครั้งนี้เผ่าวิหคโลกันตร์อาจเป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

บนลานเมฆสายฟ้า

ไม่มีใครตอบคำถามของมู่เฉิน ขณะนี้แม้แต่จอมยุทธ์ทรงอำนาจอย่างหานซันและสีคุนก็ยังรู้สึกหวาดระแวงมู่เฉินอยู่บ้าง ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกที่จะไม่ไปปะทะกับมนุษย์ผู้นี้

ดังนั้นคนทั้งหมดที่อยู่ที่นี่จึงเงียบลง ก่อนที่จะถอยออกจากรัศมีโดยรอบมู่เฉินอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณบอกว่าพวกเขาไม่ต้องการต่อสู้กับเขา

เมื่อมู่เฉินเห็นภาพนี้ก็ไม่มีอารมณ์ใดบนใบหน้า แต่ในใจกลับรู้สึกโล่งอก คนอื่นๆ เห็นเพียงฉากการต่อสู้ตระการที่เขาเอาชนะลู่สุยได้ แต่พวกเขาไม่รู้หรอกว่าหมัดที่เขาชกออกไปก่อนหน้านี้คือพลังงานส่วนเกินจากสามชั้นแรก

ร่างกายของมู่เฉินก่อนหน้าเปรียบเสมือนฟองน้ำที่ดูดซับน้ำจนถึงขีดจำกัด หมัดของเขาจึงเท่ากับบีบน้ำออกจนหมด ทำให้ร่างกายที่อัดแน่นกลับสู่สภาพเดิม

ดังนั้นถ้าให้เขาโจมตีแบบนั้นอีกครั้ง พลังก็จะไม่ทรงประสิทธิภาพเหมือนเมื่อครู่แน่นอน

ประสิทธิผลพิเศษชนิดนี้ของการสะสมพลังงานในร่างกายเป็นทักษะที่ได้มาจากกายามังกรหงส์ ด้วยวิธีนี้เขาจะได้รับผลลัพธ์ที่ไม่มีใครคาดคิดไว้ กลายเป็นไพ่ลับอีกใบหนึ่ง

“คัมภีร์หลงเฟิ่งทรงพลังจริงๆ”

แม้แต่มู่เฉินก็ยังชื่นชมในสิ่งนี้ คัมภีร์หลงเฟิ่งสมแล้วที่เป็นทักษะยอดเยี่ยมแท้จริง จากการประเมินของเขาคัมภีร์นี้ต้องอยู่ในระดับเสินทงแน่นอน ซึ่งไม่ธรรมดาแม้จะอยู่ในกลุ่มวิทยายุทธระดับเสินทงด้วย

มู่เฉินชื่นชมก่อนที่จะใจเย็นลง แม้ว่าตอนนี้จะไม่มีใครท้าทายเขา แต่เขาก็ไม่ตั้งใจที่จะท้าทายคนอื่นด้วยเช่นกัน เขายืนนิ่งบนตำแหน่งตนเองรอผลการคัดออก

สำหรับจงเถิง มู่เฉินรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นพวกยุแยงให้ลู่สุยมาปะทะกับเขา แต่เนื่องจากตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ดีในการจัดการ เขาจึงได้แต่ผลักแผนไปก่อน

แต่ถึงกระนั้นสายตาคมกล้าของมู่เฉินก็ยังจ้องเขม็งไปที่จงเถิง รอบตัวเต็มไปด้วยคลื่นหลิงราวกับเสือดาวที่กำลังจะจ้องตะครุบเหยื่ออัดแน่นด้วยภัยคุกคาม

เมื่อเห็นท่าทางของมู่เฉิน จงเถิงที่ประจันหน้ากับมั่วเฟิงก็รู้สึกอึดอัดใจ เขาต้องแยกสมาธิอยู่ตลอดเพื่อจับตามองมู่เฉิน ป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายเคลื่อนไหวมาประสานพลังกับมั่วเฟิง

ด้วยวิธีนี้สมาธิของจงเถิงจึงค่อนข้างฟุ้งซ่าน สุดท้ายเขาได้แต่กัดฟัน ถอนคลื่นหลิงและถอยออกจากบริเวณของมั่วเฟิง

“พี่มั่วยากสำหรับการต่อสู้ของเราที่จะได้ข้อสรุป ทำไมเราไม่ไปจัดการคนอื่นและรับที่นั่งมาล่ะ?” ขณะที่จงเถิงถอยกลับเสียงก็สะท้อนก้องไปด้วย

มั่วเฟิงจ้องมองจงเถิงอย่างไม่แยแสก่อนที่จะพยักหน้า นั่นเป็นเพราะเขารู้ว่าหากพวกเขายังอยู่ในสถานการณ์ยืนจ้องหน้ากันก็จะไม่เกิดผลลัพธ์ใด หากเขาร่วมมือกับมู่เฉิน พวกเขาอาจทำให้จงเถิงบ้าดีเดือดขึ้นมา แม้แต่พวกเขาก็ต้องจ่ายราคามหาศาลจากการตีโต้

ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับพวกเขาคือการได้ที่นั่งเพื่อเข้าสู่ชั้นสี่

เมื่อจงเถิงเห็นคำตอบของมั่วเฟิงก็รู้สึกโล่งใจในใจ เขาถอยกลับอย่างรวดเร็วออกจากจุดที่มู่เฉินและมั่วเฟิงอยู่ เขาครุ่นคิดสั้นๆ ก่อนจะเลือกปะทะกับคนที่อ่อนแอกว่า

พอมู่เฉินเห็นจงเถิงไปแล้วก็ไม่ได้ใส่ใจอีกต่อไป สายตาหันมามองมั่วเฟิงแล้วก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้มแสดงความขอบคุณในการช่วยเหลือครั้งนี้

สายตาของมั่วเฟิงเป็นมิตรมากขึ้น คิดว่าการที่มู่เฉินเอาชนะลู่สุย ทำให้มั่วเฟิงมองมู่เฉินในฐานะจอมยุทธ์ที่อยู่ในระดับเดียวกันกับเขา ดังนั้นจึงไม่ได้มีท่าทางเฉยเมยเหมือนเมื่อก่อน

มั่วเฟิงพยักหน้าให้มู่เฉิน ก่อนที่จะหันหลังกลับและเริ่มเลือกคู่ต่อสู้ของตนเอง

ครืน!

เมื่อทุกคนเลือกคู่ต่อสู้แล้ว ทันใดนั้นคลื่นหลิงก็ระเบิดรุนแรงบนลานเมฆสายฟ้า คลื่นกระแทกกวาดออก ทำให้มิติเกิดการสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นไม่หยุด

บนลานเมฆสายฟ้าพลังงานหลิงกวาดหายนะ มีเพียงตรงมู่เฉินเท่านั้นที่ไม่ถูกรบกวน เนื่องจากไม่มีใครกล้าเหยียบเข้ามาในรัศมีพันจั้ง ยามนี้เขาเหมือนผู้ชมที่ดูการต่อสู้ติดขอบ ในเวลาเดียวกันก็บันทึกกระบวนท่าที่ทรงพลังของบางคนไว้ในสมอง

แม้ว่าในชั้นนี้พวกเขาอาจไม่ได้ประลองกัน แต่ก็ยังมีอีกสองชั้นรอพวกเขาอยู่ ใครจะสามารถรับประกันได้ว่าจะไม่มีการลดจำนวนลงในชั้นต่อไป?

ดังนั้นถ้ามีโอกาสเขาต้องพยายามจดจำข้อมูลผู้อื่นเก็บไว้

ภายใต้การสังเกตของมู่เฉิน การประลองบนลานเมฆสายฟ้าก็คงอยู่ชั่วระยะหนึ่ง ก่อนที่แต่ละคู่จะมาถึงจุดสิ้นสุด ผลลัพธ์ก็เป็นไปตามที่คาดไว้

หลังจากมู่เฉินก็เป็นหานซันที่เอาชนะคู่ต่อสู้ได้ที่นั่งที่สองไป

จากนั้นมั่วเฟิงและจงเถิงก็คว้าชัยชนะตามมา

ที่นั่งสุดท้ายตกเป็นของสีคุนที่ก่อนหน้านี้เคยแพ้หานซันที่ด้านนอกเจดีย์ ชายนี้มีความแข็งแกร่งที่น่าตกใจ แม้แต่หานซันยังต้องใช้ทักษะเต็มที่ถึงจะได้รับชัยชนะมา

เมื่อสีคุนได้รับที่นั่งสุดท้ายลานเมฆสายฟ้าขนาดใหญ่ก็เงียบลงอีกครั้ง ร่างทั้งห้ายืนอยู่ ขณะรัศมีไร้ขอบเขตทั้งห้าสายพุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าชนกันเปรี้ยงปร้าง

ทว่าการชนกันก็ดำเนินไปเพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ ก่อนที่ทั้งห้าจะถอนคลื่นพลังพร้อมกัน พวกเขาเหลือบมองกันและกัน จากนั้นก็ไม่ลังเลทะยานออกไปปรากฏตัวบนเบาะทั้งห้า

สายตาพวกเขาพุ่งตรงไปยังมิติด้านหลังลานเมฆสายฟ้าด้วยความโลภ ตรงนั้นเส้นดาวหางจำนวนมากกวาดผ่านราวกับฝนดาวตก

ในแสงเหล่านั้นแก่นหยดสายฟ้ากำลังกะพริบด้วยความแวววาว


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท