หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – ตอนที่ 1251

ตอนที่ 1251

หนึ่งในใต้หล้า 大主宰
บทที่ 1251 รับค่ายกลรบ
ขณะที่ทุกคนยังตกตะลึงกับการตายของเสี่ยหลิงจื่อ

จักรพรรดิสัประยุทธ์ก็หรี่ตาแคบลง ขณะที่จ้องมองใบหน้าอ่อนเยาว์บนหน้าจอ

แม้ว่าสีหน้าเขาจะคงความสงบได้ แต่ก็มีริ้วความประหลาดใจวูบไหวในส่วนลึกของดวงตา เห็นได้ชัดว่าเขารู้สึกประหลาดใจกับการที่มู่เฉินสามารถฆ่าเสี่ยหลิงจื่อได้

“ดูท่าเทพจักรพรรดิอัคคีจะมีสายตาเฉียบแหลมจริงๆ มู่เฉินมีคุณสมบัติเหมาะสมแท้จริงในการเข้าร่วมสนามรบระดับตี้จื้อจุนขั้นปลาย” จักรพรรดิสัประยุทธ์เอ่ยหัวเราะเบาๆ

ตัวเขาเป็นจอมยุทธ์เทียนจื้อจุน ดังนั้นจึงไม่ใช่คนไร้เหตุผลแม้จะภาคภูมิใจในตนเอง ดังนั้นหากเขาเลือกที่จะเพิกเฉยต่อพลังของมู่เฉินก็ดูใจแคบไปหน่อยแล้ว

ทว่าเขาก็ยังคงคิดว่ามู่เฉินมีคุณสมบัติที่จะเข้าร่วมในสมรภูมินี้เท่านั้น แต่ยังคงไม่เชื่อว่ามู่เฉินมีพลังจะได้ตำแหน่งไป

เซียวเหยียนยิ้มเมื่อได้ยินคำพูดเหล่านั้น เขาเข้าใจความหมายที่อยู่เบื้องหลังคำพูดดี อย่างไรก็ตามเขาไม่คิดจะโต้เถียงกับอีกฝ่าย “งั้นมาดูต่อว่าเขาจะทำให้เราประหลาดใจได้อีกหรือไม่”

จักรพรรดิสัประยุทธ์ลูบพนักเก้าอี้พลางพยักหน้า

“งั้นข้าขอดูว่าเขาจะทำให้เราประหลาดใจอีกตามที่เจ้าพูดหรือไม่”

เหนือมหาสมุทรที่พลุ่งพล่าน

มู่เฉินโบกแขนเสื้อ เจดีย์ผลึกแก้วใสก็หายไป ลำแสงสามสายกะพริบวาบ ก่อนที่จะตกลงไปในมือ นั่นก็คือป้ายสัประยุทธ์นั่นเอง

มือจับป้ายทั้งสามไว้ รอยยิ้มก็ปรากฏบนใบหน้า ดูเหมือนว่าการเก็บเกี่ยวของเสี่ยหลิงจื่อจะไม่เลวเลยทีเดียว จำนวนป้ายทั้งสามนี้ในที่สุดเขาก็สามารถแลกเปลี่ยนค่ายกลรบสามกำลังจากคลังสัประยุทธ์ได้

แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะแลกเปลี่ยน

เก็บป้ายทั้งสามไป มู่เฉินก็กวาดสายตาเย็นชาไปไม่ไกล ค่ายกลเก้าเทพมังกรประหารแตกสลายเรียบร้อยไปแล้ว แต่อาจารย์ผีที่ยืนอยู่ที่นั่นก็มีใบหน้าสลับไปมาระหว่างขาวกับเขียว เมื่อเห็นสายตาของมู่เฉิน เขาก็รู้สึกเย็นเยือกทั่วสรรคพางค์กาย ความกลัวพวยพุ่งในดวงตา

เขาหวาดผวามากกับการตายของเสี่ยหลิงจื่อ

เขาไม่เคยคิดว่าด้วยความสามารถและทักษะที่เสี่ยหลิงจื่อมีไม่เพียงแต่จะไม่สามารถเอาชนะมู่เฉินได้ กลับยังถูกฆ่าตายแทน

แม้จะเป็นจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นต้น แต่ความแข็งแกร่งของมู่เฉินน่ากลัวกว่ามาก

“ฮ่าๆ พี่ชายน้อยมู่เฉินเป็นมังกรในหมู่มนุษย์ ข้าตาบอดด้วยความโลภและติดกับเสี่ยหลิงจื่อ หวังว่าเจ้าจะใจกว้างนะ!” เมื่อระลึกได้ว่ามู่เฉินฆ่าเสี่ยหลิงจื่ออย่างไร อาจารย์ผีก็รู้สึกหัวใจเย็นเยือก รีบเผยรอยยิ้มลุแก่โทษทำใจดีสู้เสือ

พิจารณาจากพลังการต่อสู้ของมู่เฉิน ต่อให้อาจารย์ผีจะเป็นหลิงเจิ้นจงซือ แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะเผชิญหน้ากับมู่เฉิน ดังนั้นจะเป็นการดีกว่าถ้าเขายอมรับความพ่ายแพ้เอง

เมื่อมองท่าทางของอาจารย์ผี มู่เฉินก็ยิ้ม “เจ้าคิดว่าง่ายที่จะลบความจริงที่โจมตีข้ารึ?”

เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านั้นใบหน้าของอาจารย์ปีศาจก็กระตุก เขาอึกอักครู่ก่อนจะยิ้มขมขื่น “ไม่รู้ว่าเจ้าต้องการอะไร?”

มู่เฉินเหยียดมือออกด้วยสีหน้าเฉยเมย “ป้ายสัประยุทธ์สามป้าย”

ใบหน้าของอาจารย์ผีเปลี่ยนไปขณะกัดฟัน “จะไม่โหดไปหน่อยเหรอ?”

เขาเพิ่งรวบรวมป้ายสัประยุทธ์ได้สี่ป้ายเท่านั้น ตอนแรกยังคิดจะนำไปแลกเปลี่ยนเป็นภาพค่ายกลระดับจงซือ หากเขาส่งสามป้ายไป ความพยายามทั้งหมดก็ไม่ไร้ประโยชน์ไปหรือ?

มู่เฉินไม่ได้พูดอะไร ทว่าวิญญาณสงครามเต่าดำกลับมองลงมา จ้องไปที่อาจารย์ผีนิ่ง รัศมีจั้นยี่ที่ไร้ขอบเขตก่อตัวเป็นแรงกดดันที่มองไม่เห็น

เมื่อแรงกดดันที่น่ากลัวบีบลง อาจารย์ผีก็รู้สึกได้ทันทีว่าร่างกายเริ่มถ่วงลงจากแรงกดดันมหาศาล ยิ่งเมื่อเห็นสายตาเย็นชาของมู่เฉิน เขาก็รู้ว่าถ้างานนี้ไม่เห็นด้วย เขาอาจจะเป็นอย่างเสี่ยหลิงจื่อก็ได้

แม้ว่าเขาอยากสู้ แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะเผชิญหน้ากับมู่เฉินด้วยพลังของตัวเองคนเดียว

ใบหน้าของอาจารย์ผีเปลี่ยนแปลงไปมาต่อเนื่อง จากนั้นไม่นานก็ก้มหน้าโบกแขนเสื้อ ป้ายสัประยุทธ์สามป้ายบินไปหามู่เฉิน

ในเมื่อไม่สามารถเอาชนะหรือหนีไปได้ ทางเลือกเดียวก็คือยอมแพ้ซะ

“ไอ้สารเลวเสี่ยหลิงจื่อ! ตายก็ตายไปแล้ว ยังมาลากข้าลงนรกอีก มาดูกันว่าฉันจะจัดการกับตระกูลเสี่ยเสินยังไง!” อาจารย์ผีแทบกระอักเลือดพลางคำรามอยู่ในใจ

เมื่อประจันหน้ากับมู่เฉินเขาไม่กล้าทำอะไร แต่เขาสามารถใส่ความโกรธแค้นไปยังตระกูลเสี่ยเสินได้ ยิ่งกว่านั้นเมื่อปราศจากเสี่ยหลิงจื่อตระกูลเสี่ยเสินก็จะอ่อนแอลงเหมือนแกะอ้วนพี

รับป้ายทั้งสามมา มู่เฉินก็ผงกหัวอย่างพอใจ แม้ว่าเขาจะเปิดเผยไพ่ตายอีกใบ แต่ในการต่อสู้ครั้งนี้การเก็บเกี่ยวของเขาค่อนข้างดีเลยทีเดียว

“ไสหัวไปซะ”

มู่เฉินโบกมือให้อาจารย์ผีกล่าวไม่ไว้หน้า

เขาไม่มีความรู้สึกที่ดีกับชายชราคนนี้ที่ชอบรอคว้าผลประโยชน์ ถ้ามู่เฉินไม่กังวลเกี่ยวกับฝูงชนที่อยู่รอบๆ เขาคงไม่สนที่จะเตะส่งอาจารย์ผีออกจากสนามรบ

อาจารย์ผีไม่ได้ใส่ใจกับท่าทางของมู่เฉิน เขาหันหลังจากไปทันที ด้วยเกรงว่ามู่เฉินจะกลับคำพูดมาจัดการเขา

เมื่อเห็นอาจารย์ผีไปแล้ว มู่เฉินก็มองไปรอบๆ พูดเสียงเบาว่า “ถ้ามีใครอยากได้ป้ายสัประยุทธ์ของข้าก็เชิญเข้ามาได้เลย”

เมื่อเสียงของมู่เฉินดังสะท้อนทั่วบริเวณกลับเงียบงัน แม้ว่าคนที่ซ่อนตัวอยู่รอบๆ ที่ต้องการจะฉกป้ายสัประยุทธ์ในมือมู่เฉิน แต่พวกเขาก็ขยาดกับฉากการตายของเสี่ยหลิงจื่อ ขณะเดียวกันพวกเขาก็เข้าใจถึงความไร้ความปรานีที่มู่เฉินมี

เป็นการดีที่จะไม่รุกรานคนที่โหดเช่นนี้

เมื่อความคิดผุดขึ้นในสมอง พวกเขาก็พุ่งตัวขึ้นสูง กลายเป็นลำแสงแยกย้ายกันไปในทันที

เห็นได้ชัดว่าพวกเขาเลิกคิดที่จะจัดการมู่เฉิน

เมื่อเห็นแต่ละคนหายหัวไปอย่างรวดเร็ว มู่เฉินก็เค้นเสียงเย็นขึ้นจมูก ถ้าเขาแสดงจุดอ่อนให้เห็น คนพวกนั้นก็จะกลุ้มรุมเข้ามาเหมือนฝูงหมาป่าหิวโซ

เผชิญหน้ากับพวกเหล่านี้ เขาต้องแสดงความโหดเหี้ยมที่มีเพื่อข่มขู่ไว้ก่อน

เมื่อเห็นคนจากไป มู่เฉินก็เรียกกองทัพทั้งสองกลับคืนมา ก่อนที่จะกลายเป็นร่างแสงพุ่งออกจากสถานที่แห่งนี้ไปเช่นกัน

หลังจากที่ออกมาได้พักใหญ่และรู้สึกว่าไม่มีใครตามมา เขาก็พลิ้วตัวลงมาป้ายสัประยุทธ์ของตัวเขาปรากฏขึ้นในมือ

เขาเร้าป้ายสัประยุทธ์ รายชื่อสมบัติในคลังสัประยุทธ์ก็วิ่งเร็วจี๋ที่เบื้องหน้า เนื่องจากมีสิ่งที่สนใจไว้แล้ว ดังนั้นด้วยการตวัดมือครั้งเดียวป้ายสี่ป้ายที่มีในการครอบครองก็หายไป ลูกแสงหนึ่งบินออกมาลอยอยู่เบื้องหน้ามู่เฉิน

นี่เป็นม้วนทองสัมฤทธิ์โบราณที่เปล่งความมันวาวออกมาก่อตัวเป็นเงาร่างสามร่าง

เมื่อมองดูม้วนภาพนี้ดวงตามู่เฉินก็ลุกโชน นี่คือค่ายกลรบที่เขาโหยหา!

หากเขาสามารถฝึกฝนสำเร็จก็จะเท่ากับติดปีกพยัคฆ์ให้วิชาสามพิสุทธิ์ของเขา!

“ในที่สุดข้าก็รับได้มา”

มู่เฉินยิ้มกริ่มคว้าม้วนทองสัมฤทธิ์ เทคลื่นหลิงเข้าไปภายใน ทันใดนั้นข้อมูลมหาศาลก็ปลดปล่อยอยู่ในห้วงแห่งจิตของเขา

เขาหลับตาเพื่ออ่านข้อมูลเป็นเวลานานก่อนที่จะลืมตาขึ้นด้วยความอัศจรรย์ใจ

“ค่ายกลรบสามกำลังเป็นทักษะพิเศษอย่างแท้จริง”

มู่เฉินเอ่ยชื่นชม แม้ว่าจะไม่ใช่ค่ายกลรบชั้นสูงที่มีประสิทธิภาพรุนแรง แต่เงื่อนไขในการฝึกฝนและความลึกซึ้งนั้นก็น่าตกตะลึงอย่างแท้จริง

“มิน่าล่ะผู้อาวุโสที่คิดค้นวิชานี้ถึงสามารถเอาชนะจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นเต็มได้” หลังจากถอนหายใจลึกซึ้ง เขาก็เก็บม้วนภาพไว้ วิธีการฝึกฝนสำหรับค่ายกลรบสามกำลังไม่ยากนัก แค่ว่ามีข้อกำหนดที่เข้มงวดซึ่งต้องการให้คนสามคนเชื่อมโยงจิตใจกัน ซึ่งจุดนี้มู่เฉินบรรลุได้อย่างสมบูรณ์แบบ

เพราะร่างรองจากวิชาสามพิสุทธิ์เป็นตัวเขาเอง การเชื่องโยงจิตใจเหนี่ยวแน่นยิ่งกว่าฝาแฝด

ค่ายกลนี้มู่เฉินน่าจะใช้งานได้อย่างสมบูรณ์หลังจากฝึกฝนไประยะหนึ่ง

เมื่อคิดได้ขนาดคนสงบนิ่งแบบมู่เฉินยังอดไม่ได้ที่จะกลั้นรอยยิ้ม พูดพึมพำว่า “ในเมื่อได้รับค่ายกลรบสามกำลังมาแล้ว เป้าหมายต่อไปคือตำแหน่ง”

ในสมรภูมิตำแหน่งนักรบทวีปเป็นอะไรที่ทำให้มู่เฉินน้ำลายสอนัก

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler ฟรี ได้ที่ novel-fast 


เรื่องย่อ

โดย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler บางส่วนของนิยาย

บทนำ

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป

‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้

แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์

แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว

ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ

เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง?

ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน…

เรื่องย่อ

เมื่อคำพูดของมู่เฉินกระจายออกไป ไม่เพียงแต่จะไม่มีการตอบสนอง แม้แต่ด้านนอกเจดีย์ก็ถูกห่อหุ้มด้วยบรรยากาศราวกับป่าช้า…

ทุกคนตกตะลึงไปกับฉากนี้ พวกเขาจ้องมองจุดที่ลู่สุยหายตัวไป ราวกับว่ายังไม่สามารถฟื้นจากอาการตะลึงงันที่เกิดขึ้นได้

ก่อนหน้าเมื่อลู่สุยออกกระบวนท่าที่น่าสะพรึง ผู้คนส่วนใหญ่ก็คิดว่าผลลัพธ์ของการต่อสู้ได้ถูกกำหนดแล้ว ทว่าพวกเขาไม่คิดเลยว่ามู่เฉินจะพลิกสถานการณ์ได้อีกครั้ง เตะลู่สุยที่เหมือนจะคว้าชัยชนะออกไป

ทุกคนตะลึงไปพักใหญ่ ก่อนที่พวกเขาจะหลุดออกจากอาการได้ สายตาเคร่งเครียดลง การประลองกันครั้งนี้มู่เฉินไม่ได้ใช้ค่ายกล แต่เขาก็สามารถเอาชนะจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดอย่างลู่สุยได้ด้วยความแข็งแกร่งที่อยู่ในขั้นหกเท่านั้น แม้ว่าจะมีผลจากลู่สุยประมาทเองในตอนแรก แต่นั่นก็แสดงให้เห็นว่ามู่เฉินน่ากลัวแค่ไหน

พลังเช่นนี้เขาสามารถเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์อันดับต้นๆ ในเจดีย์ฝึกพลังกายได้เลยทีเดียว

ทางฝั่งกลุ่มกระเรียนฟ้า ใบหน้าของหลิ่วชิงกลายเป็นเขียวสลับขาว นางมองไปที่ร่างสูงโปร่งบนหน้าจอ กลืนน้ำลายเหนียวหนืด ความกลัวปรากฏในดวงตาของนางเป็นครั้งแรก

มาถึงจุดนี้นางคงโง่แน่ถ้ายังคิดปฏิบัติต่อมู่เฉินเหมือนกับจอมยุทธ์ขั้นหกทั่วไป

ด้วยพลังในการต่อสู้ที่เขาแสดงออกมา บวกกับค่ายกลทรงพลัง แม้แต่จงเถิงก็ยากจะได้เปรียบหากพวกเขาต่อสู้กัน

ก่อนหน้านี้นางหัวเราะเยาะและมองจิ่วโยวด้วยความดูถูก แต่ตอนนี้นางอายแทบแทรกแผ่นดินหนี ซึ่งจุดนี้รู้ได้จากสายตาเยาะเย้ยเหล่านั้นที่ปรายมองเข้ามา

“ทำไมมู่เฉินถึงทรงพลังเช่นนี้?” จงฮั้วที่พ่ายแพ้ให้กับมู่เฉินก็มีสีหน้าเคร่งขรึมเช่นกัน ก่อนหน้านี้เขาเคยคิดเช่นกันว่ามู่เฉินพึ่งพาเพียงค่ายกลเพื่อจัดการกับศัตรู แต่ใครจะคิดว่าเมื่อไม่มีการใช้ค่ายกลมู่เฉินก็สามารถเอาชนะลู่สุยแบบดุร้ายยิ่งกว่าอะไร

“ดูเหมือนว่ามีเพียงพี่ใหญ่จงเถิงเท่านั้นที่สามารถจัดการกับเขาได้” จอมยุทธ์อีกคนของเผ่ากระเรียนฟ้าพยักหน้า

หลิ่วชิงพยักหน้าเบาๆ ไม่เพียงแต่พวกเขาจะพิจารณาพลังของมู่เฉินพลาดไปเท่านั้น แม้แต่จงเถิงก็ตัดสินอีกฝ่ายผิดไป ชายคนนั้นเป็นสัตว์ประหลาดอย่างแท้จริง

ฟิ้ว!

ขณะที่นอกเจดีย์ต่างตกตะลึงกับผลลัพธ์ที่มู่เฉินนำมา ทันใดนั้นแสงก็กะพริบบนแท่นนอกเจดีย์ ร่างน่าสังเวชปรากฏขึ้น

เมื่อร่างนั้นออกมาก็รีบถอยกลับไปปรากฏตัวขึ้นในกลุ่มอีกาสายฟ้าทันควัน นี่ก็คือลู่สุยที่มีสีหน้าซีดขาว คลื่นหลิงของเขาถดถอยลงอย่างมาก

สายตาโดยรอบยิงเข้าหาในเวลานี้ทันที

ใบหน้าของลู่สุยเขียวคล้ำ สายตาเกลียดชังมองไปที่มู่เฉินที่อยู่บนหน้าจอ ก่อนที่จะหันหัวสาดสายตาดุร้ายใส่จิ่วโยวและมั่วหลิง ที่ข้างๆ พรรคพวกของเขาก็มีท่าทางไม่ดีเช่นกัน

ทว่าจิ่วโยวไม่กลัวที่จะเผชิญหน้ากับสายตาเหล่านั้น นางเค้นเสียงอย่างเย็นชา “ลูกหมาที่ถูกฟาดยังกล้าที่จะออกมาแยกเขี้ยวอีกเหรอ?”

ตอนนี้ลู่สุยบาดเจ็บสาหัส สูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไปหมด ส่วนคนที่เหลือก็ไม่มีอะไรต้องกลัว หากพวกเขากล้าที่จะคิดบัญชีกับพวกนาง จิ่วโยวก็ไม่คิดปล่อยพวกเขาไว้เป็นภัยคุกคามในอนาคตหรอก

สายตาแสดงความเกลียดชังของลู่สุยจ้องเขม็งอยู่ที่จิ่วโยว แต่สุดท้ายเขาก็ต้องถอนสายตาออกไปอย่างไม่เต็มใจ ก่อนที่จะถอยกลับนั่งลงบนซากปรักหักพังเข้าสมาธิเพื่อฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ

จอมยุทธ์กลุ่มอีกาสายฟ้าก็ปรากฏรอบตัวเขาเพื่อปกป้อง

เมื่อจิ่วโยวเห็นการตอบสนองนั่น นางก็ไม่ได้ใส่ใจกับพวกเขาอีก นางมองไปที่หน้าจออีกครั้งโดยพุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่ร่างเงาอ่อนเยาว์ มือที่กำแน่นผ่อนคลายลง

เห็นได้ชัดว่านี่เป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงสำหรับนางที่มู่เฉินจะเอาชนะได้เด็ดขาดแบบนี้ นั่นเป็นเพราะตามการประเมินของนางแม้ว่ามู่เฉินจะยืนยงอยู่ได้ก็เป็นยากที่จะเอาชนะลู่สุยด้วยขุมพลังจื้อจุนขั้นหกและถ้าการต่อสู้ถูกลากไปจนสุดอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบคาดไม่ถึง

ทว่าผลลัพธ์สุดท้ายที่ได้ก็ทำให้นางทั้งประหลาดใจและดีใจ

เห็นได้ชัดว่ามู่เฉินได้รับประโยชน์มหาศาลจากสามชั้นแรกของเจดีย์ฝึกพลังกาย ไม่เช่นนั้นเขาไม่สามารถแสดงพลังเป็นที่ประจักษ์เช่นนี้ได้

“ว่ากันว่าในชั้นสี่มหัศจรรย์กว่านี้มาก หากใครสามารถเข้าไปได้ พวกเขาจะสามารถได้รับผลประโยชน์เกินกว่าสามชั้นแรกมาก…”

จิ่วโยวยิ้มบาง ดูจากสถานการณ์ปัจจุบันไม่น่ามีปัญหาใดๆ ที่มู่เฉินจะเข้าสู่ชั้นสี่ สำหรับมั่วเฟิงความแข็งแกร่งของเขาเป็นหนึ่งในอันดับต้นของกลุ่มที่เข้าไป ดังนั้นจึงไม่ยากสำหรับเขาที่จะได้หนึ่งในห้าที่นั่งนี้ไปเช่นกัน

ดูเหมือนว่าการเดินทางมาที่เจดีย์ฝึกพลังกายโบราณครั้งนี้เผ่าวิหคโลกันตร์อาจเป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

บนลานเมฆสายฟ้า

ไม่มีใครตอบคำถามของมู่เฉิน ขณะนี้แม้แต่จอมยุทธ์ทรงอำนาจอย่างหานซันและสีคุนก็ยังรู้สึกหวาดระแวงมู่เฉินอยู่บ้าง ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกที่จะไม่ไปปะทะกับมนุษย์ผู้นี้

ดังนั้นคนทั้งหมดที่อยู่ที่นี่จึงเงียบลง ก่อนที่จะถอยออกจากรัศมีโดยรอบมู่เฉินอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณบอกว่าพวกเขาไม่ต้องการต่อสู้กับเขา

เมื่อมู่เฉินเห็นภาพนี้ก็ไม่มีอารมณ์ใดบนใบหน้า แต่ในใจกลับรู้สึกโล่งอก คนอื่นๆ เห็นเพียงฉากการต่อสู้ตระการที่เขาเอาชนะลู่สุยได้ แต่พวกเขาไม่รู้หรอกว่าหมัดที่เขาชกออกไปก่อนหน้านี้คือพลังงานส่วนเกินจากสามชั้นแรก

ร่างกายของมู่เฉินก่อนหน้าเปรียบเสมือนฟองน้ำที่ดูดซับน้ำจนถึงขีดจำกัด หมัดของเขาจึงเท่ากับบีบน้ำออกจนหมด ทำให้ร่างกายที่อัดแน่นกลับสู่สภาพเดิม

ดังนั้นถ้าให้เขาโจมตีแบบนั้นอีกครั้ง พลังก็จะไม่ทรงประสิทธิภาพเหมือนเมื่อครู่แน่นอน

ประสิทธิผลพิเศษชนิดนี้ของการสะสมพลังงานในร่างกายเป็นทักษะที่ได้มาจากกายามังกรหงส์ ด้วยวิธีนี้เขาจะได้รับผลลัพธ์ที่ไม่มีใครคาดคิดไว้ กลายเป็นไพ่ลับอีกใบหนึ่ง

“คัมภีร์หลงเฟิ่งทรงพลังจริงๆ”

แม้แต่มู่เฉินก็ยังชื่นชมในสิ่งนี้ คัมภีร์หลงเฟิ่งสมแล้วที่เป็นทักษะยอดเยี่ยมแท้จริง จากการประเมินของเขาคัมภีร์นี้ต้องอยู่ในระดับเสินทงแน่นอน ซึ่งไม่ธรรมดาแม้จะอยู่ในกลุ่มวิทยายุทธระดับเสินทงด้วย

มู่เฉินชื่นชมก่อนที่จะใจเย็นลง แม้ว่าตอนนี้จะไม่มีใครท้าทายเขา แต่เขาก็ไม่ตั้งใจที่จะท้าทายคนอื่นด้วยเช่นกัน เขายืนนิ่งบนตำแหน่งตนเองรอผลการคัดออก

สำหรับจงเถิง มู่เฉินรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นพวกยุแยงให้ลู่สุยมาปะทะกับเขา แต่เนื่องจากตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ดีในการจัดการ เขาจึงได้แต่ผลักแผนไปก่อน

แต่ถึงกระนั้นสายตาคมกล้าของมู่เฉินก็ยังจ้องเขม็งไปที่จงเถิง รอบตัวเต็มไปด้วยคลื่นหลิงราวกับเสือดาวที่กำลังจะจ้องตะครุบเหยื่ออัดแน่นด้วยภัยคุกคาม

เมื่อเห็นท่าทางของมู่เฉิน จงเถิงที่ประจันหน้ากับมั่วเฟิงก็รู้สึกอึดอัดใจ เขาต้องแยกสมาธิอยู่ตลอดเพื่อจับตามองมู่เฉิน ป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายเคลื่อนไหวมาประสานพลังกับมั่วเฟิง

ด้วยวิธีนี้สมาธิของจงเถิงจึงค่อนข้างฟุ้งซ่าน สุดท้ายเขาได้แต่กัดฟัน ถอนคลื่นหลิงและถอยออกจากบริเวณของมั่วเฟิง

“พี่มั่วยากสำหรับการต่อสู้ของเราที่จะได้ข้อสรุป ทำไมเราไม่ไปจัดการคนอื่นและรับที่นั่งมาล่ะ?” ขณะที่จงเถิงถอยกลับเสียงก็สะท้อนก้องไปด้วย

มั่วเฟิงจ้องมองจงเถิงอย่างไม่แยแสก่อนที่จะพยักหน้า นั่นเป็นเพราะเขารู้ว่าหากพวกเขายังอยู่ในสถานการณ์ยืนจ้องหน้ากันก็จะไม่เกิดผลลัพธ์ใด หากเขาร่วมมือกับมู่เฉิน พวกเขาอาจทำให้จงเถิงบ้าดีเดือดขึ้นมา แม้แต่พวกเขาก็ต้องจ่ายราคามหาศาลจากการตีโต้

ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับพวกเขาคือการได้ที่นั่งเพื่อเข้าสู่ชั้นสี่

เมื่อจงเถิงเห็นคำตอบของมั่วเฟิงก็รู้สึกโล่งใจในใจ เขาถอยกลับอย่างรวดเร็วออกจากจุดที่มู่เฉินและมั่วเฟิงอยู่ เขาครุ่นคิดสั้นๆ ก่อนจะเลือกปะทะกับคนที่อ่อนแอกว่า

พอมู่เฉินเห็นจงเถิงไปแล้วก็ไม่ได้ใส่ใจอีกต่อไป สายตาหันมามองมั่วเฟิงแล้วก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้มแสดงความขอบคุณในการช่วยเหลือครั้งนี้

สายตาของมั่วเฟิงเป็นมิตรมากขึ้น คิดว่าการที่มู่เฉินเอาชนะลู่สุย ทำให้มั่วเฟิงมองมู่เฉินในฐานะจอมยุทธ์ที่อยู่ในระดับเดียวกันกับเขา ดังนั้นจึงไม่ได้มีท่าทางเฉยเมยเหมือนเมื่อก่อน

มั่วเฟิงพยักหน้าให้มู่เฉิน ก่อนที่จะหันหลังกลับและเริ่มเลือกคู่ต่อสู้ของตนเอง

ครืน!

เมื่อทุกคนเลือกคู่ต่อสู้แล้ว ทันใดนั้นคลื่นหลิงก็ระเบิดรุนแรงบนลานเมฆสายฟ้า คลื่นกระแทกกวาดออก ทำให้มิติเกิดการสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นไม่หยุด

บนลานเมฆสายฟ้าพลังงานหลิงกวาดหายนะ มีเพียงตรงมู่เฉินเท่านั้นที่ไม่ถูกรบกวน เนื่องจากไม่มีใครกล้าเหยียบเข้ามาในรัศมีพันจั้ง ยามนี้เขาเหมือนผู้ชมที่ดูการต่อสู้ติดขอบ ในเวลาเดียวกันก็บันทึกกระบวนท่าที่ทรงพลังของบางคนไว้ในสมอง

แม้ว่าในชั้นนี้พวกเขาอาจไม่ได้ประลองกัน แต่ก็ยังมีอีกสองชั้นรอพวกเขาอยู่ ใครจะสามารถรับประกันได้ว่าจะไม่มีการลดจำนวนลงในชั้นต่อไป?

ดังนั้นถ้ามีโอกาสเขาต้องพยายามจดจำข้อมูลผู้อื่นเก็บไว้

ภายใต้การสังเกตของมู่เฉิน การประลองบนลานเมฆสายฟ้าก็คงอยู่ชั่วระยะหนึ่ง ก่อนที่แต่ละคู่จะมาถึงจุดสิ้นสุด ผลลัพธ์ก็เป็นไปตามที่คาดไว้

หลังจากมู่เฉินก็เป็นหานซันที่เอาชนะคู่ต่อสู้ได้ที่นั่งที่สองไป

จากนั้นมั่วเฟิงและจงเถิงก็คว้าชัยชนะตามมา

ที่นั่งสุดท้ายตกเป็นของสีคุนที่ก่อนหน้านี้เคยแพ้หานซันที่ด้านนอกเจดีย์ ชายนี้มีความแข็งแกร่งที่น่าตกใจ แม้แต่หานซันยังต้องใช้ทักษะเต็มที่ถึงจะได้รับชัยชนะมา

เมื่อสีคุนได้รับที่นั่งสุดท้ายลานเมฆสายฟ้าขนาดใหญ่ก็เงียบลงอีกครั้ง ร่างทั้งห้ายืนอยู่ ขณะรัศมีไร้ขอบเขตทั้งห้าสายพุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าชนกันเปรี้ยงปร้าง

ทว่าการชนกันก็ดำเนินไปเพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ ก่อนที่ทั้งห้าจะถอนคลื่นพลังพร้อมกัน พวกเขาเหลือบมองกันและกัน จากนั้นก็ไม่ลังเลทะยานออกไปปรากฏตัวบนเบาะทั้งห้า

สายตาพวกเขาพุ่งตรงไปยังมิติด้านหลังลานเมฆสายฟ้าด้วยความโลภ ตรงนั้นเส้นดาวหางจำนวนมากกวาดผ่านราวกับฝนดาวตก

ในแสงเหล่านั้นแก่นหยดสายฟ้ากำลังกะพริบด้วยความแวววาว


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท