หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – ตอนที่ 1265

ตอนที่ 1265

บทที่ 1265 สองสตรีสู้กัน
ลมกระโชกแรงกวนตัวบนเทือกเขา

คนสองกลุ่มพากันเร้าคลื่นหลิงทรงพลัง แม้แต่เมฆก็ถูกฉีกขาดจากแรงกดดันนี้

ทั้งสองกลุ่มยืนอยู่คนละฟากของเทือกเขา ความเป็นปฏิปักษ์อัดแน่นในดวงตา

เงาร่างหนึ่งยืนอยู่เบื้องหน้าค่ายทางด้านขวา นางสวมเสื้อผ้าสีดำที่เน้นรูปร่างและผิวสีขาวไข่มุก นางมีรูปลักษณ์งดงามชวนตะลึงเมื่อสายตาจ้องมองไปที่ดวงหน้า

นอกจากนี้ยังมีความน่าเกรงขามที่ทำให้นางประหนึ่งจักรพรรดินี

นอกเหนือจากลั่วหลีก็ไม่มีใครโดดเด่นในสนามรบระดับตี้จื้อจุนขั้นต้นอีกแล้ว

จอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นต้นกว่าหนึ่งร้อยคนยืนอยู่ข้างหลัง มองมาที่นางด้วยความเคารพ

ตอนที่หลิงเฟยจื่อเริ่มลงมือกวาดล้าง ผู้คนจำนวนมากก็หนีกันกระเจิดกระเจิง แม้ว่าจะมีคนกล้าลุกขึ้นสู้ แต่ผลลัพธ์ก็จบลงที่ถูกเตะโด่งออกจากสนามรบ

ภายใต้สภาวะที่น่ากลัวนี้ ลั่วหลีลุกขึ้นรวบรวมสมัครพรรคพวกอย่างรวดเร็ว จากนั้นเมื่อเผชิญหน้ากับการล้อมโจมตีของค่ายหลิงเฟยจื่อก็ถอยทัพกลับมาได้

หลังจากเหตุการณ์นั้นพวกนางก็เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วและดึงผู้คนที่มีความไม่พอใจกับหลิงเฟยจื่อ นอกจากนี้ด้วยเสน่ห์โดดเด่นของนาง ยังสามารถดึงจอมยุทธ์ทรงพลังที่เป็นกลางเข้าร่วมด้วย ทำให้ตอนนี้ค่ายของพวกนางไม่ได้อ่อนแอไปกว่าค่ายของหลิงเฟยจื่อเลย

ในเวลาเพียงครึ่งเดือนลั่วหลีเริ่มต้นจากการไม่มีอะไรจนมีค่ายใหญ่ที่ไม่อ่อนแอกว่าหลิงเฟยจื่อ วิธีดังกล่าวทำให้ผู้คนต้องถอนหายใจชื่นชมไม่หยุด

ดังนั้นทุกคนที่นี่จึงรู้สึกเคารพลั่วหลี ไม่มีใครดูถูกความเป็นสตรีเพศของนาง

มีชายสวมเสื้อสีเขียวอมฟ้าที่มีรูปลักษณ์โดดเด่นและไม่ธรรมดายืนอยู่ข้างหลังลั่วหลี เขากวาดมองทุกคนที่พลุ่งพล่านด้วยเจตนาการต่อสู้ก็ยิ้ม “จักรพรรดินีลั่วเก่งกล้าสมชื่อนัก ครึ่งเดือนก่อนเรามีกองกำลังเพียงสิบคน ตอนนี้กลับสามารถประกาศสงครามกับหลิงเฟยจื่อได้เลยทีเดียว”

ชายคนนี้ชื่อว่าหลู่เฟิ่งเซียน เขามีชื่อเสียงโด่งดังในหมู่จอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นต้นในทวีปซีเทียน ว่ากันว่าภายในสองสามปีนี้เขาก็จะสามารถโจมตีระดับตี้จื้อจุนขั้นปลายได้แล้ว

เขาเป็นจอมยุทธ์ที่แข็งแกร่งที่สุดในหมู่คนที่เข้าร่วมกับลั่วหลี

“หลิงเฟยจื่อเจ้ายศเจ้าอย่างและพึ่งพาชื่อเสียงของตำหนักซีเทียน ในแง่ของความสามารถข้าไม่คิดว่านางจะเปรียบกับจักรพรรดินีลั่วได้” ข้างหลู่เฟิ่งเซียน ชายร่างกำยำก็พูดออกมา

เขามีชื่อว่าชื่อเถิงขุยที่มีความสามารถรองลงมาจากหลู่เฟิ่งเซียนเท่านั้น

“เมื่อไรที่จักรพรรดินีลั่วออกคำสั่ง ข้าก็จะบุกทะลวงค่ายพวกมัน!” ยืนอยู่ด้านหลังเถิงขุยเป็นชายร่างสมส่วน ริ้วแสงสีทองวูบไหวที่กลางหว่างคิ้ว ซึ่งบางครั้งเปล่งเสียงคำรามของพยัคฆ์ออกมาด้วย

ขณะที่พูดเขาก็จ้องมองที่หลู่เฟิ่งเซียนด้วยการยั่วยุในดวงตา แต่เมื่อหันไปมองร่างที่ยืนอยู่ด้านหน้าเขาก็เผยความชื่นชมในแววตาออกมา

ชื่อของเขาคือหยูหู่หรือที่รู้จักกันในฉายาราชันพยัคฆ์แห่งทวีปซีเทียน เขามีพละกำลังมาก เมื่อไรที่เขาต่อสู้ แม้แต่หลู่เฟิ่งเซียนก็ไม่สามารถจัดการกับเขาได้

ทั้งสามคนมีชื่อเสียงล้นเหลือในหมู่จอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นต้นและตอนนี้ทั้งหมดยอมเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของลั่วหลี โดยกำลังรอคำสั่งจากนาง

หลู่เฟิ่งเซียนสัมผัสได้ถึงการยั่วยุในดวงตาของหยูหู่ก็อดแสยะยิ้มไม่ได้ เขาเหลือบมองร่างลั่วหลี แม้แต่คนอย่างเขาที่ปฏิบัติต่อผู้หญิงเหมือนต้นหญ้าก็ยังไม่สามารถทนต่อการดึงดูดของลั่วหลี ไม่น่าแปลกใจที่แม้แต่จักรพรรดิสัประยุทธ์ยังคิดมอบตำแหน่งธิดาเทพให้กับนาง

ดังคำกล่าววีรบุรุษชอบสาวงาม ผู้คนจำนวนมากอยู่ภายใต้คำสั่งของลั่วหลี มีอย่างน้อยครึ่งหนึ่งถูกดึงดูดด้วยเสน่ห์ ทว่าส่วนใหญ่รู้สึกละอายใจที่ด้อยกว่านางทุกทาง ดังนั้นจึงไม่มีใครกล้าแสดงออก

เมื่อได้ยินคำพูดของพวกเขาลั่วหลีก็หันมาพลางคลี่ยิ้ม “พวกเจ้าสามคนไม่ต้องทะเลาะกันหรอก ณ จุดนี้เราใช้แม่ทัพต้านแม่ทัพ ใช้กองทัพต้านกองทัพ และทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุดก็พอ”

“เรายินดีรับฟังคำสั่งของเจ้า!”

พวกหลู่เฟิ่งเซียนต่างประสานมือตอบรับ

จอมยุทธ์ที่ยืนอยู่ข้างหลังเธอก็ตอบรับเช่นกันทำให้ดูตระการตามาก

“นังแพศยานั่น!”

เมื่อได้ยินขวัญกำลังใจของค่ายลั่วหลี ใบหน้าของหลิงเฟยจื่อก็เย็นเยือกลงขณะกัดฟันกรอด

ในฐานะศิษย์เอกของจักรพรรดิสัประยุทธ์ นางประหนึ่งเจ้าหญิงแห่งทวีปซีเทียน ในอดีตไม่รู้ว่ามีใครกี่คนที่ห้อมล้อมตัวนาง แต่ทุกอย่างเริ่มเปลี่ยนไปเมื่อลั่วหลีปรากฏตัว ชื่อนี้ก็เริ่มติดอยู่บนริมฝีปากของจอมยุทธ์ชั้นสูงเหล่านั้น

มิหนำซ้ำเมื่อไม่นานมานี้จักรพรรดิสัประยุทธ์ยังออกราชโองการ ให้ลั่วหลีดำรงตำแหน่งธิดาเทพซึ่งมีตำแหน่งสูงส่งกว่านาง

เรื่องนี้ปลุกความอิจฉาในหัวใจของหลิงเฟยจื่อ ดังนั้นเป้าหมายหนึ่งเดียวของนางในการเข้าสู่สนามรบครั้งนี้ก็คือปราบลั่วหลีและสร้างความอับอายให้

นางต้องการให้ทุกคนในทวีปซีเทียนรู้ว่าลั่วหลีเป็นรองนาง!

“สู่หยู สู่กว่าง สู่เฉิน ข้าจะปล่อยหลู่เฟิ่งเซียน เถิงขุยและหยูหู่ให้พวกเจ้าสามคนจัดการ” หลิงเฟยจื่อสูดหายใจลึกๆ ก่อนที่ปรายตามองจอมยุทธ์สามคนที่ยืนอยู่ข้างหลัง

ทั้งสามมาจากสำนักสู่ซึ่งเป็นขั้วอำนาจชั้นยอดที่ได้รับการสนับสนุนจากตำหนักซีเทียนและทั้งสามคนเป็นจอมยุทธ์ชั้นสูงในหมู่จอมยุทธ์รุ่นใหม่ พวกเขามีชื่อเสียงมากกว่าหลู่เฟิ่งเซียนและคนอื่นๆ เสียอีก

เมื่อได้ยินคำพูดของหลิงเฟยจื่อ ทั้งสามคนก็เบะปากแต่ก็พยักหน้าในที่สุด ถึงยังไงหลิงเฟยจื่อก็เป็นศิษย์เอกของจักรพรรดิสัประยุทธ์ ดังนั้นนางจึงมีสถานะสูงส่ง

“หึ ข้าขอดูหน่อยว่าคนที่ลั่วหลีดึงมารวมตัวแบบรีบเร่งจะแข่งกับตำหนักซีเทียนยังไง!” หลิงเฟยจื่อเค้นเสียง ในแง่คุณภาพนางแข็งแกร่งกว่าเนื่องจากกลุ่มของนางเป็นการรวมตัวของผู้สนับสนุนจากตำหนักซีเทียน ดังนั้นจักรพรรดิสัประยุทธ์จึงให้ทรัพยากรพวกเขาตามสมควร ทำให้ชื่อเสียงและพลังของพวกเขาแข็งแกร่งกว่าฝ่ายลั่วหลีโดยธรรมชาติ

เมื่อพูดจบนางก็โบกมือ ร่างกลายเป็นลำแสงทะยานออกไปพร้อมกับคนกลุ่มใหญ่ตามหลังมา ในเวลาเพียงสิบกว่าลมหายใจสั้นๆ ทั้งสองฝ่ายก็มาประจันหน้ากันแล้ว

ลั่วหลีเงยหน้าขึ้นสายตาเย็นชามองหลิงเฟยจื่อนิ่ง ก่อนที่หญิงสาวทั้งสองจะยกมือเรียวขึ้น จากนั้นก็สะบัดลงเบาๆ พร้อมกัน

“ลุย!”

เมื่อเสียงของพวกนางดังขึ้น คลื่นหลิงไร้ขอบเขตก็พวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า ร่างหลายร้อยบินฉวัดเฉวียนออกมาพร้อมกับซัดพลังโจมตีนับไม่ถ้วน

ตู้ม ตู้ม!

การประจัญบานรุนแรงทำให้พื้นดินสั่นสะเทือนเลื่อนลั่น

วาบ วาบ!

จอมยุทธ์ทรงพลังบางคนในค่ายทั้งสองบินผ่านคลื่นกระแทก เข้าปะทะกับศัตรูที่หมายตัวไว้แล้วปลดปล่อยกระบวนท่าออกมาทันทีโดยไม่ลังเล

ส่วนพวกหลู่เฟิ่งเซียนก็ถูกจอมยุทธ์ทรงพลังสามคนของฝ่ายตรงข้ามขัดขวาง ทั้งสองฝ่ายต่างเรียกร่างเทห์สวรรค์ออกมาต่อสู้ โดยไม่พูดให้มากความ

ลูกเพลิงระเบิดขึ้นบนท้องฟ้า ทุกลูกเต็มไปด้วยอันตราย พลังทำลายล้างทำให้เทือกเขาพังทลายลง

เมื่อลูกเพลิงปกคลุมทั่วท้องฟ้า ลั่วหลีและหลิงเฟยจื่อก็ยืนประจันหน้ากัน

“ไม่คิดเลยว่าเจ้าจะมีวิธีรวบรวมพวกขี้แพ้เอาไว้” หลิงเฟยจื่อพูดเสียงเย็นขณะที่จ้องมองลั่วหลี

“เจ้าเป็นคนเจ้ากี้เจ้าการมากเกินไป ดังนั้นจึงมีคนที่เกลียดเจ้าเยอะแยะ พูดถึงเรื่องนี้ก็ต้องขอบคุณที่ทำให้ข้าสามารถรวบรวมคนได้อย่างรวดเร็ว” ลั่วหลียิ้มอ่อน

“ก็แค่กลุ่มบัดซบ” หลิงเฟยจื่อขมวดคิ้ว นางไม่อยากเห็นท่าทางไม่แยแสของลั่วหลีจึงพูดขึ้นทันที “หึ ข้าว่าตอนนี้มู่เฉินคงคุกเข่าร้องขอชีวิตที่เบื้องหน้าพี่ใหญ่หลิงจั้นจื่อแล้ว”

นางรู้ว่าลั่วหลีเป็นกังวลกับมู่เฉินมาก ดังนั้นนางรู้ว่าสามารถกวนอารมณ์อีกฝ่ายโดยเริ่มต้นจากชายคนนั้น

อย่างที่นางคาดไว้ รอยยิ้มของลั่วหลีหุบลงอย่างช้าๆ ขณะจ้องมองหลิงเฟยจื่อด้วยดวงตานิ่งสงบ

ภายใต้สายตาที่ดูสงบนั้น หลิงเฟยจื่อกลับรู้สึกถึงไอเย็นยะเยือก นางรู้ว่าคำพูดของตนทำให้อีกฝ่ายโกรธมากเลยทีเดียว

“บางครั้งการพูดสิ่งที่ผิดและการทำสิ่งที่ผิดก็มีราคาต้องจ่าย… ข้าหวังว่าเจ้าจะสามารถจ่ายไหวนะ”

เสียงเรียบนิ่งของลั่วหลีดังขึ้นโดยไม่มีความผันผวน แต่เมื่อเสียงดังก้องออกไปคลื่นหลิงทรงพลังก็ระเบิดออกมาจากร่างของนางปกคลุมทั่วท้องฟ้า

ในเวลาเดียวกันร่างงดงามก็ปรากฏขึ้นด้านหลังพร้อมกับแรงกดดันที่ไร้รูปแบบปกคลุมมิติทั้งหมดนี้

เมื่อมู่เฉินเห็นภาพนี้ ดวงตาก็หดลง ก่อนที่เขาจะยิ้มเสียงเบา

“ร่างเทพวารี… ดูเหมือนว่าหลิงเฟยจื่อทำให้ลั่วหลีโกรธซะแล้ว…นางซวยแน่”

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler ฟรี ได้ที่ novel-fast 


เรื่องย่อ

โดย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler บางส่วนของนิยาย

บทนำ

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป

‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้

แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์

แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว

ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ

เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง?

ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน…

เรื่องย่อ

เมื่อคำพูดของมู่เฉินกระจายออกไป ไม่เพียงแต่จะไม่มีการตอบสนอง แม้แต่ด้านนอกเจดีย์ก็ถูกห่อหุ้มด้วยบรรยากาศราวกับป่าช้า…

ทุกคนตกตะลึงไปกับฉากนี้ พวกเขาจ้องมองจุดที่ลู่สุยหายตัวไป ราวกับว่ายังไม่สามารถฟื้นจากอาการตะลึงงันที่เกิดขึ้นได้

ก่อนหน้าเมื่อลู่สุยออกกระบวนท่าที่น่าสะพรึง ผู้คนส่วนใหญ่ก็คิดว่าผลลัพธ์ของการต่อสู้ได้ถูกกำหนดแล้ว ทว่าพวกเขาไม่คิดเลยว่ามู่เฉินจะพลิกสถานการณ์ได้อีกครั้ง เตะลู่สุยที่เหมือนจะคว้าชัยชนะออกไป

ทุกคนตะลึงไปพักใหญ่ ก่อนที่พวกเขาจะหลุดออกจากอาการได้ สายตาเคร่งเครียดลง การประลองกันครั้งนี้มู่เฉินไม่ได้ใช้ค่ายกล แต่เขาก็สามารถเอาชนะจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดอย่างลู่สุยได้ด้วยความแข็งแกร่งที่อยู่ในขั้นหกเท่านั้น แม้ว่าจะมีผลจากลู่สุยประมาทเองในตอนแรก แต่นั่นก็แสดงให้เห็นว่ามู่เฉินน่ากลัวแค่ไหน

พลังเช่นนี้เขาสามารถเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์อันดับต้นๆ ในเจดีย์ฝึกพลังกายได้เลยทีเดียว

ทางฝั่งกลุ่มกระเรียนฟ้า ใบหน้าของหลิ่วชิงกลายเป็นเขียวสลับขาว นางมองไปที่ร่างสูงโปร่งบนหน้าจอ กลืนน้ำลายเหนียวหนืด ความกลัวปรากฏในดวงตาของนางเป็นครั้งแรก

มาถึงจุดนี้นางคงโง่แน่ถ้ายังคิดปฏิบัติต่อมู่เฉินเหมือนกับจอมยุทธ์ขั้นหกทั่วไป

ด้วยพลังในการต่อสู้ที่เขาแสดงออกมา บวกกับค่ายกลทรงพลัง แม้แต่จงเถิงก็ยากจะได้เปรียบหากพวกเขาต่อสู้กัน

ก่อนหน้านี้นางหัวเราะเยาะและมองจิ่วโยวด้วยความดูถูก แต่ตอนนี้นางอายแทบแทรกแผ่นดินหนี ซึ่งจุดนี้รู้ได้จากสายตาเยาะเย้ยเหล่านั้นที่ปรายมองเข้ามา

“ทำไมมู่เฉินถึงทรงพลังเช่นนี้?” จงฮั้วที่พ่ายแพ้ให้กับมู่เฉินก็มีสีหน้าเคร่งขรึมเช่นกัน ก่อนหน้านี้เขาเคยคิดเช่นกันว่ามู่เฉินพึ่งพาเพียงค่ายกลเพื่อจัดการกับศัตรู แต่ใครจะคิดว่าเมื่อไม่มีการใช้ค่ายกลมู่เฉินก็สามารถเอาชนะลู่สุยแบบดุร้ายยิ่งกว่าอะไร

“ดูเหมือนว่ามีเพียงพี่ใหญ่จงเถิงเท่านั้นที่สามารถจัดการกับเขาได้” จอมยุทธ์อีกคนของเผ่ากระเรียนฟ้าพยักหน้า

หลิ่วชิงพยักหน้าเบาๆ ไม่เพียงแต่พวกเขาจะพิจารณาพลังของมู่เฉินพลาดไปเท่านั้น แม้แต่จงเถิงก็ตัดสินอีกฝ่ายผิดไป ชายคนนั้นเป็นสัตว์ประหลาดอย่างแท้จริง

ฟิ้ว!

ขณะที่นอกเจดีย์ต่างตกตะลึงกับผลลัพธ์ที่มู่เฉินนำมา ทันใดนั้นแสงก็กะพริบบนแท่นนอกเจดีย์ ร่างน่าสังเวชปรากฏขึ้น

เมื่อร่างนั้นออกมาก็รีบถอยกลับไปปรากฏตัวขึ้นในกลุ่มอีกาสายฟ้าทันควัน นี่ก็คือลู่สุยที่มีสีหน้าซีดขาว คลื่นหลิงของเขาถดถอยลงอย่างมาก

สายตาโดยรอบยิงเข้าหาในเวลานี้ทันที

ใบหน้าของลู่สุยเขียวคล้ำ สายตาเกลียดชังมองไปที่มู่เฉินที่อยู่บนหน้าจอ ก่อนที่จะหันหัวสาดสายตาดุร้ายใส่จิ่วโยวและมั่วหลิง ที่ข้างๆ พรรคพวกของเขาก็มีท่าทางไม่ดีเช่นกัน

ทว่าจิ่วโยวไม่กลัวที่จะเผชิญหน้ากับสายตาเหล่านั้น นางเค้นเสียงอย่างเย็นชา “ลูกหมาที่ถูกฟาดยังกล้าที่จะออกมาแยกเขี้ยวอีกเหรอ?”

ตอนนี้ลู่สุยบาดเจ็บสาหัส สูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไปหมด ส่วนคนที่เหลือก็ไม่มีอะไรต้องกลัว หากพวกเขากล้าที่จะคิดบัญชีกับพวกนาง จิ่วโยวก็ไม่คิดปล่อยพวกเขาไว้เป็นภัยคุกคามในอนาคตหรอก

สายตาแสดงความเกลียดชังของลู่สุยจ้องเขม็งอยู่ที่จิ่วโยว แต่สุดท้ายเขาก็ต้องถอนสายตาออกไปอย่างไม่เต็มใจ ก่อนที่จะถอยกลับนั่งลงบนซากปรักหักพังเข้าสมาธิเพื่อฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ

จอมยุทธ์กลุ่มอีกาสายฟ้าก็ปรากฏรอบตัวเขาเพื่อปกป้อง

เมื่อจิ่วโยวเห็นการตอบสนองนั่น นางก็ไม่ได้ใส่ใจกับพวกเขาอีก นางมองไปที่หน้าจออีกครั้งโดยพุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่ร่างเงาอ่อนเยาว์ มือที่กำแน่นผ่อนคลายลง

เห็นได้ชัดว่านี่เป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงสำหรับนางที่มู่เฉินจะเอาชนะได้เด็ดขาดแบบนี้ นั่นเป็นเพราะตามการประเมินของนางแม้ว่ามู่เฉินจะยืนยงอยู่ได้ก็เป็นยากที่จะเอาชนะลู่สุยด้วยขุมพลังจื้อจุนขั้นหกและถ้าการต่อสู้ถูกลากไปจนสุดอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบคาดไม่ถึง

ทว่าผลลัพธ์สุดท้ายที่ได้ก็ทำให้นางทั้งประหลาดใจและดีใจ

เห็นได้ชัดว่ามู่เฉินได้รับประโยชน์มหาศาลจากสามชั้นแรกของเจดีย์ฝึกพลังกาย ไม่เช่นนั้นเขาไม่สามารถแสดงพลังเป็นที่ประจักษ์เช่นนี้ได้

“ว่ากันว่าในชั้นสี่มหัศจรรย์กว่านี้มาก หากใครสามารถเข้าไปได้ พวกเขาจะสามารถได้รับผลประโยชน์เกินกว่าสามชั้นแรกมาก…”

จิ่วโยวยิ้มบาง ดูจากสถานการณ์ปัจจุบันไม่น่ามีปัญหาใดๆ ที่มู่เฉินจะเข้าสู่ชั้นสี่ สำหรับมั่วเฟิงความแข็งแกร่งของเขาเป็นหนึ่งในอันดับต้นของกลุ่มที่เข้าไป ดังนั้นจึงไม่ยากสำหรับเขาที่จะได้หนึ่งในห้าที่นั่งนี้ไปเช่นกัน

ดูเหมือนว่าการเดินทางมาที่เจดีย์ฝึกพลังกายโบราณครั้งนี้เผ่าวิหคโลกันตร์อาจเป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

บนลานเมฆสายฟ้า

ไม่มีใครตอบคำถามของมู่เฉิน ขณะนี้แม้แต่จอมยุทธ์ทรงอำนาจอย่างหานซันและสีคุนก็ยังรู้สึกหวาดระแวงมู่เฉินอยู่บ้าง ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกที่จะไม่ไปปะทะกับมนุษย์ผู้นี้

ดังนั้นคนทั้งหมดที่อยู่ที่นี่จึงเงียบลง ก่อนที่จะถอยออกจากรัศมีโดยรอบมู่เฉินอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณบอกว่าพวกเขาไม่ต้องการต่อสู้กับเขา

เมื่อมู่เฉินเห็นภาพนี้ก็ไม่มีอารมณ์ใดบนใบหน้า แต่ในใจกลับรู้สึกโล่งอก คนอื่นๆ เห็นเพียงฉากการต่อสู้ตระการที่เขาเอาชนะลู่สุยได้ แต่พวกเขาไม่รู้หรอกว่าหมัดที่เขาชกออกไปก่อนหน้านี้คือพลังงานส่วนเกินจากสามชั้นแรก

ร่างกายของมู่เฉินก่อนหน้าเปรียบเสมือนฟองน้ำที่ดูดซับน้ำจนถึงขีดจำกัด หมัดของเขาจึงเท่ากับบีบน้ำออกจนหมด ทำให้ร่างกายที่อัดแน่นกลับสู่สภาพเดิม

ดังนั้นถ้าให้เขาโจมตีแบบนั้นอีกครั้ง พลังก็จะไม่ทรงประสิทธิภาพเหมือนเมื่อครู่แน่นอน

ประสิทธิผลพิเศษชนิดนี้ของการสะสมพลังงานในร่างกายเป็นทักษะที่ได้มาจากกายามังกรหงส์ ด้วยวิธีนี้เขาจะได้รับผลลัพธ์ที่ไม่มีใครคาดคิดไว้ กลายเป็นไพ่ลับอีกใบหนึ่ง

“คัมภีร์หลงเฟิ่งทรงพลังจริงๆ”

แม้แต่มู่เฉินก็ยังชื่นชมในสิ่งนี้ คัมภีร์หลงเฟิ่งสมแล้วที่เป็นทักษะยอดเยี่ยมแท้จริง จากการประเมินของเขาคัมภีร์นี้ต้องอยู่ในระดับเสินทงแน่นอน ซึ่งไม่ธรรมดาแม้จะอยู่ในกลุ่มวิทยายุทธระดับเสินทงด้วย

มู่เฉินชื่นชมก่อนที่จะใจเย็นลง แม้ว่าตอนนี้จะไม่มีใครท้าทายเขา แต่เขาก็ไม่ตั้งใจที่จะท้าทายคนอื่นด้วยเช่นกัน เขายืนนิ่งบนตำแหน่งตนเองรอผลการคัดออก

สำหรับจงเถิง มู่เฉินรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นพวกยุแยงให้ลู่สุยมาปะทะกับเขา แต่เนื่องจากตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ดีในการจัดการ เขาจึงได้แต่ผลักแผนไปก่อน

แต่ถึงกระนั้นสายตาคมกล้าของมู่เฉินก็ยังจ้องเขม็งไปที่จงเถิง รอบตัวเต็มไปด้วยคลื่นหลิงราวกับเสือดาวที่กำลังจะจ้องตะครุบเหยื่ออัดแน่นด้วยภัยคุกคาม

เมื่อเห็นท่าทางของมู่เฉิน จงเถิงที่ประจันหน้ากับมั่วเฟิงก็รู้สึกอึดอัดใจ เขาต้องแยกสมาธิอยู่ตลอดเพื่อจับตามองมู่เฉิน ป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายเคลื่อนไหวมาประสานพลังกับมั่วเฟิง

ด้วยวิธีนี้สมาธิของจงเถิงจึงค่อนข้างฟุ้งซ่าน สุดท้ายเขาได้แต่กัดฟัน ถอนคลื่นหลิงและถอยออกจากบริเวณของมั่วเฟิง

“พี่มั่วยากสำหรับการต่อสู้ของเราที่จะได้ข้อสรุป ทำไมเราไม่ไปจัดการคนอื่นและรับที่นั่งมาล่ะ?” ขณะที่จงเถิงถอยกลับเสียงก็สะท้อนก้องไปด้วย

มั่วเฟิงจ้องมองจงเถิงอย่างไม่แยแสก่อนที่จะพยักหน้า นั่นเป็นเพราะเขารู้ว่าหากพวกเขายังอยู่ในสถานการณ์ยืนจ้องหน้ากันก็จะไม่เกิดผลลัพธ์ใด หากเขาร่วมมือกับมู่เฉิน พวกเขาอาจทำให้จงเถิงบ้าดีเดือดขึ้นมา แม้แต่พวกเขาก็ต้องจ่ายราคามหาศาลจากการตีโต้

ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับพวกเขาคือการได้ที่นั่งเพื่อเข้าสู่ชั้นสี่

เมื่อจงเถิงเห็นคำตอบของมั่วเฟิงก็รู้สึกโล่งใจในใจ เขาถอยกลับอย่างรวดเร็วออกจากจุดที่มู่เฉินและมั่วเฟิงอยู่ เขาครุ่นคิดสั้นๆ ก่อนจะเลือกปะทะกับคนที่อ่อนแอกว่า

พอมู่เฉินเห็นจงเถิงไปแล้วก็ไม่ได้ใส่ใจอีกต่อไป สายตาหันมามองมั่วเฟิงแล้วก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้มแสดงความขอบคุณในการช่วยเหลือครั้งนี้

สายตาของมั่วเฟิงเป็นมิตรมากขึ้น คิดว่าการที่มู่เฉินเอาชนะลู่สุย ทำให้มั่วเฟิงมองมู่เฉินในฐานะจอมยุทธ์ที่อยู่ในระดับเดียวกันกับเขา ดังนั้นจึงไม่ได้มีท่าทางเฉยเมยเหมือนเมื่อก่อน

มั่วเฟิงพยักหน้าให้มู่เฉิน ก่อนที่จะหันหลังกลับและเริ่มเลือกคู่ต่อสู้ของตนเอง

ครืน!

เมื่อทุกคนเลือกคู่ต่อสู้แล้ว ทันใดนั้นคลื่นหลิงก็ระเบิดรุนแรงบนลานเมฆสายฟ้า คลื่นกระแทกกวาดออก ทำให้มิติเกิดการสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นไม่หยุด

บนลานเมฆสายฟ้าพลังงานหลิงกวาดหายนะ มีเพียงตรงมู่เฉินเท่านั้นที่ไม่ถูกรบกวน เนื่องจากไม่มีใครกล้าเหยียบเข้ามาในรัศมีพันจั้ง ยามนี้เขาเหมือนผู้ชมที่ดูการต่อสู้ติดขอบ ในเวลาเดียวกันก็บันทึกกระบวนท่าที่ทรงพลังของบางคนไว้ในสมอง

แม้ว่าในชั้นนี้พวกเขาอาจไม่ได้ประลองกัน แต่ก็ยังมีอีกสองชั้นรอพวกเขาอยู่ ใครจะสามารถรับประกันได้ว่าจะไม่มีการลดจำนวนลงในชั้นต่อไป?

ดังนั้นถ้ามีโอกาสเขาต้องพยายามจดจำข้อมูลผู้อื่นเก็บไว้

ภายใต้การสังเกตของมู่เฉิน การประลองบนลานเมฆสายฟ้าก็คงอยู่ชั่วระยะหนึ่ง ก่อนที่แต่ละคู่จะมาถึงจุดสิ้นสุด ผลลัพธ์ก็เป็นไปตามที่คาดไว้

หลังจากมู่เฉินก็เป็นหานซันที่เอาชนะคู่ต่อสู้ได้ที่นั่งที่สองไป

จากนั้นมั่วเฟิงและจงเถิงก็คว้าชัยชนะตามมา

ที่นั่งสุดท้ายตกเป็นของสีคุนที่ก่อนหน้านี้เคยแพ้หานซันที่ด้านนอกเจดีย์ ชายนี้มีความแข็งแกร่งที่น่าตกใจ แม้แต่หานซันยังต้องใช้ทักษะเต็มที่ถึงจะได้รับชัยชนะมา

เมื่อสีคุนได้รับที่นั่งสุดท้ายลานเมฆสายฟ้าขนาดใหญ่ก็เงียบลงอีกครั้ง ร่างทั้งห้ายืนอยู่ ขณะรัศมีไร้ขอบเขตทั้งห้าสายพุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าชนกันเปรี้ยงปร้าง

ทว่าการชนกันก็ดำเนินไปเพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ ก่อนที่ทั้งห้าจะถอนคลื่นพลังพร้อมกัน พวกเขาเหลือบมองกันและกัน จากนั้นก็ไม่ลังเลทะยานออกไปปรากฏตัวบนเบาะทั้งห้า

สายตาพวกเขาพุ่งตรงไปยังมิติด้านหลังลานเมฆสายฟ้าด้วยความโลภ ตรงนั้นเส้นดาวหางจำนวนมากกวาดผ่านราวกับฝนดาวตก

ในแสงเหล่านั้นแก่นหยดสายฟ้ากำลังกะพริบด้วยความแวววาว


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท