หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – ตอนที่ 1250

ตอนที่ 1250

บทที่ 1250 การตายของเสี่ยหลิงจื่อ
เจดีย์ผลึกแก้วใสตั้งเงียบๆ บนฝ่ามือของมู่เฉิน

ร่างเงาโลหิตอมตะและเสี่ยหลิงจื่อที่ใบหน้าปกคลุมด้วยความตกใจถูกกักขังไว้อยู่ภายใน

เขาไม่เคยคิดว่าแค่ไม่ใส่ใจวูบเดียว ตัวเองก็จะถูกกักขังอยู่ในเจดีย์ผลึกแก้วใสของมู่เฉินแล้ว

แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าเจดีย์นี้มีความสามารถอะไร แต่เขาสัมผัสถึงอันตรายหนาแน่นได้ ทันใดนั้นเขาจึงปลดปล่อยคลื่นหลิงออกมาโดยไม่ลังเล ควบคุมร่างเงาโลหิตอมตะหมายจะทำลายเจดีย์

“ในเมื่อเข้าไปแล้วก็อย่าหวังว่าจะได้ออกมาอีก”

ทว่าเผชิญหน้ากับการดิ้นรนนี้ มู่เฉินกลับแย้มยิ้มสดใสกระบวนท่าในมือเปลี่ยนแปลงวูบไหว ผลึกเพลิงกวาดออกภายในเจดีย์ ติดบนร่างเงาโลหิตอมตะทันที

ผลึกเพลิงลุกโชน ใบหน้าเสี่ยหลิงจื่อก็เปลี่ยนไปรุนแรง เขาตระหนักได้ว่าพร้อมกับการเผาไหม้ของผลึกเพลิง ร่างเงาโลหิตอมตะก็ลดลงอย่างรวดเร็วและเริ่มเหือดหาย

นี่ให้ความรู้สึกราวกับว่าคลื่นหลิงที่สนับสนุนร่างเงาโลหิตอมตะได้สูญเสียประสิทธิภาพไป

หากไม่ได้รับการสนับสนุนจากคลื่นหลิง แม้แต่ร่างเวทสวรรค์ที่ทรงพลังก็จะสลายไปโดยไม่มีความสามารถในการต่อสู้

“เพลิงเหล่านี้…ผนึกคลื่นหลิงของข้าไว้รึ?!”

ทว่าทันใดนั้นเสี่ยหลิงจื่อก็หาเหตุผลได้ ใบหน้าของเขาถูกปกคลุมด้วยความขนพองสยองเกล้า คลื่นหลิงเป็นต้นกำเนิด ช่วงเวลาที่คลื่นของเขาถูกผนึกไว้จะเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิต แม้ว่าจะเป็นเพียงช่วงเวลาสั้นๆ ก็ตาม

ต่อให้เป็นจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุน ถ้าสูญเสียการคุ้มครองของคลื่นหลิงก็จะอ่อนแออย่างยิ่ง

ทว่ามู่เฉินไม่ได้สนใจอาการตกใจนั่น เพลิงในเจดีย์ถูกสร้างขึ้นจากคลื่นหลิงผลึกใส ความสามารถในการปิดผนึกเป็นสิ่งที่ครอบงำโดดเด่น ดังนั้นเมื่อเสี่ยหลิงจื่อติดอยู่ภายในก็ไม่มีหวังที่จะหนีออกมาได้ตลอดกาล

แม้ว่าเจดีย์ผลึกแก้วใสจะครอบงำ ก็เป็นไปไม่ได้ที่มู่เฉินจะจับเสี่ยหลิงได้ ถ้าเขาระมัดระวังตัวมาก

การก้าวผิดครั้งเดียวทำให้แพ้ศึกทันที!

ผลึกเพลิงวูบวาบอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ก่อนที่ร่างเงาโลหิตอมตะจะสลายตัวในเวลาไม่กี่สิบอึดใจ ร่างเสี่ยหลิงจื่อเปิดเผยออกมาทันที

การหายไปของร่างเงาโลหิตอมตะ ทำให้เสี่ยหลิงจื่อรู้สึกหวาดกลัว เขาไม่เคยคิดเลยว่าร่างเงาโลหิตอมตะที่มู่เฉินทำอะไรไม่ได้ในโลกภายนอก จะถูกจัดการง่ายดายในเจดีย์นี้

ตู้ม!

ดังนั้นเสี่ยหลิงจื่อจึงไม่กล้าที่จะอยู่ที่นี่ต่อ คลื่นหลิงระเบิดออกจากร่าง แม่น้ำโลหิตครางกระหึ่มไปรอบๆ กระแทกกำแพงทั้งสี่ด้านของเจดีย์

ฮึ่ม!

ทันใดนั้นผลึกเพลิงก็พัดเข้ามาปะทะกับแม่น้ำโลหิตที่ไร้ขอบเขต ในช่วงเวลาที่สัมผัสก็คล้ายกับแม่น้ำเจอกับลาวา จางลงไปอย่างรวดเร็ว เกิดหมอกเลือดระเหยออกไป

ทั่วสรรพางค์กายเสี่ยหลิงจื่อเย็นเยือกลงด้วยความกลัวจับใจ เขาไม่เคยคิดเลยว่าเจดีย์ผลึกใสของมู่เฉินจะสามารถครอบงำได้ขนาดนี้ ตราบใดที่ติดแหง็กอยู่ภายในก็ไม่มีทางที่จะหนีออกไปได้

ฟู่ ฟู่!

เมื่อผลึกเพลิงห่อหุ้มเขาจากทุกทิศทาง เสี่ยหลิงจื่อก็สัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าคลื่นหลิงในร่างกายถูกผนึกอย่างรวดเร็ว หากสิ่งนี้ยังคงดำเนินต่อไป อีกไม่นานคลื่นพลังในร่างกายก็จะถูกผนึกไว้อย่างสมบูรณ์ เวลานั้นเขาก็จะสูญเสียพลังในการต่อสู้ไป

“มู่เฉิน ถ้าเจ้าปล่อยข้าไป ข้าจะมอบป้ายสัประยุทธ์ให้ทั้งหมด! นอกจากนี้ยังจ่ายค่าทดแทนให้เจ้าเป็นของเหลวจื้อจุนห้าร้อยล้านหยดจากตระกูลเสี่ยเสินด้วย!” เมื่อเผชิญหน้ากับความตายในที่สุดเสี่ยหลิงจื่อก็สูญเสียความสงบ เริ่มที่จะขอร้อง

“ของเหลวจื้อจุนห้าร้อยล้านหยด?”

มู่เฉินยกคิ้วขึ้น เสี่ยหลิงจื่อยอมจ่ายจริงๆ จำนวนนี้อาจทำให้แม้แต่ตระกูลเสี่ยเสินสิ้นเนื้อประดาตัวเลยทีเดียว

นี่เป็นราคาที่สามารถซื้ออาวุธมหสารรค์ขั้นกลางได้เลย

ทว่ามู่เฉินยังคงไม่เคลื่อนไหว เพราะเสี่ยหลิงจื่อเป็นพวกเจ้าเล่ห์เลวทราม ตอนนี้เขาได้โอกาสดีที่จะกำจัดภัยคุกคามนี้ แล้วจะให้ปล่อยให้เสือกลับไปภูเขาได้อย่างไร?

ดังนั้นเขาจึงเผยรอยยิ้มไม่แยแส กระบวนท่าในมือก็เปลี่ยนไป เพลิงในเจดีย์ผลึกแก้วใสลุกโชนขึ้นทีละน้อย เปลวไฟร้อนแรงเผาไหม้คลื่นหลิงที่ไร้ขอบเขตรอบตัวเสี่ยหลิงจื่อ

ในเวลาไม่กี่นาที เสี่ยหลิงจื่อก็ดูสิ้นหวังเนื่องจากไม่สามารถรู้สึกถึงคลื่นหลิงในร่างกาย

ตามความรู้สึกเขาจะต้องใช้เวลาหลายชั่วโมงเพื่อให้พลังงานฟื้นขึ้น ส่วนมู่เฉินก็สามารถฆ่าเขาได้นับหมื่นครั้งในเวลาดังกล่าว

“มู่เฉิน ถ้าแกกล้าฆ่าข้าก็จะจุดชนวนความเป็นปฏิปักษ์กับตระกูลเสี่ยเสินแน่นอน! ในเวลานั้นตระกูลเสี่ยเสินของข้าจะฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ตระกูลลั่วเสิน ทำให้ตระกูลลั่วเสินต้องจ่ายราคาแพงระยับเช่นกัน!” เสี่ยหลิงจื่อคำรามด้วยน้ำเสียงโหดร้ายและสิ้นหวัง

“งั้นแบบนี้…”

มู่เฉินยิ้มกับคำพูดของอีกฝ่าย “ถึงเวลานั้นค่อยล้างบางตระกูลเสี่ยเสินเอาก็แล้วกัน”

พูดจบเขาก็ไม่ลังเลอีกแล้ว เขารู้สึกว่าคลื่นหลิงของเสี่ยหลิงจื่อได้รับการผนึกอย่างสมบูรณ์ ดังนั้นจึงเป็นโอกาสที่ดีที่สุดที่จะฆ่าอีกฝ่าย

แค่คิดผลึกเพลิงก็ระเบิดภายในเจดีย์ ก่อนที่จะควบแน่นเป็นมือใหญ่โตจับเสี่ยหลิงจื่อเอาไว้

ตู้ม!

ผลึกเพลิงกัดกร่อนร่างกายของเสี่ยหลิงจื่อ เมื่อสูญเสียการป้องกันของคลื่นหลิง ร่างเขาก็ไม่ได้ทรงพลังเหมือนเมื่อก่อน เริ่มละลายภายใต้เปลวไฟเสียงกรีดร้องดังก้องไปทั่วพื้นที่

อ๊าก!

เสียงเขย่าประสาทดังก้อง

ทว่าเสียงร้องก็คงอยู่ไม่กี่สิบลมหายใจ ก่อนที่จะหายไปอย่างสมบูรณ์ ร่างเสี่ยหลิงจื่อเหลือเพียงขี้เถ้าในเจดีย์ไว้ดูต่างหน้า

โชคดีที่คลื่นหลิงของเสี่ยหลิงจื่อถูกผนึก ไม่อย่างนั้นคงไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับมู่เฉินที่จะฆ่าเขา เนื่องจากพลังชีวิตของจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลายทรงพลังเกินไป ต่อให้ร่างกายของพวกเขาจะละลายไปหมด พวกเขาก็สามารถใช้คลื่นหลิงฟื้นฟูกลับมาใหม่ได้

แต่น่าเสียดายนักแม้แต่พลังแข็งแกร่งก็ยังอ่อนแอเมื่ออยู่ในเจดีย์ผลึกแก้วใส

“เจดีย์นี้ครอบงำจริงๆ”

มู่เฉินถอนหายใจในใจ ไม่น่าแปลกใจว่าเผ่าฝูถูสามารถมีรากฐานเช่นนี้ในมหาพันภพ พลังแห่งสายเลือดนี้ไม่ธรรมดาจริงๆ

ยามนี้เสียงกรีดร้องของเสี่ยหลิงจื่อยังสะท้อนไปทั่วมหาสมุทร ทำให้ใบหน้าเหล่าผู้ชมเปลี่ยนไปเมื่อจ้องมองมู่เฉินด้วยสายตาหวาดกลัวหนาแน่น

ไม่มีใครคิดว่ามู่เฉินจะน่าสะพรึงกลัวที่สามารถสังหารจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลายในเวลาเพียงสิบกว่านาทีเท่านั้น!

พวกเขารู้ว่าเสี่ยหลิงจื่อถูกฆ่าหมดจดโดยไม่เหลือร่องรอยพลังชีวิต เนื่องจากพวกเขาไม่รู้สึกถึงความผันผวนของพลังงานเสี่ยหลิงจื่อได้อีกต่อไป

สังหารจอมยุทธ์ระดับนี้ในช่วงเวลาอันสั้น มู่เฉินน่าสะพรึงกลัวขนาดไหนกัน?

ในเวลานี้พวกคนที่ตอนแรกยังมีความคิดที่จะจัดการกับมู่เฉินก็รู้สึกว่าหนังหัวาหนึบไปหมด แต่ละคนถอนสายตาอย่างรวดเร็ว ตอนนี้พวกเขาจะไม่รู้ได้อย่างไรว่ามู่เฉินเปรียบได้กับหมาป่าห่มหนังแกะ!

หากพวกเขาต้องการเลือกอีกฝ่ายเพราะเป็นจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นต้น คงเป็นพวกเขาที่อาจตกลงไปในนรกแทน!

“ดูเหมือนว่ามู่เฉินจะมีคุณสมบัติสู้เพื่อตำแหน่งจริงๆ”

ผู้ชมพากันถอนหายใจในใจ

จัตุรัสเมืองซีเทียนจั้น

เสียงกรีดร้องของเสี่ยหลิงจื่อทำให้ความปั่นป่วนด้านนอกเงียบลง สายตาจำนวนมากจ้องมองร่างอ่อนเยาว์บนหน้าจอด้วยความกลัว

พวกเขาไม่คิดว่าเสี่ยหลิงจื่อที่ปราบมู่เฉินได้เมื่อไม่นานจะลงเอยด้วยสถานการณ์เช่นนี้และสิ้นชีพลง

นอกจากนี้พวกเขารู้ว่าเสี่ยหลิงจื่อตายจริงแน่นอน จากน้ำเสียงโหยหวนที่เปล่งร้องยาวออกมา

นี่เป็นผลลัพธ์ที่ทำให้พวกเขาตกตะลึงมาก เพราะนี่คือจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลาย! แม้แต่ในมหาพันภพก็ยังถือว่าเป็นยอดยุทธ์!

ในทวีปซีเทียนคนเหล่านี้สามารถเป็นถึงผู้นำภูมิภาค ได้รับความจงรักภักดีจากผู้คนนับไม่ถ้วน

แต่เบื้องหน้าสายตาพวกเขา บุคคลเช่นนี้ถูกฆ่าโดยจอมยุทธ์หนุ่มขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นต้น

หลายคนกลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงคอ เมื่อพวกเขามองดูร่างอ่อนเยาว์บนหน้าจอก็มีร่องรอยของความกลัวในสายตา หากใครยังคิดว่ามู่เฉินเดินอยู่บนปากขอบนรกเมื่อเขาเข้าสู่สนามรบ ตอนนี้พวกเขาก็เข้าใจอย่างถ่องแท้แล้วว่ามู่เฉินมีความสามารถแท้จริง

นอกจากนี้พวกเขายังต้องยอมรับว่ามู่เฉินกลายเป็นม้ามืดเจิดจรัสที่สุดในสนามรบระดับตี้จื้อจุนขั้นปลาย

หลังจากการต่อสู้ครั้งนี้คงไม่มีใครกล้าประมาทเขาอีกเลย

ในขณะที่ทุกคนจ้องมองไปที่มู่เฉินด้วยความเคารพ ลั่วเทียนเสินก็อึ้งไปเมื่อมองมู่เฉิน ครู่ต่อมาเขาใช้ความพยายามอย่างมากในการเรียกสติกลับมา ก่อนที่เขาจะพึมพำจนริมฝีปากสั่น “เสียหลิงจื่อ…ตายแล้ว?”

ทันใดนั้นดวงตาของเขาก็เปลี่ยนเป็นสีแดง เสี่ยหลิงจื่อเป็นศัตรูตัวฉกาจของตระกูลลั่วเสินและลั่วเทียนเสินก็อยากฆ่าอีกฝ่ายมานานแสนนาน แต่เขาไม่สามารถทำได้สำเร็จจนถูกพิษเอง หากไม่ได้เป็นเทพจักรพรรดิอัคคี ตอนนี้เขาคงต้องตายจากพิษไปแล้ว

ตอนแรกเขายังคิดว่าอาจต้องรอจนกว่าลั่วหลีเติบใหญ่กว่านี้เพื่อสังหารเสี่ยหลิงจื่อ ทว่าเขาไม่เคยคิดเลยว่าเสี่ยหลิงจื่อจะมาตายด้วยน้ำมือมู่เฉินในวันนี้

เขาเงยหน้าขึ้นมองมู่เฉินด้วยรอยยิ้มพึงพอใจ

“ถ้าลั่วหลีรู้เรื่องนี้ นางจะต้องดีใจอย่างแน่นอน”

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler ฟรี ได้ที่ novel-fast 


เรื่องย่อ

โดย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler บางส่วนของนิยาย

บทนำ

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป

‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้

แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์

แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว

ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ

เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง?

ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน…

เรื่องย่อ

เมื่อคำพูดของมู่เฉินกระจายออกไป ไม่เพียงแต่จะไม่มีการตอบสนอง แม้แต่ด้านนอกเจดีย์ก็ถูกห่อหุ้มด้วยบรรยากาศราวกับป่าช้า…

ทุกคนตกตะลึงไปกับฉากนี้ พวกเขาจ้องมองจุดที่ลู่สุยหายตัวไป ราวกับว่ายังไม่สามารถฟื้นจากอาการตะลึงงันที่เกิดขึ้นได้

ก่อนหน้าเมื่อลู่สุยออกกระบวนท่าที่น่าสะพรึง ผู้คนส่วนใหญ่ก็คิดว่าผลลัพธ์ของการต่อสู้ได้ถูกกำหนดแล้ว ทว่าพวกเขาไม่คิดเลยว่ามู่เฉินจะพลิกสถานการณ์ได้อีกครั้ง เตะลู่สุยที่เหมือนจะคว้าชัยชนะออกไป

ทุกคนตะลึงไปพักใหญ่ ก่อนที่พวกเขาจะหลุดออกจากอาการได้ สายตาเคร่งเครียดลง การประลองกันครั้งนี้มู่เฉินไม่ได้ใช้ค่ายกล แต่เขาก็สามารถเอาชนะจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดอย่างลู่สุยได้ด้วยความแข็งแกร่งที่อยู่ในขั้นหกเท่านั้น แม้ว่าจะมีผลจากลู่สุยประมาทเองในตอนแรก แต่นั่นก็แสดงให้เห็นว่ามู่เฉินน่ากลัวแค่ไหน

พลังเช่นนี้เขาสามารถเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์อันดับต้นๆ ในเจดีย์ฝึกพลังกายได้เลยทีเดียว

ทางฝั่งกลุ่มกระเรียนฟ้า ใบหน้าของหลิ่วชิงกลายเป็นเขียวสลับขาว นางมองไปที่ร่างสูงโปร่งบนหน้าจอ กลืนน้ำลายเหนียวหนืด ความกลัวปรากฏในดวงตาของนางเป็นครั้งแรก

มาถึงจุดนี้นางคงโง่แน่ถ้ายังคิดปฏิบัติต่อมู่เฉินเหมือนกับจอมยุทธ์ขั้นหกทั่วไป

ด้วยพลังในการต่อสู้ที่เขาแสดงออกมา บวกกับค่ายกลทรงพลัง แม้แต่จงเถิงก็ยากจะได้เปรียบหากพวกเขาต่อสู้กัน

ก่อนหน้านี้นางหัวเราะเยาะและมองจิ่วโยวด้วยความดูถูก แต่ตอนนี้นางอายแทบแทรกแผ่นดินหนี ซึ่งจุดนี้รู้ได้จากสายตาเยาะเย้ยเหล่านั้นที่ปรายมองเข้ามา

“ทำไมมู่เฉินถึงทรงพลังเช่นนี้?” จงฮั้วที่พ่ายแพ้ให้กับมู่เฉินก็มีสีหน้าเคร่งขรึมเช่นกัน ก่อนหน้านี้เขาเคยคิดเช่นกันว่ามู่เฉินพึ่งพาเพียงค่ายกลเพื่อจัดการกับศัตรู แต่ใครจะคิดว่าเมื่อไม่มีการใช้ค่ายกลมู่เฉินก็สามารถเอาชนะลู่สุยแบบดุร้ายยิ่งกว่าอะไร

“ดูเหมือนว่ามีเพียงพี่ใหญ่จงเถิงเท่านั้นที่สามารถจัดการกับเขาได้” จอมยุทธ์อีกคนของเผ่ากระเรียนฟ้าพยักหน้า

หลิ่วชิงพยักหน้าเบาๆ ไม่เพียงแต่พวกเขาจะพิจารณาพลังของมู่เฉินพลาดไปเท่านั้น แม้แต่จงเถิงก็ตัดสินอีกฝ่ายผิดไป ชายคนนั้นเป็นสัตว์ประหลาดอย่างแท้จริง

ฟิ้ว!

ขณะที่นอกเจดีย์ต่างตกตะลึงกับผลลัพธ์ที่มู่เฉินนำมา ทันใดนั้นแสงก็กะพริบบนแท่นนอกเจดีย์ ร่างน่าสังเวชปรากฏขึ้น

เมื่อร่างนั้นออกมาก็รีบถอยกลับไปปรากฏตัวขึ้นในกลุ่มอีกาสายฟ้าทันควัน นี่ก็คือลู่สุยที่มีสีหน้าซีดขาว คลื่นหลิงของเขาถดถอยลงอย่างมาก

สายตาโดยรอบยิงเข้าหาในเวลานี้ทันที

ใบหน้าของลู่สุยเขียวคล้ำ สายตาเกลียดชังมองไปที่มู่เฉินที่อยู่บนหน้าจอ ก่อนที่จะหันหัวสาดสายตาดุร้ายใส่จิ่วโยวและมั่วหลิง ที่ข้างๆ พรรคพวกของเขาก็มีท่าทางไม่ดีเช่นกัน

ทว่าจิ่วโยวไม่กลัวที่จะเผชิญหน้ากับสายตาเหล่านั้น นางเค้นเสียงอย่างเย็นชา “ลูกหมาที่ถูกฟาดยังกล้าที่จะออกมาแยกเขี้ยวอีกเหรอ?”

ตอนนี้ลู่สุยบาดเจ็บสาหัส สูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไปหมด ส่วนคนที่เหลือก็ไม่มีอะไรต้องกลัว หากพวกเขากล้าที่จะคิดบัญชีกับพวกนาง จิ่วโยวก็ไม่คิดปล่อยพวกเขาไว้เป็นภัยคุกคามในอนาคตหรอก

สายตาแสดงความเกลียดชังของลู่สุยจ้องเขม็งอยู่ที่จิ่วโยว แต่สุดท้ายเขาก็ต้องถอนสายตาออกไปอย่างไม่เต็มใจ ก่อนที่จะถอยกลับนั่งลงบนซากปรักหักพังเข้าสมาธิเพื่อฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ

จอมยุทธ์กลุ่มอีกาสายฟ้าก็ปรากฏรอบตัวเขาเพื่อปกป้อง

เมื่อจิ่วโยวเห็นการตอบสนองนั่น นางก็ไม่ได้ใส่ใจกับพวกเขาอีก นางมองไปที่หน้าจออีกครั้งโดยพุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่ร่างเงาอ่อนเยาว์ มือที่กำแน่นผ่อนคลายลง

เห็นได้ชัดว่านี่เป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงสำหรับนางที่มู่เฉินจะเอาชนะได้เด็ดขาดแบบนี้ นั่นเป็นเพราะตามการประเมินของนางแม้ว่ามู่เฉินจะยืนยงอยู่ได้ก็เป็นยากที่จะเอาชนะลู่สุยด้วยขุมพลังจื้อจุนขั้นหกและถ้าการต่อสู้ถูกลากไปจนสุดอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบคาดไม่ถึง

ทว่าผลลัพธ์สุดท้ายที่ได้ก็ทำให้นางทั้งประหลาดใจและดีใจ

เห็นได้ชัดว่ามู่เฉินได้รับประโยชน์มหาศาลจากสามชั้นแรกของเจดีย์ฝึกพลังกาย ไม่เช่นนั้นเขาไม่สามารถแสดงพลังเป็นที่ประจักษ์เช่นนี้ได้

“ว่ากันว่าในชั้นสี่มหัศจรรย์กว่านี้มาก หากใครสามารถเข้าไปได้ พวกเขาจะสามารถได้รับผลประโยชน์เกินกว่าสามชั้นแรกมาก…”

จิ่วโยวยิ้มบาง ดูจากสถานการณ์ปัจจุบันไม่น่ามีปัญหาใดๆ ที่มู่เฉินจะเข้าสู่ชั้นสี่ สำหรับมั่วเฟิงความแข็งแกร่งของเขาเป็นหนึ่งในอันดับต้นของกลุ่มที่เข้าไป ดังนั้นจึงไม่ยากสำหรับเขาที่จะได้หนึ่งในห้าที่นั่งนี้ไปเช่นกัน

ดูเหมือนว่าการเดินทางมาที่เจดีย์ฝึกพลังกายโบราณครั้งนี้เผ่าวิหคโลกันตร์อาจเป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

บนลานเมฆสายฟ้า

ไม่มีใครตอบคำถามของมู่เฉิน ขณะนี้แม้แต่จอมยุทธ์ทรงอำนาจอย่างหานซันและสีคุนก็ยังรู้สึกหวาดระแวงมู่เฉินอยู่บ้าง ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกที่จะไม่ไปปะทะกับมนุษย์ผู้นี้

ดังนั้นคนทั้งหมดที่อยู่ที่นี่จึงเงียบลง ก่อนที่จะถอยออกจากรัศมีโดยรอบมู่เฉินอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณบอกว่าพวกเขาไม่ต้องการต่อสู้กับเขา

เมื่อมู่เฉินเห็นภาพนี้ก็ไม่มีอารมณ์ใดบนใบหน้า แต่ในใจกลับรู้สึกโล่งอก คนอื่นๆ เห็นเพียงฉากการต่อสู้ตระการที่เขาเอาชนะลู่สุยได้ แต่พวกเขาไม่รู้หรอกว่าหมัดที่เขาชกออกไปก่อนหน้านี้คือพลังงานส่วนเกินจากสามชั้นแรก

ร่างกายของมู่เฉินก่อนหน้าเปรียบเสมือนฟองน้ำที่ดูดซับน้ำจนถึงขีดจำกัด หมัดของเขาจึงเท่ากับบีบน้ำออกจนหมด ทำให้ร่างกายที่อัดแน่นกลับสู่สภาพเดิม

ดังนั้นถ้าให้เขาโจมตีแบบนั้นอีกครั้ง พลังก็จะไม่ทรงประสิทธิภาพเหมือนเมื่อครู่แน่นอน

ประสิทธิผลพิเศษชนิดนี้ของการสะสมพลังงานในร่างกายเป็นทักษะที่ได้มาจากกายามังกรหงส์ ด้วยวิธีนี้เขาจะได้รับผลลัพธ์ที่ไม่มีใครคาดคิดไว้ กลายเป็นไพ่ลับอีกใบหนึ่ง

“คัมภีร์หลงเฟิ่งทรงพลังจริงๆ”

แม้แต่มู่เฉินก็ยังชื่นชมในสิ่งนี้ คัมภีร์หลงเฟิ่งสมแล้วที่เป็นทักษะยอดเยี่ยมแท้จริง จากการประเมินของเขาคัมภีร์นี้ต้องอยู่ในระดับเสินทงแน่นอน ซึ่งไม่ธรรมดาแม้จะอยู่ในกลุ่มวิทยายุทธระดับเสินทงด้วย

มู่เฉินชื่นชมก่อนที่จะใจเย็นลง แม้ว่าตอนนี้จะไม่มีใครท้าทายเขา แต่เขาก็ไม่ตั้งใจที่จะท้าทายคนอื่นด้วยเช่นกัน เขายืนนิ่งบนตำแหน่งตนเองรอผลการคัดออก

สำหรับจงเถิง มู่เฉินรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นพวกยุแยงให้ลู่สุยมาปะทะกับเขา แต่เนื่องจากตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ดีในการจัดการ เขาจึงได้แต่ผลักแผนไปก่อน

แต่ถึงกระนั้นสายตาคมกล้าของมู่เฉินก็ยังจ้องเขม็งไปที่จงเถิง รอบตัวเต็มไปด้วยคลื่นหลิงราวกับเสือดาวที่กำลังจะจ้องตะครุบเหยื่ออัดแน่นด้วยภัยคุกคาม

เมื่อเห็นท่าทางของมู่เฉิน จงเถิงที่ประจันหน้ากับมั่วเฟิงก็รู้สึกอึดอัดใจ เขาต้องแยกสมาธิอยู่ตลอดเพื่อจับตามองมู่เฉิน ป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายเคลื่อนไหวมาประสานพลังกับมั่วเฟิง

ด้วยวิธีนี้สมาธิของจงเถิงจึงค่อนข้างฟุ้งซ่าน สุดท้ายเขาได้แต่กัดฟัน ถอนคลื่นหลิงและถอยออกจากบริเวณของมั่วเฟิง

“พี่มั่วยากสำหรับการต่อสู้ของเราที่จะได้ข้อสรุป ทำไมเราไม่ไปจัดการคนอื่นและรับที่นั่งมาล่ะ?” ขณะที่จงเถิงถอยกลับเสียงก็สะท้อนก้องไปด้วย

มั่วเฟิงจ้องมองจงเถิงอย่างไม่แยแสก่อนที่จะพยักหน้า นั่นเป็นเพราะเขารู้ว่าหากพวกเขายังอยู่ในสถานการณ์ยืนจ้องหน้ากันก็จะไม่เกิดผลลัพธ์ใด หากเขาร่วมมือกับมู่เฉิน พวกเขาอาจทำให้จงเถิงบ้าดีเดือดขึ้นมา แม้แต่พวกเขาก็ต้องจ่ายราคามหาศาลจากการตีโต้

ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับพวกเขาคือการได้ที่นั่งเพื่อเข้าสู่ชั้นสี่

เมื่อจงเถิงเห็นคำตอบของมั่วเฟิงก็รู้สึกโล่งใจในใจ เขาถอยกลับอย่างรวดเร็วออกจากจุดที่มู่เฉินและมั่วเฟิงอยู่ เขาครุ่นคิดสั้นๆ ก่อนจะเลือกปะทะกับคนที่อ่อนแอกว่า

พอมู่เฉินเห็นจงเถิงไปแล้วก็ไม่ได้ใส่ใจอีกต่อไป สายตาหันมามองมั่วเฟิงแล้วก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้มแสดงความขอบคุณในการช่วยเหลือครั้งนี้

สายตาของมั่วเฟิงเป็นมิตรมากขึ้น คิดว่าการที่มู่เฉินเอาชนะลู่สุย ทำให้มั่วเฟิงมองมู่เฉินในฐานะจอมยุทธ์ที่อยู่ในระดับเดียวกันกับเขา ดังนั้นจึงไม่ได้มีท่าทางเฉยเมยเหมือนเมื่อก่อน

มั่วเฟิงพยักหน้าให้มู่เฉิน ก่อนที่จะหันหลังกลับและเริ่มเลือกคู่ต่อสู้ของตนเอง

ครืน!

เมื่อทุกคนเลือกคู่ต่อสู้แล้ว ทันใดนั้นคลื่นหลิงก็ระเบิดรุนแรงบนลานเมฆสายฟ้า คลื่นกระแทกกวาดออก ทำให้มิติเกิดการสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นไม่หยุด

บนลานเมฆสายฟ้าพลังงานหลิงกวาดหายนะ มีเพียงตรงมู่เฉินเท่านั้นที่ไม่ถูกรบกวน เนื่องจากไม่มีใครกล้าเหยียบเข้ามาในรัศมีพันจั้ง ยามนี้เขาเหมือนผู้ชมที่ดูการต่อสู้ติดขอบ ในเวลาเดียวกันก็บันทึกกระบวนท่าที่ทรงพลังของบางคนไว้ในสมอง

แม้ว่าในชั้นนี้พวกเขาอาจไม่ได้ประลองกัน แต่ก็ยังมีอีกสองชั้นรอพวกเขาอยู่ ใครจะสามารถรับประกันได้ว่าจะไม่มีการลดจำนวนลงในชั้นต่อไป?

ดังนั้นถ้ามีโอกาสเขาต้องพยายามจดจำข้อมูลผู้อื่นเก็บไว้

ภายใต้การสังเกตของมู่เฉิน การประลองบนลานเมฆสายฟ้าก็คงอยู่ชั่วระยะหนึ่ง ก่อนที่แต่ละคู่จะมาถึงจุดสิ้นสุด ผลลัพธ์ก็เป็นไปตามที่คาดไว้

หลังจากมู่เฉินก็เป็นหานซันที่เอาชนะคู่ต่อสู้ได้ที่นั่งที่สองไป

จากนั้นมั่วเฟิงและจงเถิงก็คว้าชัยชนะตามมา

ที่นั่งสุดท้ายตกเป็นของสีคุนที่ก่อนหน้านี้เคยแพ้หานซันที่ด้านนอกเจดีย์ ชายนี้มีความแข็งแกร่งที่น่าตกใจ แม้แต่หานซันยังต้องใช้ทักษะเต็มที่ถึงจะได้รับชัยชนะมา

เมื่อสีคุนได้รับที่นั่งสุดท้ายลานเมฆสายฟ้าขนาดใหญ่ก็เงียบลงอีกครั้ง ร่างทั้งห้ายืนอยู่ ขณะรัศมีไร้ขอบเขตทั้งห้าสายพุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าชนกันเปรี้ยงปร้าง

ทว่าการชนกันก็ดำเนินไปเพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ ก่อนที่ทั้งห้าจะถอนคลื่นพลังพร้อมกัน พวกเขาเหลือบมองกันและกัน จากนั้นก็ไม่ลังเลทะยานออกไปปรากฏตัวบนเบาะทั้งห้า

สายตาพวกเขาพุ่งตรงไปยังมิติด้านหลังลานเมฆสายฟ้าด้วยความโลภ ตรงนั้นเส้นดาวหางจำนวนมากกวาดผ่านราวกับฝนดาวตก

ในแสงเหล่านั้นแก่นหยดสายฟ้ากำลังกะพริบด้วยความแวววาว


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท