หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – ตอนที่ 1257

ตอนที่ 1257

บทที่ 1257 เผชิญหน้าแบบสุดยอด
บนท้องฟ้าของป่ากว้างใหญ่

หลิงจั้นจื่อยืนตระหง่านพร้อมกับคลื่นหลิงทรงพลังพัดอยู่รอบตัวราวกับพายุ ลวดลายจั้นเหวินวูบวาบบนแขน ทำให้เขาดูราวกับเทพสงครามในขณะนี้ ช่างเต็มไปด้วยการขู่ขวัญนัก

หลิงจั้นจื่อมองอย่างไม่แยแสไปที่วิญญาณสงครามเต่าสีดำที่กระเด็นออกไป รวมถึงค่ายกลที่ถูกทำลาย รอยยิ้มเย้ยหยันเผยบนใบหน้าของเขา “ถ้านั่นเป็นทั้งหมดของเจ้า ข้าผิดหวังนัก”

ไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ บนใบหน้าของมู่เฉิน แต่แววตากลับเคร่งขรึมลง หลิงจั้นจื่อเป็นจอมยุทธ์ที่มีอำนาจมากที่สุดที่เขาเคยพบในหมู่จอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลายอย่างไม่ต้องสงสัย

ตามการประเมินของเขา หลิงจั้นจื่อน่าจะอยู่ที่ระดับตี้จื้อจุนขั้นปลายระยะปลายสุด ซึ่งห่างจากขั้นเต็มอีกก้าวเดียวเท่านั้น

“สมกับเป็นศิษย์เอกของจักรพรรดิสัปประยุทธ์…”

มู่เฉินพึมพำจากนั้นก็เงยหน้าขึ้น ไม่มีความกลัวใดๆ ในสายตา เขาคลี่ยิ้ม “ในเมื่อเจ้าอยากรู้ก็เข้ามาลองเลย ข้าเชื่อว่าจะไม่ทำให้เจ้าผิดหวัง”

แม้ว่าหลิงจั้นจื่อจะทรงพลัง มู่เฉินก็ไม่ใช่คนธรรมดา ผู้ชนะในวันนี้ยังไม่ถูกตัดสิน

“จริงเหรอ? หวังว่าจะเป็นเช่นนั้น ไม่งั้นก็น่าเบื่อเกินไปแล้ว”

ตู้ม!

พูดจบหลิงจั้นจื่อก็ร่างเปลี่ยนเป็นภาพมายาพุ่งออกมา

เขาพยักหน้าเบาๆ ก็มาปรากฏตัวตรงหน้ามู่เฉินในพริบตา หมัดแย็บออกพร้อมกับแสงแวววาวระเบิดจากลวดลายจั้นเหวินบนแขนของเขา ทำให้มิติแตกเป็นเสี่ยงๆ จากกำปั้นนี้

กำปั้นของหลิงจั้นจื่อขยายใหญ่ขึ้นในดวงตาของมู่เฉิน แต่เขาก็ไม่ได้หลบหลีก นั่นเพราะเขาต้องการจะรู้ว่าคลื่นหลิงของจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลายระยะปลายสุดทรงพลังเพียงใด

เจดีย์ผลึกแก้วใสส่องประกายในส่วนลึกของดวงตา แปลงคลื่นหลิงในร่างให้กลายเป็นผลึก ก่อนที่เขาจะกำมือแน่นแล้วเหวี่ยงกำปั้นออกไป

กำปั้นนี้แล่นแปลบปลาบด้วยประกายแสงอัญมณี คลื่นหลิงในร่างกายก็พวยพุ่งออกมาโดยไม่มีการยับยั้งใดๆ กลั่นตัวเข้าไปในแขนฉาบด้วยผลึกใสรอบกำปั้น

ตู้ม!

เมื่อหมัดทั้งสองปะทะกันอย่างรุนแรง ความผันผวนที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่าก็กระเพื่อมเป็นระลอก ต้นไม้ที่อยู่ภายในรัศมีหมื่นจั้งของป่าเบื้องล่างทั้งสองถูกบดขยี้กลายเป็นเถ้าถ่าน…

ขณะที่เศษไม้ปลิวว่อนร่างของมู่เฉินก็สั่นไหว เขากระเด็นออกไปเกิดร่องลึกยาวหลายพันจั้งบนพื้น…

เมื่อมู่เฉินทรงตัวได้มั่นคง ใบหน้าก็แดงขึ้นในเวลาสั้นๆ ก่อนที่จะสงบลง เขารู้สึกเจ็บที่หมัดขณะจ้องมองหลิงจั้นจื่อด้วยสายตาลุกโชน “คลื่นหลิงทรงพลังอะไรอย่างนี้ นี่คือพลังของระดับตี้จื้อจุนขั้นปลายระยะปลายสุดสินะ”

หลิงจั้นจื่อก็ถอยออกไปหลายสิบก้าว แต่เมื่อเทียบกับมู่เฉินเขาอยู่ในสภาพที่ดีกว่ามาก ทว่าสายตาของเขากลับมืดครึ้มลงเล็กน้อย

แม้ว่ามู่เฉินจะโดนกำปั้นสอยออกไปหลายพันจั้ง แต่ก็ไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ

หลิงจั้นจื่อก้มศีรษะลงมองกำปั้นก็เห็นชั้นผลึกแวววาว นี่เป็นเศษคลื่นหลิงของมู่เฉิน ตอนที่กำปั้นของเขาปะทะกับกำปั้นของมู่เฉิน ผลึกคลื่นหลิงของมู่เฉินก็รุกเข้ามาในแขนของเขา

ที่ทำให้หลิงจั้นจื่อตกใจก็คือเขาตรวจพบว่าคลื่นหลิงจั้นที่อยู่ในเส้นทางของผลึกคลื่นหลิงถูกผนึกเอาไว้

แต่โชคดีที่เขาหมุนเวียนพลังงานอย่างรวดเร็วเพื่อระงับและขับไล่ผลึกพลังงาน แต่เพราะเหตุนี้ก็ทำให้พลังหมัดได้รับผลกระทบไปหลายส่วนเลยทีเดียว

ดังนั้นหมัดที่เขาตั้งใจจะเอาชีวิตของมู่เฉิน กลับได้ผลเพียงส่งให้อีกฝ่ายถอยออกไป

“คลื่นหลิงของเจ้านั่นแปลกขนาดนี้เชียว แม้แต่คลื่นหลิงจั้นของข้าก็ได้รับผลกระทบด้วย” หลิงจั้นจื่อขมวดคิ้วเบาๆ คลื่นหลิงจั้นของเขาอยู่ในระดับที่สูงเมื่อเทียบกับคลื่นหลิงสามัญ แต่ก็ยังได้รับผลกระทบจากคลื่นหลิงของมู่เฉิน แบบนี้ไม่ได้หมายความว่าผลึกคลื่นหลิงที่มู่เฉินเพาะบ่มนั้นยอดเยี่ยมกว่าคลื่นหลิงจั้นรึ?

“หึ ถึงแกจะมีกลยุทธ์ในแขนเสื้ออยู่บ้าง แต่เพียงสิ่งนี้ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะเปลี่ยนแปลงผลลัพธ์!”

หลิงจั้นจื่อจ้องเขม็งไปที่มู่เฉินอย่างเย็นชา แม้ว่าผลึกคลื่นหลิงของมู่เฉินจะผิดแผก แต่มู่เฉินก็เป็นเพียงจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นต้นเท่านั้น

“น่าสนใจ ข้าอยากเห็นว่าคลื่นหลิงของแกจะช่วยได้สักกี่น้ำ”

หลิงจั้นจื่อกล่าวเสียงเย็นชาก่อนที่จะหายใจเข้าลึก ลวดลายจั้นเหวินมากขึ้นปรากฏบนแขน รัศมีอันตรายเล็ดลอดออกมาจากร่างกาย

เมื่อมู่เฉินสัมผัสได้ถึงอันตราย สายตาก็แข็งเกร็ง ดูเหมือนว่าหลิงจั้นจื่อตัดสินใจที่จะปะทะแบบจริงจังแล้ว

ฟู่ ฟู่!

หลิงจั้นจื่อยืนอยู่บนท้องฟ้า เมื่อลวดลายจั้นเหวินปรากฏมากขึ้นบนแขน พายุป่าเถื่อนก็ระเบิดขึ้นไปทั่ว เมื่อปั่นป่วนถึงขีดจำกัด ประกายแสงก็ส่องแวววับในดวงตาของเขา

เขาค่อยๆ ยกฝ่ามือขึ้น จากนั้นก็เริ่มขยายขนาดใหญ่ขึ้นในเวลาไม่กี่ลมหายใจ

มือมหึมาปกคลุมไปด้วยลวดลายจั้นเหวินนับไม่ถ้วน รัศมีจั้นยี่เชี่ยวกรากมารวมตัวกัน เวลานี้มือดูราวกับเป็นหัตถ์เทพสงครามที่กดลงมาจากท้องฟ้า

ทันใดนั้นก็ส่งผลให้คลื่นหลิงทั่วบริเวณเดือดปุด

“วิทยายุทธระดับเสินทงขั้นเต็ม ล้านหัตถ์โอบสวรรค์!”

หลิงจั้นจื่อมองไปที่มู่เฉินอย่างไม่แยแส ก่อนที่จะกระแทกฝ่ามือ เสียงเย็นยะเยือกแฝงไอสังหารสะท้อนทั่วบริเวณนี้

ขณะที่ฝ่ามือบีบกดลงมาความโกลาหลก็ดังขึ้นในหมู่ผู้ชม

“วิทยายุทธระดับเสินทงขั้นเต็มรึ?!”

“หลิงจั้นจื่อโหดเหี้ยมมาก เขาตั้งใจจะฆ่าแล้ว!”

“ตอนนี้มู่เฉินอยู่ในจุดอันตรายซะแล้ว”

จอมยุทธ์นับไม่ถ้วนจ้องมองไปที่หน้าจอแสงด้วยความตกใจ การโจมตีของหลิงจั้นจื่อเป็นสิ่งที่จะทำให้แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลายยังรู้สึกหนังหัวด้านชาไปหมด

หลิ่วซิงเฉินที่อยู่ในจัตุรัส ความเข็ดขยาดก็โหมกระพือในดวงตาเมื่อเห็นมือใหญ่นั่น

เพราะในการปะทะกับหลิงจั้นจื่อ เขาเสียเปรียบในกระบวนท่านี้

ในมือใหญ่นี้เหมือนมีลวดลายจั้นเหวินนับล้านลายบวกกับคลื่นหลิงที่มี ช่างดุร้ายเกินคณนาแม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลายก็อาจพังพาบได้หากประมาท

หลิ่วซิงเฉินมองดูเงาเล็กใต้มือนั่นพูดพึมพำว่า “มู่เฉิน… เจ้าจะรับได้ไหม…”

มู่เฉินมองมือใหญ่โตนิ่ง

เขาไม่คิดว่าหลิงจั้นจื่อจะสามารถใช้วิทยายุทธระดับเสินทงขั้นเต็มได้ด้วย

“สมกับเป็นศิษย์เอกจักรพรรดิสัประยุทธ์ ไพ่ลับช่างเยอะนัก” มู่เฉินอดไม่ได้ที่จะอุทาน

ดวงตาของหลิงจั้นจื่อเปล่งประกายเย็นชาพร้อมด้วยสีหน้าไม่แยแสโดยไม่มีคำพูดใดๆ ก่อนที่มือจะบีบกดลงมาในทิศทางของมู่เฉิน

ตู้ม!

เมื่อฝ่ามือบีบกดลงมา พื้นดินก็พังทลายลงเป็นหลุมขนาดใหญ่

เงาขนาดใหญ่คลี่ออก มู่เฉินเงยหน้าขึ้นมองไปก่อนจะหายใจออกแรงๆ มือประสานเข้าด้วยกัน

ฮึ่ม!

คลื่นหลิงทรงพลังระเบิดออกจากร่าง อึดใจร่างเงาขนาดใหญ่ก็ค่อยๆ ก่อตัวขึ้นด้านหลังมู่เฉิน

เงาสีทองยืนตระหง่านเบื้องหลังมู่เฉินพร้อมกับแสงสีม่วงทองเปล่งประกายทำให้ดูลึกลับนัก

เห็นได้ชัดว่าเมื่อเผชิญหน้ากับหลิงจั้นจื่อ มู่เฉินก็ไม่กล้าที่จะออมมือ นำร่างเทพสุริยะนิรันดร์ออกมาทันที

ซ่า!

เมื่อร่างเทพสุริยะนิรันดร์ปรากฏขึ้นคลื่นหลิงก็ก่อตัวขึ้นเป็นแม่น้ำ แม่น้ำสีม่วงทองพร่างพราวแวววาวด้วยประกายสีทอง ก่อนที่จะก่อตัวขึ้นเป็นลวดลายลึกลับสิบสองลายอย่างรวดเร็ว…

กระบวนท่าของมู่เฉินเปลี่ยนไป ลวดลายสิบสองลายก็พวยพุ่งสูงขึ้น ก่อนที่จะมารวมกันเป็นร่มสีม่วงทองขนาดมหึมา

“รหัสเทพอมตะ แปรเปลี่ยน!”

“ร่มม่วงทอง!”

มู่เฉินสะบัดแขนเสื้อร่มขนาดใหญ่ก็ปะทะกับมืออันใหญ่โต

ครืน!

เมื่อปะทะกัน เสียงครางกระหึ่มก็ดังขึ้นระหว่างสวรรค์และโลก ร่มโค้งงอลงราวกับกำลังจะหัก

แต่เมื่อทุกคนคิดว่าร่มกำลังจะแตกเป็นเสี่ยงๆ ลวดลายสีม่วงทองก็เปล่งประกายแวววาว แสงสีม่วงทองลึกลับกวาดไปทั่วขอบฟ้า

ปัง!

ร่มที่โค้งลงราวกับลวดสปริง ดีดกลับอย่างแรงพร้อมกับแรงน่าสะพรึงกลัวเทลงบนมือ

ครืนๆๆๆ!

เสียงดังก้องขึ้น จากนั้นทุกคนก็ต้องตกใจเมื่อเห็นว่าลวดลายจั้นเหวินบนมือใหญ่เริ่มแตกสลาย

ปัง ปัง ปัง!

ในเวลาไม่กี่ลมหายใจมือก็กระเด็นกลับไป หดลงจนมีขนาดเท่าปกติ

ใบหน้าของหลิงจั้นจื่อเปลี่ยนเป็นมืดครึ้ม มือของเขาสั่นเทิ้มปรากฏริ้วเลือด เห็นได้ชัดว่ามือนี้ได้รับบาดเจ็บจากแรงสะท้อนกลับ

“น่าสนใจ น่าสนใจจริงๆ…” สายตาของหลิงจั้นจื่อจ้องมองร่างเทพสุริยะนิรันดร์ใต้ฝ่าเท้าของมู่เฉิน นี่คือร่างเทห์สวรรค์ที่มู่เฉินฝึกฝน ซึ่งเป็นร่างที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน ดังนั้นไม่ใช่ธรรมดาแน่นอน!

มู่เฉินยืนอยู่บนไหล่ร่างเทพสุริยะนิรันดร์จ้องมองหลิงจั้นจื่อพูดช้าๆ ว่า “นำร่างเวทสวรรค์ของเจ้าออกมา มิฉะนั้นก็อย่าหวังว่าจะทำอะไรข้าได้”

เมื่อได้ยินคำพูดของมู่เฉิน หลิงจั้นจื่อก็ไม่ได้เยาะเย้ย เนื่องจากกระบวนท่าเมื่อสักครู่ทำให้เขารู้ว่าเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะจัดการมู่เฉิน ตราบใดที่มู่เฉินมีร่างสีม่วงทองยิ่งใหญ่นี่

ต้องใช้ร่างเทห์สวรรค์เผชิญหน้ากันเท่านั้น

หลิงจั้นจื่อจ้องไปที่มู่เฉินอย่างเย็นชาพูดว่า “มู่เฉิน วันนี้ต่อให้แกแพ้ก็จงภูมิใจที่บังคับให้ข้านำร่างเวทสวรรค์ออกมาได้!”

ตู้ม!

เมื่อพูดจบ แสงพร่างพราวก็ปะทุขึ้นที่ด้านหลังเขาพร้อมกับเสียงคำรามสะเทือนสวรรค์และโลก

ร่างมหึมาค่อยๆ ก่อตัวขึ้นด้านหลังหลิงจั้นจื่อ แรงกดดันทรงพลังค่อยๆ รวมตัวทั่วภูมิภาคในเวลานี้

ขณะที่ความกดดันแผ่ขยายออกไป เสียงลึกซึ้งของหลิงจั้นจื่อก็ดังทั่วฟ้าดิน

“ร่างต้นจักรพรรดิสัประยุทธ์…ปรากฏ!”

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler ฟรี ได้ที่ novel-fast 


เรื่องย่อ

โดย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler บางส่วนของนิยาย

บทนำ

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป

‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้

แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์

แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว

ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ

เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง?

ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน…

เรื่องย่อ

เมื่อคำพูดของมู่เฉินกระจายออกไป ไม่เพียงแต่จะไม่มีการตอบสนอง แม้แต่ด้านนอกเจดีย์ก็ถูกห่อหุ้มด้วยบรรยากาศราวกับป่าช้า…

ทุกคนตกตะลึงไปกับฉากนี้ พวกเขาจ้องมองจุดที่ลู่สุยหายตัวไป ราวกับว่ายังไม่สามารถฟื้นจากอาการตะลึงงันที่เกิดขึ้นได้

ก่อนหน้าเมื่อลู่สุยออกกระบวนท่าที่น่าสะพรึง ผู้คนส่วนใหญ่ก็คิดว่าผลลัพธ์ของการต่อสู้ได้ถูกกำหนดแล้ว ทว่าพวกเขาไม่คิดเลยว่ามู่เฉินจะพลิกสถานการณ์ได้อีกครั้ง เตะลู่สุยที่เหมือนจะคว้าชัยชนะออกไป

ทุกคนตะลึงไปพักใหญ่ ก่อนที่พวกเขาจะหลุดออกจากอาการได้ สายตาเคร่งเครียดลง การประลองกันครั้งนี้มู่เฉินไม่ได้ใช้ค่ายกล แต่เขาก็สามารถเอาชนะจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดอย่างลู่สุยได้ด้วยความแข็งแกร่งที่อยู่ในขั้นหกเท่านั้น แม้ว่าจะมีผลจากลู่สุยประมาทเองในตอนแรก แต่นั่นก็แสดงให้เห็นว่ามู่เฉินน่ากลัวแค่ไหน

พลังเช่นนี้เขาสามารถเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์อันดับต้นๆ ในเจดีย์ฝึกพลังกายได้เลยทีเดียว

ทางฝั่งกลุ่มกระเรียนฟ้า ใบหน้าของหลิ่วชิงกลายเป็นเขียวสลับขาว นางมองไปที่ร่างสูงโปร่งบนหน้าจอ กลืนน้ำลายเหนียวหนืด ความกลัวปรากฏในดวงตาของนางเป็นครั้งแรก

มาถึงจุดนี้นางคงโง่แน่ถ้ายังคิดปฏิบัติต่อมู่เฉินเหมือนกับจอมยุทธ์ขั้นหกทั่วไป

ด้วยพลังในการต่อสู้ที่เขาแสดงออกมา บวกกับค่ายกลทรงพลัง แม้แต่จงเถิงก็ยากจะได้เปรียบหากพวกเขาต่อสู้กัน

ก่อนหน้านี้นางหัวเราะเยาะและมองจิ่วโยวด้วยความดูถูก แต่ตอนนี้นางอายแทบแทรกแผ่นดินหนี ซึ่งจุดนี้รู้ได้จากสายตาเยาะเย้ยเหล่านั้นที่ปรายมองเข้ามา

“ทำไมมู่เฉินถึงทรงพลังเช่นนี้?” จงฮั้วที่พ่ายแพ้ให้กับมู่เฉินก็มีสีหน้าเคร่งขรึมเช่นกัน ก่อนหน้านี้เขาเคยคิดเช่นกันว่ามู่เฉินพึ่งพาเพียงค่ายกลเพื่อจัดการกับศัตรู แต่ใครจะคิดว่าเมื่อไม่มีการใช้ค่ายกลมู่เฉินก็สามารถเอาชนะลู่สุยแบบดุร้ายยิ่งกว่าอะไร

“ดูเหมือนว่ามีเพียงพี่ใหญ่จงเถิงเท่านั้นที่สามารถจัดการกับเขาได้” จอมยุทธ์อีกคนของเผ่ากระเรียนฟ้าพยักหน้า

หลิ่วชิงพยักหน้าเบาๆ ไม่เพียงแต่พวกเขาจะพิจารณาพลังของมู่เฉินพลาดไปเท่านั้น แม้แต่จงเถิงก็ตัดสินอีกฝ่ายผิดไป ชายคนนั้นเป็นสัตว์ประหลาดอย่างแท้จริง

ฟิ้ว!

ขณะที่นอกเจดีย์ต่างตกตะลึงกับผลลัพธ์ที่มู่เฉินนำมา ทันใดนั้นแสงก็กะพริบบนแท่นนอกเจดีย์ ร่างน่าสังเวชปรากฏขึ้น

เมื่อร่างนั้นออกมาก็รีบถอยกลับไปปรากฏตัวขึ้นในกลุ่มอีกาสายฟ้าทันควัน นี่ก็คือลู่สุยที่มีสีหน้าซีดขาว คลื่นหลิงของเขาถดถอยลงอย่างมาก

สายตาโดยรอบยิงเข้าหาในเวลานี้ทันที

ใบหน้าของลู่สุยเขียวคล้ำ สายตาเกลียดชังมองไปที่มู่เฉินที่อยู่บนหน้าจอ ก่อนที่จะหันหัวสาดสายตาดุร้ายใส่จิ่วโยวและมั่วหลิง ที่ข้างๆ พรรคพวกของเขาก็มีท่าทางไม่ดีเช่นกัน

ทว่าจิ่วโยวไม่กลัวที่จะเผชิญหน้ากับสายตาเหล่านั้น นางเค้นเสียงอย่างเย็นชา “ลูกหมาที่ถูกฟาดยังกล้าที่จะออกมาแยกเขี้ยวอีกเหรอ?”

ตอนนี้ลู่สุยบาดเจ็บสาหัส สูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไปหมด ส่วนคนที่เหลือก็ไม่มีอะไรต้องกลัว หากพวกเขากล้าที่จะคิดบัญชีกับพวกนาง จิ่วโยวก็ไม่คิดปล่อยพวกเขาไว้เป็นภัยคุกคามในอนาคตหรอก

สายตาแสดงความเกลียดชังของลู่สุยจ้องเขม็งอยู่ที่จิ่วโยว แต่สุดท้ายเขาก็ต้องถอนสายตาออกไปอย่างไม่เต็มใจ ก่อนที่จะถอยกลับนั่งลงบนซากปรักหักพังเข้าสมาธิเพื่อฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ

จอมยุทธ์กลุ่มอีกาสายฟ้าก็ปรากฏรอบตัวเขาเพื่อปกป้อง

เมื่อจิ่วโยวเห็นการตอบสนองนั่น นางก็ไม่ได้ใส่ใจกับพวกเขาอีก นางมองไปที่หน้าจออีกครั้งโดยพุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่ร่างเงาอ่อนเยาว์ มือที่กำแน่นผ่อนคลายลง

เห็นได้ชัดว่านี่เป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงสำหรับนางที่มู่เฉินจะเอาชนะได้เด็ดขาดแบบนี้ นั่นเป็นเพราะตามการประเมินของนางแม้ว่ามู่เฉินจะยืนยงอยู่ได้ก็เป็นยากที่จะเอาชนะลู่สุยด้วยขุมพลังจื้อจุนขั้นหกและถ้าการต่อสู้ถูกลากไปจนสุดอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบคาดไม่ถึง

ทว่าผลลัพธ์สุดท้ายที่ได้ก็ทำให้นางทั้งประหลาดใจและดีใจ

เห็นได้ชัดว่ามู่เฉินได้รับประโยชน์มหาศาลจากสามชั้นแรกของเจดีย์ฝึกพลังกาย ไม่เช่นนั้นเขาไม่สามารถแสดงพลังเป็นที่ประจักษ์เช่นนี้ได้

“ว่ากันว่าในชั้นสี่มหัศจรรย์กว่านี้มาก หากใครสามารถเข้าไปได้ พวกเขาจะสามารถได้รับผลประโยชน์เกินกว่าสามชั้นแรกมาก…”

จิ่วโยวยิ้มบาง ดูจากสถานการณ์ปัจจุบันไม่น่ามีปัญหาใดๆ ที่มู่เฉินจะเข้าสู่ชั้นสี่ สำหรับมั่วเฟิงความแข็งแกร่งของเขาเป็นหนึ่งในอันดับต้นของกลุ่มที่เข้าไป ดังนั้นจึงไม่ยากสำหรับเขาที่จะได้หนึ่งในห้าที่นั่งนี้ไปเช่นกัน

ดูเหมือนว่าการเดินทางมาที่เจดีย์ฝึกพลังกายโบราณครั้งนี้เผ่าวิหคโลกันตร์อาจเป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

บนลานเมฆสายฟ้า

ไม่มีใครตอบคำถามของมู่เฉิน ขณะนี้แม้แต่จอมยุทธ์ทรงอำนาจอย่างหานซันและสีคุนก็ยังรู้สึกหวาดระแวงมู่เฉินอยู่บ้าง ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกที่จะไม่ไปปะทะกับมนุษย์ผู้นี้

ดังนั้นคนทั้งหมดที่อยู่ที่นี่จึงเงียบลง ก่อนที่จะถอยออกจากรัศมีโดยรอบมู่เฉินอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณบอกว่าพวกเขาไม่ต้องการต่อสู้กับเขา

เมื่อมู่เฉินเห็นภาพนี้ก็ไม่มีอารมณ์ใดบนใบหน้า แต่ในใจกลับรู้สึกโล่งอก คนอื่นๆ เห็นเพียงฉากการต่อสู้ตระการที่เขาเอาชนะลู่สุยได้ แต่พวกเขาไม่รู้หรอกว่าหมัดที่เขาชกออกไปก่อนหน้านี้คือพลังงานส่วนเกินจากสามชั้นแรก

ร่างกายของมู่เฉินก่อนหน้าเปรียบเสมือนฟองน้ำที่ดูดซับน้ำจนถึงขีดจำกัด หมัดของเขาจึงเท่ากับบีบน้ำออกจนหมด ทำให้ร่างกายที่อัดแน่นกลับสู่สภาพเดิม

ดังนั้นถ้าให้เขาโจมตีแบบนั้นอีกครั้ง พลังก็จะไม่ทรงประสิทธิภาพเหมือนเมื่อครู่แน่นอน

ประสิทธิผลพิเศษชนิดนี้ของการสะสมพลังงานในร่างกายเป็นทักษะที่ได้มาจากกายามังกรหงส์ ด้วยวิธีนี้เขาจะได้รับผลลัพธ์ที่ไม่มีใครคาดคิดไว้ กลายเป็นไพ่ลับอีกใบหนึ่ง

“คัมภีร์หลงเฟิ่งทรงพลังจริงๆ”

แม้แต่มู่เฉินก็ยังชื่นชมในสิ่งนี้ คัมภีร์หลงเฟิ่งสมแล้วที่เป็นทักษะยอดเยี่ยมแท้จริง จากการประเมินของเขาคัมภีร์นี้ต้องอยู่ในระดับเสินทงแน่นอน ซึ่งไม่ธรรมดาแม้จะอยู่ในกลุ่มวิทยายุทธระดับเสินทงด้วย

มู่เฉินชื่นชมก่อนที่จะใจเย็นลง แม้ว่าตอนนี้จะไม่มีใครท้าทายเขา แต่เขาก็ไม่ตั้งใจที่จะท้าทายคนอื่นด้วยเช่นกัน เขายืนนิ่งบนตำแหน่งตนเองรอผลการคัดออก

สำหรับจงเถิง มู่เฉินรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นพวกยุแยงให้ลู่สุยมาปะทะกับเขา แต่เนื่องจากตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ดีในการจัดการ เขาจึงได้แต่ผลักแผนไปก่อน

แต่ถึงกระนั้นสายตาคมกล้าของมู่เฉินก็ยังจ้องเขม็งไปที่จงเถิง รอบตัวเต็มไปด้วยคลื่นหลิงราวกับเสือดาวที่กำลังจะจ้องตะครุบเหยื่ออัดแน่นด้วยภัยคุกคาม

เมื่อเห็นท่าทางของมู่เฉิน จงเถิงที่ประจันหน้ากับมั่วเฟิงก็รู้สึกอึดอัดใจ เขาต้องแยกสมาธิอยู่ตลอดเพื่อจับตามองมู่เฉิน ป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายเคลื่อนไหวมาประสานพลังกับมั่วเฟิง

ด้วยวิธีนี้สมาธิของจงเถิงจึงค่อนข้างฟุ้งซ่าน สุดท้ายเขาได้แต่กัดฟัน ถอนคลื่นหลิงและถอยออกจากบริเวณของมั่วเฟิง

“พี่มั่วยากสำหรับการต่อสู้ของเราที่จะได้ข้อสรุป ทำไมเราไม่ไปจัดการคนอื่นและรับที่นั่งมาล่ะ?” ขณะที่จงเถิงถอยกลับเสียงก็สะท้อนก้องไปด้วย

มั่วเฟิงจ้องมองจงเถิงอย่างไม่แยแสก่อนที่จะพยักหน้า นั่นเป็นเพราะเขารู้ว่าหากพวกเขายังอยู่ในสถานการณ์ยืนจ้องหน้ากันก็จะไม่เกิดผลลัพธ์ใด หากเขาร่วมมือกับมู่เฉิน พวกเขาอาจทำให้จงเถิงบ้าดีเดือดขึ้นมา แม้แต่พวกเขาก็ต้องจ่ายราคามหาศาลจากการตีโต้

ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับพวกเขาคือการได้ที่นั่งเพื่อเข้าสู่ชั้นสี่

เมื่อจงเถิงเห็นคำตอบของมั่วเฟิงก็รู้สึกโล่งใจในใจ เขาถอยกลับอย่างรวดเร็วออกจากจุดที่มู่เฉินและมั่วเฟิงอยู่ เขาครุ่นคิดสั้นๆ ก่อนจะเลือกปะทะกับคนที่อ่อนแอกว่า

พอมู่เฉินเห็นจงเถิงไปแล้วก็ไม่ได้ใส่ใจอีกต่อไป สายตาหันมามองมั่วเฟิงแล้วก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้มแสดงความขอบคุณในการช่วยเหลือครั้งนี้

สายตาของมั่วเฟิงเป็นมิตรมากขึ้น คิดว่าการที่มู่เฉินเอาชนะลู่สุย ทำให้มั่วเฟิงมองมู่เฉินในฐานะจอมยุทธ์ที่อยู่ในระดับเดียวกันกับเขา ดังนั้นจึงไม่ได้มีท่าทางเฉยเมยเหมือนเมื่อก่อน

มั่วเฟิงพยักหน้าให้มู่เฉิน ก่อนที่จะหันหลังกลับและเริ่มเลือกคู่ต่อสู้ของตนเอง

ครืน!

เมื่อทุกคนเลือกคู่ต่อสู้แล้ว ทันใดนั้นคลื่นหลิงก็ระเบิดรุนแรงบนลานเมฆสายฟ้า คลื่นกระแทกกวาดออก ทำให้มิติเกิดการสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นไม่หยุด

บนลานเมฆสายฟ้าพลังงานหลิงกวาดหายนะ มีเพียงตรงมู่เฉินเท่านั้นที่ไม่ถูกรบกวน เนื่องจากไม่มีใครกล้าเหยียบเข้ามาในรัศมีพันจั้ง ยามนี้เขาเหมือนผู้ชมที่ดูการต่อสู้ติดขอบ ในเวลาเดียวกันก็บันทึกกระบวนท่าที่ทรงพลังของบางคนไว้ในสมอง

แม้ว่าในชั้นนี้พวกเขาอาจไม่ได้ประลองกัน แต่ก็ยังมีอีกสองชั้นรอพวกเขาอยู่ ใครจะสามารถรับประกันได้ว่าจะไม่มีการลดจำนวนลงในชั้นต่อไป?

ดังนั้นถ้ามีโอกาสเขาต้องพยายามจดจำข้อมูลผู้อื่นเก็บไว้

ภายใต้การสังเกตของมู่เฉิน การประลองบนลานเมฆสายฟ้าก็คงอยู่ชั่วระยะหนึ่ง ก่อนที่แต่ละคู่จะมาถึงจุดสิ้นสุด ผลลัพธ์ก็เป็นไปตามที่คาดไว้

หลังจากมู่เฉินก็เป็นหานซันที่เอาชนะคู่ต่อสู้ได้ที่นั่งที่สองไป

จากนั้นมั่วเฟิงและจงเถิงก็คว้าชัยชนะตามมา

ที่นั่งสุดท้ายตกเป็นของสีคุนที่ก่อนหน้านี้เคยแพ้หานซันที่ด้านนอกเจดีย์ ชายนี้มีความแข็งแกร่งที่น่าตกใจ แม้แต่หานซันยังต้องใช้ทักษะเต็มที่ถึงจะได้รับชัยชนะมา

เมื่อสีคุนได้รับที่นั่งสุดท้ายลานเมฆสายฟ้าขนาดใหญ่ก็เงียบลงอีกครั้ง ร่างทั้งห้ายืนอยู่ ขณะรัศมีไร้ขอบเขตทั้งห้าสายพุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าชนกันเปรี้ยงปร้าง

ทว่าการชนกันก็ดำเนินไปเพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ ก่อนที่ทั้งห้าจะถอนคลื่นพลังพร้อมกัน พวกเขาเหลือบมองกันและกัน จากนั้นก็ไม่ลังเลทะยานออกไปปรากฏตัวบนเบาะทั้งห้า

สายตาพวกเขาพุ่งตรงไปยังมิติด้านหลังลานเมฆสายฟ้าด้วยความโลภ ตรงนั้นเส้นดาวหางจำนวนมากกวาดผ่านราวกับฝนดาวตก

ในแสงเหล่านั้นแก่นหยดสายฟ้ากำลังกะพริบด้วยความแวววาว


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท