หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – ตอนที่ 1273

ตอนที่ 1273

หนึ่งในใต้หล้า 大主宰
บทที่ 1273 หลงเซี่ยง
ตึง!

เสียงฝีเท้าลึกดังก้องในป่าไผ่ ทุกย่างก้าวทำให้พื้นดินสั่นสะเทือน

ทว่าคนผู้นี้ไม่ได้มีโครงสร้างที่แข็งแรง เขากลับเป็นชายวัยกลางคนรูปร่างผอมสวมเสื้อผ้าสีดำ

ชายคนนี้เดินออกจากป่ามาถึงเจดีย์ เขาหยุดลงเมื่อเห็นชายชรา เสียงของเขาดังก้องไม่มีความรู้สึกใดๆ “ผู้อาวุโสกู้เรียกข้ามามีธุระอะไร?”

ผู้อาวุโสกู้เงยหน้าขึ้น ดวงตายิ้มแย้มมองไปที่ชายวัยกลางคน “ยินดีด้วยหลงเซี่ยง ดูเหมือนว่าเจ้าบรรลุระดับตี้จื้อจุนขั้นเต็มแล้ว”

รัศมีของชายวัยกลางคนลึกล้ำราวกับว่าแบกน้ำหนักภูเขานับไม่ถ้วนไว้ ทุกการเคลื่อนไหวทำให้เกิดความผันผวนของพลังงานกระเพื่อม ทำเอามิติรอบตัวสั่นสะเทือน

“ข้ามาได้ครึ่งทางเท่านั้น ขุมพลังเกือบจะบรรลุระดับตี้จื้อจุนขั้นเต็ม” หลงเซี่ยงตอบเสียงเบา

ผู้อาวุโสกู้ยิ้ม “ด้วยความสามารถของเจ้า ตราบใดที่ก้าวไปได้ครึ่งก้าว การไปถึงระดับตี้จื้อจุนขั้นเต็มก็เป็นเพียงเรื่องของเวลา”

ทว่าหลงเซี่ยงไม่ได้ตอบสนองคำถามนี้ เพราะตัวเขามั่นใจอยู่แล้วว่าเป็นเรื่องของเวลาที่จะทำให้ตนเองบรรลุระดับตี้จื้อจุนขั้นเต็มได้

“มีเรื่องอะไรให้ข้าทำ ผู้อาวุโสกู้?”

แต่เขาไม่ได้พูดในเรื่องนี้มากนักถามขึ้นว่า

ผู้อาวุโสกู้พยักหน้าพร้อมกับดวงตาหรี่ลง “ข้ามีภารกิจให้เจ้าทำ”

“โอ้?”

“ตามล่าคนคนหนึ่งซึ่งเป็นจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นต้น” ผู้อาวุโสกู้สะบัดนิ้ว หน้าจอก็ปรากฏขึ้นพร้อมกับภาพชายหนุ่มฉายออกมา นี่ก็คือมู่เฉินนั่นเอง

หลงเซี่ยงขมวดคิ้ว “ทำไมถึงเรียกข้าไปจัดการจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นต้นตัวจ้อยด้วย?”

“ฮ่าๆ เขาไม่ได้เป็นจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นต้นธรรมดา เขาได้ตำแหน่งนักรบทวีปจากสนามรบระดับตี้จื้อจุนขั้นปลายของทวีปซีเทียน แม้แต่ศิษย์เอกของจักรพรรดิสัประยุทธ์ยังพ่ายแพ้ต่อเขา ดังนั้นเจ้าเด็กคนนี้มองข้ามไม่ได้” ผู้อาวุโสกู้หัวเราะเบาๆ

“ในบรรดาจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลาย ข้าเกรงว่าจะมีไม่มากที่สามารถเผชิญหน้ากับเขาได้ ดังนั้นข้าจึงต้องมอบภารกิจให้เจ้าซึ่งเป็นจอมยุทธ์เสมือนระดับตี้จื้อจุนขั้นเต็ม”

พอได้ยินถ้อยคำนี้ หลงเซี่ยงก็หรี่ตาแคบพลางพยักหน้า “งั้นเป็นคนไม่ธรรมดาจริงๆ”

สำหรับจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นต้นที่จะบรรลุความสำเร็จดังกล่าวช่างน่าทึ่งนัก แม้ว่าเขาจะมีสายเลือดของตระกูลฝูถูโบราณ เพราะจอมยุทธ์หัวกะทิของเหล่ารุ่นใหม่ในตระกูลก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะประสบความสำเร็จนี้ได้

“เขาคือใคร? ทำไมถึงต้องไปตามจับ?” หลงเซี่ยงถามขณะที่มองผู้อาวุโสกู้

ผู้อาวุโสกู้ยิ้ม “นี่เป็นคำสั่งจากผู้อาวุโสใหญ่”

ม่านตาของหลงเซี่ยงหดลง ดูเหมือนว่าจะหวนนึกบางสิ่งได้ เขาหันขวับไปหาผู้อาวุโสกู้กล่าวว่า “คนที่ผู้อาวุโสใหญ่สั่งประกาศจับเหรอ?”

“เจ้ากาลกิณีคนนั้นนั่นแหละ” ผู้อาวุโสกู้ตอบอย่างแผ่วเบา

ตู้ม!

เมื่อได้ยินแววตาของหลงเซี่ยงก็เย็นเยือกลง คลื่นหลิงน่ากลัวระเบิดออกมาจากร่างก่อตัวขึ้นในบรรยากาศที่น่ากลัวกวาดออกไปในทิศทางของผู้อาวุโสกู้

โฮก!

เผชิญหน้ากับรัศมีที่น่าทึ่งของหลงเซี่ยง สายตาของผู้อาวุโสกู้ก็เฉียบคม แสงสีทองรวมตัวกันอยู่ข้างหลังก่อร่างเป็นสิงโตทองคำ สิงโตทองคำกู่คอคำราม สวรรค์และโลกก็สั่นสะเทือน ความกดดันอันน่าสะพรึงกลัวแตกสลาย

ทั้งสองปะทะกันกะทันหัน ร่างกายของหลงเซียงก็สั่นเทาถอยกลับไปครึ่งก้าว ส่วนร่างของผู้อาวุโสกู้ก็สั่นเทิ้มเล็กน้อย

การประจันหน้าดังกล่าวทำให้ผู้อาวุโสกู้ขมวดคิ้ว แม้ว่าหลงเซี่ยงจะเป็นจอมยุทธ์เกือบจะบรรลุระดับตี้จื้อจุนขั้นเต็มเท่านั้น แต่เขาเกิดมาพร้อมกับพลังที่ยิ่งใหญ่และได้รับการฝึกฝนทักษะเทพมังกรพลาย ดังนั้นพลังของเขาจึงน่ากลัวอย่างยิ่ง หากต้องต่อสู้กันแล้ว แม้แต่ตนก็ต้องจ่ายราคาแพงระยับเพื่อชนะ

“หลงเซี่ยงคิดจะไม่ฟังคำสั่งของเผ่าเรอะ?” ผู้อาวุโสกู้จ้องไปที่หลงเซี่ยง ขณะรวบรวมพลังบนร่างกาย ช่างดูคล้ายกับราชสีห์ร้ายนัก

สายตาของหลงเซี่ยงวูบไหวพร้อมกับแววเหี้ยมเกรียม แต่เขาก็ดึงรัศมีกลับเล็กน้อยพูดอย่างเย็นชาว่า “เขาเป็นลูกของนายหญิง เขาไม่ใช่กาลกิณี กู้ซือหวงคำนึงถึงคำพูดตัวเองด้วย!”

“หึ แม้ว่าชิงเหยี่ยนจิ้งจะเป็นเจ้านายเก่าของเจ้า แต่ตอนนี้นางเป็นคนบาปที่ไม่เชื่อฟังกฎของเผ่า ทำให้สายเลือดอันสูงส่งของเผ่าฝูถูด่างพร้อย นางมีโทษมหันต์สำหรับอาชญากรรมที่ยิ่งใหญ่นี้!” กู้ซือหวงเอ่ยต่อ

“ถ้าเจ้ามีข้อกังขากับเรื่องนี้รายงานขึ้นไปที่สภาสิ หากพวกเขาเปลี่ยนใจ ข้าก็ไม่มีอะไรจะพูดเกี่ยวกับเรื่องนี้”

หลงเซี่ยงยิ้มอย่างเย็นชา “ข้าไม่อยากคุยกับเจ้า ข้าไม่ไป!”

ดวงตาของกู้ซือหวงหลุบต่ำ “ไม้ไผ่หัวใจหยกที่นี่กำลังจะเติบโต ข้าต้องปกป้องสถานที่แห่งนี้ หากเจ้าไม่ไปข้าจะรายงานข่าวนี้กลับไปยังเผ่า ในเวลานั้นข้าก็ไม่รู้ว่าจะเป็นใครที่ถูกส่งออกไป…”

“หลงเซี่ยงเราเพียงแต่ต้องการจับไอ้…เด็กนั้นไว้แบบมีชีวิตอยู่ หากเจ้าออกหน้าเองก็ยังสามารถรักษาชีวิตเขาไว้ได้ แต่ถ้าผู้อาวุโสใหญ่โกรธขึ้นมาส่งคนอื่นไปละก็ ความเป็นตายของเด็กนั่นก็จะไม่อยู่ภายใต้การควบคุมของเจ้าอีกต่อไป”

มองไปที่กู้ซือหวงสายตาของหลงเซี่ยงก็กะพริบก่อนที่จะถอนหายใจเฮือกใหญ่ “ได้ ข้าไปก็ได้!”

ถ้าเขาไปอย่างน้อยก็ไม่ทำอะไรรุนแรงกับลูกนายหญิง แต่ถ้าส่งคนที่มีความสัมพันธ์ไม่ดีกับนางไปละก็ ผลลัพธ์ที่ออกมาก็คงจะไม่แน่นอน

เมื่อกู้ซือหวงได้ยินคำตอบก็ยิ้ม “เป็นเรื่องดีที่เจ้าเข้าใจ”

พูดถึงจุดนี้เขาก็หยุดชั่วครู่ก่อนที่จะยิ้มอีกครั้ง “แต่หลงเซี่ยง ข้าหวังว่าเจ้าจะไม่กลับมามือเปล่า หากเป็นเช่นนั้นข้าอาจจะมอบหญิงสาวที่ถูกขังอยู่ที่นี่กลับเผ่า ในเวลานั้นข้าเกรงว่านางจะไม่สามารถรับโทษได้”

ใบหน้าของหลงเซี่ยงเปลี่ยนไปในพลางจ้องมองกู้ซือหวงด้วยสายตามืดมน ก่อนที่จะพูดช้าๆ “กู้ซือหวง ข้าขอเตือนว่าอย่าทำอะไรเกินเลย แม้ว่าตอนนี้นายหญิงจะถูกจองจำ แต่เจ้าก็ทราบดีว่านางเป็นคนอย่างไร แม้แต่ผู้อาวุโสใหญ่ก็ไม่สามารถทำอะไรกับนางได้ ถ้าเจ้าทำให้นางโกรธจริงๆ ข้ากลัวว่าจะไม่มีใครในตระกูลปกป้องเจ้าได้”

“ในสายตานายหญิง เจ้าเป็นเพียงสุนัขแก่ที่สามารถฆ่าได้ด้วยการพลิกฝ่ามือ!”

เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านั้นใบหน้ากู้ซือหวงก็บิดเบ้อย่างไม่สามารถควบคุมได้ เขาจ้องอีกฝ่ายด้วยความเยาะเย้ย “หึ ข้าไม่เชื่อว่าเผ่าจะให้นางทำตามที่ต้องการ!”

แม้ปากจะพูดเช่นนี้แต่น้ำเสียงก็ไม่ได้เฉียบคมอย่างเดิม เพราะเขารู้ว่าถ้าจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนต้องการจัดการเขา ก็มีวิธีการมากมายที่จะทำเช่นนั้น

สายตาดูถูกเหยียดหยามของหลงเซี่ยงสาดออก เขาไม่พูดอะไรก่อนจะหันหลังออกไป

เมื่อเห็นหลงเซี่ยงไปแล้ว กู้ซือหวงก็กัดฟันกรอด “ปล่อยให้แกผยองไปก่อนเถอะ ตราบใดที่ประมุขน้อยขึ้นเป็นประมุข เผ่าฝูถูก็จะอยู่ภายใต้การควบคุมของเรา ในเวลานั้นเราจะไม่ลังเลเหมือนผู้อาวุโสใหญ่ นอกจากนี้เมื่อไรที่เราจับไอ้กาลกิณีนั่นได้ ข้าไม่เชื่อว่าชิงเหยี่ยนจิ้งจะไม่ฟังคำสั่งเรา!”

เมื่อหลงเซี่ยงออกจากเจดีย์ เขาไม่ได้รีบจากไป แต่เดินไปอีกทางหนึ่งที่มีเจดีย์สีดำ เขาเดินเข้าไป

ที่นี่มืดและวังเวงมีคุกสีดำอยู่ในส่วนลึกของเจดีย์ คุกนี้ถูกสร้างขึ้นด้วยหินสีดำและมีเกลียวแสงหลิงบางเบาวูบไหวออกมา ก่อร่างเป็นค่ายกลขนาดใหญ่

เมื่อมาถึงเบื้องหน้าคุกหลงเซี่ยงก็จ้องมองไปที่หญิงสาวในชุดขาว

ผมยาวของนางแผ่กระจายออกไปอย่างนุ่มนวลพร้อมกับคิ้วตวัดขึ้นบ่งบอกถึงกิริยาท่าทางงดงาม แต่ไม่มีความตื่นตระหนกในสายตาของนางเลย ตรงกันข้ามกลับมีเพียงความสงบ

ถ้ามู่เฉินอยู่ที่นี่เขาจะต้องตกใจอย่างแน่นอน เพราะนางก็คือหลิงซีที่ขาดการติดต่อหลังจากแยกกันที่สำนักศึกษาเป่ยชาง!

“หลิงซี”

จ้องมองหญิงสาวในคุกรอยยิ้มก็ปรากฎบนใบหน้าของหลงเซี่ยง เพราะเขารู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้นับวันยิ่งคล้ายกับนายหญิงของเขา

หลิงซีเงยหน้าขึ้นแล้วยิ้มเมื่อเห็นหลงเซี่ยง “พี่หลงเซี่ยง”

หลงเซี่ยงถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้พลางคลี่รอยยิ้มขมขื่น “ข้าไม่รู้จริงๆ ว่าทำไมเจ้าถึงมาที่นี่ เจ้ารู้อยู่แล้วที่นี่เป็นดินแดนของเผ่าฝูถู ซึ่งมีจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นเต็มเฝ้าดูอยู่”

ตอนนั้นจู่ๆ หลิงซีก็บุกเข้ามาที่เกาะหัวใจหยก ตามคาดนางถูกจับขังไว้ที่นี่โดยกู้ซือหวงมานานสามปีเต็มแล้ว

หลิงซีเม้มริมฝีปาก ม่านตาสีดำเปล่งประกายด้วยรอยยิ้มบนริมฝีปาก “เป็นเพราะท่านน้าจิ้งเคยอยู่ที่นี่”

เมื่อได้ยินคำตอบนี้ หลงเซี่ยงก็อดกลอกตาไม่ได้ เขาพูดไม่ออกจริงๆ

“พี่หลงเซี่ยงมีเรื่องอะไรเหรอเจ้าคะ?” หลิงซียิ้ม

หลงเซี่ยงลังเลสั้นๆ ก่อนจะพยักหน้า “ข้าได้รับข่าวเรื่องนายน้อย”

หลิงซีเงยหน้าขึ้นฉับพลัน จากนั้นหลงเซี่ยงก็เห็นความสุขที่ไม่อาจปกปิดบนดวงหน้าของนางที่ไม่เคยแสดงอารมณ์ใดๆ ในช่วงสามปีที่ผ่านมา

“มู่เฉิน…ในที่สุดก็มีข่าวจากเจ้า…”

นางก้มหน้าแย้มยิ้ม

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler ฟรี ได้ที่ novel-fast 


เรื่องย่อ

โดย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler บางส่วนของนิยาย

บทนำ

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป

‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้

แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์

แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว

ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ

เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง?

ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน…

เรื่องย่อ

เมื่อคำพูดของมู่เฉินกระจายออกไป ไม่เพียงแต่จะไม่มีการตอบสนอง แม้แต่ด้านนอกเจดีย์ก็ถูกห่อหุ้มด้วยบรรยากาศราวกับป่าช้า…

ทุกคนตกตะลึงไปกับฉากนี้ พวกเขาจ้องมองจุดที่ลู่สุยหายตัวไป ราวกับว่ายังไม่สามารถฟื้นจากอาการตะลึงงันที่เกิดขึ้นได้

ก่อนหน้าเมื่อลู่สุยออกกระบวนท่าที่น่าสะพรึง ผู้คนส่วนใหญ่ก็คิดว่าผลลัพธ์ของการต่อสู้ได้ถูกกำหนดแล้ว ทว่าพวกเขาไม่คิดเลยว่ามู่เฉินจะพลิกสถานการณ์ได้อีกครั้ง เตะลู่สุยที่เหมือนจะคว้าชัยชนะออกไป

ทุกคนตะลึงไปพักใหญ่ ก่อนที่พวกเขาจะหลุดออกจากอาการได้ สายตาเคร่งเครียดลง การประลองกันครั้งนี้มู่เฉินไม่ได้ใช้ค่ายกล แต่เขาก็สามารถเอาชนะจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดอย่างลู่สุยได้ด้วยความแข็งแกร่งที่อยู่ในขั้นหกเท่านั้น แม้ว่าจะมีผลจากลู่สุยประมาทเองในตอนแรก แต่นั่นก็แสดงให้เห็นว่ามู่เฉินน่ากลัวแค่ไหน

พลังเช่นนี้เขาสามารถเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์อันดับต้นๆ ในเจดีย์ฝึกพลังกายได้เลยทีเดียว

ทางฝั่งกลุ่มกระเรียนฟ้า ใบหน้าของหลิ่วชิงกลายเป็นเขียวสลับขาว นางมองไปที่ร่างสูงโปร่งบนหน้าจอ กลืนน้ำลายเหนียวหนืด ความกลัวปรากฏในดวงตาของนางเป็นครั้งแรก

มาถึงจุดนี้นางคงโง่แน่ถ้ายังคิดปฏิบัติต่อมู่เฉินเหมือนกับจอมยุทธ์ขั้นหกทั่วไป

ด้วยพลังในการต่อสู้ที่เขาแสดงออกมา บวกกับค่ายกลทรงพลัง แม้แต่จงเถิงก็ยากจะได้เปรียบหากพวกเขาต่อสู้กัน

ก่อนหน้านี้นางหัวเราะเยาะและมองจิ่วโยวด้วยความดูถูก แต่ตอนนี้นางอายแทบแทรกแผ่นดินหนี ซึ่งจุดนี้รู้ได้จากสายตาเยาะเย้ยเหล่านั้นที่ปรายมองเข้ามา

“ทำไมมู่เฉินถึงทรงพลังเช่นนี้?” จงฮั้วที่พ่ายแพ้ให้กับมู่เฉินก็มีสีหน้าเคร่งขรึมเช่นกัน ก่อนหน้านี้เขาเคยคิดเช่นกันว่ามู่เฉินพึ่งพาเพียงค่ายกลเพื่อจัดการกับศัตรู แต่ใครจะคิดว่าเมื่อไม่มีการใช้ค่ายกลมู่เฉินก็สามารถเอาชนะลู่สุยแบบดุร้ายยิ่งกว่าอะไร

“ดูเหมือนว่ามีเพียงพี่ใหญ่จงเถิงเท่านั้นที่สามารถจัดการกับเขาได้” จอมยุทธ์อีกคนของเผ่ากระเรียนฟ้าพยักหน้า

หลิ่วชิงพยักหน้าเบาๆ ไม่เพียงแต่พวกเขาจะพิจารณาพลังของมู่เฉินพลาดไปเท่านั้น แม้แต่จงเถิงก็ตัดสินอีกฝ่ายผิดไป ชายคนนั้นเป็นสัตว์ประหลาดอย่างแท้จริง

ฟิ้ว!

ขณะที่นอกเจดีย์ต่างตกตะลึงกับผลลัพธ์ที่มู่เฉินนำมา ทันใดนั้นแสงก็กะพริบบนแท่นนอกเจดีย์ ร่างน่าสังเวชปรากฏขึ้น

เมื่อร่างนั้นออกมาก็รีบถอยกลับไปปรากฏตัวขึ้นในกลุ่มอีกาสายฟ้าทันควัน นี่ก็คือลู่สุยที่มีสีหน้าซีดขาว คลื่นหลิงของเขาถดถอยลงอย่างมาก

สายตาโดยรอบยิงเข้าหาในเวลานี้ทันที

ใบหน้าของลู่สุยเขียวคล้ำ สายตาเกลียดชังมองไปที่มู่เฉินที่อยู่บนหน้าจอ ก่อนที่จะหันหัวสาดสายตาดุร้ายใส่จิ่วโยวและมั่วหลิง ที่ข้างๆ พรรคพวกของเขาก็มีท่าทางไม่ดีเช่นกัน

ทว่าจิ่วโยวไม่กลัวที่จะเผชิญหน้ากับสายตาเหล่านั้น นางเค้นเสียงอย่างเย็นชา “ลูกหมาที่ถูกฟาดยังกล้าที่จะออกมาแยกเขี้ยวอีกเหรอ?”

ตอนนี้ลู่สุยบาดเจ็บสาหัส สูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไปหมด ส่วนคนที่เหลือก็ไม่มีอะไรต้องกลัว หากพวกเขากล้าที่จะคิดบัญชีกับพวกนาง จิ่วโยวก็ไม่คิดปล่อยพวกเขาไว้เป็นภัยคุกคามในอนาคตหรอก

สายตาแสดงความเกลียดชังของลู่สุยจ้องเขม็งอยู่ที่จิ่วโยว แต่สุดท้ายเขาก็ต้องถอนสายตาออกไปอย่างไม่เต็มใจ ก่อนที่จะถอยกลับนั่งลงบนซากปรักหักพังเข้าสมาธิเพื่อฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ

จอมยุทธ์กลุ่มอีกาสายฟ้าก็ปรากฏรอบตัวเขาเพื่อปกป้อง

เมื่อจิ่วโยวเห็นการตอบสนองนั่น นางก็ไม่ได้ใส่ใจกับพวกเขาอีก นางมองไปที่หน้าจออีกครั้งโดยพุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่ร่างเงาอ่อนเยาว์ มือที่กำแน่นผ่อนคลายลง

เห็นได้ชัดว่านี่เป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงสำหรับนางที่มู่เฉินจะเอาชนะได้เด็ดขาดแบบนี้ นั่นเป็นเพราะตามการประเมินของนางแม้ว่ามู่เฉินจะยืนยงอยู่ได้ก็เป็นยากที่จะเอาชนะลู่สุยด้วยขุมพลังจื้อจุนขั้นหกและถ้าการต่อสู้ถูกลากไปจนสุดอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบคาดไม่ถึง

ทว่าผลลัพธ์สุดท้ายที่ได้ก็ทำให้นางทั้งประหลาดใจและดีใจ

เห็นได้ชัดว่ามู่เฉินได้รับประโยชน์มหาศาลจากสามชั้นแรกของเจดีย์ฝึกพลังกาย ไม่เช่นนั้นเขาไม่สามารถแสดงพลังเป็นที่ประจักษ์เช่นนี้ได้

“ว่ากันว่าในชั้นสี่มหัศจรรย์กว่านี้มาก หากใครสามารถเข้าไปได้ พวกเขาจะสามารถได้รับผลประโยชน์เกินกว่าสามชั้นแรกมาก…”

จิ่วโยวยิ้มบาง ดูจากสถานการณ์ปัจจุบันไม่น่ามีปัญหาใดๆ ที่มู่เฉินจะเข้าสู่ชั้นสี่ สำหรับมั่วเฟิงความแข็งแกร่งของเขาเป็นหนึ่งในอันดับต้นของกลุ่มที่เข้าไป ดังนั้นจึงไม่ยากสำหรับเขาที่จะได้หนึ่งในห้าที่นั่งนี้ไปเช่นกัน

ดูเหมือนว่าการเดินทางมาที่เจดีย์ฝึกพลังกายโบราณครั้งนี้เผ่าวิหคโลกันตร์อาจเป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

บนลานเมฆสายฟ้า

ไม่มีใครตอบคำถามของมู่เฉิน ขณะนี้แม้แต่จอมยุทธ์ทรงอำนาจอย่างหานซันและสีคุนก็ยังรู้สึกหวาดระแวงมู่เฉินอยู่บ้าง ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกที่จะไม่ไปปะทะกับมนุษย์ผู้นี้

ดังนั้นคนทั้งหมดที่อยู่ที่นี่จึงเงียบลง ก่อนที่จะถอยออกจากรัศมีโดยรอบมู่เฉินอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณบอกว่าพวกเขาไม่ต้องการต่อสู้กับเขา

เมื่อมู่เฉินเห็นภาพนี้ก็ไม่มีอารมณ์ใดบนใบหน้า แต่ในใจกลับรู้สึกโล่งอก คนอื่นๆ เห็นเพียงฉากการต่อสู้ตระการที่เขาเอาชนะลู่สุยได้ แต่พวกเขาไม่รู้หรอกว่าหมัดที่เขาชกออกไปก่อนหน้านี้คือพลังงานส่วนเกินจากสามชั้นแรก

ร่างกายของมู่เฉินก่อนหน้าเปรียบเสมือนฟองน้ำที่ดูดซับน้ำจนถึงขีดจำกัด หมัดของเขาจึงเท่ากับบีบน้ำออกจนหมด ทำให้ร่างกายที่อัดแน่นกลับสู่สภาพเดิม

ดังนั้นถ้าให้เขาโจมตีแบบนั้นอีกครั้ง พลังก็จะไม่ทรงประสิทธิภาพเหมือนเมื่อครู่แน่นอน

ประสิทธิผลพิเศษชนิดนี้ของการสะสมพลังงานในร่างกายเป็นทักษะที่ได้มาจากกายามังกรหงส์ ด้วยวิธีนี้เขาจะได้รับผลลัพธ์ที่ไม่มีใครคาดคิดไว้ กลายเป็นไพ่ลับอีกใบหนึ่ง

“คัมภีร์หลงเฟิ่งทรงพลังจริงๆ”

แม้แต่มู่เฉินก็ยังชื่นชมในสิ่งนี้ คัมภีร์หลงเฟิ่งสมแล้วที่เป็นทักษะยอดเยี่ยมแท้จริง จากการประเมินของเขาคัมภีร์นี้ต้องอยู่ในระดับเสินทงแน่นอน ซึ่งไม่ธรรมดาแม้จะอยู่ในกลุ่มวิทยายุทธระดับเสินทงด้วย

มู่เฉินชื่นชมก่อนที่จะใจเย็นลง แม้ว่าตอนนี้จะไม่มีใครท้าทายเขา แต่เขาก็ไม่ตั้งใจที่จะท้าทายคนอื่นด้วยเช่นกัน เขายืนนิ่งบนตำแหน่งตนเองรอผลการคัดออก

สำหรับจงเถิง มู่เฉินรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นพวกยุแยงให้ลู่สุยมาปะทะกับเขา แต่เนื่องจากตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ดีในการจัดการ เขาจึงได้แต่ผลักแผนไปก่อน

แต่ถึงกระนั้นสายตาคมกล้าของมู่เฉินก็ยังจ้องเขม็งไปที่จงเถิง รอบตัวเต็มไปด้วยคลื่นหลิงราวกับเสือดาวที่กำลังจะจ้องตะครุบเหยื่ออัดแน่นด้วยภัยคุกคาม

เมื่อเห็นท่าทางของมู่เฉิน จงเถิงที่ประจันหน้ากับมั่วเฟิงก็รู้สึกอึดอัดใจ เขาต้องแยกสมาธิอยู่ตลอดเพื่อจับตามองมู่เฉิน ป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายเคลื่อนไหวมาประสานพลังกับมั่วเฟิง

ด้วยวิธีนี้สมาธิของจงเถิงจึงค่อนข้างฟุ้งซ่าน สุดท้ายเขาได้แต่กัดฟัน ถอนคลื่นหลิงและถอยออกจากบริเวณของมั่วเฟิง

“พี่มั่วยากสำหรับการต่อสู้ของเราที่จะได้ข้อสรุป ทำไมเราไม่ไปจัดการคนอื่นและรับที่นั่งมาล่ะ?” ขณะที่จงเถิงถอยกลับเสียงก็สะท้อนก้องไปด้วย

มั่วเฟิงจ้องมองจงเถิงอย่างไม่แยแสก่อนที่จะพยักหน้า นั่นเป็นเพราะเขารู้ว่าหากพวกเขายังอยู่ในสถานการณ์ยืนจ้องหน้ากันก็จะไม่เกิดผลลัพธ์ใด หากเขาร่วมมือกับมู่เฉิน พวกเขาอาจทำให้จงเถิงบ้าดีเดือดขึ้นมา แม้แต่พวกเขาก็ต้องจ่ายราคามหาศาลจากการตีโต้

ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับพวกเขาคือการได้ที่นั่งเพื่อเข้าสู่ชั้นสี่

เมื่อจงเถิงเห็นคำตอบของมั่วเฟิงก็รู้สึกโล่งใจในใจ เขาถอยกลับอย่างรวดเร็วออกจากจุดที่มู่เฉินและมั่วเฟิงอยู่ เขาครุ่นคิดสั้นๆ ก่อนจะเลือกปะทะกับคนที่อ่อนแอกว่า

พอมู่เฉินเห็นจงเถิงไปแล้วก็ไม่ได้ใส่ใจอีกต่อไป สายตาหันมามองมั่วเฟิงแล้วก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้มแสดงความขอบคุณในการช่วยเหลือครั้งนี้

สายตาของมั่วเฟิงเป็นมิตรมากขึ้น คิดว่าการที่มู่เฉินเอาชนะลู่สุย ทำให้มั่วเฟิงมองมู่เฉินในฐานะจอมยุทธ์ที่อยู่ในระดับเดียวกันกับเขา ดังนั้นจึงไม่ได้มีท่าทางเฉยเมยเหมือนเมื่อก่อน

มั่วเฟิงพยักหน้าให้มู่เฉิน ก่อนที่จะหันหลังกลับและเริ่มเลือกคู่ต่อสู้ของตนเอง

ครืน!

เมื่อทุกคนเลือกคู่ต่อสู้แล้ว ทันใดนั้นคลื่นหลิงก็ระเบิดรุนแรงบนลานเมฆสายฟ้า คลื่นกระแทกกวาดออก ทำให้มิติเกิดการสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นไม่หยุด

บนลานเมฆสายฟ้าพลังงานหลิงกวาดหายนะ มีเพียงตรงมู่เฉินเท่านั้นที่ไม่ถูกรบกวน เนื่องจากไม่มีใครกล้าเหยียบเข้ามาในรัศมีพันจั้ง ยามนี้เขาเหมือนผู้ชมที่ดูการต่อสู้ติดขอบ ในเวลาเดียวกันก็บันทึกกระบวนท่าที่ทรงพลังของบางคนไว้ในสมอง

แม้ว่าในชั้นนี้พวกเขาอาจไม่ได้ประลองกัน แต่ก็ยังมีอีกสองชั้นรอพวกเขาอยู่ ใครจะสามารถรับประกันได้ว่าจะไม่มีการลดจำนวนลงในชั้นต่อไป?

ดังนั้นถ้ามีโอกาสเขาต้องพยายามจดจำข้อมูลผู้อื่นเก็บไว้

ภายใต้การสังเกตของมู่เฉิน การประลองบนลานเมฆสายฟ้าก็คงอยู่ชั่วระยะหนึ่ง ก่อนที่แต่ละคู่จะมาถึงจุดสิ้นสุด ผลลัพธ์ก็เป็นไปตามที่คาดไว้

หลังจากมู่เฉินก็เป็นหานซันที่เอาชนะคู่ต่อสู้ได้ที่นั่งที่สองไป

จากนั้นมั่วเฟิงและจงเถิงก็คว้าชัยชนะตามมา

ที่นั่งสุดท้ายตกเป็นของสีคุนที่ก่อนหน้านี้เคยแพ้หานซันที่ด้านนอกเจดีย์ ชายนี้มีความแข็งแกร่งที่น่าตกใจ แม้แต่หานซันยังต้องใช้ทักษะเต็มที่ถึงจะได้รับชัยชนะมา

เมื่อสีคุนได้รับที่นั่งสุดท้ายลานเมฆสายฟ้าขนาดใหญ่ก็เงียบลงอีกครั้ง ร่างทั้งห้ายืนอยู่ ขณะรัศมีไร้ขอบเขตทั้งห้าสายพุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าชนกันเปรี้ยงปร้าง

ทว่าการชนกันก็ดำเนินไปเพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ ก่อนที่ทั้งห้าจะถอนคลื่นพลังพร้อมกัน พวกเขาเหลือบมองกันและกัน จากนั้นก็ไม่ลังเลทะยานออกไปปรากฏตัวบนเบาะทั้งห้า

สายตาพวกเขาพุ่งตรงไปยังมิติด้านหลังลานเมฆสายฟ้าด้วยความโลภ ตรงนั้นเส้นดาวหางจำนวนมากกวาดผ่านราวกับฝนดาวตก

ในแสงเหล่านั้นแก่นหยดสายฟ้ากำลังกะพริบด้วยความแวววาว


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท