หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – ตอนที่ 1274

ตอนที่ 1274

หนึ่งในใต้หล้า 大主宰
บทที่ 1274 บรรลุระดับตี้จื้อจุนขั้นปลาย!
แนวคิดเกี่ยวกับเวลาหายไปในมิติเย็นเยือกนี้

เวลาช้ามากจนรู้สึกเหมือนเป็นนิจนิรันดร์ ราวกับว่าสติสัมปชัญญะแช่อยู่ในความมืด ขณะที่รอบตัวให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ในครรภ์มารดา

ภายใต้ความเงียบนี้การเปลี่ยนแปลงทั้งหมดก็เกิดขึ้นอย่างช้าๆ

ท่ามกลางหมู่ดาวโบราณ ร่างเงาหนึ่งนั่งอยู่ราวกับก้อนหินพร้อมกับมีคลื่นหลิงโบราณก่อตัวขึ้นเป็นวงรัศมีอยู่รอบตัวเขา แสงสาดส่องลงมาบนร่าง ภายใต้ความมันวาวนั้นกระทั่งร่างกายของเขาก็เปล่งแสงลึกล้ำขณะที่เคลื่อนเข้าไปในเนื้อ กระดูกและเลือด ชำระร่างกายให้สมบูรณ์แบบ

เมื่อเวลาผ่านไปคลื่นหลิงโบราณและคลื่นหลิงของมู่เฉินก็ค่อยๆ เชื่อมโยงกัน เมื่อรวมเข้าด้วยกันได้คลื่นหลิงในร่างกายของเขาก็หนาแน่นมากขึ้นเรื่อยๆ

นี่เป็นพัฒนาการลึกซึ้งยิ่งขึ้นของคลื่นหลิง ในแง่ของคุณภาพพลังงานนี้น่าจะสูงกว่าเมื่อก่อนอย่างน้อยก็หนึ่งระดับ

คลื่นหลิงที่แข็งแกร่งไหลเวียนอยู่ในร่างกายเขา ทำให้เกิดการสั่นสะเทือนภายในอย่างผันผวนไม่มีที่สิ้นสุด ราวกับว่าทุกริ้วความผันผวนจะทำให้มันเติบโตอย่างแข็งแกร่งขึ้น

การเสริมพลังนี้แรงกล้าขึ้นเรื่อยๆ ราวกับกำลังสะสมรอจังหวะปะทุขึ้นเพื่อทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง

ทวีปซีเทียน เมืองลั่วเสิน โถงวังลั่วเสิน

ลั่วหลีนั่งอยู่พร้อมกับเพ่งมองไปที่ชายวัยกลางคนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ ชายคนนั้นดูผอมบางแต่ความผันผวนของคลื่นหลิงรอบตัวเขาราวกับว่ากำลังแบกภูเขาไว้บนหลัง

นี่เป็นบุคคลอันตรายอย่างยิ่ง!

นี่คือการประเมินจากลั่วหลี แม้ว่านางจะเสร็จสิ้นการชำระล้างและพลังก็เพิ่มขึ้นอย่างมีนัย แต่นางก็ไม่ได้ก้าวเข้าสู่ระดับตี้จื้อจุนขั้นปลาย ตอนนี้นางอยู่ในระดับตี้จื้อจุนขั้นต้นระยะปลายสุด

เวลานี้นางอาจจะต่อสู้กับหลิงจั้นจื่อได้เลยทีเดียว

ทว่าชายวัยกลางคนผู้นี้มีพลังมากกว่าหลิงจั้นจื่อ จากการคาดเดาเขาอาจจะแตะระดับตี้จื้อจุนขั้นเต็มแล้ว แม้ว่ายังไม่ได้เข้าไปอย่างเต็มตัว แต่อย่างน้อยก็อยู่ในขุมพลังเสมือนระดับตี้จื้อจุนขั้นเต็มแล้ว

แม้ว่าจะเป็นเพียงเกือบบรรลุ แต่ก็ยังอยู่ในอีกระดับหนึ่งเมื่อเทียบกับระดับตี้จื้อจุนขั้นปลาย

ลั่วเทียนเสิน ลั่วเทียนหลงและผู้อาวุโสอื่นๆ ของตระกูลลั่วเสินก็ปรากฏตัว สายตามองไปที่ชายวัยกลางคนด้วยความหวั่นเกรงและตื่นตัว

“ท่านผู้อาวุโส มู่เฉินไม่อยู่ที่นี่ ถ้าท่านต้องการเจอเขาโปรดไปที่อื่นเถิด” ลั่วหลีพูดด้วยสีหน้าสงบนิ่ง

ไม่กี่วันที่ผ่านมาชายวัยกลางคนคนนี้มาที่ตระกูลลั่วเสินเพื่อตามหามู่เฉิน ทว่าตอนนี้มู่เฉินยังคงอยู่ในกระบวนการชำระล้าง นอกจากนี้ต่อให้เขาอยู่ ลั่วหลีก็ไม่ต้องการให้คนคนนี้พบกับมู่เฉิน ก่อนที่นางจะยืนยันเป้าหมายของเขาได้

เผชิญหน้ากับคำพูดของลั่วหลี ชายวัยกลางคนก็ส่ายหัว “เขาจะต้องมาแน่นอนในเมื่อข้ามาที่นี่”

ลั่วหลีมุ่นคิ้ว “เจ้าตามหามู่เฉินเพื่ออะไร?”

“จะเชิญเขาไปที่แห่งหนึ่ง” ชายวัยกลางคนพูดอย่างไม่มีริ้วกระเพื่อมในน้ำเสียง

คิ้วของลั่วหลีขมวดกันมากยิ่งขึ้นขณะมองไปที่ชายวัยกลางคนอย่างลึกซึ้ง “ข้ากลัวว่าท่านจะไม่สามารถเชิญเขาไปได้”

ด้วยความเข้าใจของนางเกี่ยวกับมู่เฉิน หลังจากการชำระล้างพลังของมู่เฉินจะเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน ในอดีตเขาสามารถต่อกรกับหลิงจั้นจื่อซึ่งเป็นจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลายระยะปลายสุดด้วยขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นต้น

หลังจากการชำระล้างแม้ชายวัยกลางผู้นี้จะมีขุมพลังเกือบจะบรรลุระดับตี้จื้อจุนขั้นเต็มก็คงไม่สามารถทำอะไรกับมู่เฉินได้

เมื่อชายวัยกลางคนได้ยินคำพูดของลั่วหลี เขาก็ยิ้มตาหยีพลางหลุบตาลง “หากเป็นเช่นนั้นข้าก็อยากลองดู ข้าหวังว่าเขาจะไม่ทำให้ผิดหวัง”

‘ไม่เช่นนั้นก็เป็นการสิ้นเปลืองความพยายามของนายหญิงที่ปกป้องเขา’

ประโยคสุดท้ายเสียงต่ำลงจนไม่สามารถได้ยิน

เวลาไหลผ่านไปในความมืด

ไม่มีใครรู้ว่าความเงียบงันกินเวลานานแค่ไหน ทันใดนั้นริ้วสติก็กระเพื่อมไหวก่อนที่จะค่อยๆ ตื่นขึ้นจากสมาธิระดับลึก

ขณะเดียวกันแสงริ้วสุดท้ายก็เข้าสู่ร่างกายของมู่เฉินเรียบร้อย

ร่างกายที่ถูกแช่แข็งของเขาฟื้นคืนขึ้นอย่างช้าๆ เมื่อเขาลืมตาแสงลึกล้ำก็กะพริบวาบในม่านตาสีดำของเขา

แม้ว่าจะไม่ได้มีรัศมีอลังการอะไร แต่ก็หมายความว่ามู่เฉินได้มาถึงระดับใหม่ของการควบคุมคลื่นหลิง

มู่เฉินเหยียดแขนออกเงียบๆ

ครืน!

ทันใดนั้นกระดูกก็ส่งเสียงลั่นเปรียะ เสียงดังกึกก้องราวกับเสียงฟ้าคำรามในร่างกายของเขา

นอกจากนี้ทุกเสียงคำรามก็ทำให้มิติรอบตัวผันผวนไปหมด

มู่เฉินลุกขึ้นยืนเส้นผมกระจัดกระจายไปทั่ว อึดใจคลื่นหลิงไร้ขอบเขตก็ไม่ถูกยับยั้งอีกต่อไป มันปลดปล่อยตัวเองออกมาราวกับคลื่นยักษ์

ตู้ม!

คลื่นหลิงเชี่ยวกรากกวาดออกไปพร้อมกับแรงกดดันไม่รู้จบล้อมรอบมิติทั้งหมดนี้

นอกจากนี้ความแข็งแกร่งของคลื่นหลิงยังเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ในเวลาไม่กี่อึดใจก็มาถึงระดับตี้จื้อจุนขั้นต้นระยะปลายสุด

ทว่าก็ไม่มีสัญญาณว่าจะหยุดลง!

เสื้อผ้าของมู่เฉินเผยิบผยาบ กระทั่งผิวหนังของเขาก็ยังสั่นระริก ขณะที่คลื่นหลิงแล่นพล่านราวกับงูใต้ผิวหนัง

เพียงสิบกว่าลมหายใจ ลำแสงหลิงขนาดแสนกว่าจั้งก็ยิงขึ้นสู่ท้องฟ้า

ปัง!

เสียงฟ้าลั่นคำราม ความผันผวนของคลื่นหลิงขยายตัว หลังจากนั้นไม่กี่ลมหายใจก็ทะลุผ่านขอบเขตก้าวเข้าระดับตี้จื้อจุนขั้นปลาย!

คลื่นหลิงไร้ขอบเขตหวีดหวิวรอบร่างตัวมู่เฉิน ความหนาแน่นนั้นแข็งแกร่งกว่าตอนที่เขาอยู่ในสนามรบระดับตี้จื้อจุนขั้นปลายหลายเท่า!

ประกายคลื่นหลิงรอบร่างมู่เฉินเริ่มหดลง ก่อนที่เขาจะก้มศีรษะลงอย่างช้าๆ มองไปที่ฝ่ามือตนเองซึ่งถูกปกคลุมด้วยพลังงานไร้ขอบเขต ในช่วงเวลานี้กระทั่งหัวใจของเขาก็ยังอดไม่ได้ที่จะรู้สึกตื่นเต้น

“ระดับตี้จื้อจุนขั้นปลาย”

ด้วยการชำระล้างนี้ เขาก้าวกระโดดครั้งสำคัญจากระดับตี้จื้อจุนขั้นต้นเข้าสู่ขั้นปลายเป็นที่เรียบร้อย!

“กระบวนการครั้งนี้กินเวลาถึงสามปี”

ทว่าการเพิ่มขึ้นนี้ไม่ได้เกิดขึ้นรวดเร็ว ใช้เวลาสามปีเต็มในการทำให้สำเร็จ!

ที่จริงนี่ไม่ได้เป็นเวลาสามปีในมหาพันภพแต่เป็นในมิตินี้ พลังงานชำระล้างที่ลึกซึ้งทำลายเวลาทำให้ไหลช้าลง ดังนั้นในมหาพันภพเวลาน่าจะผ่านไปเพียงไม่ถึงครึ่งปี

มู่เฉินรู้สึกโล่งใจ ในช่วงเวลาสามปีที่ผ่านมาความเร็วในการฝึกฝนของเขาไม่ช้า ดังนั้นเขาจึงไม่จำเป็นต้องเพิ่มการเพาะบ่มมากเกินไปและสร้างความเสียหายต่อรากฐาน ในทางตรงกันข้ามกลับทำให้มู่เฉินสามารถวางรากฐานได้ดียิ่งขึ้น

เห็นได้ชัดว่าการชำระล้างนี้สมกับความคาดหวังของมู่เฉิน ไม่เพียงแต่สามปีที่ช่วยให้เขาไปถึงระดับตี้จื้อจุนขั้นปลาย แต่ยังทำให้เขาวางรากฐานแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิม

ด้วยสิ่งนี้จะไม่มีผลกระทบใดๆ ที่อาจส่งผลต่อพัฒนาการของเขาในการบรรลุระดับตี้จื้อจุนขั้นเต็มหรือกระทั่งระดับเทียนจื้อจุน

มู่เฉินยิ้มพอใจก่อนที่คลื่นหลิงไร้ขอบเขตรวมตัวกันในฝ่ามือ เขารู้สึกได้ว่าคลื่นหลิงในตอนนี้แตกต่างจากในอดีต

คลื่นหลิงในปัจจุบันของเขาทั้งมีชีวิตชีวาและหนาแน่นยิ่งขึ้น

“เล่าลือว่าคลื่นหลิงในร่างของจอมยุทธ์เทียนจื้อจุน ทุกหยดสามารถเปลี่ยนเป็นแม่น้ำ มีความหนาแน่นเท่ากับภูเขา”

มู่เฉินครุ่นคิด ดูเหมือนว่าคลื่นหลิงโบราณจะมีการเชื่อมโยงกับการพัฒนาในอนาคตสู่ระดับเทียนจื้อจุน

แม้ว่าเขายังมีระยะทางค่อนข้างไกลจากระดับเทียนจื้อจุน แต่เขาก็มีความเข้าใจบางอย่างเกี่ยวกับเส้นทางนี้แล้ว

“การชำระล้างพลังงานทวีปวิเศษจริงๆ”

มู่เฉินยิ้มบาง เขายินดีกับการเก็บเกี่ยวของตนเอง ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมเทพจักรพรรดิอัคคีพยายามอย่างยิ่งยวดเพื่อคว้าโอกาสนี้สำหรับเขา

มู่เฉินเลื่อนสายตาไปยังทิศทางของลั่วหลี แต่เขาหานางไม่พบ ดูเหมือนว่านางจะเสร็จสิ้นกระบวนการก่อนแล้วออกจากที่นี่ไปแล้ว

“หืม?”

ทันใดนั้นมู่เฉินก็สัมผัสได้ถึงแสงหลิงในทิศทางของลั่วหลี เขาโบกมือดึงมันเข้ามาก่อนที่เสียงลั่วหลีจะก้องดังในโสตประสาท

“มู่เฉินมีคนกำลังรอเจ้าอยู่ที่ตระกูลลั่วเสิน ข้าไม่รู้จุดประสงค์ของเขา แต่เจ้าต้องระวังตัวเมื่อออกจากการชำระล้างแล้ว”

“นอกจากนี้…ถึงแม้ว่าข้าจะไม่มั่นใจที่มาของเขา แต่ข้าเดาว่าเขาน่าจะมาจากเผ่าฝูถู”

เมื่อมู่เฉินได้ยินชื่อนี้ม่านตาก็หดแคบลงพร้อมกับรังสีสังหารกระจายอย่างช้าๆ บนใบหน้า

“เผ่าฝูถู”

เขาพึมพำกับแสงเย็นกะพริบในม่านตาสีดำ

“ในที่สุดก็มาหาแล้วหรือ?”

ภาพเงามู่เฉินเคลื่อนไหวหายวับไปจากมิติโบราณ เหลือเพียงเสียงเย็นของเขาสะท้อนไปทั่วบริเวณ

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler ฟรี ได้ที่ novel-fast 


เรื่องย่อ

โดย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler บางส่วนของนิยาย

บทนำ

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป

‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้

แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์

แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว

ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ

เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง?

ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน…

เรื่องย่อ

เมื่อคำพูดของมู่เฉินกระจายออกไป ไม่เพียงแต่จะไม่มีการตอบสนอง แม้แต่ด้านนอกเจดีย์ก็ถูกห่อหุ้มด้วยบรรยากาศราวกับป่าช้า…

ทุกคนตกตะลึงไปกับฉากนี้ พวกเขาจ้องมองจุดที่ลู่สุยหายตัวไป ราวกับว่ายังไม่สามารถฟื้นจากอาการตะลึงงันที่เกิดขึ้นได้

ก่อนหน้าเมื่อลู่สุยออกกระบวนท่าที่น่าสะพรึง ผู้คนส่วนใหญ่ก็คิดว่าผลลัพธ์ของการต่อสู้ได้ถูกกำหนดแล้ว ทว่าพวกเขาไม่คิดเลยว่ามู่เฉินจะพลิกสถานการณ์ได้อีกครั้ง เตะลู่สุยที่เหมือนจะคว้าชัยชนะออกไป

ทุกคนตะลึงไปพักใหญ่ ก่อนที่พวกเขาจะหลุดออกจากอาการได้ สายตาเคร่งเครียดลง การประลองกันครั้งนี้มู่เฉินไม่ได้ใช้ค่ายกล แต่เขาก็สามารถเอาชนะจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดอย่างลู่สุยได้ด้วยความแข็งแกร่งที่อยู่ในขั้นหกเท่านั้น แม้ว่าจะมีผลจากลู่สุยประมาทเองในตอนแรก แต่นั่นก็แสดงให้เห็นว่ามู่เฉินน่ากลัวแค่ไหน

พลังเช่นนี้เขาสามารถเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์อันดับต้นๆ ในเจดีย์ฝึกพลังกายได้เลยทีเดียว

ทางฝั่งกลุ่มกระเรียนฟ้า ใบหน้าของหลิ่วชิงกลายเป็นเขียวสลับขาว นางมองไปที่ร่างสูงโปร่งบนหน้าจอ กลืนน้ำลายเหนียวหนืด ความกลัวปรากฏในดวงตาของนางเป็นครั้งแรก

มาถึงจุดนี้นางคงโง่แน่ถ้ายังคิดปฏิบัติต่อมู่เฉินเหมือนกับจอมยุทธ์ขั้นหกทั่วไป

ด้วยพลังในการต่อสู้ที่เขาแสดงออกมา บวกกับค่ายกลทรงพลัง แม้แต่จงเถิงก็ยากจะได้เปรียบหากพวกเขาต่อสู้กัน

ก่อนหน้านี้นางหัวเราะเยาะและมองจิ่วโยวด้วยความดูถูก แต่ตอนนี้นางอายแทบแทรกแผ่นดินหนี ซึ่งจุดนี้รู้ได้จากสายตาเยาะเย้ยเหล่านั้นที่ปรายมองเข้ามา

“ทำไมมู่เฉินถึงทรงพลังเช่นนี้?” จงฮั้วที่พ่ายแพ้ให้กับมู่เฉินก็มีสีหน้าเคร่งขรึมเช่นกัน ก่อนหน้านี้เขาเคยคิดเช่นกันว่ามู่เฉินพึ่งพาเพียงค่ายกลเพื่อจัดการกับศัตรู แต่ใครจะคิดว่าเมื่อไม่มีการใช้ค่ายกลมู่เฉินก็สามารถเอาชนะลู่สุยแบบดุร้ายยิ่งกว่าอะไร

“ดูเหมือนว่ามีเพียงพี่ใหญ่จงเถิงเท่านั้นที่สามารถจัดการกับเขาได้” จอมยุทธ์อีกคนของเผ่ากระเรียนฟ้าพยักหน้า

หลิ่วชิงพยักหน้าเบาๆ ไม่เพียงแต่พวกเขาจะพิจารณาพลังของมู่เฉินพลาดไปเท่านั้น แม้แต่จงเถิงก็ตัดสินอีกฝ่ายผิดไป ชายคนนั้นเป็นสัตว์ประหลาดอย่างแท้จริง

ฟิ้ว!

ขณะที่นอกเจดีย์ต่างตกตะลึงกับผลลัพธ์ที่มู่เฉินนำมา ทันใดนั้นแสงก็กะพริบบนแท่นนอกเจดีย์ ร่างน่าสังเวชปรากฏขึ้น

เมื่อร่างนั้นออกมาก็รีบถอยกลับไปปรากฏตัวขึ้นในกลุ่มอีกาสายฟ้าทันควัน นี่ก็คือลู่สุยที่มีสีหน้าซีดขาว คลื่นหลิงของเขาถดถอยลงอย่างมาก

สายตาโดยรอบยิงเข้าหาในเวลานี้ทันที

ใบหน้าของลู่สุยเขียวคล้ำ สายตาเกลียดชังมองไปที่มู่เฉินที่อยู่บนหน้าจอ ก่อนที่จะหันหัวสาดสายตาดุร้ายใส่จิ่วโยวและมั่วหลิง ที่ข้างๆ พรรคพวกของเขาก็มีท่าทางไม่ดีเช่นกัน

ทว่าจิ่วโยวไม่กลัวที่จะเผชิญหน้ากับสายตาเหล่านั้น นางเค้นเสียงอย่างเย็นชา “ลูกหมาที่ถูกฟาดยังกล้าที่จะออกมาแยกเขี้ยวอีกเหรอ?”

ตอนนี้ลู่สุยบาดเจ็บสาหัส สูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไปหมด ส่วนคนที่เหลือก็ไม่มีอะไรต้องกลัว หากพวกเขากล้าที่จะคิดบัญชีกับพวกนาง จิ่วโยวก็ไม่คิดปล่อยพวกเขาไว้เป็นภัยคุกคามในอนาคตหรอก

สายตาแสดงความเกลียดชังของลู่สุยจ้องเขม็งอยู่ที่จิ่วโยว แต่สุดท้ายเขาก็ต้องถอนสายตาออกไปอย่างไม่เต็มใจ ก่อนที่จะถอยกลับนั่งลงบนซากปรักหักพังเข้าสมาธิเพื่อฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ

จอมยุทธ์กลุ่มอีกาสายฟ้าก็ปรากฏรอบตัวเขาเพื่อปกป้อง

เมื่อจิ่วโยวเห็นการตอบสนองนั่น นางก็ไม่ได้ใส่ใจกับพวกเขาอีก นางมองไปที่หน้าจออีกครั้งโดยพุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่ร่างเงาอ่อนเยาว์ มือที่กำแน่นผ่อนคลายลง

เห็นได้ชัดว่านี่เป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงสำหรับนางที่มู่เฉินจะเอาชนะได้เด็ดขาดแบบนี้ นั่นเป็นเพราะตามการประเมินของนางแม้ว่ามู่เฉินจะยืนยงอยู่ได้ก็เป็นยากที่จะเอาชนะลู่สุยด้วยขุมพลังจื้อจุนขั้นหกและถ้าการต่อสู้ถูกลากไปจนสุดอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบคาดไม่ถึง

ทว่าผลลัพธ์สุดท้ายที่ได้ก็ทำให้นางทั้งประหลาดใจและดีใจ

เห็นได้ชัดว่ามู่เฉินได้รับประโยชน์มหาศาลจากสามชั้นแรกของเจดีย์ฝึกพลังกาย ไม่เช่นนั้นเขาไม่สามารถแสดงพลังเป็นที่ประจักษ์เช่นนี้ได้

“ว่ากันว่าในชั้นสี่มหัศจรรย์กว่านี้มาก หากใครสามารถเข้าไปได้ พวกเขาจะสามารถได้รับผลประโยชน์เกินกว่าสามชั้นแรกมาก…”

จิ่วโยวยิ้มบาง ดูจากสถานการณ์ปัจจุบันไม่น่ามีปัญหาใดๆ ที่มู่เฉินจะเข้าสู่ชั้นสี่ สำหรับมั่วเฟิงความแข็งแกร่งของเขาเป็นหนึ่งในอันดับต้นของกลุ่มที่เข้าไป ดังนั้นจึงไม่ยากสำหรับเขาที่จะได้หนึ่งในห้าที่นั่งนี้ไปเช่นกัน

ดูเหมือนว่าการเดินทางมาที่เจดีย์ฝึกพลังกายโบราณครั้งนี้เผ่าวิหคโลกันตร์อาจเป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

บนลานเมฆสายฟ้า

ไม่มีใครตอบคำถามของมู่เฉิน ขณะนี้แม้แต่จอมยุทธ์ทรงอำนาจอย่างหานซันและสีคุนก็ยังรู้สึกหวาดระแวงมู่เฉินอยู่บ้าง ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกที่จะไม่ไปปะทะกับมนุษย์ผู้นี้

ดังนั้นคนทั้งหมดที่อยู่ที่นี่จึงเงียบลง ก่อนที่จะถอยออกจากรัศมีโดยรอบมู่เฉินอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณบอกว่าพวกเขาไม่ต้องการต่อสู้กับเขา

เมื่อมู่เฉินเห็นภาพนี้ก็ไม่มีอารมณ์ใดบนใบหน้า แต่ในใจกลับรู้สึกโล่งอก คนอื่นๆ เห็นเพียงฉากการต่อสู้ตระการที่เขาเอาชนะลู่สุยได้ แต่พวกเขาไม่รู้หรอกว่าหมัดที่เขาชกออกไปก่อนหน้านี้คือพลังงานส่วนเกินจากสามชั้นแรก

ร่างกายของมู่เฉินก่อนหน้าเปรียบเสมือนฟองน้ำที่ดูดซับน้ำจนถึงขีดจำกัด หมัดของเขาจึงเท่ากับบีบน้ำออกจนหมด ทำให้ร่างกายที่อัดแน่นกลับสู่สภาพเดิม

ดังนั้นถ้าให้เขาโจมตีแบบนั้นอีกครั้ง พลังก็จะไม่ทรงประสิทธิภาพเหมือนเมื่อครู่แน่นอน

ประสิทธิผลพิเศษชนิดนี้ของการสะสมพลังงานในร่างกายเป็นทักษะที่ได้มาจากกายามังกรหงส์ ด้วยวิธีนี้เขาจะได้รับผลลัพธ์ที่ไม่มีใครคาดคิดไว้ กลายเป็นไพ่ลับอีกใบหนึ่ง

“คัมภีร์หลงเฟิ่งทรงพลังจริงๆ”

แม้แต่มู่เฉินก็ยังชื่นชมในสิ่งนี้ คัมภีร์หลงเฟิ่งสมแล้วที่เป็นทักษะยอดเยี่ยมแท้จริง จากการประเมินของเขาคัมภีร์นี้ต้องอยู่ในระดับเสินทงแน่นอน ซึ่งไม่ธรรมดาแม้จะอยู่ในกลุ่มวิทยายุทธระดับเสินทงด้วย

มู่เฉินชื่นชมก่อนที่จะใจเย็นลง แม้ว่าตอนนี้จะไม่มีใครท้าทายเขา แต่เขาก็ไม่ตั้งใจที่จะท้าทายคนอื่นด้วยเช่นกัน เขายืนนิ่งบนตำแหน่งตนเองรอผลการคัดออก

สำหรับจงเถิง มู่เฉินรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นพวกยุแยงให้ลู่สุยมาปะทะกับเขา แต่เนื่องจากตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ดีในการจัดการ เขาจึงได้แต่ผลักแผนไปก่อน

แต่ถึงกระนั้นสายตาคมกล้าของมู่เฉินก็ยังจ้องเขม็งไปที่จงเถิง รอบตัวเต็มไปด้วยคลื่นหลิงราวกับเสือดาวที่กำลังจะจ้องตะครุบเหยื่ออัดแน่นด้วยภัยคุกคาม

เมื่อเห็นท่าทางของมู่เฉิน จงเถิงที่ประจันหน้ากับมั่วเฟิงก็รู้สึกอึดอัดใจ เขาต้องแยกสมาธิอยู่ตลอดเพื่อจับตามองมู่เฉิน ป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายเคลื่อนไหวมาประสานพลังกับมั่วเฟิง

ด้วยวิธีนี้สมาธิของจงเถิงจึงค่อนข้างฟุ้งซ่าน สุดท้ายเขาได้แต่กัดฟัน ถอนคลื่นหลิงและถอยออกจากบริเวณของมั่วเฟิง

“พี่มั่วยากสำหรับการต่อสู้ของเราที่จะได้ข้อสรุป ทำไมเราไม่ไปจัดการคนอื่นและรับที่นั่งมาล่ะ?” ขณะที่จงเถิงถอยกลับเสียงก็สะท้อนก้องไปด้วย

มั่วเฟิงจ้องมองจงเถิงอย่างไม่แยแสก่อนที่จะพยักหน้า นั่นเป็นเพราะเขารู้ว่าหากพวกเขายังอยู่ในสถานการณ์ยืนจ้องหน้ากันก็จะไม่เกิดผลลัพธ์ใด หากเขาร่วมมือกับมู่เฉิน พวกเขาอาจทำให้จงเถิงบ้าดีเดือดขึ้นมา แม้แต่พวกเขาก็ต้องจ่ายราคามหาศาลจากการตีโต้

ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับพวกเขาคือการได้ที่นั่งเพื่อเข้าสู่ชั้นสี่

เมื่อจงเถิงเห็นคำตอบของมั่วเฟิงก็รู้สึกโล่งใจในใจ เขาถอยกลับอย่างรวดเร็วออกจากจุดที่มู่เฉินและมั่วเฟิงอยู่ เขาครุ่นคิดสั้นๆ ก่อนจะเลือกปะทะกับคนที่อ่อนแอกว่า

พอมู่เฉินเห็นจงเถิงไปแล้วก็ไม่ได้ใส่ใจอีกต่อไป สายตาหันมามองมั่วเฟิงแล้วก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้มแสดงความขอบคุณในการช่วยเหลือครั้งนี้

สายตาของมั่วเฟิงเป็นมิตรมากขึ้น คิดว่าการที่มู่เฉินเอาชนะลู่สุย ทำให้มั่วเฟิงมองมู่เฉินในฐานะจอมยุทธ์ที่อยู่ในระดับเดียวกันกับเขา ดังนั้นจึงไม่ได้มีท่าทางเฉยเมยเหมือนเมื่อก่อน

มั่วเฟิงพยักหน้าให้มู่เฉิน ก่อนที่จะหันหลังกลับและเริ่มเลือกคู่ต่อสู้ของตนเอง

ครืน!

เมื่อทุกคนเลือกคู่ต่อสู้แล้ว ทันใดนั้นคลื่นหลิงก็ระเบิดรุนแรงบนลานเมฆสายฟ้า คลื่นกระแทกกวาดออก ทำให้มิติเกิดการสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นไม่หยุด

บนลานเมฆสายฟ้าพลังงานหลิงกวาดหายนะ มีเพียงตรงมู่เฉินเท่านั้นที่ไม่ถูกรบกวน เนื่องจากไม่มีใครกล้าเหยียบเข้ามาในรัศมีพันจั้ง ยามนี้เขาเหมือนผู้ชมที่ดูการต่อสู้ติดขอบ ในเวลาเดียวกันก็บันทึกกระบวนท่าที่ทรงพลังของบางคนไว้ในสมอง

แม้ว่าในชั้นนี้พวกเขาอาจไม่ได้ประลองกัน แต่ก็ยังมีอีกสองชั้นรอพวกเขาอยู่ ใครจะสามารถรับประกันได้ว่าจะไม่มีการลดจำนวนลงในชั้นต่อไป?

ดังนั้นถ้ามีโอกาสเขาต้องพยายามจดจำข้อมูลผู้อื่นเก็บไว้

ภายใต้การสังเกตของมู่เฉิน การประลองบนลานเมฆสายฟ้าก็คงอยู่ชั่วระยะหนึ่ง ก่อนที่แต่ละคู่จะมาถึงจุดสิ้นสุด ผลลัพธ์ก็เป็นไปตามที่คาดไว้

หลังจากมู่เฉินก็เป็นหานซันที่เอาชนะคู่ต่อสู้ได้ที่นั่งที่สองไป

จากนั้นมั่วเฟิงและจงเถิงก็คว้าชัยชนะตามมา

ที่นั่งสุดท้ายตกเป็นของสีคุนที่ก่อนหน้านี้เคยแพ้หานซันที่ด้านนอกเจดีย์ ชายนี้มีความแข็งแกร่งที่น่าตกใจ แม้แต่หานซันยังต้องใช้ทักษะเต็มที่ถึงจะได้รับชัยชนะมา

เมื่อสีคุนได้รับที่นั่งสุดท้ายลานเมฆสายฟ้าขนาดใหญ่ก็เงียบลงอีกครั้ง ร่างทั้งห้ายืนอยู่ ขณะรัศมีไร้ขอบเขตทั้งห้าสายพุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าชนกันเปรี้ยงปร้าง

ทว่าการชนกันก็ดำเนินไปเพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ ก่อนที่ทั้งห้าจะถอนคลื่นพลังพร้อมกัน พวกเขาเหลือบมองกันและกัน จากนั้นก็ไม่ลังเลทะยานออกไปปรากฏตัวบนเบาะทั้งห้า

สายตาพวกเขาพุ่งตรงไปยังมิติด้านหลังลานเมฆสายฟ้าด้วยความโลภ ตรงนั้นเส้นดาวหางจำนวนมากกวาดผ่านราวกับฝนดาวตก

ในแสงเหล่านั้นแก่นหยดสายฟ้ากำลังกะพริบด้วยความแวววาว


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท